< Return to Video

ไทฟอยด์ แมรี หัวโกร๋นทั้งอำเภออาหารฝีมือเธอคนเดียว | Point of View

  • 0:00 - 0:01
    รู้กันไหมคะว่าในอดีตเนี่ย
  • 0:01 - 0:05
    เคยมีผู้หญิงคนนึงทำให้คนติดโรคกันทั้งอำเภอเลยนะคะ
  • 0:05 - 0:07
    เพราะแค่กินอาหารฝีมือเธอคนเดียวค่ะ
  • 0:07 - 0:09
    สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
  • 0:09 - 0:10
    ปฏิเสธไม่ได้เลยนะคะว่า
  • 0:10 - 0:13
    ตอนนี้ข่าวที่ยังอยู่ในความสนใจของทุกคนก็คือ
  • 0:13 - 0:15
    ข่าว Covid-19 นั่นเองค่ะ
  • 0:15 - 0:17
    ซึ่งในประเทศไทยกับในหลาย ๆ ประเทศเนี่ย
  • 0:17 - 0:19
    ก็ดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ
  • 0:20 - 0:22
    มีคนนั้นแพร่เชื้อให้คนนี้ คนนี้แพร่เชื้อให้คนนั้น
  • 0:22 - 0:23
    ติดกันไปทั่วไปหมดเลยค่ะ
  • 0:24 - 0:26
    อย่างไรก็ดีนะคะ ในความสิ้นหวังก็มีความหวังอยู่ค่ะ
  • 0:26 - 0:28
    เพราะว่าข่าวล่าสุดบอกว่าในประเทศจีนนี่
  • 0:28 - 0:32
    ไม่มีคนติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มในรอบ 24 ชั่วโมงแล้วนะคะ
  • 0:32 - 0:34
    ก็เรียกได้ว่า จำกัดการระบาดได้แล้วค่ะ
  • 0:34 - 0:36
    ดังนั้น พวกเรายังมีหวังอยู่ค่ะ
  • 0:36 - 0:38
    ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน
  • 0:38 - 0:39
    รวมถึงพวกเราทุกคนนะคะ
  • 0:39 - 0:41
    ก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยกันค่ะ
  • 0:41 - 0:44
    อย่างไรก็ดีนะคะ เหมือนกับที่วิวเล่าไว้ในคลิป Black Death เลยค่ะ
  • 0:44 - 0:47
    วิวก็ยังโฟกัสอยู่ที่การศึกษาเรื่องราวในอดีตนะคะ
  • 0:47 - 0:50
    เพราะว่าเคสของ Covid-19 เนี่ยไม่ใช่เคสแรกในโลกค่ะ
  • 0:50 - 0:53
    มันยังมีอีกหลายเคสที่ ถ้าเราเอามาศึกษาดี ๆ
  • 0:53 - 0:54
    จะเห็นส่วนที่มันเหมือน
  • 0:54 - 0:56
    และก็ส่วนที่มันต่างกับ Covid-19 อยู่นะคะ
  • 0:57 - 0:59
    อย่างวันนี้วิวขอยกตัวอย่างเรื่องราวของผู้หญิงคนนึงค่ะ
  • 0:59 - 1:01
    เธอเนี่ยเป็นพาหะนำโรคโรคนึงที่ชื่อว่า
  • 1:01 - 1:02
    ไทฟอยด์ (Typhoid) นะคะ
  • 1:03 - 1:06
    ทีนี้เธอก็ไม่รู้ตัวเองเลยนะคะว่าเธอเนี่ยเป็นพาหะนำโรค
  • 1:06 - 1:09
    ทำให้เธอเนี่ยเอาโรคไปติดคนเต็มไปหมดเลยค่ะ
  • 1:09 - 1:11
    และที่สำคัญนะคะ เธอโด่งดังถึงขนาดที่ว่า
  • 1:11 - 1:15
    ตำราระบาดวิทยาแทบทุกเล่มนะ ต้องมีชื่อเธออยู่ค่ะ
  • 1:15 - 1:17
    สำหรับตอนนี้เชื่อว่าวิวเกริ่นมานานพอแล้วนะคะ
  • 1:17 - 1:18
    เดี๋ยวจะรำคาญกัน
  • 1:18 - 1:21
    ดังนั้น ถ้าใครชอบเรื่องราวที่ทั้งสนุกและก็ได้สาระเนี่ย
  • 1:21 - 1:23
    อย่าลืมกดติดตามวิวแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
  • 1:28 - 1:30
    โรคไทฟอยด์ หรือว่าโรคไข้รากสาดน้อยเนี่ยนะคะ
  • 1:30 - 1:32
    ถ้าเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองอย่างเราในปัจจุบัน
  • 1:32 - 1:36
    มีห้องน้ำมีอะไรดี ๆ ต่าง ๆ น่าจะไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ค่ะ
  • 1:36 - 1:37
    แต่ว่าในอดีตเนี่ยนะคะ
  • 1:37 - 1:40
    ไทฟอยด์เคยเป็นโรคที่รุนแรงมาก ๆ เลยนะคะ
  • 1:40 - 1:42
    แล้วก็ติดต่อกันง่าย ๆ มาก ๆ เลยทีเดียว
  • 1:42 - 1:45
    เรียกได้ว่าในอดีตเนี่ยนะคะ ก่อนที่จะมียาปฏิชีวนะมารักษาโรค
  • 1:45 - 1:49
    มีวัคซีนอะไรต่าง ๆ เนี่ย คนที่ติดโรคนี้มีโอกาสเสียชีวิตถึง
  • 1:49 - 1:52
    10% เลยทีเดียวค่ะ ก็เยอะพอสมควรนะ
  • 1:52 - 1:54
    ติด 1,000 คนนี่ตาย 100 คนเลยนะ
  • 1:54 - 1:56
    ทีนี้ถามว่า ไทฟอยด์ ๆ ได้ยินชื่อโรคมานี่
  • 1:56 - 1:58
    โรคมันหน้าตาเป็นยังไงนะคะ ก็ต้องบอกว่า
  • 1:59 - 2:01
    ไทฟอยด์นี่เป็นโรคที่ติดจากเชื้อแบคทีเรียค่ะ
  • 2:01 - 2:02
    ชื่อว่า Salmonella Typhi นะคะ
  • 2:03 - 2:05
    อาการของคนที่ได้รับเชื้อโรคนี้เข้าไปนะคะ
  • 2:05 - 2:09
    ก็จะมีอาการไข้สูง เบื่ออาหาร ท้องอืด แน่นท้อง ท้องผูก
  • 2:09 - 2:11
    แล้วในที่สุดก็จะท้องเสียค่ะ
  • 2:11 - 2:15
    ซึ่งอาการนี้สามารถอยู่ได้ถึง 2 - 3 สัปดาห์เลยทีเดียวนะ
  • 2:15 - 2:18
    ทีนี้จากการที่ผู้ป่วยไข้ขึ้นสูงเป็นระยะเวลายาวนานนะคะ
  • 2:18 - 2:20
    ผู้ป่วยบางคนก็จะมีอาการผมร่วงค่ะ
  • 2:21 - 2:23
    ดังนั้นบางคนเค้าก็เลยเรียกโรคไทฟอยด์ว่า
  • 2:23 - 2:24
    ไข้หัวโกร๋นนั่นเองนะคะ
  • 2:24 - 2:26
    โรคไทฟอยด์นี่จริง ๆ ก็สามารถหายได้เอง
  • 2:26 - 2:28
    ในประมาณ 2 - 3 สัปดาห์นะคะ
  • 2:28 - 2:29
    ถ้าประคองอาการไปเรื่อย ๆ
  • 2:29 - 2:31
    แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่ในสมัยก่อน
  • 2:31 - 2:33
    เทคโนโลยีไม่ได้สูงขนาดนั้น
  • 2:33 - 2:37
    การประคองอาการอะไรต่าง ๆ ก็อาจจะมีโรคแทรกซ้อนได้
  • 2:37 - 2:39
    ประกอบกับไข้สูง อ่อนเพลีย ท้องเสียนะคะ
  • 2:39 - 2:42
    ดังนั้นก็เลยมีโอกาสเสียชีวิตค่อนข้างมากค่ะ
  • 2:42 - 2:44
    แล้วถามว่าโรคไทฟอยด์เนี่ยเค้าติดต่อกันยังไงนะคะ
  • 2:44 - 2:46
    ก็ต้องบอกว่าติดต่อกันผ่านการกินค่ะ
  • 2:46 - 2:49
