1 00:00:00,000 --> 00:00:02,000 ตอนที่ฉันอายุ 9 ขวบ 2 00:00:02,000 --> 00:00:04,000 ฉันได้ไปค่ายฤดูร้อนเป็นครั้งแรก 3 00:00:04,000 --> 00:00:06,170 และแม่จัดกระเป๋าเดินทาง 4 00:00:06,470 --> 00:00:08,000 ที่เต็มไปด้วยหนังสือให้ฉัน 5 00:00:08,000 --> 00:00:10,790 สำหรับฉันแล้ว มันเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมเลย 6 00:00:10,790 --> 00:00:12,000 เพราะในครอบครัวเรา 7 00:00:12,000 --> 00:00:15,000 การอ่านเป็นกิจกรรมหลักของเรา 8 00:00:15,000 --> 00:00:17,290 สำหรับคุณ อาจดูเหมือนต่อต้านสังคมเล็กน้อย 9 00:00:17,290 --> 00:00:20,920 แต่สำหรับเรา มันแค่เป็นวิธีในการเข้าสังคม ที่แตกต่างออกไป 10 00:00:20,930 --> 00:00:24,170 คุณจะได้สัมผัสถึงไออุ่นรัก จากครอบครัวที่นั่งถัดจากคุณ 11 00:00:24,220 --> 00:00:26,000 และยังมีอิสระที่จะเข้าไปในผจญภัย 12 00:00:26,000 --> 00:00:28,000 ในดินแดนภายในจิตใจของคุณเอง 13 00:00:28,000 --> 00:00:30,000 และฉันก็คิดว่า 14 00:00:30,000 --> 00:00:32,000 ค่ายฤดูร้อนก็น่าจะเป็นแบบนี้ แต่อาจจะดีกว่าหน่อย 15 00:00:32,000 --> 00:00:35,540 (เสียงหัวเราะ) 16 00:00:35,680 --> 00:00:38,000 มีจินตนาการเห็นเด็กหญิง 10 คนนั่งในห้อง 17 00:00:38,000 --> 00:00:40,000 อ่านหนังสือชิวๆ ในชุดนอนแบบเดียวกัน 18 00:00:40,000 --> 00:00:42,000 (เสียงหัวเราะ) 19 00:00:42,000 --> 00:00:45,000 การเข้าค่ายเหมือนปาร์ตี้ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ 20 00:00:45,000 --> 00:00:48,000 และในวันแรก 21 00:00:48,000 --> 00:00:50,000 ที่ปรึกษาเรา เรียกพวกเรามารวมกัน 22 00:00:50,000 --> 00:00:52,000 และสอนเราเชียร์ ซึ่งบอกว่าจะต้องพูดเชียร์ 23 00:00:52,000 --> 00:00:56,370 ทุกวันเพื่อให้เข้าถึงหัวใจของการเข้าค่าย 24 00:00:56,450 --> 00:00:58,520 มันคือ: 25 00:00:58,940 --> 00:01:00,000 "R-O-W-D-I-E 26 00:01:00,000 --> 00:01:02,000 นั่นคือวิธีที่เราสะกด rowdie (เกเร) 27 00:01:02,000 --> 00:01:04,980 Rowdie, rowdie, จัดไป rowdie " 28 00:01:05,000 --> 00:01:07,970 (เสียงหัวเราะ) 29 00:01:07,970 --> 00:01:09,000 ใช่ 30 00:01:09,000 --> 00:01:11,000 อืม ฉันคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตฉัน 31 00:01:11,000 --> 00:01:13,000 ทำไมเราควรจะ rowdy มากนัก 32 00:01:13,000 --> 00:01:16,000 หรือทำไมเราต้องสะกดคำนี้ไม่ถูกต้อง 33 00:01:16,000 --> 00:01:23,000 (หัวเราะ) 34 00:01:23,010 --> 00:01:25,710 แต่ฉันต้องท่องคำเชียร์ ไปพร้อมกับคนอื่นๆ 35 00:01:25,710 --> 00:01:27,000 ฉันทำดีที่สุดแล้ว 36 00:01:27,000 --> 00:01:29,000 และฉันเพียงแค่รอเวลา 37 00:01:29,000 --> 00:01:32,430 ที่จะออกจากค่ายและอ่านหนังสือของฉัน 38 00:01:32,440 --> 00:01:34,940 แต่พอหยิบหนังสือออกจากกระเป๋าเดินทาง 39 00:01:34,940 --> 00:01:37,020 สาวสุดเจ๋งก็มาถามฉันว่า 40 00:01:37,020 --> 00:01:39,000 "ทำไมถึงดูสุขุมจัง" 41 00:01:39,000 --> 00:01:41,000 สุขุม แน่นอน ความหมายมันตรงข้ามกับ 42 00:01:41,000 --> 00:01:43,000 ความหมายของ R-O-W-D-I-E 43 00:01:43,000 --> 00:01:45,000 แล้วครั้งที่สองที่ฉันจะหยิบขึ้นมาอ่านอีก 44 00:01:45,000 --> 00:01:48,520 ที่ปรึกษาก็มาหาฉันด้วยสีหน้าที่ดูกังวล 45 00:01:48,520 --> 00:01:50,990 และเธอย้ำจุดยืนของการเข้าค่ายฤดูร้อน 46 00:01:50,990 --> 00:01:52,480 ว่าเราควรออกไป 47 00:01:52,480 --> 00:01:55,000 เข้าสังคมให้มาก 48 00:01:55,000 --> 00:01:56,990 ดังนั้น...