สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
กลับมาอีกครั้งนะคะกับซีรีส์ที่ทุกคน
รอคอยกันมาอย่างแสนนานค่ะ
และเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่มีคนเรียกร้องเยอะที่สุดเลยนะ
ก็คือซีรีส์ดราม่าระดับเทพนั่นเองค่ะ
และดราม่าระดับเทพในวันนี้
เป็นเทพที่ทุกคนชอบมากนะคะ นั่นก็คือเทพกรีกนั่นเอง
ที่สำคัญนะบอกเลยว่าเรื่องวันนี้แซ่บมาก
เพราะว่ามันดราม่าจริงๆ
เป็นเรื่องรักสามเส้าระหว่างเทพเหรอ ก็ไม่ใช่
ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นอะไรดี
แถมที่สำคัญนะ มันเป็นที่มาของต้นไม้ชนิดนึงด้วยค่ะ
เห็นสีเสื้อวิวตอนนี้น่าจะพอเดากันได้
เปล่า ไม่ได้เดาได้เพราะสีเสื้อหรอก
คือพยายามหาสีที่มันอ่อนกว่านี้แล้วแต่มันไม่มีนะคะ
มีแต่เสื้อสีนี้
ทุกคนเดาได้เพราะว่าเห็นชื่อคลิปแล้วใช่มั้ย
เรื่องราวของเราในวันนี้จะเกี่ยวข้องกับต้นมิ้นท์ค่ะ
งงมะ ต้นมิ้นท์ ต้นไม้หอมๆที่เรา
เอาไว้ใส่เครื่องดื่ม เอาไว้วางบนขนมอะไรต่างๆ
มันจะไปเป็นดราม่าได้ยังไงนะคะ
ก็เดี๋ยวรอมาฟังกันค่ะ
แต่ก่อนอื่นนะคะ
ก่อนที่เราจะฟังไปเรื่องราวของต้นมิ้นท์กัน
อย่าลืมติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางค่ะ
เพราะว่าในแต่ละช่องทางนี่ก็มีเนื้อหา
แตกต่างกันไปนะคะ ติดตามให้ครบจะได้ไม่พลาดค่ะ
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง
สนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องราวของต้นมิ้นท์เนี่ยนะคะ
เราต้องพูดไปถึงเทพเจ้าองค์นึงค่ะ
เป็นเทพเจ้าที่คอยดูแล Underworld นะคะ
หรือว่า ดินแดนแห่งความตาย
เทพเจ้าองค์นั้นก็คือ เฮดีส นั่นเองค่ะ
ซึ่งเฮดีสเนี่ยนะคะ
จะเป็นตัวละครหลักของเราในวันนี้ค่ะ
เฮดีสนี่ก็อย่างที่วิวบอกนะคะ เป็นเทพเจ้าที่ดูแล
Underworld หรือว่าดินแดนของคนตายใช่มั้ยคะ
ซึ่งดินแดนคนตายของเฮดีสเนี่ย
ถามว่าหน้าตาเป็นยังไงนะคะ
ก็ต้องบอกว่าเป็นดินแดนมืดๆทึบๆทึมๆแห่งนึงนะคะ
มีแม่น้ำทั้งหมดห้าสายไหลมารวมกันที่เฮดีสนี่ล่ะค่ะ
คือเฮดีสเป็นทั้งชื่อเทพแล้วก็
เป็นชื่อสถานที่ด้วยอะนะ ดังนั้นอย่างงนะคะ
ถามว่าแม่น้ำทั้งห้าสายมีอะไรบ้าง
อย่าเพิ่งไปนึกถึงสำนวน "ชักแม่น้ำทั้งห้า"
อันนั้นไม่ใช่แม่น้ำห้าสายนี้
อันนั้นคือแม่น้ำของอินเดีย คนละเรื่องกันนะคะทุกคน
แม่น้ำทั้งห้าสายเนี่ยนะคะประกอบไปด้วย
