-
(เสียงระฆัง)
-
รู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ ทำอย่างไรจะมั่นใจ
ตัวเองมากกว่านี้ ไม่ต้องรอคนอื่นมายืนยัน
-
อาจารย์คะ คำถามหนูคือว่า...
-
ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก
-
หนูรู้สึกถูกเปรียบเทียบ
-
กับคนอื่นที่ดีกว่าอยู่เสมอ
-
หนูเลยรู้สึกว่า
-
ตั้งแต่เด็กจนถึงเดี๋ยวนี้
-
หนูต้องขอความเห็นชอบจากคนอื่นอยู่เสมอ
เวลาตัดสินใจอะไร
-
ขอความเห็นว่า
-
ที่หนูตัดสินใจไปนี้มันดีแล้วหรือยัง
-
และรู้สึกว่าเวลามีคนชม
-
หนูจะรู้สึกดีใจมากๆ
-
แต่พอมีคนพูดถึงหนูในทางไม่ดี
-
หนูจะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ
-
มันทำให้หนูรู้สึกว่าหนูไม่ได้ดีที่สุด
-
และอยู่ใต้เงาของอะไรบางอย่าง
ที่ไปไม่ถึงอยู่เสมอ
-
บางครั้งมันก็ทำให้หนูเสียศูนย์
-
คำถามคือ ทำอย่างไรหนูถึงจะมั่นคงกว่านี้ได้
-
จะได้ไม่ต้องคอยรอความเห็นชอบ
จากบุคคลภายนอก
-
เรียนอาจารย์ และสหธรรมิก
-
คำถามของน้องท่านนี้คือ
-
ทำอย่างไรจึงจะมีความแน่วแน่ในตนเอง
-
เมื่อเธอคิดจะทำอะไร
-
เธอมักต้องคอยหาคนอื่นมาเห็นชอบหรือรับรอง
-
ในการตัดสินใจหรือการกระทำนั้น
-
เมื่อเธอได้รับการชื่นชม
-
เธอจะรู้สึกดีกับตัวเอง
-
แต่เมื่อได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์
-
เธอจะรู้สึกว่าเธอนั้นไม่ดีพอ
-
ไม่สมบูรณ์แบบ และบกพร่อง
-
ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่
-
คำถามคือ
-
เธอจะทำใจให้แน่วแน่
ในสถานการณ์เหล่านั้นได้อย่างไร
-
และฝึกฝนอย่างไร
-
การฝึกสติจะช่วยได้
-
ในการที่จะเชื่อมั่นในตนเอง
-
เวลาเรามองสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ้ง
-
เราจะได้ความเข้าใจในสิ่งนั้นๆ
ในแบบของเราเอง
-
ในชีวิตประจำวัน มุมมอง
-
ที่เรามีเกี่ยวกับบุคคล และสิ่งต่างๆ
-
มันจะถูกยืนยันด้วยประสบการณ์
-
ในชีวิตประจำวันของเราเอง
-
และเราเชื่อมั่นในมุมมองนั้นๆ ของเราเอง
-
ถ้าเราเชื่อมั่นในมุมมองอันนั้น
-
เราจะมั่นใจในตัวเอง
-
สมมติเราฝึกการหายใจด้วยสติมากพอ
-
และพบว่ามันมีประโยชน์
-
พบความเบิกบาน และความสุขสงบ
-
ขณะฝึก
-
เราก็ย่อมเชื่อมั่นในผลของการฝึก
-
แม้คนเป็นพันคนจะบอกว่า
มันไม่เห็นมีอะไรเลย
-
การฝึกหายใจด้วยสติไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย
-
เราก็จะยังยิ้มได้
-
เพราะเรารู้แล้วจากประสบการณ์ตรง
-
