สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จาก 100 วันกับการถูกปฏิเสธ
-
0:01 - 0:02ตอนที่ผมอายุหกขวบ
-
0:02 - 0:04ผมได้รับของขวัญ
-
0:04 - 0:08ครูชั้นประถมศึกษาที่หนึ่งผม
มีความคิดที่ยอดเยี่ยม -
0:08 - 0:11เธออยากให้พวกเรา
มีประสบการณ์กับการรับของขวัญ -
0:11 - 0:15อีกทั้งได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
คุณงามความดีของการชื่นชมกัน -
0:16 - 0:19ดังนั้นเธอจึงให้พวกเราทุกคน
มาที่หน้าห้องเรียน -
0:19 - 0:22และเธอซื้อของขวัญให้พวกเราทุกคน
แล้วกองมันไว้ที่มุมห้อง -
0:22 - 0:23และเธอพูดว่า
-
0:23 - 0:25"เรามายืนตรงนี้แล้วชื่นชมกันดีไหม
-
0:25 - 0:27ถ้านักเรียนได้ยินชื่อตัวเอง
-
0:27 - 0:29ให้ไปเอาของขวัญแล้วนั่งลง"
-
0:31 - 0:32เป็นความคิดที่ดีเยี่ยม
ใช่ไหมครับ -
0:33 - 0:34แล้วจะมีอะไรผิดพลาดไปได้?
-
0:34 - 0:36(เสียงหัวเราะ)
-
0:36 - 0:38เรามีอยู่กัน 40 คน
-
0:38 - 0:41แล้วทุกครั้งที่ผมได้ยิน
ชื่อใครถูกเรียก -
0:41 - 0:43ผมจะเชียร์อย่างสุดใจ
-
0:43 - 0:46แล้วก็เหลืออยู่ 20 คน
-
0:46 - 0:48และเหลืออยู่ 10 คน
-
0:48 - 0:49และเหลืออยู่ 5
-
0:50 - 0:51และเหลืออยู่ 3
-
0:51 - 0:52และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น
-
0:53 - 0:54และคำชมเชยก็หยุดไป
-
0:56 - 0:58ในตอนนั้นเอง ผมก็ร้องไห้
-
0:59 - 1:01แล้วคุณครูก็ตกตื่นใจมาก
-
1:01 - 1:04เธอพูดว่า "เฮ้ ใครสักคนก็ได้
พูดอะไรดีๆเกี่ยวกับนักเรียนพวกนี้หน่อยซิ" -
1:04 - 1:06(เสียงหัวเราะ)
-
1:06 - 1:09"ไม่มีใครเลยหรอ โอเค
เธอไปเอาของขวัญแล้วนั่งลง -
1:09 - 1:10และทำตัวดีๆปีหน้า
-
1:10 - 1:12อาจจะมีใครพูดอะไรดีๆเกี่ยวกับเธอ"
-
1:12 - 1:14(เสียงหัวเราะ)
-
1:15 - 1:16ที่ผมอธิบายให้คุณอยู่ตอนนี้
-
1:16 - 1:19คุณคงจะรู้ว่าผมจำมันได้เป็นอย่างดี
-
1:19 - 1:20(เสียงหัวเราะ)
-
1:21 - 1:23แต่ผมไม่รู้ว่าใครรู้สึกแย่ที่สุดในวันนั้น
-
1:23 - 1:25ผมหรือคุณครู
-
1:25 - 1:28เธอควรนึกได้ว่า
เธอเปลี่ยนกิจกรรมสร้างทีม -
1:28 - 1:31เป็นการล้อเลียนมหาชน
สำหรับเด็ก 6 ขวบ 3 คน -
1:32 - 1:33แบบไม่มีอารมณ์ขัน
-
1:33 - 1:35เมื่อคุณเห็นคนอื่น
โดนล้อเลียนในทีวี -
1:35 - 1:37มันตลกดี
-
1:37 - 1:39มันไม่มีอะไรตลกเลยในวันนั้น
-
1:39 - 1:42นั้นคือส่วนหนึ่งของผม
-
1:42 - 1:46และผมจะหลีกเลี่ยงมันจนตาย
เพื่อไม่ให้อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก -
1:46 - 1:48ที่ถูกปฏิเสธในที่สาธารณะอีก
-
1:48 - 1:50นั้นคือแบบหนึ่ง
-
1:50 - 1:52ก้าวกระโดดไปแปดปี
-
1:52 - 1:54บิล เกตส์มาที่บ้านเกิดผม
-
1:54 - 1:56ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน
-
1:56 - 1:57มากล่าวสุนทรพจน์
-
1:57 - 1:59และผมได้ฟังข้อความของเขา
-
1:59 - 2:01ผมตกหลุมรักผู้ชายคนนี้
-
2:01 - 2:04ผมคิดว่า
ว้าว! ผมรู้แล้วว่าตอนนี้ผมต้องทำอะไร -
2:04 - 2:06ในคืนนั้น ผมเขียนจดหมายให้ครอบครัวผม
-
2:06 - 2:08บอกพวกเขาว่า "ภายในอายุ 25
-
2:08 - 2:11ผมจะสร้างบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก
-
2:11 - 2:13และบริษัทนั้นจะซื้อไมโครซอฟท์"
-
2:13 - 2:15(เสียงหัวเราะ)
-
2:15 - 2:17ผมดื่มด่ำกับความคิดที่จะครองโลก
-
2:18 - 2:19การครอบงำไงครับ
-
2:19 - 2:22และผมไม่ได้โม้นะ
ผมเขียนจดหมายนั้นจริงๆ -
2:22 - 2:23นี่ไงละ
-
2:23 - 2:25(เสียงหัวเราะ)
-
2:25 - 2:27คุณไม่ต้องอ่านทั้งหมด
-
2:27 - 2:29(เสียงหัวเราะ)
-
2:29 - 2:32ลายมือก็แย่ด้วย
แต่ผมมีเน้นคำหลักๆเอาไว้ -
2:34 - 2:35คุณน่าจะเห็นภาพออก
-
2:35 - 2:37(เสียงหัวเราะ)
-
2:37 - 2:38และ...
