ฟูมน้ำ Davis ในวัฒนธรรมที่ทำให้เป็นภัย
-
0:00 - 0:03คุณรู้ไหมว่าหนึ่งในความสุขอันยิ่งใหญ่ ของการท่องเที่ยว
-
0:03 - 0:05และหนึ่งในความดีใจของการศึกษา ด้านชาติพันธุ์วรรณนา
-
0:05 - 0:07คือการได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขาเหล่านั้น
-
0:07 - 0:09ซึ่งยังไม่ลืมวิถีชีวิตอันเก่าแก่
-
0:09 - 0:12ผู้ซึ่งยังรู้สึกได้ถึงอดีตในสายลม
-
0:12 - 0:15ยังสัมผัสถึงอดีตจากหิน ที่ถูกกัดกร่อนโดยสายฝน
-
0:15 - 0:17ยังลิ้มรสถึงอดีตได้ในใบไม้รสขมของต้นพืช
-
0:17 - 0:21เพียงเพื่อที่จะรู้ว่าเหล่าหมอผี Jaguar ยังคงเดินทางผ่านเลยทางช้างเผือกอยู่
-
0:21 - 0:25หรือตำนานของผู้อาวุโสชาวอินนุยท์ ยังคงก้องกังวานไปด้วยความหมาย
-
0:25 - 0:27หรือดั่งเช่นที่หิมาลัย
-
0:28 - 0:32เหล่าพระสงฆ์ยังคงมุ่งสู่คำสอนของธรรมะ
-
0:32 - 0:35ซึ่งความจริงคือ การรำลึกถึงการค้นพบหลักของมนุษยวิทยา
-
0:35 - 0:37และนี่คือแนวคิดที่ว่า โลกที่เราอาศัยอยู่นั้น
-
0:38 - 0:40ไม่มีตัวตนอยู่ในบางสัจธรรม
-
0:40 - 0:41แต่เป็นเพียงแค่รูปแบบของความเป็นจริง
-
0:41 - 0:45เป็นผลที่ตามมาของชุดทางเลือก ในการปรับตัวชุดหนึ่งโดยเฉพาะ
-
0:45 - 0:49ที่เชื้อสายบรรพบุรุษของเรา ได้ทำไว้สำเร็จเมื่อหลายรุ่นก่อน
-
0:50 - 0:54และแน่นอน เราก็ใช้ความสำคัญ ในการปรับตัวเดียวกันนั้นด้วย
-
0:54 - 0:56เราทุกคนเกิดมา เราให้กำเนิดลูกหลานของเราบนโลกนี้
-
0:56 - 0:58เราได้ผ่านพิธีกรรมแรกเริ่ม
-
0:58 - 1:00เราต้องรับมือกับการตายจากกัน ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
-
1:00 - 1:04ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พวกเราล้วนร้องรำทำเพลง
-
1:04 - 1:06เราล้วนมีศิลปะ
-
1:06 - 1:09แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ท่วงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์ของเพลง
-
1:09 - 1:11จังหวะของการเต้นในทุกๆ วัฒนธรรม
-
1:11 - 1:14และไม่ว่าจะเป็นชาวเผ่าเพนานในป่าบอร์เนียว
-
1:14 - 1:17หรือเหล่าผู้ช่วยนักบวชวูดูในเฮติ
-
1:18 - 1:22หรือเหล่านักรบ แห่งทะเลทราย Kaisut แห่งเคนย่าเหนือ
-
1:24 - 1:26หรือ Curandero ในเทือกเขาแอนดีส
-
1:27 - 1:32หรือชาวคาราวานเซอเร กลางทะเลทรายซาฮาร่า
-
1:32 - 1:34นี่คือคนที่ผมได้บังเอิญ ร่วมเดินทางไปในทะเลทรายด้วย
-
1:34 - 1:35เมื่อเดือนก่อน
-
1:35 - 1:38หรือว่าจะเป็นคนเลี้ยงตัวยาค ที่เนินเขาโคโมลังมา
-
1:38 - 1:40เทือกเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นพระแม่ของผืนพิภพ
-
1:40 - 1:43ผู้คนเหล่านี้สอนเราว่า ยังมีวิธีการดำรงอยู่แบบอื่นๆ อีก
-
1:43 - 1:44วิถีการคิดแบบอื่น
-
1:44 - 1:46วิธีการอื่นสำหรับการกำหนดตัวตน ของคุณเองในโลก
-
1:46 - 1:48และหากคุณลองคิดดู นี่คือแนวคิด
-
1:48 - 1:50ที่จะเติมเต็มคุณด้วยความหวังเท่านั้น
-
1:50 - 1:53ขณะนี้ เหล่าวัฒนธรรมในโลก จำนวนนับไม่ถ้วนได้ร่วมกัน
-
1:53 - 1:57สร้างเครือข่ายชีวิต ด้านจิตวิญญาณและวัฒนธรรม
-
1:57 - 1:59ซึ่งห่อหุ้มดาวเคราะห์ดวงนี้ไว้
-
1:59 - 2:01และมีความสำคัญ ต่อความสมบูรณ์พูนสุขของโลก
-
2:01 - 2:04เป็นเครือข่ายชีวิตทางชีววิทยา ของชีวิตที่คุณรู้จักกันในชื่อ biosphere
-
2:04 - 2:07และคุณอาจคิดว่าเครือข่ายชีวิตทางวัฒนธรรมนี้
-
2:07 - 2:08เป็น ethnosphere
-
2:08 - 2:10และคุณอาจบัญญัติให้ ethnosphere
-
2:10 - 2:13เป็นศูนย์รวม ของความคิดและความฝัน ตำนาน
-
2:13 - 2:16แนวคิด แรงบัลดาลใจ สัญชาตญาณที่เกิดขึ้น
-
2:16 - 2:20ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของการรับรู้
-
2:20 - 2:23Ethnosphere คือมรดกชิ้นยอดของมนุษย์ชาติ
-
2:23 - 2:25นี่คือสัญลักษณ์ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรา
-
2:25 - 2:29และทุกสิ่งที่เราสามารถเป็นได้ ในฐานะ ชาติพันธุ์ที่มีความอยากรู้อยากเห็นอันน่าทึ่ง
-
2:30 - 2:33และดั่งเช่นที่ biosphere ถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรง
-
2:33 - 2:35ethnosphere ก็เป็นเช่นเดียวกัน
-
2:35 - 2:37-- และยังถูกกัดกร่อนในอัตราที่รวดเร็วกว่า
-
2:37 - 2:39ยกตัวอย่างเช่น จะไม่มีนักชีววิทยาคนใดกล้าที่จะพูด
-
2:39 - 2:42ว่า 50% ของชาติพันธุ์ทั้งหมด หรือมากกว่านั้นได้หรือกำลัง
-
2:42 - 2:44ใกล้จะสูญพันธุ์ เพราะว่านั่นไม่ใช่ความจริง
-
2:44 - 2:46แต่ -- สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
-
2:46 - 2:49ในโลกของความหลากหลายด้านชีวภาพ
-
