< Return to Video

อาลัน เดอ บัททัน : ปรัชญาแห่งความสำเร็จที่เปี่ยมด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน

  • 0:00 - 0:03
    สำหรับผมแล้ว พวกเรื่องวิกฤตชีวิตทำงานเกิดขึ้นได้เสมอ
  • 0:03 - 0:05
    แล้วก็มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงค่ำๆวันอาทิตย์ครับ
  • 0:05 - 0:07
    พอพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า
  • 0:07 - 0:10
    สิ่งที่เป็นความหวังของผม
  • 0:10 - 0:14
    กับความเป็นจริงในชีวิตผม เริ่มแยกห่างจากกันไปคนละทิศละทาง
  • 0:14 - 0:17
    ซึ่งในตอนท้ายสุด ผมก็ถึงกับซุกหน้าน้ำตาเล็ดกับหมอนบ่อยๆเลยเหมือนกันครับ
  • 0:17 - 0:19
    ที่ผมพูดถึงเรื่องอะไรพวกเนี่ย
  • 0:19 - 0:22
    ที่ผมพูดถึงเรื่องทำนองนี้ ก็เพราะผมไม่คิดว่ามันเป็นเพียงปัญหาเฉพาะบุคคลครับ
  • 0:22 - 0:24
    คุณอาจมองว่าผมคิดผิดก็ได้
  • 0:24 - 0:26
    แต่ผมว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ชีวิตเรามักจะ
  • 0:26 - 0:28
    ถูกขัดจังหวะด้วยวิกฤตชีิวิตการทำงานครับ
  • 0:28 - 0:30
    ในจังหวะที่ เราคิดว่าเรารู้อะไรดีแล้ว
  • 0:30 - 0:32
    เกี่ยวกับชีวิตของเรา เกี่ยวกับอาชีิพการงานของเรา
  • 0:32 - 0:36
    กลับมีความเป็นจริงของชีวิตอีกแบบหนึ่งรุกคืบเข้ามาเสียงั้น
  • 0:36 - 0:39
    บางที สมัยนี้ การดำรงชีวิตให้ได้ดีอาจจะทำได้ง่ายกว่าในสมัยก่อนๆก็ได้ครับ
  • 0:39 - 0:42
    แต่บางทีมันก็อาจจะยากกว่าสมัยอื่นๆ
  • 0:42 - 0:45
    ที่จะทำใจให้สบาย ให้ผ่อนคลายจากความวิตกกังวลเรื่องการงาน
  • 0:45 - 0:47
    ผมก็เลยอยากจะค้นหาคำตอบ หากว่าผมทำได้อ่ะนะครับ
  • 0:47 - 0:49
    ว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่เป็นต้นเหตุ
  • 0:49 - 0:52
    ให้เราต้องมานั่งวิตกกังวลกับหน้าที่การงานของเรา
  • 0:52 - 0:54
    เพราะอะไร เราถึงอาจจะต้องประสบกับภาวะวิกฤตในอาชีพการงานอะไรพวกเนี่ย
  • 0:54 - 0:58
    ก็อย่างที่เราต้องมุดหน้าน้ำตาเล็ดกับหมอนไงครับ
  • 0:58 - 1:01
    เหตุหนึ่งที่ให้เราต้องมาทุกข์ทนกับเรื่องพวกเนี่ย
  • 1:01 - 1:03
    ก็เพราะรอบตัวเราล้วนเต็มไปพวกหัวสูงครับ
  • 1:03 - 1:06
    ตอนนี้ผมก็มีข่าวร้ายบางอย่างครับ
  • 1:06 - 1:09
    โดยเฉพาะสำหรับท่านที่เป็นชาวต่างชาติที่มาอ็อกซ์ฟอร์ดนี่ (Oxford, UK)
  • 1:09 - 1:11
    เรื่องหัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างเนี่ยเป็นปัญหาของแท้ครับ
  • 1:11 - 1:13
    เพราะบางที คนที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษมักจะพากันคิด
  • 1:13 - 1:15
    พากันจินตนาการว่าความหัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างเป็นปรากฎการณ์เฉพาะในอังกฤษ
  • 1:15 - 1:18
    เพราะนึกไปถึงเคหาสห์สุดหรูในชนบทกับยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรพวกนั้น
  • 1:18 - 1:20
    ข่าวร้ายก็คือว่า ความจริงไม่ได้มีแค่นั้น
  • 1:20 - 1:22
    ความหัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างนับว่าเป็นปรากฎการณ์ระดับโลกทีเดียวครับ
  • 1:22 - 1:24
    โลกของเราก็เหมือนองค์กรใหญ่ๆองค์กรหนึ่ง และนี่ก็เป็นปรากฎการณ์ระดับโลก
  • 1:24 - 1:26
    ซึ่งมีอยู่จริง แต่ว่าคนหัวสูงที่ว่านี่เป็นอะไรยังไงล่ะ
  • 1:26 - 1:29
    คนหัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างก็คือคนที่หยิบแค่บางเสี้ยวบางส่วนของความเป็นคุณ
  • 1:29 - 1:32
    แล้วเอามาสรุปเหมารวมแล้วว่าคุณเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้
  • 1:32 - 1:34
    นั่นแหละครับ หัวสูงเจ้ายศเจ้าอย่างหละ
  • 1:34 - 1:36
    และพวกหัวสูงบ้าเห่อประเภทที่เห็นกันชัดๆเลย
  • 1:36 - 1:38
    ที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็คือพวกหัวสูงด้านอาชีิพการงานไงครับ
  • 1:38 - 1:40
    อย่างในงานเลี้ยงเนี่ย แป่บเดียว คุณก็สังเกตุพวกนี้ออกครับ
  • 1:40 - 1:43
    คนพวกเนี่ยจะถามคุณด้วยคำถามยอดนิยม
  • 1:43 - 1:46
    ประจำต้นศตวรรษที่ 21 ว่า "ตอนนี้คุณกำลังทำงานอะไร?"
