สวัสดีค่ะ วิวจาก Channel Point of View ค่ะ วันนี้นะคะวิว ออกมาอยู่สถานที่แปลกใหม่ เพราะว่าวิวมีแขกรับเชิญ 1 ท่านนะคะ เป็นแขกรับเชิญที่พิเศษสุดๆ แล้วคนเรียกร้องกันเยอะมากว่าให้มาช่องวิวสักที นั่นก็คือ พี่บูมค่ะ สวัสดีครับ บูมจาก Channel BoomTharis นะครับ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักกนะคะ ซึ่งน่าจะไม่มีนะ พี่บูมเป็นนักรีวิวละกัน แล้วก็เป็นคนรีวิว ที่เป็นสายชีวิตหรูหรานิดนึง -คือพี่บูมจะรีวิวอะไรแพงๆ แบบคอนโดราคาหนึ่งร้อยล้าน -ขนาดนั้นเลยนะ เอ้ย มันก็ไม่ขนาดนั้น เพียงแต่ว่าแบบว่า มันก็ตื่นเต้นสำหรับเรา อะไรอย่างงี้ วันนี้วิวก็เลยขอออกมาใช้ชีวิตหรูหรากับพี่บูมนิดนึง เนื่องจากวันนี้ใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์เต็มที่แล้ว ก็เลย ขอเกาะพี่บูมมาชิมขนมไหว้พระจันทร์ราคาเกือบ 20,000 บาท เกือบ 20,000 บาท เดี๋ยวๆๆๆ พูดไปขนาดนั้นเดี๋ยวคนดูจะเข้าใจว่ามันชิ้นละ 20,000 -ไม่ใช่เหรอ -แต่จริงๆ เราซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาเยอะไงทุกคน เออ ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนหน้านี้นะฮะ เรารีวิวขนมไหว้พระจันทร์ไปประมาณสัก 40-50 ชิ้นได้ ซึ่งรวมมูลค่ามันประมาณเกือบๆ 20,000 ดังนั้นถ้าใครเห็นวิวคลิปนี้เล่าไม่รู้เรื่องตาลอยๆ นะคะ คือน้ำตาลขึ้นสมองนะคะ เมื่อกี้ คือไปชิมกับพี่บูมมาด้วย สามารถไปดูได้ที่ช่องพี่ BoomTharis นะคะ -ใช่ -ใครอยากรู้ว่าขนมไหว้พระจันทร์ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนอร่อย ยี่ห้อไหนราคาเท่าไหร่ไปดูได้ที่นั่นเลย เรียกว่ากินกันจนอิ่มอ้วกไปเลย ประมาณนั้นค่ะ แต่หลังจากที่เรากินขนมไหว้พระจันทร์ชิมขนมไหว้พระจันทร์ ไหว้พระจันทร์กันมาตลอดชีวิตแล้วเนี่ย อยากรู้กันไหมว่า เราไหว้พระจันทร์ทำไม เทศกาลไหว้พระจันทร์คือเทศกาลอะไร ขนมไหว้พระจันทร์มีที่มายังไง ทำไมต้องกลมๆ หน้าตาแบบนี้เนาะ อะไรอย่างงั้น วันนี้เราก็จะมาคุยเรื่องนี้กันค่ะ ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะไปฟังเรื่องขนมไหว้พระจันทร์กัน อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทาง แล้วก็ติดตามพี่บูมให้ครบทุกช่องทางด้วย จะได้ไม่พลาดคลิปวิดีโอสนุกๆ จากเราทั้งสองคนนะคะ -สำหรับตอนนี้พร้อมจะฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก -แล้วก็มีสาระกันรึยังจ๊ะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลย เอาจริงๆ พี่บูม สาเหตุที่วิวชวนพี่บูมมาออกคลิปนี้ นอกจากวิวจะอยากกินขนมไหว้พระจันทร์ฟรีจากพี่แล้วเนี่ยนะ ขอบคุณครับ ตอนนี้มีสาเหตุอีกสาเหตุหนึ่ง ก็คือพี่บูมเป็นคนไทยเชื้อสายจีนเหมือนกัน อ่า ใช่ เราจะเห็นจากช่องพี่บูมมากมาย พี่บูมจะมีความแบบ พรีเซนต์อะไร แบบความเป็นคนจีนอะ อ่า ใช่ อย่างที่บ้านก็เปิดร้านอาหารจีน เนาะ แล้วก็เวลา refer ถึงญาติๆ เราก็จะใช้คำว่า อากง อาม่า อากู๋ ป๊าป๋า ม่าม้า อะไรอย่างงี้ ใช่ ดังนั้นพี่บูมก็น่าจะเป็นคนที่คุ้นเคย กับขนมไหว้พระจันทร์มาตลอดชีวิตเหมือนวิว สายบ้านพี่บูมไหว้เจ้าไหม ไหว้ขนมไหว้พระจันทร์ ไหว้ แต่ว่าบางคนเขาจะไหว้แบบไหว้พระจันทร์แยกเลยใช่ไหม อย่างบ้านเราจริงๆ เทศกาลไหว้พระจันทร์กับสาทรจีนมันจะใกล้ๆ กัน ดังนั้นเราก็เลยเหมือนแบบกับรวบอะ เออ รวบไหว้เลยพร้อมกันอะไรประมาณนี้ คือเทศกาลของคนจีนเนี่ย