< Return to Video

5 เคล็ดลับการพูดภาษาต่าง ๆ | ซิด เอโฟรโมวิช (Sid Efromovich) | TEDxUpperEastSide

  • 0:05 - 0:07
    ผมพูดเจ็ดภาษา
  • 0:07 - 0:09
    ทันทีที่คนรู้เรื่องนี้
  • 0:09 - 0:12
    สิ่งที่ผมมักจะถูกถามก็คือ --
  • 0:12 - 0:14
    แทนที่จะเป็นการถูกขอเบอร์โทรศัพท์ --
  • 0:14 - 0:16
    คือ: "คุณทำได้อย่างไรน่ะ"
  • 0:16 - 0:20
    คุณเรียนภาษาต่างๆ ทั้งหมดนี้ได้อย่างไร
  • 0:20 - 0:24
    ครับ วันนี้ผมจะมาแบ่งปัน
    เคล็ดลับคำตอบนั้นกับคุณ
  • 0:24 - 0:26
    ครับ เบอร์โทรศัพท์ผมคือ 212...
  • 0:26 - 0:28
    (เสียงหัวเราะ)
  • 0:28 - 0:29
    ผมล้อเล่นครับ
  • 0:29 - 0:31
    ครับ ผมเติบโตมาท่ามกลางหลายภาษา
  • 0:31 - 0:33
    เมื่อผมอายุ 18 ปี
  • 0:33 - 0:36
    ผมพูดได้แล้วสี่ภาษา
  • 0:36 - 0:39
    และจากนั้นอีกสามปี
  • 0:39 - 0:41
    ผมก็เรียนอีกสามภาษา
  • 0:41 - 0:43
    นั่นเป็นสามปีที่ผมอยากจะพูดถึง
  • 0:43 - 0:46
    เพราะว่ากระบวนการเรียนภาษาของผม
  • 0:46 - 0:49
    แตกต่างไปจากวิธีการของเพื่อน ๆ ผมมาก
  • 0:49 - 0:51
    ไม่เคยรู้สึกว่าเคร่งเครียด
  • 0:51 - 0:55
    ยากราวกับเข็นครก
    หรือเหมือนสิ่งที่ไม่สามารถเป็นไปได้
  • 0:55 - 0:58
    แต่ว่าเป็นเรื่องที่น่าเพลิดเพลิน
    สนุก ตื่นเต้น
  • 0:58 - 1:01
    ผมรักมัน ทุกวินาทีของมัน
  • 1:03 - 1:05
    และผมต้องการที่จะแบ่งปันมันกับคุณ
  • 1:05 - 1:08
    ทำไม อะไรที่ทำให้มันพิเศษนัก
  • 1:08 - 1:11
    ครับ ผมเริ่มต้นเร็ว
  • 1:11 - 1:15
    ผมรู้สี่ภาษาตั้งแต่แรก ๆ
  • 1:15 - 1:17
    แต่ว่ายังมี 5 เคล็ดลับ
  • 1:17 - 1:21
    5 ทักษะ จะว่าอย่างนั้นก็ได้
    ที่ผมใช้
  • 1:21 - 1:24
    ที่ทำให้กระบวนการเรียนภาษาง่ายขึ้น
  • 1:24 - 1:26
    และมันก็เป็น 5 เคล็ดลับ
  • 1:26 - 1:28
    ที่ผมอยากจะพูดถึง
  • 1:28 - 1:30
    เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย
  • 1:30 - 1:31
    ข้อแรก
  • 1:31 - 1:33
    อย่างแรกที่เราต้องทำก็คือ
  • 1:33 - 1:37
    หายใจลึก ๆ
  • 1:42 - 1:43
    และทำใจให้สบาย
  • 1:43 - 1:46
    และเหตุผลก็เพราะว่าทั้งชีวิตของเรา
  • 1:46 - 1:49
    เราถูกสอนว่าต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง
  • 1:49 - 1:51
    ตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเกิด เราถูกสอน
  • 1:51 - 1:54
    ว่าสิ่งใดที่เราควรทำ
    สิ่งใดที่เราไม่ควรทำ
  • 1:54 - 1:57
    และต้องทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเหมาะสมอย่างไร
  • 1:57 - 2:00
    ครับ เมื่อมันเป็นเรื่องของการเรียนภาษา
  • 2:00 - 2:02
    กฎทองสำหรับการเรียนภาษา
  • 2:02 - 2:04
    สิ่งที่สำคัญที่สุด
  • 2:04 - 2:07
    ก็คือทำสิ่งที่ผิด
  • 2:07 - 2:09
    ทำพลาด
  • 2:09 - 2:11
    และนั่นก็เป็นกฎข้อแรก
  • 2:11 - 2:13
    ให้ผมอธิบายกับคุณว่าทำไม
  • 2:13 - 2:15
    เมื่อเรารู้ภาษาแล้ว
  • 2:15 - 2:17
    เรารู้ถึงกลุ่มของเสียงทั้งหมด
  • 2:17 - 2:20
    และกลุ่มของโครงสร้างทั้งหมด
  • 2:20 - 2:22
    ซึ่งถูกรวมเข้าด้วยกัน
    ทำให้เกิดสิ่งที่ผมมักเรียกว่า --
  • 2:22 - 2:25
    และตามจุดประสงค์ของการนำเสนอนี้ --
  • 2:25 - 2:27
    "ฐานข้อมูลภาษา" ของเรา
  • 2:27 - 2:29
    และฐานข้อมูลภาษาของเราจะมี
  • 2:29 - 2:31
    เสียงและโครงสร้างทั้งหมดที่เรารู้
  • 2:31 - 2:34
    อย่างไรก็ดี ตระกูลของเสียง
    และโครงสร้างภาษามีมากมาย
  • 2:34 - 2:36
    เกินกว่าฐานข้อมูลของเรา
  • 2:36 - 2:42
    และเพื่อที่เราจะสามารถเริ่มต้นกับพวกมัน
    และสามารถที่จะสำรวจพวกมันได้
  • 2:42 - 2:45
    มันไม่มีอะไรที่อยู่ในขอบเขตฐานข้อมูลของเรา
  • 2:45 - 2:46
    ไม่มีอะไรอยู่ในขอบเขตความรู้ของเรา
  • 2:46 - 2:49
    ที่จะบอกเราว่า
    เมื่อไรที่ใช้โครงสร้างได้ถูกต้อง
  • 2:49 - 2:53
    ไม่มีอะไรที่บอกเราว่า
    เมื่อไรที่เสียงจะถูกต้อง
  • 2:53 - 2:56
    สมมติว่าเรากำลังจะสำรวจ
    เสียงเฉพาะเสียงหนึ่ง
  • 2:56 - 2:59
    ไม่มีอะไรในฐานข้อมูลของเรา
  • 2:59 - 3:01
    เมื่อเราพูดมัน
    เราอาจพูดมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  • 3:01 - 3:06
    แต่ในความคิดของเรา
    มันฟังดูเหมือนว่าผิด
  • 3:06 - 3:09
    ฉะนั้นคุณรู้ได้ถึงความรู้สึกตื่นกลัว
    ความรู้สึกไม่มั่นใจ
  • 3:09 - 3:13
    เมื่อคุณรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังทำอะไรผิดอยู่
  • 3:13 - 3:16
    นั่นเป็นการกระตุ้นที่คุณต้องมองหา
  • 3:16 - 3:21
    เพราะว่านั่นเป็นสัญญาณที่บอกคุณ
    ว่าคุณกำลังไปไกลกว่าฐานข้อมูลของคุณแล้ว
  • 3:21 - 3:25
    และคุณได้อนุญาตให้ตัวเอง
    ได้สำรวจดินแดนใหม่ของภาษาใหม่
  • 3:25 - 3:27
    ให้ผมได้แสดงให้คุณดูว่า
    มันเป็นอย่างไรในทางปฏิบัติ
  • 3:27 - 3:31
    สมมติว่า เรากำลังที่จะเรียนคำว่า "ประตู"
    ในภาษาสเปน
  • 3:31 - 3:33
    คำว่า "ประตู" ในภาษาสเปนคือ "พัวเอต้า"
    (Puerta)
  • 3:33 - 3:37
    ฉะนั้น สำหรับ "พัวเอต้า"
    เรามีบางเสียงที่มีในภาษาอังกฤษ
  • 3:37 - 3:39
    เสียง "พู" "เอ" และ "ต้า"
  • 3:39 - 3:42
    อย่างไรก็ดี เมื่อมันมี "อาร์" (r)
  • 3:42 - 3:45
    เสียงนั้นไม่มีในฐานข้อมูลของเรา
  • 3:45 - 3:46
    "รร" (RR)
  • 3:46 - 3:53
    การกระดกลิ้นที่ไม่มีในฐานข้อมูลภาษาอังกฤษ
  • 3:53 - 3:56
    และมันก็เกินกว่าขอบเขตไปนิดหน่อย
  • 3:56 - 3:58
    แต่ถ้าเรายอมให้ตัวเราเอง
  • 3:58 - 4:01
    เชื่อมโยงฐานข้อมูลและฝ่ามันออกไป
  • 4:01 - 4:03
    และทำผิดพลาด
  • 4:03 - 4:05
    เราสามารถที่จะทำเสียงอย่าง "รร" ได้
