-
สวัสดีค่ะ วิวจาก Channel Point of View ค่ะ
-
ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ view on tour ค่ะ
-
วันนี้เปิดวาร์ปอีกแล้ว
-
ตอนนี้วิวมาอยู่ที่เมือง Kochi ประเทศญี่ปุ่นนะคะ
ชื่อแปลกไหม
-
น่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันว่าที่เมืองนี้มีอะไรน่าสนใจ
ขอบอกว่ามีอะไรน่าสนใจเยอะมาก
-
แต่จะบอกว่าคลิปนี้พิเศษนิดนึง เพราะว่าวิวไม่ได้มาคนเดียวค่ะ
-
คลิปนี้มีเพื่อนร่วมทริปมาอีก 2 คนนะคะ
-
อุ้ย โผล่มาอย่างรวดเร็วนะคะ ก็พี่เอ๋ นิ้วกลมนะคะ
แล้วก็พี่ชิงชิงค่ะ
-
สวัสดีครับ
-
เดี๋ยวเราก็จะพาไปเที่ยวเมือง Kochi กันนะคะ
-
เมืองนี้มีอะไร เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะ
-
แต่ว่าก่อนที่จะไปดูกันนะคะ
อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนคะ
-
ไม่ว่าจะเป็น Facebook YouTube ig Twitter
เอาให้ครบเลยนะคะ
-
พร้อมจะไปเที่ยวแบบสนุกแล้วก็มีสาระกันรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปกันเลย
-
บอกเลยนะคะ คลิปนี้ใครสายบุญเงี่ยหูฟังดีๆ ค่ะ
-
เพราะจังหวัด Kochi ที่วิวจะพามาเที่ยวเนี่ย
เป็นแหล่งสะสมแต้มบุญชั้นเยี่ยมเลยนะคะ
-
ที่นี่เป็นเส้นทางแสวงบุญที่มีชื่อเสียง
แล้วก็เป็นจุดรวมเทพเจ้าหลายๆ องค์ค่ะ
-
บอกว่าจะพามาเที่ยว Kochi หลายคนงงทันทีนะคะ
-
เอ้า ที่ไหนไม่เคยได้ยินชื่อ
-
จังหวัดนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Shikoku
เป็นเกาะที่เล็กที่สุดในบรรดา 4 เกาะหลักของญี่ปุ่นค่ะ
-
เรียงตามนี้เลย Honshu Hokkaido Kyushu
แล้วก็ Shikoku เล็กที่สุดนะคะ
-
ซึ่งในเกาะ Shikoku เนี่ย ก็มีทั้งหมด 4 จังหวัดด้วยกันค่ะ
-
จังหวัดที่น่าจะพอคุ้นหูกันอยู่บ้าง
ก็น่าจะเป็นจังหวัด Ehime นะคะ
-
ส่วน Kochi นี่เป็นจังหวัดที่อยู่ด้านใต้สุดของเกาะ
กั้นจากจังหวัดอื่นด้วยภูเขานะคะ
-
นอกจากสายบุญแล้วใครสายฮิปสเตอร์ตั้งใจฟังคลิปนี้ดีๆ ค่ะ
-
เพราะจังหวัดนี้ฮิปมากๆ
-
จากนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
ปีละประมาณ 1,000,000 คนเนี่ยนะคะ
-
มีคนเดินทางมาเที่ยวจังหวัดนี้แค่ 400 คนต่อปีเองค่ะ
-
ใครชอบเปิดที่เที่ยวใหม่ห่างไกลฝูงชน อากาศดี วิวสวย
ในน้ำมีปลา ข้างนาเลี้ยงวัวเนื้ออร่อยมาก ห้ามพลาดเลยนะคะ
-
ฟังขนาดนี้แล้วรู้สึกว่า เอ๊ อยากมาจะมายังไง
การเดินทางง่ายมากค่ะ
-
แค่บินมาลงที่ประเทศญี่ปุ่น จะโตเกียวหรือโอซาก้าก็ได้
-
เสร็จแล้วต่อเที่ยวบินในประเทศมาลงสนามบิน Kochi ได้เลย
มีทั้งสายการบิน full service แล้วก็ low cost ให้เลือกค่ะ
-
แอบกระซิบนิดนิดนึงว่าการท่องเที่ยวที่เนี่ย
เอาใจนักท่องเที่ยวมากค่ะ
-
นอกจากจะมีข้อมูลภาษาต่างๆ ให้ รวมถึงภาษาไทยให้แล้วนะ
-
โชว์พาสปอร์ตที่สนาบินมี Pocket WIFI
ให้ใช้ฟรีตลอดเวลาที่อยู่ในจังหวัดด้วย
-
ส่วนใครสายขี้เกียจ กลัวว่าจะจองนู่นจองนี่ยากนะคะ
-
มี package tour บริการด้วยค่ะ
-
ทีเดียวจองครบตั้งแต่เครื่องบิน ที่พัก เช่ารถ
pocket WIFI ต่างๆ เลยนะคะ
-
ดู packet ได้ตามรายละเอียดด้านล่างเลยค่ะ
วิวลงเป็นลิงก์ไว้ให้แล้ว
-
มาถึง Kochi กันแล้ว สายบุญอย่างพวกเราอย่ารอช้าค่ะ
เพราะที่นี่ไม่ใช่เเค่เดินไหว้พระ 9 วัดนะคะ
-
แต่เขาเดินแสวงบุญกันถึง 88 วัดด้วยกันค่ะ
-
เต็มอิ่มจุใจกันไปเลย
-
ไปลุย!
