-
ในวิดีโอที่แล้ว เราได้สร้าง
-
ปริศนาขึ้นมา
-
เรามีสถานการณ์ที่ผมล่องลอยในอวกาศ
-
และเมื่อเวลาเท่ากับ 0
-
เพื่อนของผมคนหนึ่ง เธอผ่านผมไป
-
เธออยู่ในยานที่เร็วครึ่งหนึ่งของอัตราเร็วแสง
-
ในทิศบวก x เทียบกับผม
-
และที่เวลาเท่ากับ 0
-
เธออยู่ตรงตำแหน่งผมพอดี
-
แล้วเธอก็เดินทางต่อไป ผมได้วาด
-
เส้นทางที่เธอเดินทางอยู่
-
หลังจาก 1 วินาที เธออยู่ตรงนี้
-
หลังจาก 2 วินาที เธออยู่ตรงนั้น
-
แล้วเราสร้างสเกลขึ้นมา
-
ให้แกนเวลาของเรา
-
1 วินาทียาวเท่ากับ
-
แกนสเปซของเรา หรือแกนเส้นทาง
-
3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตร
-
และเราทำไปให้ อย่างน้อยในกรอบอ้างอิงของผม
-
อัตราเร็วแสงจะทำมุม 45 องศา
-
หรือความชันเป็น 1
-
แต่ปริศนาที่เราเจอคือว่า
-
อัตราเร็วแสงที่สังเกต
-
จากแบบจำลองที่ผมสร้างขึ้น
-
จะสังเกตได้ต่างออกไป
-
ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ในกรอบอ้างอิงไหน
-
โฟตอนที่ผมปล่อยจากไฟฉายผม
-
ที่เวลาเท่ากับ 0 พอดี
-
แน่นอน ผมจะเห็นว่ามันเคลื่อนที่
-
ด้วยอัตราเร็วแสงในทิศบวก x
-
แต่เพื่อนของผม เนื่องจากเธอเคลื่อนที่
-
ในทิศบวก x ด้วยอัตรา
ครึ่งหนึ่งของอัตราเร็วแสงอยู่แล้ว
-
ถ้าเราคิดตามโลกแบบนิวตัน
-
เธอจะเห็นว่าโฟตอนเร็วเป็น
ครึ่งหนึ่งของอัตราเร็วแสง
-
เช่นเดียวกัน ถ้าเธอปล่อย
โฟตอนจากไฟฉายของเธอ
-
สำหรับเธอ ดูเหมือนว่า
มันเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วแสง
-
แต่สำหรับผม มันจะเคลื่อนที่ด้วยอัตรา
-
เร็วกว่าแสง
-
และสาเหตุที่มันเป็นปริศนา
-
คือว่า เรารู้จากการสังเกตเอกภพรอบตัวเรา
-
เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ มันไม่น่าเชื่อ
-
มันขัดกับสามัญสำนึกตามประสบการณ์
ในชีวิตประจำวัน
-
แต่เรารู้จากการสังเกต
-
ว่าอัตราเร็วแสงมีค่าสัมบูรณ์
-
มันไม่เกี่ยวว่าคุณจะอยู่ในกรอบอ้างอิงเฉื่อยไหน
-
ตราบใดที่คุณอยู่ในกรอบอ้างอิงเฉื่อย
-
มันไม่เกี่ยวว่าคุณจะมีความเร็วสัมพัทธ์
-
เทียบกับกรอบอ้างอิงเฉื่อยเท่าใด
-
คุณจะวัดอัตราเร็วแสงได้
-
3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตรต่อวินาทีเสมอ
-
แต่นั่นคือจุดที่ขัดแย้งโดยตรง
-
กับแบบจำลองที่ผมตั้งขึ้นมา
-
มันบังคับให้เราต้องสงสัยสมมติฐานทุกอย่างที่มี
-
เราสมมุติอะไรบ้างใน
-
โลกแบบนิวตันนี้?
-
เราสมมุติว่าเวลานั้นเป็นปริมาณสัมบูรณ์
-
เวลานั้นสัมบูรณ์
-
ผมหมายความว่าอะไร?
-
เราสมมุติว่า 1 วินาทีที่ผ่านไปสำหรับผม
-
จะเท่ากับ 1 วินาทีที่ผ่านไปสำหรับเพื่อน
-
นั่นคือหลักที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน
-
ถ้าผมอยู่ในรถ คุณอยู่นอกรถ
-
และเรามีนาฬิกาทั้งคู่ เราตั้งนาฬิกาให้ตรงกับ
-
พวกมันดูเหมือนจะตรงกันไปเรื่อยๆ
-
แต่บางที เราต้องปรับสมมุติฐานนั้นใหม่
-
เรายังสมมุติว่าสเปซเป็นปริมาณสัมบูรณ์
-
สเปซนั้นสมบูรณ์
-
ผมหมายความว่าอะไร?