  • 1:46 - 1:48
    ทีนี้ ก็จะขึ้นอยู่กับว่าคุณตอบพวกเขาไปยังไง
  • 1:48 - 1:50
    พวกเขาอาจทำท่ายินดีเสียนี่กระไรที่ได้เจอคุณ
  • 1:50 - 1:52
    หรือไม่อีกทีก็ทำทีดูนาฬิกาข้อมือแล้วขอปลีกตัว
  • 1:52 - 1:53
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:53 - 1:56
    อืม..ต่อนะครับ... ที่อยู่คนละฟากกันกับพวกหัวสูงบ้าเห่อก็คือคุณแม่ของคุณครับ
  • 1:56 - 1:58
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:58 - 2:01
    ไม่จำเป็นว่าจะเป็นคุณแม่ของคุณ หรือแม้แต่ของผมก็ตาม
  • 2:01 - 2:03
    แต่หมายถึง คุณแม่ในอุดมคติครับ
  • 2:03 - 2:05
    ก็คือคนที่ไม่แคร์เรื่องความสำเร็จของคุณ
  • 2:05 - 2:07
    แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คุณแม่ของเรา
  • 2:07 - 2:10
    คนส่วนใหญ่มักจะหาทางเทียบว่าจะให้เวลาเราเท่าไหร่
  • 2:10 - 2:12
    หรือจะเอาเป็นแบบว่า จะรักเราเท่าไหร่ ไม่ใช่รักหวานซึ้งนะครับ
  • 2:12 - 2:14
    แม้ว่ามันอาจจะมีความหมายบางอย่างอยู่
  • 2:14 - 2:16
    แต่ผมหมายถึงความรักแบบทั่วๆไปนะครับ และจะนับถือเราเท่าไหร่
  • 2:16 - 2:19
    อย่างที่พวกเขาจะเต็มใจมีให้กับเรานั้นเป็นไปตามที่พวกเขาจะมองว่า
  • 2:19 - 2:21
    สถานะของเราอยู่ตรงชั้นไหนขั้นไหนในระดับชั้นของสังคม
  • 2:21 - 2:24
    และมีเหตุผลอีกมากที่ทำให้เราต้องกังวลสนใจเกี่ยวกับอาชีพการงานของเราเสียเหลือเกิน
  • 2:24 - 2:28
    และอันที่จริงแล้ว ก็ทำให้เริ่มกังวลสนใจมากขึ้นในพวกวัตถุสิ่งของ
  • 2:28 - 2:31
    คุณทราบดีใช่ไหมครับ มีการกล่าวกันอยู่เสมอว่าเราอยู่ในยุควัตถุนิยม
  • 2:31 - 2:33
    และเราเป็นคนโลภ
  • 2:33 - 2:35
    ผมไม่คิดว่าเราเป็นเฉพาะแต่วัตถุนิยม
  • 2:35 - 2:37
    ผมคิดว่าเราอยู่ในสังคม
  • 2:37 - 2:39
    ที่ทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาเป็นผลตอบแทน
  • 2:39 - 2:42
    กับการได้มาซึ่งวัตถุสิ่งของ
  • 2:42 - 2:45
    เราไม่ได้ต้องการซึ่ีงวัตถุสิ่งของหรอก แต่เราต้องการผลตอบแทนนั้นต่างหาก
  • 2:45 - 2:47
    และนั่นก็คือ วิธีมองสินค้าหรูหราวิธีใหม่ครับ
  • 2:47 - 2:49
    คราวหน้าถ้าคุณเห็นใครขับรถเฟอร์รารี่
  • 2:49 - 2:51
    อย่าไปคิดว่า "ช่างเป็นคนโลภมากเสียจริง"
  • 2:51 - 2:54
    ลองคิดว่า "นี่คือคนที่เปราะบางอย่างไม่น่าเชื่อและต้องการความรักขั้นรุนแรง"
  • 2:54 - 2:59
    หรือพูดอีกอย่าง -- (เสียงหัวเราะ)
  • 2:59 - 3:01
    คือให้คิดเห็นอกเห็นใจ ดีกว่าที่จะไปดูถูกเขา
  • 3:01 - 3:03
    มีเหตุผลอื่นอีกนะครับ --
  • 3:03 - 3:04
    (เสียงหัวเราะ)
  • 3:04 - 3:06
    มีเหตุผลอื่นอีกที่จะอธิบายว่าทำไมจึงได้ยากมากขึ้นในยุคปัจจุบัน
  • 3:06 - 3:08
    เกินที่จะทำใจเย็นเหมือนสมัยก่อนนี้ได้
  • 3:08 - 3:11
    มีเหตุผลหนึ่ง ซึ่งขัดแย้งในตัวมันเองด้วยเพราะว่ามันไปเชื่อมโยงอยู่กับข้อดีบางอย่าง
  • 3:11 - 3:14
    นั่นคือความหวังที่เรามีต่ออาชีพการงานของเรา
  • 3:14 - 3:16
    ก่อนนี้ความคาดหวังไม่เคยสูงเช่นนี้มาก่อน
  • 3:16 - 3:19
    ถึงสิ่งที่คนๆหนึ่งจะทำให้สำเร็จบรรลุได้ในช่วงชีวิตหนึ่ง
  • 3:19 - 3:22
    ใครๆก็บอกเราว่า คนเราใครๆก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น
  • 3:22 - 3:24
    ไม่มีคำว่าชนชั้นวรรณะอีกแล้ว
  • 3:24 - 3:26
    ตอนนี้ จะเป็นใครก็สามารถถีบตัวเองขึ้นมาได้ทั้งนั้น
  • 3:26 - 3:28
    ขึ้นไปยังตำแหน่งที่ใฝ่จะได้
  • 3:28 - 3:30
    เป็นความคิดที่สวยงามทีเดียวครับ
  • 3:30 - 3:34
    สิ่งที่ตามติดมาด้วยคือจิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมกัน โดยพื้นฐานแล้วคนเราเท่าเทียมกัน
  • 3:34 - 3:36
    ไม่มีคำนิยามที่รัดกุม
  • 3:36 - 3:38
    ถึงลำดับชั้นฐานันดร
  • 3:38 - 3:40
    มีปัญหาหนึ่งที่ใหญ่โตมาก
  • 3:40 - 3:42
    ปัญหานั้นก็คือ ความอิจฉาริษยา ครับ
  • 3:42 - 3:45
    ความอิจฉาริษยา ถือเป็นคำต้องห้ามไม่ให้พูดถึงครับ
  • 3:45 - 3:48
    แต่มีอารมณ์หนึ่งที่ครอบงำในสังคมยุคใหม่ นั่นก็คือ ความอิจฉาริษยา นี่แหละครับ
  • 3:48 - 3:52
    และมันก็ยังเชื่อมโยงเข้ากับจิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมกันอีกด้วย ให้ผมอธิบายนะครับ
  • 3:52 - 3:55
    ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ปกติมากเลยสำหรับท่านที่อยู่ที่นี่และท่านที่กำลังดูอยู่ด้วย
  • 3:55 - 3:57
    ที่จะไปอิจฉาริษยาสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
  • 3:57 - 4:00
    แม้ว่าพระองค์ท่านจะร่ำรวยกว่าพวกคุณทุกคนมาก
  • 4:00 - 4:03
    และพระองค์ท่านก็ยังมีที่ประทับเป็นพระราชวังหลังใหญ่เบ้อเริ่ม
