-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
อยากรู้กันไหมคะว่าแต่ละวันในสัปดาห์
ภาษาอังกฤษ ชื่อของเค้ามาจากอะไร
-
ทำไมเป็น monday
ทำไมไม่เป็น moonday อย่างนี้นะคะ
-
คลิปนี้วิวจะมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ นี่เป็นแค่เกร็ดสนุกๆ
ไม่สามารถนำไปใช้สอบได้ใช่ไหมคะ
-
แต่ถ้าน้องๆคนไหนจะต้องสอบ ไม่ว่าจะเป็น
-
O-NET 9วิชาสามัญ GAT PAT
BMAT SATmath หรือแม้แต่กสพท.
-
Nestle School Channel เค้าฝากวิวมากระซิบค่ะว่า
-
เค้าเป็นแชนเนลที่มีขึ้นเพื่อติวสอบโดยเฉพาะเลยนะคะ
-
เนื้อหาตรงตามหลักสูตรกระทรวงเป๊ะๆๆๆ
-
ที่สำคัญนะคะ ใช้รุ่นพี่ระดับ
ท็อปประเทศเป็นคนติวเลยค่ะ
-
และมีการเฉลยข้อสอบละเอียดยิบเลยนะ ทุกวิชาเลย
-
ดังนั้นอย่าลืมเข้าไปดูกันนะคะ
-
ส่วนใครที่เข้าไปดูแล้ว
อย่าลืมกด subscribe กันนะคะ
-
จะได้ไม่พลาดเลยเวลาที่ต้องติวสอบค่ะ
-
และเหมือนว่าเค้าจะมีเป็นแอปด้วยเนอะ
-
ลองดูกันได้ค่ะ
-
เอาล่ะ จบเรื่องที่เค้าฝากมาบอกแล้วนะคะทุกคน
-
แล้วก็เปลี่ยนชุดให้เห็นกันชัดๆ
ไปเลยว่าถ่ายคนละวันน่ะนะ
-
ช่างมันเถอะค่ะทุกคน อย่าสนใจชุดวิวเลยเนอะ
-
สนใจเรื่องที่วิวจะพูดดีกว่าค่ะ
-
คือช่วงนี้เนี่ยนะคะ วิวยังค่อนข้างอินกับ
เรื่องวัน เรื่องเวลา เรื่องที่มาของคำอยู่ค่ะ
-
จากเดิมที่เราเคยทำคลิปเรื่อง
ทำไมวันปีใหม่ต้องเป็น 1 มกราคม
-
กับ ทำไมเราต้องหยุดเสาร์อาทิตย์ ไป
-
เราก็พูดถึงปฏิทิน พูดถึงการจัดเวลา
อะไรกันไปเยอะแยะมากมายเลยใช่ไหมคะ
-
ทีนี้ก็ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่ยัง
คาใจของวิวอยู่ค่ะก็คือ
-
ชื่อวันต่างๆในสัปดาห์มีที่มาจากที่ไหน
-
ทำไมชื่อวันของแต่ละประเทศในโลก
ที่มันดูแบบคนละอารยธรรมกันเลย
-
มันยังดูแปลออกมาแล้วยังเกี่ยวกันอยู่
-
เช่น วันจันทร์ ก็จันทร์ พระจันทร์ใช่ไหม
-
แล้วทำไมภาษาอังกฤษมันก็เป็น monday
-
mon ก็ดูคล้ายๆ moon นะ
ใช่คำเดียวกันรึเปล่า
-
หรือว่าถ้าสมมติว่าไปเรียนภาษาญี่ปุ่น
-
gestuyobi
-
getsu ก็แปลว่าพระจันทร์นี่หน่า
-
ทำไมวันจันทร์มันถึงเป็น
พระจันทร์หมดเลย อะไรอย่างนี้นะคะ
-
ดังนั้นวิวก็เลยไปหาคำตอบ
มาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วค่ะ
-
แต่ตอนนี้นะคะอย่าลืมกดติดตามวิว
ให้ครบทุกช่องทางก่อนค่ะ
-
เพราะว่าแต่ละช่องทางนี่
เนื้อหาไม่เหมือนกันเลยนะคะทุกคน
-
หลายคนยังไม่รู้ว่าวิวมี Instagram ด้วยนะคะ
-
เอาล่ะ เลิกโฆษณาได้แล้วค่ะ
-
ตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง
สนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
-
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงชื่อวันภาษาอื่นกันนะคะ
เรามาเริ่มจากภาษาไทยของเราก่อนเลยค่ะ
-
คงไม่ต้องไล่เรียงให้ฟังนะคะว่า
ชื่อวันภาษาไทยมีชื่ออะไรบ้าง
-
เพราะเราก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วอะนะ
เรียนตั้งแต่อนุบาลแล้ว
-
อย่างไรก็ตามค่ะ ชื่อวันภาษาไทยเนี่ย
-
มีที่มาจากอินเดียค่ะ
-
คือเราได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียนะคะ โดยที่
-
เราตั้งชื่อวันตามดาวนพเคราะห์ค่ะ
-
ดาวนพเคราะห์นี่ก็คือดาวเคราะห์ที่มีเทพประจำอยู่
-
ที่เราเชื่อว่าส่งผลอะไรต่อชีวิตเรา อย่างนี้ใช่ไหมคะ
-
ซึ่งชื่อก็บอกว่านพเคราะห์ค่ะ
-