-
ในชีวิตประจำวัน
-
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกรอบอ้างอิงใด
-
เราดูจะเห็นตรงกันว่า ถ้าไม้เมตรตรงนี้
-
มันอยู่บนรถไฟ
-
มันก็ยังยาวหนึ่งเมตร ไม่ว่าผมจะนั่งอยู่บนรถ
-
หรือไม่ก็ตาม
-
แต่บางที มันอาจเริ่มผิดเพี้ยน
-
เมื่อเราคิดถึงความเร็วที่สูงขึ้น
-
บางทีมันอาจผิดตั้งแต่ความเร็วต่ำแล้วก็ได้
-
แต่เราไม่ได้สังเกต
-
เพราะมันคลาดเคลื่อนน้อยมาก
-
และมันมีสิ่งที่น่าสนใจกว่านี้อีก
-
ในชีวิตประจำวัน
-
เราสมมุติว่าเวลา
-
เป็นสิ่งที่ต่างจากสเปซมาก
-
คุณเคลื่อนที่ไปในทิศเวลา
-
โดยไม่ได้เคลื่อนที่ในทิศสเปซ
-
หรือคุณเดินทางในทิศสเปซ
-
โดยไม่เคลื่อนที่ในทิศเวลา
-
พวกมันเป็นอิสระต่อกัน ไม่ว่า
-
คุณจะอยู่ในกรอบอ้างอิงใด
-
แต่พวกมันอาจไม่ใช่สิ่งที่แยกจากกัน
-
ที่จริง พวกมันอาจเป็นสเปซเวลาอันหนึ่งอันเดียวกัน
-
ผมไม่ได้หมายถึง สเปซ ขีด เวลา
-
ผมหมายถึง spacetime
-
ผมใช้คำว่า spacetime
-
โดยสเปซกับเวลาจริงๆ แล้วไม่ได้ต่างกัน
-
มันเป็นสเปซเวลาหนึ่งเดียวกัน
-
ผมพูดเร็วๆ อย่างนั้น
-
เพราะมันไม่ใช่ สเปซ เว้นวรรค เวลา
-
เหมือนการคิดถึงอีกมิติหนึ่ง
-
หรือคิดถึงของต่างกันสองอย่าง
-
เราจะเรียกมันเป็นชิ้นเดียวว่าสเปซเวลา
-
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราเริ่ม
-
ตั้งข้อสงสัย
-
ถ้าเกิดเราผ่อนปรนเงื่อนไขเหล่านี้ เราสมมุติว่า
-
สิ่งที่เราเห็นในเอกภพเป็นจริง
-
ว่าอัตราเร็วแสงเป็นปริมาณสมบูรณ์
-
ไม่ขึ้นอยู่กับกรอบอ้างอิง
-
ลองตามจากตรงนั้น มาทดลองทางความคิดกัน
-
แล้วเราค่อยคิดว่าเราสร้างแบบจำลองแบบไหนได้
-
ที่อัตราเร็วแสงเป็นปริมาณสัมบูรณ์
-
เวลาทำ เราจะยังใช้
-
แบบจำลองของเราตรงนี้
-
เราจะเน้นกรอบอ้างอิงของเพื่อน
-
เพื่อนของผมที่อยู่ในยานอวกาศ
-
คนที่เวลาเท่ากับ 0 ผ่านผมไปพอดี
-
ด้วยอัตราเร็วครึ่งหนึ่งของแสง
-
และเราสมมุติว่าเธออยู่บนขบวนยานอวกาศ
-
เราสมมุติไปแล้วว่าเธอ
-
อยู่ในยานอวกาศเหล่านี้ที่เคลื่อนที่ไป
-
ด้วยอัตราเร็วครึ่งหนึ่งของแสงในทิศบวก x
-
เทียบกับผม
-
และพวกมันห่างกัน 3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตรหมด
-
พวกมันเป็นอย่างนั้น
-
แล้วสมมุติว่า ผมวาดแกนเหล่านี้ด้วยสีฟ้านะ
-
เนื่องจากเราสมมุติว่านี่คือกรอบอ้าอิง