    แล้วกินอะไร สิ่งที่กินนะคะก็คือ
  • 2:49 - 2:51
    ปัสสาวะ และอุจจาระ ที่ติดเชื้อโรคนั่นเอง
  • 2:51 - 2:54
    หลายคนฟังแบบนี้ก็แบบ จะบ้าเหรอ ใครจะไปกิน
  • 2:54 - 2:56
    นอกจากกระสือ มันไม่มีทางติดกันหรอก
  • 2:56 - 2:58
    แต่ขอบอกเลยว่าบางทีมันติดค่ะ
  • 2:58 - 3:01
    เพราะว่าเรากินเข้าไปผ่านการปนเปื้อนนั่นเองนะคะ
  • 3:01 - 3:05
    คือบางคนเข้าห้องน้ำในสมัยก่อนก็ไปเข้าที่ทุ่งอะไรต่าง ๆ
  • 3:05 - 3:07
    ไม่ได้มีห้องน้ำแบบระบบปิดแบบปัจจุบันนะคะ
  • 3:07 - 3:09
    เสร็จปุ๊บ คนถัดไปไปเข้าต่อ
  • 3:09 - 3:11
    อะ ล้างมือไม่ล้างมือ มาจับอาหารกิน
  • 3:11 - 3:14
    บางทีก็มีแมลงวันไปเกาะสิ่งปฏิกูลเหล่านั้น
  • 3:14 - 3:15
    แล้วก็มาเกาะอาหารที่เรากิน
  • 3:15 - 3:17
    ก็ทำให้เราสามารถติดโรคได้เหมือนกันค่ะ
  • 3:17 - 3:19
    เรียกได้ว่าสยองมากเลยทีเดียวนะคะ
  • 3:19 - 3:23
    และโรคไทฟอยด์เนี่ย ถือว่าเป็นโรคนึงที่เก่าแก่มาก ๆ เลยค่ะ
  • 3:23 - 3:25
    นักประวัติศาสตร์นี่บันทึกกันไว้ว่า
  • 3:25 - 3:28
    ไทฟอยด์นี่ติดกันมาหลายต่อหลายครั้งมาก ๆ เลยนะคะ
  • 3:28 - 3:30
    แต่ครั้งสำคัญครั้งนึงเนี่ย ก็ช่วงประมาณ
  • 3:30 - 3:32
    430 ก่อนคริสตศักราชนะคะ
  • 3:32 - 3:35
    โรคไทฟอยด์เนี่ยเคยระบาดขึ้นมาใน
  • 3:35 - 3:37
    กรุงเอเธนส์ ของอาณาจักรกรีกค่ะ
  • 3:37 - 3:39
    ทีนี้ก็ติดกันเรียกได้ว่าเยอะมาก ๆ นะคะ
  • 3:39 - 3:43
    จนกระทั่งประชากร 1 ใน 3 ของกรุงเอเธนส์ตอนนั้นน่ะ
  • 3:43 - 3:45
    เสียชีวิตเพราะโรคไทฟอยด์นะคะ
  • 3:45 - 3:47
    รวมไปถึงผู้ปกครองในยุคสมัยนั้นด้วย
  • 3:47 - 3:50
    อีกครั้งนึงค่ะ ที่โรคไทฟอยด์ระบาดหนัก ๆ นี่ก็
  • 3:50 - 3:52
    ช่วงตอนสงครามกลางเมืองอเมริกานะ
  • 3:52 - 3:55
    ตอนนั้นทหารอเมริกานี่ตายไปประมาณ 60,000 คน
  • 3:55 - 3:58
    ด้วยโรคไทฟอยด์ค่ะ ก็เยอะมาก ๆ เลยจริง ๆ
  • 3:58 - 4:00
    และจริง ๆ ก็มีการระบาดอีกหลายครั้งนะคะ
  • 4:00 - 4:03
    แต่ว่าวันนี้วิวอาจจะมาพูดถึงได้ไม่ครบทุกครั้งค่ะ
  • 4:03 - 4:06
    แล้วถามว่าวิวจะมาเล่าเรื่องไทฟอยด์ทำไม
  • 4:06 - 4:09
    ก็ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วไทฟอยด์เนี่ย มันมีบางส่วนที่มัน
  • 4:10 - 4:12
    คล้ายคลึงกับสถานการณ์ Covid-19
  • 4:12 - 4:13
    ที่เราเจออยู่ในปัจจุบันนี้ค่ะ
  • 4:13 - 4:16
    เพราะว่า โอเค วิธีการติดอาจจะไม่เหมือนกัน
  • 4:16 - 4:17
    แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ
  • 4:17 - 4:20
    ไทฟอยด์เนี่ยสามารถมีพาหะนำโรคได้ค่ะ
  • 4:20 - 4:23
    คือบางคนได้รับเชื้อไทฟอยด์เข้าไปแล้วนะคะ
  • 4:23 - 4:25
    เชื้อแบคทีเรียตัวนี้ไปอาศัยอยู่ในร่างค่ะ
  • 4:25 - 4:27
    แต่ว่าไม่แสดงอาการนะคะ
  • 4:27 - 4:28
    แม้ว่าจะไม่แสดงอาการเนี่ย
  • 4:28 - 4:31
    ก็สามารถไปแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อได้ค่ะ
  • 4:31 - 4:34
    ซึ่งในสมัยที่วิวเล่าเนี่ยนะคะ ความรู้ด้านโรคระบาดเนี่ย
  • 4:34 - 4:35
    มันยังไม่ได้ดีขนาดนั้นค่ะ
  • 4:35 - 4:38
    ดังนั้นเนี่ย เรื่องที่ว่าการเป็นพาหะแต่ไม่แสดงอาการเนี่ย
  • 4:38 - 4:40
    มันยังเป็นแค่ทฤษฎีอยู่นะคะ
  • 4:40 - 4:43
    ก็เลยทำให้บางคนค่ะ ที่ติดโรคนี้แล้วเป็นพาหะนำโรคเนี่ย
  • 4:43 - 4:46
    ไปแพร่เชื้อให้คนเต็มไปหมดเลยนะคะ
  • 4:46 - 4:47
    โดยเฉพาะเคสที่วิวจะยกขึ้นมาค่ะ
  • 4:47 - 4:50
    นั่นก็คือเคสของ ไทฟอยด์ แมรี่ (Typhoid Mary) นั่นเอง
  • 4:50 - 4:55
    เรื่องราวที่วิวจะเล่าให้ฟังในวันนี้เกิดขึ้นในฤดูร้อน ปี 1906 ค่ะ
  • 4:55 - 4:57
    ในตอนนั้นเนี่ยนะคะ มีครอบครัวนายธนาคารคนนึง
  • 4:58 - 5:00
    เขาชื่อ ชาร์ลส์ เฮนรี่ วอร์เร็น (Charles Henry Warren) นะคะ
  • 5:00 - 5:01
    แน่นอนว่าครอบครัววอร์เร็นเนี่ยนะคะ
  • 5:01 - 5:03
    เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างจะมีเงินค่ะ
  • 5:03 - 5:04
    แล้วก็อาศัยอยู่ในนิวยอร์ก (New York)
  • 5:04 - 5:07
    ในช่วงฤดูร้อนเขาก็จะต้องไปพักร้อนใช่มั้ยคะ
  • 5:07 - 5:10
    จะไปพักร้อนธรรมดาก็ไม่ได้ เป็นคนมีฐานะอะนะ
  • 5:10 - 5:12
    เขาก็เลยตัดสินใจไปที่หมู่บ้านนึงค่ะ
  • 5:12 - 5:14
    ชื่อว่า Oyster Bay, Long Island นะคะ
  • 5:14 - 5:18
    ที่นั่นเนี่ย เขาก็ไปเช่าบ้านพักตากอากาศสุดหรูหลังนึงอยู่ค่ะ
  • 5:18 - 5:21
    แล้วก็ตั้งใจจะไปพักร้อนกันเป็นระยะเวลาค่อนข้างยาวเนอะ
  • 5:21 - 5:24
    ดังนั้น การไปพักร้อนเนี่ยจะไปแต่ครอบครัวตัวเอง
  • 5:24 - 5:28
    ก็ไม่สบายเท่าไหร่ เขาก็เลยต้องมีการจ้างคนสวน จ้างแม่บ้าน
  • 5:28 - 5:32
    จ้างคนทำครัวอะไรต่าง ๆ มานะคะ เพื่ออำนวยความสะดวกค่ะ
  • 5:32 - 5:34
    ทีนี้หลังจากที่ครอบครัวนี้อาศัยอยู่
  • 5:34 - 5:36
    ในบ้านหลังนี้มาสักระยะเวลานึง
  • 5:36 - 5:39
    อยู่ดี ๆ นะคะในวันที่ 27 สิงหาคมค่ะ
  • 5:39 - 5:41
    ก็เกิดมีคนในบ้านของวอร์เร็นเนี่ย
  • 5:41 - 5:45
    ติดเชื้อไทฟอยด์ขึ้นมานะคะ คนคนนั้นก็คือลูกสาวนั่นเอง
  • 5:45 - 5:48
    หลังจากที่ลูกสาวติดนะคะ เชื้อมันก็เหมือนจะแพร่กระจายค่ะ
