-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
กลับมาอีกครั้งนะคะกับซีรีส์ที่ทุกคน
รอคอยกันมาอย่างแสนนานค่ะ
-
และเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่มีคนเรียกร้องเยอะที่สุดเลยนะ
-
ก็คือซีรีส์ดราม่าระดับเทพนั่นเองค่ะ
-
และดราม่าระดับเทพในวันนี้
-
เป็นเทพที่ทุกคนชอบมากนะคะ นั่นก็คือเทพกรีกนั่นเอง
-
ที่สำคัญนะบอกเลยว่าเรื่องวันนี้แซ่บมาก
เพราะว่ามันดราม่าจริงๆ
-
เป็นเรื่องรักสามเส้าระหว่างเทพเหรอ ก็ไม่ใช่
-
ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นอะไรดี
-
แถมที่สำคัญนะ มันเป็นที่มาของต้นไม้ชนิดนึงด้วยค่ะ
-
เห็นสีเสื้อวิวตอนนี้น่าจะพอเดากันได้
-
เปล่า ไม่ได้เดาได้เพราะสีเสื้อหรอก
คือพยายามหาสีที่มันอ่อนกว่านี้แล้วแต่มันไม่มีนะคะ
-
มีแต่เสื้อสีนี้
-
ทุกคนเดาได้เพราะว่าเห็นชื่อคลิปแล้วใช่มั้ย
-
เรื่องราวของเราในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับต้นมิ้นท์ค่ะ
-
งงมะ ต้นมิ้นท์ ต้นไม้หอมๆที่เรา
เอาไว้ใส่เครื่องดื่ม เอาไว้วางบนขนมอะไรต่างๆ
-
มันจะไปเป็นดราม่าได้ยังไงนะคะ
-
ก็เดี๋ยวรอมาฟังกันค่ะ
-
แต่ก่อนอื่นนะคะ
ก่อนที่เราจะฟังไปเรื่องราวของต้นมิ้นท์กัน
-
อย่าลืมติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ
-
เพราะว่าในแต่ละช่องทางนี่ก็มีเนื้อหา
แตกต่างกันไปนะคะ ติดตามให้ครบจะได้ไม่พลาดค่ะ
-
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง
สนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
-
ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องราวของต้นมิ้นท์เนี่ยนะคะ
เราต้องพูดไปถึงเทพเจ้าองค์นึงค่ะ
-
เป็นเทพเจ้าที่คอยดูแล Underworld นะคะ
หรือว่า ดินแดนแห่งความตาย
-
เทพเจ้าองค์นั้นก็คือ เฮดีส นั่นเองค่ะ
-
ซึ่งเฮดีสเนี่ยนะคะ
จะเป็นตัวละครหลักของเราในวันนี้ค่ะ
-
เฮดีสนี่ก็อย่างที่วิวบอกนะคะ เป็นเทพเจ้าที่ดูแล
Underworld หรือว่าดินแดนของคนตายใช่มั้ยคะ
-
ซึ่งดินแดนคนตายของเฮดีสเนี่ย
ถามว่าหน้าตาเป็นยังไงนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าเป็นดินแดนมืดๆทึบๆทึมๆแห่งนึงนะคะ
-
มีแม่น้ำทั้งหมดห้าสายไหลมารวมกันที่เฮดีสนี่ล่ะค่ะ
-
คือเฮดีสเป็นทั้งชื่อเทพแล้วก็
เป็นชื่อสถานที่ด้วยอะนะ ดังนั้นอย่างงนะคะ
-