2:49 - 2:52ไม่มาสู่สถานการณ์ ที่เราคิดว่าดีที่สุดเลยแม้แต่น้อย
-
2:52 - 2:54ในโลกแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม
-
2:54 - 2:57และแน่นอนที่สุด ข้อบ่งชี้สำคัญ ก็คือการสาปสูญของภาษา
-
2:57 - 3:00เมื่อคุณแต่ละคนในห้องนี้ได้เกิดมา
-
3:00 - 3:03ในดาวเคราะห์ดวงนี้ มีภาษาที่ใช้พูดกันกว่า 6:00 ภาษา
-
3:03 - 3:06ภาษาไม่เพียงแต่เป็นแค่โครงร่างของคำศัพท์
-
3:06 - 3:08หรือชุดหลักไวยกรณ์เท่านั้น
-
3:08 - 3:10ภาษาคือประกายแสงของจิตวิญญาณมนุษย์
-
3:10 - 3:13ภาษาเป็นพาหนะ นำพาจิตวิญญาณของแต่ละวัฒนธรรม
-
3:13 - 3:14ผ่านเข้าสู่โลกแห่งรูปธรรม
-
3:14 - 3:17ภาษาแต่ละภาษานั้น คือผืนป่าอันเก่าแก่แห่งจิตใจ
-
3:17 - 3:21คือลุ่มน้ำ ความคิด และระบบนิเวศน์ ของความเป็นไปได้ทางจิตวิญญาณ
-
3:21 - 3:25และในขณะที่เรานั่งอยู่ในเมืองมอเทอเรย์วันนี้ ในภาษา 6:00 ภาษานี้
-
3:25 - 3:29มีครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้ถูกนำมาพูดคุย ถ่ายทอดให้เด็กๆ ฟังอีกต่อไป
-
3:29 - 3:32ภาษาไม่ได้ถูกนำไปสอนเด็กทารกอีกต่อไป
-
3:32 - 3:34ซึ่งหมายความว่า หากไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแล้ว
-
3:34 - 3:35ภาษาเหล่านั้นได้สูญหายไปแล้วจริงๆ
-
3:35 - 3:39จะมีอะไรเปล่าเปลี่ยวมากไปกว่า การถูกห้อมล้อมด้วยความเงียบ
-
3:39 - 3:41การเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มคนของคุณ ที่ยังใช้ภาษาของตนเองอยู่
-
3:41 - 3:44การหมดสิ้นหนทาง ที่จะส่งต่อภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ
-
3:44 - 3:47หรือเฝ้ารอความหวังของลูกหลาน
-
3:47 - 3:50แต่แล้ว ชะตากรรมที่เลวร้ายนั้น เป็นชะตากรรมของใครบางคน
-
3:50 - 3:52ที่อยู่แห่งใดแห่งหนึ่งในโลกนี้ ประมาณทุกๆ 2 สัปดาห์
-
3:52 - 3:54เพราะว่าทุกๆ 2 สัปดาห์ จะมีผู้สูงอายุจากโลกนี้ไป
-
3:54 - 3:56และได้นำพยางค์สุดท้ายของภาษาอันเก่าแก่
-
3:56 - 3:58ไปกับเขาด้วย
-
3:58 - 4:00และผมรู้ว่ามีพวกคุณบางคน ที่พูดว่า "แล้วไม่ดีหรือไง
-
4:00 - 4:01โลกจะน่าอยู่ขึ้นไม่ใช่หรือ
-
4:01 - 4:04หากพวกเราทุกคน พูดภาษาเดียวกัน" ผมก็จะบอกว่า "เยี่ยม
-
4:04 - 4:07งั้นเอาภาษา Yoruba เป็นยังไง ใช้ภาษาจีนกวางตุ้งดีมั้ย
-
4:07 - 4:08ใช้ภาษา Kogi แล้วกัน"
-
4:08 - 4:10แล้วคุณจะรู้ในทันทีทันใดว่าเป็นอย่างไร
-
4:10 - 4:13ที่ไม่สามารถใช้ภาษาของตนเองได้
-
4:13 - 4:16ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากจะท ำร่วมกับพวกคุณในวันนี้
-
4:16 - 4:20คือการนำพาคุณ ไปในการเดินทางสู่ ethnosphere
-
4:20 - 4:22การเดินทางสั้นๆ ผ่าน ethnosphere
-
4:22 - 4:26เพื่อที่จะให้คุณได้เริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่สูญสิ้นไปจริงๆ
-
4:27 - 4:34มีพวกเราหลายๆ คนที่เหมือนกับลืมไป
-
4:34 - 4:36ว่าเมื่อผมพูด "วิถีการดำรงอยู่ที่แตกต่างออกไป"
-
4:36 - 4:38ผมหมายถึงวิถีการดำรงอยู่ ที่แตกต่างออกไปจริงๆ
-
4:39 - 4:44ตัวอย่างเช่น เด็กชาวบาราซาน่า ในอะเมซอนตะวันตกเฉียงเหนือคนนี้
-
4:44 - 4:45ชาวเผ่าแห่งอานาคอนด้า
-
4:45 - 4:47ที่เชื่อตามตำนานว่างูอานาคอนด้า ขึ้นมาจากแม่น้ำแห่งน้ำนม
-
4:47 - 4:50จากทางตะวันออกในท้องของงูศักดิ์สิทธ์
-
4:50 - 4:53นี่คือผู้คนที่ โดยทางการรับรู้แล้ว
-
4:53 - 4:55ไม่สามารถแยกแยะ ความแตกต่างของฟ้าและสีเขียวได้
-
4:55 - 4:57เพราะว่าท้องฟ้าบนสรวงสวรรค์
-
4:57 - 4:58นั้นเท่าเทียมกันกับท้องฟ้าแห่งผืนป่า
-
4:58 - 5:00ซึ่งผู้คนได้พึ่งพาอาศัยอยู่
-
5:00 - 5:03พวกเขามีภาษา และวัฒนธรรมการแต่งงานที่น่าสนใจ
-
5:03 - 5:05ซึ่งเรียกว่าการแต่งงานนอกกลุ่มทางภาษา
-
5:05 - 5:08คุณจะต้องแต่งงานกับผู้ที่พูดภาษาอื่น
-
5:08 - 5:10ซึ่งวัฒนธรรมนี้มีรากเหง้า มาจากตำนานในอดีต
-
5:10 - 5:12แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในบ้านทรงยาวเหล่านี้
-
5:12 - 5:14มีภาษาที่ใช้พูดอยู่หกหรือเจ็ดภาษา
-
5:14 - 5:16เนื่องจากการแต่งงานข้ามวัฒนธรรม
-
5:16 - 5:19คุณจะไม่ได้ยินใครฝึกใช้ภาษา
-
5:19 - 5:22พวกเขาเพียงแค่ฟังแล้วเริ่มพูดเอง
-
5:22 - 5:24หรือหนึ่งในชนเผ่าที่น่าสนใจที่สุดที่ เท่าที่ผมเคยอาศัยอยู่ด้วย
-
5:24 - 5:28คือเผ่า Waorani แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเอกวาดอร์
-
5:28 - 5:31ผู้คนที่น่าพิศวงนี้ติดต่อ กับโลกภายนอกอย่างสันติในปี 1958
-
5:31 - 5:35ในปี 1957 นักเผยแพร่ศาสนา 5 คน พยายามติดต่อ
-
5:35 - 5:36และได้ทำความผิดพลาดร้ายแรง
-
5:36 - 5:37โดยการโปรยรูปภาพอาบมัน