-
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ทุกคน
-
นี่คือชุด Ohenro นะคะ
-
คือบริเวณเกาะ Shikoku เนี่ยนะ
มีประเพณีอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ
-
ก็คือเป็นประเพณีที่คล้ายๆ การทำบุญ 9 วัดของไทยนะคะ
-
คือเขาจะมีเส้นทางเดินแสวงบุญค่ะ
-
เดินรอบเกาะไปเรื่อยๆ แล้วก็เดินไหว้พระไปเรื่อยๆ เนี่ยนะคะ
ทั้งหมด 88 วัดนะคะ
-
ซึ่งอันนี้อยู่ในนิกายของพระองค์ด้านหลังนี้นะคะ
ก็คือท่าน Kobo Daishi นั่นเอง
-
ตลอด 88 วัดเนี่ย คนก็จะต้องแต่งตัวแบบนี้นะคะ
-
แต่งตัวเป็น Ohenro ออก แล้วก็ไปทั้งหมด 88 วัด
เดินไหว้ๆๆ ค่ะ ในสมัยโบราณ
-
ส่วนตอนนี้อาจจะประยุกต์นิดนึง มีการขับรงขับรถอะไรได้นะคะ
-
ซึ่งระหว่างทางเขาก็จะมีข้อห้ามต่างๆ กึ่งๆ ถือศีล
ประมาณ 15 ข้อด้วยกัน หลักๆ ก็อารมณคล้ายๆ ศีล 5 ค่ะ
-
อย่าโกหก อย่าฆ่าสัตว์ อย่าประพฤติผิดในกาม
อะไรประมาณนี้น่ะนะ
-
เรื่อง Ohenro เป็นยังไง เราไปดูกับค่ะ
-
ohenro หรือว่า ohenro san เนี่ยนะคะ คือการออกเดินจาริกแสวงบุญไปยัง 88 วัดในเกาะ Shikoku ค่ะ
-
ซึ่งแต่ละวัดเนี่ย ถือว่าเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับพระผู้มี
ชื่อเสียงมากๆ นะคะ ในนิกายนี้ก็คือ พระ Kobo Daishi นั่นเอง
-
ซึ่งเส้นทางเดินแสวงบุญเนี่ย ถือว่าเป็นเส้นทาง
ประวัติศาสตร์นะคะ เพราะว่ามีอายุยาวนานกว่า 1,200 ปีนะ
-
โดยเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มีระยะทางยาวไกลมากเลยนะคะ
เพราะว่ายาวประมาณ 1,400 กิโลเมตรค่ะ
-
ไปรอบๆ เกาะ Shikoku นะคะ
-
ผ่านทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด Tokushima
จังหวัด Kochi จังหวัด Ehime แล้วก็จังหวัด Kagawa ค่ะ
-
ถึงสมัยนี้จะนิยมใช้รถยนต์ ใช้มอเตอร์ไซค์หรือว่ารถทัวร์กันนะคะ
-
แต่ถ้าจะเอาแบบคลาสสิคแบบสมัยโบราณเนี่ย
ก็เป็นเส้นทางเดินที่ใช้เวลาประมาณ 40 วันเลยทีเดียวค่ะ
-
ตัวเส้นทางเนี่ย ถ้าเกิดดูตามแผนที่ก็จะเห็นนะคะ ว่าเขาจะแบ่งเลยว่า วัดที่ 1 อยู่ตรงนี้ วัดที่ 2 อยู่ตรงนี้ วัดที่ 3 อยู่ตรงนี้
-
เดินไปตามเส้นทางได้เรื่อยๆ ค่ะ
-
ส่วนเดินไปทำไมเนี่ย สงสัยกันไหม
-
คือจุดประสงค์เนี่ย แตกต่างไปตามแต่แต่ละคนเลยนะคะ
-
บางคนออกเดินทางเพื่อที่จะได้ไหว้พระ
-
บางคนก็เดินทางเพื่อเหตุผลด้านสุขภาพ
-
ไปค้นหาตัวเอง ไปอธิษฐานให้สมหวังในความรัก
-
หรือบางคนอาจจะแค่ท่องเที่ยว
โดยมีธีมเป็นแบบสายบุญก็ได้เหมือนกันค่ะ
-
หลังจากไปถึงแต่ละวัดแล้วเนี่ยนะคะ
-
ก็นิยมโค้งคำนับหนึ่งครั้งตรงประตูเข้าวัดนะคะ หลังจากนั้น
ก็ล้างมือล้างปากให้สะอาด แล้วก็เข้าไปที่โบสถ์ค่ะ
-
ไหว้ที่โบสถ์เรียบร้อยนะคะ ก็ไปที่หอที่ประดิษฐาน
รูปปั้นของพระ Kobo Daishi ค่ะ
-
เสร็จแล้วก็ไปชำระค่าเทียนนะคะ จุดทงจุดเทียนเรียบร้อย
ไปหากระดาษอีกแผ่นหนึ่งค่ะ ชื่อว่า Nosatsu นะคะ
-
เป็นป้ายกระดาษจากทางวัดค่ะ
-
จากนั้นก็เริ่มสวดมนต์นะคะ ตามที่เขาจะมีคู่มือเขียนไว้ให้
-
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดเราก็จะได้รับ
ตราประทับจากทางวัดค่ะ
-
ปกตินะคะ Ohenro เขาจะมีสมุดประจำตัวแต่ละคนด้วยนะคะ
-
แล้วก็พกไปทั้งหมด วัด 88
ไปถึงก็จะมีพระเนี่ย เขียนข้อความให้ประมาณนี้นะคะ
-
ซึ่งกรณีเราเนี่ยก็อาจจะไม่ไปครบทั้ง 88 วัด
ก็จะได้เป็นกระดาษแบบนี้มาค่ะ
-
ด้านในก็เป็นยังงี้เลย เขียนด้วยลายมือนะคะ
-
ประมาณนั้นค่ะ
-
แต่ว่าอันนี้ คนที่มาครั้งแรกจะเป็นสีขาวเนาะ
แต่ว่าถ้ามา 5-6 ครั้งแล้วจะเป็นสีแดง
-
มากกว่านั้นเป็นสีเขียวแล้วถ้าใครมาวัดเดิมเกิน 100 ครั้งนะคะ กระดาษจะเป็นสีทองแล้วนะ
-
ส่วนชุดที่วิวใส่อยู่ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นเครื่องแบบ
ของ Ohenro san นะคะ
-
ซึ่งถ้าตามสมัยโบราณดั่งเดิมเลยเนี่ย
จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลักๆ ทั้งหมด 3 ชิ้นด้วยกันค่ะ
-