ถามว่าแม่น้ำทั้งห้าสายมีอะไรบ้าง
-
อย่าเพิ่งไปนึกถึงสำนวน "ชักแม่น้ำทั้งห้า"
-
อันนั้นไม่ใช่แม่น้ำห้าสายนี้
-
อันนั้นคือแม่น้ำของอินเดีย คนละเรื่องกันนะคะทุกคน
-
แม่น้ำทั้งห้าสายเนี่ยนะคะประกอบไปด้วย
-
หนึ่ง อาเครอน ค่ะ
-
เป็นแม่น้ำที่สำคัญสุดในบรรดาห้าสาย
-
อาเครอนนี่เป็นแม่น้ำแห่งความโศกเศร้านะคะ
-
และเป็นแม่น้ำที่เวลาคนตาย ตามความเชื่อกรีกเนี่ย
-
วิญญาณก็จะต้องมาขึ้นเรือ
ข้ามแม่น้ำอาเครอนนี่แหละค่ะ
-
เพื่อที่จะไปสู่ดินแดนของคนตายนะคะ
-
ส่วนแม่น้ำสายที่สองนะคะก็คือ
โคไคตุส หรือว่าความคร่ำครวญนั่นเองค่ะ
-
แม่น้ำสายที่สามนะคะคือแม่น้ำเลธี
แม่น้ำแห่งการหลงลืมนั่นเอง
-
ส่วนแม่น้ำสายที่สี่นะคะก็คือ เฟลกีธอน
หรือว่าแม่น้ำแห่งการแผดเผาค่ะ
-
และแม่น้ำสายสุดท้ายค่ะก็คือแม่น้ำสติกซ์
แม่น้ำแห่งความเกลียดชัง
-
เป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างโลกปกติกับ
Underworld นั่นเองนะคะ
-
ทีนี้ถามว่าเฮดีสปกครอง
Underworld อยู่ลำพังคนเดียวรึเปล่า
-
ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ค่ะ เฮดีสปกครอง
Underworld ร่วมกับราชินีของเขานะคะ
-
ซึ่งมีชื่อว่า เพอร์เซโฟนี นั่นเอง
-
ถามว่าเพอร์เซโฟนีเป็นใคร มาจากไหน
ทำไมถึงมาเป็นราชินีของเฮดีส
-
นี่ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมาก
แล้วก็ค่อนข้างยาวเลยทีเดียวนะคะ
-
อย่างไรก็ตาม เราจะเล่าค่ะ
-
เพอร์เซโฟนีเนี่ยนะคะเป็นลูกของเทพสององค์ค่ะ
-
ซึ่งเทพสององค์นี้นอกจากจะเป็นพี่น้องกันแล้วเนี่ยนะคะ
-
ยังเป็นพี่น้องกับเฮดีสด้วย
-
เทพสององค์นั้นนะคะได้แก่ หนึ่ง ซุส นั่นเอง
ซุสผู้เป็นใหญ่เหนือโอลิมปัสใช่มั้ยคะ
-
หลายคนพอบอกว่าอ๋อ ลูกซุส แปลว่าจะต้อง
เป็นลูกของเทพีเฮร่าซึ่งเป็นเมียซุสแน่ๆเลย
-
ก็ขอบอกว่าไม่ใช่ค่ะ
เพราะว่าซุสมีเมียมากกว่าหนึ่งคนนะคะ
-
แม้ว่าเฮร่าจะเป็นเมียหลักก็ตามแล้วก็เป็นน้อง
-
เรียกเป็นน้องละกันนะ เป็นน้องสาวของซุส
-
แต่ซุสก็ยังมีลูกกับน้องสาวอีกคนนึง
ของตัวเองเหมือนกันนะคะ
-
นั่นก็คือดีมีเทอร์นั่นเอง
-
ดีมีเทอร์นี่เป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยว
อะไรประมาณอย่างนี้นะคะ
-
ซึ่งขอบอกเลยนะคะว่าในสมัยก่อน
-
ก่อนที่เรื่องราวที่กำลังวิวจะเล่าเนี่ยจะเกิดขึ้นนะคะ
-