-
5:37 - 5:39ขนาดแปดคูณสิบของตนเองจากบนอากาศ
-
5:39 - 5:41ซึ่งเราคิดว่าเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตร
-
5:41 - 5:43โดยลืมไปว่าชนเผ่าแห่งป่าฝนเหล่านี้
-
5:43 - 5:46ไม่เคยเห็นอะไรที่อยู่ใน รูป 2 มิติมาก่อนเลยในชีวิต
-
5:46 - 5:48พวกเขาเก็บรูปภาพขึ้นมาจากพื้นป่า
-
5:48 - 5:51พยายามมองด้านหลังของใบหน้าเพื่อหารูปทรง
-
5:51 - 5:53แต่ไม่พบอะไร และสรุปว่านี่เป็นสัญญาณของปีศาจ
-
5:53 - 5:56พวกเขาเลยพุ่งหอกใส่นักเผยแพร่ศาสนาทั้ง 5 จนถึงแก่ความตาย
-
5:57 - 5:59แต่พวก Waorani ไม่ได้พุ่งหอกใส่แค่คนนอกเท่านั้น
-
5:59 - 6:00พวกเขาพุ่งหอกใส่กันและกันด้วย
-
6:00 - 6:0354% ของการเสียชีวิต เกิดจากการพุ่งหอกใส่กันเอง
-
6:03 - 6:06ซึ่งเราลองไล่ย้อนกลับไป 8 ชั่วอายุคน
-
6:06 - 6:08เราพบการตายตามธรรมชาติ 2 ราย
-
6:08 - 6:10และเมื่อเราลองซักไซร้ถามผู้คนเกี่ยวกับเรื่องนี้
-
6:10 - 6:12พวกเขายอมรับว่า ผู้เสียชีวิตเหล่านั้นชราภาพมาก
-
6:12 - 6:16ซึ่งกำลังจะแก่ตายอยู่แล้ว เราก็ยังพุ่งหอกใส่เขาอยู่ดี (หัวเราะ)
-
6:16 - 6:19แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขามีสติปัญญาอันเฉียบแหลม
-
6:19 - 6:20เกี่ยวกับป่า ซึ่งเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก
-
6:20 - 6:23นักล่าของพวกเขาสามารถ ตามกลิ่นปัสสาวะของสัตว์ได้ในระยะ 40 ก้าว
-
6:23 - 6:26และสามารถบอกคุณได้ว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด
-
6:26 - 6:28ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 ผมได้รับงานที่น่าทึ่งมากๆ
-
6:28 - 6:30เมื่อศาสตราจารย์ของผมที่ฮาวาร์ดถามว่า
-
6:30 - 6:32ผมสนใจที่จะไปเฮติหรือไม่
-
6:33 - 6:35เพื่อลักลอบเข้าไปในสังคมลับ
-
6:35 - 6:37ซึ่งเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของ Duvalier
-
6:37 - 6:38และ Tonton Macoutes
-
6:38 - 6:41และเก็บตัวอย่างยาพิษที่ใช้ในพีธีทำซอมบี้
-
6:41 - 6:44เพื่อที่จะสามารถ ทำความเข้าใจในงานอันน่าตื่นเต้นนี้
-
6:44 - 6:47ผมต้องเข้าใจบางสิ่งเกี่ยวกับชะตาชีวิตที่น่าทึ่งนี้
-
6:47 - 6:50ของชาว Vodoun ซึ่งวูดูนั้นไม่ใช่ลัทธิมนต์ดำ
-
6:50 - 6:53ในทางกลับกัน คือทัศนะวิสัยต่อโลกแบบอภิปรัชญาที่ซับซ้อน
-
6:53 - 6:54น่าสนใจมาก
-
6:54 - 6:55หากผมขอให้พวกคุณ บอกชื่อศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในโลก
-
6:55 - 6:56คุณจะบอกว่าอย่างไร
-
6:56 - 6:59ศาสนาคริสต์ อิสลาม พุทธ ยิว อะไรก็ตาม
-
6:59 - 7:01แต่มักจะมีทวีปหนึ่งที่ถูกมองข้าม
-
7:01 - 7:03ความเชื่อว่าทวีปแอฟริกา ตั้งแต่ทะเลทรายซาฮาร่าลงไป
-
7:03 - 7:05ไม่มีความเชื่อทางศาสนา แต่จริงๆ แล้วพวกเขามี
-
7:05 - 7:07และวูดูเป็นเพียงแค่การกลั่นกรอง
-
7:08 - 7:09ของแนวคิดทางศาสนาที่ลึกซึ้งยิ่งเหล่านี้
-
7:09 - 7:12ที่ได้มาระหว่างโศกนาฏกรรม การหนีจากยุคการล่าทาส
-
7:12 - 7:14แต่สิ่งที่ทำให้วูดูน่าสนใจอย่างมาก
-
7:14 - 7:16ก็คือความสัมพันธ์ที่มีชีวิต
-
7:16 - 7:17ระหว่างคนเป็นกับคนตาย
-
7:17 - 7:18เมื่อคนเป็นให้กำเนิดวิญญาณ
-
7:18 - 7:21วิญญาณสามารถ ถูกปลุกจากเบื้องล่างน้ำศักดิ์สิทธ์
-
7:21 - 7:23ตอบสนองต่อจังหวะการเต้นรำ
-
7:23 - 7:25เพื่อที่จะแยกวิญญาณ ออกจากคนเป็นเพียงช่วงหนึ่ง
-
7:25 - 7:29และในช่วงเสี้ยวเวลาอันเจิดจ้านั้นเอง ผู้ช่วยนักบวชจะกลายเป็นพระเจ้า
-
7:29 - 7:31เพราะอย่างนั้นผู้ปฏิบัติวูดูจึงชอบพูดว่า
-
7:31 - 7:34"พวกคนขาวอย่างคุณ ไปโบสถ์เพื่อพูดถึงพระเจ้า
-
7:34 - 7:36เราเต้นในวิหารของเราแล้วกลายเป็นพระเจ้า"
-
7:36 - 7:39และเพราะว่าคุณถูกสิง คุณเป็นหนึ่งเดียวกับดวงวิญญาณ
-
7:39 - 7:40คุณจะได้รับอันตรายได้อย่างไร
-
7:40 - 7:43ดังนั้น คุณจะเห็น การแสดงอันน่าทึ่งเหล่านี้ เช่น
-
7:43 - 7:45ผู้ช่วยนักบวชวูดูในสภาพเข้าทรง
-
7:45 - 7:48ถือถ่านที่ยังคุกรุ่นอยู่โดยปลอดภัย
-
7:48 - 7:51ช่างเป็นการแสดงถึง ความสามารถของจิตใจที่น่าทึ่ง
-
7:51 - 7:52ซึ่งมีผลต่อร่างกายที่เป็นภาชนะรองรับ
-
7:52 - 7:55เมื่อถูกกระตุ้นในสถาพที่ถูกปลุกเร้าอย่างรุนแรง
-
7:56 - 7:58ในบรรดาผู้คนที่ผมได้เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วยมา
-
7:58 - 8:00พวกที่แปลกประหลาดที่สุดคือเผ่า Kogi
-
8:00 - 8:03แห่ง Sierra Nevada de Santa Marta ในตอนเหนือของโคลัมเบีย
-
8:03 - 8:06ลูกหลานของอารายธรรมโบราณที่กดขี่โหดร้าย
-
8:06 - 8:09ซึ่งเคยครอบครองพื้นที่ราบแถบ ชายฝั่งแคริบเบียนของโคลัมเบีย
