สวัสดีค่ะ วิวจาก Channel Point of View ค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ view on tour ค่ะ วันนี้เปิดวาร์ปอีกแล้ว ตอนนี้วิวมาอยู่ที่เมือง Kochi ประเทศญี่ปุ่นนะคะ ชื่อแปลกไหม น่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันว่าที่เมืองนี้มีอะไรน่าสนใจ ขอบอกว่ามีอะไรน่าสนใจเยอะมาก แต่จะบอกว่าคลิปนี้พิเศษนิดนึง เพราะว่าวิวไม่ได้มาคนเดียวค่ะ คลิปนี้มีเพื่อนร่วมทริปมาอีก 2 คนนะคะ อุ้ย โผล่มาอย่างรวดเร็วนะคะ ก็พี่เอ๋ นิ้วกลมนะคะ แล้วก็พี่ชิงชิงค่ะ สวัสดีครับ เดี๋ยวเราก็จะพาไปเที่ยวเมือง Kochi กันนะคะ เมืองนี้มีอะไร เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะ แต่ว่าก่อนที่จะไปดูกันนะคะ อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนคะ ไม่ว่าจะเป็น Facebook YouTube ig Twitter เอาให้ครบเลยนะคะ พร้อมจะไปเที่ยวแบบสนุกแล้วก็มีสาระกันรึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปกันเลย บอกเลยนะคะ คลิปนี้ใครสายบุญเงี่ยหูฟังดีๆ ค่ะ เพราะจังหวัด Kochi ที่วิวจะพามาเที่ยวเนี่ย เป็นแหล่งสะสมแต้มบุญชั้นเยี่ยมเลยนะคะ ที่นี่เป็นเส้นทางแสวงบุญที่มีชื่อเสียง แล้วก็เป็นจุดรวมเทพเจ้าหลายๆ องค์ค่ะ บอกว่าจะพามาเที่ยว Kochi หลายคนงงทันทีนะคะ เอ้า ที่ไหนไม่เคยได้ยินชื่อ จังหวัดนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Shikoku เป็นเกาะที่เล็กที่สุดในบรรดา 4 เกาะหลักของญี่ปุ่นค่ะ เรียงตามนี้เลย Honshu Hokkaido Kyushu แล้วก็ Shikoku เล็กที่สุดนะคะ ซึ่งในเกาะ Shikoku เนี่ย ก็มีทั้งหมด 4 จังหวัดด้วยกันค่ะ จังหวัดที่น่าจะพอคุ้นหูกันอยู่บ้าง ก็น่าจะเป็นจังหวัด Ehime นะคะ ส่วน Kochi นี่เป็นจังหวัดที่อยู่ด้านใต้สุดของเกาะ กั้นจากจังหวัดอื่นด้วยภูเขานะคะ นอกจากสายบุญแล้วใครสายฮิปสเตอร์ตั้งใจฟังคลิปนี้ดีๆ ค่ะ เพราะจังหวัดนี้ฮิปมากๆ จากนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ปีละประมาณ 1,000,000 คนเนี่ยนะคะ มีคนเดินทางมาเที่ยวจังหวัดนี้แค่ 400 คนต่อปีเองค่ะ ใครชอบเปิดที่เที่ยวใหม่ห่างไกลฝูงชน อากาศดี วิวสวย ในน้ำมีปลา ข้างนาเลี้ยงวัวเนื้ออร่อยมาก ห้ามพลาดเลยนะคะ ฟังขนาดนี้แล้วรู้สึกว่า เอ๊ อยากมาจะมายังไง การเดินทางง่ายมากค่ะ แค่บินมาลงที่ประเทศญี่ปุ่น จะโตเกียวหรือโอซาก้าก็ได้ เสร็จแล้วต่อเที่ยวบินในประเทศมาลงสนามบิน Kochi ได้เลย มีทั้งสายการบิน full service แล้วก็ low cost ให้เลือกค่ะ แอบกระซิบนิดนิดนึงว่าการท่องเที่ยวที่เนี่ย เอาใจนักท่องเที่ยวมากค่ะ นอกจากจะมีข้อมูลภาษาต่างๆ ให้ รวมถึงภาษาไทยให้แล้วนะ โชว์พาสปอร์ตที่สนาบินมี Pocket WIFI ให้ใช้ฟรีตลอดเวลาที่อยู่ในจังหวัดด้วย ส่วนใครสายขี้เกียจ กลัวว่าจะจองนู่นจองนี่ยากนะคะ มี package tour บริการด้วยค่ะ ทีเดียวจองครบตั้งแต่เครื่องบิน ที่พัก เช่ารถ pocket WIFI ต่างๆ เลยนะคะ ดู packet ได้ตามรายละเอียดด้านล่างเลยค่ะ วิวลงเป็นลิงก์ไว้ให้แล้ว มาถึง Kochi กันแล้ว สายบุญอย่างพวกเราอย่ารอช้าค่ะ เพราะที่นี่ไม่ใช่เเค่เดินไหว้พระ 9 วัดนะคะ แต่เขาเดินแสวงบุญกันถึง 88 วัดด้วยกันค่ะ เต็มอิ่มจุใจกันไปเลย ไปลุย! อรุณสวัสดิ์ค่ะ ทุกคน นี่คือชุด Ohenro นะคะ คือบริเวณเกาะ Shikoku เนี่ยนะ มีประเพณีอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือเป็นประเพณีที่คล้ายๆ การทำบุญ 9 วัดของไทยนะคะ คือเขาจะมีเส้นทางเดินแสวงบุญค่ะ เดินรอบเกาะไปเรื่อยๆ แล้วก็เดินไหว้พระไปเรื่อยๆ เนี่ยนะคะ ทั้งหมด 88 วัดนะคะ ซึ่งอันนี้อยู่ในนิกายของพระองค์ด้านหลังนี้นะคะ ก็คือท่าน Kobo Daishi นั่นเอง ตลอด 88 วัดเนี่ย คนก็จะต้องแต่งตัวแบบนี้นะคะ แต่งตัวเป็น Ohenro ออก แล้วก็ไปทั้งหมด 88 วัด เดินไหว้ๆๆ ค่ะ ในสมัยโบราณ ส่วนตอนนี้อาจจะประยุกต์นิดนึง มีการขับรงขับรถอะไรได้นะคะ ซึ่งระหว่างทางเขาก็จะมีข้อห้ามต่างๆ กึ่งๆ ถือศีล ประมาณ 15 ข้อด้วยกัน หลักๆ ก็อารมณคล้ายๆ ศีล 5 ค่ะ อย่าโกหก อย่าฆ่าสัตว์ อย่าประพฤติผิดในกาม อะไรประมาณนี้น่ะนะ เรื่อง Ohenro เป็นยังไง เราไปดูกับค่ะ ohenro หรือว่า ohenro san เนี่ยนะคะ คือการออกเดินจาริกแสวงบุญไปยัง 88 วัดในเกาะ Shikoku ค่ะ ซึ่งแต่ละวัดเนี่ย ถือว่าเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับพระผู้มี ชื่อเสียงมากๆ นะคะ ในนิกายนี้ก็คือ พระ Kobo Daishi นั่นเอง ซึ่งเส้นทางเดินแสวงบุญเนี่ย ถือว่าเป็นเส้นทาง ประวัติศาสตร์นะคะ เพราะว่ามีอายุยาวนานกว่า 1,200 ปีนะ โดยเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มีระยะทางยาวไกลมากเลยนะคะ เพราะว่ายาวประมาณ 1,400 กิโลเมตรค่ะ ไปรอบๆ เกาะ Shikoku นะคะ ผ่านทั้งหมด 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด Tokushima จังหวัด Kochi จังหวัด Ehime แล้วก็จังหวัด Kagawa ค่ะ ถึงสมัยนี้จะนิยมใช้รถยนต์ ใช้มอเตอร์ไซค์หรือว่ารถทัวร์กันนะคะ แต่ถ้าจะเอาแบบคลาสสิคแบบสมัยโบราณเนี่ย ก็เป็นเส้นทางเดินที่ใช้เวลาประมาณ 40 วันเลยทีเดียวค่ะ ตัวเส้นทางเนี่ย ถ้าเกิดดูตามแผนที่ก็จะเห็นนะคะ ว่าเขาจะแบ่งเลยว่า วัดที่ 1 อยู่ตรงนี้ วัดที่ 2 อยู่ตรงนี้ วัดที่ 3 อยู่ตรงนี้ เดินไปตามเส้นทางได้เรื่อยๆ ค่ะ ส่วนเดินไปทำไมเนี่ย สงสัยกันไหม คือจุดประสงค์เนี่ย แตกต่างไปตามแต่แต่ละคนเลยนะคะ บางคนออกเดินทางเพื่อที่จะได้ไหว้พระ บางคนก็เดินทางเพื่อเหตุผลด้านสุขภาพ ไปค้นหาตัวเอง ไปอธิษฐานให้สมหวังในความรัก หรือบางคนอาจจะแค่ท่องเที่ยว โดยมีธีมเป็นแบบสายบุญก็ได้เหมือนกันค่ะ หลังจากไปถึงแต่ละวัดแล้วเนี่ยนะคะ ก็นิยมโค้งคำนับหนึ่งครั้งตรงประตูเข้าวัดนะคะ หลังจากนั้น ก็ล้างมือล้างปากให้สะอาด แล้วก็เข้าไปที่โบสถ์ค่ะ ไหว้ที่โบสถ์เรียบร้อยนะคะ ก็ไปที่หอที่ประดิษฐาน รูปปั้นของพระ Kobo Daishi ค่ะ เสร็จแล้วก็ไปชำระค่าเทียนนะคะ จุดทงจุดเทียนเรียบร้อย ไปหากระดาษอีกแผ่นหนึ่งค่ะ ชื่อว่า Nosatsu นะคะ เป็นป้ายกระดาษจากทางวัดค่ะ จากนั้นก็เริ่มสวดมนต์นะคะ ตามที่เขาจะมีคู่มือเขียนไว้ให้ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดเราก็จะได้รับ ตราประทับจากทางวัดค่ะ ปกตินะคะ Ohenro เขาจะมีสมุดประจำตัวแต่ละคนด้วยนะคะ แล้วก็พกไปทั้งหมด วัด 88 ไปถึงก็จะมีพระเนี่ย เขียนข้อความให้ประมาณนี้นะคะ ซึ่งกรณีเราเนี่ยก็อาจจะไม่ไปครบทั้ง 88 วัด ก็จะได้เป็นกระดาษแบบนี้มาค่ะ ด้านในก็เป็นยังงี้เลย เขียนด้วยลายมือนะคะ ประมาณนั้นค่ะ แต่ว่าอันนี้ คนที่มาครั้งแรกจะเป็นสีขาวเนาะ แต่ว่าถ้ามา 5-6 ครั้งแล้วจะเป็นสีแดง มากกว่านั้นเป็นสีเขียวแล้วถ้าใครมาวัดเดิมเกิน 100 ครั้งนะคะ กระดาษจะเป็นสีทองแล้วนะ ส่วนชุดที่วิวใส่อยู่ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นเครื่องแบบ ของ Ohenro san นะคะ ซึ่งถ้าตามสมัยโบราณดั่งเดิมเลยเนี่ย จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์หลักๆ ทั้งหมด 3 ชิ้นด้วยกันค่ะ ชิ้นแรกคือเสื้อคลุมสีขาวนะคะ ที่วิวใส่อยู่เรียกว่า Hakui ค่ะ ส่วนหมวกสานทรงแหลมที่วิวใส่อยู่เนี่ยนะคะ เรียกว่า sugegasa นะคะ ก็เอาไว้กันแดด กันลม กันฝน และสุดท้ายก็คือไม้เท้านะคะ ชื่อว่า Kongo-zue นะคะ ซึ่งตัวไม้เท้าเนี่ย จริงๆ เขาเปรียบเสมือนตัวแทนของ พระ Kobo Daishi นะคะ เหมือนกับว่าเราพาพระเนี่ยไปด้วย ทุกครั้งที่เราไปแสวงบุญเลยค่ะ ดังนั้นต้องให้ความเคารพไม้เท้าอันนี้นิดนึงค่ะ ทีนี้จะบอกว่าไม้เท้าอันนี้ มันมีเรื่องเล่าด้วยว่า มันมีการแรงค์กิ้งอยู่ว่าถ้าเกิดสมมติว่าคุณไหว้พระ 88 วัดเนี่ยนะคะ ครบประมาณ 3 หรือ 4 รอบเนี่ย คุณจะได้เลื่อนขั้นจากไม้เท้า ไม้ธรรมดายังงี้นะคะ จะกลายเป็นไม้เท้าสีส้มแล้วก็หัวกลายเป็นสีทองค่ะ ดังนั้นระหว่างทางที่เราเดินๆ มาเนี่ย เราก็จะเห็นคนญี่ปุ่นบางคนที่ถือไม้ยังงี้ แต่เป็นสีส้มก็คือเป็นระดับ professional แล้วนะคะ เจอของน่าสนใจชิ้นหนึ่งนะคะ นี่คืออันนี้เลย พี่เอ๋บอกว่าคืออะไรนะคะ เขาเรียกว่าวัชระคทานะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นสัญลักษณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งนะครับ ของนิกายวัชระยาน ในทิเบตเนี่ยก็จะเห็นกันได้อย่างแพร่หลายนะครับ หรือว่าวัดที่ได้รับอิทธิพลมาจากทิเบต ซึ่งจริงๆ แล้วนิกายชินงอนของญี่ปุ่นเนี่ย เป็นนิกายที่ได้รับอิทธิพลมาจากสายวัชรยานเหมือนกันครับ คนสมัยก่อนนะคะ เวลาเป็น Ohenro เนี่ย เขาก็จะระหว่างเดินไปเรื่อยๆ เหมือนแสวงบุญใช่ไหม คนระหว่างทางต่างๆ เขาก็จะให้น้ำให้อาหาร ให้เข้าห้องน้ำได้ ให้พักด้วยได้ อะไรอย่างงี้ค่ะ แต่ว่าสมัยนี้อาจจะน้อยลงหน่อย เขาก็จะมีที่ๆ เป็นบ้านบางหลังเนี่ยนะคะ ก็อุทิศแด่ Ohenro โดยเฉพาะ เช่น บ้านที่วิวอยู่ตรงนี้เนี่ยค่ะ ก็คือ ด้านล่างก็ทำเป็นที่พักนะคะ มี WIFI ให้ฟรี มีห้องน้ำให้เข้า มีชามีกาแฟอะไร ให้ใช้งานต่างๆ ค่ะ คือเหมือนกับว่าคนที่เป็น Ohenro เนี่ย ถ้าเกิดสมมติว่าใครมีเงินนิดนึงมานะคะ เขาก็จะช่วยบริจาค ส่วนใครที่ไม่ค่อยมีก็มาใช้บริการตรงนี้ หรือว่าชุมชนรอบๆ เขาก็บริจาคให้ต่างๆ นะคะ เหมือนกับว่าช่วยกันทำบุญ ว่ายังงั้นเถอะค่ะ แสวงบุญตามความเชื่อของศาสนาพุทธไปแล้วนะคะ ที่ญี่ปุ่นเนี่ยก็ยังมีความเชื่ออีกแบบหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงพอกัน ก็คือลัทธิ Shinto นั่นเอง ฝั่งลัทธิ Shinto นี่บอกเลยนะคะ ว่าที่ Kochi ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันค่ะ เพราะว่ามีบริเวรช่องเขาที่รวมเหล่าเทพเจ้า ของชินโตไว้หลายต่อหลายองค์เลยนะคะ ที่สำคัญนอกจากศักดิ์สิทธิ์แล้วที่นี่วิวสวยมากค่ะ กรุณาชมวิวนะคะ ตอนนี้นะคะเราก็มาอยู่บริเวณ Nakatsu Gorge นะคะ เป็นช่องเขา Nakatsu ว่ายังงั้นเถอะ ซึ่งตรงนี้เห็นข้างหลังไหมสวยมาก กรุณาชมวิวอีกรอบหนึ่งนะคะ หลังจากชมเสร็จแล้วก้จะพาไปรับโชคกันค่ะ เพราะว่าที่เนี่ย เขาเชื่อว่าเป็นบริเวณที่มีเทพแห่งความดี แห่งความโชคทั้งหมด 7 องค์ดีอาศัยอยู่ตรงนี้นะคะ ซึ่งเดี๋ยวเดินไปเรื่อยๆ เราจะเจอรูปปั้นเทพเหล่านี้ค่ะ เดี๋ยวไปดูกันว่าตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นเนี่ย เทพทั้ง 7 องค์มีใครบ้าง แล้วก็เป็นยังไงบ้างนะคะ ไป ไปดูกัน ช่องเขา Nakatsu หรือว่า Nakatsu Gorge เนี่ยนะคะ เป็นช่องเขาเก่าแก่ค่ะ อายุมากกว่า 300 ล้านปีนะคะ ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกค่ะ ซึ่งทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น 2 อย่างด้วยกันนะคะ 1 คือเกิดธรรมชาติที่สวยงามมากๆ นะคะ มีหินก้อนใหญ่รูปร่างหน้าตาแปลกตา มีหินสีต่างๆ อะไรแบบนี้นะคะ ส่วนอีกข้อหนึ่งก็คือ ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของลัทธิชินโตค่ะ เพราะว่าเชื่อว่าบริเวณนี้มีพลังต่างๆ สถิตอยู่นะคะ ชาวบ้านเชื่อว่าที่นี่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อยู่มากมายเลย เช่น น้ำตกที่หน้าตาเหมือนมังกรพ้นไฟนะคะ ก็เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มากๆ สวยมากๆ เช่นเดียวกันค่ะ และที่เป็นไฮไลท์เลยนะ ก็คือเทพเจ้าแห่งความโชคดี ทั้งหมด 7 องค์นะคะ ที่สถิตอยู่ที่นี่ค่ะ ก็จะเป็นเพเจ้าตามความเชื่อด้านต่างๆ เรียงกันไปนะคะ เดี๋ยวเราไปดูทีละองค์ตามทางปีนเขาเล็กๆ กันดีกว่าค่ะ เห็นตรงนี้ไหม ก็มีเสาโทริอินะคะ แปลว่าเรากำลังจะเข้าดินแดนของเทพเจ้าแล้ว เพราะว่าด้านบนนนั้น เห็นหินก้อนใหญ่เบิ้มนั้นไหม เขาเรียกว่า king of dragon rock ประมาณนี้ คือแบบเป็นหินมังกรก้อนใหญ่มาก ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นเทพเจ้า และบริเวณที่ตั้งอยู่เนี่ย มันเป็น ตั้งอยู่บริเวณ ring of fire หรือว่าเส้นที่เป็นเส้นแผ่นดินไหวนะคะ เป็นรอยเลื่อนของโลก ว่ายังงั้นเถอะ เหมือนชาวญี่ปุ่นโบราณน่ะ เขาพอจะรู้อยู่แล้วแหละ ว่าเส้นนี้ มันมีพลังอะไรบางอย่าง เพราะว่ามันแผ่นดินไหวบ่อยอะนะ ศาลเจ้าของญี่ปุ่นเยอะแยะมากมายก็เลยตั้งอยู่บนเส้นนี้ แล้วก็ไล่ๆๆ กันไปทั่วประเทศเลยค่ะ แล้วก็จุดนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งนะคะ เพราะว่าเวลาปกติชาวญี่ปุ่นเขาจะข้ามแดนเนี่ย เขาต้องทำยังไง เขาต้องแบบทำการบูชา ซึ่งถ้าเป็นคนไทยเราก็ไหว้ธรรมดาใช่ไหม แต่ถ้าคนญี่ปุ่นเขาจะทำแบบนี้ โค้ง 2 ทีก่อน 1 2 แล้วก็ตบมือ 2 ครั้งค่ะ เสร็จแล้วก็โค้งยาวๆ เหมือนแบบ ว่าแสดงความเคารพอย่างลึกซึ้งอีกรอบหนึ่ง แล้วก็เสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้ก็คือเหมือนเคารพเทพเจ้าแล้ว พร้อมจะเดินเข้าไปในดินแดนเทพเจ้าแล้วค่ะ มองจากน้ำขึ้นไปนะคะ ด้านหลังตรงนี้เห็นไหม มีเทพอยู่องค์หนึ่งนะคะ ชื่อว่าบิชามอนเทนนั่นเองนะคะ ก็เป็นเทพที่เกี่ยวกับการแข่งขัน การสงครามอะไรต่างๆ ค่ะ ไหว้เพื่อความสำเร็จประมาณนั้นเถอะ นะจ๊ะ เขาบอกว่าที่บริเวณนี้นะคะ ที่น้ำเป็นสีฟ้าขนาดนี้ เพราะว่าเป็นน้ำที่ใสสะอาดมากๆ แล้วที่ญี่ปุ่นมีการแข่งขันแบบ competition ด้านคุณภาพน้ำด้วยนะ ที่นี่ก็ได้อันดับต้นๆ เลยทีเดียวค่ะ เขาบอว่าเขาภูมิใจสีของน้ำที่นี่มากๆ นะจ๊ะ พี่เอ๋คะ เป็นโอตะรึเปล่าคะ ไม่เป็นครับ แหม่ถ้าเป็นโอตะนี่กรี๊ดไปแล้วนะ ทำไมอะ น้ำใสค่ะ เฮ้อออ เจอองค์ที่ 2 แล้วนะค เทพเจ้าองค์นี้คือเทพเอบิสึนะคะ เป็นเทพเกี่ยวกับธุรกิจการค้าต่างๆ ดังนั้นแปลว่าเราจะได้ยินชื่อเอบิสึบ่อยมาก แล้วถ้าไปดูศาลเจ้าต่างๆ นะคะ ทั่วประเทศเลย จะเห็นว่ามีศาลเทพเอบิสึนี่เยอะมาก เยอะจริงๆ เพราะว่าทุกคนบูชาเทพองค์นี้ค่ะ ทุกคนอยากค้าขายเจริญรุ่งเรืองนะคะ ประมาณนั้น อ่า องค์นี้องค์ที่ 3 แล้วนะคะ ชื่อว่าเบ็นเท็นซามะนะคะ ซามะแปลว่าท่านน่ะนะ ดังนั้นชื่อจริงๆ ท่านชื่อเบ็นเท็นนะคะ ท่านนี้ก็เป็นเทพเจ้าด้านดนตรี ศิลปะ อะไรทำนองนี้ ดังนั้นใครอยากร้องเพลงเก่ง อยากร้องคาราโอเกะได้เต็ม 100 คะแนน ที่ญี่ปุ่นเขาก็จะมาไหว้องค์นี้นี่แหละค่ะ ตรงนี้นะคะ เห็นค้อนอยู่อันหนึ่งไหม อาจจะงงเทพเจ้าอะไร ทำไมหน้าตาเป็นค้อนนะคะ ตรงค้อนเนี่ยเป็นพรอบประกอบ ไม่ใช่เทพเจ้านะ เทพเจ้าคือหินทั้งก้อนนี่ค่ะ จะเห็นเป็นหน้าตาของเทพเจ้า คือเขาหน้าตาเหมือนเทพเจ้ามาก ก็เลยสมมติว่าหินทั้งก้อน นี่แหละเป็นเทพเจ้า ซึ่งเทพองค์นี้นะคะ ก็คือเทพไดโกกุ เป็นเทพเกี่ยวกับแบบว่า การทำนาการทำประมงอะไรประมาณนี้นะคะ นี่แหละค่ะ เห็นดูออกกันไหมว่านี่เป็นหน้าเทพเจ้านะจ๊ะทุกคน องค์นี้นะคะ ก็คือฟุกุโรกุยูนะคะ เป็น Prophet หรือว่าเป็นผู้ทำนายอะไรยังงี้แล้วก็ในมือจะถือลูกท้อไว้อยู่ ก็คือ เอาไว้ไล่ยักษ์นั่นเอง ก็ตามตำนาน เหมือนคล้ายๆ ตำนานโมโมทาโร่ ทำนองนั้นนะจ๊ะ ถ้ามีโอกาสเดี๋ยวไว้เล่าให้ฟัง ที่สำคัญแอบบอกนะคะ ว่าน้ำตกบริเวณเนี่ย ตอนนี้เป็นฤดูฝนฤดูร้อนใช่ไหมคะ ก็จะเขียวๆ นิดนึง แต่ว่าถ้ามาตอนฤดูใบไม้ร่วง ตรงนี้เป็นต้นโมมิจิทั้ง ดังนั้นทั้งน้ำตกจะเป็นสีแดงหมดเลย ดังนั้นสวยแน่นอนค่ะ มาเจอเทพอีกองค์หนึ่งแล้วนะคะ ก็คือองค์นี้เลย