มันจะมีเทศกาลไหว้เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด -ใช่ -สิ่งหนึ่งคือสาทรจีนที่ไม่เกี่ยวกับอันนี้ แต่ว่าบางบ้านก็จะรวบกัน สาทรจีนมันเกิดขึ้น 1 เดือน ก่อนที่จะไหว้พระจันทร์ -ใช่ ในขณะที่ไหว้พระจันทร์เนี่ย จะเป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นวันที่ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจีนนะคะ ทุกคน -ใช่ ซึ่งไอ้วันที่ 15 ค่ำ เดือน 8 เนี่ย คือมันจะเป็นช่วงที่คนจีนเนี่ย เขาเก็บเกี่ยวผลผลิตพอดี ในสมัยก่อนนะเราพูดถึงสมัยก่อน คือช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ อะ เขาทำการเกษตรมาตลอดปี ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เขาเก็บเกี่ยว แล้วพอเก็บเกี่ยวเสร็จปุ๊บเนี่ย มันก็เหมือนทุกคนทำงานชิ้นใหญ่เสร็จ แล้วก็จะมีการจัดงานเฉลิมฉลอง ก็คือเป็นในยุคสังคมเกษตรกรรมแหละ เหมือนในยุคของไทย พอเกี่ยวข้าวเสร็จก็ต้องเต้นกำรำเคียว - อะไรอย่างี้ อะไรประมาณนั้น -เออๆ อะไรประมาณนั้น ซึ่งของคนจีนเนี่ยเขาก็จะมีเทศกาลที่เขาเรียกว่าจงชิวเจี๋ย จงก็คือกลาง ชิวก็คือฤดูใบไม้ร่วง นั่นคือ Autumn แล้วก็เจี๋ยก็คือ Festival ก็คือ Mid Autumn Festival -ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ มันคือเทศกาลแบบ -เฉลิมฉลองกลางฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งในเทศกาลนี้เขาจะมีการเอาขนมไหว้พระจันทร์เนี่ย มาแบ่งปันกันทาน มาใช้ไหว้เจ้า เพื่อที่จะแบบว่า เหมือนกับเป็นการเฉลิมฉลองว่า เออ มันเสร็จสิ้นฤดูแล้วนะอะไรอย่างเงี้ย ซึ่งมันเกี่ยวกับพระจันทร์ได้เพราะว่าในช่วงฤดูใบร่วงแบบนี้ มันเป็นช่วงที่ฟ้าในเมืองจีนเปิดที่สุด เราไม่พูดถึงเมืองไทยนะ เราพูดกลับไปถึงออริจิ้นของมันเลยที่เมืองจีน ซึ่งตอนนั้นเนี่ยจะเป็นช่วงที่พระจันทร์จะเด่นชัดที่สุด แล้วก็จะใหญ่ที่สุด สว่างที่สุด เพราะมันอยู่ใกล้โลก ซึ่งชื่อพระจันทร์ต่างๆ เนี่ยนะ มันก็จะมีชื่อที่แตกต่างกันออกไปพี่ แบบว่าช่วงเวลานี้พระจันทร์เป็นแบบนี้ เช่นเคยได้ยินไหม New Moon Blue Corn Moon ซึ่งอาจเคยได้ยินจากเพลง Pocahontas ซึ่งในช่วงเนี่ย เขาจะเรียกว่า Harvest Moon นั่นเอง อ๋อ เหมือนกับเกมที่เราปลูกผักสมัยก่อนใช่ปะ อ้าวไม่ใช่เกมจีบสาว ช่างมันๆ นะคะ ซึ่งในเทศกาลนี้ เขาก็แบบเหมือนมานั่นรวมตัวกันญาติๆ กินหนงกินหนมไหว้จ้งไหว้เจ้า แต่ว่าพี่รู้ไหมว่า จริงๆ แล้วเทศกาลนี้มันเก่าแก่มาก แล้วมันเกี่ยวพันกับวีถีชีวิตคนสมัยก่อน ย้อนไปถึงแบบ 3,000 ปี เลย อืม แล้วมันก็มีประวัติความเป็นมา ทั้งเวอร์ชั่นที่เป็นตำนาน แล้วเป็นค่อนข้างที่จะประวัติศาสตร์ อืม คือจริงๆ สมัยนั้นมันก็แยกไม่ออกหรอก ว่าอันไหนตำนานอันไหนประวัติศาสตร์ ใช่ไหม ด้วยการบันทึกแบบตะวันออกอะ ก็มีความบันทึกแบบว่า อภินิหารต่างๆ เข้าไปด้วย บางทีเวอร์ชั่นที่เราอ่านมากับเวอร์ชั่น ที่น้องวิวอ่านมาอาจจะไม่ตรงกัน ใช่ ตามที่วิวพูดบ่อยๆ เลย พวกตำนานนิทานอะไรต่างๆ เนี่ย มันเล่าบอกต่อปาก ดังนั้นมันเหมือนกับว่า เออ แม่ฉันเล่าแบบนี้ ฉันก็เล่าต่อแบบนี้ แม่พี่อาจจะเล่าไม่เหมือนแม่วิวอะไรอย่างงี้ ใช่ๆๆ ค่ะ ดังนั้นฟังเอาสนุกฟังเอาความรู้ อย่าเอาไปอ้างอิง ใครจะเอาไปอ้างอิงต้องอ้างอิงว่าเล่าเวอร์ชั่นนี้นะจ๊ะ -อะไรประมาณนี้ -อ่า โอเค ดังนั้นวันนี้ประวัติความเป็นมาของวันไหว้พระจันทร์ ที่วิวจะมาเล่าอะ มี 2 