-
สวัสดีค่ะ วิวจาก Channel Point of View ค่ะ
-
วันนี้นะคะวิว ออกมาอยู่สถานที่แปลกใหม่
เพราะว่าวิวมีแขกรับเชิญ 1 ท่านนะคะ
-
เป็นแขกรับเชิญที่พิเศษสุดๆ
แล้วคนเรียกร้องกันเยอะมากว่าให้มาช่องวิวสักที
-
นั่นก็คือ พี่บูมค่ะ
-
สวัสดีครับ บูมจาก Channel BoomTharis นะครับ
-
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักกนะคะ ซึ่งน่าจะไม่มีนะ
-
พี่บูมเป็นนักรีวิวละกัน แล้วก็เป็นคนรีวิว
ที่เป็นสายชีวิตหรูหรานิดนึง
-
-คือพี่บูมจะรีวิวอะไรแพงๆ แบบคอนโดราคาหนึ่งร้อยล้าน
-ขนาดนั้นเลยนะ
-
เอ้ย มันก็ไม่ขนาดนั้น
-
เพียงแต่ว่าแบบว่า มันก็ตื่นเต้นสำหรับเรา
-
อะไรอย่างงี้
-
วันนี้วิวก็เลยขอออกมาใช้ชีวิตหรูหรากับพี่บูมนิดนึง
-
เนื่องจากวันนี้ใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์เต็มที่แล้ว ก็เลย
ขอเกาะพี่บูมมาชิมขนมไหว้พระจันทร์ราคาเกือบ 20,000 บาท
-
เกือบ 20,000 บาท
-
เดี๋ยวๆๆๆ
-
พูดไปขนาดนั้นเดี๋ยวคนดูจะเข้าใจว่ามันชิ้นละ 20,000
-
-ไม่ใช่เหรอ
-แต่จริงๆ เราซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาเยอะไงทุกคน
-
เออ ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนหน้านี้นะฮะ
เรารีวิวขนมไหว้พระจันทร์ไปประมาณสัก 40-50 ชิ้นได้
-
ซึ่งรวมมูลค่ามันประมาณเกือบๆ 20,000
-
ดังนั้นถ้าใครเห็นวิวคลิปนี้เล่าไม่รู้เรื่องตาลอยๆ นะคะ
คือน้ำตาลขึ้นสมองนะคะ เมื่อกี้
-
คือไปชิมกับพี่บูมมาด้วย
สามารถไปดูได้ที่ช่องพี่ BoomTharis นะคะ
-
-ใช่
-ใครอยากรู้ว่าขนมไหว้พระจันทร์ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนอร่อย ยี่ห้อไหนราคาเท่าไหร่ไปดูได้ที่นั่นเลย
-
เรียกว่ากินกันจนอิ่มอ้วกไปเลย
-
ประมาณนั้นค่ะ
-
แต่หลังจากที่เรากินขนมไหว้พระจันทร์ชิมขนมไหว้พระจันทร์ ไหว้พระจันทร์กันมาตลอดชีวิตแล้วเนี่ย
-
อยากรู้กันไหมว่า เราไหว้พระจันทร์ทำไม
-
เทศกาลไหว้พระจันทร์คือเทศกาลอะไร
-
ขนมไหว้พระจันทร์มีที่มายังไง
-
ทำไมต้องกลมๆ หน้าตาแบบนี้เนาะ
-
อะไรอย่างงั้น วันนี้เราก็จะมาคุยเรื่องนี้กันค่ะ
-
ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะไปฟังเรื่องขนมไหว้พระจันทร์กัน
อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทาง
-
แล้วก็ติดตามพี่บูมให้ครบทุกช่องทางด้วย
-
จะได้ไม่พลาดคลิปวิดีโอสนุกๆ จากเราทั้งสองคนนะคะ
-
-สำหรับตอนนี้พร้อมจะฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก
-แล้วก็มีสาระกันรึยังจ๊ะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลย
-
เอาจริงๆ พี่บูม สาเหตุที่วิวชวนพี่บูมมาออกคลิปนี้
นอกจากวิวจะอยากกินขนมไหว้พระจันทร์ฟรีจากพี่แล้วเนี่ยนะ
-
ขอบคุณครับ
-
ตอนนี้มีสาเหตุอีกสาเหตุหนึ่ง ก็คือพี่บูมเป็นคนไทยเชื้อสายจีนเหมือนกัน
-
อ่า ใช่
-
เราจะเห็นจากช่องพี่บูมมากมาย พี่บูมจะมีความแบบ
พรีเซนต์อะไร แบบความเป็นคนจีนอะ
-
อ่า ใช่ อย่างที่บ้านก็เปิดร้านอาหารจีน
-
เนาะ แล้วก็เวลา refer ถึงญาติๆ เราก็จะใช้คำว่า
อากง อาม่า อากู๋ ป๊าป๋า ม่าม้า อะไรอย่างงี้
-
ใช่ ดังนั้นพี่บูมก็น่าจะเป็นคนที่คุ้นเคย
กับขนมไหว้พระจันทร์มาตลอดชีวิตเหมือนวิว
-
สายบ้านพี่บูมไหว้เจ้าไหม ไหว้ขนมไหว้พระจันทร์
-
ไหว้ แต่ว่าบางคนเขาจะไหว้แบบไหว้พระจันทร์แยกเลยใช่ไหม
-
อย่างบ้านเราจริงๆ เทศกาลไหว้พระจันทร์กับสาทรจีนมันจะใกล้ๆ กัน
-
ดังนั้นเราก็เลยเหมือนแบบกับรวบอะ
เออ รวบไหว้เลยพร้อมกันอะไรประมาณนี้
-
คือเทศกาลของคนจีนเนี่ย