นพ แปลว่า เก้า
-
เอ้า มีเก้าดวง เก้าองค์ แล้ววันมีแค่เจ็ด
-
แล้วพระราหูกับพระเกตุหายไปไหนนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าดาวนพเคราะห์ของเราเนี่ยค่ะ
เค้ามีความเชื่อเรื่องเลขประจำวันอยู่ค่ะ
-
ก็จะไล่ไปตั้งแต่พระอาทิตย์เป็นหมายเลขหนึ่ง
-
พระจันทร์เป็นหมายเลขสอง สาม สี่ ห้า
จนไปถึงหมายเลขเจ็ด ก็คือพระเสาร์นั่นเอง
-
ดังนั้นนะคะตอนที่เค้าตั้งชื่อวันเนี่ย
-
เค้าก็เลยเอาชื่อเทพนพเคราะห์ที่มี
-
หมายเลขประจำวันตั้งแต่
หมายเลขหนึ่งถึงหมายเลขเจ็ด
-
ก็คือพระอาทิตย์จนถึงพระเสาร์เนี่ยมาตั้งชื่อวันค่ะ
-
ส่วนพระราหูกับพระเกตุนะคะ
-
หมายเลขแปดกับหมายเลขเก้า
นี่ก็หลุดไปอย่างน่าเสียดายค่ะ
-
ทีนี้เอาจริงๆทุกคนรู้แหละว่าแต่ละวันชื่ออะไรบ้าง
-
แต่ว่ารู้กันไหมคะว่าแต่ละวันในสัปดาห์ของเรา
ภาษาไทยเราเนี่ย แปลว่าอะไรนะคะ
-
เรามาแปลทีละวันกันดีกว่าค่ะ
-
วันแรกนะคะก็คือวันอาทิตย์นั่นเอง
-
อันนี้ชัดเจนนะคะ มาจากภาษาสันสกฤตคำว่า Aditya
-
ก็คือพระอาทิตย์นั่นเอง
-
ส่วนวันที่สองตรงตัวเช่นกันค่ะ
-
วันจันทร์ก็คือมาจาก Candra
หรือว่าพระจันทร์นั่นเองนะคะ
-
ตรงตัวมาก ไม่รู้จะแปลทำไม
-
แต่มันมีเหตุผลที่ต้องแปลค่ะ เพราะว่า
-
วันที่สามของเราเนี่ย วันอังคารใช่ไหมคะ
-
วันอังคารเนี่ยมาจากภาษาสันสกฤตคำว่า Angara
-
อังคาระ อังการะ อะไรประมาณนี้
-
ซึ่งวิวไม่เป๊ะภาษาสันสกฤตขนาดนั้นนะ
-
ซึ่งคำว่าอังคารในภาษาสันสกฤตเนี่ยนะคะ
-
แปลว่าเถ้าถ่านหรือถ่านที่ติดไฟอยู่ค่ะ
-
ก็เค้าจินตนาการดาวอังคารกันน่ะ
-
เป็นแบบดาวสีแดงๆ น่าจะเป็นถ่านไฟ
ที่ลุกจนก้อนแดงอะไรอย่างนี้อยู่นะคะ
-
ซึ่งตรงนี้
-
นี่คือสาเหตุที่ทำให้เวลาคนที่เรารักเสียไป
เราจะต้องไปลอยอังคารค่ะ
-
อังคารในทีนี้คือคำเดียวกันนะคะ
-
เค้าหมายถึงเถ้าถ่านที่เกิดจาก
การเผาไหม้กระดูกของคนนั่นเองค่ะ
-
ส่วนวันพุธนี่ก็คือพุธ หมายถึงผู้ทรงความรู้นะคะ
-
ก็หมายถึงพระพุธอะนะ
-
อาจจะไม่ได้หมายถึงพระพุทธเจ้านะจ๊ะทุกคน
-
ส่วนวันพฤหัสเนี่ยนะคะก็มาจากภาษาสันสกฤต
-
คำว่า Brhaspati นะคะก็คือ
-
พระพฤหัสบดีผู้เป็นครูของเหล่าเทพทั้งหลายค่ะ
-
และวันศุกร์นะคะก็มาจาก
พระศุกร์นั่นเอง อันนี้ชัดเจนนะ
-
เค้าหมายถึงผู้มีบุญ ผู้สุกสว่าง อะไรประมาณนี้
-
ซึ่งถ้าตามตำนานเทพนพเคราะห์เนี่ย
-
พระศุกร์ก็จะเป็นอาจารย์ของ
เหล่าอสูรทั้งหลายใช่ไหมคะ
-
และวันเสาร์นี่ก็คือพระเสาร์นะคะ
หมายถึงฟากฟ้า หมายถึงสวรรค์ อะไรประมาณนี้
-
นี่ก็คือชื่อวันของไทยที่ตั้งตามชื่อเทพนพเคราะห์นะคะ
-
ซึ่งถ้ามีโอกาส เดี๋ยวไว้เล่าเรื่อง
เทพนพเคราะห์ให้ฟังค่ะ
-
ทีนี้เราบอกว่าเรารับมาจากอินเดีย
แล้วถามว่าอินเดียเรียกชื่อวันเหมือนเรารึเปล่า
-
เราสามารถเดินไปหาคนอินเดียแล้วบอกว่า
-
เฮ้ย วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ อย่างนี้ได้รึเปล่า
-
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้นะคะ
-
ถึงจะเป็นเทพองค์เดียวกัน
ถึงจะมาจากภาษาสันสกฤต
-
แต่ว่าในอินเดียเค้าใช้ชื่อแตกต่างกันไปค่ะ
-
ชื่อของอินเดียก็จะใช้ตามนี้ค่ะ
-
อ่านดูเผินๆอาจจะไม่ค่อยเหมือนของไทย
แต่ว่าถ้าไปแปลจริงๆก็จะเห็นว่าเหมือนนะ
-
อย่าง Somavar วันจันทร์เนี่ย
Soma ก็แปลว่าพระจันทร์
-
Ravivar วันอาทิตย์
Ravi ก็คือพระอาทิตย์นั่นเองนะคะ
-
