พลังของคนที่ชอบเก็บตัวหรือมีโลกส่วนตัวสูง
-
0:00 - 0:02ตอนที่ฉันอายุ 9 ขวบ
-
0:02 - 0:04ฉันได้ไปค่ายฤดูร้อนเป็นครั้งแรก
-
0:04 - 0:06และแม่จัดกระเป๋าเดินทาง
-
0:06 - 0:08ที่เต็มไปด้วยหนังสือให้ฉัน
-
0:08 - 0:11สำหรับฉันแล้ว มันเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมเลย
-
0:11 - 0:12เพราะในครอบครัวเรา
-
0:12 - 0:15การอ่านเป็นกิจกรรมหลักของเรา
-
0:15 - 0:17สำหรับคุณ อาจดูเหมือนต่อต้านสังคมเล็กน้อย
-
0:17 - 0:21แต่สำหรับเรา มันแค่เป็นวิธีในการเข้าสังคม
ที่แตกต่างออกไป -
0:21 - 0:24คุณจะได้สัมผัสถึงไออุ่นรัก
จากครอบครัวที่นั่งถัดจากคุณ -
0:24 - 0:26และยังมีอิสระที่จะเข้าไปในผจญภัย
-
0:26 - 0:28ในดินแดนภายในจิตใจของคุณเอง
-
0:28 - 0:30และฉันก็คิดว่า
-
0:30 - 0:32ค่ายฤดูร้อนก็น่าจะเป็นแบบนี้
แต่อาจจะดีกว่าหน่อย -
0:32 - 0:36(เสียงหัวเราะ)
-
0:36 - 0:38มีจินตนาการเห็นเด็กหญิง 10 คนนั่งในห้อง
-
0:38 - 0:40อ่านหนังสือชิวๆ ในชุดนอนแบบเดียวกัน
-
0:40 - 0:42(เสียงหัวเราะ)
-
0:42 - 0:45การเข้าค่ายเหมือนปาร์ตี้ที่ไม่มีแอลกอฮอล์
-
0:45 - 0:48และในวันแรก
-
0:48 - 0:50ที่ปรึกษาเรา เรียกพวกเรามารวมกัน
-
0:50 - 0:52และสอนเราเชียร์ ซึ่งบอกว่าจะต้องพูดเชียร์
-
0:52 - 0:56ทุกวันเพื่อให้เข้าถึงหัวใจของการเข้าค่าย
-
0:56 - 0:59มันคือ:
-
0:59 - 1:00"R-O-W-D-I-E
-
1:00 - 1:02นั่นคือวิธีที่เราสะกด rowdie (เกเร)
-
1:02 - 1:05Rowdie, rowdie, จัดไป rowdie "
-
1:05 - 1:08(เสียงหัวเราะ)
-
1:08 - 1:09ใช่
-
1:09 - 1:11อืม ฉันคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตฉัน
-
1:11 - 1:13ทำไมเราควรจะ rowdy มากนัก
-
1:13 - 1:16หรือทำไมเราต้องสะกดคำนี้ไม่ถูกต้อง
-
1:16 - 1:23(หัวเราะ)
-
1:23 - 1:26แต่ฉันต้องท่องคำเชียร์ ไปพร้อมกับคนอื่นๆ
-
1:26 - 1:27ฉันทำดีที่สุดแล้ว
-
1:27 - 1:29และฉันเพียงแค่รอเวลา
-
1:29 - 1:32ที่จะออกจากค่ายและอ่านหนังสือของฉัน
-
1:32 - 1:35แต่พอหยิบหนังสือออกจากกระเป๋าเดินทาง
-
1:35 - 1:37สาวสุดเจ๋งก็มาถามฉันว่า
-
1:37 - 1:39"ทำไมถึงดูสุขุมจัง"
-
1:39 - 1:41สุขุม แน่นอน ความหมายมันตรงข้ามกับ
-
1:41 - 1:43ความหมายของ R-O-W-D-I-E
-
1:43 - 1:45แล้วครั้งที่สองที่ฉันจะหยิบขึ้นมาอ่านอีก
-
1:45 - 1:49ที่ปรึกษาก็มาหาฉันด้วยสีหน้าที่ดูกังวล
-
1:49 - 1:51และเธอย้ำจุดยืนของการเข้าค่ายฤดูร้อน
-
1:51 - 1:52ว่าเราควรออกไป
-
1:52 - 1:55เข้าสังคมให้มาก
-
1:55 - 1:57ดังนั้น...ฉันจึงนำหนังสือ
-
1:57 - 2:01กลับเข้าไปไว้ในกระเป๋าเดินทาง
-
2:01 - 2:04และวางไว้ใต้เตียงของฉัน
-
2:04 - 2:06และก็อยู่อย่างนั้นตลอดการอยู่ค่ายฤดูร้อน
-
2:06 - 2:08ฉันรู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ เพราะ
-
2:08 - 2:11ฉันรู้สึกว่าหนังสือต้องการฉัน
-
2:11 - 2:12เรียกหาฉัน
-
2:12 - 2:15แต่ฉันกลับไม่สนใจและไม่เปิดดกระเป๋าอีก
-
2:15 - 2:17จนกระทั่งฉันกลับบ้านพร้อมครอบครัว
-
2:17 - 2:19หลังจากค่ายฤดูร้อนจบลง
-
2:19 - 2:22ตอนนี้ ฉันเล่าเรื่องเข้าค่ายฤดูร้อน
-
2:22 - 2:25ฉันบอกคุณเลยว่า อีก 50 คนชอบการเข้าค่าย
-
2:25 - 2:28ทุกครั้งที่ฉันได้รับคำพูดที่บอกว่า
-
2:28 - 2:31การที่ฉันเงียบและเก็บตัว
-
2:31 - 2:33ไม่ใช่การทำตัวที่ถูกที่ควรเท่าไร
-
2:33 - 2:37และฉันควรจะเปิดตัวออกมาบ้าง
-
2:37 - 2:39ฉันรู้สึกลึกๆ ว่ามันไม่จริงนะ
-
2:39 - 2:41คนชอบเก็บตัวหลายคนเจ๋งอย่างที่พวกเขาเป็น
-
2:41 - 2:45หลายปีเลยที่ฉันปฎิเสธความรู้สึกนี้
-
2:45 - 2:47ฉันเป็นทนายความในบริษัทยักษ์ใหญ่
-
2:47 - 2:50แทนที่จะเป็นนักเขียนอย่างที่อยากจะเป็น
-
2:50 - 2:52ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากจะพิสูจน์ตัวเอง
-
2:52 - 2:54ว่า ฉันกล้าและมีความมุ่งมั่นด้วย
-
2:54 - 2:57และฉันก็มักจะไปบาร์ที่มีคนเยอะๆ
-
2:57 - 3:00ทั้งที่จริงๆ แล้วอยากจะไปที่ที่ดี
สำหรับทานมื้อเย็นกับเพื่อนๆ มากกว่า -
3:00 - 3:03ฉันทำสิ่งที่ปั่นป่วนตัวเอง
-
3:03 - 3:04อัตโนมัติ
-
3:04 - 3:08โดยไม่รู้เลยว่า ฉันเป็นคนทำตัวเองแท้ๆ
-
3:08 - 3:11นี่เป็นสิ่งที่คนชอบเก็บตัวหลายคนทำ
-
3:11 - 3:14และมันทำให้เราล้มเหลวแน่ๆ
-
3:14 - 3:16ทั้งเพื่อนร่วมงาน ชุมชนของเราล้มเหลวไปด้วย
-
3:16 - 3:18ถ้าจะให้พูดให้มันใหญ่ขึ้น
-
3:18 - 3:19เป็นการล้มเหลวระดับโลก
-
3:19 - 3:22เพราะเมื่อนึกถึงการสร้างสรรค์
และการเป็นผู้นำ -
3:22 - 3:24เราต้องการให้คนที่ชอบเก็บตัวได้ทำ
ในสิ่งที่พวกเขาถนัดที่สุด -
3:24 - 3:28หนึ่งในสาม ถึงครึ่งของประชากร
คือคนที่ชอบเก็บตัว -
3:28 - 3:29หนึ่งในสามถึงครึ่ง
-
3:29 - 3:32ก็คือหนึ่งในสองหรือสามคนที่คุณรู้จัก
-
3:32 - 3:34หรือแม้ตัวคุณเอง อาจจะเป็นคนที่ชอบเก็บตัว
-
3:34 - 3:36ฉันพูดถึงเพื่อนร่วมงานของคุณ
-
3:36 - 3:39คู่สมรสของคุณและลูกๆ ของคุณ
-
3:39 - 3:41หรือคนนั่งถัดจากคุณตอนนี้-
-
3:41 - 3:43ทุกคนล้วนมีอคตินี้
-
3:43 - 3:46ค่อนข้างจะเป็นจริงอยู่ลึกๆ ในสังคมของเรา
-
3:46 - 3:48เราเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ยังเล็ก
-
3:48 - 3:52โดยที่ยังไม่รู้ภาษามาอธิบาย
สิ่งที่เราทำด้วยซ้ำ -
3:52 - 3:54มาดูอคตินี้กันให้ชัดยิ่งขึ้น
-
3:54 - 3:56คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่าการเก็บตัวคืออะไร
-
3:56 - 3:58มันต่างจากความเขินอาย
-
3:58 - 4:00ความเขินอายเป็นการกลัว
การตัดสินจากสังคม -
4:00 - 4:02การเก็บตัว เป็นอะไรที่เกี่ยวกับ
-
4:02 - 4:04การตอบสนองต่อการกระตุ้น
-
4:04 - 4:06รวมทั้งกระตุ้นจากสังคม ดังนั้น
-
4:06 - 4:09คนที่ไม่ชอบเก็บตัวก็อยากจะได้การกระตุ้น
-
4:09 - 4:11ในขณะที่คนชอบเก็บตัว
จะรู้สึกถึงการมีชีวิต -
4:11 - 4:13เวลาที่ตื่นตัวและทำอะไรต่ออะไรได้มากที่สุด
-
4:13 - 4:15เมื่อพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
-
4:15 - 4:18ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา--
และไม่แน่นอน-- -
4:18 - 4:20แต่เกิดขึ้นซะเป็นส่วนใหญ่
-
4:20 - 4:22ดังนั้นการที่จะทำให้
-
4:22 - 4:24ความสามารถของเราเพิ่มสูงสุด
-
4:24 - 4:26ก็ต้องให้พวกเราอยู่ในที่ที่เหมาะสม
-
4:26 - 4:30ในโซนที่มีการกระตุ้นที่เหมาะกับพวกเรา
-
4:30 - 4:32แต่ขณะนี้ หลายที่มีความอคติเข้ามา
-
4:32 - 4:34สถาบันที่สำคัญที่สุดของเรา
-
4:34 - 4:36โรงเรียนของเราและที่ทำงาน
-
4:36 - 4:38ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่ไม่ชอบเก็บตัว
-
4:38 - 4:41และสำหรับคนเหล่านี้จำเป็นต้องมี
การกระตุ้นมากมาย -
4:41 - 4:44และยังมีระบบความเชื่อในปัจจุบันนี้
-
4:44 - 4:46ฉันเรียกการคิดตามกลุ่มแบบใหม่
-
4:46 - 4:48ซึ่งยึดถึงความคิดสร้างสรรค์
-
4:48 - 4:50และประสิทธิภาพทั้งหมด
-
4:50 - 4:54มาจากการที่ต้องรวมกันเป็นกลุ่มสุดๆ
-
4:54 - 4:57ถ้าคุณมองภาพห้องเรียนในปัจจุบันนี้:
-
4:57 - 4:59สมัยที่ฉันไปโรงเรียน
-
4:59 - 5:00เรานั่งเป็นแถว
-
5:00 - 5:02เรานั่งอยู่ในแถวของโต๊ะเช่นนี้
-
5:02 - 5:04และทำงานส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง
-
5:04 - 5:07แต่ปัจจุบัน ชั้นเรียนทั่วไป
-