มันจะมีเทศกาลไหว้เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด
-
-ใช่
-สิ่งหนึ่งคือสาทรจีนที่ไม่เกี่ยวกับอันนี้
-
แต่ว่าบางบ้านก็จะรวบกัน
-
สาทรจีนมันเกิดขึ้น 1 เดือน ก่อนที่จะไหว้พระจันทร์
-
-ใช่ ในขณะที่ไหว้พระจันทร์เนี่ย จะเป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นวันที่ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีนนะคะ ทุกคน
-ใช่
-
ซึ่งไอ้วันที่ 15 ค่ำ เดือน 8 เนี่ย
-
คือมันจะเป็นช่วงที่คนจีนเนี่ย เขาเก็บเกี่ยวผลผลิตพอดี
ในสมัยก่อนนะเราพูดถึงสมัยก่อน
-
คือช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ อะ เขาทำการเกษตรมาตลอดปี
-
ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เขาเก็บเกี่ยว
-
แล้วพอเก็บเกี่ยวเสร็จปุ๊บเนี่ย
มันก็เหมือนทุกคนทำงานชิ้นใหญ่เสร็จ
-
แล้วก็จะมีการจัดงานเฉลิมฉลอง
-
ก็คือเป็นในยุคสังคมเกษตรกรรมแหละ
เหมือนในยุคของไทย พอเกี่ยวข้าวเสร็จก็ต้องเต้นกำรำเคียว
-
- อะไรอย่างี้ อะไรประมาณนั้น
-เออๆ อะไรประมาณนั้น
-
ซึ่งของคนจีนเนี่ยเขาก็จะมีเทศกาลที่เขาเรียกว่าจงชิวเจี๋ย
-
จงก็คือกลาง ชิวก็คือฤดูใบไม้ร่วง นั่นคือ Autumn
แล้วก็เจี๋ยก็คือ Festival ก็คือ Mid Autumn Festival
-
-ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ มันคือเทศกาลแบบ
-เฉลิมฉลองกลางฤดูใบไม้ร่วง
-
ซึ่งในเทศกาลนี้เขาจะมีการเอาขนมไหว้พระจันทร์เนี่ย
มาแบ่งปันกันทาน มาใช้ไหว้เจ้า
-
เพื่อที่จะแบบว่า เหมือนกับเป็นการเฉลิมฉลองว่า
เออ มันเสร็จสิ้นฤดูแล้วนะอะไรอย่างเงี้ย
-
ซึ่งมันเกี่ยวกับพระจันทร์ได้เพราะว่าในช่วงฤดูใบร่วงแบบนี้
มันเป็นช่วงที่ฟ้าในเมืองจีนเปิดที่สุด
-
เราไม่พูดถึงเมืองไทยนะ
เราพูดกลับไปถึงออริจิ้นของมันเลยที่เมืองจีน
-
ซึ่งตอนนั้นเนี่ยจะเป็นช่วงที่พระจันทร์จะเด่นชัดที่สุด
แล้วก็จะใหญ่ที่สุด
-
สว่างที่สุด เพราะมันอยู่ใกล้โลก
-
ซึ่งชื่อพระจันทร์ต่างๆ เนี่ยนะ มันก็จะมีชื่อที่แตกต่างกันออกไปพี่ แบบว่าช่วงเวลานี้พระจันทร์เป็นแบบนี้ เช่นเคยได้ยินไหม
-
New Moon Blue Corn Moon
ซึ่งอาจเคยได้ยินจากเพลง Pocahontas
-
ซึ่งในช่วงเนี่ย เขาจะเรียกว่า Harvest Moon นั่นเอง
-
อ๋อ เหมือนกับเกมที่เราปลูกผักสมัยก่อนใช่ปะ
-
อ้าวไม่ใช่เกมจีบสาว
-
ช่างมันๆ
-
นะคะ
-
ซึ่งในเทศกาลนี้ เขาก็แบบเหมือนมานั่นรวมตัวกันญาติๆ
กินหนงกินหนมไหว้จ้งไหว้เจ้า
-
แต่ว่าพี่รู้ไหมว่า จริงๆ แล้วเทศกาลนี้มันเก่าแก่มาก แล้วมันเกี่ยวพันกับวีถีชีวิตคนสมัยก่อน ย้อนไปถึงแบบ 3,000 ปี เลย
-
อืม
-
แล้วมันก็มีประวัติความเป็นมา ทั้งเวอร์ชั่นที่เป็นตำนาน
แล้วเป็นค่อนข้างที่จะประวัติศาสตร์
-
อืม คือจริงๆ สมัยนั้นมันก็แยกไม่ออกหรอก
ว่าอันไหนตำนานอันไหนประวัติศาสตร์
-
ใช่ไหม ด้วยการบันทึกแบบตะวันออกอะ
ก็มีความบันทึกแบบว่า อภินิหารต่างๆ เข้าไปด้วย
-
บางทีเวอร์ชั่นที่เราอ่านมากับเวอร์ชั่น
ที่น้องวิวอ่านมาอาจจะไม่ตรงกัน
-
ใช่ ตามที่วิวพูดบ่อยๆ เลย พวกตำนานนิทานอะไรต่างๆ เนี่ย
-
มันเล่าบอกต่อปาก ดังนั้นมันเหมือนกับว่า
-
เออ แม่ฉันเล่าแบบนี้ ฉันก็เล่าต่อแบบนี้
แม่พี่อาจจะเล่าไม่เหมือนแม่วิวอะไรอย่างงี้
-
ใช่ๆๆ
-
ค่ะ ดังนั้นฟังเอาสนุกฟังเอาความรู้ อย่าเอาไปอ้างอิง
ใครจะเอาไปอ้างอิงต้องอ้างอิงว่าเล่าเวอร์ชั่นนี้นะจ๊ะ
-
-อะไรประมาณนี้
-อ่า โอเค
-
ดังนั้นวันนี้ประวัติความเป็นมาของวันไหว้พระจันทร์
ที่วิวจะมาเล่าอะ มี 2 เวอร์ชั่น
-