-
2:39 - 2:41นั้นเป็นอีกแบบหนึ่งของผม
-
2:41 - 2:43คนหนึ่งที่อยากครองโลก
-
2:44 - 2:45และสองปีผ่านมา
-
2:45 - 2:49ผมได้โอกาสมาประเทศสหรัฐอเมริกา
-
2:49 - 2:51ผมคว้ามันไว้เลย
-
2:51 - 2:53เพราะว่านั้นคือที่ที่ บิล เกตส์อาศัยอยู่
-
2:53 - 2:54(เสียงหัวเราะ)
-
2:54 - 2:57ผมนึกว่านั้นคือการเริ่มต้น
ในการเป็นผู้ประกอบการ -
2:58 - 3:00และผ่านมา 14 ปี
-
3:00 - 3:01ผมอายุ 30
-
3:01 - 3:04ไม่เลย ผมไม่ได้สร้างบริษัทนั้นขึ้นมา
-
3:04 - 3:05ผมไม่ได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ
-
3:05 - 3:09จริงๆ ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด
ที่บริษัทใน ฟอร์จูน 500 บริษัทหนึ่ง -
3:09 - 3:11และผมรู้สึกติด
-
3:11 - 3:12ผมติดอยู่กับที่
-
3:13 - 3:14ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
-
3:14 - 3:17เด็กผู้ชายอายุ 14 ที่เขียน
จดหมายนั้นอยู่ที่ไหน? -
3:17 - 3:19มันไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ได้ลอง
-
3:19 - 3:23มันเป็นเพราะว่าทุกครั้งผมจะมีความคิดใหม่
-
3:23 - 3:25ทุกๆครั้ง ผมอยากลองสิ่งใหม่ๆ
-
3:25 - 3:26แม้แต่ที่ทำงาน
-
3:26 - 3:28ผมอยากนำเสนอแผนงาน
-
3:28 - 3:31ผมอยากพูดต่อหน้าคนในกลุ่ม
-
3:31 - 3:33ผมรู้สึกว่าต้องสู้รบอยู่เสมอ
-
3:33 - 3:36ระหว่างตอนอายุ 14 กับ ตอนอายุ 6 ขวบ
-
3:36 - 3:38คนหนึ่งอยากที่จะครองโลก
-
3:38 - 3:39ทำสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลง
-
3:39 - 3:41และอีกคนหนึ่งกลัวถูกปฎิเสธ
-
3:42 - 3:44และทุกๆ ครั้ง เด็ก 6 ขวบคนนั้นชนะ
-
3:46 - 3:50และความกลัวนี้ก็ยังอยู่
หลังจากที่ผมเริ่มบริษัทตัวเอง -
3:50 - 3:53ผมหมายความว่า
ผมเริ่มบริษัทตัวเองตอนอายุ 30 -
3:53 - 3:54และถ้าคุณอยากเป็น บิล เกตส์
-
3:54 - 3:56คุณต้องเริ่มมันไม่ช้าก็เร็วนี้ ใช่ไหม?
