< Return to Video

เรื่องราวส่วนที่คุณยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเดวิตและโกไลแอท

  • 0:00 - 0:02
    ผมอยากจะเล่าเรื่องสักเรื่องหนึ่ง
  • 0:02 - 0:05
    ที่ค้างคาใจผมมากระหว่าง ที่ผมเขียนหนังสือเล่มใหม่
  • 0:05 - 0:09
    เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น
  • 0:09 - 0:10
    สามพันปีมาแล้ว
  • 0:10 - 0:14
    เมื่อราชอาณาจักรอิสราเอลยังเป็นรัฐเกิดใหม่
  • 0:14 - 0:16
    เรื่องเกิดขึ้นในพื้นที่ที่เรียกว่าเชฟเฟลา
  • 0:16 - 0:19
    ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศอิสราเอล
  • 0:19 - 0:21
    เหตุที่เรื่องนี้ค้างคาใจผมก็เพราะ
  • 0:21 - 0:24
    ผมคิดว่าผมเข้าใจมันดีแล้ว แต่พอมาคิดดูอีกที
  • 0:24 - 0:28
    ผมถึงตระหนักว่าผมไม่เข้าใจมันเลยสักนิด
  • 0:28 - 0:32
    รัฐปาเลสไตน์สมัยโบราณมีแนวเทือกเขา
  • 0:32 - 0:34
    ยาวตลอดชายแดนตะวันออก
  • 0:34 - 0:36
    ซึ่งก็คืออิสราเอลในปัจจุบัน
  • 0:36 - 0:40
    บนเทือกเขานั้นมีเมืองเก่าแก่ตั้งอยู่หลายเมือง
  • 0:40 - 0:43
    เช่น เยรูซาเล็ม เบธเลเฮม เฮบรอน
  • 0:43 - 0:47
    แล้วก็มีที่ราบชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน
  • 0:47 - 0:49
    ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุง เทล อาวีฟในปัจจุบัน
  • 0:49 - 0:53
    และพื้นที่ที่เชื่อมต่อระหว่างเทือกเขา
    และที่ราบชายฝั่งนี้
  • 0:53 - 0:54
    คือพื้นที่ที่เรียกว่าเชฟเฟลา
  • 0:54 - 0:59
    ซึ่งเป็นที่ราบสลับเนินเขา
    ทอดยาวจากตะวันออกถึงตะวันตก
  • 0:59 - 1:02
    คุณสามารถเดินตามแนวเซฟเฟลา
  • 1:02 - 1:05
    จากที่ราบริมทะเล ผ่านไปถึงแนวเทือกเขาได้
  • 1:05 - 1:06
    และเชฟเฟลานั้น ถ้าคุณเคยไปอิสราเอล
  • 1:06 - 1:09
    จะรู้ว่ามันเป็นจุดที่สวยที่สุดของอิสราเอล
  • 1:09 - 1:12
    มันงดงามไปด้วยป่าต้นโอ๊ค
  • 1:12 - 1:14
    ทุ่งข้าวสาลี และไร่องุ่น
  • 1:14 - 1:18
    แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ในประวัติศาสตร์
  • 1:18 - 1:21
    พื้นที่ตรงนี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์มาก
  • 1:21 - 1:24
    เพราะมันเป็นช่องทางที่กองทัพของศัตรู
  • 1:24 - 1:27
    จากที่ราบริมชายฝั่ง ใช้เดินทางเข้ามา
  • 1:27 - 1:30
    ประชิดภูเขา และรุกรานผู้คนที่อยู่บนภูเขาได้
  • 1:30 - 1:34
    และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามพันปีที่แล้ว
  • 1:34 - 1:38
    ชาวฟิลิสทีน ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญที่สุด
  • 1:38 - 1:39
    ของราชอาณาจักรอิสราเอล
  • 1:39 - 1:41
    อาศัยอยู่บนที่ราบชายฝั่ง
  • 1:41 - 1:44
    พวกเขาเป็นนักเดินเรือ มาจากเกาะครีตของกรีก
  • 1:44 - 1:47
    แล้วก็คงเริ่มเดินทาง
  • 1:47 - 1:49
    ผ่านหุบเขาแห่งหนึ่งในเชฟเฟลา
  • 1:49 - 1:50
    ขึ้นไปบนภูเขา