5:07 - 5:10มีโต๊ะเรียนที่เด็ก สี่ หรือ ห้า หรือ หก หรือ เจ็ดคน
-
5:10 - 5:12หันหน้าเข้าหากัน
-
5:12 - 5:14และต้องทำงานกันเป็นกลุ่ม
-
5:14 - 5:17แม้ในวิชาคณิตศาสตร์และการเขียนเชิงสร้างสรรค์
-
5:17 - 5:19ที่คุณคิดว่าจะต้องเป็นการคิดเองคนเดียว
-
5:19 - 5:21ปัจจุบันนี้ เด็กถูกคาดหวังให้
-
5:21 - 5:24ต้องทำเหมือนเป็นสมาชิกคณะกรรมการ
-
5:24 - 5:26สำหรับเด็กที่ต้องการทำด้วยตัวเอง
-
5:26 - 5:27หรือทำงานคนเดียว
-
5:27 - 5:30เด็กเหล่านั้นจะถูกมองว่าแตกจากกลุ่ม
-
5:30 - 5:34หรือมองว่าเป็นปัญหา
-
5:34 - 5:36และครูส่วนใหญ่รายงานความเชื่อที่ว่า
-
5:36 - 5:38นักเรียนในอุดมคติ คือกลุ่มที่ไม่ชอบเก็บตัว
-
5:38 - 5:40ดูต่อต้านนักเรียนที่ชอบเก็บตัว
-
5:40 - 5:43แม้กลุ่มที่ชอบเก็บตัวจะได้รับเกรดดีกว่า
-
5:43 - 5:45และมีความรู้มากกว่า
-
5:45 - 5:47จากผลการวิจัย
-
5:47 - 5:48(หัวเราะ)
-
5:48 - 5:52เอาล่ะ มันเกิดขึ้นในที่ทำงานของเราเช่นกัน
-
5:52 - 5:55ที่ทำงานเราส่วนใหญ่เป็นที่ทำงานแบบเปิด
-
5:55 - 5:56ไม่มีผนังกั้น
-
5:56 - 5:58ที่ที่เราหันเข้าหาเสียงรบกวนต่างๆ
-
5:58 - 6:00และสายตาของเพื่อนร่วมงาน
-
6:00 - 6:02และเมื่อพูดถึงความเป็นผู้นำ
-
6:02 - 6:05คนที่ชอบเก็บตัวมักจะพลาดตำแหน่งผู้นำเสมอ
-
6:05 - 6:07แม้ว่าจะมีความระมัดระวังมาก
-
6:07 - 6:09และดูเหมือนจะไม่ค่อยทำอะไรที่เสี่ยง
-
6:09 - 6:12ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราน่าจะชอบในปัจจุบันนี้
-
6:12 - 6:15งานวิจัยที่น่าสนใจของอดัม แกรนท์ (Adam Grant)
ที่โรงเรียนวาร์ตัน (Wharton) -
6:15 - 6:17พบว่าผู้นำที่ชอบเก็บตัว
-
6:17 - 6:20มักจะทำงานได้ดีกว่าผู้นำที่ไม่ชอบเก็บตัว
-
6:20 - 6:23เนื่องจากเมื่อพวกเขาบริหารพนักงานเชิงรุก
-
6:23 - 6:26พวกเขาจะให้พนักงานทำงาน
ด้วยความคิดพนักงานเอง -
6:26 - 6:28ในขณะที่เป็นผู้นำที่ไม่ชอบเก็บตัว
-
6:28 - 6:29มักจะตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาใส่ความคิดของเขา
-
6:29 - 6:32ลงในสิ่งต่างๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ
-
6:32 - 6:34ทำให้ความคิดของคนอื่นไม่สามารถแสดงออกมาได้
-
6:34 - 6:36ง่ายๆ เหมือนฟองอากาศขึ้นสู่ผิวน้ำ
-
6:36 - 6:41ข้อเท็จจริงก็คือ ผู้นำในอดีตหลายคน
เป็นคนที่ชอบเก็บตัว -
6:41 - 6:42ตัวอย่างเช่น
-
6:42 - 6:45อิลินอร์ รูสเวลต์ (Eleanor Roosevelt)
โรซ่า พาร์ค (Rosa Parks) คานธี (Gandhi) -
6:45 - 6:48คนเหล่านี้ นิยามตัวเองเป็นคนเงียบๆ
-
6:48 - 6:50พูดน้อยและขี้อาย
-
6:50 - 6:51และพวกเขาก็เด่นดัง
-
6:51 - 6:54แม้ว่าทุกส่วนในร่างกายของพวกเขา
-
6:54 - 6:56จะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
-
6:56 - 6:59กลายเป็นว่ามันเหมือนพลังพิเศษ
-
6:59 - 7:01เนื่องจากเรารู้สึกได้ว่าผู้นำที่ถือหางเสือ
-
7:01 - 7:03เหล่านี้ ไม่ไช่เพราะชอบกำกับคนอื่น ๆ
-
7:03 - 7:05และไม่ใช่เพราะอยากโดดเด่น
-
7:05 - 7:07พวกเขาอยู่ตรงนั้น เพราะไม่มีทางเลือก
-
7:07 - 7:11และพวกเขาทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูก
-
7:11 - 7:12ตอนนี้
-
7:12 - 7:15ฉันคิดว่า ณ จุดนี้ สิ่งสำคัญที่ฉันจะพูด
-
7:15 - 7:18ก็คือ จริงๆ ฉันรักที่คนที่ไม่เก็บตัว
-
7:18 - 7:21ฉันอยากจะบอกว่า เพื่อนสนิทของฉันหลายคน
-
7:21 - 7:25เป็นคนไม่ชอบเก็บตัว รวมทั้งสามีที่ฉันรัก
-
7:25 - 7:27และแน่นอน เราอยู่ในจุดที่แตกต่างกัน
-
7:27 - 7:30บนลักษณะของคนที่เก็บตัวและคนไม่ชอบเก็บตัว
-
7:30 - 7:33แม้คาร์ล ยุง (Carl Jung) นักจิตวิทยา
ที่ใช้สองคำนี้เป็นคนแรกๆ -