-
3:57 - 4:00ตอนที่ผมเป็นผู้ประกอบการ
-
4:00 - 4:03ผมได้รับโอกาสลงทุน
-
4:03 - 4:04แล้วผมก็ถูกปฎิเสธ
-
4:05 - 4:07การถูกปฎิเสธครั้งนั้นทำให้ผมเสียใจ
-
4:07 - 4:10มันทำให้ผมเสียใจมาก
จนผมอยากยอมแพ้ทันที -
4:11 - 4:12แต่แล้วผมคิดว่า
-
4:13 - 4:16บิล เกตส์จะยอมแพ้หลังจาก
ที่ถูกปฎิเสธในการลงทุนไหม -
4:17 - 4:20จะมีผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ
คนไหนยอมแพ้อย่างนี้บ้าง? -
4:20 - 4:21ไม่มีทาง
-
4:21 - 4:23และนี้คือตอนที่ผมนึกขึ้นได้
-
4:23 - 4:25โอเค ผมจะสร้างบริษัทที่ดีกว่านี้
-
4:25 - 4:27ผมจะสร้างทีมที่ดีกว่า
และผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่านี้ -
4:27 - 4:29แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่แน่นอน
-
4:29 - 4:31ผมต้องเป็นผู้นำที่ดีกว่านี้
-
4:31 - 4:32ผมต้องเป็นคนที่ดีกว่านี้
-
4:33 - 4:36ผมไม่สามารถปล่อยให้เด็กหกขวบคนนั้น
มากำหนดชีวิตผมอีกต่อไป -
4:36 - 4:38ผมต้องนำเขากลับไปสถานที่ของเขา
-
4:39 - 4:41และในตอนนั้นผม
ออนไลน์เพื่อหาความช่วยเหลือ -
4:41 - 4:43กูเกิลคือเพื่อนผม
-
4:43 - 4:44(เสียงหัวเราะ)
-
4:44 - 4:46ผมหา "ผมจะเอาชนะความกลัว
จากการถูกปฎิเสธได้ยังไง?" -
4:47 - 4:50ผมเจอแต่พวก
บทความทางจิตวิทยา -
4:50 - 4:53เกี่ยวกับว่าความกลัวและ
ความเจ็บปวดนั้นมาจากไหน -
4:53 - 4:56และผมก็เจอพวก
"แถ่นแท้น!" บทความให้กำลังใจ -
4:56 - 4:58บอกว่า "อย่าไปเอามาเป็นเรื่องส่วนตัว
แค่ต้องเอาชนะมันให้ได้" -
4:59 - 5:01มีใครไม่รู้บ้างล่ะ
-
5:01 - 5:02(เสียงหัวเราะ)
-
5:02 - 5:05แล้วทำไมผมยังกลัวอยู่?
-
5:05 - 5:07แต่บังเอิญโชคดีผมเจอเว็บไซต์นี้
-
5:07 - 5:09มันเรียกว่า rejectiontherapy.com
-
5:09 - 5:12(เสียงหัวเราะ)
-
5:12 - 5:16"Rejection Therapy" คือเกมส์
สร้างขึ้นมาโดยผู้ประกอบการคนแคนาดา -
5:16 - 5:17เขาชื่อว่า เจสัน คัมลี่
-
5:17 - 5:22มันก็คือ ใน 30 วันให้คุณออกไป
แล้วไปหาการปฎิเสธ -
5:22 - 5:25และทุกๆวันต้องโดนปฎิเสธบางอย่าง
-
5:25 - 5:28และตอนสุดท้าย
คุณจะไร้ความรู้สึกเจ็บปวดนั้น -
5:29 - 5:31ผมชอบความคิดนั้น
-
5:31 - 5:32(เสียงหัวเราะ)
-
5:32 - 5:35ผมบอกว่า "คุณรู้อะไรไหม ผมจะทำตามนี้ล่ะ
-
5:35 - 5:38และผมจะทำให้ตัวเองรู้สึก
โดนปฎิเสธ 100 วัน" -
5:38 - 5:40ผมคิดการปฎิเสธของตัวเองขึ้นมา
-
5:40 - 5:43ผมทำวีดีโอบล็อกออกจากมัน
-
5:44 - 5:46และนี่คือสิ่งที่ผมทำ
-
5:46 - 5:48นี่คือหน้าตาบล็อกของผม
-
5:48 - 5:49วันที่หนึ่ง
-
5:50 - 5:51(เสียงหัวเราะ)
-
5:51 - 5:55ยืม 100 ดอลลาร์จากคนแปลกหน้า
-
5:56 - 5:58และนี้คือที่ที่ผมไปจากที่ผมทำงาน
-
5:58 - 6:00ผมลงมาข้างล่าง
-
6:00 - 6:02และผมเห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆนี้
นั้งอยู่ข้างหลังโต๊ะ -
6:02 - 6:04เขาดูเหมือนจะเป็นร.ป.ภ.
-
6:04 - 6:06และผมก็เข้าไปหาเขา
-
6:06 - 6:08ผมกำลังเดินอยู่
-
6:08 - 6:10มันคือการเดินที่ยาวนานที่สุดในชีวิตผม
-
6:10 - 6:12ผมกลัวมากๆ จนผมข้างหลังคอตั้งขึ้นมา
-
6:12 - 6:15ผมเหงื่อแตกและหัวใจผมเต้นแรงมาก
-
6:15 - 6:16พอผมถึงตรงนั้นผมบอกเขาว่า
-
6:16 - 6:18"คุณครับ ผมขอยืม 100 ดอลลาร์ได้ไหม?"