หนึ่ง อาเครอน ค่ะ
เป็นแม่น้ำที่สำคัญสุดในบรรดาห้าสาย
อาเครอนนี่เป็นแม่น้ำแห่งความโศกเศร้านะคะ
และเป็นแม่น้ำที่เวลาคนตาย ตามความเชื่อกรีกเนี่ย
วิญญาณก็จะต้องมาขึ้นเรือ
ข้ามแม่น้ำอาเครอนนี่แหละค่ะ
เพื่อที่จะไปสู่ดินแดนของคนตายนะคะ
ส่วนแม่น้ำสายที่สองนะคะก็คือ
โคไคตุส หรือว่าความคร่ำครวญนั่นเองค่ะ
แม่น้ำสายที่สามนะคะคือแม่น้ำเลธี
แม่น้ำแห่งการหลงลืมนั่นเอง
ส่วนแม่น้ำสายที่สี่นะคะก็คือ เฟลกีธอน
หรือว่าแม่น้ำแห่งการแผดเผาค่ะ
และแม่น้ำสายสุดท้ายค่ะก็คือแม่น้ำสติกซ์
แม่น้ำแห่งความเกลียดชัง
เป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างโลกปกติกับ
Underworld นั่นเองนะคะ
ทีนี้ถามว่าเฮดีสปกครอง
Underworld อยู่ลำพังคนเดียวรึเปล่า
ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ค่ะ เฮดีสปกครอง
Underworld ร่วมกับราชินีของเขานะคะ
ซึ่งมีชื่อว่า เพอร์เซโฟนี นั่นเอง
ถามว่าเพอร์เซโฟนีเป็นใคร มาจากไหน
ทำไมถึงมาเป็นราชินีของเฮดีส
นี่ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมาก
แล้วก็ค่อนข้างยาวเลยทีเดียวนะคะ
อย่างไรก็ตาม เราจะเล่าค่ะ
เพอร์เซโฟนีเนี่ยนะคะเป็นลูกของเทพสององค์ค่ะ
ซึ่งเทพสององค์นี้นอกจากจะเป็นพี่น้องกันแล้วเนี่ยนะคะ
ยังเป็นพี่น้องกับเฮดีสด้วย
เทพสององค์นั้นนะคะได้แก่ หนึ่ง ซุส นั่นเอง
ซุสผู้เป็นใหญ่เหนือโอลิมปัสใช่มั้ยคะ
หลายคนพอบอกว่าอ๋อ ลูกซุส แปลว่าจะต้อง
เป็นลูกของเทพีเฮร่าซึ่งเป็นเมียซุสแน่ๆเลย
ก็ขอบอกว่าไม่ใช่ค่ะ
เพราะว่าซุสมีเมียมากกว่าหนึ่งคนนะคะ
แม้ว่าเฮร่าจะเป็นเมียหลักก็ตามแล้วก็เป็นน้อง
เรียกเป็นน้องละกันนะ เป็นน้องสาวของซุส
แต่ซุสก็ยังมีลูกกับน้องสาวอีกคนนึง
ของตัวเองเหมือนกันนะคะ
นั่นก็คือดีมีเทอร์นั่นเอง
ดีมีเทอร์นี่เป็นเทพแห่งการเก็บเกี่ยว
อะไรประมาณอย่างนี้นะคะ
ซึ่งขอบอกเลยนะคะว่าในสมัยก่อน
ก่อนที่เรื่องราวที่กำลังวิวจะเล่าเนี่ยจะเกิดขึ้นนะคะ
สมัยนั้นเนี่ย โลกของเราเป็นโลกที่อาศัยอยู่ง่ายมากค่ะ
คือเป็นโลกที่ไม่มีฤดูหนาวนะคะ
ตลอดปีเนี่ยเป็นช่วงที่แสงแดดส่องอบอุ่น
ใบไม้ผลิ ผลหมากรากไม้ออกตลอดทั้งปีนะคะ
ก็คือเป็นโลกที่ไม่มีฤดูกาลนั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตามนะคะ เรื่องราวต่อจากนี้จะทำให้
โลกของเราเกิดฤดูกาลขึ้นค่ะ