  • 4:03 - 4:07
    เหตุผลที่เราไม่อิจฉาริษยาพระองค์ท่านก็เพราะพระองค์แปลกประหลาดเกินไป
  • 4:07 - 4:09
    พระองค์ก็เพียงแตกต่างมากเกินไป
  • 4:09 - 4:11
    เราไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับพระองค์เลย พระองค์ทรงตรัสอะไรที่น่าขัน
  • 4:11 - 4:13
    พระองค์ทรงมาจากสถานที่อันแปลกประหลาด
  • 4:13 - 4:17
    ดังนั้นเราจึงไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับพระองค์ และเมื่อเราไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับใครสักคน เราก็จะไม่ไปอิจฉาริษยาเขา
  • 4:17 - 4:20
    ยิ่งคนสองคนมีความใกล้เคียงกัน ทั้งในเรื่องอายุ ในพื้นเพความเป็นมา
  • 4:20 - 4:23
    และในกระบวนการที่บ่งยอกความเป็นตัวตนมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีโอกาสเกิดความอิจฉาริษยามากขึ้นเท่านั้น
  • 4:23 - 4:26
    ซึ่งก็เหมือนประจวบเหมาะกันเลยว่าทำไมพวกคุณไม่ควรไปงานเลี้ยงชุมนุมศิษย์เก่า
  • 4:26 - 4:29
    ก็เพราะมันไม่มีจุดเชื่อมโยงที่แข็งแรงพอ
  • 4:29 - 4:31
    ไม่เหมือนกับคนที่เคยเรียนด้วยกันมาก่อน
  • 4:31 - 4:34
    แต่อันที่จริงแล้ว ปัญหาของสังคมสมัยใหม่ ก็คือมันเปลี่ยนโลกทั้งใบ
  • 4:34 - 4:36
    ให้กลายเป็นโรงเรียน ทุกคนต่างก็ใส่กางเกงยีนส์ ทุกคนดูเหมือนกันหมด
  • 4:36 - 4:38
    แต่อันที่จริง ก็ไม่เหมือนกันหรอก
  • 4:38 - 4:41
    ดังนั้นมันจึงมีจิตวิญญาณแห่งความเท่าเทียมกัน ผสมไปด้วยความไม่เท่าเทียมกันลึกๆ
  • 4:41 - 4:44
    ซึ่งทำให้เกิด -- ซึ่งจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมาก
  • 4:44 - 4:46
    ทุกวันนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะ
  • 4:46 - 4:48
    กลายเป็นคนร่ำรวยและมีชื่อเสียงเช่นเดียวกับ บิล เกตส์ (ฺBill Gates)
  • 4:48 - 4:50
    เช่นเดียวกับที่ แทบเป็นไม่ได้เลยในศตวรรษที่ 17
  • 4:50 - 4:53
    ที่คุณจะไต่ไปถึงการเป็นชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศส
  • 4:53 - 4:55
    แต่ประเด็นคือ ความคิดความรู้สึกพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง
  • 4:55 - 4:58
    แต่ถูกสร้างขึ้น โดยนิตยสารและสื่ออื่น ๆ
  • 4:58 - 5:01
    ว่าถ้าคุณมีพลังมากพอ มีความคิดสุดบรรเจิดในด้านเทคโนโลยี
  • 5:01 - 5:05
    และมีโรงเก็บรถ คุณก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถจะสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
  • 5:05 - 5:06
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:06 - 5:09
    และผลพวงของปัญหานี้ก็ไปโผล่ในร้านหนังสือโน่นครับ
  • 5:09 - 5:12
    เมื่อคุณไปที่ร้านหนังสือใหญ่ ๆ และไปเดินดูตามแผนกหนังสือพัฒนาตนเอง (self-help)
  • 5:12 - 5:14
    ก็เหมือนกับที่ผมเองบางครั้งก็ทำ
  • 5:14 - 5:16
    ถ้าคุณวิเคราะห์หนังสือพวกการช่วยเหลือตัวเองที่ถูกผลิตขึ้นมา
  • 5:16 - 5:18
    ในโลกทุกวันนี้ พื้นๆเลยจะมีอยู่สองประเภท
  • 5:18 - 5:21
    ประเภทแรกจะบอกคุณว่า "คุณทำได้! คุณสร้างมันขึ้นมาได้! ทุกอย่างเป็นไปได้!"
  • 5:21 - 5:24
    และอีกประเภทหนึ่งก็จะบอกวิธีการที่คุณสามารถแก้ไข
  • 5:24 - 5:27
    กับสิ่งที่เราอาจจะเรียกอย่างสุภาพได้ว่า "ความเชื่อมั่นในตัวเองต่ำ"
  • 5:27 - 5:29
    หรือเรียกอย่างบ้านๆได้ว่า "รู้สึกย่ำแย่กับตัวเอง"
  • 5:29 - 5:31
    มีความสัมพันธ์กันอย่างเหนี่ยวแน่นครับ
  • 5:31 - 5:35
    ความสัมพันธ์กันระหว่างสังคมที่บอกผู้คนว่าพวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่าง
  • 5:35 - 5:37
    และการมีอยู่ของความมั่นใจตัวเองต่ำ
  • 5:37 - 5:39
    ดังนั้น หนทางที่บางครั้งค่อนข้างเป็นแง่บวก
  • 5:39 - 5:41
    ก็อาจมีผลสะท้อนกลับที่อันตรายได้
  • 5:41 - 5:44
    ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่ว่าเหตุใดเราจึงรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น
  • 5:44 - 5:48
    เกี่ยวกับอาชีพการงานของเรา เกี่ยวกับสถานภาพของเราในโลกปัจจุบัน กว่าในสมัยก่อนมาก
  • 5:48 - 5:50
    และมันก็ไปเชื่อมโยงกับอะไรบางอย่างที่ดีมาก อีกเช่นเคย
  • 5:50 - 5:53
    และสิ่งดีที่ว่าก็คือ ระบบการให้รางวัลตามความสามารถ
  • 5:53 - 5:55
    ตอนนี้ทุกคน นักการเมืองทุกคนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซ้ายหรือฝ่ายขวา
  • 5:55 - 5:57
    ต่างก็เห็นด้วยว่าระบบการให้รางวัลตามความสามารถเป็นสิ่งที่ดี
  • 5:57 - 6:01
    และเราก็ควรจะพยายามทำให้สังคมของเราเป็นระบบที่มีการให้รางวัลตามความสามารถจริงๆ
  • 6:01 - 6:05
    ถ้าจะให้อธิบายอีกอย่างล่ะก็ สังคมที่ให้รางวัลตามความสามารถคืออะไรล่ะครับ?