ชิ้นแรกคือเสื้อคลุมสีขาวนะคะ ที่วิวใส่อยู่เรียกว่า Hakui ค่ะ
-
ส่วนหมวกสานทรงแหลมที่วิวใส่อยู่เนี่ยนะคะ
เรียกว่า sugegasa นะคะ ก็เอาไว้กันแดด กันลม กันฝน
-
และสุดท้ายก็คือไม้เท้านะคะ
-
ชื่อว่า Kongo-zue นะคะ
-
ซึ่งตัวไม้เท้าเนี่ย จริงๆ เขาเปรียบเสมือนตัวแทนของ
พระ Kobo Daishi นะคะ
-
เหมือนกับว่าเราพาพระเนี่ยไปด้วย
ทุกครั้งที่เราไปแสวงบุญเลยค่ะ
-
ดังนั้นต้องให้ความเคารพไม้เท้าอันนี้นิดนึงค่ะ
-
ทีนี้จะบอกว่าไม้เท้าอันนี้ มันมีเรื่องเล่าด้วยว่า
-
มันมีการแรงค์กิ้งอยู่ว่าถ้าเกิดสมมติว่าคุณไหว้พระ
88 วัดเนี่ยนะคะ ครบประมาณ 3 หรือ 4 รอบเนี่ย
-
คุณจะได้เลื่อนขั้นจากไม้เท้า ไม้ธรรมดายังงี้นะคะ
จะกลายเป็นไม้เท้าสีส้มแล้วก็หัวกลายเป็นสีทองค่ะ
-
ดังนั้นระหว่างทางที่เราเดินๆ มาเนี่ย เราก็จะเห็นคนญี่ปุ่นบางคนที่ถือไม้ยังงี้ แต่เป็นสีส้มก็คือเป็นระดับ professional แล้วนะคะ
-
เจอของน่าสนใจชิ้นหนึ่งนะคะ นี่คืออันนี้เลย
พี่เอ๋บอกว่าคืออะไรนะคะ
-
เขาเรียกว่าวัชระคทานะครับ
-
ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสัญลักษณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งนะครับ
-
ของนิกายวัชระยาน
-
ในทิเบตเนี่ยก็จะเห็นกันได้อย่างแพร่หลายนะครับ
หรือว่าวัดที่ได้รับอิทธิพลมาจากทิเบต
-
ซึ่งจริงๆ แล้วนิกายชินงอนของญี่ปุ่นเนี่ย
-
เป็นนิกายที่ได้รับอิทธิพลมาจากสายวัชรยานเหมือนกันครับ
-
คนสมัยก่อนนะคะ เวลาเป็น Ohenro เนี่ย
เขาก็จะระหว่างเดินไปเรื่อยๆ เหมือนแสวงบุญใช่ไหม
-
คนระหว่างทางต่างๆ เขาก็จะให้น้ำให้อาหาร
ให้เข้าห้องน้ำได้ ให้พักด้วยได้ อะไรอย่างงี้ค่ะ
-
แต่ว่าสมัยนี้อาจจะน้อยลงหน่อย เขาก็จะมีที่ๆ
เป็นบ้านบางหลังเนี่ยนะคะ ก็อุทิศแด่ Ohenro โดยเฉพาะ
-
เช่น บ้านที่วิวอยู่ตรงนี้เนี่ยค่ะ
-
ก็คือ ด้านล่างก็ทำเป็นที่พักนะคะ มี WIFI ให้ฟรี
มีห้องน้ำให้เข้า มีชามีกาแฟอะไร ให้ใช้งานต่างๆ ค่ะ
-
คือเหมือนกับว่าคนที่เป็น Ohenro เนี่ย
ถ้าเกิดสมมติว่าใครมีเงินนิดนึงมานะคะ เขาก็จะช่วยบริจาค
-
ส่วนใครที่ไม่ค่อยมีก็มาใช้บริการตรงนี้
หรือว่าชุมชนรอบๆ เขาก็บริจาคให้ต่างๆ นะคะ
-
เหมือนกับว่าช่วยกันทำบุญ ว่ายังงั้นเถอะค่ะ
-
แสวงบุญตามความเชื่อของศาสนาพุทธไปแล้วนะคะ
-
ที่ญี่ปุ่นเนี่ยก็ยังมีความเชื่ออีกแบบหนึ่ง
ที่มีชื่อเสียงพอกัน ก็คือลัทธิ Shinto นั่นเอง
-
ฝั่งลัทธิ Shinto นี่บอกเลยนะคะ
ว่าที่ Kochi ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันค่ะ
-
เพราะว่ามีบริเวรช่องเขาที่รวมเหล่าเทพเจ้า
ของชินโตไว้หลายต่อหลายองค์เลยนะคะ
-
ที่สำคัญนอกจากศักดิ์สิทธิ์แล้วที่นี่วิวสวยมากค่ะ
-
กรุณาชมวิวนะคะ
-
ตอนนี้นะคะเราก็มาอยู่บริเวณ Nakatsu Gorge นะคะ
-
เป็นช่องเขา Nakatsu ว่ายังงั้นเถอะ
-
ซึ่งตรงนี้เห็นข้างหลังไหมสวยมาก
-
กรุณาชมวิวอีกรอบหนึ่งนะคะ
-
หลังจากชมเสร็จแล้วก้จะพาไปรับโชคกันค่ะ
-
เพราะว่าที่เนี่ย เขาเชื่อว่าเป็นบริเวณที่มีเทพแห่งความดี
แห่งความโชคทั้งหมด 7 องค์ดีอาศัยอยู่ตรงนี้นะคะ
-
ซึ่งเดี๋ยวเดินไปเรื่อยๆ เราจะเจอรูปปั้นเทพเหล่านี้ค่ะ
-
เดี๋ยวไปดูกันว่าตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นเนี่ย
เทพทั้ง 7 องค์มีใครบ้าง แล้วก็เป็นยังไงบ้างนะคะ
-
ไป ไปดูกัน
-
ช่องเขา Nakatsu หรือว่า Nakatsu Gorge เนี่ยนะคะ
เป็นช่องเขาเก่าแก่ค่ะ อายุมากกว่า 300 ล้านปีนะคะ
-
ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกค่ะ
-
ซึ่งทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น 2 อย่างด้วยกันนะคะ
1 คือเกิดธรรมชาติที่สวยงามมากๆ นะคะ
-
มีหินก้อนใหญ่รูปร่างหน้าตาแปลกตา
มีหินสีต่างๆ อะไรแบบนี้นะคะ
-
ส่วนอีกข้อหนึ่งก็คือ
-
ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของลัทธิชินโตค่ะ เพราะว่าเชื่อว่าบริเวณนี้มีพลังต่างๆ สถิตอยู่นะคะ
-