  • 4:05 - 4:07
    แต่แทนที่จะเป็นแบบนั้น
    สิ่งที่เกิดขึ้นบางครั้ง
  • 4:07 - 4:10
    ก็คือ เราใช้สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดในฐานข้อมูลของเรา
  • 4:10 - 4:13
    และนั่นคือเสียง "อาห์-เออ"
  • 4:13 - 4:14
    (เสียงหัวเราะ)
  • 4:14 - 4:16
    และเสียง "อาห์-เออ"
  • 4:16 - 4:19
    ให้เสียงที่เหมือนกับ "พัว-เออ-อาต้า"
  • 4:19 - 4:22
    ซึ่งไม่ได้มีความหมายอะไรเลยในภาษาสเปน
  • 4:22 - 4:26
    และอันที่จริง ฟังดูไม่มีสเน่ห์เท่าไร
  • 4:26 - 4:29
    และมันก็ไม่ได้บอกอะไรกับคุณมาก
  • 4:29 - 4:31
    ฉะนั้น สำหรับเคล็ดลับแรก
  • 4:31 - 4:33
    อนุญาตให้ตัวเองทำผิดพลาด
  • 4:33 - 4:37
    เพื่อให้เสียงอย่าง "พัวเอต้า"
    เปล่งออกมาได้
  • 4:37 - 4:39
    และตอนนี้ ไปยังข้อที่สองกัน
  • 4:39 - 4:40
    สำหรับข้อที่สอง
  • 4:40 - 4:42
    ผมต้องการความร่วมมือบางอย่างจากพวกคุณ
  • 4:42 - 4:45
    เรากำลังจะอ่านคำสวย ๆ สี่คำนี้
  • 4:45 - 4:47
    และเมื่อผมนับถึงสาม
  • 4:47 - 4:50
    เอาล่ะ มาเริ่มจากคำแรกกัน
    เมื่อผมนับสาม: หนึ่ง สอง สาม
  • 4:50 - 4:52
    (ผู้ชม) เหมา
    (ซิด) "เหมา" ยอดเลยครับ
  • 4:52 - 4:55
    คำที่สอง: หนึ่ง สอง สาม
    (ผู้ชม) โกโก้
  • 4:55 - 4:57
    (ซิด) เยี่ยม คำที่สาม
    หนึ่ง สอง สาม
  • 4:57 - 4:59
    (ผู้ชม) โคโค้
    (ซิด) ยอดเยี่ยม
  • 4:59 - 5:02
    และคำที่สี่ หนึ่ง สอง สาม
  • 5:02 - 5:03
    (เงียบ)
  • 5:03 - 5:06
    โอ้
  • 5:06 - 5:09
    ให้ผมแสดงให้คุณดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น
    เมื่อผมทำแบบนั้น
  • 5:09 - 5:11
    เราเห็นคำทั้งสี่คำนี้
  • 5:11 - 5:15
    และนำพวกมันผ่าน
    ตัวกรองภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน
  • 5:15 - 5:20
    และเราก็ได้อะไรบางอย่าง
    ที่เป็นประมาณนี้
  • 5:20 - 5:22
    และผมจะบอกคุณถึงผลลัพท์ของมัน
  • 5:22 - 5:24
    เอาล่ะ คำแรก "โม" (Mão)
  • 5:24 - 5:26
    ซึ่งหมายถึง "มือ" ในภาษาโปรตุเกส
  • 5:26 - 5:29
    เรานำมันผ่านตัวกรองและได้คำว่า "เหมา"
  • 5:29 - 5:31
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:31 - 5:33
    สำหรับคำที่สอง เราได้ "โกโก้"
  • 5:33 - 5:35
    ซึ่งคือ "มะพร้าว" ในภาษาโปรตุกีส
  • 5:35 - 5:38
    หรือ "โคโค่" ซึ่งหมายถึง "อึ"
  • 5:38 - 5:41
    เรานำมันผ่านตัวกรอง
    เราก็เลยได้โคโค่ร้อน
  • 5:41 - 5:43
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:43 - 5:45
    และคำที่สี่
  • 5:45 - 5:46
    เราได้คำว่า "หัว" (huo)
  • 5:46 - 5:48
    ซึ่งหมายถึง "ไฟ" ในภาษาจีน
  • 5:48 - 5:50
    และเราได้ --
  • 5:50 - 5:53
    ถ้าคุณมีความคิดสร้างสรรค์
    บางทีคุณคงคิดว่านั่นเป็นผู้ชายทำท่าคาราเต้...