เวอร์ชั่น เวอร์ชั่นแรกเป็นตำนานมากๆ ไม่วิวเหล่าหรอกให้พี่บูมเล่าดีกว่า เพราะพี่บูมก็เป็นคนจีน ตำนานนี้เป็นตำนานที่แบบชาวจีนต้องรู้อะ อ่า คือเรื่องเนี่ยมันมีอยู่ว่า สมัยก่อนน่ะ มีนักรบอยู่คนหนึ่ง ชื่อว่าโฮ่วอี้นะครับ โฮ่วอี้ชาวจีน ได้รับมอบหมายให้ไปต่อสู้กับพระอาทิตย์ น่ะ งง คือสมัยก่อนเนี่ย มันมีตำนานเล่าว่า ตอนนั้นเนี่ย มีพระอาทิตย์อยู่ 10 ดวง 10 ดวงเนี่ย โลกมันร้อนมาก โฮ่วอี้เนี่ยได้รับมอบหมายให้ไปกำจัดพระอาทิตย์ แต่ให้เหลือทิ้งไว้ดวงหนึ่ง โฮ่วอี้ก็ถือธนูไป ยิงลูกศรไป 9 ดอก ปึ่บ โดนพระอาทิตย์ 9 ดวง ตกลงมาดับไป เหลือดวงหนึ่ง คือเราจำไม่ได้เหมือนกันว่าคนที่ให้ assignment เขาเนี่ย เป็นฮ่องเต้ หรือว่าแบบเหมือนเป็นเทพหรืออะไรสักอย่างเนาะ แต่ว่าคนๆ นั้นน่ะ เขาก็เห็นว่าโฮ่วอี้เนี่ยมีความสามารถ เขาก็เหมือนกับมอบรางวัลให้ ที่แบบสามารถดับพระอาทิตย์ได้ 9 ดวง รางวัลที่โฮ่วอี้ได้รับก็คือยาอายุวัฒนะ ก็คือกินแล้วเป็นอมตะนั่นเอง ซึ่งโฮ่วอี้เนี่ย ก็ได้รับยามา แต่รู้สึกว่า หึ้ย ฉันไม่ได้อยากกินอะ เพราะโฮ่วอี้เนี่ยมีครอบครัวมีภรรยา ภรรยาของโฮ่วอี้ชื่อว่าฉางเอ๋อ -สวยมาก -สวยมาก ประมาณว่าสวยมาก แล้วก็โฮ่วอี้ก็รู้สึกว่า ถ้าเขากินแล้วเขาเป็นอมตะเนี่ย แล้วภรรยาเขาตายไป เขาจะต้องแยกจากกัน อยู่คนเดียวไม่โอเค ใช่ พอเขาได้รับยาอันนี้มา เขาก็เลยรู้สึก เฮ้ย เขาไม่ใช้ เขาเอาไปเก็บไว้ในบ้าน ก็คือเหมือนกับว่ามอบหมายให้ภรรยาตัวเองเอาไปเก็บ เสร็จปุ๊บเนี่ย อยู่มาวันหนึ่งโฮ่วอี้เนี่ย ออกไปทำงานนอกบ้าน ฉางเอ๋อ อยู่ที่บ้านคนเดียว ก็มีโจรผู้ร้ายเนี่ยมาบุก หวังจะมาชิงยาอายุวัฒนะตัวนี้ ฉางเอ๋อ เนี่ย ก็ปกป้องยาอยู่ แล้วไม่รู้จะทำยังไง นางก็เลยกินยาซะเอง -ก็จะได้วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะไม่ให้ใครกินยาก็กินเองเลย -ก็กินเอง ปรากฏว่านางก็เลยเป็นอมตะ พอเป็นอมตะเสร็จปุ๊บเนี่ย เหมือนกับว่าพอกินแล้วมันได้พลังของเทพขึ้นมานางก็ลอยได้ ลอยได้เสร็จปุ๊บก็ลอยขึ้นไปบนพระจันทร์ กลายเป็นเทพแห่งดวงจันทร์ไปซะงั้น -ใช่ -จริงๆ แล้วฉางเอ๋อก็คือเซเลอร์มูน ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง ไม่ใช่ ฉางเอ๋อก็ขึ้นไปอยู่บนพระจันทร์ ทีนี้โฮ่วอี้กลับบ้านมา ไม่เจอเมียตัวเอง ก็โศกเศร้าเสียใจมาก พร้อมกับยาที่หายไปอะไรยังงี้เนาะ ก็เลยพอเหมือนคงปะติดปะต่อเรื่องเองว่า ฉางเอ๋อก็คงกินยาแล้วก็ลอยหายไปในที่สุดอะไรประมาณนี้ โฮ่วอี้เนี่ย ก็เลยรู้สึกว่า คิดถึงเมียตัวเอง ในทุกๆ วันที่พระจันทร์เต็มดวงโฮ่วอี้ก็จะเอา Offering ก็คือของไหว้ เออ ต่างๆ เนี่ย มา เหมือนกับว่าชวนเมียลงมากินข้าวอะ เพื่อให้แบบว่าเป็นการระลึกถึง คือเรานึกถึงเวลาเราไหว้เจ้าแบบจีนเนี่ย เราก็ชวนอากงอาม่าเรากินข้าวแหละ เราก็จัดกับข้าวจัดนู่นจัดนี่ ก็อารมณ์นั้นเลย โฮ่วอี้อยากชวนเมียกินข้าวนะคะ ก็เลยจัดการไหว้พระจันทร์นั่นเอง ใช่ ซึ่งอันนี้ที่พี่บูมเล่าก็เป็นตำนาน เวอร์ชั่นแบบตำน๊านตำนานเลยนะ ตำนานแน่นอน ไม่มีพระอาทิตย์ 9 ดวงแน่นอน อะไรอย่างงี้ เออนี่ไม่แน่นะ หลายประเทศเนี่ยพูดถึง พระอาทิตย์หลายดวง มันอาจจะโรคร้อนอะไรอย่างนั้นก็ได้ โอเคๆๆ แต่ว่าเวอร์ชั่นอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่จะค่อนข้าง เป็นเหตุเป็นผลมากกว่าก็คือ จะบอกว่าเทศกาลเนี่ยตามคัมภีร์หลี่จี้อะ เขาเขียนเอาไว้แบบเป็นเหตุเป็นผลมากๆ เลย เขาบอกว่าเขาพูดถึงความสัมพันธ์ของจักรพรรดิ หรือว่าฮ่องเต้นี่แหละ เขาบอกว่าฮ่องเต้เป็นคนที่เป็นผู้นำของกลุ่ม ถามว่าทำไมเขาได้เป็นผู้นำ เพราะว่าเขาคือโอรสสวรรค์ -โอรสสวรรค์แปลว่าอะไร -อ่า เป็น son of the god ก็คือเป็นลูกหลานของเทพ แปลว่าเทพอยากคุยกับใคร เทพไม่อยากคุยกับคนธรรมดาหรอก อุ้ย ฉันไม่อยากคุยด้วย เทพอยากคุยกับใครเทพอยากคุยกับลูกตัวเอง อ๋อ อยากคุยกับฮ่องเต้ คนที่สื่อสารกับเทพเจ้าได้ ในทุกศาสนาเลยนะ อย่างบาตรหลวงก็คือคนที่พูดกับพระเจ้าได้เหมือนกัน ดังนั้นฮ่องเต้เนี่ยก็คือคนที่จะต้องไปสื่อสารกับเทพเจ้า เพื่อให้ประชาชนเนี่ย อยู่เย็นเป็นสุข เช่น ประชาชนทำไร่ไถ่นา ฝนไม่ตกเกิดอะไรขึ้น ข้าวไหม้ข้าวแห้ง -ไม่มีผลผลติด -ใช่ ดังนั้นฮ่องเต้ในฐานะลูกของพระเจ้า ก็จะต้องเป็นคนไปบอกพระเจ้าว่า พระเจ้าส่งฝนลงมาหน่อยจ้า คนจะเพาะปลูก อะไรต่างๆ นี่คือหน้าที่ของฮ่องเต้นะคะ ซึ่งอาชีพหลักๆ ของฮ่องเต้เนี่ย จะมีการไหว้อยู่ 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกก็คือกลางฤดูใบไม้ผลิ จะไหว้พระอาทิตย์ ส่วนอีกครั้งหนึ่งเนี่ยก็คือกลางฤดูใบไม้ร่วง จะไหว้พระจันทร์นี่แหละ -อ๋อ -นี่คือที่มาว่าสมัยนั้นน่ะ เขาจะต้องไปไหว้นู่นไหว้นี่ว่าแบบเกี่ยวข้องกับ การเก็บเกี่ยวผลผลิตอะไรต่างๆ -ซึ่งพี่เคยดูหนังจีนปะ -อะ เคย พอเคยๆ อยู่บ้าง ไอ้ที่แบบพวกตำนานที่พวกสนมมันตบกัน อะไรต่างๆ เยอะแยะมากมายเนี่ย ก็นี่แหละ เวลาฮ่องเต้จะไปไหว้เจ้าจะไปอะไร จะไปไหว้ฟ้าดิน คำนับพระอาทิตย์คำนับพระจันทร์ ที่ว่าสนมคนไหนไม่ได้ไปอะ -คนนั้นจะแบบ ฉันจะตกกระป๋อง -เออ แบบเธอไม่ได้ไปต่อนะ ฮ่องเต้เนี่ย มีเลือกคนไปออกงาน -อ่า -ก็จะต้องเลือกตัวพีคๆ ไป -ใช่ -อ่า มันถึงเป็นเทศกาลสำคัญไง เรื่องราวของวิวเนี่ย ดูเป็นเหตุเป็นผลกว่าของพี่เยอะเลย -ฮ่าๆ -นั่นแหละค่ะ ซึ่งอันนี้คือที่มาที่ไปของเทศกาลไหว้พระจันทร์ต่างๆ ก็คือไหว้ให้แบบผลผลิตต่างๆ ดีเยี่ยมนั่นแหละ แต่แล้วถามว่าขนมไหว้พระจันทร์เกิดขึ้นมาได้ยังไง คือตอนนั้นมีขนมไหว้พระจันทร์หรือยัง เหมือนกับว่ามันจะยังไม่ค่อยเกี่ยวกัน คือมันเหมือนมันมีขนมไหว้พระจันทร์นี่แหละ แต่เขายังไม่ได้เอามาเกี่ยวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์เต็มที่ คือขนมไหว้พรจันทร์เนี่ยมันไปเริ่มตอนสมัย ราชวงศ์ชางกับราชวงศ์โจว ก็ประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว ตอนนั้นน่ะ ไม่ได้เริ่มที่มณฑลจีนด้วยนะพี่ มันไปเริ่มที่มณฑลเล็กๆ มณฑลหนึ่งคือมณฑลเจียงซู คือบริเวณที่ปัจจุบันเนี่ยเขาเรียกว่าเจียงซูกับเจ้อเจียง -เคยเห็นไหม เจ้อเจียงเป็นโปรแกรมทัวร์ต่างๆ -เจ้อเจียงที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ขนมไหว้พระจันทร์เริ่มแถวนั้นค่ะ คือมันมีขุนนางผู้ซื่อสัตย์อยู่คนหนึ่ง ชื่อว่าเหวินไท่ซื่อ คือเป็นครูที่มีชื่อเสียงมากๆ ในสมัยนั้นน่ะ เขาเคยทำคุณงามความดีไว้โดยการเป็น คนที่ซื่อสัตย์มากๆ กับจักรพรรดิ คือเหมือนจักรพรรดิมีคนเนี่ยคอยดูแล แล้วพอจักรพรรดิตายไป คนนี้ก็ดูแลลูกต่อ ช่วยให้ประเทศอยู่รอดมาได้อะไรต่างๆ แล้วก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ถึงขนาดที่วิวจะเล่าเรื่อง ที่ค่อนข้างเป็นตำนานเหมือนของพี่บูมละ คือซื่อสัตย์ถึงขนาดที่ว่าเง็กเซียนฮ่องเต้เนี่ยลงมา