  • 5:48 - 5:50
    ก็เริ่มติด ๆ ๆ ๆ ติดกันในบ้านนะคะ
  • 5:50 - 5:51
    เมียของคุณวอร์เร็นเนี่ยก็ติด
  • 5:51 - 5:53
    แม่บ้านก็ติด คนสวนก็ติดนะคะ
  • 5:53 - 5:56
    สรุปแล้วติดกันไปทั้งหมด 11 คนด้วยกันค่ะ
  • 5:56 - 5:57
    ทีนี้ปัญหาคืออะไรคะ
  • 5:57 - 6:01
    ปัญหาก็คือในสมัยนั้นเนี่ย เทคโนโลยีบอกได้แล้วนะว่า
  • 6:01 - 6:03
    โรคไทฟอยด์นี่ติดต่อกันจากอะไร
  • 6:03 - 6:05
    เกิดจากสุขอนามัยที่ไม่ดีอะไรต่าง ๆ
  • 6:05 - 6:08
    เช่น น้ำที่ใช้เนี่ยปนเปื้อนอุจจาระ ปัสสาวะ
  • 6:08 - 6:10
    บ้านพักเนี่ยมีปัญหาค่ะ เพราะว่าอะไร
  • 6:10 - 6:13
    เพราะว่าใครจะกล้ามาพักบ้านพักหลังนี้ต่อ ประมาณว่า
  • 6:13 - 6:16
    เฮ้ย! น้ำที่ใช้ในบ้านหลังนี้จะต้องไม่สะอาดแน่ ๆ เลยแก
  • 6:17 - 6:20
    บ่อเกรอะกับน้ำใช้มันอยู่ติดกันรึเปล่า ต่อท่อผิด อะไร
  • 6:20 - 6:23
    แบบน้ำทิ้งน้ำดีปนกันมั่วรึเปล่านะคะ
  • 6:23 - 6:25
    ดังนั้นคุณจอร์จ ทอมป์สัน (George Thompson) ค่ะ
  • 6:25 - 6:28
    ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านพักเนี่ยก็เลยรู้สึกว่า
  • 6:28 - 6:30
    ไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวค่าเช่าฉันจะตก
  • 6:30 - 6:32
    ใครจะกล้ามาพักบ้านพักสุดหรูของฉัน
  • 6:32 - 6:35
    เดี๋ยวฉันจะเสียผลประโยชน์อะไรต่าง ๆ นะคะ
  • 6:35 - 6:38
    จอร์จ ทอมป์สัน นะคะ ก็เลยตัดสินใจไปจ้างอาชีพนึงมาค่ะ
  • 6:38 - 6:40
    นั่นก็คือ นักสืบสวนโรคนั่นเอง
  • 6:40 - 6:42
    เขาเนี่ยจะมีหน้าที่ประมาณเหมือนนักสืบ
  • 6:42 - 6:45
    จะเข้ามาที่บ้านแล้วก็มาสืบสวนโรคต่าง ๆ ค่ะ ประมาณว่า
  • 6:46 - 6:48
    เอ จากการที่มีคนติดโรคในบ้านนี้
  • 6:48 - 6:51
    น่าจะเป็นจากอะไรนะ ไหนไปดูท่อน้ำทิ้งหน่อยซิ
  • 6:51 - 6:53
    ท่อน้ำทิ้งเป็นท่อน้ำดีต่อดีรึเปล่า อะ ก็ต่อดีนี่
  • 6:53 - 6:55
    อะไรอย่างนี้ต่าง ๆ นะคะ
  • 6:55 - 6:58
    จ้างมาคนแรกก็ยังไม่ได้ผลเท่าไหร่ค่ะ สืบหาโรคไม่เจอนะคะ
  • 6:59 - 7:02
    ดังนั้น เขาก็เลยไปจ้างอีกคนนึงค่ะ ซึ่งเป็นแบบมือฉกาจเลย
  • 7:02 - 7:05
    เป็นแบบผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบโรคไทฟอยด์นะคะ
  • 7:05 - 7:08
    ซึ่งเขาเนี่ยเคยมีประสบการณ์สืบโรคไทฟอยด์มาก่อนแล้ว
  • 7:09 - 7:11
    คนคนนี้ชื่อว่า จอร์จ โซเปอร์ (Dr.George A. Soper) ค่ะ
  • 7:11 - 7:13
    โซเปอร์เนี่ยนะคะ เข้ามาที่บ้านก็ทำตัวเหมือนเป็นนักสืบเลยค่ะ
  • 7:13 - 7:15
    ความโคนันเข้าสิงนะ
  • 7:15 - 7:18
    ก็ไปดูท่อต่าง ๆ เอ ปั๊มน้ำสะอาดไหม
  • 7:18 - 7:20
    บ่อน้ำของบ้านสะอาดรึเปล่า
  • 7:20 - 7:24
    เอ ในบ้านบ่อกร่งบ่อเกรอะอะไรมันก็ดูถูกสุขอนามัยหมดนี่นา
  • 7:24 - 7:25
    ดูแปลกจังเลย
  • 7:25 - 7:28
    เพราะว่าปกติเนี่ยโรคไทฟอยด์มันจะไม่ติดกันในย่านไฮโซ
  • 7:28 - 7:32
    เพราะว่ามันจะไปติดกันในพวกแบบคนจนที่สุขอนามัยไม่ดีไง
  • 7:32 - 7:34
    ดังนั้นนะคะ โซเปอร์ก็สืบต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ
  • 7:34 - 7:38
    เอ๊ หรือว่ามาจากคนที่เดินผ่านกันเมื่อวานตอนเช้า
  • 7:41 - 7:43
    อะ ไม่ใช่ กลับมานะคะ นั่นพี่บี้ค่ะ
  • 7:43 - 7:45
    และมุกนี้ซ้ำ ไม่ควรไปเล่นกับเขานะ
  • 7:45 - 7:49
    กลับมา ๆ โซเปอร์ เนี่ยนะคะก็ไปสืบโรคต่อค่ะว่า
  • 7:49 - 7:52
    เอ๊ คนที่มาส่งนมที่บ้านเนี่ย นมปนเปื้อนรึเปล่า อะ ก็ไม่ใช่
  • 7:52 - 7:54
    สืบไปจนถึงในเมืองเลยนะว่าแบบ
  • 7:54 - 7:57
    เอ พวกของสดที่ส่งเข้ามาในบ้านหลังนี้
  • 7:57 - 8:00
    ที่ร้านขายอาหารทะเลอะไรต่าง ๆ มีเชื้อปนเปื้อนไหม
  • 8:00 - 8:03
    สืบยังไงก็สืบไม่เจอนะคะ ดังนั้น โซเปอร์ ก็เลยเปลี่ยนวิธีค่ะ
  • 8:04 - 8:05
    ไล่สัมภาษณ์ทุกคนในบ้านแทน ประมาณว่า
  • 8:06 - 8:08
    ไหนวันนี้ไปกินอะไรมาบ้าง ก่อนกินล้างมือไหม
  • 8:08 - 8:09
    อะไรต่าง ๆ นะคะ
  • 8:09 - 8:11
    ก็ถาม ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ ค่ะ
  • 8:11 - 8:15
    สืบไปสืบมาปรากฏว่า โซเปอร์เจอสิ่งนึงที่หายไป
  • 8:15 - 8:18
    จากทุกคนในบ้านนะคะ ทั้งสมาชิกของครอบครัว
  • 8:18 - 8:21
    รวมไปถึงคนใช้ คนสวนอะไรต่าง ๆ
  • 8:22 - 8:23
    มีคนนึงหายตัวไปค่ะ
  • 8:24 - 8:26
    นั่นก็คือ แม่ครัว นั่นเอง
  • 8:26 - 8:28
    ซึ่งอยู่ดี ๆ แม่ครัวคนนี้ก็ลาออกไปนะคะ
  • 8:28 - 8:29
    ตอนประมาณ 3 อาทิตย์ค่ะ
  • 8:29 - 8:33
    หลังจากที่โรคไทฟอยด์เริ่มระบาดเข้ามาในบ้านหลังนี้นะคะ
  • 8:33 - 8:35
    แม่ครัวคนนี้นะคะชื่อว่า แมรี่ มาล์ลอน (Mary Mallon) ค่ะ
  • 8:35 - 8:36
    เป็นชาวไอร์แลนด์นะคะ
  • 8:36 - 8:40
    เกิดเมื่อวันที่ 23 กันยายน ปี 1869 ค่ะ
  • 8:40 - 8:41
    แล้วก็เป็นชาว Cookstown ไอร์แลนด์นะ
  • 8:41 - 8:44
    ที่เป็นแหล่งเสื่อมโทรม
  • 8:44 - 8:46
    แหล่งยากจนสุด ๆ ของไอร์แลนด์เลยค่ะ
  • 8:46 - 8:48
    ซึ่ง แมรี่ มาล์ลอน เนี่ยนะคะ ก็ตามเทรนด์ค่ะ
  • 8:48 - 8:51
    ในช่วงเวลานั้นเนี่ย สหรัฐอเมริกาเป็นเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำ
  • 8:51 - 8:53