7:33 - 7:35กล่าวว่า ไม่มีคนที่ชอบเก็บตัวสุดขั้ว
-
7:35 - 7:37และคนที่ไม่ชอบเก็บตัวสุดขั้วเช่นกัน
-
7:37 - 7:39เขากล่าวว่า คนที่เป็นสุดขั้ว
คงจะต้องอยู่โรงพยาบาลบ้า -
7:39 - 7:42ถ้ามีคนแบบนั้นอยู่จริงๆ
-
7:42 - 7:43และบางคนตกอยู่ตรงกลาง
-
7:43 - 7:46ของการเป็นคนชอบเก็บตัวและชอบแสดงตัว
-
7:46 - 7:47เราเรียกว่า ประเภทปกติ (Ambivert)
-
7:47 - 7:52ฉันมักคิดว่าพวกเขามีสิ่งที่ดีที่สุดในโลกเลย
-
7:52 - 7:55แต่พวกเรารู้ตัวเราเองว่าเป็นแบบใดแบบหนึ่ง
-
7:55 - 7:58สิ่งที่ฉันกำลังบอกก็คือเราต้องการความสมดุล
-
7:58 - 8:02เราต้องการทั้งหยินและหยางของทั้งสองแบบ
-
8:02 - 8:04มันค่อนข้างสำคัญอย่างยิ่ง
-
8:04 - 8:06เมื่อพูดถึงความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ
-
8:06 - 8:07เพราะเมื่อนักจิตวิทยาดู
-
8:07 - 8:10ชีวิตของคนที่มีความสร้างสรรค์มากๆ
-
8:10 - 8:11พวกเขาพบว่า
-
8:11 - 8:14คนเหล่านี้เก่งในการแลกเปลี่ยนความคิด
-
8:14 - 8:16และมีความคิดก้าวหน้า
-
8:16 - 8:18แต่มีความเป็นคนชอบเก็บตัวค่อนข้างมาก
-
8:18 - 8:20และนี่เป็นเพราะความสันโดษ
-
8:20 - 8:23ที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญการสร้างสรรค์
-
8:23 - 8:25อย่างเช่น ดาร์วิน (Darwin)
-
8:25 - 8:26เขาเดินเข้าไปในป่าเพียงคนเดียว
-
8:26 - 8:30เพื่อเน้นย้ำการปฎิเสธคำเชิญ
งานเลี้ยงอาหารค่ำ -
8:30 - 8:33ธีโอดอร์ เกเซล์ (Theodor Geisel)
ที่รู้จักกันในนาม ดร.ซู๊ส (Seuss) -
8:33 - 8:36เขาฝันถึงการสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์มากมาย
-
8:36 - 8:37ในห้องทำงานที่หอระฆังที่อยู่
-
8:37 - 8:39หลังบ้านของเขาในลาจอนลา (La Jolla)
แคลิฟอร์เนีย -
8:39 - 8:41และเขากลัวที่จะพบปะเด็กๆ
-
8:41 - 8:43ที่อ่านหนังสือของเขา
-
8:43 - 8:45เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะคาดหวังว่า
-
8:45 - 8:48เขาจะสนุกสนานเหมือนซานตาคลอส
-
8:48 - 8:52และจะผิดหวังกับบุคลิกภาพของเขา
-
8:52 - 8:54สตีฟ วอซเนียก (Steve Wozniak)
สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แอปเปิ้ลเครื่องแรก -
8:54 - 8:56ตอนที่นั่งคนเดียวในห้องทำงานเล็กๆ
-
8:56 - 8:58ที่ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (Hewlett-Packard)
ที่ทำงานของเขา -
8:58 - 9:01เขาบอกว่า เขาอาจจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ
-
9:01 - 9:04ถ้าเขาเก็บตัวจนเกินไปจนไม่กล้าออกจากบ้าน
-
9:04 - 9:06เมื่อเขาโตขึ้น
-
9:06 - 9:08เอาล่ะ
-
9:08 - 9:09แน่นอน
-
9:09 - 9:11ไม่ได้หมายความว่าเราควรหยุดร่วมมือกัน
-
9:11 - 9:15เช่น กรณีสตีฟ วอซเนียก ทำงานร่วมกับสตีฟ จอบส์
-
9:15 - 9:18สร้างแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์-
-
9:18 - 9:21แต่มันหมายถึงว่า ความสันโดษก็สำคัญเช่นกัน
-
9:21 - 9:24สำหรับบางคน มันคืออากาศที่เขาใช้หายใจ
-
9:24 - 9:27ในความเป็นจริง เรารู้กันมานานหลายศตวรรษ
-
9:27 - 9:30ถึงพลังที่เหนือธรรมชาติของความสันโดษ
-
9:30 - 9:34มันแปลกที่เราเริ่มที่จะลืมว่า
เมื่อไม่นานมานี่ -
9:34 - 9:37ถ้าคุณมองดูศาสนาสำคัญๆ ของโลก
-
9:37 - 9:38คุณจะพบนักค้นหา
-
9:38 - 9:41โมเสส พระเยซู พระพุทธเจ้า มูฮัมหมัด
-
9:41 - 9:45นักคันหาคือคนที่ปิดตัวเองอยู่ในความลำบาก
-
9:45 - 9:48ที่ต่อจากนั้น พวกเขาค้นพบสิ่งที่ลึกซึ้ง
และศักดิ์สิทธิ์ -
9:48 - 9:51และนำกลับมาให้ชุมชน
-
9:51 - 9:55ดังนั้น ถ้าไม่มีความลำบากก็ไม่มีการค้นพบ
-
9:55 - 9:56จึงไม่น่าแปลกใจว่า
-
9:56 - 10:00ถ้ามองดูที่ปรัชญาร่วมสมัย