ฉันจึงนำหนังสือ 49 00:01:56,990 --> 00:02:00,980 กลับเข้าไปไว้ในกระเป๋าเดินทาง 50 00:02:00,980 --> 00:02:04,000 และวางไว้ใต้เตียงของฉัน 51 00:02:04,000 --> 00:02:06,240 และก็อยู่อย่างนั้นตลอดการอยู่ค่ายฤดูร้อน 52 00:02:06,240 --> 00:02:08,000 ฉันรู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ เพราะ 53 00:02:08,000 --> 00:02:10,990 ฉันรู้สึกว่าหนังสือต้องการฉัน 54 00:02:10,990 --> 00:02:12,000 เรียกหาฉัน 55 00:02:12,000 --> 00:02:14,970 แต่ฉันกลับไม่สนใจและไม่เปิดดกระเป๋าอีก 56 00:02:15,000 --> 00:02:17,000 จนกระทั่งฉันกลับบ้านพร้อมครอบครัว 57 00:02:17,000 --> 00:02:19,000 หลังจากค่ายฤดูร้อนจบลง 58 00:02:19,000 --> 00:02:22,000 ตอนนี้ ฉันเล่าเรื่องเข้าค่ายฤดูร้อน 59 00:02:22,000 --> 00:02:25,000 ฉันบอกคุณเลยว่า อีก 50 คนชอบการเข้าค่าย 60 00:02:25,000 --> 00:02:27,980 ทุกครั้งที่ฉันได้รับคำพูดที่บอกว่า 61 00:02:27,980 --> 00:02:31,000 การที่ฉันเงียบและเก็บตัว 62 00:02:31,000 --> 00:02:33,000 ไม่ใช่การทำตัวที่ถูกที่ควรเท่าไร 63 00:02:33,000 --> 00:02:36,980 และฉันควรจะเปิดตัวออกมาบ้าง 64 00:02:36,980 --> 00:02:39,000 ฉันรู้สึกลึกๆ ว่ามันไม่จริงนะ 65 00:02:39,000 --> 00:02:41,000 คนชอบเก็บตัวหลายคนเจ๋งอย่างที่พวกเขาเป็น 66 00:02:41,000 --> 00:02:44,980 หลายปีเลยที่ฉันปฎิเสธความรู้สึกนี้ 67 00:02:44,980 --> 00:02:47,000 ฉันเป็นทนายความในบริษัทยักษ์ใหญ่ 68 00:02:47,000 --> 00:02:50,000 แทนที่จะเป็นนักเขียนอย่างที่อยากจะเป็น 69 00:02:50,000 --> 00:02:52,000 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากจะพิสูจน์ตัวเอง 70 00:02:52,000 --> 00:02:54,000 ว่า ฉันกล้าและมีความมุ่งมั่นด้วย 71 00:02:54,000 --> 00:02:56,510 และฉันก็มักจะไปบาร์ที่มีคนเยอะๆ 72 00:02:56,510 --> 00:03:00,030 ทั้งที่จริงๆ แล้วอยากจะไปที่ที่ดี สำหรับทานมื้อเย็นกับเพื่อนๆ มากกว่า 73 00:03:00,030 --> 00:03:02,990 ฉันทำสิ่งที่ปั่นป่วนตัวเอง 74 00:03:02,990 --> 00:03:04,000 อัตโนมัติ 75 00:03:04,000 --> 00:03:08,000 โดยไม่รู้เลยว่า ฉันเป็นคนทำตัวเองแท้ๆ 76 00:03:08,000 --> 00:03:10,510 นี่เป็นสิ่งที่คนชอบเก็บตัวหลายคนทำ 77 00:03:10,510 --> 00:03:13,500 และมันทำให้เราล้มเหลวแน่ๆ 78 00:03:13,500 --> 00:03:16,022 ทั้งเพื่อนร่วมงาน ชุมชนของเราล้มเหลวไปด้วย 79 00:03:16,022 --> 00:03:17,741 ถ้าจะให้พูดให้มันใหญ่ขึ้น 80 00:03:17,741 --> 00:03:19,100 เป็นการล้มเหลวระดับโลก 81 00:03:19,100 --> 00:03:21,510 เพราะเมื่อนึกถึงการสร้างสรรค์ และการเป็นผู้นำ 82 00:03:21,510 --> 00:03:24,480 เราต้องการให้คนที่ชอบเก็บตัวได้ทำ ในสิ่งที่พวกเขาถนัดที่สุด 83 00:03:24,480 --> 00:03:27,510 หนึ่งในสาม ถึงครึ่งของประชากร คือคนที่ชอบเก็บตัว 84 00:03:27,510 --> 00:03:28,520 หนึ่งในสามถึงครึ่ง 85 00:03:28,520 --> 00:03:31,510 ก็คือหนึ่งในสองหรือสามคนที่คุณรู้จัก 86 00:03:31,510 --> 00:03:34,000 หรือแม้ตัวคุณเอง อาจจะเป็นคนที่ชอบเก็บตัว 87 00:03:34,000 --> 00:03:36,020 ฉันพูดถึงเพื่อนร่วมงานของคุณ 88 00:03:36,020 --> 00:03:38,510 คู่สมรสของคุณและลูกๆ ของคุณ 89 00:03:38,510 --> 00:03:41,000 หรือคนนั่งถัดจากคุณตอนนี้- 90 00:03:41,000 --> 00:03:43,000 ทุกคนล้วนมีอคตินี้ 91 00:03:43,000 --> 00:03:45,980 ค่อนข้างจะเป็นจริงอยู่ลึกๆ ในสังคมของเรา 92 00:03:46,000 --> 00:03:48,500 เราเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ยังเล็ก 93 00:03:48,500 --> 00:03:51,500 โดยที่ยังไม่รู้ภาษามาอธิบาย สิ่งที่เราทำด้วยซ้ำ 94 00:03:51,500 --> 00:03:53,500 มาดูอคตินี้กันให้ชัดยิ่งขึ้น 95 00:03:53,500 --> 00:03:56,000 คุณจำเป็นต้องเข้าใจว่าการเก็บตัวคืออะไร 96 00:03:56,000 --> 00:03:58,000 มันต่างจากความเขินอาย 97 00:03:58,000 --> 00:04:00,490 ความเขินอายเป็นการกลัว การตัดสินจากสังคม 98 00:04:00,490 --> 00:04:02,200 การเก็บตัว เป็นอะไรที่เกี่ยวกับ 99 00:04:02,200 --> 00:04:04,000 การตอบสนองต่อการกระตุ้น 100 00:04:04,000 --> 00:04:06,000 รวมทั้งกระตุ้นจากสังคม ดังนั้น 101 00:04:06,000 --> 00:04:08,770 คนที่ไม่ชอบเก็บตัวก็อยากจะได้การกระตุ้น 102 00:04:08,770 --> 00:04:11,000 ในขณะที่คนชอบเก็บตัว จะรู้สึกถึงการมีชีวิต 103 00:04:11,000 --> 00:04:13,000 เวลาที่ตื่นตัวและทำอะไรต่ออะไรได้มากที่สุด 