สมัยนั้นเนี่ย โลกของเราเป็นโลกที่อาศัยอยู่ง่ายมากค่ะ
-
คือเป็นโลกที่ไม่มีฤดูหนาวนะคะ
-
ตลอดปีเนี่ยเป็นช่วงที่แสงแดดส่องอบอุ่น
-
ใบไม้ผลิ ผลหมากรากไม้ออกตลอดทั้งปีนะคะ
-
ก็คือเป็นโลกที่ไม่มีฤดูกาลนั่นเองค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ เรื่องราวต่อจากนี้จะทำให้
โลกของเราเกิดฤดูกาลขึ้นค่ะ
-
เพราะว่าเทพีดีมีเทอร์กับเทพซุสเนี่ย
มีลูกร่วมกันก็คือเพอร์เซโฟนีนั่นเอง
-
ซึ่งเพอร์เซโฟนีเนี่ยนะคะดันเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆค่ะ
-
สวยมากแบบ ม้ากมาก มากสุดๆนะคะ
-
และแน่นอนนะคะว่าผู้หญิงสวยก็จะต้องมีคนมาหลงรักค่ะ
-
ถามว่าคนคนนั้นเป็นใคร ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยค่ะ
-
ไม่ลุงก็อาตัวเองนี่แหละ ไม่รู้จะเรียกเป็นลุงหรือเป็นอาดี
เพราะว่าก็เป็นทั้งพี่ทั้งน้องกันหมดน่ะนะ
-
นั่นก็คือเฮดีสนั่นเองนะคะ
เฮดีสหลงรักหลานตัวเองค่ะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะ เฮดีสก็ได้แต่หลงรักค่ะ
ไม่เคยลงมือทำอะไรหลานตัวเองนะคะ
-
แอบหลงรักเธออยู่แต่เธอคงดูไม่ออก
-
จนกระทั่งวันนึงค่ะ เพอร์เซโฟนีไปเที่ยวกับเพื่อน
-
ก็ไปเที่ยวกับเพื่อนเยอะๆ
เหมือนอารมณ์เพื่อนสาวไปเที่ยวสวนกันน่ะ
-
คิดว่าสาวๆไปเที่ยวทำอะไร
-
แน่นอนว่าก็จะต้องเด็ดผลหมากรากไม้
เด็ดดอกไม้อะไรกันต่างๆนะคะ
-
ปรากฏว่าจังหวะนั้นค่ะเป็นจังหวะที่
เพอร์เซโฟนีกำลังเด็ดต้นไม้ต้นนึงจากพื้นนะคะ
-
ขณะที่กำลังเด็ดอยู่เนี่ย
เฮดีสน่าจะทนไม่ไหวแล้วประมาณว่าแบบ
-
เธอ เธอจะมาสวยลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อหน้าฉันแบบนี้
-
ทนไม่ได้ ฉันทนไม่ไหวแล้ว นะคะ
-
ดังนั้นค่ะจังหวะที่เพอร์เซโฟนี
เด็ดดอกไม้ดอกนึงขึ้นมาจากพื้น
-
จังหวะนั้นล่ะค่ะ ไอที่หลุดติดดอกไม้ขึ้นมาเนี่ย
มันไม่ใช่แค่ดินก้อนเดียวนะคะ
-
แต่มันดันเป็นดินทั้งยวงทำให้
พื้นโลกแยกออกจากกันตอนนั้นเลย ฟึ่บ!
-
และจังหวะนั้นที่พื้นโลกแยกออกจากกันเนี่ย
-
ก็มีรถม้าสีดำทะมึนคันใหญ่คันนึงค่ะ
พุ่งออกมาจากรูนั้นนะคะ
-
ในรถม้านั้นก็มีเฮดีสนั่งอยู่เนี่ยแหละค่ะ
-
และเฮดีสนะคะก็เงยหน้ามองเพอร์เซโฟนีค่ะ
ด้วยความรักเต็มที่ ว่าแล้วก็คว้าเอวนะคะ
-
แล้วก็ลักพาตัวเพอร์เซโฟนี
ลงไปที่ Underworld ตอนนั้นเลยค่ะ
-
โดยที่ลงไปถึงปุ๊บก็สัญญากับเพอร์เซโฟนีว่า