เวอร์ชั่นแรกเป็นตำนานมากๆ
-
ไม่วิวเหล่าหรอกให้พี่บูมเล่าดีกว่า เพราะพี่บูมก็เป็นคนจีน
ตำนานนี้เป็นตำนานที่แบบชาวจีนต้องรู้อะ
-
อ่า คือเรื่องเนี่ยมันมีอยู่ว่า
-
สมัยก่อนน่ะ มีนักรบอยู่คนหนึ่ง
-
ชื่อว่าโฮ่วอี้นะครับ
-
โฮ่วอี้ชาวจีน ได้รับมอบหมายให้ไปต่อสู้กับพระอาทิตย์
-
น่ะ งง คือสมัยก่อนเนี่ย มันมีตำนานเล่าว่า
-
ตอนนั้นเนี่ย มีพระอาทิตย์อยู่ 10 ดวง
-
10 ดวงเนี่ย โลกมันร้อนมาก
-
โฮ่วอี้เนี่ยได้รับมอบหมายให้ไปกำจัดพระอาทิตย์
แต่ให้เหลือทิ้งไว้ดวงหนึ่ง
-
โฮ่วอี้ก็ถือธนูไป
-
ยิงลูกศรไป 9 ดอก ปึ่บ โดนพระอาทิตย์ 9 ดวง
ตกลงมาดับไป เหลือดวงหนึ่ง
-
คือเราจำไม่ได้เหมือนกันว่าคนที่ให้ assignment เขาเนี่ย
เป็นฮ่องเต้ หรือว่าแบบเหมือนเป็นเทพหรืออะไรสักอย่างเนาะ
-
แต่ว่าคนๆ นั้นน่ะ เขาก็เห็นว่าโฮ่วอี้เนี่ยมีความสามารถ
-
เขาก็เหมือนกับมอบรางวัลให้
-
ที่แบบสามารถดับพระอาทิตย์ได้ 9 ดวง
-
รางวัลที่โฮ่วอี้ได้รับก็คือยาอายุวัฒนะ
-
ก็คือกินแล้วเป็นอมตะนั่นเอง
-
ซึ่งโฮ่วอี้เนี่ย ก็ได้รับยามา แต่รู้สึกว่า หึ้ย ฉันไม่ได้อยากกินอะ
เพราะโฮ่วอี้เนี่ยมีครอบครัวมีภรรยา
-
ภรรยาของโฮ่วอี้ชื่อว่าฉางเอ๋อ
-
-สวยมาก
-สวยมาก
-
ประมาณว่าสวยมาก แล้วก็โฮ่วอี้ก็รู้สึกว่า
-
ถ้าเขากินแล้วเขาเป็นอมตะเนี่ย
-
แล้วภรรยาเขาตายไป เขาจะต้องแยกจากกัน
-
อยู่คนเดียวไม่โอเค
-
ใช่ พอเขาได้รับยาอันนี้มา เขาก็เลยรู้สึก
เฮ้ย เขาไม่ใช้ เขาเอาไปเก็บไว้ในบ้าน
-
ก็คือเหมือนกับว่ามอบหมายให้ภรรยาตัวเองเอาไปเก็บ
เสร็จปุ๊บเนี่ย
-
อยู่มาวันหนึ่งโฮ่วอี้เนี่ย ออกไปทำงานนอกบ้าน
-
ฉางเอ๋อ อยู่ที่บ้านคนเดียว
-
ก็มีโจรผู้ร้ายเนี่ยมาบุก หวังจะมาชิงยาอายุวัฒนะตัวนี้
-
ฉางเอ๋อ เนี่ย ก็ปกป้องยาอยู่ แล้วไม่รู้จะทำยังไง
-
นางก็เลยกินยาซะเอง
-
-ก็จะได้วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะไม่ให้ใครกินยาก็กินเองเลย
-ก็กินเอง
-
ปรากฏว่านางก็เลยเป็นอมตะ
-
พอเป็นอมตะเสร็จปุ๊บเนี่ย
-
เหมือนกับว่าพอกินแล้วมันได้พลังของเทพขึ้นมานางก็ลอยได้
-
ลอยได้เสร็จปุ๊บก็ลอยขึ้นไปบนพระจันทร์
-
กลายเป็นเทพแห่งดวงจันทร์ไปซะงั้น
-
-ใช่
-จริงๆ แล้วฉางเอ๋อก็คือเซเลอร์มูน
-
ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง
-
ไม่ใช่
-
ฉางเอ๋อก็ขึ้นไปอยู่บนพระจันทร์
-
ทีนี้โฮ่วอี้กลับบ้านมา ไม่เจอเมียตัวเอง
-
ก็โศกเศร้าเสียใจมาก
-
พร้อมกับยาที่หายไปอะไรยังงี้เนาะ
-
ก็เลยพอเหมือนคงปะติดปะต่อเรื่องเองว่า
-
ฉางเอ๋อก็คงกินยาแล้วก็ลอยหายไปในที่สุดอะไรประมาณนี้
-
โฮ่วอี้เนี่ย ก็เลยรู้สึกว่า
-
คิดถึงเมียตัวเอง
-
ในทุกๆ วันที่พระจันทร์เต็มดวงโฮ่วอี้ก็จะเอา Offering
ก็คือของไหว้ เออ ต่างๆ เนี่ย
-
มา เหมือนกับว่าชวนเมียลงมากินข้าวอะ
-
เพื่อให้แบบว่าเป็นการระลึกถึง
-
คือเรานึกถึงเวลาเราไหว้เจ้าแบบจีนเนี่ย
-
เราก็ชวนอากงอาม่าเรากินข้าวแหละ เราก็จัดกับข้าวจัดนู่นจัดนี่
-
ก็อารมณ์นั้นเลย โฮ่วอี้อยากชวนเมียกินข้าวนะคะ
ก็เลยจัดการไหว้พระจันทร์นั่นเอง
-
ใช่
-
ซึ่งอันนี้ที่พี่บูมเล่าก็เป็นตำนาน
เวอร์ชั่นแบบตำน๊านตำนานเลยนะ
-
ตำนานแน่นอน ไม่มีพระอาทิตย์ 9 ดวงแน่นอน
-
อะไรอย่างงี้ เออนี่ไม่แน่นะ หลายประเทศเนี่ยพูดถึง
พระอาทิตย์หลายดวง มันอาจจะโรคร้อนอะไรอย่างนั้นก็ได้
-
โอเคๆๆ
-
แต่ว่าเวอร์ชั่นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่จะค่อนข้าง
เป็นเหตุเป็นผลมากกว่าก็คือ
-
จะบอกว่าเทศกาลเนี่ยตามคัมภีร์หลี่จี้อะ