-
ของเพื่อนผม คุณก็บอกได้ว่า
-
นี่คือกรอบอ้างอิง S ไพรม์
-
นี่คือกรอบอ้างอิงของแซลลี่
-
จากวิดีโอก่อนๆ
-
สมมุติว่าหนึ่งวินาทีก่อนเธอจะมาเจอผม
-
ผมกำลังสมมุติว่า ตามที่ผมวาดแกนนี้
-
เราจะปรับพวกมันในอนาคต
-
โดยเราจะใช้หน่วยสเปซกับเวลา
-
เป็นหน่วยเดียวกัน
-
ตอนนี้ ผมจะใช้สิ่งที่เราทำแบบคลาสสิค
-
เราให้วินาทีเป็นหน่วยเวลา
-
แและเมตรเป็นหน่วยเส้นทางหรือสเปซ
-
แต่ในอนาคต เราจะใช้เมตรทั้งคู่
-
แต่เราค่อยพูดถึงเรื่องนั้น ผมไม่อยาก
-
ทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน
-
แต่วิธีที่ผมวาด
-
ตามแกนสเปซ
-
3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตร
-
จะยาวเท่ากับ 1 วินาทีพอดี
-
และผมจะทำโดยที่เส้นทางแสง
-
บนแผนภาพของผม
-
ทำมุม 45 องศาได้
-
นี่ก็คือ 3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตร
-
ตรงนั้น
-
สมมุติว่า 1 วินาทีก่อนแซลลี่จะมาถึงผม
-
เธอปล่อยโฟตอนจากยานอวกาศของเธอ
-
ในทิศของยานอวกาศที่อยู่ข้างหน้าเธอ
-
มันอยู่ข้างหน้าเธอแค่ไหน?
-
มันอยู่ที่ 3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตรข้างหน้าเธอ
-
สมมุติว่าข้างหลังยานอวกาศนั้น
-
มันมีกระจกอยู่
-
เธอชี้ไฟฉายไปยังกระจกนั้น
-
จะเกิดอะไรขึ้นในกรอบอ้างอิงของเธอ
-
หลังจาก 1 วินาที?
-
หลังจาก 1 วินาที จากกรอบอ้างอิงของเธอ
-
เธอจะอยู่กับที่ นี่คือแซลลี่อยู่ตรงนี้
-
เธอจะยังอยู่ที่ x ไพรม์เท่ากับ 0
-
ในกรอบอ้างอิงของเธอ
-
และยานนั้นจะยังอยู่
-
ข้างหน้าเธอ 3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตร
-
พวกมันทั้งหมดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากัน
เทียบกับผม
-
แต่เมื่อเทียบกับเองแล้ว พวกมันอยู่กับที่
-
แล้วเส้นทางของโฟตอนนั้นจะเป็นอย่างไร?
-
โฟตอนนั้นจะไปจากไฟฉายของแซลลี่
-
จากไฟหน้าของเธอ หรืออะไรก็ตาม
-
ถึงยานอวกาศที่อยู่ข้างหน้าเธอ
-
จะถึงกระจกนั้น
-
ข้างหลังยานอวกาศนั่น
-
แล้วเราก็ลากเส้นทางแสงได้
-
มันจะเป็น ขอผม
-
เส้นทางแสง
-
จะเป็นแบบนั้นบนแผนภาพนี้
-
แล้ว ณ ขณะนี้
-
ตรงที่ t ไพรม์เท่ากับ 0 วินาที
-
โฟตอนจะสะท้อนกลับมาหาแซลลี่
-
มันจะใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะกลับมาหาแซลลี่?
-
แซลลี่จะได้รับโฟตอนนั้นสะท้อนกลับ
-
หลังจาก 1 วินาที เพราะมันคือ
-
เวลาที่โฟตอนใช้เดินทาง
-
3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตร
-
เส้นทางของโฟตอนตัวแรก
-
เส้นทางของโฟตอนตัวแรกนั้น
-
จะเป็นแบบนั้น
-
เอาล่ะ หวังว่ามันคง
-
ตรงไปตรงมานะ
-
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในกรอบอ้างอิงของแซลลี่
-
วินาทีก่อนที่เธอจะมาถึงผม
-
ที่ t ไพรม์เท่ากับลบ 1 วินาที
-
ปล่อยแสงที่ t เท่ากับ 0 วินาที
-
มาถึงยานอวกาศ
-
ที่อยู่ข้างหน้าเธอ 3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตร
-
ก็คือ 1 วินาทีแสงข้างหน้าเธอ
-
แล้ว 1 วินาทีต่อมา
-
มันสะท้อนกลับ หนึ่งวินาทีต่อมา
-
เธอก็ได้การสะท้อนนั้นคืน
-
นั่นคือสิ่งที่แผนภาพนี้บรรยาย
-
แต่ตอนนี้ ลองวาดมันซ้อนบน
-
กรอบอ้างอิงของผมดู
-
นี่คือตอนที่สิ่งต่างๆ
-
เริมน่าสนใจจริงๆๆๆ
-
ผมได้วาดกรอบอ้างอิงของผมตรงนี้
-
และผมจงใจไม่ขีดเส้นวินาที
-
หรือเมตรบนกรอบอ้างอิงของผม
-
เพราะผมจะไม่สมมุติว่า
-
หนึ่งวินาทีในกรอบอ้างอิงของผม
-
เท่ากับหนึ่งวินาทีของเธอ
หรือหนึ่งเมตรในกรอบอ้างอิงของผม
-
เท่ากับหนึ่งเมตรของเธอ
-
ผมวาดแกน t ไพรม์ด้วยมุม
-
เท่าเดิม
-
เพราะทุกๆ วินาที
-
ที่เราไปข้างหน้าในอนาคต
-
เธอจะเคลื่อนที่ครึ่งวินาทีแสงในแนวระยะทาง
-
ในทิศบวก x
-
ความชันตรงนี้ วิธีคิดอย่างหนึ่ง
-
วิธีที่ผมวาดมัน
-
นี่คือความชันเท่ากับ 2
-
สำหรับทุกหน่วยที่เธอไปในทิศ x
-
เธอจะเคลื่อนที่ 2 หน่วยในทิศเวลา
-
และสิ่งที่เราจะทำเหมือนเดิม
-
คือสมมุติว่าแกนของเธอ
-
ผมยังไม่ได้วาดแกน x ไพรม์
-
ที่จริง นี่คือสิ่งที่น่าคิด
-
ว่าแกน x ไพรม์ควรอยู่ตรงนี้
-
มันควรซ้อนกับแกน x
-
เหมือนที่เราเคยทำหรือเปล่า?
-
หรือมันจะอยู่คนละที่กัน?
-
แต่เราจะสมมุติว่า ความยาวที่ผมวาด
-
สำหรับ 1 วินาที
-
ในกรอบอ้างอิง S ไพรม์
-
จะเท่ากับความยาวที่ผมวาด
-
สำหรับ 3 คูณ 10 กำลัง 8 เมตร
-
เรายังสมมุติว่า
-
อัตราเร็วแสงเป็นปริมาณสัมบูรณ์
-
มันจะเคลื่อนที่ทำมุม 45 องศา
-
เทียบกับกรอบอ้างอิงใดก็ตาม
-
นั่นคือจุดที่มันเริ่มประหลาด
-
แต่ลองดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น
-
ที่ลบ 1 วินาที
-
เราจะยังมีแซลลี่เปิดไฟฉาย
-
เธออยากให้แสงชนยานอวกาศข้างหน้าเธอ
-
โดยโฟตอนจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วแสง
-
ในกรอบอ้างอิงทั้งสอง
-
ขอผมวาดนะ
-
ขอผมวาดมัน
-
มันจะเป็นแบบนี้
-
ผจะวาดมุม 45 องศา
-
ที่จริง ผมไม่รู้ว่ามันจะสะท้อนตรงไหน
-
มันจะสะท้อนตรงที่มันกระทบแกน x ไพรม์
-
แต่ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน
-
แต่เรารู้ว่ามันจะสะท้อน
-
แล้วมันจะกลับมาหาแซลลี่ที่ 1 วินาทีในอนาคต
-
เส้นทางกลับของโฟตอนนั้น
-
จะเป็น
-
จะเป็นแบบนี้
-
และจุดนั้นที่ผมเปลี่ยนการสะท้อน
-
ผมมี
-
ขอผม
-
ผมจะวาดมันแบบนี้
-
โอ๊ย
-
ผมทำแบบนี้ได้
-
แต่จุดที่น่าสนใจคือจุดที่มันเปลี่ยนทิศ
-
เพราะนั่นคือจุดที่ยานอวกาศข้างหน้าเธอ
-
ต้องอยู่ในจุดนั้นในสเปซเวลา
-
ตอนนี้เราจะเริ่มคิดถึงการผสม
-
สเปซกับเวลาแล้ว
-
แต่ผมจะไม่พูดถึงมันมากนัก
-
ทีนี้ ทำไมมันถึงน่าสนใจ?
-
เพราะจากมุมมองของแซลลี่
-
จากมุมมองของแซลลี่
-
จุดนี้ตรงนี้ ที่แสงเปลี่ยนทิศ
-
จากมุมมองของแซลลี่
-
มันเกิดขึ้นพร้อมกับตอนที่เธอเจอผม
-
นี่เกิดคือที่ t ไพรม์
-
เท่ากับ 0 สำหรับแซลลี่
-
อะไรก็ตามที่ t ไพรม์เท่ากับ 0 สำหรับแซลลี่
-
ต้องอยู่บนแกน x ไพรม์
-
จุดนี้จึงต้องอยู่บนแกน x ไพรม์
-
ย้ำอีกครั้ง ทำไมผมถึงรู้ได้?