    ใครอยากร่ำรวยก็มาทำงานที่นี่
  • 8:53 - 8:54
    แมรี่ มาล์ลอน ในฐานะแรงงาน
  • 8:54 - 8:57
    จากเมืองที่ค่อนข้างจะยากจนเนี่ยนะคะ
  • 8:57 - 8:59
    ก็เลยอพยพมาที่อเมริกาค่ะ มาอยู่ที่นิวยอร์กนะคะ
  • 8:59 - 9:03
    มาทำงาน ตั้งแต่ปี 1884 ตอนที่เธออายุได้ 15 ปีค่ะ
  • 9:03 - 9:06
    มาถึงนี่ก็เริ่มจากการเป็นแรงงานน่ะนะ
  • 9:06 - 9:09
    ต้องทำงานบ้านอะไรต่าง ๆ ซักรีดนู่นนี่นั่น
  • 9:09 - 9:11
    จนกระทั่งในที่สุดนะคะ เธอก็ค้นพบว่า
  • 9:11 - 9:14
    เฮ้ย ฉันมีความสามารถด้านการทำกับข้าวจ้า
  • 9:14 - 9:16
    และที่สำคัญตำแหน่งแม่ครัวเนี่ย
  • 9:16 - 9:19
    เป็นตำแหน่งที่ได้เงินค่าจ้างแพงกว่าตำแหน่งอื่น
  • 9:20 - 9:21
    ดังนั้น แมรี่ มาล์ลอน นะคะ
  • 9:21 - 9:23
    ก็เลยทำอาชีพเป็นแม่ครัวมาเรื่อย ๆ ค่ะ
  • 9:23 - 9:26
    และในที่สุดก็โดนจ้างมาเป็นแม่ครัวของบ้านวอร์เร็นเนี่ยล่ะค่ะ
  • 9:26 - 9:28
    ทีนี้พอโซเปอร์รู้แบบนี้นะคะว่า
  • 9:28 - 9:31
    เออ มันมีแม่ครัวคนนึงมาจากย่านเสื่อมโทรม
  • 9:31 - 9:32
    แล้วก็หายตัวไปด้วย
  • 9:32 - 9:35
    โซเปอร์เนี่ยนะคะก็เลยไปสืบประวัติของแมรี่ค่ะ
  • 9:35 - 9:37
    ประมาณว่า เอ๊! แมรี่นี่ไปทำงานที่ไหน
  • 9:37 - 9:38
    อะไรยังไงมาบ้างนะคะ
  • 9:39 - 9:41
    หลังจากที่ไปสืบประวัติค่ะ โซเปอร์ตกใจมากนะคะ
  • 9:41 - 9:44
    เพราะว่าแมรี่เนี่ยไปทำงานเป็นแม่ครัวมาหลายบ้านแล้วนะ
  • 9:44 - 9:46
    จากบ้านต่าง ๆ ที่แมรี่ไปทำงานเนี่ยนะคะ
  • 9:46 - 9:47
    ประมาณ 7 - 8 บ้านเนี่ย
  • 9:47 - 9:51
    มีคนป่วยเป็นโรคไทฟอยด์ค่ะ ป่วยไปแล้วทั้งหมด 20 คนนะคะ
  • 9:51 - 9:54
    แล้วก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กผู้หญิงคนนึงตายไปแล้วนะคะ
  • 9:55 - 9:56
    ดังนั้น โซเปอร์ก็เลยคิดว่า
  • 9:56 - 9:59
    แมรี่นี่แหละจะต้องเป็นคนแพร่เชื้อแน่ ๆ
  • 9:59 - 10:02
    และมันก็มีทฤษฎีมาจากเยอรมัน ซึ่งเป็นทฤษฎีใหม่ในช่วงนั้นว่า
  • 10:02 - 10:05
    มันจะมีพาหะโรคไทฟอยด์นะ ที่ไม่แสดงอาการ
  • 10:05 - 10:07
    หรือว่าแมรี่จะเป็นเคสนี้นะ
  • 10:07 - 10:10
    จะเป็นเคสแรกในสหรัฐอเมริการึเปล่า
  • 10:10 - 10:12
    ซึ่งบริเวณต่าง ๆ ที่แมรี่ไปทำงานเนี่ยนะคะ
  • 10:12 - 10:14
    มันก็คือบริเวณนิวยอร์ก กับ ลองไอส์แลนด์ (Long Island) ค่ะ
  • 10:15 - 10:17
    ถามว่าแถวนั้นเป็นยังไง แถวนั้นเนี่ยเป็นย่านคนรวย
  • 10:18 - 10:20
    ไม่น่าจะมีโอกาสที่ไทฟอยด์จะมาระบาดได้เลยนะ
  • 10:20 - 10:24
    และทุกบ้านก็มีจุดร่วมกันก็คือ มีแมรี่เป็นแม่ครัวค่ะ
  • 10:24 - 10:27
    โซเปอร์ก็พยายามจะจินตนาการต่อนะคะ ประมาณว่า
  • 10:27 - 10:30
    เอ๊ มีจุดไหนที่แมรี่น่าจะแพร่เชื้อได้บ้างนะ
  • 10:30 - 10:33
    เพราะว่าอาหารทุกจานที่แมรี่เสิร์ฟเนี่ย ต่อให้มันมีเชื้อ
  • 10:33 - 10:35
    แต่ว่าเป็นแม่ครัวมันก็ต้องผ่านความร้อน
  • 10:35 - 10:37
    มันไม่น่าจะทำให้ติดต่อกันได้นี่นา
  • 10:38 - 10:41
    สืบไปสืบมาก็ค้นพบว่า แมรี่นี่มีจานเด็ดอยู่จานนึงนะคะ
  • 10:41 - 10:44
    ที่จะเสิร์ฟทุกวันอาทิตย์ค่ะ ถือว่าเป็นโบนัสนิดนึง
  • 10:44 - 10:47
    ทุกคนชอบเมนูนี้มากเพราะอร่อยมากนะคะ
  • 10:47 - 10:49
    เมนูนั้นก็คือ ไอศกรีมพีช นั่นเอง
  • 10:49 - 10:51
    เป็นไอศกรีมนะคะ ที่แมรี่ทำเอง
  • 10:51 - 10:53
    ก็เอาลูกพีชสด ๆ เนี่ยนะคะ
  • 10:53 - 10:56
    หั่น ๆ ๆ ๆ ใส่เข้าไปปั่นกับไอศกรีมค่ะ
  • 10:56 - 10:58
    ทุกคนรู้สึกว่าอร่อยมากนะคะ
  • 10:58 - 11:00
    และเป็นเมนูเดียวที่ไม่ผ่านความร้อนเลย
  • 11:00 - 11:03
    ที่สำคัญตอนหั่นลูกพีชเนี่ย แน่นอนโดนมือแมรี่แน่ ๆ
  • 11:03 - 11:05
    ถ้าแมรี่ไปเข้าห้องน้ำล้างก้นแล้วไม่ล้างมือเนี่ย
  • 11:05 - 11:07
    ยังไงไอ้ที่แมรี่ไปเข้าห้องน้ำมาเนี่ย
  • 11:07 - 11:09
    ปนเปื้อนลงไปในลูกพีชแน่นอนนะคะ
  • 11:09 - 11:13
    โซเปอร์ก็เลยสงสัยว่า ไอ้เมนูนี้นี่แหละ น่าจะเป็นตัวแพร่เชื้อนะ
  • 11:13 - 11:14
    โซเปอร์ก็เลยฟันธงนะคะว่า
  • 11:14 - 11:17
    เอ้อ แมรี่ นี่แหละ น่าจะเป็นคนที่แพร่เชื้อนะ
  • 11:17 - 11:21
    อย่างไรก็ตามนะคะ แม้ว่าหน้าที่ของโซเปอร์จะจบลงแล้ว
  • 11:21 - 11:23
    เพราะเขาจ้างมาแค่มาเช็คบ้าน ว่าบ้านนี้ไม่ได้แพร่เชื้อ
  • 11:24 - 11:27
    อย่างไรก็ดี วิญญาณโคนันเนี่ยสิงร่างโซเปอร์เรียบร้อยแล้วค่ะ
  • 11:27 - 11:30
    โซเปอร์เนี่ยนะคะก็เลยพยายามตามหาตัวแมรี่ค่ะ
  • 11:30 - 11:32
    ประมาณว่า ฉันเคยได้ยินทฤษฎีมาจากเยอรมัน
  • 11:32 - 11:34
    มันเพิ่งค้นพบใหม่ว่า
  • 11:34 - 11:38
    มันมีพาหะนำโรคไทฟอยด์เนี่ยนะ ที่ไม่แสดงอาการ
  • 11:38 - 11:40
    หรือว่าแมรี่จะเป็นคนนั้น
  • 11:40 - 11:43
    นี่จะต้องเป็นเคสแรกในสหรัฐอเมริกาแน่ ๆ
  • 11:43 - 11:45
    ฉันจะต้องไปค้นหาตัวแมรี่ให้เจอ ค่ะ
  • 11:45 - 11:48
    โซเปอร์ก็พยายามค้นหาตัวแมรี่ไปเรื่อย ๆ นะคะ
  • 11:48 - 11:49
    หายังไงก็หาไม่เจอค่ะ
  • 11:49 - 11:53
    จนกระทั่ง เวลาผ่านไปทั้งหมด 6 เดือนด้วยกันนะคะ
  • 11:53 - 11:54
    โซเปอร์ก็ได้ยินข่าวค่ะว่า