-
หลานรัก ถ้าหลานรักยอมมาเป็นของอานะ
-
อาจะให้เจ้าเป็นราชินี
ปกครอง Underworld ร่วมกับอาเลย
-
ซึ่งถามว่าเพอร์เซโฟนีโอเคมั้ย
-
ก็บอกเลยว่าไม่โอเค
-
ฉันไม่ได้รักเธอ ฉันไม่อยากเป็นราชินีของเธอ
เป็นราชินีอะไรฉันก็ไม่เอา นะคะ
-
ดังนั้นค่ะเพอร์เซโฟนีก็อาละวาด โวยวาย
ร้องไห้ แหกปากลั่น Underworld ไปหมดเลยค่ะ
-
หลักๆนี่ก็ร้องเรียกให้พ่อตัวเองนี่แหละช่วยนะคะ ซุส
-
แต่ว่าอย่างไรก็ตามค่ะ
ไม่รู้อีท่าไหน ซุสไม่ลงมาช่วยนะคะ
-
จนกระทั่งบางเวอร์ชันถึงบอกว่า
ซุสนี่แหละเป็นคนที่วางแผนร่วมกับเฮดีส
-
ให้เฮดีสมาลักพาตัวลูกตัวเองเลยนะคะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ หลังจากที่โวยวายไปนานเนี่ย
พ่อไม่รักไม่เป็นไร คนที่รักนี่คือแม่นะคะ
-
เทพีดีมีเทอร์ค่ะ หาลูกสาวตัวเองไม่เจอ
แถมลูกสาวคนนี้เป็นคนที่แบบรักที่สุดด้วยนะ
-
ก็ตามหาไปทั่วโลก
หาไม่เจอก็ร้องไห้ฟูมฟายไปมา
-
อาการเศร้าของเทพีดีมีเทอร์เนี่ยนะคะทำให้เกิดอะไรขึ้น
-
เทพีดีมีเทอร์เนี่ยปกติเป็นคนร่าเริง สดใส เฮฮา
-
ทำให้เกิดฤดูใบไม้ผลิ ทำให้อากาศดีอะไรต่างๆใช่มะ
-
พอโวยวายฟูมฟายเศร้าซึมเนี่ยนะคะ
-
พวกผลหมากรากไม้เนี่ยก็ไม่ออกดอกไม่ออกผล
-
อากาศก็เย็นลง เย็นลง เย็นลงเรื่อยๆ
-
เรียกได้ว่าฤดูหนาวเริ่มเกิดขึ้น
ในตอนนั้นเนี่ยแหละค่ะ
-
เทพีดีมีเทอร์นะคะก็โวยวายอยู่นานมาก
-
เรียกได้ว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกเนี่ย
-
จะต้องมาทรมาทรกรรมกับ
ความเศร้าของเทพีดีมีเทอร์นะคะ
-
จนในที่สุดพระอาทิตย์ก็ทนไม่ได้ค่ะ
-
พระอาทิตย์ถึงลงมาบอกเทพีดีมีเทอร์ว่า
เจ๊ๆ ใจเย็นๆนะ ลูกไม่ได้หายไปไหน
-
ลูกอะโดนเฮดีสลักพาตัวลงไปที่ Underworld
-
เจ๊ไปตามลูกสิ
-
ดังนั้นนะคะ ดีมีเทอร์ด้วยความที่ไม่รู้จะทำยังไง
ก็เลยไปฟ้องซุสค่ะประมาณว่า
-
ซุส! ถ้าซุสไม่ไปพาลูกคืนมาให้ฉันนะ
-
ฉันจะร้องไห้อยู่อย่างงี้แหละ
ให้มันเป็นฤดูหนาวตลอดไป
-
เอาให้ทั้งโลกตายด้วยน้ำมือของฉันนี่แหละ
-
ซึ่งพอโดนขู่แบบนั้นนะคะ แน่นอนว่าเรื่องนี้
เป็นเรื่องใหญ่นะ ดังนั้นซุสก็จะต้องยอมค่ะ
-
ซุสก็เลยบอกว่าได้ๆๆ ไปเอาลูกคืนมาได้แน่นอนเลย
ฉันสัญญาว่าเดี๋ยวฉันจะไปเอาลูกคืนมาให้
-
แต่มีเงื่อนไขข้อเดียวคือ
กฎของ Underworld เนี่ยมันมีอยู่ว่า
-
ใครก็ตามที่ไปกินอะไรของ Underworld
-