เขาเขียนเอาไว้แบบเป็นเหตุเป็นผลมากๆ เลย
-
เขาบอกว่าเขาพูดถึงความสัมพันธ์ของจักรพรรดิ
หรือว่าฮ่องเต้นี่แหละ
-
เขาบอกว่าฮ่องเต้เป็นคนที่เป็นผู้นำของกลุ่ม
ถามว่าทำไมเขาได้เป็นผู้นำ
-
เพราะว่าเขาคือโอรสสวรรค์
-
-โอรสสวรรค์แปลว่าอะไร
-อ่า เป็น son of the god
-
ก็คือเป็นลูกหลานของเทพ
-
แปลว่าเทพอยากคุยกับใคร
เทพไม่อยากคุยกับคนธรรมดาหรอก
-
อุ้ย ฉันไม่อยากคุยด้วย
เทพอยากคุยกับใครเทพอยากคุยกับลูกตัวเอง
-
อ๋อ อยากคุยกับฮ่องเต้
-
คนที่สื่อสารกับเทพเจ้าได้
-
ในทุกศาสนาเลยนะ
อย่างบาตรหลวงก็คือคนที่พูดกับพระเจ้าได้เหมือนกัน
-
ดังนั้นฮ่องเต้เนี่ยก็คือคนที่จะต้องไปสื่อสารกับเทพเจ้า
-
เพื่อให้ประชาชนเนี่ย อยู่เย็นเป็นสุข
-
เช่น ประชาชนทำไร่ไถ่นา ฝนไม่ตกเกิดอะไรขึ้น
-
ข้าวไหม้ข้าวแห้ง
-
-ไม่มีผลผลติด
-ใช่
-
ดังนั้นฮ่องเต้ในฐานะลูกของพระเจ้า
ก็จะต้องเป็นคนไปบอกพระเจ้าว่า
-
พระเจ้าส่งฝนลงมาหน่อยจ้า
-
คนจะเพาะปลูก อะไรต่างๆ
-
นี่คือหน้าที่ของฮ่องเต้นะคะ
-
ซึ่งอาชีพหลักๆ ของฮ่องเต้เนี่ย จะมีการไหว้อยู่ 2 ครั้งด้วยกัน
-
ครั้งแรกก็คือกลางฤดูใบไม้ผลิ
-
จะไหว้พระอาทิตย์
-
ส่วนอีกครั้งหนึ่งเนี่ยก็คือกลางฤดูใบไม้ร่วง
จะไหว้พระจันทร์นี่แหละ
-
-อ๋อ
-นี่คือที่มาว่าสมัยนั้นน่ะ
-
เขาจะต้องไปไหว้นู่นไหว้นี่ว่าแบบเกี่ยวข้องกับ
การเก็บเกี่ยวผลผลิตอะไรต่างๆ
-
-ซึ่งพี่เคยดูหนังจีนปะ
-อะ เคย พอเคยๆ อยู่บ้าง
-
ไอ้ที่แบบพวกตำนานที่พวกสนมมันตบกัน
อะไรต่างๆ เยอะแยะมากมายเนี่ย
-
ก็นี่แหละ เวลาฮ่องเต้จะไปไหว้เจ้าจะไปอะไร จะไปไหว้ฟ้าดิน คำนับพระอาทิตย์คำนับพระจันทร์
-
ที่ว่าสนมคนไหนไม่ได้ไปอะ
-
-คนนั้นจะแบบ ฉันจะตกกระป๋อง
-เออ แบบเธอไม่ได้ไปต่อนะ
-
ฮ่องเต้เนี่ย มีเลือกคนไปออกงาน
-
-อ่า
-ก็จะต้องเลือกตัวพีคๆ ไป
-
-ใช่
-อ่า
-
มันถึงเป็นเทศกาลสำคัญไง
-
เรื่องราวของวิวเนี่ย ดูเป็นเหตุเป็นผลกว่าของพี่เยอะเลย
-
-ฮ่าๆ
-นั่นแหละค่ะ
-
ซึ่งอันนี้คือที่มาที่ไปของเทศกาลไหว้พระจันทร์ต่างๆ
ก็คือไหว้ให้แบบผลผลิตต่างๆ ดีเยี่ยมนั่นแหละ
-
แต่แล้วถามว่าขนมไหว้พระจันทร์เกิดขึ้นมาได้ยังไง
-
คือตอนนั้นมีขนมไหว้พระจันทร์หรือยัง
-
เหมือนกับว่ามันจะยังไม่ค่อยเกี่ยวกัน
คือมันเหมือนมันมีขนมไหว้พระจันทร์นี่แหละ
-
แต่เขายังไม่ได้เอามาเกี่ยวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์เต็มที่
-
คือขนมไหว้พรจันทร์เนี่ยมันไปเริ่มตอนสมัย
ราชวงศ์ชางกับราชวงศ์โจว
-
ก็ประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว
-
ตอนนั้นน่ะ ไม่ได้เริ่มที่มณฑลจีนด้วยนะพี่
-
มันไปเริ่มที่มณฑลเล็กๆ มณฑลหนึ่งคือมณฑลเจียงซู
-
คือบริเวณที่ปัจจุบันเนี่ยเขาเรียกว่าเจียงซูกับเจ้อเจียง
-
-เคยเห็นไหม เจ้อเจียงเป็นโปรแกรมทัวร์ต่างๆ
-เจ้อเจียงที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว
-
ขนมไหว้พระจันทร์เริ่มแถวนั้นค่ะ
-
คือมันมีขุนนางผู้ซื่อสัตย์อยู่คนหนึ่ง
-
ชื่อว่าเหวินไท่ซื่อ
-
คือเป็นครูที่มีชื่อเสียงมากๆ ในสมัยนั้นน่ะ
-
เขาเคยทำคุณงามความดีไว้โดยการเป็น
คนที่ซื่อสัตย์มากๆ กับจักรพรรดิ
-
คือเหมือนจักรพรรดิมีคนเนี่ยคอยดูแล แล้วพอจักรพรรดิตายไป คนนี้ก็ดูแลลูกต่อ ช่วยให้ประเทศอยู่รอดมาได้อะไรต่างๆ
-
แล้วก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ถึงขนาดที่วิวจะเล่าเรื่อง
ที่ค่อนข้างเป็นตำนานเหมือนของพี่บูมละ
-
คือซื่อสัตย์ถึงขนาดที่ว่าเง็กเซียนฮ่องเต้เนี่ยลงมา
แล้วบอกว่าให้ไปช่วยปราบอสูรตรงนั้นตรงนี้หน่อยอะไรต่างๆ