104 00:04:13,000 --> 00:04:15,350 เมื่อพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ 105 00:04:15,350 --> 00:04:18,000 ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา-- และไม่แน่นอน-- 106 00:04:18,000 --> 00:04:20,000 แต่เกิดขึ้นซะเป็นส่วนใหญ่ 107 00:04:20,000 --> 00:04:21,950 ดังนั้นการที่จะทำให้ 108 00:04:21,950 --> 00:04:24,000 ความสามารถของเราเพิ่มสูงสุด 109 00:04:24,000 --> 00:04:26,500 ก็ต้องให้พวกเราอยู่ในที่ที่เหมาะสม 110 00:04:26,500 --> 00:04:29,510 ในโซนที่มีการกระตุ้นที่เหมาะกับพวกเรา 111 00:04:29,510 --> 00:04:31,510 แต่ขณะนี้ หลายที่มีความอคติเข้ามา 112 00:04:31,510 --> 00:04:33,500 สถาบันที่สำคัญที่สุดของเรา 113 00:04:33,500 --> 00:04:35,500 โรงเรียนของเราและที่ทำงาน 114 00:04:35,500 --> 00:04:37,990 ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่ไม่ชอบเก็บตัว 115 00:04:37,990 --> 00:04:40,510 และสำหรับคนเหล่านี้จำเป็นต้องมี การกระตุ้นมากมาย 116 00:04:40,510 --> 00:04:44,000 และยังมีระบบความเชื่อในปัจจุบันนี้ 117 00:04:44,000 --> 00:04:46,500 ฉันเรียกการคิดตามกลุ่มแบบใหม่ 118 00:04:46,500 --> 00:04:48,480 ซึ่งยึดถึงความคิดสร้างสรรค์ 119 00:04:48,480 --> 00:04:49,960 และประสิทธิภาพทั้งหมด 120 00:04:49,960 --> 00:04:54,000 มาจากการที่ต้องรวมกันเป็นกลุ่มสุดๆ 121 00:04:54,000 --> 00:04:57,010 ถ้าคุณมองภาพห้องเรียนในปัจจุบันนี้: 122 00:04:57,010 --> 00:04:58,740 สมัยที่ฉันไปโรงเรียน 123 00:04:58,740 --> 00:05:00,000 เรานั่งเป็นแถว 124 00:05:00,000 --> 00:05:02,000 เรานั่งอยู่ในแถวของโต๊ะเช่นนี้ 125 00:05:02,000 --> 00:05:04,500 และทำงานส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง 126 00:05:04,500 --> 00:05:06,540 แต่ปัจจุบัน ชั้นเรียนทั่วไป 127 00:05:06,540 --> 00:05:10,050 มีโต๊ะเรียนที่เด็ก สี่ หรือ ห้า หรือ หก หรือ เจ็ดคน 128 00:05:10,050 --> 00:05:11,520 หันหน้าเข้าหากัน 129 00:05:11,520 --> 00:05:13,980 และต้องทำงานกันเป็นกลุ่ม 130 00:05:13,980 --> 00:05:16,510 แม้ในวิชาคณิตศาสตร์และการเขียนเชิงสร้างสรรค์ 131 00:05:16,510 --> 00:05:19,070 ที่คุณคิดว่าจะต้องเป็นการคิดเองคนเดียว 132 00:05:19,070 --> 00:05:21,000 ปัจจุบันนี้ เด็กถูกคาดหวังให้ 133 00:05:21,000 --> 00:05:23,510 ต้องทำเหมือนเป็นสมาชิกคณะกรรมการ 134 00:05:23,510 --> 00:05:25,750 สำหรับเด็กที่ต้องการทำด้วยตัวเอง 135 00:05:25,750 --> 00:05:27,000 หรือทำงานคนเดียว 136 00:05:27,000 --> 00:05:29,990 เด็กเหล่านั้นจะถูกมองว่าแตกจากกลุ่ม 137 00:05:29,990 --> 00:05:34,000 หรือมองว่าเป็นปัญหา 138 00:05:34,000 --> 00:05:36,000 และครูส่วนใหญ่รายงานความเชื่อที่ว่า 139 00:05:36,000 --> 00:05:38,000 นักเรียนในอุดมคติ คือกลุ่มที่ไม่ชอบเก็บตัว 140 00:05:38,000 --> 00:05:40,000 ดูต่อต้านนักเรียนที่ชอบเก็บตัว 141 00:05:40,000 --> 00:05:42,510 แม้กลุ่มที่ชอบเก็บตัวจะได้รับเกรดดีกว่า 142 00:05:42,510 --> 00:05:44,520 และมีความรู้มากกว่า 143 00:05:44,520 --> 00:05:46,510 จากผลการวิจัย 144 00:05:46,510 --> 00:05:48,500 (หัวเราะ) 145 00:05:48,500 --> 00:05:51,780 เอาล่ะ มันเกิดขึ้นในที่ทำงานของเราเช่นกัน 146 00:05:51,780 --> 00:05:54,520 ที่ทำงานเราส่วนใหญ่เป็นที่ทำงานแบบเปิด 147 00:05:54,520 --> 00:05:56,250 ไม่มีผนังกั้น 148 00:05:56,250 --> 00:05:58,000 ที่ที่เราหันเข้าหาเสียงรบกวนต่างๆ 149 00:05:58,000 --> 00:06:00,000 และสายตาของเพื่อนร่วมงาน 150 00:06:00,000 --> 00:06:02,000 และเมื่อพูดถึงความเป็นผู้นำ 151 00:06:02,000 --> 00:06:04,520 คนที่ชอบเก็บตัวมักจะพลาดตำแหน่งผู้นำเสมอ 152 00:06:04,520 --> 00:06:06,520 แม้ว่าจะมีความระมัดระวังมาก 153 00:06:06,520 --> 00:06:08,540 และดูเหมือนจะไม่ค่อยทำอะไรที่เสี่ยง 154 00:06:08,540 --> 00:06:12,000 ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราน่าจะชอบในปัจจุบันนี้ 155 00:06:12,000 --> 00:06:15,450 งานวิจัยที่น่าสนใจของอดัม แกรนท์ (Adam Grant) ที่โรงเรียนวาร์ตัน (Wharton) 156 00:06:15,450 --> 00:06:17,000 พบว่าผู้นำที่ชอบเก็บตัว 157 00:06:17,000 --> 00:06:20,000 มักจะทำงานได้ดีกว่าผู้นำที่ไม่ชอบเก็บตัว 158 00:06:20,000 --> 00:06:23,000 เนื่องจากเมื่อพวกเขาบริหารพนักงานเชิงรุก 159 00:06:23,000 --> 00:06:25,520 พวกเขาจะให้พนักงานทำงาน ด้วยความคิดพนักงานเอง 160 00:06:25,520 --> 00:06:27,520 ในขณะที่เป็นผู้นำที่ไม่ชอบเก็บตัว 161 00:06:27,520 --> 00:06:29,000 มักจะตื่นเต้นกับสิ่งที่เขาใส่ความคิดของเขา 162 00:06:29,000 --> 00:06:32,000 ลงในสิ่งต่างๆอย่างไม่ได้ตั้งใจ 163 00:06:32,000 --> 00:06:34,490 ทำให้ความคิดของคนอื่นไม่สามารถแสดงออกมาได้ 164 00:06:34,490 --> 00:06:36,500 ง่ายๆ เหมือนฟองอากาศขึ้นสู่ผิวน้ำ 165 00:06:36,500 --> 00:06:40,770 ข้อเท็จจริงก็คือ ผู้นำในอดีตหลายคน เป็นคนที่ชอบเก็บตัว 166 00:06:40,770 --> 00:06:41,970 ตัวอย่างเช่น 167 00:06:41,970 --> 00:06:45,000 อิลินอร์ รูสเวลต์ (Eleanor Roosevelt) โรซ่า พาร์ค (Rosa Parks) คานธี (Gandhi) 168 00:06:45,000 --> 00:06:47,510 คนเหล่านี้ นิยามตัวเองเป็นคนเงียบๆ 169 00:06:47,510 --> 00:06:50,000 พูดน้อยและขี้อาย 170 00:06:50,000 --> 00:06:51,300 และพวกเขาก็เด่นดัง 171 00:06:51,300 --> 00:06:53,510 แม้ว่าทุกส่วนในร่างกายของพวกเขา 172 00:06:53,510 --> 00:06:56,000 จะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น 173 00:06:56,000 --> 00:06:58,740 กลายเป็นว่ามันเหมือนพลังพิเศษ 174 00:06:58,740 --> 00:07:01,000 เนื่องจากเรารู้สึกได้ว่าผู้นำที่ถือหางเสือ 175 00:07:01,000 --> 00:07:03,000 เหล่านี้ ไม่ไช่เพราะชอบกำกับคนอื่น ๆ 176 00:07:03,000 --> 00:07:05,000 และไม่ใช่เพราะอยากโดดเด่น 177 00:07:05,000 --> 00:07:07,000 พวกเขาอยู่ตรงนั้น เพราะไม่มีทางเลือก 178 00:07:07,000 --> 00:07:11,430 และพวกเขาทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ถูก 179 00:07:11,430 --> 00:07:12,500 ตอนนี้ 180 00:07:12,500 --> 00:07:15,000 ฉันคิดว่า ณ จุดนี้ สิ่งสำคัญที่ฉันจะพูด 181 00:07:15,000 --> 00:07:18,000 ก็คือ จริงๆ ฉันรักที่คนที่ไม่เก็บตัว 182 00:07:18,000 --> 00:07:21,020 ฉันอยากจะบอกว่า เพื่อนสนิทของฉันหลายคน 183 00:07:21,020 --> 00:07:24,530 เป็นคนไม่ชอบเก็บตัว รวมทั้งสามีที่ฉันรัก 184 00:07:24,530 --> 00:07:26,890 และแน่นอน เราอยู่ในจุดที่แตกต่างกัน 185 00:07:26,890 --> 00:07:29,500 บนลักษณะของคนที่เก็บตัวและคนไม่ชอบเก็บตัว 186 00:07:29,500 --> 00:07:33,000 แม้คาร์ล ยุง (Carl Jung) นักจิตวิทยา ที่ใช้สองคำนี้เป็นคนแรกๆ 187 00:07:33,000 --> 00:07:34,820 กล่าวว่า ไม่มีคนที่ชอบเก็บตัวสุดขั้ว 188 00:07:34,820 --> 00:07:36,520 และคนที่ไม่ชอบเก็บตัวสุดขั้วเช่นกัน 189 00:07:36,520 --> 00:07:39,000 เขากล่าวว่า คนที่เป็นสุดขั้ว คงจะต้องอยู่โรงพยาบาลบ้า 190 00:07:39,000 --> 00:07:42,000 ถ้ามีคนแบบนั้นอยู่จริงๆ 191 00:07:42,000 --> 00:07:43,430 และบางคนตกอยู่ตรงกลาง 192 00:07:43,430 --> 00:07:45,540 ของการเป็นคนชอบเก็บตัวและชอบแสดงตัว 193 00:07:45,540 --> 00:07:47,000 เราเรียกว่า ประเภทปกติ (Ambivert) 194 00:07:47,000 --> 00:07:51,500 ฉันมักคิดว่าพวกเขามีสิ่งที่ดีที่สุดในโลกเลย 195 00:07:51,500 --> 00:07:54,510 แต่พวกเรารู้ตัวเราเองว่าเป็นแบบใดแบบหนึ่ง 196 00:07:54,510 --> 00:07:58,000 สิ่งที่ฉันกำลังบอกก็คือเราต้องการความสมดุล 197 00:07:58,000 --> 00:08:01,500 เราต้องการทั้งหยินและหยางของทั้งสองแบบ 198 00:08:01,500 --> 00:08:03,500 มันค่อนข้างสำคัญอย่างยิ่ง 199 00:08:03,500 --> 00:08:05,510 เมื่อพูดถึงความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ 200 00:08:05,510 --> 00:08:07,240 เพราะเมื่อนักจิตวิทยาดู 