ว่าการหายใจด้วยสติมันมีประโยชน์
-
สดชื่น สงบ และเป็นสุข
-
ถึงตอนนั้นความเห็นของใครอื่น
-
ก็ทำให้เราละมุมมองนี้ไปไม่ได้
-
มันเป็นความมั่นใจของเรา
-
ความงามนี่นะ
-
มันแตกต่างกันออกไปขึ้นกับผู้มอง
-
บางอย่างสวยงามมากสำหรับบางคน
-
แต่ไม่สำหรับอีกหลายคน
-
ความงามหรือความขี้เหร่
-
มันเป็นความคิด
-
ซึ่งความคิดเหล่านั้นก็ไม่ได้
มีผลอะไรกับเราหรอก
-
เราเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งในอุทยานแห่งมนุษยชาติ
-
ไม่ได้ต่ำต้อยด้อยค่าไปกว่าดอกไม้อื่นๆ
-
เราเป็นสมาชิกหนึ่งในสวนของพระเจ้า
-
เฉกเช่นเดียวกันกับ
สรรพชีวิตที่อัศจรรย์ทั้งหลาย
-
ถ้าเราเห็นอย่างนั้น
-
ถ้าเราเห็นว่าเรามีเมล็ดพันธ์ุ
ของความกรุณา
-
ความเบิกบาน และความสุขอยู่ภายในตัวเราแล้ว
-
รับรู้เถิดว่าเรามีคุณค่า
-
ถ้าเรามั่นใจว่าเรามีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่
-
คุณสมบัติที่ได้รับถ่ายทอดมาจาก
พ่อแม่ปู่ย่าตายาย
-
และเราคือผู้รับสืบทอดต่อมาจากพวกเขา
-
ความเห็นของผู้คนจะทำอะไรเราไม่ได้
-
เรายังคงเป็นเราต่อไป
-
ในช่วงสงครามในเวียดนาม
-
อาตมาทำงานเพื่อสันติภาพ
-
สังฆะของอาตมาไม่ได้เลือกเข้าข้าง
ฝ่ายใดในสงคราม
-
เราต้องการความปรองดอง
-
เราไม่ต้องการให้ฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้
-
ต่อสู้ห้ำหั่นกัน
-
เราเชื่อมั่นว่าวิถีที่แท้จริง
-
ที่ดีที่สุด และงดงามที่สุด
-
คือวิถีแห่งความกรุณาปราณี
-
ทั้งสองฝ่ายในสงครามต่างสงสัยเรา
-
พวกเขาคิดว่าพวกเราไร้เดียงสาเหลือเกิน
-
ถ้าเราเลือกข้างเสีย
-
อย่างน้อยเราจะได้รับการป้องกันจากฝ่ายหนึ่ง
-
แต่พอไม่เลือกข้าง
-
กลายเป็นว่าเราจะตกเป็น
เป้าโจมตีจากทั้งสองฝ่าย
-
แต่เมื่อเราเชื่อมั่น
-
ว่าทางของเรา คือวิถีแห่งความกรุณา
-
วิถีแห่งมนุษยชาติ เราก็เดินต่อไป
-
คนหลายล้านคิดว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์
-
พวกเขากลัวลัทธิคอมมิวนิสต์
อยากจะกำจัดพวกคอมมิวนิสต์
-
เราจึงตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย
-
บางคนคิดว่าเราเป็นฝ่ายอเมริกัน
-
คนหลายล้านไม่เข้าใจเรา
-
แต่เราก็ยังเดินต่อไปในวิถีของเรา
-
เพราะเราเชื่อมั่นในคุณค่าอันนี้
-
อาตมาเชื่อว่า ถ้าหนูฝึกฝนต่อไปเช่นนี้
-
จิตใจหนูจะแข็งแกร่งดุจภูผา
-
ไม่ถูกโยกคลอนด้วยความคิดใดๆ
-
ขอให้โชคดีนะ
-
(หัวเราะ)
-
สานสัมพันธ์ บันดาลใจ หล่อเลี้ยง