ชาวบ้านเชื่อว่าที่นี่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อยู่มากมายเลย
เช่น น้ำตกที่หน้าตาเหมือนมังกรพ้นไฟนะคะ
-
ก็เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มากๆ สวยมากๆ เช่นเดียวกันค่ะ
-
และที่เป็นไฮไลท์เลยนะ ก็คือเทพเจ้าแห่งความโชคดี
ทั้งหมด 7 องค์นะคะ ที่สถิตอยู่ที่นี่ค่ะ
-
ก็จะเป็นเพเจ้าตามความเชื่อด้านต่างๆ เรียงกันไปนะคะ
-
เดี๋ยวเราไปดูทีละองค์ตามทางปีนเขาเล็กๆ กันดีกว่าค่ะ
-
เห็นตรงนี้ไหม ก็มีเสาโทริอินะคะ
แปลว่าเรากำลังจะเข้าดินแดนของเทพเจ้าแล้ว
-
เพราะว่าด้านบนนนั้น เห็นหินก้อนใหญ่เบิ้มนั้นไหม
เขาเรียกว่า king of dragon rock ประมาณนี้
-
คือแบบเป็นหินมังกรก้อนใหญ่มาก ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นเทพเจ้า และบริเวณที่ตั้งอยู่เนี่ย มันเป็น ตั้งอยู่บริเวณ ring of fire
-
หรือว่าเส้นที่เป็นเส้นแผ่นดินไหวนะคะ
เป็นรอยเลื่อนของโลก ว่ายังงั้นเถอะ
-
เหมือนชาวญี่ปุ่นโบราณน่ะ เขาพอจะรู้อยู่แล้วแหละ ว่าเส้นนี้
มันมีพลังอะไรบางอย่าง เพราะว่ามันแผ่นดินไหวบ่อยอะนะ
-
ศาลเจ้าของญี่ปุ่นเยอะแยะมากมายก็เลยตั้งอยู่บนเส้นนี้ แล้วก็ไล่ๆๆ กันไปทั่วประเทศเลยค่ะ แล้วก็จุดนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งนะคะ
-
เพราะว่าเวลาปกติชาวญี่ปุ่นเขาจะข้ามแดนเนี่ย
เขาต้องทำยังไง เขาต้องแบบทำการบูชา
-
ซึ่งถ้าเป็นคนไทยเราก็ไหว้ธรรมดาใช่ไหม
-
แต่ถ้าคนญี่ปุ่นเขาจะทำแบบนี้
-
โค้ง 2 ทีก่อน
-
1 2
-
แล้วก็ตบมือ 2 ครั้งค่ะ
-
เสร็จแล้วก็โค้งยาวๆ เหมือนแบบ
ว่าแสดงความเคารพอย่างลึกซึ้งอีกรอบหนึ่ง
-
แล้วก็เสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้ก็คือเหมือนเคารพเทพเจ้าแล้ว
พร้อมจะเดินเข้าไปในดินแดนเทพเจ้าแล้วค่ะ
-
มองจากน้ำขึ้นไปนะคะ ด้านหลังตรงนี้เห็นไหม
มีเทพอยู่องค์หนึ่งนะคะ ชื่อว่าบิชามอนเทนนั่นเองนะคะ
-
ก็เป็นเทพที่เกี่ยวกับการแข่งขัน การสงครามอะไรต่างๆ ค่ะ
-
ไหว้เพื่อความสำเร็จประมาณนั้นเถอะ นะจ๊ะ
-
เขาบอกว่าที่บริเวณนี้นะคะ ที่น้ำเป็นสีฟ้าขนาดนี้ เพราะว่าเป็นน้ำที่ใสสะอาดมากๆ แล้วที่ญี่ปุ่นมีการแข่งขันแบบ competition
-
ด้านคุณภาพน้ำด้วยนะ ที่นี่ก็ได้อันดับต้นๆ เลยทีเดียวค่ะ
-
เขาบอว่าเขาภูมิใจสีของน้ำที่นี่มากๆ นะจ๊ะ
-
พี่เอ๋คะ เป็นโอตะรึเปล่าคะ
-
ไม่เป็นครับ
-
แหม่ถ้าเป็นโอตะนี่กรี๊ดไปแล้วนะ
-
ทำไมอะ
-
น้ำใสค่ะ
-
เฮ้อออ
-
เจอองค์ที่ 2 แล้วนะค เทพเจ้าองค์นี้คือเทพเอบิสึนะคะ
เป็นเทพเกี่ยวกับธุรกิจการค้าต่างๆ
-
ดังนั้นแปลว่าเราจะได้ยินชื่อเอบิสึบ่อยมาก
-
แล้วถ้าไปดูศาลเจ้าต่างๆ นะคะ ทั่วประเทศเลย
จะเห็นว่ามีศาลเทพเอบิสึนี่เยอะมาก เยอะจริงๆ
-
เพราะว่าทุกคนบูชาเทพองค์นี้ค่ะ
ทุกคนอยากค้าขายเจริญรุ่งเรืองนะคะ ประมาณนั้น
-
อ่า องค์นี้องค์ที่ 3 แล้วนะคะ ชื่อว่าเบ็นเท็นซามะนะคะ ซามะแปลว่าท่านน่ะนะ ดังนั้นชื่อจริงๆ ท่านชื่อเบ็นเท็นนะคะ
-
ท่านนี้ก็เป็นเทพเจ้าด้านดนตรี ศิลปะ อะไรทำนองนี้ ดังนั้นใครอยากร้องเพลงเก่ง อยากร้องคาราโอเกะได้เต็ม 100 คะแนน
-
ที่ญี่ปุ่นเขาก็จะมาไหว้องค์นี้นี่แหละค่ะ
-
ตรงนี้นะคะ เห็นค้อนอยู่อันหนึ่งไหม
-
อาจจะงงเทพเจ้าอะไร ทำไมหน้าตาเป็นค้อนนะคะ
-
ตรงค้อนเนี่ยเป็นพรอบประกอบ ไม่ใช่เทพเจ้านะ เทพเจ้าคือหินทั้งก้อนนี่ค่ะ จะเห็นเป็นหน้าตาของเทพเจ้า
-
คือเขาหน้าตาเหมือนเทพเจ้ามาก ก็เลยสมมติว่าหินทั้งก้อน
นี่แหละเป็นเทพเจ้า ซึ่งเทพองค์นี้นะคะ ก็คือเทพไดโกกุ
-
เป็นเทพเกี่ยวกับแบบว่า
การทำนาการทำประมงอะไรประมาณนี้นะคะ
-
นี่แหละค่ะ เห็นดูออกกันไหมว่านี่เป็นหน้าเทพเจ้านะจ๊ะทุกคน
-
องค์นี้นะคะ ก็คือฟุกุโรกุยูนะคะ เป็น Prophet
หรือว่าเป็นผู้ทำนายอะไรยังงี้แล้วก็ในมือจะถือลูกท้อไว้อยู่
-
ก็คือ เอาไว้ไล่ยักษ์นั่นเอง ก็ตามตำนาน
เหมือนคล้ายๆ ตำนานโมโมทาโร่ ทำนองนั้นนะจ๊ะ
-
ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวไว้เล่าให้ฟัง