จูโรจินนะคะ เป็นเทพด้านแบบว่า อายุยืน ชีวิตยืนนานทำนองนี้ค่ะ ใครอยากอายุยืนก็ไหว้องค์นี้นะจ๊ะ นี่นะคะ ตัวอย่าง องค์นี้นะคะ ที่หน้าตาเหมือนพระสังกัจจายน์ชื่อโฮเทซังนะคะ โฮเทซังเป็นเทพที่เอาขอลูกค่ะ ประมาณนั้นเลย ใครอยากมีลูกก็ไหว้องค์นี้เลยค่ะ ด้านหลังนี่ก็องค์สุดท้ายแล้วนะคะ ฟุโดเมียวโอค่ะ เป็นเทพเจ้าเกี่ยวกับไฟ ประมาณนั้นค่ะ ก็เรียกได้ว่าดูแลครับทุกด้านจริงๆ เทพเจ้าทั้ง 7 องค์นะคะ สะสมแต้มบุญกันเต้มอิ่มแล้ว น่าจะพอเห็นกันแล้วใช่ไหมค่ะ ว่าที่ Kochi เนี่ย นอกจากสถานที่ทำบุญแล้ว ยังมีธรรมชาติที่สวยงามมากๆ เลยค่ะ ดังนั้นตามวิวไปชมธรรมชาติอันสวยงามของ Kochi กันดีกว่าค่ะ ตรงนี้นะคะ เขาเรียกว่า Shikoku karst นะคะ ซึ่งคำว่า karst เนี่ยก็เป็นภาษาอังกฤษ ใช่ karst เป็นภาษาอังกฤษค่ะ คือมันเป็นสำเนียงญี่ปุ่นน่ะนะ จากคำว่า karst ซึ่งคำว่า karst เนี่ยแปลว่าหินปูนที่โดนกัดเซาะเป็นร่องรอยเป็นอะไรอย่างงี้ ประมาณนี้นะคะ ก็เป็นลักษณะทางภูมิศาสตร์ลักษณะหนึ่งนะคะ ที่ออกมาแล้วมันก็สวยมาก แปลกตาอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ ใครสนใจมากก็สามารถหารถมาเช่า ขับมาดูได้นะคะ มาออกมาค่อนข้างไกลจากตัวเมือง Kochi นิดนึง เพราะว่าเราเกือบจะข้ามไปที่จังหวัด Ehime แล้วนะ มันอยู่ตรงเชื่อมต่อระหว่างตรง Ehime กับ Kochi ค่ะ ก็มาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ แต่ว่าสวยคุ้มค่าจริงๆ นะจ๊ะ มาดูกันได้ นี่มีความนิวซีแลนด์นะคะ ตรงนี้จะมีความแบบมีวัว แล้วก็เป็นแบภูเขาๆ แล้วก็ถนนๆ แม่เจ้า ญี่ปุ่นมีแบบนี้ด้วยอะ ดูยุโรปมากเลยอะ แถวนี้ก็ไม่ได้สวยๆ อย่างเดียวนะคะ เขามีนี่ด้วย มีกังหันนะคะ ผลิตกระแสไฟฟ้าก็พลังคลีนนิดนึงทำนองนี้นะจ๊ะ ตรงนี้นะคะ ก็เป็นรอยต่อระหว่าง 2 จังหวัดเลยนะคะ ระหว่างจังหวัด Kochi กับ Ehime นะคะ ก็เป็น 2 จังหวัดในเกาะ Shikoku นะคะ ก็เห็นเส้นตรงข้างหลังนี่นะ ก็เป็นเส้น border เขียนไว้เรียบร้อย ดูคู่รักคู่นี้สิคะ น่าสงสารจังเลย โดนแยกจากกันอยู่คนละจังหวัด โอ้ พลัดพลากจากกันน่าสงสารสุดๆ เลย ตอนนี้นะคะ วิวก็พาทุกคนมาอยู่ที่สวน Monet ค่ะ หรือว่า monet garden นั่งเอง ในเมือง Kochi นี่นะคะ จำตอนที่วิวพาไปดูรูปภาพของแวนโกะกันได้ใช่ไหมคะ ที่มีภาพของ Monet ด้วย ที่มีภาพของสวนบงสวนบัวเนี่ยนะคะ ที่เนี่ย เป็นที่เดียวในโลกที่ได้รับอนุญาตจาก Monet Museum นะคะ ว่าสามารถใช้คำว่าสวน Monet ได้ นี่นะคะ อยู่ในสวนก็จะเป็นธรรมชาติๆ ประมาณนี้ เพราะว่า Monet เนี่ย เป็นคนที่เชียวชาญการวาดศิลปะ impressionist หรือว่าศิลปะที่แบบมองอะไรธรรมดาๆ ธรรมชาติๆ ที่แบบไม่ได้หรูหราอลังการ แล้วก็ก็วาดออกมาเป็นภาพที่แบบว่าแสดง ความประทับใจต่อสิ่งธรรมดาค่ะ เช่น ถ้าเราไปดูยุคก่อนหน้านั้น สมัยโบราณเนี่ย จะชอบวาดอะไรที่มันอลังการใช่ไหม แบบวาดเรื่องศาสนา วาดอะไรที่แบบเรืองรองมากๆ แต่ว่ายุค impressionist เนี่ย มองสวน มองเรือ มองนู่นมองนี่ธรรมดาสามัญแล้วก็วาดออกมาอย่างหน้าสนใจค่ะ ซึ่งในสวนเนี่ย เดินๆ มามันก็จะมีรูปว่าแบบ เออ นี่คือภาพของ Monet ประมาณนี้นะ แล้วก็สวนหน้าตาคล้ายๆ กันก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ อย่างภาพนี้นะคะ ก็จะทำให้เป็นคล้ายๆ กับถนนเส้นนี้เลย นี่ ประมาณนี้เดี่ยวจะมีอาคงอาคารอะไร เกิดขึ้นในอนาคตรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่เขาบอกว่ากำลังทำอยู่ อีกจุดหนึ่งที่น่าเที่ยวมากๆ ที่ Kochi นะคะ คือแม่น้ำ Shimanto นั่นเองค่ะ แม่น้ำ Shimanto เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเลยนะคะ ในเกาะ Shikoku ค่ะ แม่นำสายนี้ขึ้นชื่อมากๆ เลยนะคะ ว่ามีน้ำที่ใสสะอาดสุดๆ ทำให้มีปลาชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ ก็คือปลาอายุนั่นเอง ตลอดเส้นทางของแม่น้ำนี้นะคะ ก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจก็คือ chikabashi หรือสะพานข้ามแม่น้ำค่ะ เป็นสะพานเล็กๆ แคบๆ แต่ว่าทิวทัศน์รอบๆ สวยงามมากนะคะ นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางขี่จักรยานที่มีชื่อเสียงด้วยค่ะ บอกเลยว่าไปลองขี่มาแล้ว บรรยากาศดีมากๆ เลยนะคะ ตอนนี้นะคะ เราก็มาดูอีกอย่างหนึ่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัด Kochi นะคะ เพราะว่าจังหวัด Kochi เนี่ย มีต้นไม้ชนิดหนึ่ง ค่อนข้างเยอะ แล้วก็มีน้ำ ดังนั้นที่นี่เป็นที่ที่เหมาะมากกับผลิตกระดาษค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันว่าเวลาเขาทำกระดาษแบบญี่ปุ่นเนี่ย ซึ่งมีชื่อเสียงมากที่นี่ เขาทำยังไง ไป ไปดูกัน เอาละค่ะ ทุกคน จังหวะนี้งานฝีมือละค่ะ เขาบอกให้คว่ำค่ะ แล้วก็กดพิมพ์ลงไปนะคะ ซึ่งตอนนี้ใช้ทั้งตัวแล้ว รู้สึกว่าจะไม่พอ ทำกระดาษฝีมือวิว เสร็จแล้ว นี่เสร็จแล้วกระดาษของน้องวิวนะคะ น้องวิวทำเองกับมือ ตรงนี้เขาก็มีนี่ให้ด้วย มีตัวปั๊มให้เราเล่นกับกระดาษ เดี๋ยวเรามาลองเล่นกันค่ะ กระดาษแบบญี่ปุ่นเนี่ย ณ ของเมืองนี้นะ เขาใช้ต้นไม้ต้นนี้ทำนะคะ ก็คืออันนี้ไม้กิ่งๆ นี่ใช่ไหม ซึ่งพอเอามาแล้วเนี่ย เขาก็จะเอาไปนึ่งนะคะ ใช่เอาไปนึ่ง พอนึ่งเสร็จปุ๊บเนี่ย นึ่งเป็นเวลา 2 ชั่วโมงปุ๊บ ไม้มันจะนิ่ม พอไม้นิ่มเนี่ยสามารถลอกเปลือกออกมาได้ ลอกง่ายมากๆ นะคะ ลอกเหมือนกันปอกกล้วยเลยทีเดียว หลังจากที่ปอกเปลือกมาได้แล้วนี่นะคะ เขาก็จะเอามาใส่หม้อนี้เลย ใส่หม้อขนาดใหญ่นะ แล้วก็ใส่สารต่างๆ ด้วย แบบว่าเขาบอกว่าเป็นอัลคาไลน์ เป็นพวกโซดา อาจจะเป็นโซดาไฟอันนี้ไม่ชัวร์นะคะ ใส่สารต่างๆ ของมันลงไปเนี่ย แล้วก็ต้มๆๆ ต้มจนมันนิ่มนะคะ เพื่อที่จะเอาไปทำกระดาษต่อไป ต้มออกมาตากนะคะ เขาก็จะมีการทำยังงี้ เอาไปล้าง เอาไปแช่น้ำด้วยนะ เพื่อให้มันสะอาด แล้วก็เอาพวกสารที่มันไม่โอเคออกไปต่างๆ นะคะ หลังจากนั้นค่ะ เขาก็จะเอามาขั้นตอนนี้ต่อเลย ก็คือเป็นขั้นตอนแรงงาน เอาไอ้แก่นกระดาษอะไรสักอย่างที่ทับได้เสร็จแล้วเนี่ยนะ มาวางๆๆ แล้วก็ใช้แรงงานคนเนี่ยนะคะ หยิบอะไรก็ตาม ที่มันไม่ใช่กระดาษบริสุทธิ์เนี่ย ออกไปให้หมด มันจะทำให้กระดาษเนี่ย สีขาวบริสุทธิ์ที่สุด เสร็จแล้วค่ะ เขาจะเอากระดาษมาใช้ไอ้ไม้นี่นะคะ ไม้นี้เลย เอามาแล้วก็ ทุบๆๆ นวดๆๆ ค่ะ จนกระทั่งกระดาษมันนุ่มนะคะ แล้วก็เอามาใส่ในตะกร้านี้อีกที ซึ่งเป็นตะกร้าที่บุข้างในไว้นะ แล้วก็เอาลงไปที่แม่น้ำอีกทีหนึ่งนะคะ แล้วก็ล้างเยื่อกระดาษต่างๆ ให้สะอาด เสร็จแล้วค่ะ มันก็จะได้เป็นเยื่อกระดาษ เหมือนที่วิวไปทำเมื่อกี้ใช่ไหม ที่นี่ปัญหาก็คือไอ้วิวทำเมื่อกี้ มันเป็นกระดาษแบบง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ แต่ว่ากระดาษที่นี่จุดเด่นของมันคือเป็นกระดาษ ที่ค่อนข้างจะบางเฉียบเลยนะคะ แล้วก็คุณภาพค่อนข้างสูงค่ะ ดังนั้นเขาก็จะเอามาใส่บ่อนี้ คล้ายๆ กับเมื่อกี้เลย แต่ว่าดูขนาดสิ แตกต่างกันมากเลย ไอ้เมื่อกี้ที่วิวทำมันยกเล็กๆ ใช่ไหม อันนี้ขนาดใหญ่มาก เพราะว่าอะไร เพราะว่าเขาเอาไปทำประตู สมัยโบราณเขาใช้กระดาษบุประตูกันใช่ไหมคะ ดังนั้นกระดาษ 1 แผ่นก็ต้องใหญ่เท่าประตูเลยค่ะ ปัญหาก็คือเวลาจะยกขึ้นเองอะ ยกไม่ไหวใช่ปะ ก็ต้องใช้พวกอุปกรณ์ต่างๆ ช่วยยกนะคะ เป็นแบบว่าเป็นรอกเป็นอะไรอยู่บนเพดานนะคะ หลังจากนั้นค่ะ พอยกขึ้นมาได้เขาก็จะเอากระดาษมาเรียงๆ ทับๆ กันนะคะ แล้วก็ค่อยๆ กดน้ำออก เหมือนที่เมื่อกี้วิวกดใช่ไหม แต่กระดาษอันนี้มันแผ่นใหญ่มาก กดเองไม่ไหว เขาก็จะใช้สิ่งนี้ นี่เลย