-
ในวิดีโอตอนที่แล้ว
เราได้พูดถึงว่า
-
ทำไมอะตอมทุกอะตอมจึง
อยากมีอิเล็กตรอน 8 ตัวในชั้นนอกสุด
-
เพราะว่านี่เป็นการจัดเรียงอิเล็กตรอน
ที่ทำให้อะตอมมีความเสถียร (คงตัว) มากที่สุด
-
และในความเป็นจริง
เราจะสังเกตได้จากสิ่งรอบตัวเรา
-
จริง ๆ นะครับ
-
เราลองมาเริ่มดูกันนะครับว่า
ในแต่ละ "หมู่ (group)" ของตารางธาตุ
-
จะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง
-
หมู่ หรือ "group" ในตารางธาตุ
หมายถึงธาตุที่อยู่ในแถวเดียวกันจากบนลงล่าง
-
อย่างกลุ่มนี้ ตรงนี้ครับ
ซึ่งจริง ๆ แล้ว ผมจะเริ่มที่กลุ่มนี้ก่อน
-
เพราะมันมีชื่อพิเศษ
-
กลุ่มนี้ตรงนี้ เราเรียกว่า แก๊สเฉื่อย (noble gases)
-
ถ้าคุณไล่จากบนลงล่างในกลุ่มนี้
คุณเห็นไหมครับว่าธาตุเหล่านี้มีอะไรที่เหมือนกัน
-
ในคอลัมน์เดียวกันในตารางธาตุ
มีอะไรที่เหมือนกันครับ?
-
ครับ..ในวิดีโอตอนที่แล้ว
เราเห็นแล้วว่าธาตุทุกชนิดในคอลัมน์เดียวกัน
-
จะมีจำนวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากัน
-
หรือมีจำนวนอิเล็กตรอนในชั้นนอกสุดเท่ากัน
-
ซึ่งเราก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
-
คอลัมน์นี้ ตรงนี้ ..
ซึ่งเราเรียนไปแล้วนะครับคือ โลหะอัลคาไล
-
จะมีอิเล็กตรอน 1 ตัวอยู่ที่ชั้นนอกสุด
-
และผมก็ได้บอกแล้วว่า
ไฮโดรเจนนั้นไม่ถูกจัดเป็นโลหะอัลคาไล
-
เพราะว่ามันไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นโลหะ
-
และมันก็ไม่ได้ต้องการที่อยากจะให้
อิเล็กตรอนเหมือนที่โลหะเป็น
-
เมื่อเราพูดถึงคุณสมบัติของโลหะของธาตุหนึ่ง ๆ
-
เราจะนึกถึงว่า ธาตุนั้นมีแนวโน้ม
ที่จะให้อิเล็กตรอนมากน้อยแค่ไหน
-
เราจะพูดเกี่ยวกับคุณสมบัติอื่นของโลหะ
-
โดยเฉพาะคุณสมบัติที่เรารู้สึกว่า
ถ้าเป็นโลหะ ต้องเงามัน
-
นำไฟฟ้าได้
-
และเราจะดูด้วยว่ามันอยู่ในตารางธาตุกันอย่างไร
-
แต่ตอนนี้ กลับมาที่เรากำลังคุยกันอยู่ก่อนนะครับ
-
คอลัมน์นี้ ตรงนี้
-
เราเรียกว่า โลหะอัลคาไลเอิร์ธ
-
ธาตุในคอลัมน์นี้จะมีอิเล็กตรอน 2 ตัว
ในชั้นนอกสุด
-
และจำได้ใช่ไหมครับว่า
ธาตุทุกชนิดต้องการจะมีเวเลนซ์อิเล็กตรอน = 8
-
ถ้ามันเลือกวิธีที่จะหาอิเล็กตรอนมาเพิ่ม
เพื่อให้ครบ 8 ตัว
-
ก็ต้องใช้เวลาเยอะทีเดียว
-
วิธีนี้ เราต้องหาอิเล็กตรอนมาเติมถึง 6 ตัว
-
แล้วใครล่ะครับที่จะไปเอามา?