  • 5:53 - 5:54
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:54 - 5:56
    แต่อย่างไรก็ดี
  • 5:56 - 6:00
    มันไม่ได้บอกอะไรกับคุณมากนัก
    ว่าคำพวกนี้อ่านออกเสียงอย่างไร
  • 6:00 - 6:02
    และถ้าคุณคิดว่ามันเป็นเพียงหนทางเดียว
  • 6:02 - 6:04
    ถ้าคุณคิดจะเรียนภาษาอื่น
    จากภาษาอังกฤษ
  • 6:04 - 6:06
    คิดถึงคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาสิครับ
  • 6:06 - 6:08
    และพยายามอธิบายกับใครสักคน
  • 6:08 - 6:10
    ว่าคำนี้อ่านว่า "โธว์" (though)
  • 6:10 - 6:12
    และคำนี้อ่านออกเสียงว่า "ธอท" (thought)
  • 6:12 - 6:15
    และแม้ว่า มันดูเกือบจะเหมือนกัน
  • 6:15 - 6:17
    พวกมันไม่มีอะไรเหมือนกันเลย
  • 6:17 - 6:19
    หรือพยายามอธิบายให้พวกเขาฟังว่า
  • 6:19 - 6:20
    คำนี้คือ "อินาฟ" (enough)
  • 6:20 - 6:22
    และคำนี้มันผิด
  • 6:22 - 6:29
    เห็นไหมครับมันไม่มีประโยชน์เลย
    ที่จะใช้ตัวอักษรต่างภาษา
  • 6:29 - 6:31
    เมื่อคุณกำลังเรียนภาษานั้น ๆ
  • 6:31 - 6:34
    ทำไมน่ะหรือครับ เพราะว่า
    มันจะทำให้คุณได้สัญญาณที่ผิด
  • 6:34 - 6:36
    ฉะนั้น อะไรเป็นเคล็ดลับที่สอง
  • 6:36 - 6:38
    ทิ้งมันไปเลยครับ
  • 6:38 - 6:41
    โยนตัวอักษรต่างภาษาทิ้งไป
  • 6:41 - 6:45
    ให้ผมให้ทางเลือกกับคุณว่าจะทำอย่างไร
  • 6:45 - 6:47
    นี่คือสกุลเงินบราซิล
  • 6:47 - 6:49
    และมันสะกดแบบนี้
  • 6:49 - 6:52
    นับหนึ่งถึงสาม ลองอ่านชื่อหน่วยเงินนี้สิครับ
    1, 2, 3
  • 6:52 - 6:53
    (ผู้ชม) รีล
  • 6:53 - 6:56
    (ซิด) เรามีบางคนที่รู้จักตัวสะกด
  • 6:56 - 6:58
    ครับ "รี-อัล" เป็นส่วนใหญ่
  • 6:58 - 7:04
    และอย่างที่คุณเห็นประโยชน์ของมัน
    มันไม่ได้บอกอะไรกับคุณเลยสักอย่าง
  • 7:04 - 7:07
    และเมื่อคุณพูดภาษาโปรตุเกส
    "เรียล" ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย
  • 7:07 - 7:09
    ให้ผมให้ทางเลือกกับคุณนะครับ
  • 7:09 - 7:14
    ในภาษาโปรตุเกส
    เวลาเราออกเสียงคำว่า "เรียล" ว่า "เฮียว"
  • 7:14 - 7:17
    ให้ผมสอนนะครับว่าพูดอย่างไร
  • 7:17 - 7:19
    เมื่อนับถึงสาม ให้พูดว่า "เฮ"
  • 7:19 - 7:21
    แบบ "เฮย์" โดยไม่มีเสียง "ย์"
  • 7:21 - 7:23
    เอาล่ะ หนึ่ง สอง สาม -- "เฮ"
  • 7:23 - 7:25
    (ผู้ชม) ฮี
    (ซิด) ยอดครับ
  • 7:25 - 7:26
    และตอนนี้พูดว่า "เอา"
  • 7:26 - 7:29
    เหมือน "เอาช์" ที่ไม่มีเสียง "ช์"
  • 7:29 - 7:31
    เอาล่ะ "เอา" หนึ่ง สอง สาม
  • 7:31 - 7:33
    (ผู้ชม) เอา
  • 7:33 - 7:34
    และ "ฮี"
  • 7:34 - 7:35
    (ผู้ชม) ฮี
  • 7:35 - 7:37
    (ซิด) "เอา"
  • 7:37 - 7:38
    (ผู้ชม) เอา
  • 7:38 - 7:39
    (ซิด) "เฮ"
    (ผู้ชม) เฮ
  • 7:39 - 7:40
    (ซิด) "เอา"
    (ผู้ชม) เอา