-
10:00 - 10:03จะเห็นว่า เราไม่สามารถอยู่ในสังคม
-
10:03 - 10:06โดยไม่มีการเลียนแบบความคิด
หรือสัญชาตญาณของกันและกัน -
10:06 - 10:09แม้แต่สิ่งที่เป็นส่วนตัวหรือสิ่งที่อยู่ภายใน
-
10:09 - 10:10เช่น ถ้าคุณมีคนที่คุณสนใจ
-
10:10 - 10:12คุณจะเริ่มเลียนแบบความเชื่อของคนรอบๆ ตัว
-
10:12 - 10:15โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำแบบนั้นอยู่
-
10:15 - 10:17คนในสังคม จะทำตามความคิด แนวคิด
-
10:17 - 10:20ของคนที่มีอำนาจหรือคนที่เก่งๆ
-
10:20 - 10:22แม้ว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรก็ตาม
-
10:22 - 10:24ระหว่างนักพูดที่เก่งที่สุด
กับการมีความคิดดีที่สุด -
10:24 - 10:26หมายถึง ไม่เกี่ยวกันเลย
-
10:26 - 10:28ดังนั้น...
-
10:28 - 10:31(เสียงหัวเราะ)
-
10:31 - 10:33คุณอาจจะติดตามหรือเลียนแบบ
คนที่มีความคิดดีๆ -
10:33 - 10:36หรือคุณอาจจะไม่
-
10:36 - 10:38และคุณอยากจะปล่อยให้ขึ้นกับโชคชะตา
-
10:38 - 10:40คงจะดีถ้าทุกคนค้นพบด้วยตนเอง
-
10:40 - 10:42สร้างความคิดของตนเอง
-
10:42 - 10:44ไม่ถูกบิดเบือนแนวคิดจากกลุ่มหรือสังคม
-
10:44 - 10:46แล้วมาร่วมกันเป็นทีม
-
10:46 - 10:49พูดคุยแนวคิดในสภาพแวดล้อมที่มี
การจัดการอย่างเป็นระบบ -
10:49 - 10:52และให้ได้ผลลัพธ์จากจุดนั้น
-
10:52 - 10:54คราวนี้ ถ้ามันเป็นจริงได้
-
10:54 - 10:56แล้วทำไมเราถึงไปในทางที่ผิดล่ะ
-
10:56 - 10:58ทำไมถึงใช้วิธีนี้ในโรงเรียนและที่ทำงาน
-
10:58 - 11:00ทำไมถึงทำให้กลุ่มคนที่ชอบเก็บตัวรู้สึกผิด
-
11:00 - 11:04ที่อยากจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างบางครั้ง
-
11:04 - 11:08มีคำตอบหนึ่งอยู่ในวัฒนธรรมเก่าแก่ของเรา
-
11:08 - 11:09สังคมตะวันตก
-
11:09 - 11:11โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา
-
11:11 - 11:13ชื่นชอบคนที่ลงทำมากกว่า
-
11:13 - 11:16คนที่ชอบคิดพิจารณา
-
11:16 - 11:20อืม..คนที่ชอบคิดพิจารณา
-
11:20 - 11:22แต่ ในอเมริกายุคแรก ๆ
-
11:22 - 11:25เราอยู่แบบที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า
วัฒนธรรมทางลักษณะคน -
11:25 - 11:28ซึ่งในจุดนั้น เราให้ค่าของคน
-
11:28 - 11:30จากภายในและความถูกต้องทางศีลธรรมของเขา
-
11:30 - 11:32ถ้าคุณดูหนังสือการพัฒนาตนเองในยุคนี้
-
11:32 - 11:34จะเจอชื่อหนังสือ อย่างเช่น
-
11:34 - 11:37"บุคลิกคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก"
-
11:37 - 11:40ในหนังสือจะมีบุคคลต้นแบบ เช่น
อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) -
11:40 - 11:42ผู้ที่ได้รับการยกย่องในด้านความสุภาพ
และการถ่อมตัว -
11:42 - 11:44ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน (Ralph Waldo Emerson)
-
11:44 - 11:48เรียกเขาว่า "ผู้ที่ไม่ถูกความเป็นชนชั้นสูงรุกราน"
-
11:48 - 11:50แต่แล้วในศตวรรษที่ 20
-
11:50 - 11:52และเราเข้าสู่วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่
-
11:52 - 11:54นักประวัติศาสตร์เรียกวัฒนธรรมของบุคลิกภาพ
-
11:54 - 11:57สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราผลักดันเศรษฐกิจการเกษตร
-
11:57 - 11:59เข้าไปสู่โลกของธุรกิจขนาดใหญ่
-
11:59 - 12:02ผู้คนย้ายจากเมืองเล็กเข้าสู่เมืองใหญ่
-
12:02 - 12:06แทนที่จะทำงานกับผู้คนที่รู้จักมาตลอด
-
12:06 - 12:09กลับไปทำงานกับคนแปลกหน้าเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
-
12:09 - 12:11จึงค่อนข้างเข้าใจได้ว่า
-
12:11 - 12:13ลักษณะที่ดึงดูดและมีความสามารถพิเศษต่างๆ