-
เพราะไม่มีใครที่จะอยากให้อิเล็กตรอนเลย
-
ตอนนี้ มันเกือบจะมีอิเล็กตรอนครบ 8 อยู่แล้ว
-
ดังนั้น ถ้าเราให้อิเล็กตรอน น่าจะทำให้ครบ 8 อิเล็กตรอน
ได้ง่ายกว่ามากนะครับ
-
ในความเป็นจริง เวลาคุณมีอิเล็กตรอนแค่ 1 ตัวที่จะให้ออกไป
-
ดังเช่นกรณี โลหะอัลคาไล
-
ถ้าคุณมีอิเล็กตรอนเพียง 1 ตัวที่จะให้ออกไป
และมันก็อยากจะทำแบบนี้จริง ๆ ครับ
-
ดังนั้น ธาตุกลุ่มนี้ในธรรมชาติจะหายากมากครับ
ที่จะเจอในรูปธาตุบริสุทธิ์
-
คำว่า "ธาตุบริสุทธิ์" ที่ผมพูดถึงนี้
หมายความว่า มันมีแต่ลิเทียมอย่างเดียว
-
ไม่มีอย่างอื่นปนนะครับ
หรือว่ามีโซเดียมอย่างเดียว
-
หรือมีโปตัสเซียมอย่างเดียว
-
ธาตุกลุ่มนี้เรามักจะพบมัน
ทำปฏิกิริยากับอย่างสารอื่น
-
อาจจะเป็นธาตุอื่นที่อยู่อีกด้านหนึ่งของตารางธาตุ
-
เพราะว่าฝั่งนี้อยากจะให้อิเล็กตรอนมาก ๆ
-
ในขณะที่ฝั่งนี้ก็อยากจะได้อิเล็กตรอนมาก ๆ
-
ดังนั้น ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดปฏิกิริยากันขึ้น
-
ส่วนธาตุกลุ่มนี้ (โลหะอัลคาไลเอิร์ธ)
ก็มีความไวต่อการเกิดปฏิกิริยานะครับ
-
แต่อาจจะไม่เท่ากับโลหะอัลคาไล
-
และเนื่องจากธาตุกลุ่มนี้ก็
-
มีจำนวนอิเล็กตรอนใกล้เคียงกับ 8 เช่นกัน
-
แค่พยายามอีกนิดหน่อย..
-
เพียงเอาอิเล็กตรอนออกไป 2 ตัว
-
แต่กลุ่มนี้ (โลหะอัลคาไล) เอาอิเล็กตรอนออกไป
แค่ตัวเดียว (ก็ได้ 8 อิเล็กตรอนแล้ว)
-
และเราก็เรียนแล้วว่า ธาตุกลุ่มนี้
ก็มีอิเล็กตรอน 2 ตัวที่ชั้นนอกสุด
-
เราเรียกธาตุกลุ่มนี้ว่า....
-
โลหะทรานสิชัน...
เพราะว่าเวลาคุณใส่อิเล็กตรอนเข้าไป
-
มันจะเข้าไปเติมในชั้น d ของชั้นรองลงไป
-
ใช่ไหมครับ?
-
ดังนั้น ชั้นนอกสุดจะมีอิเล็กตรอน 2 ตัวเสมอ
-
ตรงนี้เป็น period ที่ 4
ธาตุทั้งหมดตรงนี้ จะมีชั้นนอกสุดเป็น 4s2
-
แต่เวลาเติมอิเล็กตรอน จะใส่ลงไปในชั้น 3d
-
ตรงนี้มีอิเล็กตรอน 2 ตัว
-
ดังนั้น ทั้งหมดตรงนี้จะมีอิเล็กตรอนที่ชั้นนอกสุด 2 ตัว
-
ทั้งหมดนี้ก็จะคล้ายกับโลหะอัลคาไลเอิร์ธ
-
ซึ่งต้องเสียอิเล็กตรอน 2 ตัว
เพื่อจะทำให้ตัวเอง "มีความสุข"
-
ที่ผมคิดนะครับ...