เพราะว่าเทพีดีมีเทอร์กับเทพซุสเนี่ย
มีลูกร่วมกันก็คือเพอร์เซโฟนีนั่นเอง
ซึ่งเพอร์เซโฟนีเนี่ยนะคะดันเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆค่ะ
สวยมากแบบ ม้ากมาก มากสุดๆนะคะ
และแน่นอนนะคะว่าผู้หญิงสวยก็จะต้องมีคนมาหลงรักค่ะ
ถามว่าคนคนนั้นเป็นใคร ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยค่ะ
ไม่ลุงก็อาตัวเองนี่แหละ ไม่รู้จะเรียกเป็นลุงหรือเป็นอาดี
เพราะว่าก็เป็นทั้งพี่ทั้งน้องกันหมดน่ะนะ
นั่นก็คือเฮดีสนั่นเองนะคะ
เฮดีสหลงรักหลานตัวเองค่ะ
อย่างไรก็ตามนะคะ เฮดีสก็ได้แต่หลงรักค่ะ
ไม่เคยลงมือทำอะไรหลานตัวเองนะคะ
แอบหลงรักเธออยู่แต่เธอคงดูไม่ออก
จนกระทั่งวันนึงค่ะ เพอร์เซโฟนีไปเที่ยวกับเพื่อน
ก็ไปเที่ยวกับเพื่อนเยอะๆ
เหมือนอารมณ์เพื่อนสาวไปเที่ยวสวนกันน่ะ
คิดว่าสาวๆไปเที่ยวทำอะไร
แน่นอนว่าก็จะต้องเด็ดผลหมากรากไม้
เด็ดดอกไม้อะไรกันต่างๆนะคะ
ปรากฏว่าจังหวะนั้นค่ะเป็นจังหวะที่
เพอร์เซโฟนีกำลังเด็ดต้นไม้ต้นนึงจากพื้นนะคะ
ขณะที่กำลังเด็ดอยู่เนี่ย
เฮดีสน่าจะทนไม่ไหวแล้วประมาณว่าแบบ
เธอ เธอจะมาสวยลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อหน้าฉันแบบนี้
ทนไม่ได้ ฉันทนไม่ไหวแล้ว นะคะ
ดังนั้นค่ะจังหวะที่เพอร์เซโฟนี
เด็ดดอกไม้ดอกนึงขึ้นมาจากพื้น
จังหวะนั้นล่ะค่ะ ไอที่หลุดติดดอกไม้ขึ้นมาเนี่ย
มันไม่ใช่แค่ดินก้อนเดียวนะคะ
แต่มันดันเป็นดินทั้งยวงทำให้
พื้นโลกแยกออกจากกันตอนนั้นเลย ฟึ่บ!
และจังหวะนั้นที่พื้นโลกแยกออกจากกันเนี่ย
ก็มีรถม้าสีดำทะมึนคันใหญ่คันนึงค่ะ
พุ่งออกมาจากรูนั้นนะคะ
ในรถม้านั้นก็มีเฮดีสนั่งอยู่เนี่ยแหละค่ะ
และเฮดีสนะคะก็เงยหน้ามองเพอร์เซโฟนีค่ะ
ด้วยความรักเต็มที่ ว่าแล้วก็คว้าเอวนะคะ
แล้วก็ลักพาตัวเพอร์เซโฟนี
ลงไปที่ Underworld ตอนนั้นเลยค่ะ
โดยที่ลงไปถึงปุ๊บก็สัญญากับเพอร์เซโฟนีว่า
หลานรัก ถ้าหลานรักยอมมาเป็นของอานะ
อาจะให้เจ้าเป็นราชินี
ปกครอง Underworld ร่วมกับอาเลย
ซึ่งถามว่าเพอร์เซโฟนีโอเคมั้ย
ก็บอกเลยว่าไม่โอเค
ฉันไม่ได้รักเธอ ฉันไม่อยากเป็นราชินีของเธอ
เป็นราชินีอะไรฉันก็ไม่เอา นะคะ
ดังนั้นค่ะเพอร์เซโฟนีก็อาละวาด โวยวาย
ร้องไห้ แหกปากลั่น Underworld ไปหมดเลยค่ะ
หลักๆนี่ก็ร้องเรียกให้พ่อตัวเองนี่แหละช่วยนะคะ ซุส
แต่ว่าอย่างไรก็ตามค่ะ