-
6:18 - 6:20(เสียงหัวเราะ)
-
6:20 - 6:22เขามองขึ้นมา แล้วบอกว่า "ไม่"
-
6:23 - 6:24"ทำไม?"
-
6:24 - 6:26และผมแค่บอกไปว่า "ไม่หรอ? ผมขอโทษครับ"
-
6:27 - 6:28และผมก็หันกลับไป
และวิ่งหนีไปเลย -
6:28 - 6:30(เสียงหัวเราะ)
-
6:31 - 6:33ผมรู้สึกขายหน้ามาก
-
6:33 - 6:34แต่เพราะว่าผม
ถ่ายวีดีโอตัวเองไว้ -
6:34 - 6:37และในคืนนั้น ผมดูตัวเอง
ตอนที่กำลังถูกปฎิเสธอยู่ -
6:37 - 6:39ผมเห็นว่าตัวเองกลัวขนาดไหน
-
6:39 - 6:42ผมดูเหมือนเด็กที่เล่นใน
เรื่อง "ซิกซ์เซ้นส์...สัมผัสสยอง" -
6:42 - 6:43ผมเห็นคนตาย
-
6:43 - 6:45(เสียงหัวเราะ)
-
6:45 - 6:47แต่ผมดูผู้ชายคนนั้น
-
6:47 - 6:48เขาไม่ได้ดูโหดเหี้ยมอะไรมากเลย
-
6:49 - 6:51เขาเป็นคนจ้ำม่ำและน่ารักดี
-
6:51 - 6:54และเขายังถามผมว่า "ทำไม"
-
6:54 - 6:57ที่จริงแล้ว เขาเชิญชวน
ให้ผมอธิบายตัวเองด้วย -
6:57 - 6:58และผมสามารถบอกไปได้หลายอย่าง
-
6:58 - 7:01ผมสามารถอธิบายไป
ผมสามารถต่อรองไป -
7:01 - 7:02ผมไม่ได้ทำอะไรเช่นนั้นเลย
-
7:03 - 7:04ผมแค่วิ่งหนีไป
-
7:05 - 7:08ผมรู้สึกว่า นี้คือพิภพเล็กๆของผม
-
7:09 - 7:11ทุกครั้งที่ผมรู้สึกถูกปฎิเสธแม้แต่นิดเดียว
-
7:11 - 7:14ผมจะวิ่งหนีมันอย่างเร็วที่สุด
-
7:14 - 7:15และคุณรู้อะไรไหม?
-
7:15 - 7:17วันรุ่งขึ้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
-
7:17 - 7:18ผมจะไม่วิ่งหนีอีกต่อไป
-
7:18 - 7:19ผมจะอยู่สู้กับมัน
-
7:20 - 7:22วันที่สอง: ข้อเติมแฮมเบอร์เกอร์
-
7:22 - 7:24(เสียงหัวเราะ)
-
7:24 - 7:26มันคือตอนที่ผมไป
ร้านแฮมเบอร์เกอร์แห่งหนึ่ง -
7:26 - 7:29ผมทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว
ไปที่แคชเชียร์และพูดว่า -
7:29 - 7:31"ผมขอเติมแฮมเบอร์เกอร์ได้ไหมครับ"
-
7:31 - 7:33(เสียงหัวเราะ)
-
7:33 - 7:35เขางงมากและตอบว่า
"อะไรคือเติมแฮมเบอร์เกอร์" -
7:35 - 7:37(เสียงหัวเราะ)
-
7:37 - 7:40ผมบอกว่า "ก็เหมือนเติมเครื่องดื่ม
แต่เป็นแฮมเบอร์เกอร์" -
7:40 - 7:43เขาตอบว่า "ขอโทษด้วย
เราไม่บริการเติมแฮมเบอร์เกอร์" -
7:43 - 7:44(เสียงหัวเราะ)
-
7:44 - 7:48และนี้คือการปฎิเสธที่เกิดขึ้น
ผมสามารถวิ่งหนีมันไปได้ แต่ผมอยู่ต่อ -
7:48 - 7:50ผมบอกเขาว่า "ผมชอบแฮมเบอร์เกอร์คุณมาก
-
7:50 - 7:52ผมชอบร้านคุณ
-
7:52 - 7:54และถ้าคุณบริการเติมแฮมเบอร์เกอร์
-
7:54 - 7:55ผมจะยิ่งชอบพวกคุณเข้าไปอีก"
-
7:55 - 7:57(เสียงหัวเราะ)
-
7:57 - 7:59และเขาตอบว่า "โอเค
เดี๋ยวผมจะบอกผู้จักการให้ -
7:59 - 8:02เราอาจจะทำมันในอนาคต
แต่ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ใช่ว้นนี้" -
8:02 - 8:04แล้วผมก็ออกจากร้านไป
-
8:04 - 8:05และมีอีกอย่างหนึ่ง
-
8:06 - 8:08ผมว่าเขาไม่เคยมี
บริการเติมแฮมเบอร์เกอร์ -
8:08 - 8:09(เสียงหัวเราะ)
-
8:09 - 8:11ผมว่าพวกเขายังเปิดอยู่ที่นั้นนะ
-
8:11 - 8:14แต่ความรู้สึกจะเป็นจะตาย
ที่ผมมีในครั้งแรก -
8:14 - 8:16มันไม่อยู่แล้ว
-