-
เรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษเลย
-
ทำให้คนบริเวณมณฑลเจ้อเจียงอะไรแถวนั้นน่ะ
เขาทำขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
-
ชื่อว่าไท่ซื่อเค้ก
-
เพื่อที่จะบูชาฮีโร่คนเนี่ยเหรอ
-
ใช่ หรือว่าบางตำนานก็บอกว่าฮีโร่คนนี้
คิดขึ้นมาเองเลยเนี่ยแหละ
-
อ้าวเหรอ
-
-ก็มีหลายสำนักๆ
-ใช่ๆ
-
ซึ่งมันก็มีไอ้ขนมไท่ซื่อเค้กเนี่ยอยู่มาเรื่อยๆ
-
จนกระทั่งวันหนึ่งนะคะ ในสมัยราชวงศ์ฮั่น
-
มีขุนนางคนหนึ่งชื่อจางเซวียน
-
-เขาทำอะไรรู้ไหมพี่บูม
-เขาทำอะไร
-
เขาเดินทางไปที่บริเวณนั้น
ไปแบบไปตรวจราชกาลแผ่นดินอะไรต่างๆ
-
สมัยก่อนมันต้องมีใช่ไหม ไปตรวจราชกาล
-
เขาไปตรวจเนี่ย เขาก็เอาของ 2 สิ่งเนี่ย
ไปแนะนำให้คนแถวนั้นรู้จัก ก็คือลูกวอลนัทกับงา
-
อืม ธัญพืช
-
ใช่ ประมาณนั้น
-
พอไปถึงเนี่ย คนแถวนั้นเขามีเค้กอยู่แล้วใช่ไหม
-
เขาก็เลยเอาวอลนัทกับไอ้งาเนี่ย ยัดเข้าไป บึ้ม
-
-กลายเป็นขนมไหว้พระจันทร์
-อร่อยเลย
-
ซึ่งในสมัยนั้นน่ะ เขาเรียกว่าวู๋ปิ่น วู๋คือวอลนัท ปิ่นคือเค้ก
-
เขาจะเรียกว่าวู๋ปิ่นมาเรื่อยๆ
-
จนกระทั่งสมัยราชวงศ์ถังพี่ มันก็เกิดเรื่องขึ้นอีก
-
คือมันมีการรบกัน ของส่วนใหญ่โลกนี้
แพร่กระจายผ่านสงครามทั้งนั้นแหละ
-
ใช่ไหม สังเกตไหมว่าแบบว่าตอนที่ตะวันออก
ไปโลกตะวันตกมันก็จะแพร่กระจายนู่นนี่นั่นไป
-
สมัยราลวงศ์ถังเนี่ย มีการไปรบแถบนั้น
-
พอไปรบเนี่ย รบไปรบมา
ปรากฏว่ากษัตริย์ของราลวงศ์ถังเนี่ยรบชนะ
-
ซึ่งเขาชื่อว่าอะไรเนี่ย หลี่ซื่อหมิน
-
หลี่ซื่อหมินเนี่ยเป็นกษัตริย์ชื่อดังของราชวงศ์ถังเลย
-
รบชนะ
-
เป็นบรรพบุรุษของเรานะ เราแซ่หลี่
-
-แซ่หลี่มีเยอะที่สุดในโลกนะทุกคน
-ใช่ค่ะ
-
ก็แซ่หลี่เนี่ย หลี่ซื่อหมินใช่ไหม
เขาอะรบชนะแล้วมีคนส่งบรรณาการมาให้เป็นไอ้วู๋ปิ่นเค้กเนี่ย
-
แล้วนางชอบไหม
-
นางชอบ เสร็จนางก็ appreciate มาก
แฮปปี้เอามากินในราชสำนัก
-
กินไปกินมา กินมาจนกระทั่งมาถึงสมัยลูกหลานของนาง
-
ตรงเนี่ยจะไปเกี่ยวข้องกับคนชื่อดังคนหนึ่งในประวัติศาสตร์
-
พี่บูมรู้จักหยางกุ้ยเฟยปะ
-
ที่สวยจนแบบล่มเมืองอะ
-
แบบว่าสวยยั่วยวนจนแบบว่าจักรพ้งจักรพรรดิ
ไม่ทำงงทำงานอะไรทั้งสิ้นเลยอะ
-
นางเป็น 1 ใน 4 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
-
อืม แล้วยังไงต่อ
-
มันไปเกี่ยวกับนางเพราะว่านางเป็นคนตั้งชื่อว่า
นี่คือขนมไหว้พระจันทร์
-
เหรอ
-
แต่อันนี้ก็คือไม่ได้มีคนยืนยันใช่ไหม
-
ใช่ๆ เป็นตำนานๆ คือเหมือนกับว่าคนดังอะ
ใครก็อยากไปเกี่ยวว่างั้นเถอะ
-
เค
-
เข้าใจ
-
เหมือนแบบว่าในอนาคตพี่บูมอาจจะโดนลากไปเกี่ยว
ว่าพี่บูมเป็นคนตั้งชื่อคอนโดอะไรอย่างงี้
-
อ๋อ เหมือนกับว่านี่คือมนุษย์มีชื่อเสียง
-
ว่ากันว่านางอะ เป็นสนมของพะรเจ้าถังเสี้ยนจง
-
ของราชวงศ์ถัง
-
ทีนี้มีอยู่วันหนึ่งถังเสี้ยนจงกำลังนั่งกินวู๋ปิ่นเค้กอยู่กับนาง
-
แล้วทั้งคู่รู้สึกว่า ชื่อไม่เพราะเลยอะ
-
วู๋ปิ่น เค้กวอลนัทเบสิคไป
-
นั่งกินไปชมจันทร์กันไป นางก็เลยพูดขึ้นมาว่า
-
งั้นเราเปลี่ยนชื่อกันไหม
-
เปลี่ยนเป็นเยวี่ยปิ่ง
-
ก็คือเป็นขนมพระจันทร์
-
หลังจากนั้นคนในราชวงศ์ถัง
ก็เลยนิยมขนมชนิดนี้กันมาเรื่อยๆๆๆๆ
-
อ่า มันก็มีแบบว่าที่มาที่ไปของมันเนาะ
-
ใช่
-
ซึ่งจริงๆ แล้วไม่เกี่ยวอะไรกับการไหว้พระจันทร์นี่หว่า
-
อาจจะเป็นแค่แบบ ฉันนั่งชมพระจันทร์อยู่
เออ สวยดีเอามาใส่เป็นชื่อขนม
-