  • 6:05 - 6:07
    สังคมที่ให้รางวัลตามความสามารถก็คือสังคมที่
  • 6:07 - 6:09
    ถ้าคุณมีพรสวรรค์ มีพลัง และมีทักษะ
  • 6:09 - 6:11
    คุณสามารถไต่ขึ้นไปจนถึงระดับยอดได้ ไม่ควรมีอะไรที่ถ่วงรั้งคุณไว้
  • 6:11 - 6:14
    เป็นแนวคิดที่สวยงามครับ แต่ปัญหาก็คือ
  • 6:14 - 6:16
    ถ้าคุณเชื่อในความเป็นสังคม
  • 6:16 - 6:19
    ที่เฉพาะคนที่คู่ควรกับการไปถึงจุดสูงสุด ไปถึงจุดสูงสุดได้
  • 6:19 - 6:22
    โดยนัยยะกลับกันไปในทางลบสุดกู่ ก็จะตีความได้ว่า คุณก็จะ
  • 6:22 - 6:25
    เชื่อในความเป็นสังคมที่ว่า คนที่สมควรอยู่ข้างล่าง
  • 6:25 - 6:28
    ก็ต้องไปจมอยู่ข้างล่างโน่น
  • 6:28 - 6:31
    หรืออธิบายอีกแบบก็คือ สถานะของชีวิตคุณจะเสมือนว่าไม่ได้เป็นโดยบังเอิญ
  • 6:31 - 6:33
    แต่เป็นไปตามความสามารถและความเหมาะสม
  • 6:33 - 6:36
    และนั่นยิ่งทำให้ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ทำให้บีบคั้นมากขึ้น
  • 6:36 - 6:38
    คุณทราบใช่ไหมครับ อังกฤษในยุคกลาง
  • 6:38 - 6:40
    เมื่อคุณเห็นคนจน
  • 6:40 - 6:43
    คนๆ นั้นจะถูกมองว่าเป็น "คนโชคร้าย"
  • 6:43 - 6:47
    ความหมายโดยคำศัพท์คือ มีบางคนไม่ได้พรจากโชคชะตา นั่นก็คือโชคร้ายนั่นเองครับ
  • 6:47 - 6:49
    ทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา
  • 6:49 - 6:51
    ถ้าคุณเห็นใครอยู่ระดับล่างของสังคม
  • 6:51 - 6:54
    พวกเขาอาจถูกเรียกอย่างใจร้ายว่า "คนขี้แพ้"
  • 6:54 - 6:57
    มันมีความแตกต่างอันสำคัญระหว่าง คนโชคร้ายและคนขี้แพ้
  • 6:57 - 7:00
    และนี่ก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ 400 ปีของสังคม
  • 7:00 - 7:03
    และพัฒนาการความเชื่อของเราที่ว่าใครกันจะเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตเรา
  • 7:03 - 7:06
    ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไป แต่เป็นตัวเรา เรานี่แหละที่นั่งในตำแหน่งคนขับครับ
  • 7:06 - 7:08
    ก็จะเป็นความสุขเบิกบานใจถ้าคุณทำได้ดี
  • 7:08 - 7:10
    แต่ย่อมบีบคั้นมากเลย ถ้าเกิดคุณทำได้ไม่ดีขึ้นมา
  • 7:10 - 7:13
    ซึ่งตามการวิเคราะห์ของนักสังคมวิทยา ก็จะเกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุด
  • 7:13 - 7:17
    อย่าง เอมิล เดอร์ไคม์ (Emil Durkheim) มองว่าเป็นกรณีที่จะทำให้อัตราการฆ่าตัวตายเพิ่มสูงขึ้น
  • 7:17 - 7:20
    กลุ่มประเทศที่พัฒนาเรื่องปัจเจกนิยมอย่างเต็มขั้นมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงกว่า
  • 7:20 - 7:22
    ประเทศอื่นๆในโลก
  • 7:22 - 7:24
    และเหตุอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือคนมักจะถือเอาสิ่งที่เกิดขึ้น
  • 7:24 - 7:26
    กับตัวเองเป็นเรื่องส่วนตัวของตัวเองล้วนๆ
  • 7:26 - 7:30
    ความสำเร็จเกิดขึ้นก็เพราะตัวเองเพียงผู้เดียว ในขณะเดียวความล้มเหลวก็เกิดเพราะตัวเองล้วนๆด้วย
  • 7:30 - 7:32
    มีอะไรบ้างไหมที่จะคลายความกดดันพวกนี้
  • 7:32 - 7:34
    อย่างอันที่ผมได้เกริ่นไป?