  • 1:50 - 1:52
    เพราะพวกเขาต้องการยึดครองพื้นที่ราบสูง
  • 1:52 - 1:56
    ตรงข้างกรุงเบธเลเฮม
    และแบ่งแยกราชอาณาจักรอิสราเอลเป็นสองส่วน
  • 1:56 - 2:00
    ราชอาณาจักรอิสราเอล
    ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์นามว่าซอล
  • 2:00 - 2:01
    ได้ข่าวนี้
  • 2:01 - 2:04
    ซอลจึงนำกองทัพลงมาจากภูเขา
  • 2:04 - 2:08
    และเผชิญหน้ากับพวกฟิลิสทีนที่หุบเขาอีลาห์
  • 2:08 - 2:10
    หนึ่งในหุบเขาที่สวยงานที่สุดในเขตเชฟเฟลา
  • 2:10 - 2:13
    พวกอิสราเอลตั้งมั่นอยู่ตามแนวเขาด้านเหนือ
  • 2:13 - 2:17
    ส่วนพวกฟิลิสทีนก็ตั้งมั่นอยู่ตามแนวเขาด้านใต้
  • 2:17 - 2:20
    กองทัพทั้งสองปักหลักอยู่ตรงนั้นหลายสัปดาห์
  • 2:20 - 2:22
    จับจ้องกันไปมา เพราะต่างก็ทำอะไรกันไม่ได้
  • 2:22 - 2:25
    ไม่มีฝ่ายไหนเข้าโจมตีก่อนได้
  • 2:25 - 2:28
    เพราะถ้าจะโจมตีก่อน
    ก็ต้องลงจากเขาไปที่หุบเขา
  • 2:28 - 2:31
    แล้วขึ้นไปยังเขาอีกด้านหนึ่ง
    ซึ่งต้องกลายเป็นเป้าให้ศัตรูเห็นแน่ๆ
  • 2:31 - 2:33
    ในที่สุด เพื่อปลดล็อกสถานการณ์์นี้
  • 2:33 - 2:36
    ฝ่ายฟิลิสทีนจึงส่งนักรบที่ทรงพลังที่สุด
  • 2:36 - 2:38
    ลงมาที่ก้นหุบเขา และร้องท้าทาย
  • 2:38 - 2:40
    เขาบอกพวกอิสราเอลว่า
  • 2:40 - 2:43
    "ส่งนักรบที่ทรงพลังที่สุดของเจ้าลงมา
  • 2:43 - 2:45
    ลงมาสู้กับข้าตัวต่อตัว"
  • 2:45 - 2:48
    นี่เป็นธรรมเนียมการสงครามโบราณที่เรียกว่า
    การรบตัวต่อตัว
  • 2:48 - 2:50
    ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้ง
  • 2:50 - 2:54
    โดยไม่ต้องให้เกิดการนองเลือด
    ในการรบเต็มรูปแบบ
  • 2:54 - 2:57
    และนักรบชาวฟิลิสทีนที่ถูกส่งลงมา
  • 2:57 - 2:59
    เป็นยักษ์ผู้ทรงพลัง
  • 2:59 - 3:01
    เขาสูง 205 เซนติเมตร
  • 3:01 - 3:06
    ใส่ชุดนักรบทำด้วยทองแดง
    มันวาวตั้งแต่หัวจรดเท้า
  • 3:06 - 3:09
    เขามีดาบ มีแหลน
  • 3:09 - 3:12
    และหอกด้วย เขาดูน่าหวาดกลัวสุดๆ
  • 3:12 - 3:16
    จนไม่มีทหารอิสราเอลคนไหนอยากไปสู้ด้วย
  • 3:16 - 3:21
    หาเรื่องตายชัดๆ ใช่ไหมครับ
    ไม่มีทางจะไปสู้ได้เลย
  • 3:21 - 3:23
    และในที่สุด คนเพียงคนเดียวที่อาสา
  • 3:23 - 3:26
    ก็คือเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง
  • 3:26 - 3:28
    เขาเข้ามาหากษัตริย์ซอลแล้วบอกว่า
    "ข้าจะไปสู้กับมันเอง"
  • 3:28 - 3:31
    ซอลร้องว่า "เจ้าสู้มันไม่ได้หรอก ไร้สาระน่ะ
  • 3:31 - 3:34
    เจ้ามันแค่เด็ก แต่นั่นมันเป็นนักรบจอมพลังนะ"
  • 3:34 - 3:36
    แต่เจ้าเด็กเลี้ยงแกะยืนกราน
    เขาพูดว่า "ไม่ ไม่ ไม่
  • 3:36 - 3:39
    ท่านไม่เข้าใจ ข้าปกป้องฝูงแกะของข้า
  • 3:39 - 3:43
    จากสิงโตและหมาป่ามาตั้งหลายปี
    ข้าว่าข้าทำได้"
  • 3:43 - 3:47
    ซอลไม่มีทางเลือกอื่น เพราะไม่ใครอาสาเลย
  • 3:47 - 3:48
    เขาเลยบอกว่า "ก็ได้"
  • 3:48 - 3:49
    แล้วจึงหันไปหาเด็กน้อย และพูดว่า
  • 3:49 - 3:53
    "แต่เจ้าต้องใส่ชุดเกราะนี่ซะ
    ออกไปอย่างนี้ไม่ได้หรอก"
  • 3:53 - 3:55
    ซอลพยายามยัดเยียด
    ชุดเกราะของเขาให้เด็กเลี้ยงแกะ
  • 3:55 - 3:56
    เด็กเลี้ยงแกะตอบว่า "ไม่"
  • 3:56 - 3:59
    "ข้าใส่ชุดพวกนี้ไม่ได้หรอก"
  • 3:59 - 4:03
    ในไบเบิลเขียนว่า
    "ข้ามิอาจสวม เพราะมิเคยทดลองใส่"
  • 4:03 - 4:06
    แปลว่า "ข้าไม่เคยใส่ชุดเกราะมาก่อน
    ท่านเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย"
  • 4:06 - 4:09
    แล้วเขาก็เอื้อมมือ
  • 4:09 - 4:10
    ไปเก็บหินห้าก้อนบนพื้น
  • 4:10 - 4:13
    เอาใส่ย่ามของเขา
  • 4:13 - 4:17
    แล้วเริ่มเดินลงจากเขา ไปเผชิญหน้ายักษ์ใหญ่
  • 4:17 - 4:20
    เจ้ายักษ์เห็นมีใครเดินใกล้เข้ามา
  • 4:20 - 4:23
    ก็ตะโกนออกไปว่า "เข้ามาหาข้าสิ ข้าจะได้ฉีกเนื้อเจ้า
  • 4:23 - 4:27
    เลี้ยงวิหคแห่งสวรรค์ และสัตว์ร้ายแห่งท้องทุ่ง"
  • 4:27 - 4:30
    เจ้ายักษ์ร้องข่มขู่คนคนนี้
  • 4:30 - 4:32
    ที่กำลังจะเข้ามาต่อสู้กับเขา
  • 4:32 - 4:35
    เด็กเลี้ยงแกะเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
  • 4:35 - 4:38
    เจ้ายักษ์ถึงได้เห็นว่าเขาถือของมาอย่างหนึ่ง
  • 4:38 - 4:39
    แค่นั้นเอง
  • 4:39 - 4:41
    แทนที่จะเป็นอาวุธ
    กลับมีแต่ข้าวของของเด็กเลี้ยงแกะ
  • 4:41 - 4:44
    เขารู้สึกถูกดูถูก เลยพูดว่า
  • 4:44 - 4:47
    "เห็นข้าเป็นสุนัขหรือไง ถึงได้ถือไม้พวกนั้นมาสู้กับข้า?"
  • 4:47 - 4:50
    เด็กเลี้ยงแกะหยิบหินก้อนหนึ่ง
  • 4:50 - 4:54
    ออกมาจากกระเป๋า ใส่ห่วงเชือก
  • 4:54 - 4:56
    ควงมันไปรอบๆ แล้วปล่อยให้ลอยไป
  • 4:56 - 4:58
    ก้อนหินพุ่งเข้าโดนตรงระหว่างตาของเจ้ายักษ์
  • 4:58 - 5:00
    ตรงนี้ ตรงจุดที่เปราะบางที่สุด
  • 5:00 - 5:04
    เจ้ายักษ์จึงล้มลง อาจจะตาย หรือหมดสติ
  • 5:04 - 5:06
    เด็กเลี้ยงแกะจึงวิ่งไปคว้าดาบของเจ้ายักษ์
  • 5:06 - 5:08
    และตัดหัวยักษ์จนขาด
  • 5:08 - 5:13
    พวกฟิลิสทีนเห็นเหตุการณ์แล้ว
    ก็หันหลังกลับ วิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปเลย
  • 5:13 - 5:18
    และแน่นอน ยักษ์ตัวนั้นชื่อโกไลแอท
  • 5:18 - 5:20
    ส่วนเด็กเลี้ยงแกะนั้นก็คือเดวิด
  • 5:20 - 5:23
    เหตุที่เรื่องนี้ค้างคาใจผม
  • 5:23 - 5:25
    ตลอดเวลาที่ผมเขียนหนังสือเล่มล่าสุด
  • 5:25 - 5:28
    ก็เพราะทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ผมคิดว่าผมรู้แล้ว
  • 5:28 - 5:31
    ที่จริงมันผิดหมด
  • 5:31 - 5:35
    อย่างเดวิดในเรื่องนี้ดูน่าจะเป็นรองใช่ไหมครับ
  • 5:35 - 5:37
    ที่จริง วลีว่า เดวิดกับโกไลแอท
  • 5:37 - 5:40
    ที่เรานำมาใช้กันในภาษาอังกฤษ เป็นอุปมาถึง
  • 5:40 - 5:41
    ชัยชนะที่ไม่น่าเป็นไปได้
  • 5:41 - 5:44