  • 11:55 - 11:57
    เฮ้ย มีโรคไทฟอยด์ระบาดอีกแล้วจ้า
  • 11:57 - 11:59
    ระบาดอยู่ที่ปาร์ก อะเวนิว (Park Avenue) นะคะ
  • 11:59 - 12:01
    ซึ่งตรงนั้นเนี่ย เป็นย่านไฮโซมาก
  • 12:01 - 12:04
    ไม่มีทางหรอกที่โรคไทฟอยด์จะไประบาด
  • 12:04 - 12:07
    โซเปอร์ก็เลยวิ่งไปเช็คเลยนะคะ ไปถึงเจออะไร
  • 12:07 - 12:09
    เจอแม่ครัวเนี่ย เป็นแมรี่ มาล์ลอนค่ะ
  • 12:09 - 12:10
    โซเปอร์ก็เลยฟันธงเลยประมาณว่า
  • 12:10 - 12:14
    โอ้โห ฉันเจอแล้วแมรี่่ เธอนี่แหละตัวแพร่ไทฟอยด์แน่ ๆ
  • 12:14 - 12:16
    โซเปอร์ก็เลยเข้าไปหาแมรี่นะคะ แล้วก็บอกว่า
  • 12:16 - 12:19
    แมรี่ มาล์ลอน คือเราสงสัยว่าเธอเนี่ย
  • 12:19 - 12:22
    น่าจะเป็นพาหะนำโรคระบาด ก็คือโรคไทฟอยด์นั่นเอง
  • 12:22 - 12:25
    เราขอเก็บตัวอย่างฉี่กับอึของเธอไปตรวจได้ไหม
  • 12:25 - 12:28
    ซึ่งถามว่าแมรี่ตอนนั้นรู้สึกยังไง ทุกคน
  • 12:28 - 12:29
    นึกสภาพว่าในสมัยนั้นน่ะ
  • 12:30 - 12:31
    คอนเซปต์ของการเป็นพาหะนำโรค
  • 12:31 - 12:34
    ไม่มี ไม่มีใครรู้ โดยเฉพาะแมรี่ซึ่งเป็นคนที่แบบ
  • 12:34 - 12:36
    ชนชั้นล่าง ไม่มีความรู้ใด ๆ
  • 12:36 - 12:37
    ตัวเองก็ไม่ได้ป่วยอะไร
  • 12:37 - 12:40
    รู้สึกว่าฉันก็แข็งแรงดี อยู่มาได้ตั้งหลายปี
  • 12:40 - 12:43
    อยู่ดีๆ มีผู้ชายเดินเข้ามาบอกว่าขอเก็บอึกับฉี่เธอไปตรวจได้ไหม
  • 12:43 - 12:45
    เพราะฉันเชื่อว่าเธอเป็นตัวเชื้อโรค
  • 12:45 - 12:48
    แมรี่นี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยนะคะ ประมาณว่า
  • 12:48 - 12:50
    นี่ มาดูถูกกันใช่ไหม เพราะว่าตอนนั้นน่ะ
  • 12:50 - 12:53
    มันมีกระแสเหยียดชาวต่างชาติอยู่แล้วในสหรัฐอเมริกา
  • 12:53 - 12:54
    ประมาณว่า เป็นชาวไอร์แลนด์
  • 12:54 - 12:56
    เป็นแรงงานชั้นต่ำ อพยพมา
  • 12:56 - 12:58
    แรงงานอพยพ เหยียด ๆ ๆ ๆ
  • 12:58 - 13:01
    แมรี่นี่คิดว่าโซเปอร์มาเหยียดตัวเองนะคะ
  • 13:01 - 13:05
    ดังนั้น แมรี่ก็เลยคว้าส้อมทำอาหารอันใหญ่ ๆ ตอนนั้นขึ้นมา
  • 13:05 - 13:06
    แล้วก็บอกว่า ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้
  • 13:06 - 13:08
    ถ้าไม่ออกไปเดี๋ยวนี้ มายุ่งกันฉัน
  • 13:08 - 13:09
    หาว่าฉันเป็นตัวเชื้อโรคอีกนะ
  • 13:09 - 13:11
    ฉันเอาส้อมจิ้มจริง ๆ ด้วย กระซวกไส้แตกเลยนะ
  • 13:11 - 13:13
    ซึ่งถามว่าโซเปอร์กลัวไหม
  • 13:13 - 13:15
    กลัวนะคะ โซเปอร์ก็เลยจากไปค่ะ
  • 13:15 - 13:16
    แต่เขาไม่ได้จากไปเปล่า
  • 13:16 - 13:19
    เขาจากไปแจ้งอนามัยของนิวยอร์กนะคะ
  • 13:19 - 13:22
    ประมาณว่า เฮ้ย ฉันคิดว่าฉันเจอต้นเหตุโรคระบาด
  • 13:22 - 13:23
    ลองไปตรวจเช็คสิ่งนี้กันเถอะ
  • 13:24 - 13:26
    บังเอิญว่า โซเปอร์เนี่ยนะคะไปแจ้งถูกคนค่ะ
  • 13:26 - 13:28
    ไปแจ้งโดนเจ้าหน้าที่คนนึงชื่อว่า เบเกอร์ นะคะ
  • 13:28 - 13:31
    บังเอิญว่าพ่อเจ้าหน้าที่เบเกอร์เนี่ยก็ตายเพราะโรคไทฟอยด์ค่ะ
  • 13:31 - 13:34
    เจ้าหน้าที่เบเกอร์ก็เลยอินกับเรื่องนี้เป็นพิเศษนะคะ
  • 13:34 - 13:36
    ก็เลยมาค่ะ มาหาแมรี่นะคะ บอกว่า
  • 13:36 - 13:39
    แมรี่ขอร้องเถอะ ในฐานะที่พ่อฉันตายด้วยโรคไทฟอยด์นะ
  • 13:40 - 13:42
    ฉันขอตัวอย่างเธอไปตรวจหน่อยเถอะ
  • 13:42 - 13:44
    ว่าเธอเป็นคนแพร่เชื้อจริง ๆ รึเปล่านะ
  • 13:44 - 13:46
    ได้โปรด พลีส ๆ ๆ นะคะ
  • 13:46 - 13:48
    ถามว่าแมรี่ยอมไหม แมรี่แบบไม่ยอมค่ะ
  • 13:48 - 13:50
    แล้วก็วิ่งหนีไปเลย ประมาณว่าแบบ
  • 13:50 - 13:52
    ไม่! อย่ามาจับฉัน เพราะว่าอะไร
  • 13:52 - 13:54
    เพราะว่าเบเกอร์ไม่ได้มามือเปล่า
  • 13:54 - 13:57
    คราวนี้นะคะ โซเปอร์ เบเกอร์ มาพร้อมกับตำรวจ 5 คนค่ะ
  • 13:57 - 13:59
    และหลังจากนั้นการเล่นวิ่งไล่จับก็เกิดขึ้นนะคะ
  • 13:59 - 14:01
    ก็มีการวิ่งไล่จับกันต่าง ๆ
  • 14:01 - 14:03
    จนกระทั่งแมรี่เนี่ยนะคะ ไปซ่อนตัวอยู่ที่นึงค่ะ
  • 14:03 - 14:05
    แต่ว่ารู้ไหมทำไมเขาเจอ
  • 14:05 - 14:06
    เพราะว่าชุดของแมรี่เนี่ยนะคะ
  • 14:06 - 14:09
    ดันไปเกี่ยวกับมุมนึงเข้าค่ะ แล้วชุดมันก็ขาด
  • 14:09 - 14:10
    เป็นเหมือนแบบเศษผ้าตกอยู่
  • 14:10 - 14:13
    ดังนั้น พวกตำรวจ โซเปอร์ แล้วก็เบเกอร์ ก็เลย
  • 14:13 - 14:16
    ไปเจอตัวแมรี่ได้นะคะ พอเจอตัวก็จับล็อกมาเลยค่ะ
  • 14:16 - 14:19
    เอาไปไว้ที่เกาะแห่งนึง ซึ่งเป็นเกาะกักกันโรคระบาดค่ะ
  • 14:19 - 14:21
    ชื่อว่า The North Brother Island นะคะ
  • 14:21 - 14:22
    เป็นเกาะเล็ก ๆ เกาะนึง
  • 14:22 - 14:24
    ไปถึงเนี่ยนะคะ แมรี่ก็โดนบังคับค่ะ
  • 14:24 - 14:27
    ให้จับตรวจตัวอย่างอุจจาระ ปัสสาวะอะไรต่าง ๆ
  • 14:27 - 14:30
    ตรวจไปครั้งแรก เอ้า ไม่เจอ ตรวจครั้งที่สอง ไม่เจอ
  • 14:31 - 14:34
    ตรวจครั้งที่สาม บังเอิญว่าเจอนะคะ เจอว่าแมรี่เนี่ย
  • 14:34 - 14:36
    มีเชื้อของไทฟอยด์อยู่ในตัวจริง ๆ
  • 14:36 - 14:39
    ดังนั้น แมรี่ก็เลยโดนจับขังไว้ในเกาะแห่งนั้น
  • 14:39 - 14:41
    เพื่อกักกันโรคค่ะ
  • 14:41 - 14:43
    เพราะว่าในสมัยนั้นก็ยังรักษาไม่ได้ไง
