อแมนด้า พัลเมอร์ (Amanda Plamer): ศิลปะแห่งการร้องขอ
-
0:10 - 0:16(หายใจเข้า หายใจออก)
-
0:17 - 0:21ฉันไม่ได้เลี้ยงชีพด้วยดนตรีมาตลอดหรอกนะ
-
0:21 - 0:24ประมาณห้าปีหลังจากเรียนจบ
-
0:24 - 0:27จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางศิลปศาสตร์
-
0:27 - 0:31นี่คืองานกลางวันของฉัน
-
0:31 - 0:36ฉันเป็นนายของตัวเอง ทำงานเป็นรูปปั้นมีชีวิต
ชื่อว่า เจ้าสาวแปดฟุต -
0:36 - 0:39และฉันรักที่จะบอกผู้คนว่านี่คือสิ่งที่ฉันทำเป็นอาชีพ
-
0:39 - 0:41เพราะว่าทุกๆคนอยากจะทราบตลอดว่า
-
0:41 - 0:44ตัวประหลาดนี่ในชีวิตจริงคือใครกัน
-
0:44 - 0:46สวัสดี
-
0:46 - 0:49วันหนึ่ง ฉันทาสีตัวเองเป็นสีขาว ยืนบนกล่อง
-
0:49 - 0:51วางหมวกหรือกระป๋องไว้ใกล้ๆเท้า
-
0:51 - 0:54และเมื่อใครสักคนผ่านมาและทิ้งเงิน
-
0:54 - 1:02ฉันยื่นดอกไม้ให้พวกเขาและจ้องมองไปที่ตา
-
1:02 - 1:03และถ้าพวกเขาไม่รับดอกไม้
-
1:03 - 1:08ฉันจะแสดงท่าทางว่าเศร้าใจและโหยหา
-
1:08 - 1:12เมื่อพวกเขาเดินจากไป
-
1:12 - 1:15(เสียงหัวเราะ)
-
1:15 - 1:19ฉันมีประสบการณ์เผชิญหน้าที่ซึ้งที่สุดกับผู้คน
-
1:19 - 1:21โดยเฉพาะคนที่โดดเดี่ยว
-
1:21 - 1:24ผู้ซึ่งมองดูเหมือนว่า
เขาไม่ได้พูดกับใครเลยมาหลายสัปดาห์ -
1:24 - 1:28และพวกเราก็มีวินาทีอันแสนสวยงาม
-
1:28 - 1:33ในการจ้องตากันอย่างเนิ่นนาน
ณ ถนนในเมือง -
1:33 - 1:36และพวกเราก็ออกจะตกหลุมรักกันนิดหน่อย
-
1:36 - 1:42และตาของฉันจะบอกว่า "ขอบคุณนะ ฉันเห็นคุณนะ"
-
1:42 - 1:44และตาของพวกเขาจะบอกว่า
-
1:44 - 1:50"ไม่มีใครเคยเห็นฉันเลย ขอบคุณนะ"
-
1:50 - 1:52และฉันก็ถูกก่อกวนในบางครั้ง
-
1:52 - 1:54มีคนตะคอกใส่ฉันเมื่อขับรถผ่าน
-
1:54 - 1:57"ไปหางานทำซะ!"