    เมื่อฝ่ายที่อ่อนแอกว่าชนะฝ่ายที่แข็งแรงกว่ามาก
  • 5:44 - 5:46
    ทีนี้ ทำไมเราถึงมองว่าเดวิดเป็นไก่รองบ่อน
  • 5:46 - 5:50
    เราเรียกเขาว่าไก่รองบ่อนเพราะเขาเป็นเด็ก
  • 5:50 - 5:53
    เด็กตัวเล็กๆ ส่วนโกไลแอทนั้นเป็นยักษ์ตัวใหญ่ แข็งแรง
  • 5:53 - 5:55
    เราเรียกเขาว่าไก่รองบ่อน
  • 5:55 - 5:59
    เพราะโกไลแอทเป็นนักรบผู้ช่ำชอง
  • 5:59 - 6:01
    ส่วนเดวิดเป็นแค่เด็กเลี้ยงแกะ
  • 6:01 - 6:03
    แต่ที่สำคัญที่สุด เราเรียกเขาว่าไก่รองบ่อน
  • 6:03 - 6:08
    เพราะเขาไม่มีอะไรเลย แต่โกไลแอท
  • 6:08 - 6:10
    มีสรรพาวุธทันสมัยครบครัน
  • 6:10 - 6:12
    เขาสวมเสื้อเกราะเงาวับ
  • 6:12 - 6:16
    มีดาบ แหลน และหอก
  • 6:16 - 6:20
    ส่วนเดวิดมีแค่ห่วงเชือกสำหรับขว้างก้อนหิน
  • 6:20 - 6:21
    เอาล่ะ เรามาเริ่มจากประโยคที่ว่า
  • 6:21 - 6:24
    "เดวิดมีแค่ห่วงเชือกสำหรับขว้างก้อนหิน"
  • 6:24 - 6:27
    เพราะนั่นคือความผิดพลาดข้อแรกของเรา
  • 6:27 - 6:30
    ในสงครามสมัยโบราณ มีนักรบอยู่สามประเภท
  • 6:30 - 6:34
    หนึ่งคือทหารม้า ซึ่งอยู่บนหลังม้า หรือนั่งรถศึกเทียมม้า
  • 6:34 - 6:37
    สองคือทหารราบถืออาวุธหนัก ซึ่งเดินเท้า
  • 6:37 - 6:40
    ถืออาวุธจำพวกดาบและโล่
  • 6:40 - 6:41
    และชุดเกราะ
  • 6:41 - 6:45
    พวกที่สามคือทหารที่ใช้อาวุธระยะไกล นั่นคือพลธนู
  • 6:45 - 6:47
    แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั่นคือ นักขว้าง
  • 6:47 - 6:50
    ทหารนักขว้างมีถุงหนังเล็กๆ
  • 6:50 - 6:53
    ที่มีเชือกยาวๆ ผูกอยู่สองข้าง
  • 6:53 - 6:56
    เอากระสุน เช่น ก้อนหินหรือลูกบอลตะกั่ว
  • 6:56 - 6:59
    ใส่ไว้ในถุง แล้วเหวี่ยงเชือกเป็นวงกลมแบบนี้
  • 6:59 - 7:02
    แล้วปล่อยปลายเชือกด้านหนึ่ง
  • 7:02 - 7:05
    ส่งให้กระสุนพุ่งไปข้างหน้า
  • 7:05 - 7:09
    เข้าสู่เป้าหมาย
  • 7:09 - 7:11
    นั่นคืออาวุธที่เดวิดมี และเราต้องเข้าใจนะครับ
  • 7:11 - 7:14
    ว่าห่วงเชือกสำหรับขว้างหินนั้น ไม่ใช่หนังสติ๊ก
  • 7:14 - 7:17
    มันไม่ใช่ของเล่นเด็กนะ ใช่ไหมครับ
  • 7:17 - 7:21
    มันเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้าง
    อย่างเหลือเชื่อ
  • 7:21 - 7:24
    เมื่อเดวิดเหวี่ยงห่วงเชือกแบบนี้
  • 7:24 - 7:27
    เขาน่าจะเหวี่ยงมันด้วยความเร็ว
  • 7:27 - 7:30
    ราวๆ หกหรือเจ็ดรอบต่อวินาที
  • 7:30 - 7:33
    หมายความว่า เมื่อก้อนหินถูกปล่อยออกมา
  • 7:33 - 7:36
    มันพุ่งออกมาด้วยความเร็วสูงมาก
  • 7:36 - 7:37
    อาจจะ 35 เมตรต่อวินาที
  • 7:37 - 7:41
    ซึ่งเร็วกว่าลูกเบสบอลที่ขว้างโดย
  • 7:41 - 7:45
    นักเบสบอลในตำแหน่งมือขว้างที่ดีที่สุดมากทีเดียว
  • 7:45 - 7:49
    ยิ่งกว่านั้น ก้อนหินในหุบเขาอีลาห์
  • 7:49 - 7:51
    ก็ไม่ใช่หินธรรมดา มันเป็นแบเรียมซัลเฟต
  • 7:51 - 7:54
    ซึ่งมีความหนาแน่นกว่าหินธรรมดาสองเท่า