  • 14:43 - 14:44
    ก็ไม่รู้ว่าจะรักษายังไง
  • 14:44 - 14:46
    คือถ้าเป็นไทฟอยด์ปกติก็รักษาตามอาการ
  • 14:46 - 14:47
    แต่นี่มันไม่มีอาการไง
  • 14:48 - 14:50
    ดังนั้น แมรี่ก็โดนขังไว้ตรงนั้นเรื่อย ๆ ค่ะ
  • 14:50 - 14:52
    ซึ่งถามว่าระหว่างเวลาที่โดนขังเนี่ย
  • 14:52 - 14:54
    แมรี่รู้สึกโอเคไหม แมรี่ไม่โอเคนะคะ
  • 14:54 - 14:57
    แมรี่รู้สึกว่าทำไมฉันต้องโดนขังด้วย
  • 14:57 - 14:59
    คือ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร ฉันไม่เข้าใจ
  • 14:59 - 15:02
    มาบอกว่าฉันเป็นตัวเชื้อโรค พาหะนำโรค ฉันไม่ได้เป็นอะไร
  • 15:02 - 15:05
    ดังนั้น แมรี่ก็เลยจัดการเขียนจดหมายมากมายเลยนะคะ
  • 15:05 - 15:07
    ออกมาจากแดนกักกันค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าแบบ
  • 15:08 - 15:10
    ทำไมฉันต้องมาอยู่เหมือนเป็นนักโทษ อะไรต่าง ๆ
  • 15:10 - 15:12
    เขียนออกไป เขียน ๆ ๆ ๆ นะคะ
  • 15:12 - 15:14
    เล่าถึงความอยุติธรรมที่ตัวเองได้รับค่ะ
  • 15:14 - 15:17
    รวมไปถึงแมรี่นี่ก็มีการฟ้องด้วยนะ ฟ้องร้องศาลเลย
  • 15:17 - 15:20
    ประมาณว่า คุณมาจำกัดสิทธิเสรีภาพฉันไม่ได้
  • 15:20 - 15:21
    อะไรต่าง ๆ นะคะ
  • 15:21 - 15:24
    และถามว่าเรื่องนี้จะเป็นที่สนใจของนักข่าวไหม
  • 15:24 - 15:27
    แน่นอนนะคะ เรื่องนี้มีตั้งหลายประเด็นที่นักข่าวจะสนใจ
  • 15:27 - 15:30
    1. เรื่องของตัวเชื้อโรคที่เป็นคนแพร่เชื้อให้คนไปทั่ว
  • 15:30 - 15:34
    2. เรื่องของผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นอะไร แต่โดนจำกัดอิสรภาพ
  • 15:34 - 15:36
    แล้วก็ไม่ได้รู้ว่าเมื่อไหร่จะโดนปล่อยออกมา
  • 15:37 - 15:40
    ดังนั้น นักข่าวนะคะก็ขุดคุ้ยเรื่องนี้กันใหญ่โตเลยค่ะ
  • 15:40 - 15:42
    จนกระทั่งปี 1909 นะคะ
  • 15:42 - 15:43
    หนังสือพิมพ์ The New York American เนี่ย
  • 15:43 - 15:46
    ก็ให้ฉายาแมรี่ค่ะว่า ไทฟอยด์ แมรี่ (Typhoid Mary) นะคะ
  • 15:46 - 15:49
    และชื่อนี้ก็ติดตัวแมรี่มาตั้งแต่นั้นเลย
  • 15:49 - 15:50
    ทุกคนก็เรียกตามหนังสือพิมพ์
  • 15:51 - 15:54
    อารมณ์คล้าย ๆ คลิปที่วิวเคยทำเล่าเรื่องชื่อคนที่กลายเป็นคำด่า
  • 15:54 - 15:54
    นึกออกปะ
  • 15:54 - 15:56
    พอมันเป็นชื่อในหนังสือพิมพ์แล้ว บางทีมันก็ติดตัวไป
  • 15:56 - 15:58
    แล้วก็แก้ไม่ได้ ประมาณนั้นเลยค่ะ
  • 15:58 - 15:59
    นอกจากจะได้ชื่อใหม่แล้วเนี่ย
  • 15:59 - 16:01
    แมรี่ก็มีการ์ตูนล้อของตัวเองด้วยนะ
  • 16:01 - 16:04
    ก็เป็นการ์ตูนภาพแมรี่ แพร่เชื้ออะไรต่าง ๆ
  • 16:04 - 16:07
    ซึ่งกลายเป็นกระแสไวรัลหนักมากนะคะ
  • 16:07 - 16:08
    คนก็จำภาพนั้นไปเลย
  • 16:08 - 16:10
    แมรี่นี่ก็ฟ้อง แล้วก็ยื้อยุดฉุดกระชาก
  • 16:10 - 16:13
    กับสถานที่กักกันมาอยู่หลายปีด้วยกันนะคะ
  • 16:13 - 16:15
    แม้ว่าจะพยายามฟ้องศาลขนาดไหนนะ
  • 16:15 - 16:17
    ศาลก็ตัดสินบอกว่า แมรี่ไม่ควรจะได้รับอิสรภาพ
  • 16:17 - 16:19
    เพราะว่าเธอจะไปแพร่เชื้อให้คนอื่น
  • 16:19 - 16:22
    คนอื่นก็มีสิทธิเสรีภาพที่จะไม่ได้รับเชื้อเหมือนกันนะคะ
  • 16:22 - 16:24
    อย่างไรก็ตามนะคะ ในปี 1910 ค่ะ
  • 16:24 - 16:27
    หลังจากที่แมรี่โดนกักกันโรคอยู่ทั้งหมด 3 ปีนะคะ
  • 16:27 - 16:29
    ผู้อำนวยการศูนย์กักกันโรค อะไรอย่างนี้
  • 16:29 - 16:31
    มันก็มีการเปลี่ยนตัว แล้วก็เปลี่ยนนโยบายค่ะ
  • 16:31 - 16:34
    ก็เหมือนกับว่าเชื่อใจแมรี่มากขึ้นนะ
  • 16:34 - 16:36
    ก็เลยให้แมรี่เนี่ยสาบานค่ะ ประมาณว่า
  • 16:36 - 16:39
    แมรี่ ในเมื่อเธอไม่มีอาการ เธอไม่มีอะไรต่าง ๆ เนี่ย
  • 16:39 - 16:41
    เธอสาบานได้ไหมว่า ถ้าฉันปล่อยเธอออกไป
  • 16:41 - 16:44
    เธอจะเลิกเป็นแม่ครัวนะ แล้วเธอไปทำอาชีพอื่น
  • 16:44 - 16:45
    อยากไปทำอะไรก็ไปทำ
  • 16:45 - 16:47
    แต่อย่าทำอาหาร เพราะเธอจะไปแพร่เชื้อต่อ
  • 16:47 - 16:49
    ถามว่าแมรี่โดนขังมา 3 ปี ยอมไหม
  • 16:49 - 16:51
    แมรี่ก็บอกว่า ได้จ้า โอเคจ้า
  • 16:51 - 16:54
    จะไม่ทำอาหารอีกแล้วจ้า ปล่อยฉันออกไปเถอะจ้ะ
  • 16:54 - 16:57
    เหมือนว่าจะจบคดีนะคะ เรื่องราวของแมรี่ มาล์ลอน
  • 16:57 - 16:59
    ปิดคดีได้เรียบร้อย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ
  • 16:59 - 17:01
    แต่มันไม่จบค่ะ เพราะว่า
  • 17:01 - 17:02
    5 ปีถัดมานะคะ
  • 17:02 - 17:05
    ที่โรงพยาบาล Sloane Maternity Hospital เนี่ยนะคะ
  • 17:05 - 17:09
    อยู่ดี ๆ ก็มีเคสไทฟอยด์ระบาดขึ้นมาอีกรอบนึงค่ะ
  • 17:09 - 17:11
    และเฉพาะที่โรงพยาบาลนี้โรงพยาบาลเดียวเนี่ยนะ
  • 17:11 - 17:14
    มีคนติดไปทั้งหมด 25 คนด้วยกันค่ะ
  • 17:14 - 17:16
    ดังนั้น โรงพยาบาลนี้ก็เลยตัดสินใจว่า
  • 17:16 - 17:18
    เอ๊ โรงพยาบาลฉัน สุขอนามัยก็ดีนะ
  • 17:18 - 17:20
    มันมีอะไรตรงไหนที่มันผิดปกติ
  • 17:20 - 17:23
    ก็เลยไปจ้างคนที่เชี่ยวชาญด้านโรคไทฟอยด์มานะคะ
  • 17:23 - 17:25
    คนคนนั้นก็คือ โซเปอร์ นั่นเองค่ะ
  • 17:25 - 17:27
    โซเปอร์ก็เดินทางมาที่โรงพยาบาลนี้นะคะ