  • 7:40 - 7:44
    (ซิด) "ฮี-เอา" เฮียว
  • 7:44 - 7:47
    (ผู้ชม) ฮี-เอา
    (ซิด) เยี่ยมครับ
  • 7:47 - 7:50
    ทีนี้คุณพูดเหมือนชาวบราซิเลียนระดับนายทุน
    ผู้กระตือรือล้นเลยครับ
  • 7:50 - 7:52
    (เสียงหัวเราะ)
  • 7:52 - 7:58
    ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณจะใช้อะไรบางอย่าง
    ที่ดูเป็นแบบนี้
  • 7:58 - 8:00
    ที่มันดูเหมือน "เรียล"
  • 8:00 - 8:02
    เมื่ออันที่จริงคุณสามารถใช้อะไรบางอย่าง
  • 8:02 - 8:05
    ที่ดูเป็นแบบนี้ และให้ข้อมูลกับคุณมากกว่า
  • 8:05 - 8:09
    เกี่ยวกับว่ามันอ่านอย่างไร
    ในภาษาต่างชาติ
  • 8:09 - 8:11
    และนั่นนำเราไปยังจุดที่ดี
  • 8:11 - 8:13
    เพราะว่าในจุดนี้ เราอนุญาตให้ตัวเราเอง
  • 8:13 - 8:16
    ฝ่าออกไปจากฐานข้อมูลของเรา
    และทำผิดพลาด
  • 8:16 - 8:19
    เพื่อที่จะไปยังดินแดนที่ไม่คุ้นเคย
    ของภาษาใหม่
  • 8:19 - 8:23
    และจากนั้น เราก็พบว่า
    จะใช้เครื่องหมายเหล่านี้อย่างไร
  • 8:23 - 8:26
    ในแบบที่ข้อมูลจะมีความหมาย
  • 8:26 - 8:28
    แต่ว่า เราจะทดสอบมันได้อย่างไร
  • 8:28 - 8:31
    และนั่นเป็นหน้าที่ของเคล็ดลับที่ 3
  • 8:31 - 8:35
    เคล็ดลับที่ 3 เป็นการหาสิ่งจูงใจ
  • 8:35 - 8:38
    หาใครสักคนที่ใส่ใจกับรายละเอียด
  • 8:38 - 8:41
    และไม่ยอมให้คุณหนีไปไหน
    เมื่อยังมีความผิดพลาด
  • 8:41 - 8:44
    และยิ่งไปกว่าการหาใครสักคนที่เป็นคนจริง ๆ
  • 8:44 - 8:46
    ผู้รู้ทางด้านภาษา
  • 8:46 - 8:50
    มันเกี่ยวกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง
    มากกว่า
  • 8:50 - 8:51
    ความสัมพันธ์กับใครสักคน
  • 8:51 - 8:54
    ที่จะแก้ไขคุณ
    และรู้สึกสบายใจที่จะแก้ไขให้คุณ
  • 8:54 - 8:58
    และทำให้มั่นใจว่าคุณจะได้ไปถึงจุดที่คุณต้องการ
    ในด้านภาษา
  • 8:58 - 8:59
    แต่ในเวลาเดียวกัน
  • 8:59 - 9:01
    ใครสักคนที่จะชักนำคุณ
  • 9:01 - 9:04
    ให้ทำในสิ่งที่ผิดและทำให้ข้อผิดพลาดพวกนั้น
    เกิดขึ้นแต่แรก
  • 9:04 - 9:07
    และสิ่งจูงใจนั้นอาจเป็นคุณครูของคุณ
  • 9:07 - 9:08
    อาจเป็นครูสอนพิเศษ อาจเป็นเพื่อนของคุณ
  • 9:08 - 9:13
    อาจเป็นใครบางคนในสไกป์ หรือเครกลีส
    ที่ไหนก็ได้
  • 9:13 - 9:15
    คุณสามารถพบผู้ชักนำได้ทั่วไป
  • 9:15 - 9:18
    และด้วยเทคโนโลยี
    มันทำให้การหาสิ่งเหล่านั้นง่ายขึ้น
  • 9:18 - 9:21
    และจากนั้น มันก็ถึงเวลาฝึกซ้อม
  • 9:21 - 9:24
    และสำหรับการฝึกซ้อม
    เราก็มีเคล็ดลับที่สี่
  • 9:24 - 9:26
    เห็นไหมครับ ผมคิดมาตลอดเลยว่าผมมีสิ่งนี้
  • 9:26 - 9:30
    นั่นมันออกจะ "บ้าในแบบของซิด" นิดหน่อย
  • 9:30 - 9:33
    แต่จากนั้น ผมก็รู้ว่ามันมีประโยชน์แค่ไหน
  • 9:33 - 9:39
    ผมทำสิ่งที่ผมเรียกว่า
    "การสนทนาในห้องอาบน้ำ" เสมอ ๆ