ส่วนวันพฤหัสนี่ก็เป็น Guruvar
-
Guru ก็คือครู
-
ครูก็คือครูของเหล่าเทพที่วิวเล่าไปว่า
พระพฤหัสเป็นครูของเหล่าเทพนั่นเองค่ะ
-
ประมาณนี้เลย เราจะไม่ไปเจาะลึก
ที่ไทยกับอินเดียเท่าไหร่
-
นี่ขนาดบอกว่าไม่เจาะลึกนะคะ
ปาไปกี่นาทีแล้วเนี่ยทุกคน
-
ยาวมากนะ
-
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าวิวนอกเรื่องนะคะ
-
เดี๋ยวเรื่องนี้มันจะกลับมาเกี่ยวกันตอนสุดท้ายค่ะ
-
เรากลับไปที่ประเด็นหลักของคลิปนี้ดีกว่า
ก็คือเรื่อง ชื่อวันภาษาอังกฤษนะคะ
-
เราทุกคนรู้แหละว่าชื่อวันภาษาอังกฤษไล่ตั้งแต่
-
Sunday Monday Tuesday Wednesday
-
Thursday Friday แล้วก็ Saturday เนี่ยนะคะ
-
อยากรู้ไหมว่าแต่ละวันเนี่ย
มีที่มาจากอะไรและแปลว่าอะไรค่ะ
-
อะ ชื่อวันมีคำแปลนะคะทุกคน
-
ถ้าเราจะดูที่มาของชื่อวันภาษาอังกฤษเนี่ยนะคะ
-
เราต้องดูย้อนกลับไปไกลแสนไกลค่ะ
-
ในสมัยบาบิโลเนียนะคะ
-
จำกันได้ไหมคะที่วิวเคยเล่าไปตอนพวกกำเนิดปฏิทิน
-
ในตอนที่เล่าเรื่อง 1 มกรา
-
กับตอนที่เล่าเรื่องว่า
ทำไมสัปดาห์นึงมีเจ็ดวัน
-
ว่าชาวบาบิโลเนียเป็นชาติแรกๆในโลกเลย
ที่แบ่งสัปดาห์นึงออกเป็นทั้งหมดเจ็ดวันค่ะ
-
ซึ่งแน่นอนว่าพอมีการแบ่งออกมาแล้วเนี่ย
-
เค้าก็จะต้องมีการตั้งชื่อวันของเค้าใช่ไหมคะ
-
ถามว่าชาวบาบิโลเนียตั้งตามอะไร
-
แน่นอนว่าเค้าก็ต้องตั้งตาม
ชื่อเทพเจ้าของเค้านี่แหละค่ะ
-
ซึ่งเทพเจ้าของชาวบาบิโลเนียเนี่ยนะคะ
เค้าก็จะตั้งชื่อตามชื่อดาวเคราะห์นี่แหละค่ะ
-
คือเค้ามองขึ้นไปบนฟ้า
เห็นดาวต่างๆ ดาวเคราะห์นู้นนี้นั้น
-
อ๊ะ วันนี้ดาวนี้ขึ้นเห็นชัด
วันนี้ดาวนี้ขึ้นเด่นชัด
-
อ้าว วันนี้พระจันทร์ วันนี้พระอาทิตย์
-
สุดท้ายเค้าก็เลยเลือกดาวเคราะห์
มาได้ทั้งหมดเจ็ดดวงด้วยกันค่ะ
-
โดยที่เค้านับพระจันทร์เป็นดาวเคราะห์ด้วยนะ
-
แล้วก็ตั้งชื่อเทพให้กับดาวเหล่านั้น
แล้วก็เอามาใช้เป็นชื่อวันด้วยค่ะ
-
ซึ่งคอนเซ็ปต์นี้ ชาวบาบิโลเนียไม่ได้เก็บไว้คนเดียวค่ะ
-
พอมีอีกอารยธรรมขึ้นมาเนี่ย บางทีมันก็ส่งต่อ
อารยธรรมซึ่งกันและกันได้ใช่ไหมคะ
-
ดังนั้นเมื่อชาวกรีกเห็นชาวบาบิโลเนีย
เรียกวันต่างๆในสัปดาห์ว่าแบบนั้น
-
ชาวกรีกก็เลยรู้สึกว่าแบบ
เฮ้ย น่าสนใจ เอาบ้างดีกว่าค่ะ
-
ชาวกรีกก็เลยหันมาตั้งชื่อวันของตัวเองนะคะ
ตามเทพเจ้าเหมือนกัน
-
แต่ชาวกรีกนี่มีเทพเจ้าของตัวเอง
-
จะไปใช้ชื่อเทพเจ้าของชาวบาบิโลเนีย
มันก็เสียฟอร์มใช่ไหม
-
ดังนั้นค่ะ ชาวกรีกก็เลยตั้งชื่อวัน
ตามเทพเจ้าของตัวเองนะคะ
-
แต่ชื่อของกรีกมันจะต้องไม่เหมือนไทยแน่นอน
-
ชื่อของกรีก เทพประจำดวงดาวเหล่านั้นก็คือ
-
หนึ่ง Helios นะคะ
-
Helios นี่คือเทพแห่งพระอาทิตย์ของกรีกเนอะ
-
แล้วก็ไล่มาที่พระจันทร์ค่ะ
พระจันทร์นี่คือ Selene นะคะ
-
Selene นี่ถ้าใครคุ้นๆ
Selene Serene อะไรอย่างนี้
-
ใครดู Sailor Moon น่าจะคุ้นกันดี
-
Queen Serenity นะคะก็ชื่อมาจาก
เทพแห่งพระจันทร์ของกรีกนี่แหละค่ะ
-
ส่วนถัดไปนะคะวันอังคารของชาวกรีกเนี่ย
-
เค้าก็ตั้งชื่อตาม Ares หรือว่า
เทพเจ้าแห่งสงครามนั่นเองค่ะ
-
และวันพุธเนี่ยนะคะ ชาวกรีกยกให้ Hermes ค่ะ
-
หรือว่าเทพแห่งการสื่อสารนะ
-
ส่วนวันพฤหัสเนี่ยนะคะ
ถือว่าเป็นจอมเทพเลยเพราะว่า
-
ชาวกรีกยกวันนี้ให้กับ Zeus นั่นเองค่ะ
-
และวันศุกร์เนี่ยนะคะ
-
นึกภาพดาวศุกร์ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ
ความงาม ความรักอะไรแบบนี้ใช่ไหมคะ
-
ดังนั้นชาวกรีกยกวันนี้ให้กับ Aphrodite ค่ะ
หรือว่าเทพแห่งความรักนั่นเอง
-
และสุดท้ายวันเสาร์เนี่ยนะคะ
ชาวกรีกก็ยกวันนี้ให้กับ Kronos ค่ะ
-
หรือว่าเทพแห่งกาลเวลาแล้วก็
เทพแห่งการเพาะปลูกของเค้านะคะ
-
ทีนี้แน่นอนว่าพอไอเดียนี้แพร่ไปถึงกรีกแล้ว
ก็ต้องมีอีกชนชาตินึงค่ะที่ได้รับไอเดียนี้ไป
-
ก็คือชนชาติที่เอาแทบทุกอย่างมาจากกรีก
แล้วมาแปลงเป็นของตัวเองนั่นแหละค่ะ
-
ชนชาตินั้นก็คือพวกชาวโรมันนะคะ
-
ซึ่งชาวโรมันก็เหมือนกับชาวกรีกแหละ
เห็นชาวกรีกใช้อยู่ รับของเค้ามาแหละ
-
แต่จะไปใช้ชื่อตามเค้าก็รู้สึกว่าแบบ
เสียศักดิ์ศรีอะ เหมือนเป็นเมืองขึ้นเลย
-
ชั้นตั้งชื่อตามเทพของชั้นเองดีกว่า
ซึ่งก็แค่แปลมานิดหน่อยอะนะ
-
ดังนั้นชาวโรมันนะคะในช่วงศตวรรษที่ 1-3 เนี่ย
-
จำกันได้ใช่ไหมที่วิวเคยเล่าไปว่า
มันมีการเปลี่ยนแปลง
-
จากสัปดาห์นึงมีแปดวันให้เหลือเจ็ดวัน
-
เพราะได้รับอิทธิพลจากกรีก
แล้วก็บาบิโลเนียเนี่ยแหละค่ะ
-
ชาวโรมันก็เลยตั้งชื่อวันนะคะตามเทพเจ้า
ของตัวเองทั้งหมดเจ็ดองค์ด้วยกันค่ะ
-
โดยไล่ดังนี้
-
แอบกระซิบนิดนึงนะ ทั้งกรีกและโรมันนี่
วิวทำให้เป็นภาษาสมัยใหม่เนอะ
-
อาจจะไม่ใช่ภาษาละตินสมัยนั้น
หรือภาษากรีกสมัยนั้น
-
เพราะว่าวิวอ่านไม่ออกนะคะ
แต่ว่าขึ้นไว้ให้แถวนี้แล้ว
-
ถ้าใครออกเสียงได้ก็คอมเมนต์ได้นะคะ
-
อะ กลับมาที่เรื่องของเราต่อค่ะ
-
ทีนี้ชาวโรมันตั้งชื่อวันต่างๆตามเทพยังไงบ้าง
-
วันแรกนะคะ เราคุ้นเคยกับเทพแห่ง
พระอาทิตย์ของโรมันได้แก่ Apollo
-
กับน้องสาวของเค้าที่ชื่อว่า Diana
ที่เป็นเทพแห่งดวงจันทร์ใช่ไหมคะ
-
แต่ Apollo กับ Diana นี่จริงๆ
เป็นคอนเซ็ปต์ที่มาในยุคหลังค่ะ
-
ในยุคแรกๆสุดๆเลยนะคะ
-
เทพแห่งพระอาทิตย์กับ
เทพแห่งพระจันทร์ของโรมัน
-
ก็ได้รับอิทธิพลมาจากกรีกนี่แหละค่ะ
-
ก็ชื่อเทพที่ชื่อว่า Sol
-
Sol ไม่แน่ใจว่าออกเสียงว่ายังไงนะคะ
-
อันนี้คือเทพแห่งพระอาทิตย์เนอะ
-
ก็เลยเอามาตั้งชื่อเป็นวันอาทิตย์ค่ะ
-
ก็เหมือนศัพท์คำว่า Solar อะไรแบบนี้
ที่เราพูดถึงพระอาทิตย์ คำเดียวกันนี่แหละค่ะ
-
ส่วนวันจันทร์เนี่ยนะคะ แน่นอนว่า
พระจันทร์ก็จะต้องไม่ใช่ Diana ใช่ไหม
-
เพราะว่าไม่ได้มาคู่กัน
-
คนที่มาคู่กับ Sol นะคะก็คือ
-
Luna นั่นเอง
-
Luna ที่แปลว่าพระจันทร์นั่นเองนะคะ
-
ถัดไปค่ะวันอังคาร
-
ถามว่าวันอังคารของชาวโรมัน
ยกให้กับเทพองค์ไหนนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าเค้ายกให้กับเทพ Mars
หรือว่าเทพแห่งสงครามนั่นเองค่ะ
-
และถัดไปนะคะ วันพุธเนี่ยเค้าก็
ยกให้กับเทพ Mercury นั่นเองค่ะ
-
ส่วนวันพฤหัสนะคะก็ยังเป็นของจอมเทพอยู่ค่ะ
-
ก็คือ Jupiter นั่นเอง
-
และวันศุกร์ก็ยังเป็นของเทพแห่งความรักนะคะ
-
แต่ว่าเปลี่ยนจาก Aphrodite เป็น Venus เนอะ
-
ก็เทพองค์เดียวกันนี่แหละ
-
ส่วนวันเสาร์วันสุดท้ายเนี่ยนะคะ
ก็ยกให้กับ Saturn นั่นเองค่ะ
-
ปรากฏว่าไอเดียนี้นะคะ ในอาณาจักรโรมัน
ก็ใช้กันอย่างแพร่หลายมากๆค่ะ
-
และอาณาจักรโรมันในยุคนั้นเป็นยุคที่
-
เรียกได้ว่ามีอำนาจมากๆนะคะ
-
ดังนั้นไอเดียนี้ก็เลยแพร่กระจายไปทั่วโลกเลยค่ะ
-
คือแพร่จากอาณาจักรโรมันไปจนถึงอินเดียแล้วก็จีนค่ะ
-
ชาวอินเดียกับชาวจีนก็เลยรับอิทธิพล
-