ไม่รู้อีท่าไหน ซุสไม่ลงมาช่วยนะคะ
จนกระทั่งบางเวอร์ชันถึงบอกว่า
ซุสนี่แหละเป็นคนที่วางแผนร่วมกับเฮดีส
ให้เฮดีสมาลักพาตัวลูกตัวเองเลยนะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ หลังจากที่โวยวายไปนานเนี่ย
พ่อไม่รักไม่เป็นไร คนที่รักนี่คือแม่นะคะ
เทพีดีมีเทอร์ค่ะ หาลูกสาวตัวเองไม่เจอ
แถมลูกสาวคนนี้เป็นคนที่แบบรักที่สุดด้วยนะ
ก็ตามหาไปทั่วโลก
หาไม่เจอก็ร้องไห้ฟูมฟายไปมา
อาการเศร้าของเทพีดีมีเทอร์เนี่ยนะคะทำให้เกิดอะไรขึ้น
เทพีดีมีเทอร์เนี่ยปกติเป็นคนร่าเริง สดใส เฮฮา
ทำให้เกิดฤดูใบไม้ผลิ ทำให้อากาศดีอะไรต่างๆใช่มะ
พอโวยวายฟูมฟายเศร้าซึมเนี่ยนะคะ
พวกผลหมากรากไม้เนี่ยก็ไม่ออกดอกไม่ออกผล
อากาศก็เย็นลง เย็นลง เย็นลงเรื่อยๆ
เรียกได้ว่าฤดูหนาวเริ่มเกิดขึ้น
ในตอนนั้นเนี่ยแหละค่ะ
เทพีดีมีเทอร์นะคะก็โวยวายอยู่นานมาก
เรียกได้ว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกเนี่ย
จะต้องมาทรมาทรกรรมกับ
ความเศร้าของเทพีดีมีเทอร์นะคะ
จนในที่สุดพระอาทิตย์ก็ทนไม่ได้ค่ะ
พระอาทิตย์ถึงลงมาบอกเทพีดีมีเทอร์ว่า
เจ๊ๆ ใจเย็นๆนะ ลูกไม่ได้หายไปไหน
ลูกอะโดนเฮดีสลักพาตัวลงไปที่ Underworld
เจ๊ไปตามลูกสิ
ดังนั้นนะคะ ดีมีเทอร์ด้วยความที่ไม่รู้จะทำยังไง
ก็เลยไปฟ้องซุสค่ะประมาณว่า
ซุส! ถ้าซุสไม่ไปพาลูกคืนมาให้ฉันนะ
ฉันจะร้องไห้อยู่อย่างงี้แหละ
ให้มันเป็นฤดูหนาวตลอดไป
เอาให้ทั้งโลกตายด้วยน้ำมือของฉันนี่แหละ
ซึ่งพอโดนขู่แบบนั้นนะคะ แน่นอนว่าเรื่องนี้
เป็นเรื่องใหญ่นะ ดังนั้นซุสก็จะต้องยอมค่ะ
ซุสก็เลยบอกว่าได้ๆๆ ไปเอาลูกคืนมาได้แน่นอนเลย
ฉันสัญญาว่าเดี๋ยวฉันจะไปเอาลูกคืนมาให้
แต่มีเงื่อนไขข้อเดียวคือ
กฎของ Underworld เนี่ยมันมีอยู่ว่า
ใครก็ตามที่ไปกินอะไรของ Underworld
จะต้องกลายเป็นคนของ Underworld นะ
ไม่สามารถพากลับขึ้นมาได้อีก
ถ้าลูกเธอยังไม่ได้ไปกินอะไรตรงนั้นน่ะ
รับรองเดี๋ยวฉันพากลับมาได้
แต่ปรากฏว่า ไม่ทันนะคะ
เพราะว่าระหว่างที่โดนจับตัวลงไปนานแสนนานเนี่ย
เฮดีสก็ได้ยื่นผลไม้ชนิดนึง
ให้กับเพอร์เซโฟนี ให้นางกินลงไปแล้ว
ผลไม้ชนิดนั้นก็คือทับทิมนั่นเองค่ะ
ซึ่งเขาถือว่าเป็นผลไม้แห่งความตายเนอะ
เพอร์เซโฟนีก็กินไปไม่กี่เม็ดเท่านั้นแหละ
อย่างไรก็ตาม ถือว่ากินเข้าไปแล้ว
ดังนั้นเพอร์เซโฟนีนะคะก็เลย