  • 9:39 - 9:43
    และการสนทนาในห้องอาบน้ำ
    ก็เป็นอย่างที่คุณได้ยิน
  • 9:43 - 9:44
    เมื่อผมเรียนภาษาใหม่
  • 9:44 - 9:47
    ผมจะอยู่ในห้องอาบน้ำสักสองสามนาที
  • 9:47 - 9:49
    ผมจำได้ว่าผมได้ถกประเด็นเหล่านี้
  • 9:49 - 9:51
    ผมจำได้ว่าผมกำลังเรียนภาษาจีน
  • 9:51 - 9:54
    และผมก็ต่อรองราคา พยายามขออีกสองหยวน
  • 9:54 - 9:57
    เพื่อที่จะได้ซื้อเกี๊ยวลดราคา
  • 9:57 - 9:59
    หรือผมอาจไปโรม
  • 9:59 - 10:03
    และถามทางไปลานกลางเมืองที่ดีที่สุด
  • 10:03 - 10:04
    มันเจ๋งมากครับ
  • 10:04 - 10:06
    สิ่งที่สวยงามสำหรับการสนทนาในห้องน้ำ
  • 10:06 - 10:11
    คือมันอนุญาตให้คุณพบอะไรก็ตาม
    ที่มาเติมช่องว่างในความรู้ของคุณ
  • 10:11 - 10:14
    เพราะว่าคุณมีการสนทนาจากทั้งสองฝั่ง
  • 10:14 - 10:18
    ยกตัวอย่างเช่น มันง่ายที่จะถามทาง
    แล้วการตอบรับล่ะ
  • 10:18 - 10:20
    หรือที่ยิ่งไปกว่านั้น การบอกทางล่ะ
  • 10:20 - 10:25
    ครับ การสนทนาในห้องน้ำ
    บังคับให้คุณเป็นทั้งสองฝั่งสนทนา
  • 10:25 - 10:27
    และคุณก็ไม่ต้องไปพูดในห้องน้ำก็ได้
  • 10:27 - 10:30
    สิ่งที่สวยงามอีกอย่างหนึ่งคือ
    คุณจะไปใช้ที่ไหนก็ได้
  • 10:30 - 10:33
    คุณสามารถพูดในห้องน้ำ
    ในอพาร์ทเมนต์
  • 10:33 - 10:35
    ขณะที่เดินไปตามถนน
    ในรถใต้ดิน
  • 10:35 - 10:38
    และเอาจริง ๆ นะ ถ้าคุณอยู่ในรถใต้ดิน
  • 10:38 - 10:41
    พูดกับตัวเองในภาษาต่างชาติในนิวยอร์ค
  • 10:41 - 10:42
    คุณจะดูเหมาะเจาะมาก
  • 10:42 - 10:44
    คุณจะไม่เป็นไรหรอกครับ
  • 10:44 - 10:45
    มันเจ๋ง
  • 10:45 - 10:49
    เพราะว่าคุณไม่ต้องไปพึ่งอะไรหรือใคร
    ให้มาช่วยคุณฝึกฝน
  • 10:49 - 10:51
    และผมก็ทำมันมาหลายปีแล้ว
  • 10:51 - 10:54
    แถมผมพบว่านักกีฬามืออาชีพ
    ก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน
  • 10:54 - 10:58
    เป็นที่รู้กันว่า ไมเคิล เฟลฟส์
    นึกถึงภาพทุกการแข่งขันของเขา
  • 10:58 - 11:01
    สองสามรอบ ก่อนที่จะโดดลงน้ำ
  • 11:01 - 11:03
    มันได้ผลสำหรับเขา
  • 11:03 - 11:05
    และมันได้ผลกับผมเช่นกัน
  • 11:05 - 11:08
    ฉะนั้นมันก็น่าจะได้ผลกับคุณด้วย
  • 11:08 - 11:11
    และตอนนี้ ลองมาใช้ภาษากัน
  • 11:11 - 11:13
    เพราะว่า ถึงตอนนี้ มันเจ๋งครับ
  • 11:13 - 11:15
    เราได้พบว่าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร
  • 11:15 - 11:18
    และนั่นก็นำเราไปยังจุดที่ดี ในการใช้ภาษา
  • 11:18 - 11:22
    และเพื่อสิ่งนั้นผมก็ขอแนะนำ
    ให้คุณหาเพื่อนคุย
  • 11:22 - 11:25
    ในการหาเพื่อนคุย
  • 11:25 - 11:29
    ผมแนะนำให้คุณทำตามในสิ่งที่ผมเรียกว่า
    "สูตรเพื่อน"
  • 11:29 - 11:32
    เป็นวิธีที่คุณจะมั่นใจได้ว่า
  • 11:32 - 11:37