ใช้ก้อนหินนะคะ เป็นคาน แล้วก็เป็นก้อนหินกดๆๆ ลงไปค่ะ หลังจากนั้นนะคะ เขาก็จะเอามาแผ่ค่ะ แผ่บนแผ่นกระดานเหมือนข้างหลังนี้นะคะ แล้วก็เอาไปตากค่ะ เราก็จะได้กระดาษในที่สุดนะคะ ก่อนที่จะเอาไปตัดแต่งขอบต่างๆ ค่ะ จะบอกว่าจังหวัดเนี่ย กระดาษมีชื่อเสียงมาก มีชื่อเสียงเลเวลไหนรู้ไหม เห็นนี่ไหม ที่อยู่บนหัววิวเนี่ย ไม่ใช่ตะแกงอะไรเฉยๆ นะ เป็นตะแกงขนาดใหญ่มาก กระดาษที่นี่ เขาบอกว่าถ้ามีแม่พิมพ์ไซส์ไหน เขาก็ทำกระดาษไซส์นั้นได้จ้า แม่พิมพ์ด้านบนนี้นะคะ คือแม่พิมพ์ ที่ใช้ทำกระดาษไซส์ใหญ่มากๆๆๆ พิมพ์ออกมาก็ได้กระดาษยาวม้วนยาวขนาดนี้นะคะ เพราะว่าที่ศาลเจ้าเมจิที่กรุงโตเกียวนะคะ ที่วิวเคยไปทำเรื่องวัดกับศาลเจ้า จำได้ใช่ไหม มีเหมือนแบบว่าจุดหนึ่งอะ ที่เขาต้องใช้กระดาษแผ่นใหญ่มากๆ แล้วก็ไม่มีใครในประเทศญี่ปุ่นเนี่ยผลิตให้ได้นะคะ ที่นี่ก็เลยอาสาว่า เออ เราเชียวชาญด้านกระดาษ เราผลิตให้นะคะ ดังนั้นที่นี่ก็เลยเป็น supply กระดาษขนาดใหญ่ ของศาลเจ้าเมจิค่ะ ด้วยกระดาษเนี่ยเขาบอกว่าเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับศาสนาพุทธที่รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนค่ะ หลังจากที่เข้ามาแล้ว คนญี่ปุ่นก็รู้สึกว่า เฮ้ย ฉันต้องทำกระดาษได้แล้ว เพราะว่าไม่งั้นฉันจะเขียนคัมภีร์อะไรต่างๆ ไม่ได้ ดังนั้นคนที่มาสอนคนญี่ปุ่นทำกระดาษนะคะ ตามตรงนี้เขาบอกว่าประมาณปี ค.ศ.610 เนี่ยนะคะ ชาวเกาหลีมาเป็นคนสอนญี่ปุ่นทำกระดาษนะคะ หลังจากนั้นประวัติศาสตร์กระดาษของญี่ปุ่น ก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ จนกระทั่งปี 1860 นะคะ กระดาษที่นี่ถึงจะแบบได้คุณภาพเหมือนที่เมื่อกี้พาไปดูวิธีทำค่ะ ว่าแบบสามารถทำแผ่นใหญ่ได้อะไรได้ ที่สำคัญนะ แอบพามาดูอันนี้ อันนี้ exclusive มากนะจ๊ะ ทุกคน เห็นกระดาษม้วนนี้ไหม กระดาษม้วนนี้เหมือนกระดาษธรรมดานะคะ นี่เป็นกระดาษที่เก่าแก่มาก แล้วอันนี้ของจริงนะคะ ไม่ได้ทำจำลองขึ้นนะ เป็นกระดาษที่ขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.764 นะคะ ทุกคน เป็นคัมภีร์ของศาสนาพุทธค่ะ ที่เขาพิมพ์ลงไปในกระดาษ พิมพ์นะไม่ใช่เขียน ใช้แบบบล็อกไม้พิมพ์ๆๆ แล้วก็ม้วนใส่เหมือนแบบเจดีย์อันเล็กๆ นี้นะคะ แล้วก็แจกไปทั่วๆ เพื่อทำให้ศาสนาพุทธแพร่กระจายไปตามที่ต่างๆ ค่ะ นี่ ตอนนี้มาถึงร้านอาหารแล้วนะคะ เห็นโลโก้ข้างหลังไหม หน้าตาดูคุ้นๆ คือคนที่วาดอันปังแมนเนี่ย เขาเป็นคนจังหวัดนี้ค่ะ เขาก็เลยออกแบบคาแรคเตอร์ให้แบบทุกร้านในนี้เลยนะ ดังนั้นถ้าเดินไปเห็นตัวการ์ตูนที่ไหนในเมือง Kochi เนี่ยนะคะ ก็ฝีมือคนวาดอันปังเมนค่ะ มาร้านอาหารแอบให้ดูอันนี้ค่ะ น่าจะงงกันว่าตั้งอยู่หน้าร้านอาหาร อันนี้คืออะไรนะ มันคือเกลือ กองเกลือนะคะ ก็ตามศาสนาชินโตของญี่ปุ่น เขาเชื่อว่าเกลือเอาไว้ไล่ผีอะไรพวกนี้นะ ขจัดวิญญาณชั่วร้ายต่างๆ ดังนั้นบางที่เราไปญี่ปุ่นเราก็จะเห็น เขาวางๆ ไว้ประมาณนี้แหละ เพื่อขับไล่วิญญาณชั่วร้ายอะไรทำนองนั้น เหมือนเราแปะยันต์หน้าบ้านแหละค่ะ นี่นะคะ ก็คือ Nahariko-chan นะคะ เป็นมาสคอต ประจำสถานีรถไฟที่เรากำลังจะไปขึ้นกันนะคะ อย่างที่บอกเลยว่าเมืองนี้ แทบทุกอย่างเลย ออกแบบโดยคนที่วาดอันปังแมนนะคะ ก็นั่นแหละค่ะ ตามสถานีรถไฟก็เช่นกันค่ะ ตอนนี้เราก็มาถึงขบวนรถไฟแล้วนะคะ เป็นรถไฟสายที่น่ารักมาก ดูขบวนสิตกแต่งแบบตัวการ์ตูนเต็มไปหมดเลย ด้านในก็มีนะ ด้านในขบวนรถไฟ แม้แต่เพดานยังลายการ์ตูนเลยอะ คือแบบน่ารักอะ ที่เมืองนี้นะคะ ก็จะมาเทศกาลที่เรียกว่าเทศกาล Yosakoi ค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปดูกันว่าเวลาถึงหน้าเทศกาลเนี่ย เขาจะมีการร้องเล่นเต้นระบำกันแบบไหน