  • 7:34 - 7:36
    ผมว่า มีครับ ผมจะลองพูดถึงสักสองสามหนทางก็แล้วกันครับ
  • 7:36 - 7:38
    ขอพูดเรื่องหลักการตอบแทนตามความสามารถก่อน
  • 7:38 - 7:41
    แนวคิดนี้พูดถึงการที่ทุกคนจะได้สิ่งที่สมควรได้
  • 7:41 - 7:44
    ผมว่านี่เป็นแนวคิดที่พิลึกมาก พิลึกสมบูรณ์แบบ
  • 7:44 - 7:46
    ผมจะสนับสนุนนักการเมืองคนใดก็ได้ไม่ว่าจะฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา
  • 7:46 - 7:48
    ที่เสนอทางสายกลางของแนวคิดการตอบแทนตามความสามารถที่เหมาะสม
  • 7:48 - 7:50
    ผมจัดว่าเป็นพวกหลักการตอบแทนตามความสามารถในลักษณะนั้นครับ
  • 7:50 - 7:52
    แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องไร้เหตุผลที่จะเชื่อว่าเราจะสามารถ
  • 7:52 - 7:56
    สร้างสังคมที่ใช้หลักการตอบแทนตามความสามารถอย่างแท้จริง มันเป็นความฝันที่เป็นไปไม่ได้
  • 7:56 - 7:58
    แนวคิดที่จะทำให้เราสร้างสังคมที่
  • 7:58 - 8:00
    ความหมายตามศัพท์แล้ว ทุกคนจะถูกจัดลำดับคะแนน
  • 8:00 - 8:02
    คนได้คะแนนดีอยู่ข้างบน คนได้คะแนนแย่อยู่ด้านล่าง
  • 8:02 - 8:04
    และการทำตามนั้นโดยเคร่งครัด เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
  • 8:04 - 8:06
    เพราะว่ามีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้เต็มไปหมด
  • 8:06 - 8:08
    อุบัติเหตุเอย อุบัติการณ์จากชาติกำเนิดเอย
  • 8:08 - 8:11
    อุบัติเหตุจากสิ่งของตกใส่หัวเอย ความเจ็บไข้ได้ป่วยเอย และอะไรต่อมิอะไร
  • 8:11 - 8:13
    เราจะไม่มีวันจัดอันดับคะแนนผู้คนได้
  • 8:13 - 8:15
    ไม่มีวันให้ระดับคะแนนกับผู้คนตามที่ควรเป็น
  • 8:15 - 8:18
    ผมขอกล่าวถึงคำพูดที่น่าชื่นชมของ นักบุญออกัสตินใน "เมืองแห่งเทพเจ้า" (The City of God)
  • 8:18 - 8:22
    ซึ่งท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า "มันเป็นบาปที่จะตัดสินผู้คนตามตำแหน่ง"
  • 8:22 - 8:24
    ในภาษา(อังกฤษ)สมัยใหม่อาจตีความว่า
  • 8:24 - 8:26
    มันเป็นบาป ที่คุณจะมีมุมมองต่อคนที่คุณคุยด้วย
  • 8:26 - 8:28
    จากสิ่งที่ปรากฏในนามบัตรของเขา
  • 8:28 - 8:30
    เราไม่สามารถวัดใครจากแค่ตำแหน่งได้หรอก
  • 8:30 - 8:32
    และตามคำของท่านนักบุญออกัสติน
  • 8:32 - 8:34
    มีเพียงพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่จะจับผู้คนใส่ในตำแหน่งที่ควรเป็น
  • 8:34 - 8:36
    และท่านจะทรงกระทำเช่นนั้นในวันสิ้นโลก (Day of Judgement)
  • 8:36 - 8:38
    พร้อมทวยเทพประโคมปี่แตร และท้องฟ้าก็จะเปิดออก
  • 8:38 - 8:41
    มันเป็นแนวคิดที่ไร้สาระถ้าคุณเป็นคนไม่เอาพระคัมภีร์เท่าไหร่อย่างผม
  • 8:41 - 8:43
    แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดนั้นก็ยังมีอะไรบางอย่างที่มีคุณค่าครับ
  • 8:43 - 8:47
    หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ จงอย่าด่วนตัดสินผู้อื่น
  • 8:47 - 8:50
    คุณอาจไม่จำต้องทราบก็ได้ว่าคุณค่าที่แท้จริงของใครคืออะไร
  • 8:50 - 8:52
    นั่นเป็นส่วนที่คุณไม่อาจไปล่วงรู้
  • 8:52 - 8:55
    และเราก็ไม่ควรทำเหมือนกับว่าเรารู้ด้วยครับ
  • 8:55 - 8:58
    เพราะมันเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นเครื่องปลอบขวัญและปลอบโยนเขา
  • 8:58 - 9:01
    เมื่อเราครุ่นคิดถึงความผิดพลาดในชีวิต เมื่อเราคิดถึงความล้มเหลว
  • 9:01 - 9:03
    เหตุผลประการหนึ่งที่เรากลัวความล้มเหลวไม่เพียงเพราะ
  • 9:03 - 9:05
    เราต้องขาดรายได้ สูญเสียซึ่งสถานภาพ
  • 9:05 - 9:09
    สิ่งที่เรากลัวคือการถูกตัดสินและถูกเหยียดหยันจากคนอื่น และมันก็เกิดขึ้นจริง
  • 9:09 - 9:11
    คุณทราบไหมครับ องค์กรอันดับหนึ่งที่ชอบเหยียดหยัน
  • 9:11 - 9:13
    ในทุกวันนี้ก็คือหนังสือพิมพ์
  • 9:13 - 9:15
    และถ้าคุณเปิดหนังสือพิมพ์อ่านในแต่ละวัน
  • 9:15 - 9:17
    มันเต็มไปด้วยเรื่องของคนที่ผจญกับเรื่องร้ายๆในชีวิต
  • 9:17 - 9:20
    พวกเขามีเพศสัมพันธ์แบบผิดฝาผิดตัว พวกเขาลองใช้สารเคมีที่ไม่ถูกต้อง
  • 9:20 - 9:22
    พวกเขาออกกฎหมายผิดที่ผิดทาง อะไรก็แล้วแต่
  • 9:22 - 9:25
    และนั่นก็เหมาะกับการถูกเหยียดหยัน
  • 9:25 - 9:28
    ในอีกด้านหนึ่ง พวกเขาล้มเหลว และพวกเขาก็ถูกมองว่าเป็น "พวกขี้แพ้"
  • 9:28 - 9:30
    แล้วตอนนี้เรามีทางเลือกอื่นไหม?
  • 9:30 - 9:32
    ผมคิดว่าธรรมเนียมทางตะวันตกแสดงให้เราเห็นถึงทางเลือกที่ยอดเยี่ยมอันหนึ่ง
  • 9:32 - 9:35
    และนั่นก็คือโศกนาฏกรรม
  • 9:35 - 9:38
    วิปโยคศิลป์ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในโรงละครกรีกโบราณ
  • 9:38 - 9:40
    ในช่วงศตวรรษที่ห้าก่อนคริตสกาล มันเป็นรูปลักษณ์ทางศิลปะอย่างแท้จริง
  • 9:40 - 9:43
    ซึ่งอุทิศให้กับการติดตามดูว่าผู้คนล้มเหลวยังไง
  • 9:43 - 9:47
    และยังคงโอบอุ้มด้วยระดับแห่งความเอื้ออาทรครับ
  • 9:47 - 9:51
    ซึ่งชีวิตประจำวันอาจจะไม่มีความอาทรเช่นนั้น
  • 9:51 - 9:52
    เมื่อสองสามปีก่อนผมยังจำตอนที่ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้
  • 9:52 - 9:54
    แล้วผมก็ไปที่สำนักงานของ "เดอะซันเดย์สปอร์ต (The Sunday Sport)"
  • 9:54 - 9:57
    มันเป็นหนังสือพิมพ์แบบจุลสารที่ผมจะไม่แนะนำให้คุณอ่าน
  • 9:57 - 9:59
    ถ้าคุณยังไม่เคยเห็นเคยอ่านมาแล้วอะนะ
  • 9:59 - 10:01
    ผมได้ลองไปคุยกับพวกเขา
  • 10:01 - 10:04
    เกี่ยวกับเรื่องโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ของศิลปะตะวันตก
  • 10:04 - 10:06
    และผมต้องการดูว่าพวกเขาจับใจความสำคัญ
  • 10:06 - 10:09
    ของเรื่องราวที่มาในรูปแบบของข่าว
  • 10:09 - 10:12
    ที่วางบนโต๊ะข่าวในช่วงบ่ายวันเสาร์ได้อย่างไร
  • 10:12 - 10:14
    ผมได้เล่าเรื่องโอเทลโล (Othello) ให้พวกเขาฟัง พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ก็ชื่นชอบมาก
  • 10:14 - 10:15
    (เสียงหัวเราะ)
  • 10:15 - 10:18
    และผมขอให้พวกเขาลองพาดหัวเรื่องของโอเทลโล
  • 10:18 - 10:21
    พวกเขาก็พาดหัวว่า "หนุ่มลี้ภัยคลั่งรัก เชือดบุตรี ส.ว."