    สิ่งจูงใจของคุณจะสอดคล้องกับการใช้ภาษาใหม่ของคุณ
  • 11:37 - 11:39
    ฉะนั้น
  • 11:39 - 11:43
    ภาษาเป้าหมาย
    ควรเป็นภาษาที่คุณทั้งสองรู้ดีที่สุด
  • 11:43 - 11:44
    ทำไมน่ะหรือ
  • 11:44 - 11:46
    ถ้าคุณเป็นเหมือนผมสักนิด
  • 11:46 - 11:48
    คือคุณชอบเรียนภาษาแล้วล่ะก็
  • 11:48 - 11:51
    เพื่อที่คุณจะสามารถสื่อสาร
    กับคนได้มากมาย
  • 11:51 - 11:52
    เพื่อที่คุณจะได้เข้าถึง
  • 11:52 - 11:56
    และเข้าใจได้มากขึ้นอีกนิด
  • 11:56 - 12:00
    ถ้าคุณพยายามที่จะพูดกับใครสักคน
    ในภาษาต่างชาติ
  • 12:00 - 12:03
    ซึ่งพวกคุณทั้งคู่ไม่ได้ถนัด
    เหมือนกับตอนที่กำลังพูดภาษาอังกฤษ
  • 12:03 - 12:07
    หรือภาษาอะไรก็ตาม
    ที่คุณรู้สึกมั่นใจในการใช้ทั้งคู่
  • 12:07 - 12:10
    เป็นไปได้ว่าคุณจะกลับมายังภาษาที่ง่ายกว่า
  • 12:10 - 12:13
    ฉะนั้น ผมแนะนำให้คุณหาใครสักคน
    ที่ใช้ภาษาเดียวกันกับที่คุณรู้เป็นอย่างดี
  • 12:13 - 12:15
    เป็นภาษาเป้าหมายของคุณ
  • 12:15 - 12:18
    และถ้าคุณไม่พบคนท้องถิ่น
    ก็ลองพึ่งเทคโนโลยีดู
  • 12:18 - 12:21
    ถ้าคุณสามารถเดินทางไปได้
    ก็จะยอดเยี่มที่สุด
  • 12:21 - 12:24
    แต่นั่นก็เป็นปัญหาอยู่เหมือนกัน
    และผมพบว่า
  • 12:24 - 12:28
    เป็นการยากที่จะหาใครสักคน
    ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมทุกประการ
  • 12:28 - 12:29
    แต่ผมมีข่าวดี
  • 12:29 - 12:32
    และผมก็พบว่าเมื่อผมทำงาน
  • 12:32 - 12:35
    และหนึ่งในเพื่อนร่วมงานของผม
    ซึ่งเป็นนักภาษาศาสตร์เช่นกัน
  • 12:35 - 12:37
    เขาพูดภาษาได้มากมายหลายภาษา
  • 12:37 - 12:41
    และภาษาที่เราทั้งสองรู้ดีที่สุด
    แน่นอน มันคือภาษาอังกฤษ
  • 12:41 - 12:45
    ภาษาที่สองที่ดีที่สุดของเรา
    แน่นอน มันคือภาษาฝรั่งศส
  • 12:45 - 12:50
    แต่เราพูดภาษาเยอรมันกันตลอดเวลา
    ในสำนักงาน
  • 12:50 - 12:52
    ทำไมน่ะหรือครับ
  • 12:52 - 12:55
    เพราะว่ามีคนในสำนักงานที่พูดภาษาอังกฤษ
  • 12:55 - 12:57
    มีคนในสำนักงานที่พูดภาษาฝรั่งเศส
  • 12:57 - 13:01
    แต่เราสามารถพูดถึงคืนวันศุกร์และวันเสาร์ได้
    ในภาษาเยอรมัน
  • 13:01 - 13:04
    และไม่มีใครเข้าใจว่าเราพูดถึงอะไร
  • 13:04 - 13:08
    ฉะนั้น มันอาจเป็นภาษาลับที่ดีที่สุด
    ที่คุณทั้งสองมีร่วมกัน
  • 13:08 - 13:09
    (เสียงหัวเราะ)
  • 13:09 - 13:12
    และมันก็กลายเป็นเครื่องมือที่สะดวกสบาย
  • 13:12 - 13:13
    คุณสามารถใช้มันกับเพื่อน
  • 13:13 - 13:16
    และได้ความเป็นส่วนตัวในที่สาธารณะ
  • 13:16 - 13:19
    ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน
    คุณสามารถมีการสนทนาส่วนตัวได้
  • 13:19 - 13:21
    เอาล่ะ มาทวนกัน
  • 13:21 - 13:23
    เคล็ดลับแรก
  • 13:23 - 13:26