การเรียกชื่อวันตามเทพเจ้าแบบนี้จากโรมันไปนะคะ
-
อย่างไรก็ตาม ช่างฝั่งเอเชียก่อนนะคะ
เราตัดกลับมาที่อาณาจักรโรมันของเราค่ะ
-
นอกจากแพร่ให้ชาวบ้านแล้วเนี่ย
ปรากฏว่าตัวเองก็ไม่ได้อยู่นิ่งนะคะ
-
เพราะว่าในช่วงศตวรรษที่ 4 ค่ะ
-
เกิดเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์นึงขึ้นก็คือ
-
ในอาณาจักรโรมันเนี่ย มีจักรพรรดิองค์แรก
ของอาณาจักรโรมันที่นับถือศาสนาใหม่
-
คือไม่ได้นับถือเทพเจ้าโรมัน
-
แต่ว่านับถือศาสนาคริสต์ค่ะ
-
นั่นก็คือจักรพรรดิคอนสแตนตินนั่นเอง
-
ดังนั้นคอนสแตนตินก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนวันค่ะ
-
คือตอนแรกเวลานับสัปดาห์ที่วิว
เอาพระอาทิตย์ขึ้นมาก่อนตลอด
-
จริงๆไม่ใช่นะคะ
-
ชาวโรมันแต่เดิม วันแรกของสัปดาห์คือวันเสาร์ค่ะ
-
แต่เมื่อจักรพรรดิคอนสแตนติน
หันมานับถือศาสนาคริสต์นะคะ
-
เค้าก็รู้สึกว่าแบบเฮ้ย ไม่ได้
วันอาทิตย์คือวันที่สำคัญที่สุดของสัปดาห์
-
เพราะว่านี่คือวันที่หยุดพักของพระเจ้า
-
เป็นวันที่เราต้องไปเข้าโบสถ์อะไรต่างๆ
-
ดังนั้นจักรพรรดิคอนสแตนตินนะคะ
-
ก็เลยเปลี่ยนวันแรกของสัปดาห์ให้เป็นวันอาทิตย์ค่ะ
-
เอาล่ะ หลังจากโอ้เอ้มานานนะคะ
ตอนนี้เราจะผ่านไปอย่างรวดเร็วค่ะ
-
เพราะว่าหลังจากที่อาณาจักรโรมันยึดครอง
อำนาจในยุโรปมานานแสนนานค่ะ
-
ปรากฏว่าแน่นอนว่าทุกอย่าง
มีเกิดขึ้นก็ต้องมีเสื่อมไปค่ะ
-
อาณาจักรโรมันก็ค่อยๆเสื่อมอำนาจลง
เสื่อมอำนาจลง เสื่อมอำนาจลงค่ะ
-
ส่งผลให้ในยุโรปเนี่ยนะคะ เกิดการ
แบ่งพรรคแบ่งพวกเป็นสองฝ่ายด้วยกันค่ะ
-
คือไม่ได้แบ่งจริงๆถึงขนาดตีกันนะแต่ว่า
-
มันก็แบ่งกันค่อนข้างชัดอยู่
-
คือแบ่งเป็นพวกประเทศที่
ยังใช้ภาษาของชาวโรมันอยู่
-
ก็คือพวกที่ใช้ภาษาละตินค่ะ
-
กับอีกพวกเนี่ยนะคะก็เป็น
กลุ่มคนที่ใช้อีกภาษานึงนะคะ
-
ก็คือพวก Northern Germanic นะคะ
-
หรือพวกใช้ภาษา Germanic นั่นเอง
ที่มาจากภาคเหนือเนอะ
-
ทีนี้แน่นอนว่าพอมีกลุ่มคนใหม่เข้ามา
ก็เหมือนเดิมค่ะ แพตเทิร์นเดิมเลยคือ
-
กลุ่มคนใหม่ พวก Germanic เนี่ย
-
ก็ได้รับอิทธิพลจากชาวโรมันนะคะ
-
เอาการตั้งชื่อวันในภาษาละตินของชาวโรมันไป
-
แต่จะเอาไปหมดเนี่ยมันก็เสียศักดิ์ศรี
ชั้นก็มีเทพของชั้นเหมือนกัน
-
แล้วเทพของชั้นเนี่ยแตกต่างจากเทพของแกด้วยนะ
-
ดังนั้นนะคะชาว Germanic ก็เลย
มีการเอาเทพของตัวเองเนี่ย
-
เข้าไปตั้งชื่อวันแทนที่เทพของชาวโรมันค่ะ
-
แต่ไม่ได้เอาไปทั้งหมดนะ เพราะว่า
การตั้งชื่อวันของชาวโรมันนั้นฮิตมากจริงๆ
-
ดังนั้นก็เลยเหลือไว้ให้ทั้งหมดสามวันค่ะ
-
ส่วนอีกสี่วันในสัปดาห์เนี่ย
ยึดเป็นของเทพตัวเองไปนะคะ
-
แล้วถามว่าเทพของชาว Germanic นี่คือเทพกลุ่มไหน
-
ก็ต้องว่าเป็นเทพกลุ่มที่เราเริ่ม
คุ้นเคยกันมากขึ้นแล้วค่ะ นั่นก็คือ
-
เทพ Teutonic และเทพ Norse นั่นเอง
-
เทพนอร์สนี่หลายคนน่าจะคุ้นกันเพราะว่า
-
เป็นแฟนมาร์เวลใช่ไหม เหมือนวิว
-
ก็คือดูเรื่อง Thor มาก็จะรู้จัก Thor
รู้จัก Odin รู้จัก Loki อะไรต่างๆใช่ไหม
-
เดี๋ยวเรามาดูกันว่าพวกนี้
เกี่ยวข้องยังไงกับชื่อวันนะคะ
-
อย่างไรก็ตาม เราจะ fast forward ค่ะ
เลื่อนเวลาไปอย่างรวดเร็วนะคะ
-
ในที่สุดระยะเวลายุคกลางของยุโรปก็มาถึงค่ะ
-
ยุคกลางหรือว่ายุคมืดนั่นเอง
-
ยุคสมัยแห่งอัศวิน แห่งปราสาทอะไรต่างๆนะคะ
-