  • 17:27 - 17:29
    แล้วก็มาเช็คนู่นเช็คนี่ตามปกติค่ะ
  • 17:29 - 17:31
    เช็คไปเช็คมา ไปเจอหน้าแม่ครัวค่ะ
  • 17:31 - 17:32
    เห็นหน้าปุ๊บ แบบ
  • 17:32 - 17:34
    เฮ้ย! เธอไม่ใช่มิสซิสบราวน์ (Mrs.Brown)
  • 17:34 - 17:36
    เธอคือ แมรี่ มาล์ลอน
  • 17:36 - 17:38
    เธอกลับมาเป็นแม่ครัวอีกแล้วเหรอ
  • 17:38 - 17:40
    คือเดาว่านะคะ 5 ปีที่ผ่านมาเนี่ย
  • 17:40 - 17:42
    ตอนออกจากสถานที่กักกันใหม่ ๆ
  • 17:42 - 17:44
    แมรี่ มาล์ลอน ก็น่าจะไปทำอาชีพอื่นแหละค่ะ
  • 17:44 - 17:46
    ไปซักรีด ไปนู่นไปนี่
  • 17:46 - 17:48
    แต่ว่า เงินมันไม่ดีไงทุกคน เข้าใจไหม
  • 17:48 - 17:51
    อาชีพแม่ครัวมันเป็นอาชีพที่เงินดีที่สุด
  • 17:51 - 17:53
    แล้วแมรี่ มาล์ลอน ก็มีความสามารถจริง ๆ
  • 17:53 - 17:56
    ดังนั้น อยู่ดี ๆ เจ๊แกก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น มิสซิสบราวน์
  • 17:56 - 17:58
    แล้วก็ไปเป็นแม่ครัวอีกรอบนึงซะอย่างงั้นนะคะ
  • 17:59 - 18:01
    แล้วถามว่าระหว่างนั้นไปเป็นแม่ครัวที่ไหน
  • 18:01 - 18:04
    ก็ไปเป็นแม่ครัวที่ นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก อะไรต่าง ๆ
  • 18:04 - 18:07
    ทำอาหารให้กับร้านอาหารในโรงละครบรอดเวย์
  • 18:07 - 18:08
    คนเป็นร้อยเป็นพัน
  • 18:08 - 18:12
    สปา โรงพยาบาล ร้านอาหาร โรงแรมอะไร
  • 18:12 - 18:14
    โอ้โห เจ๊แกนี่เป็นแม่ครัวไปทั่วเลยนะคะ
  • 18:14 - 18:17
    คือถ้าสมมติว่าเริ่มสงสัยว่ามีคนจำตัวเองได้
  • 18:17 - 18:20
    เจ๊แกก็จะลาออกจากงาน แล้วก็ไปทำงานที่อื่น ๆ ๆ
  • 18:20 - 18:23
    ด้วยความเชื่อที่ว่า ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันไม่ได้เป็นโรค
  • 18:23 - 18:25
    จะมาหาว่าฉันเป็นตัวแพร่โรคไม่ได้ นะคะ
  • 18:25 - 18:27
    พอโซเปอร์เห็นอย่างนั้น โซเปอร์แบบ
  • 18:27 - 18:29
    โอ๊ย! แมรี่ เธออีกแล้ว
  • 18:29 - 18:31
    ทำไมเธอถึงต้องกลับมาเป็นแม่ครัวด้วยนะ
  • 18:32 - 18:35
    เธอรู้ไหม ที่ฉันไปสืบ ๆ มาเนี่ย ว่าเธอไปทำงานที่นั่นที่นี่มาเนี่ย
  • 18:35 - 18:37
    เอาเท่าที่สืบได้นะ ไม่เอาเคสที่สืบไม่ได้เนี่ย
  • 18:37 - 18:40
    มีคนติดไทฟอยด์เพราะเธอไปอีก 51 คน
  • 18:40 - 18:41
    และมีคนตายไป 3 คน
  • 18:41 - 18:44
    แมรี่ เธออยู่อย่างนี้ไม่ได้แล้ว
  • 18:44 - 18:45
    สุดท้ายนะคะ แมรี่ มาล์ลอน ก็เลยจะต้อง
  • 18:45 - 18:48
    โดนจับกลับไปที่สถานกักกันโรคที่เดิมค่ะ
  • 18:48 - 18:51
    แล้วก็โดนกักอยู่ที่นั่นทั้งหมด 23 ปีนะคะ
  • 18:51 - 18:54
    จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1938 ในที่สุดค่ะ
  • 18:55 - 18:57
    ซึ่งเอาจริง ๆ นะ จนถึงวันที่แมรี่ตายเนี่ย
  • 18:57 - 19:00
    เจ๊แกก็ไม่เข้าใจเลยนะว่าตัวเองเป็นพาหะนำโรคอะไรต่าง ๆ
  • 19:00 - 19:03
    ก็ยังคิดแต่ว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่มีอาการ ฉันจะป่วยได้ยังไง
  • 19:03 - 19:05
    ฉันจะไปแพร่เชื้อโรคให้ได้ยังไง
  • 19:05 - 19:07
    เธอน่ะเหยียดคนไอร์แลนด์
  • 19:07 - 19:09
    อย่ามาหาว่าฉันเป็นตัวแพร่เชื้อโรคนะ
  • 19:09 - 19:10
    ประมาณนี้ค่ะ
  • 19:10 - 19:13
    ซึ่งเอาจริง ๆ เนี่ย แมรี่ก็ไม่ใช่คนที่แพร่เชื้อโรคมากที่สุดหรอกค่ะ
  • 19:13 - 19:16
    มันยังมีอีกหลายเคสที่แพร่เชื้อมากกว่าแมรี่มาก ๆ เลย
  • 19:16 - 19:19
    อย่างเช่นในปี 1922 นะคะ ก็มีผู้ชายคนนึงชื่อว่า
  • 19:19 - 19:21
    โทนี่ ลาเบลลา (Tony Labella) นะคะ เขาเป็นชาวนิวยอร์ก
  • 19:21 - 19:24
    คนนี้นี่ก็เป็นพาหะนำโรคที่ไม่แสดงอาการเหมือนกัน
  • 19:24 - 19:27
    แล้วก็แพร่เชื้อไทฟอยด์ให้คนอื่นไปถึงประมาณ 100 คน
  • 19:27 - 19:29
    มีคนตายไปประมาณ 5 คนเลยทีเดียวค่ะ
  • 19:29 - 19:31
    แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแมรี่นี่เป็นเคสแรก
  • 19:31 - 19:33
    แมรี่ก็เลยดังที่สุดนะคะ
  • 19:33 - 19:34
    ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลอะไรคะ
  • 19:34 - 19:37
    เรื่องนี้ส่งผลให้คำว่า Typhoid Mary เนี่ย
  • 19:37 - 19:40
    กลายเป็นศัพท์ที่ชาวอเมริกันเนี่ยใช้กันนะคะ
  • 19:40 - 19:42
    หมายถึงคนที่แพร่เชื้อให้กับคนอื่น
  • 19:42 - 19:45
    ที่สำคัญนะ เธอดังถึงขนาดที่ว่า การ์ตูนมาร์เวล เนี่ย
  • 19:45 - 19:46
    เวอร์ชันคอมมิกบุ๊กเนี่ยนะ
  • 19:46 - 19:49
    มีตัวละครตัวนึงนะคะที่ชื่อว่า Typhoid Mary นะ
  • 19:49 - 19:52
    เป็นนักฆ่าอะไรอย่างนี้ ประมาณนั้นเลยทีเดียว
  • 19:52 - 19:53
    ก็เรียกได้ว่า ดังมาก ๆ เลยค่ะ
  • 19:54 - 19:56
    แล้วถามว่าเราเนี่ยได้อะไรจากการฟังเรื่องนี้
  • 19:56 - 19:57
    สิ่งนึงเนี่ยที่โซเปอร์ฝากไว้
  • 19:57 - 19:59
    หลังจากที่จบเคสทั้งหมดแล้วเนี่ยนะคะ
  • 19:59 - 20:00
    โซเปอร์ก็บอกว่า
  • 20:00 - 20:03
    มันสำคัญมากเลยนะที่เราจะต้องให้ความรู้กับคน
  • 20:03 - 20:05
    เพื่อให้คนเนี่ยเข้าใจเรื่องโรคระบาดมากที่สุด
  • 20:05 - 20:08
    ให้คนเข้าใจว่าการเป็นพาหะนำโรคเนี่ยมันคืออะไรยังไง