8:16 - 8:18แค่เพราะว่าผมอยู่ต่อ
-
8:18 - 8:19เพราะว่าผมไม่ได้วิ่งหนี
-
8:19 - 8:22ผมคิดว่า "ว้าว ดีจัง ผมได้เรียนรู้บางอย่าง
-
8:23 - 8:24เยี่ยมไปเลย"
-
8:24 - 8:26และวันที่สาม: เอาโดนัทรูปโอลิมปิก
-
8:27 - 8:29นี่คือตอนที่ชีวิตผมเปลี่ยนไป
-
8:30 - 8:32ผมไปที่ร้านคริสปีครีม
-
8:32 - 8:33มันคือร้านโดนัท
-
8:33 - 8:36ส่วนใหญ่เปิดอยู่ที่
ภาคตะวันออกเชียงใต้ของสหารัฐ -
8:36 - 8:37ผมแน่ใจว่ามีร้านที่นี่ด้วย
-
8:38 - 8:39และผมเข้าไปข้างใน
-
8:39 - 8:42ผมถาม "คุณทำโดนัทที่ดูเหมือน
วงแหวนโอลิมปิกให้ผมได้ไหม -
8:42 - 8:45ง่ายๆก็คือ คุณเอาโดนัทห้าชิ้นมาเชื่อมกัน"
-
8:45 - 8:47ผมว่าไม่มีทางที่เขาจะตอบว่าได้
-
8:48 - 8:50คนทำโดนัทเอาผมอย่างจริงจัง
-
8:50 - 8:51(เสียงหัวเราะ)
-
8:51 - 8:52แล้วเธอก็เอากระดาษออกมา
-
8:53 - 8:55เริ่มจดสีกับวงแหวนลงไป
-
8:55 - 8:57เหมือนกับว่า "ฉันจะทำมันได้อย่างไร"
-
8:57 - 8:59และ 15 นาทีต่อมา
-
8:59 - 9:02เธอออกมากับกล่องที่มี
โดนัทคล่ายๆวงแหวนโอลิมปิกอยู่ข้างใน -
9:02 - 9:04ผมตื้นตันใจเป็นอย่างมาก
-
9:04 - 9:06ผมไม่อยากจะเชื่อเลย
-
9:06 - 9:10และวีดีโอนั้นมีคนดูห้าล้านคนบนยูทูบ
-
9:10 - 9:13คนทั้งโลกก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
-
9:13 - 9:14(เสียงหัวเราะ)
-
9:15 - 9:19และเป็นเพราะว่าเรื่องนั้น
ผมก็เลยได้ลงหนังสือพิมพ์ -
9:19 - 9:20อยู่ในรายการทอล์กโชว์ ในทุกอย่าง
-
9:20 - 9:22ผมกลายเป็นคนดังไปเลย
-
9:22 - 9:24หลายๆคนส่งอีเมล์มาหาผม
-
9:24 - 9:26บอกว่า "สิ่งที่คุณทำ มันสุดยอดไปเลย"
-
9:26 - 9:30ความดังกับชื่อเสียงไม่ได้ทำอะไรผมเลย
-
9:30 - 9:32สิ่งที่ผมอยากทำคือการเรียนรู้
-
9:32 - 9:33และเปลี่ยนตัวเอง
-
9:33 - 9:36และผมเปลี่ยนวันที่เหลือ จาก
100 วันที่ถูกปฎิเสธ -
9:36 - 9:38เป็นสนามเล่น
-
9:38 - 9:40เป็นโครงการวิจัย
-
9:40 - 9:42ผมอยากดูว่าผมสามารถได้เรียนรู้อะไรบ้าง
-
9:42 - 9:44และผมก็ได้เรียนรู้หลายอย่าง
-
9:44 - 9:46ผมค้นพบหลากหลายความลับ
-
9:46 - 9:49อย่างเช่น ผมพบว่า
ถ้าผมไม่วิ่งหนี -
9:49 - 9:50ถ้าผมถูกปฎิเสธ
-
9:50 - 9:52ผมสามารถเปลี่ยน "ไม่ได้" เป็น "ได้"ได้
-
9:52 - 9:54และคำวิเศษนั้นก็คือ "ทำไม"
-
9:54 - 9:58วันหนึงผมไปบ้านคนแปลกหน้า
ผมมีดอกไม้อยู่ในมือ -
9:58 - 9:59ไปเคาะประตูแล้วพูดว่า
-
9:59 - 10:01"ผมปลุกดอกไม้นี่ที่หลังสวนคุณได้ไหม"
-
10:01 - 10:03(เสียงหัวเราะ)
-
10:03 - 10:05แล้วเขาก็บอก "ไม่ได้"
-
10:06 - 10:07แต่ก่อนที่เขาจะไป ผมถามเขาว่า
-
10:07 - 10:09"ผมขอรู้ว่าทำไม"
-
10:09 - 10:12เขาบอกว่า "ฉันเลี้ยงสุนัข
-
10:12 - 10:15มันชอบขุดทุกอย่างที่ฉันไว้ในสวน
-
10:15 - 10:16ฉันไม่อยากเปลืองดอกไม้คุณ
-
10:16 - 10:20ถ้าคุณอยากทำ ลองข้ามถนนไป
และคุยกับคอนนี่ -
10:20 - 10:21เธอชอบดอกไม้"
-
10:21 - 10:22และผมก็ทำเช่นนั้น
-
10:22 - 10:24ผมไปตรงข้ามและเคาะประตูของคอนนี่
-
10:24 - 10:26เธอดีใจมากที่ได้เจอผม