เรื่องราวที่กระทบกับชื่อวันของเราเกิดขึ้นในยุคนี้ค่ะ
-
คือในยุคนั้นเนี่ยนะคะ พวกชาว Germanic เนี่ย
มีกลุ่มนึงเป็นกลุ่มที่สำคัญมาก
-
นั่นก็คือกลุ่มที่ชื่อว่า Anglo-Saxon ค่ะ
-
คือพวกชาว Anglo-Saxon เนี่ยเข้าไปยึดพื้นที่ที่นึง
-
ซึ่งจะส่งผลต่อภาษาอังกฤษอย่างหนักเลยในทุกวันนี้
-
นั่นก็คือพื้นที่บริเวณเกาะ Britain หรือว่า
ที่ตั้งของสหราชอาณาจักรทุกวันนี้นั่นเองอะนะ
-
ดังนั้นนะคะ เมื่อพวก Anglo-Saxon
เข้าไปยึดพื้นที่บริเวณนั้นเนี่ย
-
ก็พาเอาภาษา Germanic เนี่ยเข้าไปด้วย
-
พอเอาภาษาเข้าไปก็ไม่ได้มีภาษาอย่างเดียวหรอก
-
ก็ต้องเอาการนับชื่อวันเข้าไปด้วยใช่ไหมคะ
-
และภาษาของชาว Anglo-Saxon ในตอนนั้นก็คือ
-
บรรพบุรุษของภาษาอังกฤษในทุกวันนี้นี่แหละค่ะ
-
ดังนั้นตอนนี้สรุปง่ายๆนะคะ เราก็น่าจะ
เห็นการเดินทางของชื่อวันแล้วแหละ
-
ว่าตั้งแต่ชาวบาบิโลเนียตั้งขึ้นมา
-
ชาวกรีกเอาเทพตัวเองไปแทน
-
ชาวโรมันเอาเทพตัวเองไปแทน
-
และหนึ่งในชาว Germanic ในสมัยนั้น
ก็คือพวก Anglo-Saxon เนี่ยก็พาเอาอิทธิพลนี้
-
เข้ามายังบริเวณที่เป็นประเทศอังกฤษ
หรือว่าสหราชอาณาจักรในปัจจุบันนี้
-
แล้วภาษาของเค้าก็จะส่งผลต่อ
Old English แล้วก็ Middle English
-
ที่เป็นบรรพบุรุษของภาษาอังกฤษ
ในทุกวันนี้นั่นเองค่ะ
-
ยาวนานมาก ยังไม่ได้แปลชื่อวันเลยนะทุกคน
-
ขอไม่ลงรายละเอียดเรื่อง
Old English กับ Middle English นะ
-
เพราะเดี๋ยวจะมึนเข้าไปอีกนะคะ
-
ดังนั้นหลังจากนอกเรื่องไปไกลนะคะ
เรากลับมาที่ประเด็นของเราดีกว่าว่า
-
ชื่อวันในภาษาอังกฤษแต่ละวัน
แปลว่าอะไรและมีที่มาจากอะไรค่ะ
-
แอบบอกตรงนี้นิดนึงนะคะว่า
เนื่องจากนี่คือภาษาอังกฤษเนอะ
-
ดังนั้นต้นตระกูลของมันก็จะมาจากภาษา Old English
-
ซึ่งวิวไม่ได้มีความรู้ขนาดนั้น
บางทีวิวอาจจะออกเสียงผิดอะไรบ้างนะคะ
-
อย่างไรก็ตามวิวจะลงคำอ่านไว้ให้นะคะ
-
ดังนั้นถ้าสมมติว่าใครอยากรู้วิธีออกเสียง
อะไรจริงๆก็ลองไปเสิร์ชดูได้ค่ะ
-
เริ่มจากวันแรกก่อนเลย
-
วันแรกนะคะก็คือวันอาทิตย์
หรือว่า Sunday นั่นเอง
-
อันนี้ชัดเจนว่าเป็นวันที่เค้า
เก็บมาจากชาวโรมันนะคะ
-
ไม่ได้เปลี่ยนจากภาษาละตินขนาดนั้น
-
เพราะว่า Sunday ก็คือ Day of the Sun นะคะ
-
ชัดเจนที่สุด
-
แต่อย่างไรก็ตามค่ะ เมื่อไปพิจารณา
ภาษาในยุโรปตอนนี้ก็จะเห็นว่า
-
มันแบ่งเป็นสองกลุ่มใช่ไหม
ที่บอกว่าเป็นกลุ่ม Germanic กับกลุ่มละติน
-
เอ้า ทำไมพวกชาวละติน
เค้าถึงไม่ใช้คำอะไรที่ขึ้นต้นด้วยตัว S
-
เหมือนพวก Sunday
เหมือนพวกอะไรอย่างนี้แล้ว
-
ก็ต้องบอกว่าหลังที่ส่งอิทธิพลให้คนอื่นไปเนี่ย ปึงๆๆๆ
-
ปรากฏว่าพวกชาวโรมันที่ใช้ภาษาละตินเนี่ย
-
ก็ได้รับอิทธิพลจากศาสนาคริสต์
ที่วิวเล่าให้ฟังไปใช่ไหมคะ
-
เค้าก็เลยเปลี่ยนวันนี้จากวันของพระอาทิตย์
เปลี่ยนเป็นวันของพระเจ้าค่ะ
-
ซึ่งในภาษาละตินเนี่ยเค้าจะเรียกวันนี้ว่า
Domenica นะคะ หรือว่า Day of God
-
ดังนั้นพวกประเทศที่ใช้ภาษาละตินเป็นรากนี่ก็จะใช้
-
ชื่อวันอาทิตย์เนี่ยขึ้นต้นด้วยตัว D
-
ทั้งหลายทั้งแหล่อย่างที่ขึ้นไว้ให้เห็นตรงนี้นะ
-
ก็จะแตกต่างจากพวกภาษาตระกูล Germanic นะคะ
-
อย่างไรก็ตาม ช่างมันค่ะ เดี๋ยวลึกไปนะ
-
ข้ามไปที่วันจันทร์ดีกว่าค่ะ
-
วันจันทร์นี่ก็เช่นเคยนะคะ Monday
-
Day of the Moon
-
ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ได้รับอิทธิพลมาจาก