ไม่เห็นต้องบอกว่า เพราะว่าชื่อของภาษาไทยเนี่ย มันเป็นคำว่าไหว้พระจันทร์ แต่จริงๆ ชื่อภาษาจีนอะมันเป็นคำว่าพระจันทร์เฉยๆ
-
ไม่มีคำว่าไหว้อะ
-
มันคือเค้กพระจันทร์
-
เออ มันคือเค้กพระจันทร์ มันคือ Moon Cake อะ
-
ซึ่งหลังจากนั้นอะ มันก็เหมือนกับว่ามันค่อนข้างจะเอา
2 เทศกาลเนี่ย มายัดรวมกัน
-
มันเกิดขึ้นใกล้เคียงกันอะไรประมาณนี้
-
ใช่ เอาไปเอามายัดไปยัดมาก็เลยเกิดเป็นทำเนียมว่า
เออ เรากินขนมนี้เป็นขนมไหว้พระจันทร์กันดีกว่า
-
เพราะว่า Mid Autumn Festival
ก็คือช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงสวยสุดพอดี
-
ในช่วงเดือน 8 เนี่ยพระจันทร์ มันสวยพอดีก็เลยอะ
กินขนมพระจันทร์ ตอนช่วงชมพระจันทร์ก็เลยดู make sense
-
-อะไรประมาณนี้ปะ
-ใช่
-
มิกซ์ไปมิกซ์มาแล้วมันก็เหมือนแบบว่า
ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
-
เพราะช่วงราชวงศ์ซ่งหรืออะไรเนี่ย
มันเหมือนกับว่ามันเริ่มแพร่กระจายเข้าไปยังหมู่ชาวบ้าน
-
เพราะว่าเขารู้สึกว่านี่คือของชาววัง นี่ขนมชาววังอะ
-
ชาวบ้านก็แบบ อุ้ย ขนมชาววัง ฉันอยากกิน
-
เพราะว่าชาวบ้านทั่วไปเมื่อก่อนไม่ได้กินนะครับ
-
พอมันแพร่กระจายเข้าไปก็เริ่มมีการทำไส้ต่างๆ เพิ่มขึ้นๆๆ
-
และขนมไหว้พระจันทร์เนี่ยมามีความสำคัญมากที่สุด
ในสมัยราชวงศ์หยวน
-
พี่บูมรู้ไหมราชวงศ์นี่แตกต่างจากราชวงศ์อื่นยังไง
-
เป็นมองโกลปะ
-
-ใช่
-อ่า
-
คือที่ผ่านมาคนจีนเป็นชนชาติชาวฮั่นใช่ปะ แต่ว่ามันจะมี
ชาวมองโกลที่อยู่ตรงมองโกลเลียที่แบบใส่ไอ้ฟู้ๆ อะ
-
อ่า เจงกิสข่าน
-
กุบไลข่าน เจงกิสข่านประมาณนั้น
-
เขาเข้ามายึดประเทศจีนได้
-
ทีนี้ คนจีนที่เป็นคนจี๊นคนจีนก็จะแบบรู้สึกคับแค้นจิตใจ
-
ทำไมฉันโดนพวกนี้กดขี่ข่มเหง
-
แล้วเขาก็จะกลัวกบฏมาก ดังนั้นเขาก็จะมีการแบบว่า
ตั้งทหารไปหมด ใครจะเอาอะไรให้ใครต้องมีการตรวจสอบ
-
หมายถึงว่ามองโกลนี่เข้มงวดกับชาวจีน
-
-เพราะว่ากลัวโดนก่อกบฏ
-ใช่
-
เพราะว่าก็ชาวจีนทั้งประเทศอะ โดนมองโกลคุมไว้อะ
-
ดังนั้นนะคะ ชาวฮั่นก็แค้นใจมากประมาณว่า
-
ฉันจะก่อกบฏ ไม่ ฉันจะยึดประเทศฉันคืน ฉันต้องการกู้ชาติ
-
Revolution
-
ประมาณนั้น
-
แต่ถามว่าอยู่ดีๆ ไปรวมตัวกันเกิน 5 คน
แล้วก็จะโดน พรบ. ฉุกเฉิน
-
เออ ไม่ได้
-
สมัยก่อนนี่ไปจัดงานวันก่งวันเกิดรวมตัวชาวฮั่นงี้ไม่ได้เลยนะ
-
ต้องมีทหารมองโกลมาเฝ้าประมาณว่า
-
แกทำอะไรกันน่ะ รวมตัวกันทำไมก่อกบฏเหรอ
-
แล้วกบฏสมัยก่อนไม่ได้ติดคุกนะ กบฏสมัยก่อนคือ
-
-ฆ่าทิ้ง
-อย่างเดียว แล้วฆ่าที 7 ชั่วโคตร ล้างตระกูล
-
ถามว่าพี่อยากกบฏตอนนั้นทำยังไง นัดกันยังไงอะ
-
ขนมไหว้พระจันทร์เป็นคำตอบค่ะ
-
ซึ่งถามว่ารู้ไหมว่าขนมไหว้พระจันทร์
มาเกี่ยวข้องกับการกบฏยังไง
-
เฮ้ย เราว่าอันนี้เรารู้ เราแอบไปอ่านมานิดหน่อย
-
เขาบอกว่าพวกชาวฮั่นเนี่ย จะสอดแทรก Message
เป็นกระดาษแทรกอยู่ในตัวเนื้อขนมไหว้พระจันทร์
-
ก็จะเจอแบบ massage ว่า เฮ้ย เราจะต้องไปนัดรวมตัว
เพื่อแบบก่อการกันที่ไหน อะไรประมาณนี้ใช่ปะ
-
ใช่ ซึ่งอันที่วิวอ่านมาอะ มันละเอียดไปกว่านั้นอีก
-
มันบอกว่า ไอ้ขนมไหว้พระจันทร์เนี่ย
ปัญหามันก็คือชาวมองโกลมันไม่กินพี่ คนที่กินมันกินแต่ชาวฮั่น
-
ดังนั้นน่ะ ชาวมองโกลเปิดกล่องดู อะ ขนมไหว้พระจันทร์
-
ฉันไม่กิน
-
ซึ่งชาวฮั่นน่ะ ไปหลอกอีกไปบอกว่า
เนี่ยเป็นการให้กันเพื่อเป็นการอวยพร
-
เหมือนวิวเอาขนมไหว้พระจันทร์ให้พี่ก็
ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ
-
แล้วก็เป็นการอวยพรให้จักรพรรดิมองโกล
อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี ด้วย