-
10:26 - 10:28(เสียงหัวเราะ)
-
10:28 - 10:29และครึ่งชั่วโมงต่อมา
-
10:29 - 10:31ดอกไม้นี่ก็อยู่ในหลังสวนของคอนนี่
-
10:31 - 10:33ผมว่ามันคงดูดีขึ้นกว่านี้แล้วล่ะ
-
10:33 - 10:34(เสียงหัวเราะ)
-
10:34 - 10:37แต่หากผมเดินจากไป
หลังจากที่ถูกปฎิเสธตอนแรก -
10:37 - 10:38ผมคงจะคิดว่า
-
10:38 - 10:40มันเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้เชื่อใจผม
-
10:40 - 10:42เพราะว่าผมเป็นบ้า
-
10:42 - 10:44เพราะว่าผมไม่ได้แต่งตัวดี
ผมเลยดูไม่ดี -
10:44 - 10:45มันไม่ใช่สิ่งพวกนั้นเลย
-
10:45 - 10:48แต่เป็นเพราะสิ่งที่ผมเสนอ
ไม่ตรงกับสิ่งที่เขาต้องการ -
10:48 - 10:50และเขาเชื่อใจผมพอที่
จะเสนอการส่งต่อ -
10:50 - 10:52ใช้คำของพนักงานขาย
-
10:52 - 10:53ผมเปลี่ยนการส่งต่อ
-
10:55 - 10:56และอยู่มาวันหนึง
-
10:56 - 10:59ผมเรียนรู้ว่าผมสามารถพูดอะไรบางอย่าง
-
10:59 - 11:01และทำให้โอกาสที่จะได้ตอบว่า ได้ เยอะขึ้น
-
11:01 - 11:03อย่างเช่น
วันหนึงผมไปที่สตาร์บัคส์ -
11:03 - 11:06และถามผู้จักการ
"ผมเป็นคนต้อนรับสตาร์บัคส์ได้ไหม" -
11:07 - 11:09เขาบอกว่า "อะไรคือคนต้อนรับสตาร์บัคส์"
-
11:09 - 11:11ผมบอก "คุณรู้จักคนต้อนรับวอลมาร์ตไหม
-
11:11 - 11:14คนที่บอกสวัสดีกับคุณ
ก่อนที่คุณจะเดินเข้าไปในร้าน -
11:14 - 11:17และเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ขโมยของอะไร
-
11:17 - 11:20ผมอยากจะให้ความรู้สึกวอลมาร์ตนั้น
กับลูกค้าสตาร์บัคส์" -
11:20 - 11:21(เสียงหัวเราะ)
-
11:21 - 11:24ผมไม่แน่ใจว่านั้นเป็นเรื่องที่ดีหรือเปล่า
-
11:26 - 11:28จริงๆแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี
-
11:28 - 11:30และเขาก็บอก "โอ้"
-
11:30 - 11:32ใช่ เขาหน้าตาเป็นอย่างนี้
เขาชื่อเอริก -
11:32 - 11:34เขาบอกว่า "ผมไม่แน่ใจ"
-
11:34 - 11:36และนี้คือตอนที่เขาฟังผม "ไม่แน่ใจ"
-
11:36 - 11:38และผมก็ถามเขาว่า "มันแปลกใช่ไหม"
-
11:38 - 11:40เขาบอก "ใช่มันแปลกมากเลย"
-
11:41 - 11:44แต่เมื่อเขาพูดเสร็จ
พฤติกรรมเขาก็เปลี่ยนไป -
11:44 - 11:47เหมือนกับว่าเขาเอา
ความสงสัยปล่อยวางไป -
11:47 - 11:48และบอกว่า "ก็ได้ คุณทำได้
-
11:48 - 11:50แต่อย่าทำให้มันแปลกเกินไป"
-
11:50 - 11:51(เสียงหัวเราะ)
-
11:51 - 11:53และในชั่วโมงต่อมา
ผมเป็นคนต้อนรับสตาร์บัคส์ -
11:54 - 11:56ผมบอก "สวัสดี" กับลุกค้า
ทุกๆคนที่เดินเข้ามา -
11:56 - 11:58และให้อารมณ์วันเทศกาล
-
11:58 - 12:01ยังไงซะ ผมไม่รู้ว่าแนววิถี
การงานของคุณคืออะไร -
12:01 - 12:02แต่อย่าไปเป็นคนต้อนรับ
-
12:02 - 12:03(เสียงหัวเราะ)
-
12:03 - 12:04มันน่าเบื่อมาก
-
12:05 - 12:10แต่ผมพบว่า ผมสามารถทำแบบนี้ได้
เพราะว่าผมกล่าวถึง "มันแปลกใช่ไหม" -
12:10 - 12:12ผมกล่าวถึงความสงสัยที่เขามีอยู่
-
12:12 - 12:16และเพราะว่าผมกล่าวถึง "มันแปลกใช่ไหม"
แปลว่าผมไม่แปลก -
12:16 - 12:18แปลว่าที่จริงแล้ว
ผมคิดเหมือนเขา -