  • 7:54 - 7:57
    ถ้าคุณคำนวนการเคลื่อนที่ของกระสุน
  • 7:57 - 8:01
    หินที่เดวิดขว้างออกมาจากห่วงเชือกนั้น
  • 8:01 - 8:03
    มีอำนาจหยุดยั้งเท่ากับ
  • 8:03 - 8:07
    ปืนพกขนาดลำกล้อง .45
  • 8:07 - 8:10
    นี่เป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างเหลือเชื่อ
  • 8:10 - 8:14
    ส่วนความแม่นยำ เรารู้จากบันทึกทางประวัติศาสตร์
  • 8:14 - 8:19
    ว่านักขว้างที่ชำนาญสามารถยิง
  • 8:19 - 8:25
    และทำให้ศัตรูบาดเจ็บสาหัสหรือตายได้
    จากระยะไกลถึง 200 หลา
  • 8:25 - 8:28
    เราเห็นจากผ้าม่านทอลายบันทึกเหตุการณ์สมัยยุคกลาง
  • 8:28 - 8:30
    ว่านักขว้างสามาถยิงนกที่กำลังบินได้
  • 8:30 - 8:33
    พวกเขายิงได้แม่นเหลือเชื่อ
  • 8:33 - 8:36
    เมื่อเดวิดเดินเข้าหาโกไลแอท เขาไม่ได้ห่างถึง 200 หลา
  • 8:36 - 8:38
    เขาอยู่ใกล้โกไลแอทมาก
  • 8:38 - 8:41
    ตอนที่เขาเดินเข้าหาแล้วยิงโกไลแอท
  • 8:41 - 8:44
    เขาตั้งใจและมุ่งหวังเต็มที่
  • 8:44 - 8:47
    ว่าจะยิงโกไลแอทตรงจุดที่เปราะบางที่สุด
  • 8:47 - 8:48
    ระหว่างดวงตาทั้งสองของโกไลแอท
  • 8:48 - 8:50
    ถ้าคุณกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์การรบสมัยโบราณ
  • 8:50 - 8:53
    คุณจะพบ ว่าครั้งแล้วครั้งเล่า
  • 8:53 - 8:57
    นักขว้างเป็นตัวชี้ขาดชัยชนะเหนือกองทหารราบ
  • 8:57 - 9:02
    ในการรบบางรูปแบบเลยทีเดียว
  • 9:02 - 9:06
    แล้วโกไลแอทล่ะ เขาเป็นทหารราบถืออาวุธหนัก
  • 9:06 - 9:11
    ตอนเขาท้ารบตัวต่อตัวกับพวกอิสราเอล เขาก็คาดหวังว่า
  • 9:11 - 9:15
    จะต่อสู้กับทหารราบถืออาวุธหนักเช่นกัน
  • 9:15 - 9:17
    ตอนเขาพูดว่า "เข้ามาหาข้าสิ ข้าจะได้ฉีกเนื้อเจ้า
  • 9:17 - 9:20
    เลี้ยงวิหคแห่งสวรรค์ และสัตว์ร้ายแห่งท้องทุ่ง"
  • 9:20 - 9:22
    ประโยคหลักคือ "เข้ามาหาข้าสิ"
  • 9:22 - 9:24
    เข้ามาหาข้า เราจะได้สู้กัน
  • 9:24 - 9:26
    ในระยะประชิดตัวแบบนี้
  • 9:26 - 9:28
    กษัตริย์ซอลก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน
  • 9:28 - 9:31
    พอเดวิดพูดว่า "ข้าอยากไปสู้กับโกไลแอท"
  • 9:31 - 9:33
    ซอลก็พยายามยัดเยียดเสื้อเกราะให้เขาใส่
  • 9:33 - 9:35
    เพราะซอลคิดว่า "อ้อ ที่บอกว่า 'สู้กับโกไลแอท'
  • 9:35 - 9:39
    เจ้าหมายถึง 'สู้แบบประชิดตัว'
  • 9:39 - 9:41
    ระหว่างทหารราบกับทหารราบ"
  • 9:41 - 9:44
    แต่เดวิดไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย
  • 9:44 - 9:46
    เขาไม่ได้คิดจะสู้กับโกไลแอทด้วยวิธีนั้น
    จะทำแบบนั้นไปทำไมล่ะ
  • 9:46 - 9:49
    เขาเป็นเด็กเลี้ยงแกะ
    ตลอดชีวิตที่ผ่านมา
  • 9:49 - 9:53
    เขาใช้ห่วงเชือกแบบนี้
    ปกป้องฝูงแกะของเขาจากสิงโตและหมาป่า
  • 9:53 - 9:55
    นั่นคือจุดแข็งของเขา
  • 9:55 - 9:58
    สรุปว่า นี่คือเด็กเลี้ยงแกะผู้เชี่ยวชาญ
  • 9:58 - 10:00