  • 10:21 - 10:23
    พาดหัวช่างดึงความสนใจได้จริงๆ
  • 10:23 - 10:25
    ผมลองเล่าเค้าเรื่อง คุณนายโบวารี (Madame Bovary)
  • 10:25 - 10:27
    หนังสือเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขาหลงเสน่ห์อีกนั่นล่ะ
  • 10:27 - 10:32
    แล้วพวกเขาก็พาดหัวว่า "สาวชู้นักช้อปกลืนยาฆ่าตัว หลังพบหนี้ล้น"
  • 10:32 - 10:33
    (เสียงหัวเราะ)
  • 10:33 - 10:35
    แล้วคราวนี้ก็ถึงเรื่องโปรดของผม
  • 10:35 - 10:37
    พวกเขาดูเป็นอัจฉริยะในแนวทางของตนเองเสียจริง คนพวกเนี่ย
  • 10:37 - 10:39
    เรื่องโปรดของผมคือ "กษัตริย์โอดีปุส (Oedipus the King)" ของ โซโฟเคิล (Sophocles)
  • 10:39 - 10:42
    "หนุ่มฉาวชี้ หลับนอนกับแม่ ลั่นกลลวง"
  • 10:42 - 10:45
    (เสียงหัวเราะ)
  • 10:45 - 10:47
    (เสียงปรบมือ)
  • 10:47 - 10:50
    ก็แบบนี้แหละครับ ถ้าคุณชอบอะนะ สุดโต่งด้านหนึ่งของความเห็นอกเห็นใจ
  • 10:50 - 10:52
    คุณก็ได้หนังสือพิมพ์ที่ชอบเป่าข่าว
  • 10:52 - 10:55
    สุดโต่งไปอีกด้าน คุณก็จะได้โศกนาฏกรรมและวิปโยคศิลป์
  • 10:55 - 10:57
    ผมว่า ผมได้ถกประเด็นว่าเราควรต้องเรียนรู้บ้าง
  • 10:57 - 10:59
    เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวิปโยคศิลป์
  • 10:59 - 11:02
    ดูจะพิกลไปนิดที่จะเรียกแฮมเล็ต (Hamlet) ว่าพวกขี้แพ้
  • 11:02 - 11:05
    เขาไม่ใช่พวกขี้แพ้ แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้
  • 11:05 - 11:07
    ผมคิดว่านั่นคือสารที่โศกนาฏกรรมสื่อถึงเรา
  • 11:07 - 11:10
    แล้วผมก็คิดว่า นั่นแหละเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
  • 11:10 - 11:12
    อีกประการหนึ่งที่เกี่ยวกับสังคมยุคใหม่
  • 11:12 - 11:14
    และสาเหตุที่ทำให้เกิดความวิตกกังวลแบบนี้
  • 11:14 - 11:17
    นั่นก็คือ จะอะไรๆเราก็ใช้คนเป็นจุดศูนย์กลางไปเสียหมดหน่ะสิครับ
  • 11:17 - 11:19
    เราเป็นสังคมแรกที่ได้อยู่อาศัยในโลกใบนี้
  • 11:19 - 11:22
    สถานที่ซึ่งเราไม่ได้บูชาสิ่งอื่นใดนอกไปจากตัวตนของเราเองเลย
  • 11:22 - 11:24
    เราคิดว่าเราสูงส่ง และเราก็ต้องสูงส่งไปตามที่เราคิด
  • 11:24 - 11:27
    เราส่งคนขึ้นไปยังดวงจันทร์ เราทำอะไรหลายอย่างที่วิเศษมหัศจรรย์
  • 11:27 - 11:29
    เราก็เลยมีแนวโน้มที่จะบูชาตัวตนของเราเองไงครับ
  • 11:29 - 11:31
    วีรบุรุษของเราคือวีรบุรุษของมนุษยชาติ
  • 11:31 - 11:33
    เป็นรูปแบบวิธีคิดแบบใหม่มากเลยครับ
  • 11:33 - 11:35
    สังคมอื่นโดยส่วนใหญ่ มีสิ่งยึดเหนี่ยวที่อยู่ตรงกลาง
  • 11:35 - 11:37
    พวกเขาบูชาสิ่งที่เหนือล้ำสูงค่า ซึ่งก็คือพระผู้เป็นเจ้า
  • 11:37 - 11:39
    จิตวิญญาณ, พลังธรรมชาติ, จักรวาล
  • 11:39 - 11:42
    บางสิ่งบางอย่างที่ทรงไว้ควรคู่การสักการะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
  • 11:42 - 11:44
    ส่วนพวกเราหน่ะ ไม่ค่อยจะมีธรรมเนียมแบบนั้นแล้วครับ
  • 11:44 - 11:46
    ซึ่ง ผมคิดว่า เป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงอยากไปอยู่ใกล้ๆกับธรรมชาติ
  • 11:46 - 11:49
    ไม่ใช่เพื่อสุขภาพของเราหรอกครับ ถึงแม้ว่าจะมีแต่คนบอกว่าเป็นแบบนั้นก็เถอะ
  • 11:49 - 11:53
    แต่เป็นเพราะว่ามันเป็นการหลีกลี้จากสังคมมนุษย์
  • 11:53 - 11:55
    มันเป็นการหลีกหนีจากการแก่งแย่งแข่งขัน
  • 11:55 - 11:57
    จากเรื่องเร้าอารมณ์ของเราเอง
  • 11:57 - 11:59
    นั่นแหละเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราถึงมีความสุขนักกับการยืนมองธารน้ำแข็งและห้วงมหาสมุทร
  • 11:59 - 12:03
    และพินิจพิเคราะห์โลกโดยมองเข้ามาจากอวกาศ ฯลฯ
  • 12:03 - 12:07
    เราต้องการรับรู้สัมผัส กับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์
  • 12:07 - 12:11
    และเป็นสิ่งซึ่งสำคัญอย่างลึกซึ้งต่อเรา
  • 12:11 - 12:14
    ผมคิดว่า สิ่งที่ผมพูดไปหน่ะเกี่ยวกับความสำเร็จและความล้มเหลวโดยตรงเลยครับ
  • 12:14 - 12:17
    และ มีอะไรที่น่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับความสำเร็จ
  • 12:17 - 12:19
    ก็คือเรามักจะเข้าใจไปว่า เรารู้ดีว่าความสำเร็จคืออะไร
  • 12:19 - 12:21
    ถ้าผมบอกคุณว่า หลังจอภาพอันเนี่ย มีคนอยู่คนหนึ่ง
  • 12:21 - 12:24
    ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ความคิดบางอย่างจะผุดขึ้นมาในใจของเราทันที
  • 12:24 - 12:26
    คุณอาจคิดว่าเขาผู้นั้นอาจมีรายได้มหาศาล
  • 12:26 - 12:29
    ได้รับการยอมรับนับถือในวงการของเขา
  • 12:29 - 12:31
    ผมมีทฤษฎีแห่งความสำเร็จของผมเอง และผมก็เป็นคนหนึ่งที่
  • 12:31 - 12:34
    สนใจอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องความสำเร็จ ผมต้องการประสบความสำเร็จจริงๆ
  • 12:34 - 12:36
    ผมมักจะคิดอยู่เสมอว่า "ทำอย่างไรผมจึงจะประสบความสำเร็จมากๆนะ?"