จะต้องกลายเป็นคนของ Underworld นะ
ไม่สามารถพากลับขึ้นมาได้อีก
-
ถ้าลูกเธอยังไม่ได้ไปกินอะไรตรงนั้นน่ะ
รับรองเดี๋ยวฉันพากลับมาได้
-
แต่ปรากฏว่า ไม่ทันนะคะ
-
เพราะว่าระหว่างที่โดนจับตัวลงไปนานแสนนานเนี่ย
-
เฮดีสก็ได้ยื่นผลไม้ชนิดนึง
ให้กับเพอร์เซโฟนี ให้นางกินลงไปแล้ว
-
ผลไม้ชนิดนั้นก็คือทับทิมนั่นเองค่ะ
-
ซึ่งเขาถือว่าเป็นผลไม้แห่งความตายเนอะ
เพอร์เซโฟนีก็กินไปไม่กี่เม็ดเท่านั้นแหละ
-
อย่างไรก็ตาม ถือว่ากินเข้าไปแล้ว
-
ดังนั้นเพอร์เซโฟนีนะคะก็เลย
จำเป็นจะต้องอยู่เป็นราชินีของเฮดีสต่อไปค่ะ
-
อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะไม่ให้เทพีดีมีเทอร์
โวยวายมากเกินไปแล้วทำให้โลกขาดผลผลิตเนี่ยนะคะ
-
ซุสก็เลยทำข้อตกลงกับเฮดีสค่ะว่า
-
เฮดีส ปล่อยลูกเขาคืนมาเถอะ
ให้ลูกเขาไปอยู่กับแม่นะ
-
แต่ว่าด้วยความที่เพอร์เซโฟนี
กินของๆเจ้าไปแล้วเนี่ยนะ
-
ดังนั้นนางก็จะเป็นราชินีของเจ้า
-
และจะลงไปอยู่กับเจ้าที่ดินแดนใต้พิภพ
เป็นระยะเวลาประมาณสามเดือนต่อปีแล้วกัน
-
ตอนนั้นก็ไปอยู่กับเจ้า
แล้วเวลาที่เหลือเจ้าก็ปล่อยเขาอยู่กับแม่แล้วกันนะ
-
ดังนั้นทุกปีนะคะช่วงปลายปี
เพอร์เซโฟนีก็จะลงไปอยู่กับเฮดีสที่โลกใต้พิภพค่ะ
-
และในเวลานั้นเนี่ย เทพีดีมีเทอร์ก็จะ
ร้องไห้ฟูมฟายด้วยความคิดถึงลูกนะคะ
-
ทำให้เกิดฤดูหนาวขึ้นบนโลกมนุษย์ในที่สุดค่ะ
-
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เพอร์เซโฟนีเดินทางกลับ
โลกมนุษย์หลังจากอยู่ครบสามเดือนแล้ว
-
ในเวลานั้นเทพีดีมีเทอร์ก็จะอารมณ์ดีขึ้น
ทำให้ใบไม้ค่อยๆผลิออกมา
-
ถือเป็นการสิ้นสุดฤดูหนาวนั่นเองค่ะ
-
ทีนี้เรื่องราวที่เล่าไปเกี่ยวอะไรกับใบมิ้นท์นะคะ
-
ก็ต้องบอกว่ายังไม่เกี่ยวเท่าไหร่นะ
เพราะว่าวิวนอกเรื่องไปไกลมากค่ะ
-
อันนี้คือเรื่องราวของเฮดีสกับเมียหลวงใช่มะ
-
บอกเลยว่าต่อจากนี้จะเริ่มดราม่า
และจะเริ่มแซ่บกว่าเดิมแล้วค่ะ
-
เพราะเรากำลังจะพูดถึงเมียน้อยนั่นเองนะคะ
-
คือจำที่วิวเล่าไปได้มั้ยคะว่า
โลก Underworld เนี่ยเป็นโลกที่อยู่ตรงกลาง
-
แล้วมีแม่น้ำทั้งหมดห้าสายไหลมารวมกันค่ะ
-
บังเอิญว่ามันมีสิ่งมีชีวิตสิ่งนึงนะคะ
ที่มักจะอยู่กับแม่น้ำค่ะ นั่นก็คือ นิมฟ์ นั่นเอง
-
นิมฟ์นี่ถือว่าเป็น เขาเรียกว่าไร
เป็นสิ่งมีชีวิต สิ่งวิเศษ สัตว์วิเศษอะไรซักอย่าง
-