    ในการใช้อาวุธสังหารร้ายแรง
  • 10:00 - 10:02
    ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับยักษ์ปักหลั่น
  • 10:02 - 10:05
    ที่สวมเสื้อเกราะหนักเป็นร้อยปอนด์
  • 10:05 - 10:07
    และยังถึงอาวุธหนักๆ พวกนี้
  • 10:07 - 10:10
    ที่มีประโยชน์ในการรบระยะประชิดตัวเท่านั้น
  • 10:10 - 10:15
    โกไลแอทก็เลยเหมือนเป้านิ่ง เขาไม่มีโอกาสชนะเลย
  • 10:15 - 10:18
    แล้วทำไมเราถึงเรียกเดวิดว่าไก่รองบ่อน
  • 10:18 - 10:23
    ทำไมเรายังมองว่าชัยชนะของเขา
    เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
  • 10:23 - 10:26
    ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ
  • 10:26 - 10:30
    นั่นคือ เราไม่เพียงเข้าใจผิดเกี่ยวกับเดวิด
  • 10:30 - 10:32
    และอาวุธที่เขาเลือกใช้
  • 10:32 - 10:35
    แต่เรายังเข้าใจผิดสุดๆ เกี่ยวกับโกไลแอทด้วย
  • 10:35 - 10:38
    โกไลแอทไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราเห็น
  • 10:38 - 10:42
    ในคัมภีร์ไบเบิลซ่อนนัยยะเรื่องนี้ไว้มากมาย
  • 10:42 - 10:45
    ซึ่งมองย้อนกลับไปแล้วน่าพิศวง
  • 10:45 - 10:49
    และไม่เข้ากับภาพลักษณ์นักรบจอมพลังคนนี้เลย
  • 10:49 - 10:52
    เริ่มจากที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่าโกไลแอท
  • 10:52 - 10:56
    มีคนช่วยนำทางลงไปที่หุบเขา
  • 10:56 - 10:58
    แปลกไหมล่ะครับ
  • 10:58 - 11:00
    นักรบจอมพลังคนนี้
  • 11:00 - 11:03
    ท้าพวกอิสราเอลมาสู้กันตัวต่อตัว
  • 11:03 - 11:06
    ทำไมเขาต้องมีคนนำทาง
  • 11:06 - 11:09
    ซึ่งอาจจะเป็นแค่เด็กหนุ่ม
  • 11:09 - 11:11
    คอยจูงเขาลงไปที่สนามรบ
  • 11:11 - 11:16
    ข้อสอง เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลยังเน้นด้วยว่า
  • 11:16 - 11:19
    โกไลแอทเคลื่อนไหวช้าเพียงใด
  • 11:19 - 11:21
    ซึ่งเป็นเรื่องแปลกอีกอย่างเมื่อคุณพูดถึง
  • 11:21 - 11:25
    นักรบผู้ทรงพลังที่สุดที่มนุษย์สมัยนั้นเคยรู้จัก
  • 11:25 - 11:27
    แล้วยังมีความประหลาดตรงที่
  • 11:27 - 11:31
    เวลาผ่านไปนานมาก
    กว่าโกไลแอทจะตอบสนอง
  • 11:31 - 11:33
    ต่อการปรากฏตัวของเดวิด
  • 11:33 - 11:35
    คิดดูสิครับ เดวิดเดินลงเขามา
  • 11:35 - 11:39
    ดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้เตรียมมาต่อสู้ในระยะประชิด
  • 11:39 - 11:41
    ไม่มีอะไรบนตัวเขาที่บ่งบอกเลยว่า
  • 11:41 - 11:43
    "ข้าจะสู้กับเจ้าในระยะประชิดแบบนี้"
  • 11:43 - 11:45
    เขาไม่ได้ถือดาบมาเลยด้วยซ้ำ
  • 11:45 - 11:48
    ทำไมโกไลแอทไม่เอะใจกับเรื่องพวกนี้
  • 11:48 - 11:52
    เหมือนเขาไม่รับรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้น
  • 11:52 - 11:56
    แล้วก็ยังมีคำพูดแปลกๆ ของเขาที่พูดกับเดวิดอีก
  • 11:56 - 12:00
    "เห็นข้าเป็นสุนัขหรือไง ถึงได้ถือไม้พวกนั้นมาสู้กับข้า?"