  • 12:36 - 12:38
    พอผมเริ่มอายุมากขึ้น ผมแทบจะไม่รู้สึกแตกต่างอะไรเลย
  • 12:38 - 12:40
    ว่านิยามความหมายของคำว่า "ความสำเร็จ" มันจะเป็นยังไง
  • 12:40 - 12:42
    นี่เป็นเคล็ดลับที่ผมได้ค้นพบเกี่ยวกับความสำเร็จครับ
  • 12:42 - 12:45
    คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จกับทุกสิ่งทุกอย่าง
  • 12:45 - 12:47
    เรามักจะได้ยินคำพูดเกี่ยวกับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
  • 12:47 - 12:50
    หาสารัตถะไม่ได้ครับ คุณไม่มีทางได้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด ไม่มีทาง
  • 12:50 - 12:52
    ดังนั้นวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความสำเร็จ
  • 12:52 - 12:54
    ก็คือการยอมรับว่า คุณต้องแลกมาด้วยการสูญเสียอะไรบางอย่าง
  • 12:54 - 12:56
    สิ่งที่สูญเสียไปนั้นอยู่ที่ตรงไหน
  • 12:56 - 12:59
    และผมคิดว่าคนที่เฉลียวฉลาดย่อมจะยอมรับ
  • 12:59 - 13:02
    อย่างที่ผมได้พูดไปว่ามันจะต้องมีบางอย่างที่เราจะไม่ประสบความสำเร็จ
  • 13:02 - 13:04
    อย่างหนึ่งเกี่ยวกับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ
  • 13:04 - 13:06
    คือบ่อยครั้งที่แนวคิดของเราที่ว่า
  • 13:06 - 13:09
    อย่างไรถึงจะเรียกว่ามีชีวิตอยู่อย่างประสบความสำเร็จ กลับไม่ใช่เป็นความคิดของเราเอง
  • 13:09 - 13:11
    แต่เป็นของคนอื่น
  • 13:11 - 13:13
    โดยหลัก ถ้าคุณเป็นผู้ชาย ก็มาจากพ่อของคุณ
  • 13:13 - 13:15
    และถ้าคุณเป็นผู้หญิง ก็มาจากแม่ของคุณ
  • 13:15 - 13:18
    นักจิตวิเคราะห์โหมประโคมเรื่องนี้มากว่า 80 ปีแล้วครับ
  • 13:18 - 13:21
    ไม่มีใครยินยอมฟังให้ลึกซึ้งพอ แต่ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่ามันเป็นความจริง
  • 13:21 - 13:23
    นอกจากนี้ เรายังรับสาร
  • 13:23 - 13:25
    จากทุกสิ่งทุกอย่าง จากโทรทัศน์ จากโฆษณา
  • 13:25 - 13:27
    จากการตลาด และอื่น ๆ
  • 13:27 - 13:29
    มีพลังงานมหาศาล
  • 13:29 - 13:33
    ที่กำหนดให้เราเป็นอย่างที่เป็น และกำหนดให้เรามองตัวเองอย่างไร
  • 13:33 - 13:36
    เมื่อมีคนบอกเราว่านายธนาคารเป็นอาชีพที่น่านับถือ
  • 13:36 - 13:38
    คนส่วนใหญ่ก็อยากไปเป็นนายธนาคาร
  • 13:38 - 13:41
    เมื่ออาชีพนายธนาคารไม่น่านับถืออีกต่อไป เราก็ไม่สนใจเป็นนายธนาคาร
  • 13:41 - 13:44
    เราเปิดรับกับคำแนะนำอย่างมาก
  • 13:44 - 13:47
    ดั้งนั้นสิ่งที่ผมอยากจะโต้แย้ง ก็คือเราไม่ควรยอมแพ้
  • 13:47 - 13:49
    ที่จะมีแนวคิดเรื่องการประสบความสำเร็จ
  • 13:49 - 13:51
    แต่เราควรจะต้องแน่ใจด้วยว่ามันเป็นแนวคิดของเราเอง
  • 13:51 - 13:53
    เราควรจะมุ่งเน้นไปที่ความคิดของเราเอง
  • 13:53 - 13:56
    และต้องมั่นใจด้วยว่านั่นเป็นความคิดของเราเองจริงๆ
  • 13:56 - 13:58
    ว่าเราเป็นเจ้าของความทะเยอทะยานของเราเอง
  • 13:58 - 14:00
    เพราะมันเป็นเรื่องแย่พอดูทีเดียวครับ ที่จะไม่ได้สิ่งที่คุณต้องการ
  • 14:00 - 14:03
    แต่ที่ยิ่งแย่กว่านั้นคือ คุณคิด
  • 14:03 - 14:06
    ว่าคุณอยากได้อะไร แล้วไปค้นพบในตอนท้าย
  • 14:06 - 14:09
    ว่าจริงๆแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการเลย
  • 14:09 - 14:11
    ดังนั้นผมจะจบลงตรงนี้
  • 14:11 - 14:14
    แต่สิ่งที่ผมอยากย้ำอย่างยิ่งก็คือ
  • 14:14 - 14:16
    ใช่ครับ ก็คือความสำเร็จ โดยทุกความหมาย
  • 14:16 - 14:18
    แต่ขอให้ยอมรับความแปลกแตกต่างของความคิดบางอย่าง
  • 14:18 - 14:21
    ขอให้ตรวจสอบความเข้าใจของเราเกี่ยวกับเรื่องความสำเร็จ
  • 14:21 - 14:25
    ขอให้ดูให้มั่นใจว่าความคิดเรื่องความสำเร็จนั้นเป็นของเราอย่างแท้จริง
  • 14:25 - 14:27
    ขอบคุณมากครับ
  • 14:27 - 14:43
    (เสียงปรบมือ)
  • 14:43 - 14:45
    คริส แอนเดอร์สัน (Chris Anderson) : น่าทึ่งมากครับ คุณประสานมันได้อย่างไรนะ
  • 14:45 - 14:50
    ความคิดเกี่ยวกับว่าใครก็ตามที่จะ --
  • 14:50 - 14:53
    มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่จะมองใครบางคนในฐานะผู้แพ้