จำเป็นจะต้องอยู่เป็นราชินีของเฮดีสต่อไปค่ะ
อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะไม่ให้เทพีดีมีเทอร์
โวยวายมากเกินไปแล้วทำให้โลกขาดผลผลิตเนี่ยนะคะ
ซุสก็เลยทำข้อตกลงกับเฮดีสค่ะว่า
เฮดีส ปล่อยลูกเขาคืนมาเถอะ
ให้ลูกเขาไปอยู่กับแม่นะ
แต่ว่าด้วยความที่เพอร์เซโฟนี
กินของๆเจ้าไปแล้วเนี่ยนะ
ดังนั้นนางก็จะเป็นราชินีของเจ้า
และจะลงไปอยู่กับเจ้าที่ดินแดนใต้พิภพ
เป็นระยะเวลาประมาณสามเดือนต่อปีแล้วกัน
ตอนนั้นก็ไปอยู่กับเจ้า
แล้วเวลาที่เหลือเจ้าก็ปล่อยเขาอยู่กับแม่แล้วกันนะ
ดังนั้นทุกปีนะคะช่วงปลายปี
เพอร์เซโฟนีก็จะลงไปอยู่กับเฮดีสที่โลกใต้พิภพค่ะ
และในเวลานั้นเนี่ย เทพีดีมีเทอร์ก็จะ
ร้องไห้ฟูมฟายด้วยความคิดถึงลูกนะคะ
ทำให้เกิดฤดูหนาวขึ้นบนโลกมนุษย์ในที่สุดค่ะ
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เพอร์เซโฟนีเดินทางกลับ
โลกมนุษย์หลังจากอยู่ครบสามเดือนแล้ว
ในเวลานั้นเทพีดีมีเทอร์ก็จะอารมณ์ดีขึ้น
ทำให้ใบไม้ค่อยๆผลิออกมา
ถือเป็นการสิ้นสุดฤดูหนาวนั่นเองค่ะ
ทีนี้เรื่องราวที่เล่าไปเกี่ยวอะไรกับใบมิ้นท์นะคะ
ก็ต้องบอกว่ายังไม่เกี่ยวเท่าไหร่นะ
เพราะว่าวิวนอกเรื่องไปไกลมากค่ะ
อันนี้คือเรื่องราวของเฮดีสกับเมียหลวงใช่มะ
บอกเลยว่าต่อจากนี้จะเริ่มดราม่า
และจะเริ่มแซ่บกว่าเดิมแล้วค่ะ
เพราะเรากำลังจะพูดถึงเมียน้อยนั่นเองนะคะ
คือจำที่วิวเล่าไปได้มั้ยคะว่า
โลก Underworld เนี่ยเป็นโลกที่อยู่ตรงกลาง
แล้วมีแม่น้ำทั้งหมดห้าสายไหลมารวมกันค่ะ
บังเอิญว่ามันมีสิ่งมีชีวิตสิ่งนึงนะคะ
ที่มักจะอยู่กับแม่น้ำค่ะ นั่นก็คือ นิมฟ์ นั่นเอง
นิมฟ์นี่ถือว่าเป็น เขาเรียกว่าไร
เป็นสิ่งมีชีวิต สิ่งวิเศษ สัตว์วิเศษอะไรซักอย่าง
เอาเป็นว่าเป็นมนุษย์วิเศษจำพวกนึงแล้วกันค่ะ
ที่มักจะอาศัยอยู่กับพวกน้ำนะคะ
ถือว่าเป็นพวกเทพประจำสายน้ำว่าอย่างงั้นเถอะ
แต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นเทพเป็นเทพีประมาณนั้นนะ
ซึ่งแม่น้ำแต่ละสาย บ่อน้ำแต่ละที่
ทะเลแต่ละแห่ง ก็จะมีนิมฟ์ดูแลอยู่นะคะ
นิมฟ์ที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้เป็นนิมฟ์ชื่อว่านางมิ้นธ์ค่ะ
ซึ่งมิ้นธ์เนี่ยนะคะอาศัยอยู่ในแม่น้ำที่ชื่อว่าโคไคตุสค่ะ
เป็นหนึ่งในแม่น้ำที่ไหลมาที่ Underworld ใช่มั้ยคะ
ข้อสำคัญที่เราควรจะรู้ไว้เนี่ยนะคะก็คือ