เอาเป็นว่าเป็นมนุษย์วิเศษจำพวกนึงแล้วกันค่ะ
-
ที่มักจะอาศัยอยู่กับพวกน้ำนะคะ
ถือว่าเป็นพวกเทพประจำสายน้ำว่าอย่างงั้นเถอะ
-
แต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นเทพเป็นเทพีประมาณนั้นนะ
-
ซึ่งแม่น้ำแต่ละสาย บ่อน้ำแต่ละที่
ทะเลแต่ละแห่ง ก็จะมีนิมฟ์ดูแลอยู่นะคะ
-
นิมฟ์ที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้เป็นนิมฟ์ชื่อว่านางมิ้นธ์ค่ะ
-
ซึ่งมิ้นธ์เนี่ยนะคะอาศัยอยู่ในแม่น้ำที่ชื่อว่าโคไคตุสค่ะ
-
เป็นหนึ่งในแม่น้ำที่ไหลมาที่ Underworld ใช่มั้ยคะ
-
ข้อสำคัญที่เราควรจะรู้ไว้เนี่ยนะคะก็คือ
-
คุณมิ้นธ์ของเราเนี่ยดันเป็นนิมฟ์ที่สวยค่ะ
-
และค่อนข้างมั่นใจในตัวเองด้วยนะว่าฉันสวยนะคะ
-
ที่สำคัญจำได้มั้ยว่านางอาศัยอยู่ในแม่น้ำ
-
แม่น้ำไหลไปที่ไหน
-
ไหลไปที่ Underworld
-
Underworld มีใครอยู่? เฮดีส!
-
เฮดีสที่เมียไม่อยู่เกือบทั้งปีนะคะ
อยู่แค่สามเดือนเท่านั้นเอง
-
ดังนั้นค่ะ ตรงนี้มีหลายตำนานนะ
แต่ละตำนานบอกไม่เหมือนกัน
-
แต่ว่าตำนานที่ได้ยินบ่อยที่สุดนะคะเขาบอกไว้ว่า
คุณมิ้นธ์ก็แอบมองเฮดีสมาตั้งนานแล้วค่ะ
-
แล้วก็หลงรักเฮดีสนะคะประมาณว่า
-
นี่แหละผู้ชายในฝันของฉัน
ฉันชอบผู้ชายคนนี้อะ ฉันอยากได้ผู้ชายคนนี้เป็นผัว
-
แต่คุณเฮดีสเนี่ยดันมีเมียแล้ว
-
อย่างไรก็ตามด้วยความที่เมียไม่อยู่นะคะ
-
และด้วยความที่คุณมิ้นธ์เนี่ยก็ค่อนข้างสวย
-
และที่สำคัญด้วยความที่เทพกรีกนี่ก็
หลายผัวหลายเมียกันเป็นปกติอะนะ
-
จากที่เล่าๆไปน่าจะพอรู้กันนะคะ
-
คุณเฮดีสก็เลยหันไปมองคุณมิ้นธ์ค่ะ
แล้วก็พบว่าเออ ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน
-
ทั้งสองคนนะคะก็เลยเป็นชู้กันซะอย่างงั้นเลย
-
ทีนี้ถามว่าเฮดีสมีเมียแล้วอะ ไปมีชู้จะเกิดอะไรขึ้น
-
อะ หลายคนก็คงคิดว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าไร
เพราะว่าเพอร์เซโฟนีไม่ได้รักเฮดีสไง โดนลักพาตัว
-
อย่างไรก็ตามนะคะ ถึงจะโดนลักพาตัวมา
ถึงตอนแรกจะไม่ได้รัก
-
แต่ว่าอยู่ไปนานๆ แถมเป็นเมียแต่ง
ที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกเนี่ย
-
อยู่ดีๆมามีชู้แบบนี้ถามว่ายอมได้มั้ยนะคะ
-
ก็บอกเลยว่าเพอร์เซโฟนียอมไม่ได้ค่ะ
-
ดังนั้นนางก็เลยโกรธมากค่ะ
แต่ถามว่าโกรธแล้วเขาทำยังไง
-
แทนที่เขาจะเดินไปหาเฮดีสแล้วบอกว่า
-