  • 14:53 - 14:57
    กับความคิดที่หลายคนชอบ คือเรื่องให้ความสำคัญกับการกำหนดชีวิตของคุณเอง
  • 14:57 - 15:00
    และสังคมที่จะสนับสนุนเรื่องที่ว่า
  • 15:00 - 15:03
    บางทีอาจจะมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้
  • 15:03 - 15:06
    อาลัน เดอ บัททัน : ครับ ผมคิดว่ามันอาจเป็นแค่ความบังเอิญ
  • 15:06 - 15:08
    ในกระบวนการที่ทำให้เกิดชัยชนะและความพ่ายแพ้ และนั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำ
  • 15:08 - 15:10
    เพราะทุกวันนี้มีการเน้นย้ำมากเกินไป
  • 15:10 - 15:12
    เกี่ยวกับการตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง
  • 15:12 - 15:14
    และนักการเมืองมักจะพูดเรื่องการตัดสินผิดถูก
  • 15:14 - 15:17
    ตอนนี้ผมเป็นคนเชื่อมั่นในเรื่องความยุติธรรม แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
  • 15:17 - 15:19
    ดังนั้นเราจึงควรทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้
  • 15:19 - 15:21
    เราควรทำทุกสิ่งที่คิดว่าเราสามารถช่วยสร้างความยุติธรรมได้
  • 15:21 - 15:23
    ท้ายที่สุด เราก็ควรจะระลึกไว้เสมอว่า
  • 15:23 - 15:26
    ใครก็ตามที่เราพบ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา
  • 15:26 - 15:29
    มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับการเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
  • 15:29 - 15:31
    และนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะเว้นช่องว่างไว้ให้
  • 15:31 - 15:33
    เพราะไม่เช่นนั้นมันอาจจะกลายเป็นการปิดกั้นตนเอง
  • 15:33 - 15:35
    คริส แอนเดอร์สัน : คือผมจะถามว่า คุณเชื่อไหมครับว่าคุณสามารถจะรวมเอา
  • 15:35 - 15:37
    ความคิดเรื่องปรัชญาที่นุ่มนวลอ่อนโยนเกี่ยวกับเรื่องการงาน
  • 15:37 - 15:41
    เข้ากับเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จได้?
  • 15:41 - 15:43
    หรือคุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ครับ?
  • 15:43 - 15:45
    แต่มันไม่สำคัญมากไปที่เราจะเน้นย้ำและให้ความสำคัญเรื่องนี้หรือครับ?
  • 15:45 - 15:48
    อาลัน เดอ บัททัน : แนวคิดที่น่ากลัว
  • 15:48 - 15:52
    มีอยู่ว่า การทำให้คนมีแต่ความหวาดกลัวเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกเขาทำงานออกมาเต็มที่
  • 15:52 - 15:55
    และบางทียิ่งสภาพแวดล้อมยิ่งเลวร้ายเท่าใด
  • 15:55 - 15:57
    ผู้คนก็จะยิ่งลุกขึ้นต่อต้านมากขึ้นเท่านั้น
  • 15:57 - 16:01
    คุณอาจจะลองนึกดูว่า คุณอยากได้พ่อในอุดมคติแบบไหน
  • 16:01 - 16:04
    และพ่อในอุดมคติของคุณเป็นคนที่เข้มแข็งแต่สุภาพอ่อนโยน
  • 16:04 - 16:06
    นั่นเป็นเส้นแบ่งที่ทำได้ยาก
  • 16:06 - 16:10
    เราต้องการพ่ออย่างที่ควรเป็น เป็นคุณพ่อตัวอย่างที่ควรได้รับการยกย่องจากสังคม
  • 16:10 - 16:12
    ต้องหลีกเลี่ยงความสุดโต่งสองขั้ว
  • 16:12 - 16:16
    ด้านหนึ่งก็คือระบอบเผด็จการ เต็มไปด้วยระเบียบวินัย
  • 16:16 - 16:20
    ส่วนอีกด้านก็คือความหย่อนยาน ไร้กฎเกณฑ์
  • 16:20 - 16:22
    คริส แอนเดอร์สัน : อาลัน เดอ บัททัน ครับ
  • 16:22 - 16:24
    อาลัน เดอ บัททัน : ขอบคุณมากครับ
  • 16:24 - 16:34
    (เสียงปรบมือ)
Title:
อาลัน เดอ บัททัน : ปรัชญาแห่งความสำเร็จที่เปี่ยมด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน
Speaker:
Alain de Botton
Description:

อาลัน เดอ บัททัน (Alain de Botton) ลงมือสำรวจความคิดในเรื่องความสำเร็จและความล้มเหลว -- และตั้งคำถามถึงสมมติฐานที่อยู่เบื้องหลังการให้คุณค่าของสิ่งทั้งสองนี้ จริงหรือที่ว่าความสำเร็จจะเป็นเรื่องดีเสมอไป? แล้วความล้มเหลวล่ะ? เขาเสนอประเด็นด้วยวาทศิลป์อย่างชาญฉลาดในการที่เราจะก้าวข้ามพ้นจากความหัวสูงบ้าเห่อเจ้ายศเจ้าอย่างเพื่อค้นหาความสุขอันจริงแท้ในชีวิตการทำงานของเรา

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
16:39
Retired user added a translation

Thai subtitles

Revisions