-
8:09 - 8:10ในช่วงหลังของการพิชิต
-
8:10 - 8:13ผู้คนเหล่านี้ถอยร่นไป อยู่ในบริเวณภูเขาไฟไปที่โดดเดี่ยว
-
8:13 - 8:15ซึ่งยืนตระหง่านเหนือพื้นที่ ราบแถบชายฝั่งคาริบเบียน
-
8:15 - 8:17ในทวีปที่โชลมไปด้วยเลือด
-
8:17 - 8:20ผู้คนเหล่านี้เท่านั้น ที่ไม่ได้ถูกพิชิตลงโดยชาวสเปน
-
8:20 - 8:23จนกระทั่งทุกวันนี้ พวกเขายังคงถูกปกครองโดยการทำพิธีบวช
-
8:23 - 8:25แต่การฝึกสำหรับการเป็นนักบวชนั้น แปลกประหลาดมาก
-
8:26 - 8:28ผู้ช่วยนักบวชที่ยังเด็กจะถูกพรากไป จากครอบครัว
-
8:28 - 8:30เมื่ออายุได้ 3 หรือ 4 ขวบ
-
8:30 - 8:32ถูกแยกให้อยู่โดดเดี่ยว ในโลกภายใต้เงาของความมืด
-
8:32 - 8:36ให้กระท่อมหินที่ฐาน ของธารน้ำแข็งเป็นเวลา 18 ปี
-
8:36 - 8:37แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงละ 9 ปี
-
8:37 - 8:40ถูกเลือกอย่างตั้งใจเพื่อเลียนแบบ กระบวนการตั้งครรภ์เป็นเวลา 9 เดือน
-
8:40 - 8:42ซึ่งพวกเขาได้อยู่ในครรภ์ของมารดา
-
8:42 - 8:45ตอนนี้ เปรียบได้ว่าพวกเขา ได้อยู่ในครรภ์ของพระแม่ธรณี
-
8:45 - 8:46และตลอดช่วงเวลานี้
-
8:47 - 8:50พวกเขาได้ถูกปลูกฝังในคุณค่า แห่งชุมชนของพวกเขา
-
8:50 - 8:52คุณค่าที่คอยค้ำจุนจุดประสงค์ ที่คำภาวนาของพวกเขา
-
8:52 - 8:55และคำภาวนาของพวกเขาเท่านั้น ที่คอยค้ำจุนจักรวาล
-
8:55 - 8:57หรือที่เราเรียกว่าสมดุลทางธรรมชาติ
-
8:58 - 8:59และในช่วงท้ายของกรรมวิธีเริ่มแรกอันน่าทึ่งนี้
-
8:59 - 9:01จู่ๆ วันหนึ่งพวเขาก็ถูกพาออกมา
-
9:01 - 9:04และเป็นครั้งแรกในชีวิตเมืออายุได้ 18 ปี
-
9:04 - 9:08พวกเขาจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น และในช่วงเวลาแห่งการรับรู้ที่กระจ่าง
-
9:08 - 9:11ของแสงอาทิตย์แรกเริ่มสาดส่องไปทั่วเชิงเขา
-
9:11 - 9:12ที่มีภาพภูมิประเทศอันน่าตื่นตะลึง
-
9:13 - 9:15ในทันทีนั้น ทุกอย่างที่พวกเขา ได้เรียนมาในแบบนามธรรม
-
9:15 - 9:18จะได้รับการยืนยันอย่างเจิดจ้า แล้วนักบวชก็จะถอยออกมา
-
9:18 - 9:20และพูดว่า "เห็นไหม เป็นอย่างที่ได้บอกเจ้าไว้
-
9:20 - 9:23ว่ามันงดงามเพียงใด นี่คืิอสิ่งที่เจ้าต้องปกป้องไว้"
-
9:23 - 9:25พวกเขาเรียกตัวเองว่าพี่ชาย
-
9:25 - 9:28และพวกเขาบอกว่า พวกเราที่เป็นน้องชาย
-
9:28 - 9:31เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการทำลายโลก
-
9:32 - 9:34สัญชาตญาณในระดับนี้กลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
-
9:34 - 9:36เมื่อใดที่เรานึกถึงเหล่าชนพื้นเมือง และภูมิประเทศ
-
9:36 - 9:38เราก็จะอ้างถึง Rousseau
-
9:38 - 9:41และเรื่องหลอกลวงเก่าๆ ของคนเถื่อนที่ไร้มลทิน
-
9:41 - 9:43ซึ่งเป็นแนวคิดการเหยียดผิว ในรูปแบบง่ายที่สุด
-
9:43 - 9:46หรือเราอาจจะเลือกอ้างถึง Thoreau
-
9:46 - 9:48แล้วบอกว่าคนเหล่านี้ ใกล้ชิดกับโลกมากกว่าพวกเรา
-
9:48 - 9:50ที่จริงแล้ว ชนพื้นเมืองเหล่านี้ ไม่ได้มีอารมณ์อ่อนไหว
-
9:50 - 9:52หรือรู้สึกอาลัยอาวรณ์ในเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา
-
9:52 - 9:54สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
-
9:54 - 9:56ในบึง Asmat ที่เต็มไปด้วยเชื้อมาลาเรีย
-
9:56 - 9:59หรือในสายลมอันหนาวเหน็บของธิเบต แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้
-
9:59 - 10:03หล่อหลอมความเร้นลับทางประเพณี ของพื้นพิภพผ่านเวลาและพิธีกรรม
-
10:03 - 10:06ซึ่งไม่ได้มีพื้นฐานมาจากแนวคิด ของการอยู่ใกล้กับสิ่งนี้อย่างมีสติรับรู้ของตน
-
10:06 - 10:08แต่อยู่บนสัญชาตญาณที่เรียบง่ายกว่านั้น
-
10:08 - 10:11แนวคิดที่ว่าโลกจะมีตัวตนอยู่ได้
-
10:12 - 10:14เพราะโลกมีชีวิตขึ้นมาได้ด้วยการ รับรู้ของมนุษย์เท่านั้น
-
10:14 - 10:16นั่นหมายความว่าอย่างไร
-
10:16 - 10:18หมายความว่า เด็กคนหนึ่งจากเถือกเขาแอนดีส
-
10:18 - 10:20ที่ถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อว่า ภูเขานั้นคือวิญญาณของ Apu
-
10:20 - 10:22ที่จะคอยชี้นำชะตาชีวิตของเขาและเธอ
-
10:22 - 10:25จะเป็นมนุษย์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
-
10:25 - 10:28และมีความสัมพันธ์กับแหล่งความรู้นั้น
-
10:28 - 10:30หรือสถานที่นั้นต่างออกไป จากเด็กที่มาจากมอนทาน่า
-
10:30 - 10:33ซึ่งถูกเลี้ยงให้เชื่อว่าภูเขาก็เป็นแค่กองหิน
-
10:33 - 10:34ที่พร้อมสำหรับการทำเหมืองแร่
-
10:34 - 10:38การเป็นบ้านของวิญญาณ หรือเป็นแค่ก้อนแร่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ
-
10:38 - 10:41สิ่งที่น่าสนใจก็คือการเปรียบเทียบ ที่กำหนดความสัมพันธ์