-
ดังนั้นก็มีคนที่เป็นหัวหน้ากบฏเนี่ย ลุกขึ้นมาแล้วบอกว่า
ฉันขอแจกขนมไหว้พระจันทร์ให้ทุกคนได้ไหม
-
จะได้อวยพรให้จักรพรรดิ ยิ่งแจกเยอะจักรพรรดิก็ยิ่งแข็งแรง
-
-อะไรต่างๆ
-อ๋อ
-
เออๆ อันนี้เราไม่รู้นะ
-
อีกแบบหนึ่งที่เราเห็นมาก็คือว่า
-
บนขนมไหว้พระจันทร์อะไร มันจะมีตัวอักษรอยู่ใช่ปะ
-
ซึ่งตัวอักษรเนี่ย เมื่อก่อนตัวขนมหนึ่งชิ้นจะมีตัวอักษรสี่ตัว
-
แล้วมันก็จะมีหลายรสชาติเนาะ เอาอันที่หน้าตาไม่เหมือนกัน
มาเรียงกันยังงี้ แล้วหั่นเป็น 4 ชิ้นเนี่ย
-
มันจะได้ตัวอักษร 4 ตัว
-
พอเอาตัวอักษรทั้งหมดอะ มาเรียงใหม่
-
มันจะเกิดเป็นประโยคที่บอกว่าให้ไปเจอกันที่ไหน
-
นี่ขนมไหว้พระจันทร์หรือโคนันเนี่ย
-
นั่นดิ
-
-มันดูแบบว่า dying message มาก
-เออ dying message
-
นั่นแหละ แต่อย่างไรก็ตามเอาเป็นว่าในขนมไหว้พระจันทร์เนี่ย
-
ไม่ว่ามันจะเขียนอยู่ข้างในหรือปั๊มอยู่ข้างนอก message
มันคือ 15 ค่ำ เดือน 8 กบฏต้านหยวนกันเถอะ
-
-ประมาณว่า
-ประมาณนั้น
-
ให้ทุกคนเนี่ยลุกขึ้นมาในคืนไหว้พระจันทร์
ขึ้นมาล้มอล้างราชวงศ์หยวนกัน
-
ซึ่งตามตำนานนะ บอกว่านี่แหละคือสาเหตุที่
ทำให้ชาวฮั่นลุกขึ้นมาล้มราชวงศ์หยวนทิ้งได้ทั้งหมด
-
ปึ้ง แล้วก็ก่อตั้งราชวงศ์หมิงได้ในที่สุด
-
อาจจะไม่ใช่ประวัติศาสตร์ 100% แต่ว่าเป็นตำนาน
เขาบอกว่าประมาณนั้น
-
เป็นสาเหตุให้ขนมไหว้พระจันทร์ฮิตเข้าไปอีก
-
ป๊อปปูล่า
-
พอหลังจากนั้นมันก็เลยเหมือนฮิตๆๆ ขึ้นมา
-
ด้วยความที่เห็นคุณค่าของขนมไหวพระจันทร์
ก็เลยมีการปั๊มลายลงไปข้างหน้า เริ่มปั๊มลายเป็นเทพีฉางเอ๋อ
-
เริ่มเอาไส้ต่างๆ มาใส่มากขึ้น
-
ชาวบ้านชาวเมืองอะไร
ก็เริ่มกินขนมไหว้พระจันทร์กันกระจุยกระจาย
-
และทั้งหมดเนี่ยก็มาฮิตถึงขีดสุด
-
เฟื้องฟูถึงขีดสุดในสมัยราชวงศ์ชิง
-
ราชวงศ์ชิงก็คือก่อนยุคสุดท้ายก่อนที่
จีนจะเปลี่ยนเป็นคอมมิวนอสต์
-
ใช่เลย
-
ก่อนที่จะเป็นสาธารณรัฐ แล้วจากสาธารณรัฐ
เข้าไปเป็นคอมมิวนิสต์เนี่ย
-
ราชวงศ์ชิงเป็นช่วงที่ขนมไหว้พระจันทร์เนี่ยเฟื่องฟูมาก
-
ทำไม มี 20 ไส้เหรอ
-
อุ้ย น่าจะเยอะกว่านั้นนะพี่
-
เพราะว่าในวังก็ทำกันกระจุยกระจาย
-
คือถ้าใครเคยไปอ่านประวัติซูสีไทเฮาจะรู้ว่า
แค่มื้อหนึ่งเขาก็กินกัน 70-80 จานแล้วนะ
-
เฮ้ย
-
กินแบบจานละคำยังงี้
-
แปลว่าช่วงนั้นกษัตริย์จีนก็คงรวยมาก
-
รวยมาก ก็สะสมมากี่พันปีอะ
-
สะสมมาจนกระทั่งโดนล้มอะ
-
ซึ่งในวังเนี่ยก็เฟื้องฟู นอกวังก็เฟื้องฟู
ชาวบ้งชาวบ้านทุกคนทำขนมไหว้พระจันทร์โฮมเมกหมด
-
แล้วก็จะมีสูตรของบ้านฉัน สูตรของบ้านเธอต่างๆ มันก็เลย
เฟื้องฟูแล้วก็แพร่กระจายไปจนทั่วประเทศจีนนั้นแหละค่ะ
-
และนี่ทั้งหมดก็คือประวัติของขนมไหว้พระจันทร์
ยาวมากและมีตำนานแทรกเยอะมาก
-
เฮ้ย แต่เราว่าเราชอบไอ้พาร์ทที่บอกว่ามันมี message ซ่อนอยู่
-
เราว่ามันเหมือนแบบว่ามัน relate กับคนรุ่นใหม่ได้ดีด้วยมั้ง
-
ซึ่งเอาจริงๆ ขนมไหว้พระจันทร์ในไทยอะ มันไม่ได้มีที่มา
จากจีนโดยตรงหรอก เรารับมาจากอีกที่หนึ่งนั่นก็คือ
-
ฮ่องกงนั่นเอง
-
ฮ่องกง
-
เพราะว่าเมื่อก่อนเนี่ย ขนมไหว้พระจันทร์คนไทยไม่มีให้กิน
ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าคืออะไร
-
แล้วเชฟจากฮ่องกง เขาก็มีมาเปิดร้านอาหารในไทยบ้าง
มาอะไรยังงี้บ้าง
-
แล้วในไทยมันก็มีชุมชนชาวจีนอยู่แล้วเนาะ
-
เขาก็ต้องการมีประเพณีนี้เหมือนกันเขายังเก็บไว้อยู่
-
แล้วเมื่อก่อนนี้จะกินขนมไหว้พระจันทร์ทีหนึ่ง โรงแรม