-
ที่สำคัญแอบบอกนะคะ ว่าน้ำตกบริเวณเนี่ย
ตอนนี้เป็นฤดูฝนฤดูร้อนใช่ไหมคะ
-
ก็จะเขียวๆ นิดนึง
-
แต่ว่าถ้ามาตอนฤดูใบไม้ร่วง ตรงนี้เป็นต้นโมมิจิทั้ง
ดังนั้นทั้งน้ำตกจะเป็นสีแดงหมดเลย ดังนั้นสวยแน่นอนค่ะ
-
มาเจอเทพอีกองค์หนึ่งแล้วนะคะ ก็คือองค์นี้เลย จูโรจินนะคะ
-
เป็นเทพด้านแบบว่า อายุยืน ชีวิตยืนนานทำนองนี้ค่ะ
ใครอยากอายุยืนก็ไหว้องค์นี้นะจ๊ะ
-
นี่นะคะ ตัวอย่าง
-
องค์นี้นะคะ ที่หน้าตาเหมือนพระสังกัจจายน์ชื่อโฮเทซังนะคะ
-
โฮเทซังเป็นเทพที่เอาขอลูกค่ะ ประมาณนั้นเลย
-
ใครอยากมีลูกก็ไหว้องค์นี้เลยค่ะ
-
ด้านหลังนี่ก็องค์สุดท้ายแล้วนะคะ
-
ฟุโดเมียวโอค่ะ เป็นเทพเจ้าเกี่ยวกับไฟ ประมาณนั้นค่ะ
-
ก็เรียกได้ว่าดูแลครับทุกด้านจริงๆ เทพเจ้าทั้ง 7 องค์นะคะ
-
สะสมแต้มบุญกันเต้มอิ่มแล้ว
น่าจะพอเห็นกันแล้วใช่ไหมค่ะ ว่าที่ Kochi เนี่ย
-
นอกจากสถานที่ทำบุญแล้ว
ยังมีธรรมชาติที่สวยงามมากๆ เลยค่ะ
-
ดังนั้นตามวิวไปชมธรรมชาติอันสวยงามของ Kochi กันดีกว่าค่ะ
-
ตรงนี้นะคะ เขาเรียกว่า Shikoku karst นะคะ
-
ซึ่งคำว่า karst เนี่ยก็เป็นภาษาอังกฤษ
ใช่ karst เป็นภาษาอังกฤษค่ะ
-
คือมันเป็นสำเนียงญี่ปุ่นน่ะนะ จากคำว่า karst ซึ่งคำว่า karst เนี่ยแปลว่าหินปูนที่โดนกัดเซาะเป็นร่องรอยเป็นอะไรอย่างงี้
-
ประมาณนี้นะคะ
-
ก็เป็นลักษณะทางภูมิศาสตร์ลักษณะหนึ่งนะคะ
ที่ออกมาแล้วมันก็สวยมาก แปลกตาอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ
-
ใครสนใจมากก็สามารถหารถมาเช่า ขับมาดูได้นะคะ
-
มาออกมาค่อนข้างไกลจากตัวเมือง Kochi นิดนึง
เพราะว่าเราเกือบจะข้ามไปที่จังหวัด Ehime แล้วนะ
-
มันอยู่ตรงเชื่อมต่อระหว่างตรง Ehime กับ Kochi ค่ะ
-
ก็มาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ แต่ว่าสวยคุ้มค่าจริงๆ นะจ๊ะ
-
มาดูกันได้
-
นี่มีความนิวซีแลนด์นะคะ ตรงนี้จะมีความแบบมีวัว
แล้วก็เป็นแบภูเขาๆ แล้วก็ถนนๆ
-
แม่เจ้า ญี่ปุ่นมีแบบนี้ด้วยอะ ดูยุโรปมากเลยอะ
-
แถวนี้ก็ไม่ได้สวยๆ อย่างเดียวนะคะ เขามีนี่ด้วย มีกังหันนะคะ ผลิตกระแสไฟฟ้าก็พลังคลีนนิดนึงทำนองนี้นะจ๊ะ
-
ตรงนี้นะคะ ก็เป็นรอยต่อระหว่าง 2 จังหวัดเลยนะคะ
-
ระหว่างจังหวัด Kochi กับ Ehime นะคะ
-
ก็เป็น 2 จังหวัดในเกาะ Shikoku นะคะ ก็เห็นเส้นตรงข้างหลังนี่นะ ก็เป็นเส้น border เขียนไว้เรียบร้อย
-
ดูคู่รักคู่นี้สิคะ น่าสงสารจังเลย โดนแยกจากกันอยู่คนละจังหวัด
-
โอ้ พลัดพลากจากกันน่าสงสารสุดๆ เลย
-
ตอนนี้นะคะ วิวก็พาทุกคนมาอยู่ที่สวน Monet ค่ะ หรือว่า monet garden นั่งเอง ในเมือง Kochi นี่นะคะ
-
จำตอนที่วิวพาไปดูรูปภาพของแวนโกะกันได้ใช่ไหมคะ
-
ที่มีภาพของ Monet ด้วย ที่มีภาพของสวนบงสวนบัวเนี่ยนะคะ
-
ที่เนี่ย เป็นที่เดียวในโลกที่ได้รับอนุญาตจาก
Monet Museum นะคะ ว่าสามารถใช้คำว่าสวน Monet ได้
-
นี่นะคะ อยู่ในสวนก็จะเป็นธรรมชาติๆ ประมาณนี้
-
เพราะว่า Monet เนี่ย เป็นคนที่เชียวชาญการวาดศิลปะ impressionist
-
หรือว่าศิลปะที่แบบมองอะไรธรรมดาๆ
ธรรมชาติๆ ที่แบบไม่ได้หรูหราอลังการ
-
แล้วก็ก็วาดออกมาเป็นภาพที่แบบว่าแสดง
ความประทับใจต่อสิ่งธรรมดาค่ะ
-
เช่น ถ้าเราไปดูยุคก่อนหน้านั้น
สมัยโบราณเนี่ย จะชอบวาดอะไรที่มันอลังการใช่ไหม
-
แบบวาดเรื่องศาสนา วาดอะไรที่แบบเรืองรองมากๆ
-
แต่ว่ายุค impressionist เนี่ย มองสวน มองเรือ มองนู่นมองนี่ธรรมดาสามัญแล้วก็วาดออกมาอย่างหน้าสนใจค่ะ
-
ซึ่งในสวนเนี่ย เดินๆ มามันก็จะมีรูปว่าแบบ
เออ นี่คือภาพของ Monet ประมาณนี้นะ
-
แล้วก็สวนหน้าตาคล้ายๆ กันก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ
-
อย่างภาพนี้นะคะ ก็จะทำให้เป็นคล้ายๆ กับถนนเส้นนี้เลย
-
นี่ ประมาณนี้เดี่ยวจะมีอาคงอาคารอะไร
เกิดขึ้นในอนาคตรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่เขาบอกว่ากำลังทำอยู่
-