เฮ้ย เฮดีส เราไม่โอเคนะกับการที่เธอมีชู้อย่างงี้
-
เลิกเดี๋ยวนี้ อะไรอย่างงี้
-
เพอร์เซโฟนีไม่ทำแบบนั้นนะคะ
-
เพอร์เซโฟนีเลือกใช้วิธีแบบ
หลวงตบน้อยหน้ากระทรวงอะ ประมาณนั้นนะคะ
-
วันนึงค่ะ เพอร์เซโฟนีก็บุกเข้าไปหามิ้นธ์เลยค่ะ
ไปถึงแล้วก็ด่าเลยประมาณว่าแบบ
-
นังมิ้นธ์ แกเป็นชู้กับผัวฉันใช่มั้ย ฉันจะไม่ทนแกแล้วนะ
-
นี่ แกรู้มั้ยว่าผัวฉันน่ะมันไม่เคยรักใครจริง
-
อ่าวไม่ใช่ อันนั้นนพนภา ขอโทษๆ อินไปหน่อยนะคะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ ก็ประมาณนี้นะคะ
-
เพอร์เซโฟนีก็ไปแล้วก็ไปด่ามิ้นธ์ค่ะ ด่าๆๆๆๆ
-
ด่าเสร็จนะคะก็ไล่กระทืบมิ้นธ์เลย
เพอร์เซโฟนีนี่โหดมากนะ
-
เพอร์เซโฟนีเนี่ยผลักมิ้นธ์ล้มลงค่ะ ปั่ก!
-
แล้วก็กระทืบมิ้นธ์นะคะตรงหน้าอกค่ะ
กระทืบปั้กๆๆๆๆๆๆ
-
ซึ่งตำนานตรงนี้เล่าออกเป็นสองอย่างด้วยกันนะคะ
-
ตำนานแรกเนี่ยนะคะบอกว่า
มิ้นธ์โดนเพอร์เซโฟนีกระทืบจนตายเลยนะคะ
-
แล้วพอตายไปก็กลายเป็นต้นไม้ชนิดนึง
หรือว่าต้นมิ้นท์นั่นเองค่ะ
-
แต่อีกตำนานนึงที่ได้ยินบ่อยกว่านะคะบอกว่า
-
มิ้นธ์พยายามจะหนีเพอร์เซโฟนีค่ะ
แต่ว่าไม่รู้จะหนียังไงก็เลยกลายร่างตัวเองเนี่ยนะคะ
-
ให้กลายเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆ
ที่อยู่ติดพื้นค่ะ ก็คือต้นมิ้นท์นั่นเอง
-
และความแสบของมิ้นธ์นะคะก็คือ
ทุกครั้งที่เพอร์เซโฟนีกระทืบลงไปเนี่ย
-
มิ้นท์ก็จะส่งกลิ่นหอมสดชื่นขึ้นมา
-
ยิ่งกระทืบเยอะยิ่งส่งกลิ่นหอมสดชื่นขึ้นมา
-
มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้นค่ะ
-
ดังนั้นนะคะ หลังจากเหตุการณ์นี้จบไปค่ะ
-
ต้นมิ้นท์เนี่ยก็เลยกลายเป็น
ต้นไม้ประจำตัวของเฮดีสนะคะ
-
และก็กลายเป็นต้นไม้ที่ชาวกรีกเนี่ย
นิยมใช้ในพิธีกรรมเกี่ยวกับความตายค่ะ
-
เพราะว่าสามารถใช้กลบกลิ่นศพได้อย่างดีนั่นเองค่ะ
-
นี่ก็คือเรื่องราวของต้นมิ้นท์นะคะว่า
-
ต้นมิ้นท์เนี่ยมีที่มาที่ไปยังไง
เกี่ยวข้องยังไงกับดราม่าระดับเทพของเราค่ะ
-
ซึ่งจริงๆตรงนี้แอบแถมนิดนึงนะ
มันมีอีกเวอร์ชันนึงนะคะที่ดราม่ากว่านี้อีก
-
เวอร์ชันนี้นะคะเขาบอกว่า
ความจริงแล้วมิ้นธ์กับเฮดีสเป็นคนรักกันค่ะ
-
แล้วเป็นคนรักกันมาตั้งนานแสนนานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนที่เฮดีสจะไปเจอเพอร์เซโฟนีอีก
-
แต่ว่าตอนที่เฮดีสไปเห็นเพอร์เซโฟนีเนี่ย