แล้วบอกว่าให้ไปช่วยปราบอสูรตรงนั้นตรงนี้หน่อยอะไรต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษเลย ทำให้คนบริเวณมณฑลเจ้อเจียงอะไรแถวนั้นน่ะ เขาทำขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ชื่อว่าไท่ซื่อเค้ก เพื่อที่จะบูชาฮีโร่คนเนี่ยเหรอ ใช่ หรือว่าบางตำนานก็บอกว่าฮีโร่คนนี้ คิดขึ้นมาเองเลยเนี่ยแหละ อ้าวเหรอ -ก็มีหลายสำนักๆ -ใช่ๆ ซึ่งมันก็มีไอ้ขนมไท่ซื่อเค้กเนี่ยอยู่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งนะคะ ในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีขุนนางคนหนึ่งชื่อจางเซวียน -เขาทำอะไรรู้ไหมพี่บูม -เขาทำอะไร เขาเดินทางไปที่บริเวณนั้น ไปแบบไปตรวจราชกาลแผ่นดินอะไรต่างๆ สมัยก่อนมันต้องมีใช่ไหม ไปตรวจราชกาล เขาไปตรวจเนี่ย เขาก็เอาของ 2 สิ่งเนี่ย ไปแนะนำให้คนแถวนั้นรู้จัก ก็คือลูกวอลนัทกับงา อืม ธัญพืช ใช่ ประมาณนั้น พอไปถึงเนี่ย คนแถวนั้นเขามีเค้กอยู่แล้วใช่ไหม เขาก็เลยเอาวอลนัทกับไอ้งาเนี่ย ยัดเข้าไป บึ้ม -กลายเป็นขนมไหว้พระจันทร์ -อร่อยเลย ซึ่งในสมัยนั้นน่ะ เขาเรียกว่าวู๋ปิ่น วู๋คือวอลนัท ปิ่นคือเค้ก เขาจะเรียกว่าวู๋ปิ่นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งสมัยราชวงศ์ถังพี่ มันก็เกิดเรื่องขึ้นอีก คือมันมีการรบกัน ของส่วนใหญ่โลกนี้ แพร่กระจายผ่านสงครามทั้งนั้นแหละ ใช่ไหม สังเกตไหมว่าแบบว่าตอนที่ตะวันออก ไปโลกตะวันตกมันก็จะแพร่กระจายนู่นนี่นั่นไป สมัยราลวงศ์ถังเนี่ย มีการไปรบแถบนั้น พอไปรบเนี่ย รบไปรบมา ปรากฏว่ากษัตริย์ของราลวงศ์ถังเนี่ยรบชนะ ซึ่งเขาชื่อว่าอะไรเนี่ย หลี่ซื่อหมิน หลี่ซื่อหมินเนี่ยเป็นกษัตริย์ชื่อดังของราชวงศ์ถังเลย รบชนะ เป็นบรรพบุรุษของเรานะ เราแซ่หลี่ -แซ่หลี่มีเยอะที่สุดในโลกนะทุกคน -ใช่ค่ะ ก็แซ่หลี่เนี่ย หลี่ซื่อหมินใช่ไหม เขาอะรบชนะแล้วมีคนส่งบรรณาการมาให้เป็นไอ้วู๋ปิ่นเค้กเนี่ย แล้วนางชอบไหม นางชอบ เสร็จนางก็ appreciate มาก แฮปปี้เอามากินในราชสำนัก กินไปกินมา กินมาจนกระทั่งมาถึงสมัยลูกหลานของนาง ตรงเนี่ยจะไปเกี่ยวข้องกับคนชื่อดังคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ พี่บูมรู้จักหยางกุ้ยเฟยปะ ที่สวยจนแบบล่มเมืองอะ แบบว่าสวยยั่วยวนจนแบบว่าจักรพ้งจักรพรรดิ ไม่ทำงงทำงานอะไรทั้งสิ้นเลยอะ นางเป็น 1 ใน 4 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์จีน อืม แล้วยังไงต่อ มันไปเกี่ยวกับนางเพราะว่านางเป็นคนตั้งชื่อว่า นี่คือขนมไหว้พระจันทร์ เหรอ แต่อันนี้ก็คือไม่ได้มีคนยืนยันใช่ไหม ใช่ๆ เป็นตำนานๆ คือเหมือนกับว่าคนดังอะ ใครก็อยากไปเกี่ยวว่างั้นเถอะ เค เข้าใจ เหมือนแบบว่าในอนาคตพี่บูมอาจจะโดนลากไปเกี่ยว ว่าพี่บูมเป็นคนตั้งชื่อคอนโดอะไรอย่างงี้ อ๋อ เหมือนกับว่านี่คือมนุษย์มีชื่อเสียง ว่ากันว่านางอะ เป็นสนมของพะรเจ้าถังเสี้ยนจง ของราชวงศ์ถัง ทีนี้มีอยู่วันหนึ่งถังเสี้ยนจงกำลังนั่งกินวู๋ปิ่นเค้กอยู่กับนาง แล้วทั้งคู่รู้สึกว่า ชื่อไม่เพราะเลยอะ วู๋ปิ่น เค้กวอลนัทเบสิคไป นั่งกินไปชมจันทร์กันไป นางก็เลยพูดขึ้นมาว่า งั้นเราเปลี่ยนชื่อกันไหม เปลี่ยนเป็นเยวี่ยปิ่ง ก็คือเป็นขนมพระจันทร์ หลังจากนั้นคนในราชวงศ์ถัง ก็เลยนิยมขนมชนิดนี้กันมาเรื่อยๆๆๆๆ อ่า มันก็มีแบบว่าที่มาที่ไปของมันเนาะ ใช่ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่เกี่ยวอะไรกับการไหว้พระจันทร์นี่หว่า อาจจะเป็นแค่แบบ ฉันนั่งชมพระจันทร์อยู่ เออ สวยดีเอามาใส่เป็นชื่อขนม ไม่เห็นต้องบอกว่า เพราะว่าชื่อของภาษาไทยเนี่ย มันเป็นคำว่าไหว้พระจันทร์ แต่จริงๆ ชื่อภาษาจีนอะมันเป็นคำว่าพระจันทร์เฉยๆ ไม่มีคำว่าไหว้อะ มันคือเค้กพระจันทร์ เออ มันคือเค้กพระจันทร์ มันคือ Moon Cake อะ ซึ่งหลังจากนั้นอะ มันก็เหมือนกับว่ามันค่อนข้างจะเอา 2 เทศกาลเนี่ย มายัดรวมกัน มันเกิดขึ้นใกล้เคียงกันอะไรประมาณนี้ ใช่ เอาไปเอามายัดไปยัดมาก็เลยเกิดเป็นทำเนียมว่า เออ เรากินขนมนี้เป็นขนมไหว้พระจันทร์กันดีกว่า เพราะว่า Mid Autumn Festival ก็คือช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงสวยสุดพอดี ในช่วงเดือน 8 เนี่ยพระจันทร์ มันสวยพอดีก็เลยอะ กินขนมพระจันทร์ ตอนช่วงชมพระจันทร์ก็เลยดู make sense -อะไรประมาณนี้ปะ -ใช่ มิกซ์ไปมิกซ์มาแล้วมันก็เหมือนแบบว่า ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วงราชวงศ์ซ่งหรืออะไรเนี่ย มันเหมือนกับว่ามันเริ่มแพร่กระจายเข้าไปยังหมู่ชาวบ้าน เพราะว่าเขารู้สึกว่านี่คือของชาววัง นี่ขนมชาววังอะ ชาวบ้านก็แบบ อุ้ย ขนมชาววัง ฉันอยากกิน เพราะว่าชาวบ้านทั่วไปเมื่อก่อนไม่ได้กินนะครับ พอมันแพร่กระจายเข้าไปก็เริ่มมีการทำไส้ต่างๆ เพิ่มขึ้นๆๆ และขนมไหว้พระจันทร์เนี่ยมามีความสำคัญมากที่สุด ในสมัยราชวงศ์หยวน พี่บูมรู้ไหมราชวงศ์นี่แตกต่างจากราชวงศ์อื่นยังไง เป็นมองโกลปะ -ใช่ -อ่า คือที่ผ่านมาคนจีนเป็นชนชาติชาวฮั่นใช่ปะ แต่ว่ามันจะมี ชาวมองโกลที่อยู่ตรงมองโกลเลียที่แบบใส่ไอ้ฟู้ๆ อะ อ่า เจงกิสข่าน กุบไลข่าน เจงกิสข่านประมาณนั้น เขาเข้ามายึดประเทศจีนได้ ทีนี้ คนจีนที่เป็นคนจี๊นคนจีนก็จะแบบรู้สึกคับแค้นจิตใจ ทำไมฉันโดนพวกนี้กดขี่ข่มเหง แล้วเขาก็จะกลัวกบฏมาก ดังนั้นเขาก็จะมีการแบบว่า ตั้งทหารไปหมด ใครจะเอาอะไรให้ใครต้องมีการตรวจสอบ หมายถึงว่ามองโกลนี่เข้มงวดกับชาวจีน -เพราะว่ากลัวโดนก่อกบฏ -ใช่ เพราะว่าก็ชาวจีนทั้งประเทศอะ โดนมองโกลคุมไว้อะ ดังนั้นนะคะ ชาวฮั่นก็แค้นใจมากประมาณว่า ฉันจะก่อกบฏ ไม่ ฉันจะยึดประเทศฉันคืน ฉันต้องการกู้ชาติ Revolution ประมาณนั้น แต่ถามว่าอยู่ดีๆ ไปรวมตัวกันเกิน 5 คน แล้วก็จะโดน พรบ. ฉุกเฉิน เออ ไม่ได้ สมัยก่อนนี่ไปจัดงานวันก่งวันเกิดรวมตัวชาวฮั่นงี้ไม่ได้เลยนะ ต้องมีทหารมองโกลมาเฝ้าประมาณว่า แกทำอะไรกันน่ะ รวมตัวกันทำไมก่อกบฏเหรอ แล้วกบฏสมัยก่อนไม่ได้ติดคุกนะ กบฏสมัยก่อนคือ -ฆ่าทิ้ง -อย่างเดียว แล้วฆ่าที 7 ชั่วโคตร ล้างตระกูล ถามว่าพี่อยากกบฏตอนนั้นทำยังไง นัดกันยังไงอะ ขนมไหว้พระจันทร์เป็นคำตอบค่ะ ซึ่งถามว่ารู้ไหมว่าขนมไหว้พระจันทร์ มาเกี่ยวข้องกับการกบฏยังไง เฮ้ย เราว่าอันนี้เรารู้ เราแอบไปอ่านมานิดหน่อย เขาบอกว่าพวกชาวฮั่นเนี่ย จะสอดแทรก Message เป็นกระดาษแทรกอยู่ในตัวเนื้อขนมไหว้พระจันทร์ ก็จะเจอแบบ massage ว่า เฮ้ย เราจะต้องไปนัดรวมตัว เพื่อแบบก่อการกันที่ไหน อะไรประมาณนี้ใช่ปะ ใช่ ซึ่งอันที่วิวอ่านมาอะ มันละเอียดไปกว่านั้นอีก มันบอกว่า ไอ้ขนมไหว้พระจันทร์เนี่ย ปัญหามันก็คือชาวมองโกลมันไม่กินพี่ คนที่กินมันกินแต่ชาวฮั่น ดังนั้นน่ะ ชาวมองโกลเปิดกล่องดู อะ ขนมไหว้พระจันทร์ ฉันไม่กิน ซึ่งชาวฮั่นน่ะ ไปหลอกอีกไปบอกว่า เนี่ยเป็นการให้กันเพื่อเป็นการอวยพร เหมือนวิวเอาขนมไหว้พระจันทร์ให้พี่ก็ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ แล้วก็เป็นการอวยพรให้จักรพรรดิมองโกล อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี ด้วย ดังนั้นก็มีคนที่เป็นหัวหน้ากบฏเนี่ย ลุกขึ้นมาแล้วบอกว่า ฉันขอแจกขนมไหว้พระจันทร์ให้ทุกคนได้ไหม จะได้อวยพรให้จักรพรรดิ ยิ่งแจกเยอะจักรพรรดิก็ยิ่งแข็งแรง -อะไรต่างๆ -อ๋อ เออๆ อันนี้เราไม่รู้นะ อีกแบบหนึ่งที่เราเห็นมาก็คือว่า บนขนมไหว้พระจันทร์อะไร มันจะมีตัวอักษรอยู่ใช่ปะ ซึ่งตัวอักษรเนี่ย เมื่อก่อนตัวขนมหนึ่งชิ้นจะมีตัวอักษรสี่ตัว แล้วมันก็จะมีหลายรสชาติเนาะ เอาอันที่หน้าตาไม่เหมือนกัน มาเรียงกันยังงี้ แล้วหั่นเป็น 4 ชิ้นเนี่ย มันจะได้ตัวอักษร 4 ตัว พอเอาตัวอักษรทั้งหมดอะ มาเรียงใหม่ มันจะเกิดเป็นประโยคที่บอกว่าให้ไปเจอกันที่ไหน นี่ขนมไหว้พระจันทร์หรือโคนันเนี่ย นั่นดิ -มันดูแบบว่า dying message มาก -เออ dying message นั่นแหละ แต่อย่างไรก็ตามเอาเป็นว่าในขนมไหว้พระจันทร์เนี่ย ไม่ว่ามันจะเขียนอยู่ข้างในหรือปั๊มอยู่ข้างนอก message มันคือ 15 ค่ำ เดือน 8 กบฏต้านหยวนกันเถอะ -ประมาณว่า -ประมาณนั้น ให้ทุกคนเนี่ยลุกขึ้นมาในคืนไหว้พระจันทร์ ขึ้นมาล้มอล้างราชวงศ์หยวนกัน ซึ่งตามตำนานนะ บอกว่านี่แหละคือสาเหตุที่ ทำให้ชาวฮั่นลุกขึ้นมาล้มราชวงศ์หยวนทิ้งได้ทั้งหมด ปึ้ง แล้วก็ก่อตั้งราชวงศ์หมิงได้ในที่สุด อาจจะไม่ใช่ประวัติศาสตร์ 100% แต่ว่าเป็นตำนาน เขาบอกว่าประมาณนั้น เป็นสาเหตุให้ขนมไหว้พระจันทร์ฮิตเข้าไปอีก ป๊อปปูล่า พอหลังจากนั้นมันก็เลยเหมือนฮิตๆๆ ขึ้นมา ด้วยความที่เห็นคุณค่าของขนมไหวพระจันทร์ ก็เลยมีการปั๊มลายลงไปข้างหน้า เริ่มปั๊มลายเป็นเทพีฉางเอ๋อ เริ่มเอาไส้ต่างๆ มาใส่มากขึ้น ชาวบ้านชาวเมืองอะไร ก็เริ่มกินขนมไหว้พระจันทร์กันกระจุยกระจาย และทั้งหมดเนี่ยก็มาฮิตถึงขีดสุด เฟื้องฟูถึงขีดสุดในสมัยราชวงศ์ชิง ราชวงศ์ชิงก็คือก่อนยุคสุดท้ายก่อนที่ จีนจะเปลี่ยนเป็นคอมมิวนอสต์ ใช่เลย ก่อนที่จะเป็นสาธารณรัฐ แล้วจากสาธารณรัฐ เข้าไปเป็นคอมมิวนิสต์เนี่ย ราชวงศ์ชิงเป็นช่วงที่ขนมไหว้พระจันทร์เนี่ยเฟื่องฟูมาก ทำไม มี 20 ไส้เหรอ อุ้ย น่าจะเยอะกว่านั้นนะพี่ เพราะว่าในวังก็ทำกันกระจุยกระจาย คือถ้าใครเคยไปอ่านประวัติซูสีไทเฮาจะรู้ว่า แค่มื้อหนึ่งเขาก็กินกัน 70-80 จานแล้วนะ เฮ้ย กินแบบจานละคำยังงี้ แปลว่าช่วงนั้นกษัตริย์จีนก็คงรวยมาก รวยมาก ก็สะสมมากี่พันปีอะ สะสมมาจนกระทั่งโดนล้มอะ ซึ่งในวังเนี่ยก็เฟื้องฟู นอกวังก็เฟื้องฟู ชาวบ้งชาวบ้านทุกคนทำขนมไหว้พระจันทร์โฮมเมกหมด แล้วก็จะมีสูตรของบ้านฉัน สูตรของบ้านเธอต่างๆ มันก็เลย เฟื้องฟูแล้วก็แพร่กระจายไปจนทั่วประเทศจีนนั้นแหละค่ะ และนี่ทั้งหมดก็คือประวัติของขนมไหว้พระจันทร์ ยาวมากและมีตำนานแทรกเยอะมาก เฮ้ย แต่เราว่าเราชอบไอ้พาร์ทที่บอกว่ามันมี message ซ่อนอยู่ เราว่ามันเหมือนแบบว่ามัน relate กับคนรุ่นใหม่ได้ดีด้วยมั้ง ซึ่งเอาจริงๆ ขนมไหว้พระจันทร์ในไทยอะ มันไม่ได้มีที่มา จากจีนโดยตรงหรอก เรารับมาจากอีกที่หนึ่งนั่นก็คือ ฮ่องกงนั่นเอง ฮ่องกง เพราะว่าเมื่อก่อนเนี่ย ขนมไหว้พระจันทร์คนไทยไม่มีให้กิน ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าคืออะไร แล้วเชฟจากฮ่องกง เขาก็มีมาเปิดร้านอาหารในไทยบ้าง มาอะไรยังงี้บ้าง แล้วในไทยมันก็มีชุมชนชาวจีนอยู่แล้วเนาะ เขาก็ต้องการมีประเพณีนี้เหมือนกันเขายังเก็บไว้อยู่ แล้วเมื่อก่อนนี้จะกินขนมไหว้พระจันทร์ทีหนึ่ง