อะไรพวกเนี่ยไม่มีขาย ต้องไปซื้อตามพวกร้านอาหารจีน
-
ที่เชฟต้องทำเป็นด้วยนะ
-
อ่า
-
เพราะว่ามันเป็นเค้กแบบพิเศษที่ทำแค่ปีละครั้งเดียว
-
แต่ก่อนไม่ใช่แบบว่าเราเดินเข้าร้านไหนก็เจอ
ไหว้พระจันทร์ทั้งปีนะ ต้องกินแค่ช่วงเนี้ยช่วงนี้เลย
-
เออ ใช่
-
คือจริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังต้องกินแค่ช่วงนี้อยู่
-
แต่มันจะมีบางร้านที่แบบ
-
เออ แม่งทำอร่อยอะก็คือทำ ทำขายทั้งปีอะไรอย่างงี้
-
ทำนองนั้นค่ะ
-
ดังนั้นนี่ก็คือที่มาทั้งหมดของขนมไหว้พระจันทร์
ก่อนที่มันจะกลายพันธุ์หลากหลายมาจนถึงทุกวันนี้
-
กลายไปมีไส้ประหลาดๆ ที่เราไม่คิดว่ามันจะมี
-
ใช่ อย่างที่เมื่อเช้าเรารีวิวไปก็จะมีใส่แบบชาเขียวแจสมิน
-
ราสเบอร์รี่
-
ไส้บานอฟฟี่ ไส้ถั่วเหลืองมะพร้าวใบเตยอะไรอย่างงี้
-
ซึ่งแบบว่าหลากหลายมาก
-
นั่นแหละค่ะ
-
เอาเป็นว่ามันก็เป็นเรื่องราวประมาณนี้แหละ ที่กว่าจะวิวัฒนาการมา 3,000 ปี จนกลายมาเป็นป๊อปคัลเจอร์จนทุกวันนี้
-
ใช่
-
-ก็วันนี้ก็ขอบคุณพี่บูมมากๆ เลยค่ะ
-ก็ขอบคุณมากๆ เลยครับ
-
รวมเฮฮากับเรา จริงๆ คือก็แอบกินขนมฟรีพี่บูมนั่นแหละ
-
ก็จะยินดีมากที่น้องวิวมาร่วมแจมในวันนี้นะฮะ
-
ก็ใครชอบคลิปนี้นะคะ อย่าลืม
-
กด like กด share แล้วก็กด subscribe ให้เราทั้ง 2 คนด้วย
-
สำหรับวันนี้มีอะไรจะฝากไว้เป็นอย่างสุดท้ายไหมค่ะ พี่บูม
-
อ่าาาาา
-
เอาไว้ในอนาคตเนี่ย เรามีโปรเจคอะไรอีกเดี๋ยวจะลากน้องวิวมาอีก เพราะว่าน้องวิวอะ มีความรู้เกี่ยวกับอะไรพวกเนี่ยเยอะมาก
-
ปกติ ถ้าเกิดใครเคยดูวิดีโอของเราใช่ปะ
-
เราก็จะมีแบบเล่าถึงประวัติของสิ่งนั้นสิ่งนี้เยอะแยะ
-
เดี๋ยวไว้ถ้าเกิดมีโอกาส เราจะมา collab กันอีก
-
วิวรอเลยค่ะ พี่บูมไปรีวิวเรือสำราญที่อังกฤษเมื่อไหร่
หรือล่องเรือเนี่ยวิวไปแน่นอนนะคะ
-
อะไรประมาณอย่างงี้ ดังนั้นก่อนที่พี่บูมจะกลัวแล้วหนีเราไป
เราหนีก่อนดีกว่าค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน
-
-บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ
-บ๊าย บาย สวัสดีจ๊ะ
-
ตั้งแต่รีวิวมาพี่บูม
-
อะไรไฮโซสุดในชีวิต
-
ไฮโซสุดในชีวิตเหรอ
-
วันที่รู้สึกว่าแบบ ชีวิตนี้อันนี้คือแบบว่าสุดๆ แล้ว
-
ถ้ารู้สึกว่าไฮโซสุดอะ มี 2 อัน
-
อันหนึ่งคือตัดสูท
-
-ตัดสูท
-เออ ตัดสูท
-
ร้านคิงส์แมนใช่ไหม
-
ใช่ ร้านฮันทส์แมน คิงส์แมนชื่อหนัง ฮันทส์แมนชื่อร้าน
-
-อืม
-ซึ่งรู้สึกได้เลยว่าแบบ
-
แม่งพรีเมียมจริงอะไรอย่างงี้
-
ก็คือตอนวิวไปอังกฤษวิวไปยืนเกาะอยู่หน้าร้านนะคะ
ในขณะที่พี่บูมเข้าไปตัดนะคะ ทุกคน
-
ฮ่าๆๆ แล้วก็อีกอันหนึ่ง
-
คือคาเวียร์มั้ง
-
ไข่ปลาคาเวียร์
-
คาเวียร์นี่คือถือว่าเป็นหนึ่งในอาหารไม่กี่ชนิดบนโลกอะ
ที่แบบอยู่เดี๋ยวๆ แล้วแม่งแพงมากๆ
-
คืออาหารประเภทอื่น มันจะต้องไปคลุก
ไปทำไปผสมกันหลายๆ อย่าง
-
ให้มันเป็นวัตถุดิบ ให้มันเป็นอาหารจานหนึ่งที่ราคาสูงได้
-
หรือมันเป็นคอร์ส
-
โอมากาเสะ หรือทั้งคอร์สมันถึงจะเป็นหมื่นใช่ปะ
-
แต่คาเวียร์อะ กระปุกหนึ่งแม่งเป็นหมื่นละ นึกออกปะ
-
ไม่ได้กินกับอะไรเลยอะ เออแล้วเวลากินก็คือตักใส่ปาก
-
แล้วคือคนที่กินแบบเป็นจานนี่คือตักใส่ปากแค่นั้นเลย
-
คือแบบ โห้ แม่งคือเหมือนแบบเอาทองคำยัดใส่ปาก เออ
-
นั่นแหละค่ะ อยากเห็นอะไรหรูๆ แบบนั้นก็ดูได้ที่ช่องพี่บูมนะคะ
-
แล้วก็กรุณาไปกดดันพี่บูมให้พาวิว
ไปทำอะไรหรูๆ แบบนั้นด้วยนะจ๊ะทุกคน
-
-ฮ่าๆๆ
-วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊าย บาย
-
สวัสดีค่า