201 00:08:07,240 --> 00:08:09,500 ชีวิตของคนที่มีความสร้างสรรค์มากๆ 202 00:08:09,500 --> 00:08:11,000 พวกเขาพบว่า 203 00:08:11,000 --> 00:08:13,530 คนเหล่านี้เก่งในการแลกเปลี่ยนความคิด 204 00:08:13,530 --> 00:08:15,500 และมีความคิดก้าวหน้า 205 00:08:15,500 --> 00:08:18,500 แต่มีความเป็นคนชอบเก็บตัวค่อนข้างมาก 206 00:08:18,500 --> 00:08:20,490 และนี่เป็นเพราะความสันโดษ 207 00:08:20,490 --> 00:08:23,300 ที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญการสร้างสรรค์ 208 00:08:23,300 --> 00:08:24,560 อย่างเช่น ดาร์วิน (Darwin) 209 00:08:24,560 --> 00:08:26,450 เขาเดินเข้าไปในป่าเพียงคนเดียว 210 00:08:26,450 --> 00:08:30,230 เพื่อเน้นย้ำการปฎิเสธคำเชิญ งานเลี้ยงอาหารค่ำ 211 00:08:30,230 --> 00:08:33,000 ธีโอดอร์ เกเซล์ (Theodor Geisel) ที่รู้จักกันในนาม ดร.ซู๊ส (Seuss) 212 00:08:33,000 --> 00:08:35,500 เขาฝันถึงการสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์มากมาย 213 00:08:35,500 --> 00:08:37,000 ในห้องทำงานที่หอระฆังที่อยู่ 214 00:08:37,000 --> 00:08:39,490 หลังบ้านของเขาในลาจอนลา (La Jolla) แคลิฟอร์เนีย 215 00:08:39,490 --> 00:08:41,490 และเขากลัวที่จะพบปะเด็กๆ 216 00:08:41,490 --> 00:08:43,000 ที่อ่านหนังสือของเขา 217 00:08:43,000 --> 00:08:45,000 เพราะกลัวว่าเด็กๆ จะคาดหวังว่า 218 00:08:45,000 --> 00:08:47,500 เขาจะสนุกสนานเหมือนซานตาคลอส 219 00:08:47,500 --> 00:08:51,500 และจะผิดหวังกับบุคลิกภาพของเขา 220 00:08:51,500 --> 00:08:54,000 สตีฟ วอซเนียก (Steve Wozniak) สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์แอปเปิ้ลเครื่องแรก 221 00:08:54,000 --> 00:08:55,970 ตอนที่นั่งคนเดียวในห้องทำงานเล็กๆ 222 00:08:55,970 --> 00:08:57,770 ที่ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (Hewlett-Packard) ที่ทำงานของเขา 223 00:08:57,770 --> 00:09:01,000 เขาบอกว่า เขาอาจจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ 224 00:09:01,000 --> 00:09:03,510 ถ้าเขาเก็บตัวจนเกินไปจนไม่กล้าออกจากบ้าน 225 00:09:03,510 --> 00:09:06,090 เมื่อเขาโตขึ้น 226 00:09:06,090 --> 00:09:08,496 เอาล่ะ 227 00:09:08,496 --> 00:09:09,223 แน่นอน 228 00:09:09,223 --> 00:09:11,490 ไม่ได้หมายความว่าเราควรหยุดร่วมมือกัน 229 00:09:11,490 --> 00:09:15,250 เช่น กรณีสตีฟ วอซเนียก ทำงานร่วมกับสตีฟ จอบส์ 230 00:09:15,250 --> 00:09:18,000 สร้างแอปเปิ้ลคอมพิวเตอร์- 231 00:09:18,000 --> 00:09:20,810 แต่มันหมายถึงว่า ความสันโดษก็สำคัญเช่นกัน 232 00:09:20,810 --> 00:09:24,500 สำหรับบางคน มันคืออากาศที่เขาใช้หายใจ 233 00:09:24,500 --> 00:09:27,000 ในความเป็นจริง เรารู้กันมานานหลายศตวรรษ 234 00:09:27,000 --> 00:09:30,500 ถึงพลังที่เหนือธรรมชาติของความสันโดษ 235 00:09:30,500 --> 00:09:34,250 มันแปลกที่เราเริ่มที่จะลืมว่า เมื่อไม่นานมานี่ 236 00:09:34,250 --> 00:09:37,000 ถ้าคุณมองดูศาสนาสำคัญๆ ของโลก 237 00:09:37,000 --> 00:09:38,490 คุณจะพบนักค้นหา 238 00:09:38,490 --> 00:09:41,000 โมเสส พระเยซู พระพุทธเจ้า มูฮัมหมัด 239 00:09:41,000 --> 00:09:44,960 นักคันหาคือคนที่ปิดตัวเองอยู่ในความลำบาก 240 00:09:44,960 --> 00:09:48,200 ที่ต่อจากนั้น พวกเขาค้นพบสิ่งที่ลึกซึ้ง และศักดิ์สิทธิ์ 241 00:09:48,200 --> 00:09:50,910 และนำกลับมาให้ชุมชน 242 00:09:50,910 --> 00:09:55,000 ดังนั้น ถ้าไม่มีความลำบากก็ไม่มีการค้นพบ 243 00:09:55,000 --> 00:09:56,310 จึงไม่น่าแปลกใจว่า 244 00:09:56,310 --> 00:09:59,500 ถ้ามองดูที่ปรัชญาร่วมสมัย 245 00:09:59,500 --> 00:10:03,000 จะเห็นว่า เราไม่สามารถอยู่ในสังคม 246 00:10:03,000 --> 00:10:06,000 โดยไม่มีการเลียนแบบความคิด หรือสัญชาตญาณของกันและกัน 247 00:10:06,000 --> 00:10:08,530 แม้แต่สิ่งที่เป็นส่วนตัวหรือสิ่งที่อยู่ภายใน 248 00:10:08,530 --> 