-
10:41 - 10:43ระหว่างปัจเจกชนกับโลกธรรมชาติ
-
10:43 - 10:45ผมถูกเลี้ยงขึ้นมาในป่าบริทิชโคลัมเบีย
-
10:45 - 10:47ผมเชื่อว่าป่าเกิดขึ้นมาเพื่อถูกตัด
-
10:47 - 10:49ทำให้ผมเป็นคนที่แตกต่างออกไป
-
10:49 - 10:51จากเพื่อนของผมในเผ่า Kwakiutl
-
10:51 - 10:53ผู้ที่เชื่อว่าป่าเหล่านั้น เป็นบ้านของ Hukuk
-
10:53 - 10:54และจงอยปากที่โค้งงอของสวรรค์
-
10:54 - 10:57และ วิญญาณกินคน ที่อาศัยอยู่ที่ส่วนเหนือสุดของโลก
-
10:57 - 11:01เป็นเหล่าวิญญาณที่พวกเขา ต้องเข้าร่วมในระหว่างพิธีบวช Hamatsa
-
11:01 - 11:03หากคุณเริ่มที่จะดูแนวคิด
-
11:03 - 11:05ที่วัฒนธรรมเหล่านี้ อาจสร้างความเป็นจริงที่แตกต่าง
-
11:05 - 11:06คุณอาจจะเริ่มเข้าใจถึง
-
11:06 - 11:11การค้นพบอันน่าอันเยี่ยมยอดของพวกเขา อย่างเช่นพืชต้นนี้
-
11:11 - 11:13เป็นรูปภาพที่ผมถ่ายจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของอะมาซอนในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
-
11:13 - 11:16นี่คือ ayahuasca ซึ่งพวกคุณหลายคนเคยได้ยินมา
-
11:16 - 11:19ยาปรุงสมุนไพรซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทรุนแรงที่สุด
-
11:19 - 11:21จากเทคนิคของหมอผี
-
11:21 - 11:23สิ่งที่ทำให้ ayahuasca นั้นน่าหลงใหล
-
11:23 - 11:27ไม่ใช่ศักยภาพด้านเภสัชวิทยา ของยาสมุนไพรตัวนี้
-
11:27 - 11:31แต่เป็นการผลิตของยา ยาทำมาจากวัตถุดิบสองชนิดที่แตกต่างกัน
-
11:31 - 11:33ชนิดแรกคือเถาวัลย์ไม้
-
11:33 - 11:35ซี่งมีสารจำพวก beta-carboline อยู่
-
11:35 - 11:38harmine และ harmoline ซึ่งมีฤทธิ์หลอนประสาทอ่อนๆ
-
11:38 - 11:40ในการใช้เถาวัลย์อย่างเดียว
-
11:40 - 11:42จะทำให้รู้สึกเหมือนมีควันสีฟ้า
-
11:42 - 11:44ล่องลอยอยู่เหนือสติสัมปชัญญะของคุณ
-
11:44 - 11:47แต่จะถูกนำไปผสมกับ ใบจากพุ่มไม้ในตระกูลต้นกาแฟ
-
11:47 - 11:49เรียกว่า Psychotria viridis
-
11:49 - 11:52พืชชนิดนี้มีสารจำพวก tryptamine ซึ่งมีฤทธิ์แรงมาก
-
11:52 - 11:56ซึ่งใกล้เคียงกับสาร serotonin ในสมอง หรือ dimethyltryptamine-5
-
11:56 - 11:57methoxydimethyltryptamine
-
11:57 - 11:59หากคุณเคยพบ Yanomami
-
11:59 - 12:01พวกเขาสูดดมยานัตถุ์นั้น
-
12:01 - 12:04ซึ่งเป็นสารที่พวกเขาทำมาจากพืชหลากพันธุ์
-
12:04 - 12:08ยังมีสาร methoxydimethyltryptamine อยู่ด้วย
-
12:08 - 12:10หากใช้จมูกสูดผงนั่นเข้าไป
-
12:10 - 12:14จะรู้สึกเหมือนกับถูกยิงออกมา จากลำกล้องปืนไรเฟิล
-
12:14 - 12:21มีรอยด้วยภาพวาดแนวพิศดาร แล้วตกลงสู่ทะเลแห่งกระแสไฟฟ้า (หัวเราะ)
-
12:21 - 12:23สิ่งนี้ไม่ได้สร้างการบิดเบือนความเป็นจริง
-
12:23 - 12:24แต่ก่อให้เกิดการพังทลายของความเป็นจริง
-
12:24 - 12:27จริงๆ แล้ว ผมเคยโต้เถียงกับศาสตราจารย์ของผมชื่อ Richard Evan Shultes
-
12:27 - 12:29ซึ่งเป็นผู้จุดประกายยุคบุปฝาชน
-
12:29 - 12:31ด้วยการค้นพบเห็ดมหัศจรรย์
-
12:31 - 12:33ในเม็กซิโกในช่วงทศวรรษที่ 1930
-
12:33 - 12:35ผมเคยแย้งกับท่านว่า คุณไม่สามารถแยกประเภท tryptamine ว่า
-
12:35 - 12:38เป็นสารหลอนประสาท เพราะว่าเมือคุณตกอยู่ในฤทธิ์ของมัน
-
12:38 - 12:42คุณก็หมดสติไม่ได้ประสบกับ อาการหลอนประสาทแล้ว (หัวเราะ)
-
12:42 - 12:45แต่ tryptamine ไม่สามารถเสพโดยการกินได้
-
12:45 - 12:47เพราะว่ามันถูกต้านทานโดยเอนไซม์
-
12:47 - 12:50ที่พบในอวัยวะภายในของมนุษย์ตามธรรมชาติ ซึ่งเรียกว่า mono amine oxidase
-
12:50 - 12:53คุณสามารถกินได้วิธีเดียวโดยการทานร่วมกับ
-
12:53 - 12:56สารเคมีอื่นซึ่งมีฤทธิ์ต้านทาน MAO
-
12:56 - 12:57สิ่งที่น่าสนใจยิ่ง
-
12:57 - 13:01ก็คือ beta-carboline ที่พบในเถาวัลย์ไม้
-
13:01 - 13:04เป็นตัวยับยั้ง MAO ที่ลงตัวเหมาะเจาะเพียงพอที่จะ
-
13:05 - 13:08ช่วยเสริมพลังของ tryptamine ได้ คุณถึงถามตัวเองว่า
-
13:08 - 13:12จากพืชพันธุ์กว่า 80:00 พันธุ์ ในตระกูลพืชฝาดสมาน
-
13:12 - 13:16คนเหล่านี้หาพืช ที่มีโครงสร้างแตกต่างกัน 2 ชนิด
-
13:16 - 13:17ซึ่งเมื่อนำมาผสมกันในวิธีนี้แล้ว
-
13:17 - 13:19ได้ก่อให้เกิดรูปแบบทางชีวเคมี
-
13:19 - 13:21ของการเป็นตัวเต็มเดี่ยวๆ ที่มากกว่าผลรวมของส่วนต่างๆ
-
13:21 - 13:24เราใช้วิธีที่เรียกให้สวยหรูว่าการลองผิดลองถูก
-
13:24 - 13:25ซึ่งดูแล้วไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
-
13:26 - 13:29แต่เมื่อคุณถามชาวอินเดียน พวกเขาตอบว่า "พืชพูดกับพวกเรา"
-