-
เพราะทุกอย่างบนแกน x ไพรม์
-
เหตุการณ์ใดๆ บนแกน x ไพรม์
-
ขอผมใช้อีกสีนะ
-
ผมใช้สีดำตลอด
-
เหตุการณ์ใดๆ บนแกน x ไพรม์
-
จะอยู่ที่ t ไพรม์เท่ากับ 0 วินาที
-
และจากกรอบอ้างอิงของแซลลี่
-
มันจะเกิดขึ้นพร้อมกันตอนที่เธอผ่านผมไป
-
จากข้อมูลนั้น เราจึงรู้ว่าจุดนี้
-
เรารู้ว่าจุดนี้
-
ซึ่งก็คือตำแหน่งของแซลลี่
-
จะเป็นจุดกำเนิดจากกรอบอ้างอิงของเธอ
-
และเรารู้ว่าจุดนี้อยู่บนแกน x ไพรม์
-
จากข้อมูลนั้น เราก็ลากแกน x ไพรม์ได้
-
คุณต้องการแค่สองจุดเพื่อกำหนดเส้นตรง
-
ขอผมลองวาดนะ
-
ขอผมลองวาดดู
-
ผมวาดได้ดีกว่านั้น
-
ขอผมลองวาด
-
แกน x ไพรม์
-
มันจะเป็นแบบ
-
มันจะเป็นแบบนี้
-
ตรงนี้คือแกน x ไพรม์
-
ถึงตอนนี้ คุณควรรู้สึกตะลึงนิดหน่อยแล้ว
-
ที่จริง มันยิ่งกว่าตะลึงนิดหน่อยแล้ว
-
เพราะมันเป็นเรื่องสติแตกมากๆ
-
อย่างแรก ลองดูก่อนว่าเราเข้าใจวิธีอ่านภาพนี้
-
สำหรับเหตุการณ์ใดๆ
-
ตอนนี้ เราเริ่มคิด
-
ในแง่ของสเปซเวลาแล้ว
-
ถึงแม้ว่าผมจะใช้หน่วยสเปซกับเวลาต่างกัน
-
แต่เราจะแก้เรื่องนั้นในอนาคต
-
ถ้าผมอยากอ่านพิกัดของมันในกรอบอ้างอิงของผม
-
ถ้าผมอยากเขียนพิกัด x ของมัน
-
ผมก็ไปขนานกับแกน t
-
และถ้าผมอยากอ่านพิกัด t
-
ผมก็ขนานไปกับแกน x
-
แต่สำหรับกรอบอ้างอิงของแซลลี่
-
ผมก็ทำเหมือนกัน
-
ถ้าผมอยากได้พิกัด x ไพรม
-
ผมก็ขนานไปกับแกน t ไพรม์
-
และถ้าผมอยากได้พิกัด t ไพรม์
-
ผมก็ขนานไปกับแกน x ไพรม์
-
แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ
-
และผมจะพูดถึงเรื่องนี้ลึกขึ้นในวิดีโอหน้า
-
คือว่าขณะ
-
ขณะนั้นตรงนั้น
-
จากกรอบอ้างอิงของแซลลี่
-
มันดูเหมือนว่ามันเกิดพร้อมกับ
ตอนที่เธอผ่านผมไป
-
มันดูเหมือนว่ามันเกิดขึ้นที่ t ไพรม์เท่ากับ 0
-
มันก็เกิดขึ้นที่ t ไพรม์เท่ากับ 0 จริงๆ
-
จากกรอบอ้างอิงของเธอ
-
มันกำลังเกิดขึ้นที่ t ไพรม์เท่ากับ 0
-
แต่ในกรอบอ้างอิงของผม
-
มันเกิดขึ้นหลังจากแซลลี่ผ่านผมไป
-
สังเกตว่ามันเกิดขึ้นที่ t เท่ากับค่าบวกค่าหนึ่ง
-
มันไม่ได้เกิดขึ้นที่ t เท่ากับ 0
-
มันทำให้สิ่งต่างๆ เริ่มประหลาดแล้ว
-
1 วินาที การพร้อมกัน เวลา สเปซ
-
สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
-
เราคิดเห็นไม่ตรงกัน
-
ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ในกรอบอ้างอิงไหน
-
สิ่งที่เราเห็นตรงกัน คืออัตราเร็วแสง