-
ซึ่งมันอาจจะเป็นความจริง
-
ก็คือธาตุเหล่านี้มีอิเล็กตรอนสำรองอยู่ครับ
ในกรณีที่มันต้องเสียเวเลนซ์อิเล็กตรอนไป
-
ตัวอย่าง เหล็กมี 2 เวเลนซ์อิเล็กตรอน
-
แบบนี้... ถ้ามันเสียอิเล็กตรอนไป
-
มันก็ยังมีอิเล็กตรอนสำรองอยู่
ในชั้น d ที่อยู่รองลงไป
-
ดังนั้น ถ้ามันเสียอิเล็กตรอนในชั้น 4s2 ไป
-
ก็ยังมีอิเล็กตรอนในชั้น 3d ที่มีระดับพลังงานสูง
-
ซึ่งสามารถขึ้นมาแทนที่ได้
-
ส่วนตัวนี้ ผมใช้เครื่องหมายคำพูด " " นะครับ
ก็เพราะว่า..
-
นี่เป็นวิธีที่ผมวาดภาพเอาเอง
-
และเหตุผลที่ว่าทำไมผมจึงพูดถึงเรื่องนี้
-
เพราะโลหะมักจะชอบให้อิเล็กตรอน
-
และธาตุเหล่านี้จะเกิดปฏิกิริยาด้วย
-
มันบอกว่า...เฮ้..มาเอาอิเล็กตรอนฉันไปสิ
-
และพวกนี้ ก็จะเริ่มบอกว่า
-
คุณเติมอิเล็กตรอนในชั้น d อยู่นั่นแหละ
ผมเอาอิเล็กตรอน 2 ตัวนี้ไปก่อนแล้วนะ
-
แต่ผมไม่ได้มีอิเล็กตรอนแค่ 2 ตัวข้างนอกนั้นนี่ครับ
-
ผมยังมีอิเล็กตรอนอีก
-
เก็บไว้ในชั้น d
-
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในโลหะทรานสิชัน
-
ก็จะเหมือนกับที่พบในโลหะทั่วไป
-
ตรงนี้ก็เป็นโลหะนะครับ... อย่าดูทั้งหมู่นะครับ
-
ที่เป็นโลหะ ให้ดูที่สี ตรงนี้ครับ
-
กลุ่มนี้เป็นโลหะที่มีอิเล็กตรอนจำนวนมากที่จะให้ได้
-
ไม่เพียงแต่จะมีอิเล็กตรอนจำนวนมากตรงนี้
แต่ยังมีอิเล็กตรอนที่อยู่ในชั้น d ด้วย
-
ซึ่งเวลามันอยู่ในสภาวะธาตุบริสุทธิ์
-
เวลาที่ผมพูดอย่างนี้ หมายความว่า
-
คุณจะมีกล่องใบใหญ่ ๆ 1 กล่องสำหรับอะลูมิเนียม
-
อะลูมิเนียม จะไม่ทำปฏิกิริยากับสารอื่น เช่น อ๊อกซิเจน
-
ดังนั้น มันก็จะอยู่เป็นก้อนอะลูมิเนียมอยู่อย่างนั้น
-
ใช่ไหมครับ?
-
ถ้าคุณมีอะลูมิเนียมอยู่จำนวนหนึ่ง
-
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ จะมีพันธะโลหะ
ซึ่งอะตอมของอะลูมิเนียมทั้งหมดนี้ก็จะบอกว่า..