คุณมิ้นธ์ของเราเนี่ยดันเป็นนิมฟ์ที่สวยค่ะ
และค่อนข้างมั่นใจในตัวเองด้วยนะว่าฉันสวยนะคะ
ที่สำคัญจำได้มั้ยว่านางอาศัยอยู่ในแม่น้ำ
แม่น้ำไหลไปที่ไหน
ไหลไปที่ Underworld
Underworld มีใครอยู่? เฮดีส!
เฮดีสที่เมียไม่อยู่เกือบทั้งปีนะคะ
อยู่แค่สามเดือนเท่านั้นเอง
ดังนั้นค่ะ ตรงนี้มีหลายตำนานนะ
แต่ละตำนานบอกไม่เหมือนกัน
แต่ว่าตำนานที่ได้ยินบ่อยที่สุดนะคะเขาบอกไว้ว่า
คุณมิ้นธ์ก็แอบมองเฮดีสมาตั้งนานแล้วค่ะ
แล้วก็หลงรักเฮดีสนะคะประมาณว่า
นี่แหละผู้ชายในฝันของฉัน
ฉันชอบผู้ชายคนนี้อะ ฉันอยากได้ผู้ชายคนนี้เป็นผัว
แต่คุณเฮดีสเนี่ยดันมีเมียแล้ว
อย่างไรก็ตามด้วยความที่เมียไม่อยู่นะคะ
และด้วยความที่คุณมิ้นธ์เนี่ยก็ค่อนข้างสวย
และที่สำคัญด้วยความที่เทพกรีกนี่ก็
หลายผัวหลายเมียกันเป็นปกติอะนะ
จากที่เล่าๆไปน่าจะพอรู้กันนะคะ
คุณเฮดีสก็เลยหันไปมองคุณมิ้นธ์ค่ะ
แล้วก็พบว่าเออ ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน
ทั้งสองคนนะคะก็เลยเป็นชู้กันซะอย่างงั้นเลย
ทีนี้ถามว่าเฮดีสมีเมียแล้วอะ ไปมีชู้จะเกิดอะไรขึ้น
อะ หลายคนก็คงคิดว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าไร
เพราะว่าเพอร์เซโฟนีไม่ได้รักเฮดีสไง โดนลักพาตัว
อย่างไรก็ตามนะคะ ถึงจะโดนลักพาตัวมา
ถึงตอนแรกจะไม่ได้รัก
แต่ว่าอยู่ไปนานๆ แถมเป็นเมียแต่ง
ที่ถูกต้องตามกฎหมายอีกเนี่ย
อยู่ดีๆมามีชู้แบบนี้ถามว่ายอมได้มั้ยนะคะ
ก็บอกเลยว่าเพอร์เซโฟนียอมไม่ได้ค่ะ
ดังนั้นนางก็เลยโกรธมากค่ะ
แต่ถามว่าโกรธแล้วเขาทำยังไง
แทนที่เขาจะเดินไปหาเฮดีสแล้วบอกว่า
เฮ้ย เฮดีส เราไม่โอเคนะกับการที่เธอมีชู้อย่างงี้
เลิกเดี๋ยวนี้ อะไรอย่างงี้
เพอร์เซโฟนีไม่ทำแบบนั้นนะคะ
เพอร์เซโฟนีเลือกใช้วิธีแบบ
หลวงตบน้อยหน้ากระทรวงอะ ประมาณนั้นนะคะ
วันนึงค่ะ เพอร์เซโฟนีก็บุกเข้าไปหามิ้นธ์เลยค่ะ
ไปถึงแล้วก็ด่าเลยประมาณว่าแบบ
นังมิ้นธ์ แกเป็นชู้กับผัวฉันใช่มั้ย ฉันจะไม่ทนแกแล้วนะ
นี่ แกรู้มั้ยว่าผัวฉันน่ะมันไม่เคยรักใครจริง
อ่าวไม่ใช่ อันนั้นนพนภา ขอโทษๆ อินไปหน่อยนะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ก็ประมาณนี้นะคะ
เพอร์เซโฟนีก็ไปแล้วก็ไปด่ามิ้นธ์ค่ะ ด่าๆๆๆๆ
ด่าเสร็จนะคะก็ไล่กระทืบมิ้นธ์เลย
เพอร์เซโฟนีนี่โหดมากนะ
เพอร์เซโฟนีเนี่ยผลักมิ้นธ์ล้มลงค่ะ ปั่ก!