เพอร์เซโฟนีสวยกว่าค่ะ
-
ดังนั้นเฮดีสก็เลยเขี่ยมิ้นธ์ทิ้งอะ ประมาณว่าแบบ
ฉันไม่สนใจเธอละ เขี่ยๆๆๆ ออกไปประมาณนั้นนะคะ
-
แล้วก็ไปลักเพอร์เซโฟนีมาเป็นเมียตัวเองแทนค่ะ
-
ซึ่งแน่นอนนะคะว่าก็จะต้องทำให้มิ้นธ์หึงค่ะ หึงมากๆ
-
และมิ้นธ์ก็ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองว่าฉันสวยกว่า
-
ดังนั้นมิ้นธ์ก็เลยออกมาพูดประมาณว่า
-
เชอะ นังเพอร์เซโฟนี
เธอก็เป็นได้แค่เมียน้อยเท่านั้นแหละ
-
ต่อให้เธอจะเป็นราชินีแห่งนรก
เธอก็เป็นได้แค่เมียน้อย
-
ฉันต่างหากคือคนที่มาก่อน
และฉันต่างหากคือคนที่สวยกว่า
-
ผัวฉันน่ะมันไม่เคยรักใครจริง เดี๋ยววันนึงอะ
แกก็โดนเขี่ยทิ้งเหมือนฉันนั่นแหละ ประมาณนั้นนะคะ
-
ดังนั้นเพอร์เซโฟนีนะคะก็เลยโกรธมิ้นธ์มากๆ
เพราะว่ารู้สึกว่าตัวเองโดนหยามมากๆ
-
ก็เลยทำเหมือนกับที่มุตตาค่ะ
หันไปแล้วก็ตบกลับ ประมาณนั้นนะคะ
-
แล้วเรื่องราวทั้งหมด
ก็เหมือนที่วิวเล่าไปเมื่อกี้นี่แหละค่ะ
-
เป็นไงบ้างเรื่องนี้
-
มีหลากหลายเวอร์ชันจริงๆนะเพราะว่า
เป็นเหมือนนิทานที่อธิบายว่าต้นมิ้นท์เกิดขึ้นมาได้ยังไง
-
แล้วทำไมถึงมีเยอะในบริเวณภูเขาแห่งนึง
ที่ชื่อว่ามิ้นธ์เหมือนกัน ที่กรีกนะคะ
-
อย่างไรก็ตามนะคะนิทานนี้ก็จะเหมือนที่วิวบอกนี่แหละ
-
ว่ามันเป็นนิทานเล่าปากต่อปากก็จะมี
หลากหลายเวอร์ชันนะคะ
-
ดังนั้นถ้าใครเคยไปอ่านเวอร์ชันอื่นมา
-
เคยเห็นเวอร์ชันอื่นอะไรยังไง
ก็คอมเมนต์มาคุยกันด้านล่างค่ะ
-
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะทุกคน
-
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
-
เอาจริงๆปะเรื่องนี้เหมือนจะเป็น
เรื่องของเฮดีสมากกว่าเรื่องมิ้นท์นะ
-
แต่ว่าเอาจริงๆน่าสนใจเหอะ
ตอนที่วิวไปอ่านเจอรอบแรกว่าแบบ
-
เฮ้ย ต้นมิ้นท์มันมีที่มาแบบนี้
แล้วมันก็ดูเข้าท่า มันดูเพอร์เฟ็กต์เลยอะ
-
ว่าแบบพอกระทืบๆๆ กลิ่นก็ออก ประมาณนี้นะคะ
-
แต่ว่าแต่ละเวอร์ชันเล่าไม่เหมือนกันหรอก
เพราะว่ามันเป็นนิทานเล่าปากต่อปาก
-
ดังนั้นบางเวอร์ชันนะคะก็จะบอกว่า
เพอร์เซโฟนีไปฟ้องแม่
-
แม่มากระทืบให้ อะไรประมาณอย่างงี้
-
ก็หลากหลายกันไปค่ะ ตามสไตล์นิทานนะคะ
-
ใครมีเรื่องไหนอยากให้วิวเล่าอีกก็
คอมเมนต์มาด้านล่างได้แล้วกันค่ะ
-
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