12:18 - 12:21ที่เห็นว่านี้คือสิ่งที่แปลก
-
12:21 - 12:22และซ้ำแล้วซ้ำเล่า
-
12:22 - 12:25ผมเรียนรู้ว่าถ้าผมกล่าวถึง
ความสงสัยที่คนมี -
12:25 - 12:27ก่อนที่จะถามคำถาม
-
12:27 - 12:28ผมได้ความเชื่อใจจากพวกเขา
-
12:28 - 12:30คนจะตอบว่าได้มากขึ้น
-
12:31 - 12:34และผมเรียนรู้ว่า
ผมสามารถทำตามความฝันผมได้ -
12:34 - 12:36โดยแค่ถาม
-
12:36 - 12:39ผมมาจากครอบครัวที่เป็นครูกันมาสี่รุ่น
-
12:39 - 12:42คุณยายผมชอบบอกผมว่า
-
12:42 - 12:44"เจีย เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ
-
12:44 - 12:46แต่มันจะดีมากถ้าเธอเป็นคุณครู"
-
12:46 - 12:47(เสียงหัวเราะ)
-
12:47 - 12:50แต่ผมอยากเป็นผู้ประกอบการ
ดังนั้นผมเลยไม่ได้เป็นครู -
12:50 - 12:53แต่มันเป็นความฝันผม
ที่จะได้สอนอะไรบางอย่าง -
12:53 - 12:55ผมบอกว่า "จะเป็นอย่างไรถ้าผมลองถาม
-
12:55 - 12:58เพื่อขอสอนเด็กมหาวิทยาลัย"
-
12:58 - 12:59ผมอยู่ในออสตินขณะนั้น
-
12:59 - 13:01ผมเลยไปที่มหาวิทยาลัย
เทกซัสที่ออสติน -
13:01 - 13:04และเคาะประตูอาจารย์แล้วถามว่า
"ผมจะมาสอนห้องคุณได้ไหม" -
13:04 - 13:07ผมไม่ได้ไปไหน
ในสองครั้งแรก -
13:07 - 13:09แต่เพราะว่าผมไม่ได้วิ่งหนี
ผมเอาแต่ทำมัน -
13:09 - 13:13ในครั้งที่สาม
อาจารย์เขาประทับใจมาก -
13:13 - 13:15เขาบอกว่า "ไม่มีใคร
เคยทำแบบนี้มาก่อน" -
13:15 - 13:19และผมเตรียมตัวมาอย่างดี
กับพาสเวอร์พ้อยท์และบทสอนผม -
13:19 - 13:21เขาบอกว่า "ว้าว ฉันเอามันไปใช้ได้
-
13:21 - 13:24คุณลองกลับมาใหม่ในอีกสองเดือน
ผมจะให้คุณมาสอนในหลักสูตรของผม" -
13:24 - 13:26และสองเดือนต่อมา
ผมก็ได้มาสอนในห้องเรียน -
13:26 - 13:30นี่คือผม คุณอาจจะไม่เห็น
ภาพนี้แย่มาก -
13:30 - 13:32บางครั้งคุณโดนแสงไฟปฎิเสธ
-
13:33 - 13:34(เสียงหัวเราะ)
-
13:35 - 13:36แต่ ว้าว
-
13:36 - 13:39เมื่อผมสอนห้องเรียนนั้นเสร็จ
ผมเดินออกมาร้องไห้ -
13:39 - 13:40เพราะผมคิดว่า
-
13:40 - 13:44ผมสามารถทำตามความฝันได้
เพียงแค่ต้องถาม -
13:44 - 13:46ผมเคยคิดว่าผมต้อง
ทำสำเร็จหลายอย่าง -
13:46 - 13:50ต้องเป็นผู้ประกอบการที่ดี
หรือจบปริญญาเอกเพื่อที่จะสอนได้ -
13:50 - 13:52แต่ไม่ใช่เลย ผมแค่ถาม
-
13:52 - 13:53และผมก็สอนได้
-
13:53 - 13:56และในภาพนั้น
ที่คุณไม่เห็น -
13:56 - 13:59ผมอ้างอิงจาก มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์
-
13:59 - 14:04ทำไมหรอ? เพราะว่าผมพบว่า
คนที่เปลี่ยงแปลงโลกจริงๆ -
14:04 - 14:07คนที่เปลี่ยนว่าเราใช้ชีวิตยังไง
และความคิดของเรา -
14:07 - 14:11คือคนที่เจอกับการปฎิเสธ
ครั้งแรกและรุนแรงที่สุด -
14:11 - 14:13คนอย่าง มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์
-
14:13 - 14:15อย่าง มหาตมา คานธี และ เนลสัน แมนเดลา
-
14:15 - 14:16หรือแม้กระทั่ง พระเยซู
-
14:16 - 14:20คนพวกนี้ไม่ได้ปล่อย
ให้การปฎิเสธมากำหมดตัวเขาเอง -
14:20 - 14:24พวกเขาให้วิธีการตอบสนอง