-
1:57 - 2:00และฉันจะรู้สึกประมาณว่า "นี่มันงานฉันนะ"
-
2:00 - 2:04แต่มันเจ็บปวด เพราะว่ามันทำให้ฉันกลัว
-
2:04 - 2:07ว่า ไม่ว่าอย่างไรซะ ฉันทำในสิ่งที่มันไม่เหมือนงาน
-
2:07 - 2:11และมันไม่ยุติธรรม น่าอับอาย
-
2:11 - 2:16ฉันไม่รู้เหมือนกันว่า
ฉันได้รับการศึกษาจริงๆมาสมบูรณ์แบบขนาดไหน -
2:16 - 2:19ในด้านธุรกิจดนตรีบนกล่องนี้
-
2:19 - 2:20และสำหรับนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลาย
-
2:20 - 2:24พวกคุณอาจจะสนใจที่จะได้ทราบว่า
จริงๆแล้วฉันมีรายรับที่ค่อนข้างคาดเดาได้ -
2:24 - 2:26ซึ่งมันก็น่าตกใจสำหรับฉัน
-
2:26 - 2:28เพราะฉันไม่มีลูกค้าประจำ
-
2:28 - 2:31แต่ส่วนใหญ่ก็จะประมาณ 60 เหรียญวันอังคาร
90 เหรียญวันศุกร์ -
2:31 - 2:33มันคงเส้นคงวานะ
-
2:33 - 2:35และในระหว่างนั้น ฉันท่องเที่ยวไปในท้องที่
-
2:35 - 2:38และเล่นในไนท์คลับกับวงของฉัน ชื่อ เดอะ เดรสเดน ดอลส์
-
2:38 - 2:40นั่นฉันเล่นเปียโน นักตีกลองคนเก่ง
-
2:40 - 2:42ฉันเขียนเพลง และในที่สุด
-
2:42 - 2:46เราเริ่มจะได้เงินมากพอ
ที่ฉันจะสามารถลาออกจากการเป็นรูปปั้น -
2:46 - 2:48และในตอนที่พวกเราเริ่มออกทัวร์
-
2:48 - 2:51ฉันไม่อยากเลยจริงๆ ที่จะสูญเสีย
-
2:51 - 2:54การเชื่อมโยงโดยตรงกับผู้คน เพราะว่าฉันรักมัน
-
2:54 - 2:57ฉะนั้น หลังจากทุกการแสดง พวกเราจะแจกลายเซ็นต์
-
2:57 - 3:00และกอดแฟนๆ ออกไปเที่ยวและพูดคุยกับคน
-
3:00 - 3:05และพวกเราสร้างงานศิลปะจากการขอร้องให้คนช่วยเรา
-
3:05 - 3:08และเข้าร่วมกับเรา
และฉันจะเฟ้นหานักดนตรีและศิลปินท้องถิ่น -
3:08 - 3:12แล้วพวกเขาก็จะมาเล่นหน้างานของเรา
-
3:12 - 3:14และพวกเขาก็จะส่งผ่านหมวก
-
3:14 - 3:16และพวกเขาก็จะเข้ามาและมาร่วมเล่นกับเราบนเวที
-
3:16 - 3:20ฉะนั้นพวกเรามีอาหารแสนประหลาดเวียนมาเสริฟ
นักแสดงละครสัตว์รับเชิญที่มาตามแต่โอกาส -
3:20 - 3:23และแล้วทวิตเตอร์ก็ตามมา
-
3:23 - 3:26และทำให้สิ่งเหล่านี้ยิ่งมหัศจรรย์มากขึ้น
เพราะว่าฉันสามารถที่จะขอ -
3:26 - 3:28ได้ทันทีสำหรับอะไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้
-
3:28 - 3:30เมื่อฉันอยากได้เปียโนที่จะใช้ซ้อม
-
3:30 - 3:33และอีกชั่วโมงถัดมา ฉันก็ไปอยู่ที่บ้านแฟนเพลง
นี่อยู่ในลอนอน -
3:33 - 3:36ผู้คนก็จะนำกับข้าวที่ทำเองที่บ้านมาให้เรา
-
3:36 - 3:40หลังเวทีทั่วโลกที่เราไป แล้วเลี้ยงเรา และกินกับเรา
นี่ที่ซีแอทเทิล -
3:40 - 3:43แฟนเพลงที่ทำงานในพิพิธภัณฑ์และร้านรวง
-
3:43 - 3:47และไม่ว่าที่ไหนในที่สาธารณะจะโบกมือให้เรา
-
3:47 - 3:50ถ้าฉันตัดสินใจในวินาทีสุดท้ายที่จะทำการแสดงฟรี
-
3:50 - 3:53นี่คือห้องสมุดในออคแลนด์