แต่แอบให้ดูอันนี้นิดนึง เป็นสะพานตั้งแต่สมัยเอโดะนะคะ เดี๋ยวมันจะไปปรากฏในเนื้อเพลงค่ะ ไป ไปดูเทศกาล Yosakoi กันดีกว่า Yosakoi นี่เป็นเทศกาลที่คนญี่ปุ่น จะออกมาเริงระบำกันตามถนนค่ะ โดยแต่งชุดพื้นเมืองแล้วก็ถืออุปกรณ์ที่เรียกว่า naruko นั่นเอง เทศกาล Yosakoi แบบดั้งเดิมนี่บอกว่าที่ Kochi เท่านั้นนะคะ แต่วันนี้เรามาไม่ตรงเทศกาลค่ะ ก็เลยไปที่ร้านอาหารที่มีโชว์ Yosakoi ให้ดูนะคะ พาไปเที่ยวมาแล้วคิดว่าเป็นยังไงบ้างคะ คิดว่าคลิปนี้ยาวแล้วใช่ไหม นี่ยังไม่ได้เข้าจุดประสงค์หลักที่เรามา Kochi เลยค่ะ เพราะจริงๆ แล้วจุดเด่นของ Kochi ก็คืออาหารอร่อยมาก เสียใจด้วยนะคะ สำหรับคนที่ดูคลิปนี้ยามดึก เนื่องจากว่าที่ Kochi เนี่ยถือว่าน้ำสะอาดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นนะคะ ดังนั้นปลาน้ำจืด สาหร่ายน้ำจืดอร่อยหมดเลยค่ะ โดยเฉพาะปลาอายุนะคะ ที่มีชื่อเสียงมากๆ ที่นี่ ซึ่งปลาอายุนี่บอกเลยว่าถ้าน้ำไม่สะอาดจริง หากินไม่ได้นะคะ แถมภูมิประเทศนี่เป็นเกาะติดทะเลนะคะ ดังนั้นอาหารทะเลก็อร่อยเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะปลาคัตซึโอะหรือว่าปลาโอเนี่ยนะคะ ที่นี่มีวิธีปรุงแบบพิเศษที่หากินได้ที่นี่ที่เดียว ในประเทศญี่ปุ่นเลยค่ะ ปลาที่เด็ดอีกอย่างของที่นี่ก็คือชิริเม็งจาโกะนั่นเองค่ะ เป็นปลาตัวเล็กๆ น้อยๆ ผสมกันนะคะ เอาไปโรยบน อาหารชนิดอื่น รวมถึงไอศกรีมด้วยอันนี้ก็แอบแปลกนิดนึงนะ ไปชิมมาแล้ว นอกจากนี้ที่นี่ยังมีปลาน้ำจืดที่มีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่ง ก็คือปลาไหลนั่นเอง ตามวิวไปจับปลาไหลกันดีกว่าค่ะ เชือกเส้นหนึ่งเนี่ยนะคะ ก็จะต้องใส่เบ็ดเข้าไปเนี่ย ทั้งหมด 10 จุดด้วยกันนะคะ ซึ่งเขาบอกว่าปลาไหลเนี่ยมันหายากมาก ถึงขนาดที่ว่าปล่อยเชือกลงไปเส้นหนึ่ง มี 10 จุดใช่ไหม อาจจะตกได้แค่ตัวเดียวเท่านั้นนะคะ ดังนั้นวันหนึ่งปล่อยได้ประมาณ 4 - 5 เส้นเท่านั้น ก็ปลาไหลนี่หายากมากๆ ค่ะ ตลาดของที่นี่ก็ยูนีคไม่แพ้กันนะคะ อยากให้ลองมาโดนจริงๆ อาหารอร่อยมาก คิดว่าหมดแล้วใช่ไหม ขอเลยว่าใครเป็นสายเนื้อนะคะ เนื้อที่นี่เด็ดมากพลาดไม่ได้จริงๆ ตั้งแต่กินเนื้อมาในชีวิต จานนี้อร่อยที่สุดเลยค่ะ เนื้อชิมันโตะนะคะ ปีหนึ่งนี่ผลิตขึ้นมาได้แค่ 70 ตัวเท่านั้นนะคะ ใครมาอย่าพลาดเลยทีเดียว เห็นวิวเป็นคนไม่กินผักแบบนี้ ผักที่นี่ก็อร่อยมากๆ เช่นกันนะคะ เช่นเดียวกับส้มยูสุ ที่นี่เป็นแหล่งผลิตส้มยูสุที่มีชื่อเสียงมากๆ ค่ะ เรียกได้ว่ากว่าจะจบคลิปนี้ กินอิ่มอ้วนกันไปข้างหนึ่งเลยนะคะ เอาจริงๆ นะคะ จังหวัด Kochi แม้ว่าเราจะไม่คุ้นเคยชื่อ กันเท่าไหร่ แต่มันมีอะไรให้เราทำเยอะมาก ส่วนตัววิวเนี่ย ดูกิจกรรมต่างๆ เยอะไปหมดเนี่ยนะคะ อาจจะเลือกไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่ากิจกรรมไหน คือกิจกรรมที่ชอบที่สุดนะ เพราะว่าที่นี่มันเหมือนเป็นบรรยากาศมากกว่า คือบรรยากาศของความสงบแบบสงบจริงๆ ไม่มีคน เราอยู่กับวิถีชาวบ้านจริงๆ ปั่นจักรยานไปทำกิจกรรมต่างๆ อะนะ แล้วมันคือ มันคือเกาะแห่งหนึ่ง ถ้าเกิดใครตามหาความสงบเนี่ย ก็แนะนำให้มาที่นี่ค่ะ ส่วนสาระจริงๆ ของวิดีโอนี้นะคะ จะบอกว่าเมื่อกี้เราไปดู น้ำสะอาดกันมา ไปดูอากาศที่ดี ไปดูอะไรต่างๆ มา เราไปเห็นการทำกับข้าวมา ใช่ค่ะ สาระจริงๆ ของวิดีโอนี้คือ อาหารที่นี่อร่อยมากนะคะ ทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อปลา เนื้อกุ้ง เนื้อทุกอย่างค่ะ เพราะว่าที่นี่อากาศบริสุทธิ์แล้วก็น้ำสะอาดมากจริงๆ นะคะ ดังนั้น อยากให้ลองมาที่ Kochi กันดูค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะ บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