    คุณต้องยอมให้ตัวคุณฝ่ากำแพงภาษาออกไป
  • 13:26 - 13:29
    ไปสำรวจพรมแดนใหม่ ๆ
  • 13:29 - 13:32
    ของเสียงและโครงสร้าง
    ภายนอกฐานข้อมูลของคุณ
  • 13:32 - 13:34
    จากนั้น ลำดับที่สอง
  • 13:34 - 13:36
    เราเรียนรู้ว่าจะจดบันทึกอย่างไร
  • 13:36 - 13:38
    และจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าการจดบันทึกนั้น
  • 13:38 - 13:41
    จะเป็นแบบที่เราสามารถเลียนเสียง
    และโครงสร้างได้ในภายหลัง
  • 13:41 - 13:45
    จากนั้นเราสามารถจัดการกับความผิดพลาด
    โดยการหาสิ่งจูงใจ
  • 13:45 - 13:46
    สี่: การฝึกฝน
  • 13:46 - 13:49
    ลองการสนทนาในห้องน้ำ
    ไม่ว่าคุณจะอยู่ไหน
  • 13:49 - 13:52
    และจากนั้น ทำตามสูตรเพื่อน
  • 13:52 - 13:55
    และคุณจะสามารถหาใครสักคน
    มาฝึกภาษากับคุณได้
  • 13:55 - 13:57
    และหลังจากนั้น
  • 13:57 - 14:01
    (ภาษาอิตาเลียน) เราไปถึงสถานที่สวยงาม
  • 14:01 - 14:03
    (ภาษาเยอรมัน) ที่ซึ่งการเรียนภาษา
  • 14:03 - 14:07
    ไม่เครียด ยาก และน่าเบื่ออีกต่อไป
  • 14:07 - 14:10
    (ภาษาสเปน) แต่เป็นโลกแห่งโอกาส
  • 14:10 - 14:13
    โลกที่เราแต่ละคนมีโอกาสสำรวจ
  • 14:13 - 14:17
    (ภาษาฝรั่งเศส) วัฒนธรรมใหม่
    และวิถีความเป็นอยู่ต่าง ๆ
  • 14:17 - 14:20
    (ภาษาโปรตุเกส บราซิล)
    รางวัลอันยิ่งใหญ่ที่สุดจากสิ่งนี้
  • 14:20 - 14:23
    คือการได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น
  • 14:23 - 14:27
    (ภาษากรีก) สำหรับตอนนี้
    มันอาจฟังดูยากสำหรับคุณ
  • 14:27 - 14:32
    แต่มันไม่ได้หมายความว่า
    คุณจะเรียนมันไม่ได้
  • 14:32 - 14:35
    (ภาษาจีนกลาง)
    "การเดินทางนับพันไมล์
  • 14:35 - 14:36
    เริ่มจากด้วยก้าวแรก"
  • 14:36 - 14:41
    (ภาษาอังกฤษ) และนี่ก็ไม่ใช่ปัญหา
    เพราะว่าตอนนี้คุณรู้แล้วว่าจะพูดอย่างไร
  • 14:41 - 14:42
    ขอบคุณครับ
  • 14:42 - 14:45
    (เสียงปรบมือ)
Title:
5 เคล็ดลับการพูดภาษาต่าง ๆ | ซิด เอโฟรโมวิช (Sid Efromovich) | TEDxUpperEastSide
Description:

ซิด เอโฟรโมวิช ผู้พูดได้หลายภาษา แบ่งปันเคล็ดลับ 5 ประการที่จะช่วยกำจัดความตื่นกลัวของคุณที่เมื่อพยายามลองเรียนภาษาต่างชาติ

ซิดเป็นคนเมืองนี้ที่พูดได้มากมายหลายภาษา เขาเติบโตในบราซิล และหลังจากที่ได้เดินทางไปรอบโลก ตอนนี้เขาใช้ชีวิตที่แสนตื่นเต้นในนิวยอร์ค ที่ซึ่งเขาทำงานเป็นผู้ค้าน้ำตาล การสอนหนังสือเป็นสิ่งที่เขาหลงใหลมาตลอด และเขาก็นำกลุ่มผู้นำเยาวชนตั้งแต่ ค.ศ. 2006 เขาจัดงานสัมมนา การบรรยาย และการเรียนการสอน ในสามทวีป และตอนนี้รับหน้าที่ครูหัวหน้าใน สกิลแชร์ (Skillshare) ที่ซึ่งเขาสอนเกี่ยวกับการเสริมสร้างความสุขและการเรียนภาษาต่างชาติ

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDxTalks
Duration:
14:51

Thai subtitles

Revisions