-
3:53 - 3:58ในวันเสาร์ฉันทวีตเพื่อกล่องอันนี้และหมวก
-
3:58 - 4:00เพราะว่าฉันไม่อยากที่จะลากมันมาจากฝั่งตะวันออก
-
4:00 - 4:02และพวกเขาก็ปรากฎตัว มาให้ความสนใจ
ชายคนนี้ชื่อคริส -
4:02 - 4:05มาจาก นิวพอร์ด บีช ผู้ที่มาทักทาย
-
4:05 - 4:09เมื่อฉันทวีตไปว่า ฉันจะไปซื้อขวดสำหรับล้างจมูกได้ที่ไหน
ในเมลเบิร์น -
4:09 - 4:12และนางพยาบาลคนหนึ่งจากโรงพยาบาล
-
4:12 - 4:14ก็นำมาให้ฉันในขณะที่ฉันอยู่ในคาเฟ่นั้น
-
4:14 - 4:15และฉันก็ซื้อน้ำปั่นให้เธอ
-
4:15 - 4:18และเราก็นั่งคุยกันเรื่องการพยาบาลและความตาย
-
4:18 - 4:21และฉันรักความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวนี้
-
4:21 - 4:25ซึ่งโชคดีนะ เพราะว่าฉันไปค้างบ้านคนอื่นบ่อยๆ
-
4:25 - 4:29ในบ้านหลังใหญ่ที่ซึ่งลูกทีมของฉันทุกคนได้ห้องของตัวเอง
-
4:29 - 4:32แต่ไม่มีเครือข่ายไร้สาย และในที่อยู่เพิงหมาแหงน
-
4:32 - 4:35ทุกคนนั่งพื้นอยู่ในห้องเดียวกันไม่มีห้องน้ำ
-
4:35 - 4:39แต่มันมีเครือข่ายไร้สาย
ซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด -
4:39 - 4:41(เสียงหัวเราะ)
-
4:41 - 4:43ลูกทีมของฉันครั้งหนึ่งเคยหยุดรถตู้
-
4:43 - 4:47ที่ย่านเพื่อนบ้านในไมอามี่ที่ดูจนเอามากๆ
-
4:47 - 4:49และเราก็ได้ค้นพบว่าเจ้าของบ้านที่เราไปค้างคืนนั้น
-
4:49 - 4:52เป็นเด็กหญิงอายุ 18 ที่ยังอยู่บ้าน
-
4:52 - 4:57และครอบครัวของเธอ
เป็นผู้อพยพที่ไม่ได้ลงทะเบียนจากฮอนดูรัส -
4:57 - 5:00และในคืนนั้น เธอและทุกคนในครอบครัว
-
5:00 - 5:03เลือกที่จะนอนบนเก้าอี้ยาวและเธอก็นอนกับแม่ของเธอ
-
5:03 - 5:06เพื่อที่เราจะได้นอนเตียงของพวกเขา
-
5:06 - 5:08และฉันก็นอนอยู่ตรงนั้นครุ่นคิด
-
5:08 - 5:11คนพวกนี้มีน้อยเหลือเกิน
-
5:11 - 5:14นี่มันยุติธรรมหรอ
-
5:14 - 5:16และในตอนเช้า แม่ของเธอก็สอนเรา
-
5:16 - 5:19ว่าทำทอติล่าอย่างไร และก็อยากที่จะให้ไบเบิลกับฉัน
-
5:19 - 5:25และเธอพาฉันออกมา
และเธอก็พูดกับฉันด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งๆ -
5:25 - 5:30"ดนตรีของคุณช่วยลูกฉันไว้มากมายเหลือเกิน
-
5:30 - 5:34ขอบคุณที่มาอยู่ที่นี่ พวกเรารู้สึกเป็นขอบคุณมาก"
-
5:34 - 5:38และฉันก็คิด นี่สิถึงยุติธรรม
-
5:38 - 5:41สิ่งนี้แหละ
-
5:41 - 5:44อีกสองสามเดือนต่อมา ฉันอยู่ที่แมนฮัตตัน
-
5:44 - 5:47และฉันทวีตขอที่ซุกหัวนอน และเที่ยงคืนนั้น
-
5:47 - 5:48ฉันไปกดกริ่งประตูแถวย่านตะวันออกทางใต้ๆ
-
5:48 - 5:51และมันเป็นที่ประจักษ์ต่อฉันว่า
ฉันไม่เคยที่จะทำสิ่งนี้เองคนเดียว -
5:51 - 5:52ฉันมากับวงของฉันหรือลูกทีมทุกๆครั้ง
-