อีกจุดหนึ่งที่น่าเที่ยวมากๆ ที่ Kochi นะคะ คือแม่น้ำ Shimanto นั่นเองค่ะ
-
แม่น้ำ Shimanto เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเลยนะคะ
ในเกาะ Shikoku ค่ะ
-
แม่นำสายนี้ขึ้นชื่อมากๆ เลยนะคะ ว่ามีน้ำที่ใสสะอาดสุดๆ
ทำให้มีปลาชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ ก็คือปลาอายุนั่นเอง
-
ตลอดเส้นทางของแม่น้ำนี้นะคะ ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยว
ที่น่าสนใจก็คือ chikabashi หรือสะพานข้ามแม่น้ำค่ะ
-
เป็นสะพานเล็กๆ แคบๆ แต่ว่าทิวทัศน์รอบๆ สวยงามมากนะคะ
-
นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางขี่จักรยานที่มีชื่อเสียงด้วยค่ะ
-
บอกเลยว่าไปลองขี่มาแล้ว บรรยากาศดีมากๆ เลยนะคะ
-
ตอนนี้นะคะ เราก็มาดูอีกอย่างหนึ่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัด Kochi นะคะ
-
เพราะว่าจังหวัด Kochi เนี่ย มีต้นไม้ชนิดหนึ่ง
ค่อนข้างเยอะ แล้วก็มีน้ำ
-
ดังนั้นที่นี่เป็นที่ที่เหมาะมากกับผลิตกระดาษค่ะ
-
เดี๋ยวเราไปดูกันว่าเวลาเขาทำกระดาษแบบญี่ปุ่นเนี่ย
ซึ่งมีชื่อเสียงมากที่นี่ เขาทำยังไง ไป ไปดูกัน
-
เอาละค่ะ ทุกคน จังหวะนี้งานฝีมือละค่ะ
-
เขาบอกให้คว่ำค่ะ
-
แล้วก็กดพิมพ์ลงไปนะคะ
-
ซึ่งตอนนี้ใช้ทั้งตัวแล้ว รู้สึกว่าจะไม่พอ
-
ทำกระดาษฝีมือวิว
-
เสร็จแล้ว
-
นี่เสร็จแล้วกระดาษของน้องวิวนะคะ น้องวิวทำเองกับมือ
-
ตรงนี้เขาก็มีนี่ให้ด้วย
-
มีตัวปั๊มให้เราเล่นกับกระดาษ เดี๋ยวเรามาลองเล่นกันค่ะ
-
กระดาษแบบญี่ปุ่นเนี่ย
-
ณ ของเมืองนี้นะ เขาใช้ต้นไม้ต้นนี้ทำนะคะ
ก็คืออันนี้ไม้กิ่งๆ นี่ใช่ไหม
-
ซึ่งพอเอามาแล้วเนี่ย เขาก็จะเอาไปนึ่งนะคะ ใช่เอาไปนึ่ง
พอนึ่งเสร็จปุ๊บเนี่ย นึ่งเป็นเวลา 2 ชั่วโมงปุ๊บ
-
ไม้มันจะนิ่ม พอไม้นิ่มเนี่ยสามารถลอกเปลือกออกมาได้
ลอกง่ายมากๆ นะคะ ลอกเหมือนกันปอกกล้วยเลยทีเดียว
-
หลังจากที่ปอกเปลือกมาได้แล้วนี่นะคะ
เขาก็จะเอามาใส่หม้อนี้เลย
-
ใส่หม้อขนาดใหญ่นะ แล้วก็ใส่สารต่างๆ ด้วย
แบบว่าเขาบอกว่าเป็นอัลคาไลน์
-
เป็นพวกโซดา อาจจะเป็นโซดาไฟอันนี้ไม่ชัวร์นะคะ
-
ใส่สารต่างๆ ของมันลงไปเนี่ย
-
แล้วก็ต้มๆๆ ต้มจนมันนิ่มนะคะ
-
เพื่อที่จะเอาไปทำกระดาษต่อไป
-
ต้มออกมาตากนะคะ เขาก็จะมีการทำยังงี้
เอาไปล้าง เอาไปแช่น้ำด้วยนะ เพื่อให้มันสะอาด
-
แล้วก็เอาพวกสารที่มันไม่โอเคออกไปต่างๆ นะคะ
-
หลังจากนั้นค่ะ เขาก็จะเอามาขั้นตอนนี้ต่อเลย
ก็คือเป็นขั้นตอนแรงงาน
-
เอาไอ้แก่นกระดาษอะไรสักอย่างที่ทับได้เสร็จแล้วเนี่ยนะ
-
มาวางๆๆ แล้วก็ใช้แรงงานคนเนี่ยนะคะ หยิบอะไรก็ตาม
ที่มันไม่ใช่กระดาษบริสุทธิ์เนี่ย ออกไปให้หมด
-
มันจะทำให้กระดาษเนี่ย สีขาวบริสุทธิ์ที่สุด
-
เสร็จแล้วค่ะ เขาจะเอากระดาษมาใช้ไอ้ไม้นี่นะคะ ไม้นี้เลย
เอามาแล้วก็ ทุบๆๆ นวดๆๆ ค่ะ จนกระทั่งกระดาษมันนุ่มนะคะ
-
แล้วก็เอามาใส่ในตะกร้านี้อีกที ซึ่งเป็นตะกร้าที่บุข้างในไว้นะ
-
แล้วก็เอาลงไปที่แม่น้ำอีกทีหนึ่งนะคะ
แล้วก็ล้างเยื่อกระดาษต่างๆ ให้สะอาด
-
เสร็จแล้วค่ะ มันก็จะได้เป็นเยื่อกระดาษ
เหมือนที่วิวไปทำเมื่อกี้ใช่ไหม
-
ที่นี่ปัญหาก็คือไอ้วิวทำเมื่อกี้
มันเป็นกระดาษแบบง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้
-
แต่ว่ากระดาษที่นี่จุดเด่นของมันคือเป็นกระดาษ
ที่ค่อนข้างจะบางเฉียบเลยนะคะ
-
แล้วก็คุณภาพค่อนข้างสูงค่ะ
-
ดังนั้นเขาก็จะเอามาใส่บ่อนี้ คล้ายๆ กับเมื่อกี้เลย แต่ว่าดูขนาดสิ แตกต่างกันมากเลย ไอ้เมื่อกี้ที่วิวทำมันยกเล็กๆ ใช่ไหม
-
อันนี้ขนาดใหญ่มาก เพราะว่าอะไร เพราะว่าเขาเอาไปทำประตู
-
สมัยโบราณเขาใช้กระดาษบุประตูกันใช่ไหมคะ
ดังนั้นกระดาษ 1 แผ่นก็ต้องใหญ่เท่าประตูเลยค่ะ
-
ปัญหาก็คือเวลาจะยกขึ้นเองอะ ยกไม่ไหวใช่ปะ
-
ก็ต้องใช้พวกอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยยกนะคะ
เป็นแบบว่าเป็นรอกเป็นอะไรอยู่บนเพดานนะคะ
-