-
12:13 - 12:15กลายเป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆ
-
12:15 - 12:18และแน่นอน หนังสือการพัฒนาตนเอง เปลี่ยนแปลง
-
12:18 - 12:21เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ เหล่านี้
จะมีหนังสืออย่างเช่น -
12:21 - 12:23"วิธีชนะใจเพื่อนและโน้มน้าวผู้อื่น"
-
12:23 - 12:25โดยจะมีบุคคลต้นแบบเหมือน
-
12:25 - 12:28เป็นนักขายที่ยิ่งใหญ่
-
12:28 - 12:30และนี่คือโลกที่เราอาศัยอยู่ในวันนี้
-
12:30 - 12:34นี่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเรา
-
12:34 - 12:36สิ่งที่จะพูดไม่ได้หมายความว่า
-
12:36 - 12:39ทักษะทางสังคมไม่สำคัญ
-
12:39 - 12:40และไม่ได้ต้องการจะบอกว่า
-
12:40 - 12:43ให้ยกเลิกการทำงานเป็นทีม
-
12:43 - 12:47ศาสนาเดียวกันกับที่ส่งนักปราชญ์ของพวกเขา
ไปยังยอดเขาเพียงลำพัง -
12:47 - 12:50สอนเราให้รักและไว้วางใจ
-
12:50 - 12:51ปัญหาที่เรากำลังเผชิญในวันนี้
-
12:51 - 12:53ในด้านวิทยาศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์
-
12:53 - 12:55คือมันกว้างมากและค่อนข้างซับซ้อน
-
12:55 - 12:57ที่เราต้องการกองกำลังให้มาร่วมกัน
-
12:57 - 12:59มาแก้ไขปัญหาการทำงานร่วมกัน
-
12:59 - 13:01ที่ฉันกำลังจะบอกคือ มันจะอิสระมากกว่า
-
13:01 - 13:04ถ้าให้กลุ่มคนที่ชอบเก็บตัวเป็นอย่างที่พวกเขาเป็น
-
13:04 - 13:06มันเหมือนกับว่าพวกเขา
-
13:06 - 13:09จะคิดวิธีแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใคร
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ -
13:09 - 13:12ในตอนนี้ สิ่งที่ฉันจะบอกคุณ
-
13:12 - 13:16ว่าอะไรอยู่ในกระเป๋าเดินทางของฉันวันนี้
-
13:19 - 13:21คุณคิดว่าอะไร
-
13:21 - 13:23หนังสือ
-
13:23 - 13:24กระเป๋าเดินทางที่เต็มไปด้วยหนังสือ
-
13:24 - 13:27นี่คือ มาร์กาเรต แอ็ทวูด (Margaret Atwood)
"ตาแมว" -
13:27 - 13:30นี่คือนวนิยาย โดย มิลาน คูนเดร่า
(Milan Kundera) -
13:30 - 13:32และนี่ "ข้อแนะนำสำหรับความงงงวย"
-
13:32 - 13:34โดย มามอนนีดี (Maimonides)
-
13:34 - 13:38จริงๆ แล้ว นี่ไม่ใช่หนังสือของฉัน
-
13:38 - 13:40ฉันนำหนังสือเหล่านี้มา เพราะเป็น
-
13:40 - 13:44หนังสือของผู้เขียนที่ปู่ของฉันชื่นชอบ
-
13:44 - 13:46ปู่ของฉันเป็นอาจารย์ในศาสนายิว (rabbi)
-
13:46 - 13:48และเขาเป็นพ่อม่าย
-
13:48 - 13:50ที่อาศัยในอพาร์ทเมนท์เล็กๆ ในบรู๊คลินเพียงลำพัง
-
13:50 - 13:53เป็นสถานที่ที่หนึ่งในโลกที่ฉันชอบ
หลังจากฉันโตขึ้น -
13:53 - 13:57ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความอ่อนโยน
และช่างเอาใจของปู่ -
13:57 - 14:00อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันเต็มไปด้วยหนังสือ
-
14:00 - 14:02ฉันหมายถึงโต๊ะและเก้าอี้ทุกตัวในห้องนั้น
-
14:02 - 14:04ที่นอกจากจะใช้งานตามลักษณะของมันแล้ว
-
14:04 - 14:08ยังใช้เป็นพื้นที่สำหรับกองหนังสืออีกด้วย
-
14:08 - 14:10เหมือนกับคนอื่นๆ ในครอบครัวฉันนั่นแหละ
-
14:10 - 14:13ปู่มีสิ่งที่ชอบทำที่สุดในโลกก็คือการอ่าน
-
14:13 - 14:16แต่ปู่ก็ยังรักการพบปะกัน
-
14:16 - 14:19คุณจะรู้สึกถึงความรักในคำสอนที่ปู่ให้ได้
-
14:19 - 14:23ทุกอาทิตย์ เป็นเวลา 62 ปีที่ปู่เป็นอาจารย์
-
14:23 - 14:25เขาจะเก็บพืชผลที่ได้จากอ่านในแต่ละสัปดาห์
-
14:25 - 14:29และเรียบเรียงความคิดของผู้คนและแนวคิดเก่าแก่
-
14:29 - 14:30ผู้คนจึงมาจากทั่วโลก
-
14:30 - 14:33เพื่อมาฟังคำสอนจากเขา
-
14:33 - 14:37สิ่งที่เกี่ยวกับคุณปู่ก็คือ
-