5:52 - 5:57นี่เป็นอะไรที่คนโง่ทำกันหรือเปล่านะ (เสียงหัวเราะ)
-
5:57 - 5:59แบบนี้ใช่ไหมที่คนโง่ตาย
-
5:59 - 6:01และก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ ประตูก็เปิดออก
-
6:01 - 6:05เธอเป็นศิลปิน
เขาเป็นคนเขียนบล๊อคเกี่ยวกับเศรษฐกิจจากรอยเตอร์ -
6:05 - 6:07และพวกเขาก็เทไวน์ให้ฉัน
-
6:07 - 6:09และเตรียมน้ำไว้ให้อาบ
-
6:09 - 6:13และฉันก็มีคืนเช่นนั้นเป็นพันๆครั้ง
-
6:13 - 6:17ฉันไปค้างบ้านคนอื่นบ่อยๆ และฉันก็พบผู้คนบ่อยๆ
-
6:17 - 6:21ฉันยังคงทำทั้งสองสิ่งนี้
-
6:21 - 6:23โดยพื้นฐานแล้วมันก็เป็นหมือนสิ่งเดียวกัน
-
6:23 - 6:26คุณตกลงไปท่ามกลางผู้ชม
-
6:26 - 6:27และคุณก็เชื่อใจกันแและกัน
-
6:27 - 6:30ครั้งหนึ่งฉันถามวงที่มาเล่นเปิดงานให้ฉัน
-
6:30 - 6:32ว่าพวกเขาอยากจะออกไปท่ามกลางผู้คน
และส่งหมวกไปรอบๆ -
6:32 - 6:34เพื่อที่จะรวบรวมเงินเพิ่ม
ซึ่งเป็นอะไรที่ฉันทำบ่อย -
6:34 - 6:37และตามปกติแล้ว วงนี้ก็บ้าพอที่จะทำ
-
6:37 - 6:39แต่มีหนุ่มอยู่คนหนึงในวง
-
6:39 - 6:43ที่บอกฉันว่าเขาไม่สามารถจะออกไปข้างนอกนั่นได้
-
6:43 - 6:47มันรู้สึกว่าการยืนถือหมวกนั้นเหมือนเป็นการไปขอมากเกินไป
-
6:47 - 6:55และฉันก็จำได้ถึงความกลัวทีว่า "นั่นมันยุติธรรมหรอ"
และ "ไปหางานทำซะ" -
6:55 - 6:59และในขณะเดียวกัน วงของฉันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
-
6:59 - 7:01พวกเราเซ็นต์สัญญากับค่ายเพลงหลัก
-
7:01 - 7:04และเพลงของพวกเราก็ผสมระหว่างพังค์และคาบาเร่
-
7:04 - 7:06มันไม่ใช่สำหรับทุกคนหรอก
-
7:06 - 7:09แต่ มันอาจเหมาะกับคุณก็ได้นะ
-
7:09 - 7:13พวกเราเซ็นต์สัญญา
และการกระตุ้นนี้นำเราไปสู่อัลบัมถัดไป -
7:13 - 7:19และมันก็ถูกจัดทำออกมาและขายได้ไประมาณ 25,000 ก๊อปปี้
ในช่วงสองสามสัปดาห์แรก -
7:19 - 7:22และค่ายเพลงก็ตัดสินว่ามันเป็นความล้มเหลว
-
7:22 - 7:25และฉันก็แบบว่า " 25,000 เนี่ยอะนะไม่มาก"
-
7:25 - 7:27พวกเขาก็แบบว่า "ไม่อะ ยอดขายกำลังลดลง
มันเป็นความล้มเหลว" -
7:27 - 7:30แล้วพวกเขาก็เดินออกไป
-
7:30 - 7:33ในเวลาเดียวกัน
ฉันแจกลายเซ็นต์และกอดแฟนๆหลังการแสดง -
7:33 - 7:35และมีคนที่เข้ามาหาฉัน
-
7:35 - 7:37และยื่นแบงค์ 10 ดอลล่าห์ให้กับฉัน
-
7:37 - 7:38และพูดว่า
-
7:38 - 7:42"ผมขอโทษนะ ผมก๊อปปี้ซีดีของคุณจากเพื่อนผม"
-
7:42 - 7:45(เสียงหัวเราะ)
-
7:45 - 7:49"แต่ผมอ่านบล๊อคของคุณ ผมรู้ว่าคุณเกลียดค่ายเพลง
-
7:49 - 7:51และผมก็แค่อยากให้คุณได้รับเงินนี้"
-
7:51 - 7:55และนี่มันก็เริ่มที่จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ
-
7:55 - 7:59ฉันกลายเป็นหมวกหลังจากงานแสดง
-
7:59 - 8:02แต่ฉันต้องไปยืนตรงนั้นตัวเป็นๆ
และรับความช่วยเหลือจากคนอื่น -
8:02 - 8:04และไม่เหมือนกับชายที่อยู่ในวงเปิดงาน
-
8:04 - 8:08ฉันจริงๆแล้วมีประสบการณ์มากในการไปยืนตรงนั้น
-
8:08 - 8:10ขอบคุณค่ะ
-
8:10 - 8:12และนี่เป็นวินาทีที่ฉันตัดสินใจ
-
8:12 - 8:15ฉันจะให้งานดนตรีฉันฟรีๆ
-
8:15 - 8:17ผ่านทางอินเตอร์เนตบ่อยเท่าที่จะทำได้
-
8:17 - 8:20ฉะนั้นมันเหมือนกับว่า เมทาลิกาอยู่ทางนี้
เนปสเตอร์ ไม่ดี -
8:20 - 8:23อแมนดา พัลเมอร์อยู่ทางนี้
และฉันกำลังจะสงเสริม -
8:23 - 8:27การใช้ทอเรนท์ การดาวน์โหลด การแบ่งปัน
แต่ฉันกำลังจะขอความช่วยเหลือ -
8:27 - 8:31เพราะว่า ฉันเห็นว่ามันได้ผลตามท้องถนน
-
8:31 - 8:34ฉะนั้นฉันสู้เพื่อที่จะออกจากค่ายเพลง
และสู้เพื่อโครงการถัดไปของฉัน -
8:34 - 8:37ด้วยวงใหม่ของฉันที่ชื่อ เดอะ แกรน เธ็ฟท์ ออเคสตรา
-
8:37 - 8:39ฉันหันไปพึ่งพาการเข้าหากลุ่มคน
-
8:39 - 8:44แล้วฉันก็ตกลงไปท่ามกลางการเชื่อมต่อหลายพัน
ที่ฉันได้สร้างมันขึ้น -
8:44 - 8:46และขอให้ฝูงชนรับฉัน
-
8:46 - 8:49และเป้าหมายก็คือ 100,000 ดอลล่าห์
-
8:49 - 8:53มีแฟนๆหนุนหลังฉันอยู่เกือบ 1.2 ล้าน
-
8:53 - 8:56ซึ่งมันเป็นโครงการระดมทุนทางดนตรีที่เข้าถึงกลุ่มคน
ที่ใหญ่ที่สุดในทุกวันนี้ -
8:56 - 9:00(เสียงปรบมือ)
-
9:00 - 9:04และคุณก็สามารถเห็นได้ว่ามีคนมามายแค่ไหน
-
9:04 - 9:08มันก็ประมาณ 25,000 คนได้
-
9:08 - 9:11และสื่อก็ถามว่า "อแมนด้า
-
9:11 - 9:13ธุรกิจทางวงการดนตรีพยายามที่จะเอาชนะ
แต่คุณกลับส่งเสริมให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ -
9:13 - 9:15คุณจะทำให้คนพวกนี้ทุกคนจ่ายเงินเพื่อดนตรีได้อย่างไร"
-
9:15 - 9:20และคำตอบที่แท้จริงก็คือ ฉันไม่ได้บังคับเขา
ฉันขอจากพวกเขา -
9:20 - 9:23และผ่านการกระทำซึ่งการขอจากบุคคล
-
9:23 - 9:26ฉันได้เชื่อมต่อกับพวกเขา
-
9:26 - 9:31และเมื่อคุณเชื่อมต่อกับพวกเขา
คนทั้งหลายก็อยากที่จะช่วยคุณ -
9:31 - 9:35มันเหมือนเป็นการขัดกับสัญชาตญาณ
ของศิลปินหลายาๆคน -
9:35 - 9:36พวกเขาไม่ต้องการที่จะร้องขออะไร
-
9:36 - 9:42แต่มันไม่ง่าย
มันไม่ง่ายเลยที่จะขอร้อง -
9:42 - 9:44และศิลปินหลายๆคนมีปัญหานี้
-
9:44 - 9:47การร้องขอทำให้คุณดูด้อยค่า
-
9:47 - 9:51และฉันได้รับการวิจารณ์ทางออนไลน์มากมาย
-
9:51 - 9:53หลังจาก คิกสตาร์ทเตอร์ ของฉันเป็นที่รู้จักมากขึ้น
-
9:53 - 9:56เพื่อที่จะสานต่อการระดมทุนอย่างบ้าบอของฉัน
-
9:56 - 9:58โดยเฉพาะสำหรับการขอให้นักดนตรี
-
9:58 - 10:01ผู้ซึ่งเป็นแฟน มาร่วมเล่นกับเราบนเวที
-
10:01 - 10:04สักเพลงสองเพลง เป็นการแลกเปลี่ยนความรักและตั๋ว
-
10:04 - 10:07และเบียร์ และนี่ก็เป็นเหมือนภาพที่ปลอมปน