โรมันโดยไม่ได้เปลี่ยนไปค่ะ
-
แต่ถามว่าเค้าเปลี่ยนจาก Luna มาเป็น Moon
-
จาก L มาเป็น M ได้ยังไงนะคะ
-
ก็ต้องบอกว่าฝั่งทาง Germanic เนี่ย
เค้าไม่ได้เรียกพระจันทร์ว่า Luna ค่ะ
-
เค้าเรียกพระจันทร์ว่า Mani นะคะ
ไม่แน่ใจวิธีออกเสียงนะ
-
ดังนั้นมันก็เลยกลายมาเป็น
Moon ในทุกวันนี้นี่แหละค่ะ
-
ถัดไปอย่างรวดเร็วนะคะ ไปที่วันอังคารค่ะ
-
วันอังคารจะเป็นวันแรกเลยค่ะ
ที่เค้าเอาเทพของกรีกโรมันทิ้งไปเลย
-
แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นเทพของตัวเองค่ะ
-
เค้าบอกว่าอะ ชาวละตินใช้ Mars ใช่ไหม
-
Mars เป็นเทพแห่งสงคราม
-
เราก็มีเทพแห่งสงคราม
ของเราเหมือนกัน ของนอร์สเนี่ย
-
ดังนั้นเค้าก็เลยเปลี่ยนเอา Mars ออกค่ะ
-
แล้วก็เปลี่ยนวันอังคารหรือว่า Tuesday เนี่ย
-
เป็นชื่อของเทพ Tyr นะคะ
-
ซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามของนอร์สเนอะ
-
ซึ่งชื่อเทพ Tyr ของชาวนอร์สเนี่ยนะคะ
-
เมื่อเปลี่ยนเป็นภาษา Germanic เนี่ย
เค้าจะเรียกเทพองค์นี้ว่า Tiu ค่ะ
-
ดังนั้น Tuesday ก็คือ Day of Tiu
-
หรือว่าวันของเทพเจ้า Tyr นั่นเองค่ะ
-
ถัดไปนะคะที่ Wednesday หรือว่าวันพุธ
-
วันพุธนี่ถ้าพูดถึงกรีกโรมันก็จะเป็น
เทพเจ้าแห่งการสื่อสารอะไรต่างๆใช่ไหม
-
แต่พวกชาว Germanic นะคะบอกว่า
ไม่อะ วันนี้ชั้นไม่อยากสื่อสารกับใคร
-
ชั้นอยากยกวันพุธให้กับมหาเทพสูงสุดของชั้น
-
ดังนั้นมหาเทพสูงสุดของชาวนอร์สคืออะไรคะทุกคน
-
ทุกคนรู้อยู่แล้วแหละ
พ่อของ Thor นั่นก็คือ Odin นั่นเองค่ะ
-
แต่ Wednesday มันก็ไม่ใช่ Odin's Day นี่หน่า
-
ก็ต้องว่า Odin เนี่ยเป็นภาษาของชาวนอร์ส
-
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น Germanic เนี่ย
-
เค้าจะเรียก Odin ว่า Woden ค่ะ
-
Woden Odin คล้ายๆกันเนอะ
-
ดังนั้น Wednesday นะคะก็คือ Woden's Day
-
ที่เพี้ยนมาเรื่อยๆจาก Germanic
-
เปลี่ยนมาเป็น Old English
เปลี่ยนมาเป็นอะไรต่างๆนี่แหละค่ะ
-
ทีนี้ถัดไปที่วัน Thursday หรือวันพฤหัสนะคะ
-
ถามว่า Thursday เนี่ยเป็นวันของใคร
-
ใครที่เคยดู Thor ภาคหนึ่งก็จะรู้นะว่า
Thursday ก็คือ Thor's Day นะคะ
-
แล้วมันมาเป็น Thor's ได้ยังไง
-
ก็ต้องบอกว่าจากเดิม Thursday เนี่ย
เป็นวันของเทพ Jupiter ใช่ไหม
-
ซึ่งเป็นเทพที่สำคัญที่สุดของชาวโรมัน
-
ดังนั้นค่ะสำหรับชาวนอร์ส
แม้ว่า Odin จะเป็นเทพสูงสุด
-
แต่เทพที่ได้รับความนิยมสูงสุดเนี่ย
ดันเป็น Thor ใช่ไหม
-
เค้าก็เลยยกวันนี้ให้กับ Thor
หรือว่าเทพเจ้าแห่งสายฟ้านั่นเองค่ะ
-
ทีนี้ไปที่ Friday ของเรานะคะ
-
Friday เนี่ยจากเดิมเป็นของเทพ Venus ใช่ไหมคะ
-
เทพแห่งความรัก
-
แน่นอนว่าชาวนอร์สก็มีของตัวเองเหมือนกันค่ะ
-
เทพแห่งความรักของชาวนอร์สเนี่ยก็คือ
Frigg หรือว่า Freya นั่นเองนะคะ
-
ดังนั้นวันศุกร์ก็เลยกลายเป็น Freya's Day
หรือว่า Friday ในที่สุดค่ะ
-
และในที่สุดเราก็มาถึงวันสุดท้าย
ของสัปดาห์อย่างรวดเร็วนะคะ
-
นั่นก็คือ Saturday นั่นเอง
-
ซึ่ง Saturday ก็ชัดเจนนะว่ายังมาจาก
เทพ Saturn ของชาวโรมันอยู่
-
คือชาว Germanic ไม่ได้ไปเปลี่ยน
อะไรของเค้ามากมายค่ะ
-
เป็นไงบ้างคะ นี่คือคำแปลของ
ชื่อวันในสัปดาห์ทั้งเจ็ดนะคะ
-
เกริ่นอย่างยาวนาน แปลแป๊บเดียวเอง
-