  • 12:00 - 12:04
    ไม้ "พวกนั้น" เหรอครับ แต่เดวิดมีไม้อันเดียวนี่นา
  • 12:04 - 12:06
    ปรากฏว่า ต่อมาก็มีข้อสันนิษฐานมากมาย
  • 12:06 - 12:09
    ในวงการแพทย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
  • 12:09 - 12:12
    ว่าอาจมีภาวะบางอย่าง
  • 12:12 - 12:15
    ที่ผิดปกติในตัวโกไลแอท
  • 12:15 - 12:18
    เพื่อพยายามทำความเข้าใจเรื่องแปลกๆ เหล่านี้
  • 12:18 - 12:19
    มีบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายชิ้น
  • 12:19 - 12:23
    ชิ้นแรกพิมพ์เมื่อปี คศ. 1960
    ในวารสาร Indiana Medical Journal
  • 12:23 - 12:26
    ซึ่งก่อให้เกิดข้อสงสัยตามมาเป็นลูกโซ่
  • 12:26 - 12:29
    โดยเริ่มจากคำอธิบายเรื่องความสูงของโกไลแอท
  • 12:29 - 12:32
    โกไลแอทสูงจนหัวและไหล่ของเขา
  • 12:32 - 12:34
    อยู่สูงพ้นหัวเพื่อนทุกคนในสมัยนั้น
  • 12:34 - 12:38
    โดยปกติหากใครสูงกว่า
    ค่าเฉลี่ยของคนธรรมดามากขนาดนั้น
  • 12:38 - 12:39
    ก็มีคำอธิบายอยู่อย่างหนึ่ง
  • 12:39 - 12:43
    คนที่กลายเป็นยักษ์ส่วนใหญ่
  • 12:43 - 12:45
    มีภาวะผิดปกติที่เรียกว่า
    อะโครเมกาลี (acromegaly)
  • 12:45 - 12:48
    ซึ่งเป็นผลมาจากเนื้องอก
  • 12:48 - 12:51
    ที่ต่อมใต้สมอง (pituitary gland)
  • 12:51 - 12:54
    ทำให้ร่างกายผลิตโกรท ฮอร์โมน (growth hormone)
    มากเกินไป
  • 12:54 - 12:57
    ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์ยักษ์ที่มีชื่อเสียงส่วนมาก
  • 12:57 - 12:59
    ล้วนมีภาวะอะโครเมกาลี
  • 12:59 - 13:01
    คนที่สูงที่สุดตลอดกาล
  • 13:01 - 13:02
    คือชายชื่อโรเบิร์ต วัดโลว์ (Robert Wadlow)
  • 13:02 - 13:06
    ซึ่งยังไม่หยุดสูงเลยตอนที่เขาเสียชีวิตเมื่ออายุ 24
  • 13:06 - 13:08
    ตอนนั้นเขาสูง 8 ฟุต 11 นิ้วแล้ว
  • 13:08 - 13:10
    เขาเป็นโรคอะโครเมกาลี
  • 13:10 - 13:12
    คุณจำนักมวยปล้ำชื่ออังเดร์ เดอะ ไจแอนท์
    (André the Giant) ได้ไหม
  • 13:12 - 13:14
    เขาโด่งดัง และเขาก็เป็นอะโครเมกาลี
  • 13:14 - 13:19
    บางคนยังสังนิษฐานด้วยว่า
    อับราฮัม ลินคอล์นก็เป็นอโครเมกาลี
  • 13:19 - 13:20
    ใครก็ตามที่สูงผิดปกติ
  • 13:20 - 13:22
    เราจะคิดถึงคำอธิบายนี้เป็นข้อแรก
  • 13:22 - 13:26
    และภาวะอะโครเมกาลี
    ก็มีผลข้างเคียงที่ชัดเจนหลายอย่าง
  • 13:26 - 13:28
    ตามมาด้วย
  • 13:28 - 13:31
    หลักๆ ก็เกี่ยวกับสายตา
  • 13:31 - 13:34
    เมื่อเนื้องอกที่ต่อมใต้สมองโตขึ้น
  • 13:34 - 13:39
    มันมักเริ่มไปกดทับเส้นประสาทการมองเห็นในสมอง
  • 13:39 - 13:41
    ผลก็คือ คนที่มีภาวะอะโครเมกาลี
  • 13:41 - 13:47
    มองเห็นภาพซ้อน หรือไม่ก็สายตาสั้นสุดๆ
  • 13:47 - 13:49
    เมื่อผู้คนเริ่มตั้งข้อสงสัย
  • 13:49 - 13:52
    เกี่ยวกับความผิดปกติในตัวโกไลแอท
  • 13:52 - 13:53
    เขาเริ่มพูดกันว่า "เอ เดี๋ยวนะ
  • 13:53 - 13:56
    ฟังๆ ดูแล้ว เขาเหมือนคนที่เป็น
  • 13:56 - 13:58
    โรคอะโครเมกาลีมากเลย"
  • 13:58 - 14:01
    ซึ่งนั่นจะช่วยอธิบายพฤติกรรมแปลกๆ
  • 14:01 - 14:03
    ของเขาในวันนั้นได้
  • 14:03 - 14:05
    ทำไมเขาเดินช้านัก
  • 14:05 - 14:08
    และต้องมีคนคอยจูง
  • 14:08 - 14:10
    ลงไปที่หุบเขา
  • 14:10 - 14:13
    เพราะเขาเดินไปเองไม่ได้ไง
  • 14:13 - 14:16
    ทำไมเขาเห็นเดวิดแล้วไม่เอะใจเลย