-
10:07 - 10:11ที่เข้ามายังฉันผ่านเวปไซท์
-
10:11 - 10:14และมันก็เจ็บปวดนะ ในแบบที่คุ้นเคย
-
10:14 - 10:17และคนก็พูดว่า "เธอไม่ได้รับอนุญาตอีกต่อไปแล้ว
-
10:17 - 10:19ที่จะมาร้องขอความช่วยเหลืออะไรแบบนี้"
-
10:19 - 10:23มันเตือนใจให้ฉันคิดถึงคนในรถที่ตะโกนว่า
"ไปหางานซะไป" -
10:23 - 10:28เพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กับพวกเราบนทางเดิน
-
10:28 - 10:31และพวกเขาไม่สามารถที่จะเห็นการแลกเปลี่ยน
-
10:31 - 10:33ที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับฝูงชน
-
10:33 - 10:39การแลกเปลี่ยนที่มันเป็นธรรมมากสำหรับเรา
แต่เป็นที่แปลกประหลาดสำหรับพวกเขา -
10:39 - 10:41ฉะนั้น สิ่งนี้มันไม่ค่อยจะปลอดภัยสำหรับงาน
-
10:41 - 10:43นี่คือ งานฉลองที่สนับสนุน คิกสตาร์ทเตอร์ ของฉัน
ในเบอร์ลิน -
10:43 - 10:47เมื่อสิ้นสุดคืนนั้น
ฉันถอดเสื้อออกและให้ทุกคนเขียนบนตัวฉัน -
10:47 - 10:50ทีนี้ให้ฉันได้บอกคุณ ถ้าคุณต้องการที่จะมีประสบการณ์
-
10:50 - 10:53ความรู้สึกจากภายในของการไว้ใจคนแปลกหน้า
-
10:53 - 10:55ฉันแนะนำนี่เลยค่ะ
-
10:55 - 10:59โดยเฉพาะถ้าคนแปลกหน้าเหล่านั้น
เป็นคนเยอรมันเมาหยำเป -
10:59 - 11:04มันเป็นการเข้าถึงแฟนๆในระดับปรมาจารย์นินจา
-
11:04 - 11:07เพราะว่าสิ่งที่ฉันได้พูดอยู่ ณ ที่นี้ก็คือ
-
11:07 - 11:09ฉันเชื่อใจคุณขนาดนี้เลยนะ
-
11:09 - 11:13ฉันควรทำแบบนั้นไหม
แสดงให้ฉันดูซิ -
11:13 - 11:15ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ส่วนใหญ่
-
11:15 - 11:20นักดนตรี ศิลปิน
พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม -
11:20 - 11:25เป็นตัวเชื่อมและผู้เปิดเผย
ไม่ใช่ดาราที่แตะต้องไม่ได้ -
11:25 - 11:29การมีชื่อเสียง เป็นการที่ผู้คนมากมายรักคุณไกลๆ
-
11:29 - 11:31แต่อินเตอร์เนทและข้อความ
-
11:31 - 11:34ที่พวกเราสามารถแบ่งปันได้อย่างอิสระ
-
11:34 - 11:37กำลังนำเรากลับมา
-
11:37 - 11:40มันเกี่ยวกับการที่คนกลุ่มเล็กๆรักคุณในระยะใกล้
-
11:40 - 11:45และเกี่ยวกับบุคคลเหล่านั้นรู้สึกเพียงพอ
-
11:45 - 11:47ฉะนั้น คนจำนวนมากสับสนกับความคิด
-
11:47 - 11:48ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ราคา
-
11:48 - 11:52พวกเขามองมันว่าเป็นความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้
แต่สิ่งที่ฉันทำ -
11:52 - 11:54โครงการ เดอะ คิกสตาร์ตเตอร์ ถนน กริ่งประตู
-
11:54 - 11:56ฉันไม่เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความเสี่ยง
-
11:56 - 11:58ฉันเห็นว่าพวกมันคือความไว้ใจ
-