00:10:10,010 เช่น ถ้าคุณมีคนที่คุณสนใจ 249 00:10:10,010 --> 00:10:12,260 คุณจะเริ่มเลียนแบบความเชื่อของคนรอบๆ ตัว 250 00:10:12,260 --> 00:10:15,000 โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำแบบนั้นอยู่ 251 00:10:15,000 --> 00:10:17,000 คนในสังคม จะทำตามความคิด แนวคิด 252 00:10:17,000 --> 00:10:20,000 ของคนที่มีอำนาจหรือคนที่เก่งๆ 253 00:10:20,000 --> 00:10:21,770 แม้ว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรก็ตาม 254 00:10:21,770 --> 00:10:24,500 ระหว่างนักพูดที่เก่งที่สุด กับการมีความคิดดีที่สุด 255 00:10:24,500 --> 00:10:26,000 หมายถึง ไม่เกี่ยวกันเลย 256 00:10:26,000 --> 00:10:28,000 ดังนั้น... 257 00:10:28,000 --> 00:10:31,000 (เสียงหัวเราะ) 258 00:10:31,000 --> 00:10:33,480 คุณอาจจะติดตามหรือเลียนแบบ คนที่มีความคิดดีๆ 259 00:10:33,480 --> 00:10:35,750 หรือคุณอาจจะไม่ 260 00:10:35,750 --> 00:10:38,000 และคุณอยากจะปล่อยให้ขึ้นกับโชคชะตา 261 00:10:38,000 --> 00:10:40,000 คงจะดีถ้าทุกคนค้นพบด้วยตนเอง 262 00:10:40,000 --> 00:10:42,000 สร้างความคิดของตนเอง 263 00:10:42,000 --> 00:10:44,000 ไม่ถูกบิดเบือนแนวคิดจากกลุ่มหรือสังคม 264 00:10:44,000 --> 00:10:46,000 แล้วมาร่วมกันเป็นทีม 265 00:10:46,000 --> 00:10:49,000 พูดคุยแนวคิดในสภาพแวดล้อมที่มี การจัดการอย่างเป็นระบบ 266 00:10:49,000 --> 00:10:52,000 และให้ได้ผลลัพธ์จากจุดนั้น 267 00:10:52,000 --> 00:10:53,570 คราวนี้ ถ้ามันเป็นจริงได้ 268 00:10:53,570 --> 00:10:56,490 แล้วทำไมเราถึงไปในทางที่ผิดล่ะ 269 00:10:56,490 --> 00:10:58,000 ทำไมถึงใช้วิธีนี้ในโรงเรียนและที่ทำงาน 270 00:10:58,000 --> 00:11:00,500 ทำไมถึงทำให้กลุ่มคนที่ชอบเก็บตัวรู้สึกผิด 271 00:11:00,500 --> 00:11:04,500 ที่อยากจะทำอะไรด้วยตัวเองบ้างบางครั้ง 272 00:11:04,500 --> 00:11:08,000 มีคำตอบหนึ่งอยู่ในวัฒนธรรมเก่าแก่ของเรา 273 00:11:08,000 --> 00:11:09,000 สังคมตะวันตก 274 00:11:09,000 --> 00:11:10,990 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา 275 00:11:10,990 --> 00:11:13,000 ชื่นชอบคนที่ลงทำมากกว่า 276 00:11:13,000 --> 00:11:15,630 คนที่ชอบคิดพิจารณา 277 00:11:15,630 --> 00:11:19,990 อืม..คนที่ชอบคิดพิจารณา 278 00:11:19,990 --> 00:11:22,490 แต่ ในอเมริกายุคแรก ๆ 279 00:11:22,490 --> 00:11:25,490 เราอยู่แบบที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า วัฒนธรรมทางลักษณะคน 280 00:11:25,490 --> 00:11:28,030 ซึ่งในจุดนั้น เราให้ค่าของคน 281 00:11:28,030 --> 00:11:30,250 จากภายในและความถูกต้องทางศีลธรรมของเขา 282 00:11:30,250 --> 00:11:32,000 ถ้าคุณดูหนังสือการพัฒนาตนเองในยุคนี้ 283 00:11:32,000 --> 00:11:34,000 จะเจอชื่อหนังสือ อย่างเช่น 284 00:11:34,000 --> 00:11:37,000 "บุคลิกคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก" 285 00:11:37,000 --> 00:11:40,000 ในหนังสือจะมีบุคคลต้นแบบ เช่น อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) 286 00:11:40,000 --> 00:11:42,000 ผู้ที่ได้รับการยกย่องในด้านความสุภาพ และการถ่อมตัว 287 00:11:42,000 --> 00:11:44,000 ราล์ฟ วอลโด เอเมอร์สัน (Ralph Waldo Emerson) 288 00:11:44,000 --> 00:11:48,000 เรียกเขาว่า "ผู้ที่ไม่ถูกความเป็นชนชั้นสูงรุกราน" 289 00:11:48,000 --> 00:11:50,500 แต่แล้วในศตวรรษที่ 20 290 00:11:50,500 --> 00:11:52,000 และเราเข้าสู่วัฒนธรรมใหม่ๆ ที่ 291 00:11:52,000 --> 00:11:54,000 นักประวัติศาสตร์เรียกวัฒนธรรมของบุคลิกภาพ 292 00:11:54,000 --> 00:11:57,000 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราผลักดันเศรษฐกิจการเกษตร 293 00:11:57,000 --> 00:11:58,990 เข้าไปสู่โลกของธุรกิจขนาดใหญ่ 294 00:11:58,990 --> 00:12:02,250 ผู้คนย้ายจากเมืองเล็กเข้าสู่เมืองใหญ่ 295 00:12:02,250 --> 00:12:05,790 แทนที่จะทำงานกับผู้คนที่รู้จักมาตลอด 