13:29 - 13:30หมายความว่าอย่างไรกัน
-
13:30 - 13:34เผ่า Cofan นี้มี ayahuasca กว่า 17 ชนิด
-
13:34 - 13:37ซึ่งทั้งหมดอยู่แยกกันในป่า เป็นระยะทางที่ไกลมาก
-
13:38 - 13:42ซึ่งในสายตาของพวกเรา มองเห็นเป็นพืชชนิดเดียวกัน
-
13:42 - 13:44แล้วเมื่อคุณถามว่าพวกเขา แยกประเภทออกได้อย่างไร
-
13:44 - 13:47พวกเขาก็จะพูดว่า "หลงนึกว่าคุณรู้เรื่องต้นไม้ซะอีก
-
13:47 - 13:49คือว่า คุณรู้อะไรบ้างมั้ย" ซึ่งผมก็ตอบไปว่า "ไม่รู้"
-
13:49 - 13:52กลายเป็นว่า คุณเก็บพืชแต่และชนิด ทั้ง 17 ชนิด
-
13:52 - 13:55ในคืนพระจันทร์เต็มดวง และพืชจะร้องเพลงให้คุณในโทนที่แตกต่างกัน
-
13:55 - 13:57วิธีนี้จะไม่ทำให้คุณได้ปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ด
-
13:57 - 14:01แต่ก็น่าสนใจมากกว่าการนับเกสรตัวผู้
-
14:01 - 14:02ตอนนี้
-
14:02 - 14:05(เสียงปรบมือ)
-
14:05 - 14:07ปัญหา -- ปัญหาคือแม้กระทั่งพวกเรา
-
14:07 - 14:09เห็นใจต่อสถานการณ์อันเลวร้าย ของชนเผ่าเหล่านั้น
-
14:09 - 14:10มองพวกเขาเป็บผู้มีสีสันและน่าอัศจรรย์
-
14:10 - 14:12แต่ด้วยเหตุบางประการถูกลดจำนวน เหลือแค่ส่วนเล็กๆในหน้าประวัติศาสตร์
-
14:12 - 14:15ขณะที่โลกแท้จริง หมายถึงโลกของเราก้าวไปข้างหน้า
-
14:15 - 14:17ความจริงก็คือศตวรรษที่ 20 ในอีก 300 ปีข้างหน้า
-
14:17 - 14:20จะไม่ถูกจดจำในเรื่องสงครามต่างๆ
-
14:20 - 14:21หรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
-
14:21 - 14:23แต่จะถูกจดจำว่าเป็นยุคที่เรายืนอยู่เฉยๆ
-
14:24 - 14:26แล้วอนุมัติอย่างเปิดเผยหรือแอบยอมรับ
-
14:26 - 14:29การทำลายล้างครั้งมโหฬารของทั้งความหลากหลาย ทางชีวภาพและวัฒนธรรม
-
14:29 - 14:32บนดาวเคราะห์ใบนี้ ปัญหาก็ยังคงเดิม
-
14:32 - 14:34วัฒนธรรมทั้งหลายในทุกยุคทุกสมัย
-
14:34 - 14:37ได้ข้าร่วมการเฉลิมฉลองร่วมกับ
-
14:37 - 14:38กับความเป็นไปได้ในชีวิตอย่างสม่ำเสมอ
-
14:39 - 14:41และปัญหาก็ไม่ใช่ที่ตัวเทคโนโลยีเอง
-
14:42 - 14:44ชาวอินเดียนเผ่า Sioux ไม่ได้เลิกเป็น Sioux
-
14:44 - 14:45เมื่อพวกเขาเลิกใช้ธนูและลูกศร
-
14:45 - 14:47ไม่ต่างไปจากที่ชาวอเมริกัน ไม่ได้เลิกเป็นชาวอเมริกัน
-
14:47 - 14:49เมื่อพวกเขาเลิกใช้ม้าและรถเทียมม้า
-
14:49 - 14:50ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงหรือเทคโนโลยี
-
14:50 - 14:54ที่คุกคามความมั่นคงของ ethnosphere แต่เป็นพลังต่างหาก
-
14:54 - 14:56ใบหน้าหยาบช้าของการปกครอง
-
14:56 - 14:58และเมื่อใดที่คุณมองไปรอบๆ โลก
-
14:58 - 15:01คุณจะพบว่าวัฒนธรรมเหล่านี้ ไม่ควรที่จะสูญหายไป
-
15:01 - 15:03ผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตหลากหลาย
-
15:03 - 15:06ที่ถูกขับไล่ไปสู่การดับสูญโดยอำนาจที่เขารู้จักดี
-
15:06 - 15:08ซึ่งพวกเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้าได้
-
15:08 - 15:10ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่าอันเลวทราม
-
15:11 - 15:13ในบ้านเกิดของชาวเพนาน
-
15:13 - 15:16ชาวเผ่าเร่ร่อนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากซาลาวัก
-
15:16 - 15:20ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่า อย่างอิสระจนกระทั่งถึงรุ่นก่อน
-
15:20 - 15:23ตอนนี้ถูกลดสภาพลงเหลือ เพียงทาสและการค้าประเวณี
-
15:23 - 15:25ตามชายฝั่งแม่น้ำ
-
15:25 - 15:29ที่คุณจะเห็นแม่น้ำที่เหลือเพียงแค่โคลน
-
15:29 - 15:31ซึ่งดูเหมือนจะพัดพาครึ่งหนึ่ง ของหมู่เกาะบอร์เนียวไป
-
15:31 - 15:32ถึงทะเลจีนใต้
-
15:32 - 15:34ซึ่งมีเรือขนสินค้าญี่ปุ่นลอยลำอยู่สุดขอบฟ้า
-
15:34 - 15:38พร้อมที่จะรับท่อนซุงที่ถูกกระชากออก จากป่าให้เต็มท้องเรือ
-
15:38 - 15:39หรือในกรณีของ Yanomami
-
15:39 - 15:41คือเชื้อของโรคร้ายที่ได้เข้ามา
-
15:41 - 15:43ในช่วงหลังของการค้นพบทองคำ
-
15:43 - 15:45หรือหากเราไปที่เทือกเขาในธิเบต
-
15:45 - 15:47ซึ่งในช่วงหลังๆ ผมได้ทำการค้นคว้าวิจัยไว้มาก
-
15:48 - 15:51คุณจะเห็นใบหน้าอันหยาบกร้าน ของการยึดครองทางการเมือง
-
15:51 - 15:53คุณรู้ใช่ไหม ว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การทำให้มนุษย์สูญพันธุ์
-
15:53 - 15:55จะถูกประนามจากทุกฝ่าย แต่การทำลายล้างวัฒนธรรม (ethnocide)
-
15:56 - 15:59การทำลายล้างวิถีชีวิตของผู้คน กลับไม่เพียงไม่ได้รับการประนาม
-
15:59 - 16:02แต่กลับได้รับการเฉลิมฉลอง
-
16:02 - 16:04โดยนับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนา
-