11:58 - 12:01ทีนี้ เครื่องมือออนไลน์ที่จะใช้ในการแลกเปลี่ยน
-
12:01 - 12:05ที่ใช้ง่ายพอๆกับการสื่อสารกันบนท้องถนน
-
12:05 - 12:07พวกมันเข้ามาที่นี้แล้ว
-
12:07 - 12:10แต่อุปกรณ์ที่ดีที่สุดนั้นไม่ได้กำลังจะช่วยเรา
-
12:10 - 12:13ถ้าเราไม่สามารถมองหน้ากันและกันได้
-
12:13 - 12:15ให้และรับอย่างไร้ความกลัว
-
12:15 - 12:18แต่ สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น
-
12:18 - 12:22ร้องขออย่างไม่ต้องอาย
-
12:22 - 12:24อาชีพดนตรีของฉันได้ถูกใช้ไป
-
12:24 - 12:28ในการพยายามที่จะกระตุ้นผู้คนบนอินเตอร์เนท
-
12:28 - 12:30ในแนวทางที่ฉันทำบนกล่อง
-
12:30 - 12:34ฉะนั้นฉันเขียนบล๊อกและเล่นทวิตเตอร์
ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับวันทัวร์ของฉัน -
12:34 - 12:37และวีดีโอใหม่ของฉัน แต่เกี่ยวกับงานของเรา
งานศิลป์ของเรา -
12:37 - 12:42และความกลัวของเรา และการเมาค้าง
ความผิดพลาดของเรา -
12:42 - 12:44และเราเห็นกันและกัน
-
12:44 - 12:48และฉันคิดว่า เมื่อเราได้เห็นกันและกันจริงๆแล้ว
-
12:48 - 12:50เราต้องการที่จะช่วยกัน
-
12:50 - 12:55ฉันคิดว่า ผู้คนนั้นหมกมุ่นอยู่กับคำถามที่ผิด
-
12:55 - 12:59ซึ่งก็คือ
"เราจะทำให้คนจ่ายเพื่อดนตรีได้อย่างไร" -
12:59 - 13:01จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราเริ่มที่จะถามว่า
-
13:01 - 13:06"เราจะทำให้ผู้คนอยากจ่ายเงินเพื่อดนตรีได้อย่างไร"
-
13:06 - 13:08ขอบคุณค่ะ
-
13:08 - 13:12(เสียงปรบมือ)
- Title:
- อแมนด้า พัลเมอร์ (Amanda Plamer): ศิลปะแห่งการร้องขอ
- Speaker:
- Amanda Palmer
- Description:
-
อย่าทำให้ผู้คนจ่ายเพื่อดนตรี อแมนด้า พัลเมอร์ กล่าว ให้พวกเขาอยากทำสิ่งนั้น ในปาฐกถาที่น่าหลงใหลที่เริ่มต้นจากวันที่เธอเป็นนักแสดงบนถนน (หยอนเงินในหมวกให้เจ้าสาวแปดฟุตที!) เธอทำการสำรวจความสัมพันธ์แบบใหม่ระหว่างศิลปินและแฟน
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 13:47
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The art of asking | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The art of asking | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for The art of asking | ||
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for The art of asking | ||
Chatthip Chaichakan accepted Thai subtitles for The art of asking | ||
Chatthip Chaichakan commented on Thai subtitles for The art of asking | ||
Chatthip Chaichakan edited Thai subtitles for The art of asking | ||
Chatthip Chaichakan edited Thai subtitles for The art of asking |