  • 20:08 - 20:10
    มันจะได้ไม่มีเคสเหมือน แมรี่ มาล์ลอน อีก
  • 20:10 - 20:12
    ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพาหะนำโรค
  • 20:12 - 20:15
    แล้วก็ไม่เข้าใจว่าพาหะนำโรคนี่คืออะไร
  • 20:15 - 20:17
    ทำให้แพร่เชื้อไปทั่วค่ะ
  • 20:17 - 20:19
    แต่ถามว่าสิ่งที่แพทย์คนอื่น ๆ ได้เรียนรู้อะไรจากเคสนี้นะคะ
  • 20:19 - 20:21
    แพทย์คนอื่น ๆ เนี่ยก็ได้เรียนรู้ว่า
  • 20:21 - 20:23
    เออ จริง ๆ เคสแมรี่เนี่ยไม่ใช่เคสเดียวนะคะ
  • 20:23 - 20:27
    หลังจากแมรี่นี่ก็มีเคสพาหะนำโรคที่ไม่แสดงอาการ
  • 20:27 - 20:30
    ในสหรัฐอเมริกาเนี่ย มากกว่า 400 เคสเกิดขึ้นค่ะ
  • 20:30 - 20:32
    แต่ว่าไม่มีใครเนี่ยโดนกักกันโรคเหมือนแมรี่อีก
  • 20:32 - 20:34
    ไม่มีใครโดนขังจนตายนะคะ
  • 20:34 - 20:36
    เพราะว่ามันเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนค่ะ
  • 20:36 - 20:40
    แต่สิ่งที่ทำให้เขาสามารถอาศัยอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้เนี่ยก็คือ
  • 20:40 - 20:43
    ความรู้นั่นเองนะคะ การให้ความรู้คนว่า
  • 20:43 - 20:46
    เออ ถ้าคุณเป็นพาหะนำโรค คุณก็ต้องกักกันโรคตัวเองนะ
  • 20:46 - 20:48
    คุณเป็นพาหะนำโรคที่เกิดจากอาหารการกิน
  • 20:48 - 20:51
    คุณก็จะต้องไม่เป็นทำอาชีพอะไรที่เกี่ยวกับอาหารการกิน
  • 20:51 - 20:52
    คุณเนี่ยต้องระวังตัวเอง
  • 20:52 - 20:55
    เพื่อที่คุณจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้กับคนอื่น
  • 20:55 - 20:57
    และเมื่อคุณทำแบบนั้นก็จะทำให้
  • 20:57 - 21:01
    คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้ตามปกติค่ะ
  • 21:01 - 21:03
    เป็นยังไงบ้างทุกคน ฟังเรื่องนี้ไป
  • 21:03 - 21:05
    นึกถึง Covid-19 ในปัจจุบันไหมคะ
  • 21:05 - 21:08
    ส่วนตัววิวเนี่ยนึกถึง Covid-19 ในปัจจุบันมาก ๆ เลยนะว่า
  • 21:08 - 21:10
    เออ มันก็เป็นโรคที่คนที่เป็นพาหะนำโรค
  • 21:10 - 21:12
    ตอนที่มันยังไม่แสดงอาการเนี่ย
  • 21:12 - 21:13
    เราก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันค่ะ
  • 21:13 - 21:16
    ว่าเราเนี่ยจะเป็นคนแพร่เชื้อให้คนอื่นเมื่อไหร่อะไรยังไง
  • 21:16 - 21:18
    และเคสนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าไทฟอยด์ด้วย
  • 21:18 - 21:20
    เพราะว่าไทฟอยด์มันเป็นเรื่องของอาหารการกิน
  • 21:20 - 21:23
    มันยังระวังได้ แต่ว่า Covid-19 เนี่ย
  • 21:23 - 21:25
    มันมีการแพร่กระจายหลายทางมากนะคะ
  • 21:25 - 21:27
    รวมถึงการแบบ แตะสารคัดหลั่ง การอะไร
  • 21:27 - 21:29
    ซึ่งมันร้ายแรงกว่าไทฟอยด์พอสมควรค่ะ
  • 21:29 - 21:32
    ดังนั้นส่วนตัววิวเนี่ย วิวคิดว่าสิ่งที่ทุกคนทำได้นะคะก็คือ
  • 21:32 - 21:34
    ป้องกันตัวเอง แล้วก็ป้องกันคนอื่นค่ะ
  • 21:34 - 21:37
    ด้วยการดูว่าเราเนี่ยมีโอกาสเสี่ยงที่จะติดโรคไหม
  • 21:37 - 21:40
    ถ้าสมมติว่าเราเนี่ยมีโอกาสเข้าไปในที่ที่มันสุ่มเสี่ยงจะติดโรค
  • 21:40 - 21:42
    มีการไปสัมผัสกับคนที่ติดโรคอะไรต่าง ๆ
  • 21:42 - 21:45
    เราสามารถป้องกันคนอื่น ไม่ให้ติดโรคจากเราไปด้วยได้
  • 21:45 - 21:49
    รวมถึงทำให้เรามั่นใจในตัวเองได้ด้วยการกักกันโรคตัวเองค่ะ
  • 21:49 - 21:52
    ดังนั้น กฎที่เขาบอกว่าให้กักโรค 14 วันนี่ก็
  • 21:52 - 21:54
    อย่าไปแหกกฎกันเลยนะทุกคน
  • 21:54 - 21:55
    เอาเป็นว่าช่วงนี้ทุกคนก็พยายาม
  • 21:55 - 21:58
    อย่าไปรวมตัวกันในที่ชุมชนอะไรต่าง ๆ
  • 21:58 - 21:59
    ลองห่างกันซักพักละกันค่ะ
  • 22:00 - 22:02
    เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ หมอ พยาบาล อะไรต่าง ๆ เนี่ย
  • 22:02 - 22:04
    เขาลดภาระหน้าที่ลงนะคะ
  • 22:04 - 22:07
    เราจะได้ผ่านพ้นวิกฤตนี้กันไปได้อย่างรวดเร็วค่ะ
  • 22:07 - 22:09
    สำหรับวันนี้ถ้าใครฟังเรื่องนี้ไปนะคะ
  • 22:09 - 22:11
    แล้วมีความเห็นเพิ่มเติมอะไรยังไง
  • 22:11 - 22:12
    ก็คอมเมนต์มาด้านล่างได้เลยค่ะ
  • 22:12 - 22:14
    ส่วนใครชื่นชอบคลิปนี้อย่าลืม
  • 22:14 - 22:14
    กด Like เป็นกำลังใจให้วิว
  • 22:14 - 22:16
    แล้วก็กด Share เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาดูด้วยกันค่ะ
  • 22:16 - 22:18
    แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
  • 22:18 - 22:20
    บาย ๆ สวัสดีค่ะ
  • 22:20 - 22:22
    เป็นอีกคลิปนึงนะคะ ที่ตั้งใจจะเล่าสั้น ๆ
  • 22:22 - 22:23
    แต่ว่าสุดท้ายก็ยาวอีกแล้วนะทุกคน
  • 22:23 - 22:26
    แต่ว่าเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลาย ๆ คน
  • 22:26 - 22:28
    ดังนั้นฟังเรื่องในอดีตแล้วก็ลองมานึกถึง
  • 22:28 - 22:30
    เรื่องในปัจจุบันของเราเนอะว่า
  • 22:30 - 22:32
    เออมันเหมือนมันต่างอะไรกับในอดีตยังไงค่ะ
  • 22:32 - 22:36
    สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะ บาย ๆ สวัสดีค่ะ
Title:
ไทฟอยด์ แมรี หัวโกร๋นทั้งอำเภออาหารฝีมือเธอคนเดียว | Point of View
Description:

more » « less
Duration:
22:36

Thai subtitles

Revisions