-
คุณรู้มั้ย ผมมีอิเล็กตรอนเหลือตรงนี้
-
ในกรณีของอะลูมิเนียม
มีอิเล็กตรอน 3 ตัวอยู่ที่ชั้นนอกสุด
-
แต่ผมมีอิเล็กตรอนในชั้น d ด้วย
-
ผมจะเอาอิเล็กตรอนมาแบ่งกับอะตอม
อื่น ๆ ของอะลูกมิเนียมนะครับ
-
ดังนั้น คุณก็จะได้ "ทะเล" ของ
อะตอมอะลูมิเนียม
-
ซึ่งดึงดูดกันอยู่
-
หรือคุณได้สร้าง "ทะเลอิเล็กตรอน"
ของอะลูมิเนียม นั่นเอง
-
คุณจะมีอิเล็กตรอนจำนวนมาก
-
แทรกอยู่ระหว่างอะตอม
และเนื่องจากอะตอมเหล่านี้ได้
-
ให้อิเล็กตรอนไปใช้ร่วมกันแล้ว
มันก็เลยดึงดูดกัน
-
ถูกต้องไหมครับ?
-
ดังนั้น อะตอมจริง ๆ แล้ว
ตรงนี้ ก็จะกลายเป็น Al3+
-
เพราะได้ให้อิเล็กตรอนไป 3 ตัว
-
ผมจะยังไม่พูดมากไปกว่านี้นะครับ
-
ตอนนี้ เพียงต้องการให้คุณเข้าใจว่า
มันอยู่กันอย่างไร
-
และทำไมโลหะจึงนำไฟฟ้าได้ดีมาก
-
ก็เพราะว่า ไฟฟ้าคือการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน
-
หากต้องการให้อิเล็กตรอนเคลื่อนที่
คุณต้องมีอิเล็กตรอนจำนวนมากเผื่อไว้รอบ ๆ
-
ดังนั้น ธาตุที่อยู่บริเวณนี้
จึงเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีมาก
-
ที่จริงแล้ว เงิน (silver) เป็น
ตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด
-
เงิน..ตรงนี้ครับ
เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุดบนโลกนี้
-
แต่เราไม่เอามาใช้ในสายไฟ
แต่กลับใช้ทองแดงแทน
-
ก็เพราะว่า ทองแดงนั้นหาได้ง่ายกว่าเงิน
-
แต่จริง ๆ แล้ว เงินเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุดครับ
-
...ตามที่ผมคิด
-
เมื่อคุณเติมอิเล็กตรอนลงในออร์บิทัลหนึ่ง
-
ออร์บิทัลนั้นจะเข้าสู่สภาวะเสถียร (คงตัว)
-
ดังนั้น ธาตุเหล่านี้ มีอิเล็กตรอนในชั้น d เต็มหมดแล้ว
-
ในขณะที่ธาตุตรงนี้ (ทรานสิชัน)
ชั้น d ยังไม่เต็ม
-
ดังนั้น มันจึงมีอิเล็กตรอนเผื่อจำนวนมาก
ซึ่งดีมากสำหรับการนำไฟฟ้า
-
เอาละครับ นี่คือสิ่งที่ผมคิดเอา
-
ผมไม่เคยทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่นะครับ
-
แต่อยากจะให้แนวคิดแก่คุณว่า
ทำไมธาตุเหล่านี้จึงนำไฟฟ้าได้
-
สำหรับโลหะทรานสิชัน