14:37 - 14:38ภายใต้บทบาทพิธีการนี้
-
14:38 - 14:41ปู่ถ่อมตัวและเป็นคนชอบเก็บตัว
-
14:41 - 14:42มากจนกระทั่ง
-
14:42 - 14:44เวลาที่เขาจะให้คำสอน
-
14:44 - 14:46เขาจะมีปัญหาในการสบตา
-
14:46 - 14:47แม้ว่าจะกับกลุ่มคนเดิมๆ
-
14:47 - 14:50ที่ปู่ให้คำสอนมาตลอด 62 ปี
-
14:50 - 14:52แม้จะยืนห่างจากโพเดียมก็ตาม
-
14:52 - 14:54เมื่อคุณทักปู่ด้วยคำว่า สวัสดี
-
14:54 - 14:56ปู่มักจะจบการสนทนาเร็วกว่าปกติ
-
14:56 - 15:00เพราะกังวลว่าเขาจะใช้เวลาของคุณมากเกินไป
-
15:00 - 15:03เมื่อเขาเสียชีวิตตอนอายุ 94 ปี
-
15:03 - 15:06ตำรวจต้องปิดถนนบริเวณใกล้เคียง
-
15:06 - 15:08เพื่อรองรับผู้คนที่ออกมาอย่างหนาแน่น
-
15:08 - 15:10เพื่อไว้อาลัยให้เขา
-
15:12 - 15:14ดังนั้นวันนี้ฉันพยายามเรียนรู้
-
15:14 - 15:15ตัวอย่างจากปู่
-
15:15 - 15:17ในรูปแบบของตัวเอง
-
15:17 - 15:18ฉันเพิ่งจะตีพิมพ์หนังสือ
-
15:18 - 15:19เกี่ยวกับคนชอบเก็บตัว
-
15:19 - 15:23ใช้เวลาทั้งหมด 7 ปีในการเขียน
-
15:23 - 15:25สำหรับฉัน เป็น 7 ปีแห่งความสุข
-
15:25 - 15:28เพราะฉันได้อ่าน เขียน
-
15:28 - 15:30คิด และค้นคว้าข้อมูล
-
15:30 - 15:32มันเหมือนเป็นรูปแบบของฉัน
-
15:32 - 15:35ในการใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดของปู่
เพียงลำพัง -
15:35 - 15:39ตอนนี้ งานของฉันมันช่างแตกต่าง
-
15:39 - 15:40งานของฉันคือการออกมาพูดตรงนี้
-
15:40 - 15:45พูดเกี่ยวกับคนที่ชอบเก็บตัว
-
15:45 - 15:48(เสียงหัวเราะ)
-
15:48 - 15:49มันยากมากสำหรับฉัน
-
15:49 - 15:51ด้วยเกียรติที่ฉันได้รับ
-
15:51 - 15:53ที่ได้มาอยู่กับพวกคุณที่นี่ เวลานี้
-
15:53 - 15:57นี่ไม่ใช่ลักษณะธรรมชาติของฉัน
-
15:57 - 15:59ดังนั้นฉันต้องเตรียมตัวเพื่อช่วงเวลาแบบนี้
-
15:59 - 16:00ให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้
-
16:00 - 16:03ฉันใช้เวลาปีที่แล้วฝึกการพูดในที่สาธารณะ
-
16:03 - 16:05ทุกโอกาสที่ฉันสามารถทำได้
-
16:05 - 16:09เรียกปีนี้ว่า ปีแห่งการพูดที่อันตรายของฉัน
-
16:09 - 16:10(เสียงหัวเราะ)
-
16:10 - 16:12มันค่อนข้างช่วยฉันได้มากเลยทีเดียว
-
16:12 - 16:14แต่รู้ไหม สิ่งที่ช่วยฉันได้มาก ก็คือ
-
16:14 - 16:16ความรู้สึก ความเชื่อ ความหวัง
-
16:16 - 16:18ที่เกี่ยวข้องกับทัศนคติของพวกเรา
-
16:18 - 16:21การชอบเก็บเนื้อเก็บตัว การอยู่เงียบๆ
และความสันโดษ -
16:21 - 16:22เราเหมือนทรงตัวอยู่บนก้อนอิฐ
-
16:22 - 16:24บนการเปลี่ยนแปลงของบทชีวิต
-
16:24 - 16:26ฉันหมายถึง พวกเราเป็นอย่างนั้น
-
16:26 - 16:27ฉันจะหยุดตรงนี้
-
16:27 - 16:29โดยให้คุณ ทำ 3 สิ่ง
-
16:29 - 16:32สำหรับการร่วมวิสัยทัศน์นี้
-
16:32 - 16:33หนึ่ง:
-
16:33 - 16:35หยุดความบ้าในการทำงานกลุ่ม
-
16:35 - 16:36แค่หยุดมันซะ
-
16:36 - 16:39(หัวเราะ)
-
16:39 - 16:41ขอบคุณ
-
16:41 - 16:44(เสียงปรบมือ)
-
16:44 - 16:46เพื่อให้ชัดเจนในสิ่งที่ฉันจะพูด
-
16:46 - 16:48เพราะลึกๆ ฉันเชื่อว่าที่ทำงานของเรา
-
16:48 - 16:49ควรสนับสนุนให้
-
16:49 - 16:51มีความเป็นการเอง การคุยกัน
-
16:51 - 16:52และการปฏิสัมพันธ์กัน
-
16:52 - 16:54คุณรู้ใช่ไหม การที่คนมาร่วมกัน
-
16:54 - 16:56มาแลกเปลี่ยนความคิดกัน
-
16:56 - 16:57มันดีมากเลย
-
16:57 - 16:59มันดีมากสำหรับคนที่ชอบเก็บตัว
-
16:59 - 17:00และดีสำหรับคนที่ไม่ชอบเก็บตัว
-
17:00 - 17:01เราต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้
-
17:01 - 17:03และต้องการความเป็นอิสระมากกว่านี้
-
17:03 - 17:05และอิสระในการทำงานด้วยตัวเอง
-