หลังจากถูกปฎิเสธกำหนดตัวเขาเอง -
14:25 - 14:26และพวกเขายอมรับการปฎิเสธ
-
14:27 - 14:31แต่เราไม่ต้องเป็นคนเหล่านั้น
ที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการถูกปฎิเสธ -
14:31 - 14:32และในกรณีของผม
-
14:32 - 14:34การถูกปฎิเสธคือคำสาปของผม
-
14:34 - 14:35เป็นผีในจินตนาการที่ขู่ผม
-
14:35 - 14:39มันรำควานผมทั้งชีวิต
เพราะว่าผมวิ่งหนีจากมัน -
14:39 - 14:41และผมก็เริ่มโอบกอดมัน
-
14:42 - 14:45ผมเปลี่ยนมันเป็น
ของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตผม -
14:45 - 14:50ผมเริ่มสอนคนอื่นๆว่าทำอย่างไรถึงให้
การถูกปฎิเสธเปลี่ยนมาเป็นโอกาสได้ -
14:50 - 14:52ผมใช้บล็อกผม ผมใช้การเล่าเรื่อง
-
14:52 - 14:54ผมใช้หนังสือที่ผมพึ่งพิมพ์จำหน่าย
-
14:54 - 14:58ผมยังสร้างเทคโนโลยีเพื่อที่จะช่วยคนอื่นๆ
ให้เอาชนะกับความกลัวกับการถูกปฎิเสธ -
15:00 - 15:02เมื่อคุณโดนปฏิเสธในชีวิต
-
15:02 - 15:04เมื่อคุณกำลังประเชิญหน้ากับอุปสรรคต่อไป
-
15:04 - 15:06หรือความล้มเหลวต่อไป
-
15:06 - 15:08ให้พิจราณาโอกาสที่เป็นไปได้
-
15:08 - 15:09อย่าวิ่งหนี
-
15:09 - 15:11ถ้าคุณโอบกอดมันไว้
-
15:11 - 15:13มันอาจจะเป็นของขวัญของคุณเช่นกัน
-
15:13 - 15:14ขอบคุณครับ
-
15:14 - 15:19(เสียงปรบมือ)
- Title:
- สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จาก 100 วันกับการถูกปฏิเสธ
- Speaker:
- เจีย เจียง (Jia Jiang)
- Description:
-
เจีย เจียงประผจญภัยอย่างกล้าหาญไปยังที่ที่พวกเราหลายคนกลัวคือการถูกปฏิเสธ โดยค้นหาการปฏิเสธเป็นระยะเวลา 100 วัน จากขอยืม 100 ดอลลาร์จากคนแปลกหน้าไปถึงขอเติมแฮมเบอร์เกอร์ในร้านอาหาร เจียงทำให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเจ็บปวดและความอับอายจากการถูกปฏิเสธ ในขณะเดียวกันเขาค้นพบว่าเพียงแค่ถามสิ่งที่คุณต้องการสามารถเปิดโอกาสทางที่เป็นไปได้ในที่ที่คุณคาดว่าจะเจอทางตัน
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 15:31
![]() |
TED Translators admin approved Thai subtitles for What I learned from 100 days of rejection | |
![]() |
Pakasai Ploysangsai accepted Thai subtitles for What I learned from 100 days of rejection | |
![]() |
Pakasai Ploysangsai edited Thai subtitles for What I learned from 100 days of rejection | |
![]() |
Juthathip R. edited Thai subtitles for What I learned from 100 days of rejection | |
![]() |
Pakasai Ploysangsai declined Thai subtitles for What I learned from 100 days of rejection | |
![]() |
Pakasai Ploysangsai edited Thai subtitles for What I learned from 100 days of rejection | |
![]() |
Pakasai Ploysangsai edited Thai subtitles for What I learned from 100 days of rejection | |
![]() |
Juthathip R. edited Thai subtitles for What I learned from 100 days of rejection |