-
ธาตุกลุ่มนี้เราถือว่าเป็นโลหะ
-
แต่จัดเป็นอีกกลุ่มหนึ่งคือ โลหะทรานสิชัน
-
ก็เพราะว่า มันยังมีที่ให้เติมอิเล็กตรอนในชั้น d
-
แต่โลหะทรานสิชันนี่ฟังดูแล้ว
-
ไม่น่าจะดีเท่าโลหะนะครับ
-
แต่ถ้าคุณมานั่งคิดถึงโลหะ
..คุณก็จะนึกถึง "เหล็ก" เป็นอันดับแรก
-
และผมก็ต้องคิดถึง เงิน ทองแดง และทอง ด้วย
-
ดังนั้น การที่เรียกธาตุเหล่านี้ว่าเป็น โลหะทรานสิชัน
อาจจะไม่ค่อยยุติธรรมนักนะครับ
-
ผมไม่คิดว่าอะลูมิเนียมจะเป็นโลหะ
มากไปกว่าที่เหล็กเป็น
-
แต่ในการจัดประเภทของธาตุในทางเคมี
-
อะลูมิเนียมมีความเป็นโลหะมากกว่า
โลหะทรานสิชันตรงนี้
-
เดี๋ยวให้ผมเขียนเวเลนซ์อิเล็กตรอนก่อนนะครับ
-
ธาตุทั้งหมดตรงนี้มี 3 เวเลนซ์อิเล็กตรอน
-
4,5,6,7
-
ตรงนี้ จะมีอิเล็กตรอน 3 ตัวในชั้นนอกสุด
-
ดังนั้น ถ้ามันให้อิเล็กตรอน ก็น่าจะ
ง่ายกว่ารับเข้ามา
-
แต่ก็ไม่แน่ครับ ในบางกรณี
ก็อาจจะมีรับอิเล็กตรอนเหมือนกัน
-
โดยเฉพาะ โบรอน
-
มีบางครั้งที่โบรอนรับอิเล็กตรอน 5 ตัว
-
แม้ว่าดูจะยาก
-
แต่ก็ง่ายกว่าที่จะให้ 3 อิเล็กตรอน
-
ดังนั้น พวกที่เป็นโลหะจึงอยู่เฉพาะตรงนี้ (ไม่รวมโบรอน)
-
และอย่างที่คุณเห็นนะครับ
ถ้าคุณดูไล่ลงมาในตารางธาตุ
-
คุณจะเจอโลหะที่มีเวเลนซ์อิเล็กตรอน
จำนวนมากขึ้น
-
อย่างเช่น ตะกั่ว (lead)
-
ก็จัดเป็นโลหะ
-
แม้ว่าจะมี 4 เวเลนซ์อิเล็กตรอน
-
นี่ก็เพราะว่า อะตอมมันมีขนาดใหญ่มาก
รัศมีใหญ่มาก
-
จนชั้นนอกสุดไกลจากนิวเคลียสมาก
-
ดังนั้น มันจะให้อิเล็กตรอนได้ง่าย
-
ถ้าคุณดูที่คาร์บอน
-
ซึ่งมีเวเลนซ์อิเล็กตรอนอยู่ใกล้กับนิวเคลียสมาก
-
ดังนั้น อิเล็กตรอนจะถูกปล่อย
ออกไปยากมาก
-
คาร์บอนจึงชอบที่จะรับอิเล็กตรอน
จากอะตอมอื่นมากกว่า
-
เพื่อให้ได้อิเล็กตรอนครบ 8 ตัว
-
ในขณะที่เวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุกลุ่มนี้
อยูไกลจากนิวเคลียสมาก
-
จึงมีโอกาสที่จะกำจัดอิเล็กตรอนออกไป
-
เพื่อให้ตัวเองมีอิเล็กตรอนครบ 8 ตัวในชั้นนอกสุด
-
คล้ายกับซีนอน
-
และถ้าคุณดูไปเรื่อย ๆ ถึงกลุ่มนี้
ก็จะไม่ใช่โลหะอีกต่อไป
-
ถูกต้องไหมครับ?