17:05 - 17:06ในโรงเรียนก็เหมือนกัน
-
17:06 - 17:08เราต้องสอนเด็กให้ทำงานร่วมกัน
-
17:08 - 17:09และแน่นอน
-
17:09 - 17:11เราต้องสอนให้เขาทำงานด้วยตัวเอง
-
17:11 - 17:13มันสำคัญสำหรับเด็กที่ไม่ชอบเก็บตัวเช่นกัน
-
17:13 - 17:15พวกเขาต้องคิดด้วยตัวเอง
-
17:15 - 17:18เพราะความคิดในส่วนลึกจะเกิดจากตรงนี้เอง
-
17:18 - 17:21เอาล่ะ หมายเลขสอง: ไปยังที่ที่ลำบาก
-
17:21 - 17:22เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าทำ
-
17:22 - 17:24คุณต้องค้นพบด้วยตัวเอง
-
17:24 - 17:26ฉันไม่ได้จะพูดว่า
-
17:26 - 17:29เราต้องออกไปและสร้างบ้านไม้ของเราในป่า
-
17:29 - 17:32และไม่คุยกับใครอีกเลย
-
17:32 - 17:34แต่ฉันจะบอกว่า เราสามารถยืนด้วยตัวเอง
-
17:34 - 17:38เข้าไปภายในหัวของเราเองบ่อยขึ้น
-
17:39 - 17:42หมายเลข 3:
-
17:42 - 17:44ดูที่สิ่งอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางของคุณ
-
17:44 - 17:46และคิดว่าทำไมคุณถึงใส่มันไว้
-
17:46 - 17:48ดังนั้นคนที่ไม่ชอบเก็บตัว
-
17:48 - 17:50บางทีกระเป๋าเดินทางของคุณอาจจะเต็ม
-
17:50 - 17:51ไปด้วยหนังสือ
-
17:51 - 17:53หรืออาจจะเต็มไปด้วยแก้วแชมเปญ
-
17:53 - 17:56หรืออุปกรณ์กระโดดร่ม
-
17:56 - 17:57ไม่ว่าจะเป็นอะไร
-
17:57 - 18:00ฉันหวังว่า คุณนำมันออกมาใช้
เมื่อมีโอกาส -
18:00 - 18:03และให้เราเห็นถึงพลังและความสุขของคุณ
-
18:03 - 18:05ส่วนคนชอบเก็บตัว ขอให้คุณเป็นคุณ
-
18:05 - 18:07คุณอาจจะมีแรงผลักดันที่จะปกป้อง
-
18:07 - 18:11สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางของคุณอย่างเต็มเปี่ยม
-
18:11 - 18:12มันก็ดี
-
18:12 - 18:14เพียงแต่บางครั้ง แค่บางครั้ง
-
18:14 - 18:17ฉันหวังว่า คุณจะเปิดกระเป๋าเดินทางของคุณ
-
18:17 - 18:18ให้คนอื่นดู เพราะโลกต้องการคุณ
-
18:18 - 18:20และต้องการสิ่งที่คุณมี
-
18:21 - 18:23ฉันขอให้คุณได้ในสิ่งที่ดีที่สุด
-
18:23 - 18:25ในการเดินทางของคุณ
-
18:25 - 18:27และความกล้าที่จะพูดเบาๆ
-
18:27 - 18:29ขอบคุณมากๆ ค่ะ
-
18:29 - 18:33(เสียงปรบมือ)
-
18:33 - 18:36ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ
-
18:36 - 18:38ขอบคุณค่ะ
-
18:38 - 18:42(เสียงปรบมือ)
- Title:
- พลังของคนที่ชอบเก็บตัวหรือมีโลกส่วนตัวสูง
- Speaker:
- ซูซาน เคน (Susan Cain)
- Description:
-
ในสังคมที่การออกงานพบปะผู้คนเป็นอะไรที่ดูดีและมีหน้าตา อาจเป็นเรื่องยากและออกจะน่าอาย สำหรับคนที่ชอบเก็บตัวหรือมีโลกส่วนตัวสูง แต่อย่างที่ซูซาน เคน กล่าวในการพูดที่น่าฟังนี้ว่า คนที่ชอบเก็บตัวมีพรสวรรค์และความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่นำมาสู่โลกและควรจะสนับสนุนและเฉลิมฉลอง
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 18:43
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The power of introverts | |
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The power of introverts | |
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The power of introverts | |
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The power of introverts | |
![]() |
Bongkot Charoensak accepted Thai subtitles for The power of introverts | |
![]() |
Bongkot Charoensak edited Thai subtitles for The power of introverts | |
![]() |
Bongkot Charoensak edited Thai subtitles for The power of introverts | |
![]() |
Tisa Tontiwatkul edited Thai subtitles for The power of introverts |