หลังจากนั้นค่ะ พอยกขึ้นมาได้เขาก็จะเอากระดาษมาเรียงๆ ทับๆ กันนะคะ แล้วก็ค่อยๆ กดน้ำออก
-
เหมือนที่เมื่อกี้วิวกดใช่ไหม
-
แต่กระดาษอันนี้มันแผ่นใหญ่มาก กดเองไม่ไหว เขาก็จะใช้สิ่งนี้
-
นี่เลย ใช้ก้อนหินนะคะ เป็นคาน
แล้วก็เป็นก้อนหินกดๆๆ ลงไปค่ะ
-
หลังจากนั้นนะคะ เขาก็จะเอามาแผ่ค่ะ
แผ่บนแผ่นกระดานเหมือนข้างหลังนี้นะคะ
-
แล้วก็เอาไปตากค่ะ เราก็จะได้กระดาษในที่สุดนะคะ
-
ก่อนที่จะเอาไปตัดแต่งขอบต่างๆ ค่ะ
-
จะบอกว่าจังหวัดเนี่ย กระดาษมีชื่อเสียงมาก
มีชื่อเสียงเลเวลไหนรู้ไหม
-
เห็นนี่ไหม ที่อยู่บนหัววิวเนี่ย ไม่ใช่ตะแกงอะไรเฉยๆ นะ
-
เป็นตะแกงขนาดใหญ่มาก
-
กระดาษที่นี่ เขาบอกว่าถ้ามีแม่พิมพ์ไซส์ไหน
เขาก็ทำกระดาษไซส์นั้นได้จ้า
-
แม่พิมพ์ด้านบนนี้นะคะ คือแม่พิมพ์
ที่ใช้ทำกระดาษไซส์ใหญ่มากๆๆๆ
-
พิมพ์ออกมาก็ได้กระดาษยาวม้วนยาวขนาดนี้นะคะ
-
เพราะว่าที่ศาลเจ้าเมจิที่กรุงโตเกียวนะคะ
ที่วิวเคยไปทำเรื่องวัดกับศาลเจ้า จำได้ใช่ไหม
-
มีเหมือนแบบว่าจุดหนึ่งอะ ที่เขาต้องใช้กระดาษแผ่นใหญ่มากๆ แล้วก็ไม่มีใครในประเทศญี่ปุ่นเนี่ยผลิตให้ได้นะคะ
-
ที่นี่ก็เลยอาสาว่า เออ เราเชียวชาญด้านกระดาษ
เราผลิตให้นะคะ
-
ดังนั้นที่นี่ก็เลยเป็น supply กระดาษขนาดใหญ่
ของศาลเจ้าเมจิค่ะ
-
ด้วยกระดาษเนี่ยเขาบอกว่าเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับศาสนาพุทธที่รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนค่ะ
-
หลังจากที่เข้ามาแล้ว คนญี่ปุ่นก็รู้สึกว่า เฮ้ย ฉันต้องทำกระดาษได้แล้ว เพราะว่าไม่งั้นฉันจะเขียนคัมภีร์อะไรต่างๆ ไม่ได้
-
ดังนั้นคนที่มาสอนคนญี่ปุ่นทำกระดาษนะคะ
ตามตรงนี้เขาบอกว่าประมาณปี ค.ศ.610 เนี่ยนะคะ
-
ชาวเกาหลีมาเป็นคนสอนญี่ปุ่นทำกระดาษนะคะ
-
หลังจากนั้นประวัติศาสตร์กระดาษของญี่ปุ่น
ก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ
-
จนกระทั่งปี 1860 นะคะ กระดาษที่นี่ถึงจะแบบได้คุณภาพเหมือนที่เมื่อกี้พาไปดูวิธีทำค่ะ
-
ว่าแบบสามารถทำแผ่นใหญ่ได้อะไรได้
-
ที่สำคัญนะ แอบพามาดูอันนี้ อันนี้ exclusive มากนะจ๊ะ ทุกคน
-
เห็นกระดาษม้วนนี้ไหม
กระดาษม้วนนี้เหมือนกระดาษธรรมดานะคะ
-
นี่เป็นกระดาษที่เก่าแก่มาก
แล้วอันนี้ของจริงนะคะ ไม่ได้ทำจำลองขึ้นนะ
-
เป็นกระดาษที่ขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.764 นะคะ ทุกคน
-
เป็นคัมภีร์ของศาสนาพุทธค่ะ ที่เขาพิมพ์ลงไปในกระดาษ
พิมพ์นะไม่ใช่เขียน ใช้แบบบล็อกไม้พิมพ์ๆๆ
-
แล้วก็ม้วนใส่เหมือนแบบเจดีย์อันเล็กๆ นี้นะคะ แล้วก็แจกไปทั่วๆ เพื่อทำให้ศาสนาพุทธแพร่กระจายไปตามที่ต่างๆ ค่ะ
-
นี่ ตอนนี้มาถึงร้านอาหารแล้วนะคะ
เห็นโลโก้ข้างหลังไหม หน้าตาดูคุ้นๆ
-
คือคนที่วาดอันปังแมนเนี่ย เขาเป็นคนจังหวัดนี้ค่ะ
เขาก็เลยออกแบบคาแรคเตอร์ให้แบบทุกร้านในนี้เลยนะ
-
ดังนั้นถ้าเดินไปเห็นตัวการ์ตูนที่ไหนในเมือง Kochi เนี่ยนะคะ
ก็ฝีมือคนวาดอันปังเมนค่ะ
-
มาร้านอาหารแอบให้ดูอันนี้ค่ะ
-
น่าจะงงกันว่าตั้งอยู่หน้าร้านอาหาร อันนี้คืออะไรนะ
-
มันคือเกลือ กองเกลือนะคะ ก็ตามศาสนาชินโตของญี่ปุ่น เขาเชื่อว่าเกลือเอาไว้ไล่ผีอะไรพวกนี้นะ ขจัดวิญญาณชั่วร้ายต่างๆ
-
ดังนั้นบางที่เราไปญี่ปุ่นเราก็จะเห็น เขาวางๆ ไว้ประมาณนี้แหละ
-
เพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้ายอะไรทำนองนั้น
เหมือนเราแปะยันต์หน้าบ้านแหละค่ะ
-
นี่นะคะ ก็คือ Nahariko-chan นะคะ เป็นมาสคอต
ประจำสถานีรถไฟที่เรากำลังจะไปขึ้นกันนะคะ
-
อย่างที่บอกเลยว่าเมืองนี้ แทบทุกอย่างเลย
ออกแบบโดยคนที่วาดอันปังแมนนะคะ
-
ก็นั่นแหละค่ะ ตามสถานีรถไฟก็เช่นกันค่ะ
-
ตอนนี้เราก็มาถึงขบวนรถไฟแล้วนะคะ เป็นรถไฟสายที่น่ารักมาก ดูขบวนสิตกแต่งแบบตัวการ์ตูนเต็มไปหมดเลย ด้านในก็มีนะ
-
ด้านในขบวนรถไฟ แม้แต่เพดานยังลายการ์ตูนเลยอะ
-
คือแบบน่ารักอะ
-
ที่เมืองนี้นะคะ ก็จะมาเทศกาลที่เรียกว่าเทศกาล Yosakoi ค่ะ
-
ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปดูกันว่าเวลาถึงหน้าเทศกาลเนี่ย
เขาจะมีการร้องเล่นเต้นระบำกันแบบไหน
-
แต่แอบให้ดูอันนี้นิดนึง เป็นสะพานตั้งแต่สมัยเอโดะนะคะ
เดี๋ยวมันจะไปปรากฏในเนื้อเพลงค่ะ
-
ไป ไปดูเทศกาล Yosakoi กันดีกว่า
-
Yosakoi นี่เป็นเทศกาลที่คนญี่ปุ่น
จะออกมาเริงระบำกันตามถนนค่ะ
-
โดยแต่งชุดพื้นเมืองแล้วก็ถืออุปกรณ์ที่เรียกว่า naruko นั่นเอง
-
เทศกาล Yosakoi แบบดั้งเดิมนี่บอกว่าที่ Kochi เท่านั้นนะคะ
-
แต่วันนี้เรามาไม่ตรงเทศกาลค่ะ
ก็เลยไปที่ร้านอาหารที่มีโชว์ Yosakoi ให้ดูนะคะ
-
พาไปเที่ยวมาแล้วคิดว่าเป็นยังไงบ้างคะ
คิดว่าคลิปนี้ยาวแล้วใช่ไหม
-
นี่ยังไม่ได้เข้าจุดประสงค์หลักที่เรามา Kochi เลยค่ะ
-
เพราะจริงๆ แล้วจุดเด่นของ Kochi ก็คืออาหารอร่อยมาก
เสียใจด้วยนะคะ สำหรับคนที่ดูคลิปนี้ยามดึก
-
เนื่องจากว่าที่ Kochi เนี่ยถือว่าน้ำสะอาดเป็นอันดับต้นๆ
ของประเทศญี่ปุ่นนะคะ
-
ดังนั้นปลาน้ำจืด สาหร่ายน้ำจืดอร่อยหมดเลยค่ะ
โดยเฉพาะปลาอายุนะคะ ที่มีชื่อเสียงมากๆ ที่นี่
-
ซึ่งปลาอายุนี่บอกเลยว่าถ้าน้ำไม่สะอาดจริง หากินไม่ได้นะคะ
-
แถมภูมิประเทศนี่เป็นเกาะติดทะเลนะคะ
ดังนั้นอาหารทะเลก็อร่อยเช่นกันค่ะ
-
โดยเฉพาะปลาคัตซึโอะหรือว่าปลาโอเนี่ยนะคะ
-
ที่นี่มีวิธีปรุงแบบพิเศษที่หากินได้ที่นี่ที่เดียว
ในประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ
-
ปลาที่เด็ดอีกอย่างของที่นี่ก็คือชิริเม็งจาโกะนั่นเองค่ะ
-
เป็นปลาตัวเล็กๆ น้อยๆ ผสมกันนะคะ เอาไปโรยบน
อาหารชนิดอื่น รวมถึงไอศกรีมด้วยอันนี้ก็แอบแปลกนิดนึงนะ
-
ไปชิมมาแล้ว
-
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีปลาน้ำจืดที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่ง
ก็คือปลาไหลนั่นเอง
-
ตามวิวไปจับปลาไหลกันดีกว่าค่ะ
-
เชือกเส้นหนึ่งเนี่ยนะคะ ก็จะต้องใส่เบ็ดเข้าไปเนี่ย
ทั้งหมด 10 จุดด้วยกันนะคะ
-
ซึ่งเขาบอกว่าปลาไหลเนี่ยมันหายากมาก ถึงขนาดที่ว่าปล่อยเชือกลงไปเส้นหนึ่ง มี 10 จุดใช่ไหม
-
อาจจะตกได้แค่ตัวเดียวเท่านั้นนะคะ
-
ดังนั้นวันหนึ่งปล่อยได้ประมาณ 4 - 5 เส้นเท่านั้น
-
ก็ปลาไหลนี่หายากมากๆ ค่ะ
-
ตลาดของที่นี่ก็ยูนีคไม่แพ้กันนะคะ
อยากให้ลองมาโดนจริงๆ อาหารอร่อยมาก
-
คิดว่าหมดแล้วใช่ไหม ขอเลยว่าใครเป็นสายเนื้อนะคะ
เนื้อที่นี่เด็ดมากพลาดไม่ได้จริงๆ
-
ตั้งแต่กินเนื้อมาในชีวิต จานนี้อร่อยที่สุดเลยค่ะ
เนื้อชิมันโตะนะคะ ปีหนึ่งนี่ผลิตขึ้นมาได้แค่ 70 ตัวเท่านั้นนะคะ
-
ใครมาอย่าพลาดเลยทีเดียว
-
เห็นวิวเป็นคนไม่กินผักแบบนี้ ผักที่นี่ก็อร่อยมากๆ เช่นกันนะคะ
-
เช่นเดียวกับส้มยูสุ ที่นี่เป็นแหล่งผลิตส้มยูสุที่มีชื่อเสียงมากๆ ค่ะ
-
เรียกได้ว่ากว่าจะจบคลิปนี้ กินอิ่มอ้วนกันไปข้างหนึ่งเลยนะคะ
-
เอาจริงๆ นะคะ จังหวัด Kochi แม้ว่าเราจะไม่คุ้นเคยชื่อ
กันเท่าไหร่ แต่มันมีอะไรให้เราทำเยอะมาก
-
ส่วนตัววิวเนี่ย ดูกิจกรรมต่างๆ เยอะไปหมดเนี่ยนะคะ
-
อาจจะเลือกไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่ากิจกรรมไหน
คือกิจกรรมที่ชอบที่สุดนะ
-
เพราะว่าที่นี่มันเหมือนเป็นบรรยากาศมากกว่า คือบรรยากาศของความสงบแบบสงบจริงๆ ไม่มีคน เราอยู่กับวิถีชาวบ้านจริงๆ
-
ปั่นจักรยานไปทำกิจกรรมต่างๆ อะนะ แล้วมันคือ มันคือเกาะแห่งหนึ่ง ถ้าเกิดใครตามหาความสงบเนี่ย ก็แนะนำให้มาที่นี่ค่ะ
-
ส่วนสาระจริงๆ ของวิดีโอนี้นะคะ จะบอกว่าเมื่อกี้เราไปดู
น้ำสะอาดกันมา ไปดูอากาศที่ดี ไปดูอะไรต่างๆ มา
-
เราไปเห็นการทำกับข้าวมา ใช่ค่ะ สาระจริงๆ ของวิดีโอนี้คือ อาหารที่นี่อร่อยมากนะคะ
-
ทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อปลา เนื้อกุ้ง
เนื้อทุกอย่างค่ะ
-
เพราะว่าที่นี่อากาศบริสุทธิ์แล้วก็น้ำสะอาดมากจริงๆ นะคะ
-
ดังนั้น อยากให้ลองมาที่ Kochi กันดูค่ะ
-
วันนี้ลาไปก่อนนะคะ บ๊าย บาย
-
สวัสดีค่ะ