โรงแรม อะไรพวกเนี่ยไม่มีขาย ต้องไปซื้อตามพวกร้านอาหารจีน ที่เชฟต้องทำเป็นด้วยนะ อ่า เพราะว่ามันเป็นเค้กแบบพิเศษที่ทำแค่ปีละครั้งเดียว แต่ก่อนไม่ใช่แบบว่าเราเดินเข้าร้านไหนก็เจอ ไหว้พระจันทร์ทั้งปีนะ ต้องกินแค่ช่วงเนี้ยช่วงนี้เลย เออ ใช่ คือจริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังต้องกินแค่ช่วงนี้อยู่ แต่มันจะมีบางร้านที่แบบ เออ แม่งทำอร่อยอะก็คือทำ ทำขายทั้งปีอะไรอย่างงี้ ทำนองนั้นค่ะ ดังนั้นนี่ก็คือที่มาทั้งหมดของขนมไหว้พระจันทร์ ก่อนที่มันจะกลายพันธุ์หลากหลายมาจนถึงทุกวันนี้ กลายไปมีไส้ประหลาดๆ ที่เราไม่คิดว่ามันจะมี ใช่ อย่างที่เมื่อเช้าเรารีวิวไปก็จะมีใส่แบบชาเขียวแจสมิน ราสเบอร์รี่ ไส้บานอฟฟี่ ไส้ถั่วเหลืองมะพร้าวใบเตยอะไรอย่างงี้ ซึ่งแบบว่าหลากหลายมาก นั่นแหละค่ะ เอาเป็นว่ามันก็เป็นเรื่องราวประมาณนี้แหละ ที่กว่าจะวิวัฒนาการมา 3,000 ปี จนกลายมาเป็นป๊อปคัลเจอร์จนทุกวันนี้ ใช่ -ก็วันนี้ก็ขอบคุณพี่บูมมากๆ เลยค่ะ -ก็ขอบคุณมากๆ เลยครับ รวมเฮฮากับเรา จริงๆ คือก็แอบกินขนมฟรีพี่บูมนั่นแหละ ก็จะยินดีมากที่น้องวิวมาร่วมแจมในวันนี้นะฮะ ก็ใครชอบคลิปนี้นะคะ อย่าลืม กด like กด share แล้วก็กด subscribe ให้เราทั้ง 2 คนด้วย สำหรับวันนี้มีอะไรจะฝากไว้เป็นอย่างสุดท้ายไหมค่ะ พี่บูม อ่าาาาา เอาไว้ในอนาคตเนี่ย เรามีโปรเจคอะไรอีกเดี๋ยวจะลากน้องวิวมาอีก เพราะว่าน้องวิวอะ มีความรู้เกี่ยวกับอะไรพวกเนี่ยเยอะมาก ปกติ ถ้าเกิดใครเคยดูวิดีโอของเราใช่ปะ เราก็จะมีแบบเล่าถึงประวัติของสิ่งนั้นสิ่งนี้เยอะแยะ เดี๋ยวไว้ถ้าเกิดมีโอกาส เราจะมา collab กันอีก วิวรอเลยค่ะ พี่บูมไปรีวิวเรือสำราญที่อังกฤษเมื่อไหร่ หรือล่องเรือเนี่ยวิวไปแน่นอนนะคะ อะไรประมาณอย่างงี้ ดังนั้นก่อนที่พี่บูมจะกลัวแล้วหนีเราไป เราหนีก่อนดีกว่าค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน -บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ -บ๊าย บาย สวัสดีจ๊ะ ตั้งแต่รีวิวมาพี่บูม อะไรไฮโซสุดในชีวิต ไฮโซสุดในชีวิตเหรอ วันที่รู้สึกว่าแบบ ชีวิตนี้อันนี้คือแบบว่าสุดๆ แล้ว ถ้ารู้สึกว่าไฮโซสุดอะ มี 2 อัน อันหนึ่งคือตัดสูท -ตัดสูท -เออ ตัดสูท ร้านคิงส์แมนใช่ไหม ใช่ ร้านฮันทส์แมน คิงส์แมนชื่อหนัง ฮันทส์แมนชื่อร้าน -อืม -ซึ่งรู้สึกได้เลยว่าแบบ แม่งพรีเมียมจริงอะไรอย่างงี้ ก็คือตอนวิวไปอังกฤษวิวไปยืนเกาะอยู่หน้าร้านนะคะ ในขณะที่พี่บูมเข้าไปตัดนะคะ ทุกคน ฮ่าๆๆ แล้วก็อีกอันหนึ่ง คือคาเวียร์มั้ง ไข่ปลาคาเวียร์ คาเวียร์นี่คือถือว่าเป็นหนึ่งในอาหารไม่กี่ชนิดบนโลกอะ ที่แบบอยู่เดี๋ยวๆ แล้วแม่งแพงมากๆ คืออาหารประเภทอื่น มันจะต้องไปคลุก ไปทำไปผสมกันหลายๆ อย่าง ให้มันเป็นวัตถุดิบ ให้มันเป็นอาหารจานหนึ่งที่ราคาสูงได้ หรือมันเป็นคอร์ส โอมากาเสะ หรือทั้งคอร์สมันถึงจะเป็นหมื่นใช่ปะ แต่คาเวียร์อะ กระปุกหนึ่งแม่งเป็นหมื่นละ นึกออกปะ ไม่ได้กินกับอะไรเลยอะ เออแล้วเวลากินก็คือตักใส่ปาก แล้วคือคนที่กินแบบเป็นจานนี่คือตักใส่ปากแค่นั้นเลย คือแบบ โห้ แม่งคือเหมือนแบบเอาทองคำยัดใส่ปาก เออ นั่นแหละค่ะ อยากเห็นอะไรหรูๆ แบบนั้นก็ดูได้ที่ช่องพี่บูมนะคะ แล้วก็กรุณาไปกดดันพี่บูมให้พาวิว ไปทำอะไรหรูๆ แบบนั้นด้วยนะจ๊ะทุกคน -ฮ่าๆๆ -วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ๊าย บาย สวัสดีค่า