16:04 - 16:07คุณไม่สามารถเข้าใจถึงความเจ็บปวดของธิเบตได้
-
16:07 - 16:09จนกว่าคุณจะได้สำรวจดูในระดับพื้นดิน
-
16:09 - 16:13ผมเคยเดินทางจากเมืองเฉิงตูทางตะวันตกของจีน เป็นระยะทาง 6:00 ไมล์
-
16:13 - 16:16ทางภาคพื้นดินผ่านเขตตะวันตกเฉียงใต้ ของธิเบตสู่เมืองลาซา
-
16:16 - 16:20ร่วมกับเพื่อนร่วมงานอายุน้อย และเมื่อผมไปถึงลาซา
-
16:20 - 16:23ผมก็ได้เข้าใจถึงความจริงเบื้องหลังสถิติ
-
16:23 - 16:24ที่พวกคุณเคยได้ยิน
-
16:24 - 16:28อนุเสาวรีย์อันศักดิ์สิทธิ์ 6:00 แห่ง ซึ่งถูกรื้อลงมาจนกลายเป็นธุลีดิน
-
16:28 - 16:31คนกว่า 1.2 ล้านคนถูกฆ่าโดยนักปฏิวัติ
-
16:31 - 16:32ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม
-
16:33 - 16:35พ่อของเด็กหนุ่มคนนี้ถูกตราหน้าว่า เป็นปันเชน ลามะ
-
16:35 - 16:37ซึ่งหมายความว่าเขาถูกฆ่าในทันที
-
16:37 - 16:39ในช่วงการบุกของจีน
-
16:39 - 16:41ลุงของเขาหนีไปกับองค์ดาไลลามะ ในกลุ่มผู้หลบหนี
-
16:41 - 16:44ซึ่งพาผู้คนอพยพไปยังเนปาล
-
16:44 - 16:46แม่ของเขาถูกจองจำเนื่องจาก
-
16:46 - 16:48ความผิดเพราะมีฐานะร่ำรวย
-
16:49 - 16:51เขาถูกลอบนำเข้าไปในคุกเมื่ออายุได้ 2 ขวบ
-
16:51 - 16:53โดยให้หลบอยู่ใต้กระโปรงของแม่
-
16:53 - 16:55เพราะเธอไม่สามารถอยู่โดยไม่มีเขาได้
-
16:55 - 16:57พี่สาวซึ่งได้ทำเรื่องกล้าหาญนั้น
-
16:57 - 16:58ถูกจับเข้าค่ายอบรมศึกษา
-
16:58 - 17:00วันหนึ่งเธอได้เหยียบปลอกแขน ของประธานเหมาโดยไม่ตั้งใจ
-
17:01 - 17:03และเพราะการกระทำผิดนั้น
-
17:03 - 17:06เธอถูกลงโทษให้ใช้แรงงานหนักเป็นเวลา 7 ปี
-
17:06 - 17:09ความเจ็บปวดของธิเบตอาจเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้
-
17:09 - 17:12แต่จิดวิญญาณไถ่บาปของผู้คนเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง
-
17:13 - 17:16และในท้ายที่สุด ก็จะเหลือแค่การเลือก
-
17:16 - 17:19ว่าเราอยากมีชีวิตอยู่ในโลกสีโทนเดียว อันน่าเบื่อซ้ำซาก
-
17:19 - 17:22หรือเราต้องการจะรับโลกที่มากด้วยสีสัน แห่งความหลากหลายกันแน่
-
17:22 - 17:25Margaret Mead นักมนุษย์วิทยาที่ยิ่งใหญ่เคยพูดเอาไว้ว่าก่อนสิ้นลม
-
17:25 - 17:28ว่าสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือการที่กำลังเข้าไปสู่
-
17:28 - 17:30โลกทัศน์โดยรวมที่มืดบอดนี้
-
17:30 - 17:35ไม่เพียงแต่เราจะเห็นสุดขอบ การจินตนาการของมนุษย์
-
17:35 - 17:39ซึ่งเหลือเป็นเพียงแค่ทัศนะภาวะ ของความคิดที่คับแคบ
-
17:39 - 17:40แต่เป็นการที่เราตื่นจากความฝันในสักวันหนึ่ง
-
17:40 - 17:43โดยที่ลืมเลือนว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นๆ อีก
-
17:44 - 17:47และเป็นการถ่อมตนที่จะระลึกถึง เผ่าพันธุ์ของเราซึ่งอาจจะ
-
17:47 - 17:49มีมานานกว่า 600:00 ปี
-
17:49 - 17:52การปฏิวัติหลังยุคหิน -- ซึ่งทำให้เรามีการเกษตรกรรม
-
17:52 - 17:54ซึ่งเป็นเวลาที่เรายอมให้กับลัทธิแห่งเมล็ดพันธุ์
-
17:54 - 17:56บทกวีของเหล่าหมอผีถูกแทนที่
-
17:56 - 17:57ด้วยความจืดชืดของการเป็นนักเทศ
-
17:57 - 18:00เราได้สร้างระบบชนชั้นวรรณะ
-
18:00 - 18:02เมื่อ 10:00 ปีก่อนเท่านั้น
-
18:02 - 18:04ยุคอุตสาหกรรมที่เรารู้จักในปัจจุบัน
-
18:04 - 18:06มีอายุเพียงแค่ 300 ปีเท่านั้น
-
18:06 - 18:08ประวัติศาสตร์สั้นๆ นั้นไม่ได้บอกผม
-
18:08 - 18:11ว่าเรามีคำตอบสำหรับหรับทุกความท้าทาย
-
18:11 - 18:13ที่เราจะเผชิญในสหัสวรรษหน้า
-
18:13 - 18:15เมื่อวัฒนธรรมมากมายในโลกนี้
-
18:15 - 18:18ถูกถามถึงความหมายของการเป็นมนุษย์
-
18:18 - 18:20พวกเขาจะตอบกลับมาด้วยเสียงที่แตกต่างกัน : 10:00 เสียง
-
18:20 - 18:26และในเสียงเพลงนั้นเอง ที่เราจะค้นพบความเป็นไปได้อีกครั้ง
-
18:26 - 18:29ในการเป็นสิ่งที่เราเป็น: สิ่งมีชีวิตที่มีความรับรู้สมบูรณ์
-
18:29 - 18:32รับรู้เต็มที่ที่จะทำให้คนและผืนป่าท้งหมด
-
18:32 - 18:38มีหนทางที่จะเบ่งบาน และมีช่วงเวลาแห่งการมองโลกในแง่ดี
-
18:38 - 18:41นี่คือรูปที่ผมได้ถ่ายที่แหลม ทางตอนเหนือของเกาะ Baffin
-
18:41 - 18:43เมื่อผมไปล่าปลาวาฬขนาดเล็กกับชาวอินนุยท์
-
18:44 - 18:47และชายคนนี้ชื่อโอลาย่า ได้เล่าเรื่องสนุกสนานของปู่ให้ผมฟัง
-
18:48 - 18:50รัฐบาลของแคนนาดานั้นไม่ได้ใจดีเสมอไป
-
18:50 - 18:52กับชาวอินนุยท์ และในช่วงทศวรรษที่ 1950
-
18:52 - 18:55เพื่อก่อตั้งอำนาจอธิปไตยของเรา เราบังคับให้พวกเขาไปอยู่ในชุมชน
-
18:55 - 18:59ปู่ของชายชราคนนี้ไม่ยอมไป
-
18:59 - 19:03ทางครอบครัวซึ่งห่วงใยในชีวิตของเขา ได้ปลดอาวุธเขา