จะเห็นว่าหลายๆวันแปลคล้ายๆกับของเราเลย
-
แต่บางวันก็ดูแปลแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงนะคะ
-
เพราะว่าอะไร
-
เพราะว่าอย่างที่วิวเล่าไปนั่นแหละว่า
-
เราไปรับอิทธิพลจากโรมันไง
ก่อนที่โรมันจะส่งอิทธิพลไปทาง Germanic
-
ดังนั้นเรารับก่อนที่เค้าจะแตกไปอีกแขนงนึงนะ
-
ดังนั้นมันก็เลยมีบางส่วนที่ยังเหมือนกันอยู่
แล้วก็มีบางส่วนที่แตกต่างกันไปนั่นเองค่ะ
-
เป็นไงบ้างคะ นี่แหละเรื่องราวที่วิวอยากให้ทุกคนเห็นค่ะ
-
คือเรื่องการแปลมันเป็นอะไรที่นิดๆหน่อยๆ
ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น
-
แต่ส่วนที่สนุกกว่าก็คือ
การเดินทางของภาษานั่นเอง
-
ซึ่งถ้าแค่โยงภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ
เข้าด้วยกันแล้วยังสนุกไม่พอนะ
-
หลายคนที่มีโอกาสได้เรียนภาษาญี่ปุ่น
และภาษาจีนก็น่าจะรู้ว่า
-
เฮ้ย มันเกี่ยวข้องกันเข้าไปอีก
-
คือภาษาจีนนี่อาจจะไม่ได้เกี่ยว
ขนาดนั้นแล้วในปัจจุบันเพราะว่า
-
จีนไม่ได้ใช้วิธีการนับเหมือน
ในสมัยราชวงศ์ชิงแล้วนะคะ
-
จีนปัจจุบันนับวันก็ Xingqi yi, Xingqi er, Xingqi san
-
ก็คือวันที่หนึ่ง วันที่สอง วันที่สามของสัปดาห์
เพื่อความง่ายใช่ไหมคะ
-
เพราะแม้ว่าชาวจีนจะได้รับอิทธิพลจากโรมันเนี่ย
-
แต่ว่าชาวจีนเค้าก็เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้ใช้แบบเดิม
เหมือนในสมัยราชวงศ์ชิงแล้วใช่ไหม
-
แต่อย่างไรก็ตามนะคะ ก่อนที่จีนจะล้มล้างตัวเอง
เลิก เปลี่ยน ไม่ใช้แล้วเนี่ย
-
จีนก็ยังมีโอกาสแพร่กระจายความเชื่อนี้ค่ะ
-
ไปยังญี่ปุ่นแล้วก็เกาหลีนะคะ
-
ตัวภาษาเกาหลีเนี่ย วิวไม่รู้ภาษาเกาหลี
ดังนั้นขออนุญาตไม่พูดถึงเนอะ
-
แต่ภาษาญี่ปุ่น ถ้าใครรู้ภาษาญี่ปุ่นจะเห็นว่า
-
ในบางวันเนี่ยนะคะก็ยังมีความเกี่ยวพันกันอยู่
-
เอ๊ะ ทำไมมันแปลเหมือนๆกัน
-
เช่น วันจันทร์ของชาวญี่ปุ่นนะคะ
เราก็จะเรียกวันนั้นว่า Getsuyobi
-
Getsu แปลว่าอะไร
-
Getsunova รู้จักกันใช่ไหม
-
Getsu แปลว่าพระจันทร์
-
อ้าว วันจันทร์ก็พูดถึงพระจันทร์เหมือนกันเลย
-
หรือว่าวันอังคารเราก็พูดถึง Kayobi ใช่ไหม
-
Ka แปลว่าไฟ
-
เอ๊ วันอังคารของเราก็พูดถึงถ่านติดไฟ
-
เออ มันก็มีความเกี่ยวพันอะไรกันอยู่
ประมาณนี้แหละค่ะ
-
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะคะทุกคน
มันก็มีที่มาที่ไปอย่างที่เล่ามาทั้งหมดนี่ล่ะค่ะ
-
เป็นไงบ้าง เป็นอีกหนึ่งคลิปที่
-
เรียกได้ว่าเนื้อหาเข้มข้นมากๆจริงๆนะคะ มึนกันไหม
-
ถ้าสมมติใครชื่นชอบให้วิวเอาอะไรแบบนี้มาเล่าอีก
-
ก็อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
-
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ
-
เอาจริงๆนะคะทุกคน คลิปนี้เราพูดถึง
ภาษาต่างๆมากมาย
-
และภาษาทั้งในฝั่งตะวันตก
พวกภาษาตระกูลละตินทั้งหลาย
-
ภาษาสเปน ภาษาอะไรต่างๆเนี่ย
-
รวมไปถึงภาษาฝั่งตะวันออกอย่าง
พวกญี่ปุ่น จีน เกาหลีอะไรเนี่ย
-
มันก็เกี่ยวพันกันไปหมด
-
ดังนั้นเชื่อว่าคนที่ติดตามวิวเนี่ย
น่าจะรู้ภาษาต่างๆมากกว่าวิวเยอะค่ะ
-
ถ้าสมมติว่าใครมีอะไรอยากพิมพ์คุยกันก็
พิมพ์คุยกันมาด้านล่างได้นะคะ
-
ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กันนะคะทุกคน
-
วันนี้ลาไปก่อนค่ะ
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