-
เพราะธาตุเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะ
รับอิเล็กตรอน เวลาเกิดปฏิกิริยา
-
และช่องสีเหลืองนี้ เป็นกลุ่มที่
มีความไวต่อการเกิดปฏิกิริยาสูงมาก
-
โดยเฉพาะการทำปฏิกิริยากับโลหะอัลคาไล
-
โลหะจะอยู่ตรงนี้
ส่วนตรงนี้เราเรียกว่า ฮาโลเจน นะครับ
-
คุณอาจจะเคยได้ยินคำนี้มาก่อน
-
หลอดฮาโลเจน
-
การที่เราเรียกอย่างนั้น ไม่ได้เรียกผิดนะครับ
-
ผมอาจจะทำวิดีโอเกี่ยวกับหลอดฮาโลเจนในอนาคตนะครับ
-
สุดท้าย กลุ่มนี้เป็นแก๊สเฉื่อย
-
ที่น่าสนใจเกี่ยวกับแก๊สเฉื่อยก็คือ
-
มันมีอิเล็กตรอน 8 ตัวที่ชั้นนอกสุด
-
ใช่ไหมครับ
-
ยกเว้น ฮีเลียม
-
ซึ่งมีอิเล็กตรอน 2 ตัวที่ชั้นนอกสุด
ถูกต้องไหมครับ?
-
การจัดเรียงอิเล็กตรอนของฮีเลียมคือ 1s2
-
นี่คือ นีออน
-
จะเป็น 1s2, 2s2, 2p6
-
ซึ่งมีอิเล็กตรอน 8 ตัวในชั้นนอกสุด
-
ดังนั้น มันก็มีความสุขแล้วครับ
-
อาร์กอน ก็เช่นเดียวกัน
-
ชั้นนอกสุดจะเป็น 3s2, 3p6
-
คริปตอน จะมีอิเล็กตรอนชั้นนอกสุดเป็น
-
4s2, 4p6
(ในวิดีโอพูดผิด)
-
และก็มี 3d
-
แต่ว่าชั้นนอกสุดจะมีอิเล็กตรอนครบ 8 ตัว
-
ดังนั้น มันก็มีความสุข
-
ธาตุเหล่านี้ จึงไม่อยากจะไปทำปฏิกิริยากับใคร
-
คล้ายกับว่า ธาตุอื่น ๆ สามารถเกิด
ปฏิกิริยาต่าง ๆ ได้
-
ก็เกิดไป
-
แต่พวกเรามีความสุขแล้ว
-
แล้วเราก็ไม่อยากให้หรือรับอิเล็กตรอนจากใคร
-
ธาตุกลุ่มนี้จึงเฉื่อยมาก ๆ
(ไม่ทำปฏิกิริยากับใคร)
-
คุณทราบไหมครับ
สมัยก่อน ตอนที่ยังมีการสร้างเรือเหาะ
-
ที่มีชื่อเสียงอย่างเรือเหาะฮินเดนเบอร์ก
-
ตอนนั้น เขาใช้ไฮโดรเจน
-
ซึ่งไฮโดรเจนเป็นธาตุที่ค่อนข้างจะ
ไวต่อการเกิดปฏิกิริยา
-
และก็ติดไฟง่ายมาก
ดังนั้น มันจึงระเบิดอย่างรวดเร็ว
-
สมัยนี้ เวลาทำลูกโป่งสำหรับตัวตลกหรือเด็ก ๆ
-
แทนที่จะใช้ไฮโดรเจน
เดี๋ยวนี้นิยมใช้ฮีเลียมมากกว่า
-
เพราะฮีเลียมเป็นแก๊สเฉื่อย
มีความไวต่อการเกิดปฏิกิริยาน้อยมาก
-
และก็มีโอกาสระเบิดได้น้อยมาก
-
ถ้าเอามาใช้ในงานวันเกิดเด็ก ๆ
-
เอาละครับ...ผมคงจบเพียงแค่นี้สำหรับวิดีโอตอนนี้
-
ในตอนต่อไป เราจะมาพูดกันนิดหน่อยเกี่ยวกับแนวโน้มของธาตุในตารางธาตุครับ
-
เกี่ยวกับแนวโน้มของคุณสมบัติต่าง ๆ
ของธาตุในตารางธาตุครับ