-
19:03 - 19:04เครื่องมือทั้งหมด
-
19:05 - 19:07คุณต้องเข้าใจว่าชาวอินนุยท์นั้น ไม่ได้กลัวความหนาว
-
19:07 - 19:08พวกเขาใช้มันให้เป็นประโยชน์
-
19:08 - 19:11ส่วนกระดานเลื่อนของเลื่อนหิมะของเขานั้น เดิมทีทำจากปลา
-
19:11 - 19:12หุ้มด้วยหนังกวาง caribou
-
19:12 - 19:17ปู่ของชายคนนี้ไม่ได้หวาดกลัวค่ำคืน ในคาบสมุทรอาร์คติก
-
19:17 - 19:19หรือพายุหิมะที่โหมกระหน่ำอยู่
-
19:19 - 19:22เขาเพียงแค่แอบลอบออกไป และลดกางเกงหนังแมวน้ำ
-
19:23 - 19:26แล้วถ่ายอุจจาระลงบนมือ และเมื่ออุจาระเริ่มแข็ง
-
19:26 - 19:29เขาก็แต่งรูปทรงให้กลายเป็นใบมีด
-
19:29 - 19:31เขาพ่นน้ำลายใส่ปลายมีดอุจจาระ
-
19:31 - 19:34และมื่อมันแข็งเต็มที่เขาก็ใช้มันฆ่าหมา
-
19:34 - 19:37เขาถลกหนังมันและนำมาดัดแปลงเป็นสายรัด
-
19:37 - 19:40นำซี่โครงของหมามาทำเป็นเลื่อน
-
19:41 - 19:42รัดหมาตัวที่อยู่ติดกัน
-
19:42 - 19:46แล้วหายไปบนแผ่นน้ำแข็ง โดยมีมีดอุจจาระเหน็บไว้ที่เอว
-
19:46 - 19:50การเอาตัวรอดตัวเปล่ามันต้องแบบนี้ (หัวเราะ)
-
19:50 - 19:51และเรื่องนี้ ในหลายๆ ด้านแล้ว
-
19:51 - 19:53(เสียงปรบมือ)
-
19:53 - 19:55คือสัญลักษณ์แห่งความยืดหยุ่นของชาวอินนุยท์
-
19:55 - 19:58และในชนเผ่าพื้นเมืองทั้งหมดทั่วโลก
-
19:58 - 20:00ในเดือนเมษายน ปี 1999 รัฐบาลแคนนาดา
-
20:00 - 20:03ได้ยกอำนาจการปกครองทั้งหมด คืนแก่ชาวอินนุยท์
-
20:03 - 20:06เป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่กว่า รัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัสรวมกัน
-
20:06 - 20:08เป็นบ้านเกิดใหม่ของเราที่เรียกว่า Nunavut
-
20:09 - 20:12เป็นพรมแดนอิสระ พวกเขาควบคุมทรัพยากรแร่ทั้งหมด
-
20:12 - 20:14ถือเป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของการที่ประเทศ
-
20:14 - 20:18ที่สามารถบรรลุถึงการให้คืนแก่ประชาชน
-
20:19 - 20:22และในท้ายที่สุด ผมคิดว่ามันชัดเจนเพียงพอ
-
20:22 - 20:23อย่างน้อยก็สำหรับพวกเราที่ได้เดินทาง
-
20:23 - 20:25ไปสู่ที่ห่างไกลสุดขอบดาวเคราะห์ดวงนี้
-
20:27 - 20:28เพื่อรับรู้ว่าที่เหล่านั้นไม่ได้ห่างไกลเลย
-
20:28 - 20:30ที่เหล่านั้นเป็นบ้านเกิดของใครบางคน
-
20:30 - 20:32เป็นตัวแทนของกิ่งก้านสาขาของจินตนาการมนุษย์
-
20:32 - 20:36ทีย้อนกลับไปถึงครั้งโบราณกาล และสำหรับเราทุกคน
-
20:36 - 20:39ความฝันของเด็กเหล่านี้ ก็เป็นเหมือนกับความฝันของลูกหลานของเรา
-
20:39 - 20:42ซึ่งกลายเป็นภูมิศาสตร์แห่งความหวังอันเปลือยเปล่า
-
20:42 - 20:46ท้ายที่สุด สิ่งที่เราต้องการทำที่ National Geographic
-
20:46 - 20:50คือ เราเชื่อว่านักการเมือง จะไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้
-
20:50 - 20:51เราคิดว่าการโต้เถียง --
-
20:51 - 20:53(เสียงปรบมือ)
-
20:53 - 20:55เราคิดว่าการโต้เถียงไม่ใช่การโน้มน้าว
-
20:55 - 20:58แต่เราคิดว่าการเล่าเรื่องราวสามารถเปลี่ยนโลกได้
-
20:58 - 21:01และเราอาจจะเป็นสถาบันเล่าเรื่องที่ดีที่สุด
-
21:01 - 21:04ในโลก โดยที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์เรากว่า 35 ล้านครั้ง ในแต่ละเดือน
-
21:04 - 21:07กว่า 156 ประเทศมีรายการโทรทัศน์ของเรา
-
21:08 - 21:10วารสารของเรามีผู้อ่านเป็นจำนวนหลายล้านคน
-
21:10 - 21:13และสิ่งที่เราทำคือการเดินทาง
-
21:13 - 21:15สู่ ethnosphere ซึ่งเราจะนำผู้ชมของเรา
-
21:15 - 21:17ไปสู่สถานที่ของความมหัศจรรย์ทางวัฒนธรรม
-
21:18 - 21:20ซึ่งพวกเขาจะต้องตื่นตะลึง
-
21:20 - 21:22จากสิ่งที่เขาได้พบเห็นมา และหวังว่า
-
21:22 - 21:25พวกเขาแต่ละคนจะยินดีรับ
-
21:25 - 21:27หัวใจของการค้นพบทางมนุษยวิทยา
-
21:27 - 21:31ว่าโลกนี้ควรจะดำรงอยู่ด้วยหนทาง ที่หลากหลาย
-
21:31 - 21:32ที่เราสามารถหาหนทางในการมีชีวิต
-
21:32 - 21:35ในโลกที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายอย่างแท้จริง
-
21:35 - 21:37ที่ซึ่งสติปัญญาทั้งหมดของทุกคน
-
21:37 - 21:40สามารถมีส่วนร่วมต่อความผาสุข ของพวกเราทั้งปวง
-
21:40 - 21:41ขอบคุณทุกคนมากครับ
-
21:41 - 21:43(ปรบมือ)
- Title:
- ฟูมน้ำ Davis ในวัฒนธรรมที่ทำให้เป็นภัย
- Speaker:
- Wade Davis
- Description:
-
ทำ ให้งงงวยด้วยภาพถ่ายและเรื่องราวแห่งชาติทางภูมิศาสตร์เอ็กซ์พลอเรอร์ฟูมน้ำ Davis ฉลองพิเศษหลากหลายของโลกวัฒนธรรมพื้นเมืองที่ disappearing จากดาวเคราะห์ที่น่ากลัวอัตรา.
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 21:44