  • 14:16 - 14:19
    ว่าเดวิตไม่ได้มาสู้กับเขาในระยะประชิดตัว
  • 14:19 - 14:21
    จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย
  • 14:21 - 14:23
    เพราะเขามองไม่เป็นไง
  • 14:23 - 14:27
    ตอนเขาพูดว่า "เข้ามาหาข้าสิ ข้าจะได้ฉีกเนื้อเจ้า
  • 14:27 - 14:29
    เลี้ยงวิหคแห่งสวรรค์ และสัตว์ร้ายแห่งท้องทุ่ง"
  • 14:29 - 14:34
    ประโยคที่ว่า "เข้ามาหาข้าสิ"
    บอกเป็นนัยถึงจุดอ่อนของเขา
  • 14:34 - 14:37
    มาหาข้าสิ เพราะข้ามองไม่เห็นเจ้า
  • 14:37 - 14:42
    แล้วยังมีที่เขาพูดว่า "เห็นข้าเป็นสุนัขหรือไง
    ถึงได้ถือไม้พวกนั้นมาสู้กับข้า?"
  • 14:42 - 14:47
    เขามองเห็นแท่งไม้สองอัน
    แต่จริงๆ เดวิดมีแท่งไม้อันเดียว
  • 14:47 - 14:50
    พวกอิสราเอลอยู่บนเขา
  • 14:50 - 14:53
    มองลงมาเห็นโกไลแอทก็นึกว่า
  • 14:53 - 14:56
    เขาเป็นศัตรูที่ทรงพลัง
  • 14:56 - 14:58
    แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือ
  • 14:58 - 15:01
    สิ่งที่ทำให้โกไลแอทมีพลังหรือจุดแข็ง
  • 15:01 - 15:05
    ขณะเดียวกันก็ทำให้เขามีจุดอ่อนที่ร้ายแรงด้วย
  • 15:05 - 15:07
    ผมคิดว่าเรื่องนี้
  • 15:07 - 15:10
    ให้บทเรียนสำคัญแก่พวกเรา คือ
  • 15:10 - 15:14
    พวกยักษ์ไม่ได้แข็งแรงและทรงพลังอย่างภาพที่เราเห็น
  • 15:14 - 15:17
    และบางที เด็กเลี้ยงแกะก็มีอาวุธดีๆ อยู่ในกระเป๋า
  • 15:17 - 15:19
    ขอบคุณครับ
  • 15:19 - 15:23
    (เสียงปรบมือ)
Title:
เรื่องราวส่วนที่คุณยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเดวิตและโกไลแอท
Speaker:
มัลคอล์ม แกลดเวลล์ (Malcolm Gladwell)
Description:

จากตำนานเรื่องของไก่รองบ่อน เดวิด เด็กหนุ่มเลี้ยงแกะที่มีอาวุธเพียงแค่ห่วงเชือกสำหรับขว้างก้อนหิน ซึ่งล้มโกไลแอท นักรบผู้ทรงพลังได้ ตำนานเรื่องนี้แผ่ขยายจากคัมภีร์ไบเบิลมาเป็นคำเรียกชัยชนะที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่มัลคอล์ม แกลดเวลล์ตั้งคำถามว่า เรื่องราวของเดวิดกับโกไลแอทเป็นอย่างที่เราเคยได้ยินมาจริงๆ หรือ

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
15:40
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The unheard story of David and Goliath
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for The unheard story of David and Goliath
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for The unheard story of David and Goliath
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The unheard story of David and Goliath
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The unheard story of David and Goliath
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The unheard story of David and Goliath
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The unheard story of David and Goliath
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The unheard story of David and Goliath
Show all
  • พี่ทิพ :)
    ชอบอันเดียวกับโน้ตเลยค่ะ เสร็จแล้วโน้ตขอรีวิวนะคะ ถ้ายังไม่มีใครมาจองน้าาาาาา ><

    คิดถึงงานแปลของพี่ค่ะ
    โน้ต

  • Lovely translation as always ka. I made only minor changes. Could you please let me know if you are ok with this draft or wish to amend anything na ka :)

Thai subtitles

Revisions