แล้วก็กระทืบมิ้นธ์นะคะตรงหน้าอกค่ะ
กระทืบปั้กๆๆๆๆๆๆ
ซึ่งตำนานตรงนี้เล่าออกเป็นสองอย่างด้วยกันนะคะ
ตำนานแรกเนี่ยนะคะบอกว่า
มิ้นธ์โดนเพอร์เซโฟนีกระทืบจนตายเลยนะคะ
แล้วพอตายไปก็กลายเป็นต้นไม้ชนิดนึง
หรือว่าต้นมิ้นท์นั่นเองค่ะ
แต่อีกตำนานนึงที่ได้ยินบ่อยกว่านะคะบอกว่า
มิ้นธ์พยายามจะหนีเพอร์เซโฟนีค่ะ
แต่ว่าไม่รู้จะหนียังไงก็เลยกลายร่างตัวเองเนี่ยนะคะ
ให้กลายเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆ
ที่อยู่ติดพื้นค่ะ ก็คือต้นมิ้นท์นั่นเอง
และความแสบของมิ้นธ์นะคะก็คือ
ทุกครั้งที่เพอร์เซโฟนีกระทืบลงไปเนี่ย
มิ้นท์ก็จะส่งกลิ่นหอมสดชื่นขึ้นมา
ยิ่งกระทืบเยอะยิ่งส่งกลิ่นหอมสดชื่นขึ้นมา
มากขึ้น มากขึ้น มากขึ้น แล้วก็มากขึ้นค่ะ
ดังนั้นนะคะ หลังจากเหตุการณ์นี้จบไปค่ะ
ต้นมิ้นท์เนี่ยก็เลยกลายเป็น
ต้นไม้ประจำตัวของเฮดีสนะคะ
และก็กลายเป็นต้นไม้ที่ชาวกรีกเนี่ย
นิยมใช้ในพิธีกรรมเกี่ยวกับความตายค่ะ
เพราะว่าสามารถใช้กลบกลิ่นศพได้อย่างดีนั่นเองค่ะ
นี่ก็คือเรื่องราวของต้นมิ้นท์นะคะว่า
ต้นมิ้นท์เนี่ยมีที่มาที่ไปยังไง
เกี่ยวข้องยังไงกับดราม่าระดับเทพของเราค่ะ
ซึ่งจริงๆตรงนี้แอบแถมนิดนึงนะ
มันมีอีกเวอร์ชันนึงนะคะที่ดราม่ากว่านี้อีก
เวอร์ชันนี้นะคะเขาบอกว่า
ความจริงแล้วมิ้นธ์กับเฮดีสเป็นคนรักกันค่ะ
แล้วเป็นคนรักกันมาตั้งนานแสนนานแล้ว
ตั้งแต่ก่อนที่เฮดีสจะไปเจอเพอร์เซโฟนีอีก
แต่ว่าตอนที่เฮดีสไปเห็นเพอร์เซโฟนีเนี่ย
เพอร์เซโฟนีสวยกว่าค่ะ
ดังนั้นเฮดีสก็เลยเขี่ยมิ้นธ์ทิ้งอะ ประมาณว่าแบบ
ฉันไม่สนใจเธอละ เขี่ยๆๆๆ ออกไปประมาณนั้นนะคะ
แล้วก็ไปลักเพอร์เซโฟนีมาเป็นเมียตัวเองแทนค่ะ
ซึ่งแน่นอนนะคะว่าก็จะต้องทำให้มิ้นธ์หึงค่ะ หึงมากๆ
และมิ้นธ์ก็ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองว่าฉันสวยกว่า
ดังนั้นมิ้นธ์ก็เลยออกมาพูดประมาณว่า
เชอะ นังเพอร์เซโฟนี
เธอก็เป็นได้แค่เมียน้อยเท่านั้นแหละ
ต่อให้เธอจะเป็นราชินีแห่งนรก
เธอก็เป็นได้แค่เมียน้อย
ฉันต่างหากคือคนที่มาก่อน
และฉันต่างหากคือคนที่สวยกว่า
ผัวฉันน่ะมันไม่เคยรักใครจริง เดี๋ยววันนึงอะ
แกก็โดนเขี่ยทิ้งเหมือนฉันนั่นแหละ ประมาณนั้นนะคะ
ดังนั้นเพอร์เซโฟนีนะคะก็เลยโกรธมิ้นธ์มากๆ
เพราะว่ารู้สึกว่าตัวเองโดนหยามมากๆ
ก็เลยทำเหมือนกับที่มุตตาค่ะ
หันไปแล้วก็ตบกลับ ประมาณนั้นนะคะ
แล้วเรื่องราวทั้งหมด
ก็เหมือนที่วิวเล่าไปเมื่อกี้นี่แหละค่ะ
เป็นไงบ้างเรื่องนี้
มีหลากหลายเวอร์ชันจริงๆนะเพราะว่า
เป็นเหมือนนิทานที่อธิบายว่าต้นมิ้นท์เกิดขึ้นมาได้ยังไง
แล้วทำไมถึงมีเยอะในบริเวณภูเขาแห่งนึง
ที่ชื่อว่ามิ้นธ์เหมือนกัน ที่กรีกนะคะ
อย่างไรก็ตามนะคะนิทานนี้ก็จะเหมือนที่วิวบอกนี่แหละ
ว่ามันเป็นนิทานเล่าปากต่อปากก็จะมี
หลากหลายเวอร์ชันนะคะ
ดังนั้นถ้าใครเคยไปอ่านเวอร์ชันอื่นมา
เคยเห็นเวอร์ชันอื่นอะไรยังไง
ก็คอมเมนต์มาคุยกันด้านล่างค่ะ
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะทุกคน
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
เอาจริงๆปะเรื่องนี้เหมือนจะเป็น
เรื่องของเฮดีสมากกว่าเรื่องมิ้นท์นะ
แต่ว่าเอาจริงๆน่าสนใจเหอะ
ตอนที่วิวไปอ่านเจอรอบแรกว่าแบบ
เฮ้ย ต้นมิ้นท์มันมีที่มาแบบนี้
แล้วมันก็ดูเข้าท่า มันดูเพอร์เฟ็กต์เลยอะ
ว่าแบบพอกระทืบๆๆ กลิ่นก็ออก ประมาณนี้นะคะ
แต่ว่าแต่ละเวอร์ชันเล่าไม่เหมือนกันหรอก
เพราะว่ามันเป็นนิทานเล่าปากต่อปาก
ดังนั้นบางเวอร์ชันนะคะก็จะบอกว่า
เพอร์เซโฟนีไปฟ้องแม่
แม่มากระทืบให้ อะไรประมาณอย่างงี้
ก็หลากหลายกันไปค่ะ ตามสไตล์นิทานนะคะ
ใครมีเรื่องไหนอยากให้วิวเล่าอีกก็
คอมเมนต์มาด้านล่างได้แล้วกันค่ะ
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