296 00:12:05,790 --> 00:12:09,000 กลับไปทำงานกับคนแปลกหน้าเพื่อพิสูจน์ตัวเอง 297 00:12:09,000 --> 00:12:11,000 จึงค่อนข้างเข้าใจได้ว่า 298 00:12:11,000 --> 00:12:13,090 ลักษณะที่ดึงดูดและมีความสามารถพิเศษต่างๆ 299 00:12:13,090 --> 00:12:15,000 กลายเป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆ 300 00:12:15,000 --> 00:12:18,000 และแน่นอน หนังสือการพัฒนาตนเอง เปลี่ยนแปลง 301 00:12:18,000 --> 00:12:20,760 เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ เหล่านี้ จะมีหนังสืออย่างเช่น 302 00:12:20,760 --> 00:12:23,000 "วิธีชนะใจเพื่อนและโน้มน้าวผู้อื่น" 303 00:12:23,000 --> 00:12:24,990 โดยจะมีบุคคลต้นแบบเหมือน 304 00:12:24,990 --> 00:12:28,000 เป็นนักขายที่ยิ่งใหญ่ 305 00:12:28,000 --> 00:12:30,050 และนี่คือโลกที่เราอาศัยอยู่ในวันนี้ 306 00:12:30,050 --> 00:12:34,000 นี่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเรา 307 00:12:34,000 --> 00:12:35,880 สิ่งที่จะพูดไม่ได้หมายความว่า 308 00:12:35,880 --> 00:12:38,510 ทักษะทางสังคมไม่สำคัญ 309 00:12:38,510 --> 00:12:40,490 และไม่ได้ต้องการจะบอกว่า 310 00:12:40,490 --> 00:12:43,000 ให้ยกเลิกการทำงานเป็นทีม 311 00:12:43,000 --> 00:12:47,000 ศาสนาเดียวกันกับที่ส่งนักปราชญ์ของพวกเขา ไปยังยอดเขาเพียงลำพัง 312 00:12:47,000 --> 00:12:49,500 สอนเราให้รักและไว้วางใจ 313 00:12:49,500 --> 00:12:51,250 ปัญหาที่เรากำลังเผชิญในวันนี้ 314 00:12:51,250 --> 00:12:53,000 ในด้านวิทยาศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ 315 00:12:53,000 --> 00:12:55,000 คือมันกว้างมากและค่อนข้างซับซ้อน 316 00:12:55,000 --> 00:12:57,000 ที่เราต้องการกองกำลังให้มาร่วมกัน 317 00:12:57,000 --> 00:12:59,000 มาแก้ไขปัญหาการทำงานร่วมกัน 318 00:12:59,000 --> 00:13:00,980 ที่ฉันกำลังจะบอกคือ มันจะอิสระมากกว่า 319 00:13:00,980 --> 00:13:04,010 ถ้าให้กลุ่มคนที่ชอบเก็บตัวเป็นอย่างที่พวกเขาเป็น 320 00:13:04,010 --> 00:13:05,500 มันเหมือนกับว่าพวกเขา 321 00:13:05,500 --> 00:13:09,000 จะคิดวิธีแก้ปัญหาที่ไม่เหมือนใคร เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ 322 00:13:09,000 --> 00:13:12,000 ในตอนนี้ สิ่งที่ฉันจะบอกคุณ 323 00:13:12,000 --> 00:13:15,540 ว่าอะไรอยู่ในกระเป๋าเดินทางของฉันวันนี้ 324 00:13:19,000 --> 00:13:21,000 คุณคิดว่าอะไร 325 00:13:21,000 --> 00:13:23,000 หนังสือ 326 00:13:23,000 --> 00:13:24,000 กระเป๋าเดินทางที่เต็มไปด้วยหนังสือ 327 00:13:24,000 --> 00:13:27,000 นี่คือ มาร์กาเรต แอ็ทวูด (Margaret Atwood) "ตาแมว" 328 00:13:27,000 --> 00:13:30,000 นี่คือนวนิยาย โดย มิลาน คูนเดร่า (Milan Kundera) 329 00:13:30,000 --> 00:13:32,010 และนี่ "ข้อแนะนำสำหรับความงงงวย" 330 00:13:32,010 --> 00:13:34,230 โดย มามอนนีดี (Maimonides) 331 00:13:34,230 --> 00:13:38,000 จริงๆ แล้ว นี่ไม่ใช่หนังสือของฉัน 332 00:13:38,000 --> 00:13:39,980 ฉันนำหนังสือเหล่านี้มา เพราะเป็น 333 00:13:39,980 --> 00:13:44,000 หนังสือของผู้เขียนที่ปู่ของฉันชื่นชอบ 334 00:13:44,000 --> 00:13:46,000 ปู่ของฉันเป็นอาจารย์ในศาสนายิว (rabbi) 335 00:13:46,000 --> 00:13:47,510 และเขาเป็นพ่อม่าย 336 00:13:47,510 --> 00:13:50,500 ที่อาศัยในอพาร์ทเมนท์เล็กๆ ในบรู๊คลินเพียงลำพัง 337 00:13:50,500 --> 00:13:53,000 เป็นสถานที่ที่หนึ่งในโลกที่ฉันชอบ หลังจากฉันโตขึ้น 338 00:13:53,000 --> 00:13:57,000 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความอ่อนโยน และช่างเอาใจของปู่ 339 00:13:57,000 --> 00:13:59,500 อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันเต็มไปด้วยหนังสือ 340 00:13:59,500 --> 00:14:02,500 ฉันหมายถึงโต๊ะและเก้าอี้ทุกตัวในห้องนั้น 341 00:14:02,500 --> 00:14:04,480 ที่นอกจากจะใช้งานตามลักษณะของมันแล้ว 342 00:14:04,480 --> 00:14:08,000 ยังใช้เป็นพื้นที่สำหรับกองหนังสืออีกด้วย 343 00:14:08,000 --> 00:14:10,050 เหมือนกับคนอื่นๆ ในครอบครัวฉันนั่นแหละ 344 00:14:10,050 --> 00:14:13,000 ปู่มีสิ่งที่ชอบทำที่สุดในโลกก็คือการอ่าน 345 00:14:13,000 --> 00:14:16,000 แต่ปู่ก็ยังรักการพบปะกัน 346 00:14:16,000 --> 00:14:18,610 คุณจะรู้สึกถึงความรักในคำสอนที่ปู่ให้ได้ 347 00:14:18,610 --> 00:14:23,000 ทุกอาทิตย์ เป็นเวลา 62 ปีที่ปู่เป็นอาจารย์ 348 00:14:23,000 --> 00:14:25,270 เขาจะเก็บพืชผลที่ได้จากอ่านในแต่ละสัปดาห์ 349 00:14:25,270 --> 00:14:28,730 และเรียบเรียงความคิดของผู้คนและแนวคิดเก่าแก่ 350 00:14:28,730 --> 00:14:30,050 ผู้คนจึงมาจากทั่วโลก 351 00:14:30,050 --> 00:14:33,000 เพื่อมาฟังคำสอนจากเขา 352 00:14:33,000 --> 00:14:36,520 สิ่งที่เกี่ยวกับคุณปู่ก็คือ 353 00:14:36,520 --> 00:14:38,380 ภายใต้บทบาทพิธีการนี้ 354 00:14:38,380 --> 00:14:41,020 ปู่ถ่อมตัวและเป็นคนชอบเก็บตัว 355 00:14:41,020 --> 00:14:42,020 มากจนกระทั่ง 356 00:14:42,020 --> 00:14:44,000 เวลาที่เขาจะให้คำสอน 357 00:14:44,000 --> 00:14:45,860 เขาจะมีปัญหาในการสบตา 358 00:14:45,860 --> 00:14:47,120 แม้ว่าจะกับกลุ่มคนเดิมๆ 359 00:14:47,120 --> 00:14:50,000 ที่ปู่ให้คำสอนมาตลอด 62 ปี 360 00:14:50,000 --> 00:14:51,720 แม้จะยืนห่างจากโพเดียมก็ตาม 361 00:14:51,720 --> 00:14:54,000 เมื่อคุณทักปู่ด้วยคำว่า สวัสดี 362 00:14:54,000 --> 00:14:56,000 ปู่มักจะจบการสนทนาเร็วกว่าปกติ 363 00:14:56,000 --> 00:14:59,990 เพราะกังวลว่าเขาจะใช้เวลาของคุณมากเกินไป 364 00:14:59,990 --> 00:15:02,520 เมื่อเขาเสียชีวิตตอนอายุ 94 ปี 365 00:15:02,520 --> 00:15:05,510 ตำรวจต้องปิดถนนบริเวณใกล้เคียง 366 00:15:05,510 --> 00:15:08,000 เพื่อรองรับผู้คนที่ออกมาอย่างหนาแน่น 367 00:15:08,000 --> 00:15:10,000 เพื่อไว้อาลัยให้เขา 368 00:15:12,000 --> 00:15:13,786 ดังนั้นวันนี้ฉันพยายามเรียนรู้ 369 00:15:13,786 --> 00:15:15,333 ตัวอย่างจากปู่ 370 00:15:15,333 --> 00:15:16,745 ในรูปแบบของตัวเอง 371 00:15:16,745 --> 00:15:18,260 ฉันเพิ่งจะตีพิมพ์หนังสือ 372 00:15:18,260 --> 00:15:19,276 เกี่ยวกับคนชอบเก็บตัว 373 00:15:19,276 --> 00:15:22,506 ใช้เวลาทั้งหมด 7 ปีในการเขียน 374 00:15:22,506 --> 00:15:25,026 สำหรับฉัน เป็น 7 ปีแห่งความสุข 375 00:15:25,026 --> 00:15:27,506 เพราะฉันได้อ่าน เขียน 376 00:15:27,506 --> 00:15:29,610 คิด และค้นคว้าข้อมูล 377 00:15:29,610 --> 00:15:32,135 มันเหมือนเป็นรูปแบบของฉัน 378 00:15:32,135 --> 00:15:34,995 ในการใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดของปู่ เพียงลำพัง 379 00:15:34,995 --> 00:15:38,600 ตอนนี้ งานของฉันมันช่างแตกต่าง 380 00:15:38,600 --> 00:15:40,104 งานของฉันคือการออกมาพูดตรงนี้ 381 00:15:40,104 --> 00:15:44,620 พูดเกี่ยวกับคนที่ชอบเก็บตัว 382 00:15:44,620 --> 00:15:47,748 (เสียงหัวเราะ) 383 00:15:47,748 --> 00:15:49,234 มันยากมากสำหรับฉัน 384 00:15:49,234 --> 00:15:50,890 ด้วยเกียรติที่ฉันได้รับ 385 00:15:50,890 --> 00:15:53,490 ที่ได้มาอยู่กับพวกคุณที่นี่ เวลานี้ 386 00:15:53,490 --> 00:15:56,990 นี่ไม่ใช่ลักษณะธรรมชาติของฉัน 387 00:15:56,990 --> 00:15:59,020 ดังนั้นฉันต้องเตรียมตัวเพื่อช่วงเวลาแบบนี้ 388 00:15:59,020 --> 00:16:00,490 ให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ 389 00:16:00,490 --> 00:16:03,490 ฉันใช้เวลาปีที่แล้วฝึกการพูดในที่สาธารณะ 390 00:16:03,490 --> 00:16:05,080 ทุกโอกาสที่ฉันสามารถทำได้ 391 00:16:05,080 --> 00:16:08,780 เรียกปีนี้ว่า ปีแห่งการพูดที่อันตรายของฉัน 392 00:16:08,780 --> 00:16:10,240 (เสียงหัวเราะ) 393 00:16:10,240 --> 00:16:12,500 มันค่อนข้างช่วยฉันได้มากเลยทีเดียว 394 00:16:12,500 --> 00:16:14,060 แต่รู้ไหม สิ่งที่ช่วยฉันได้มาก ก็คือ 395 00:16:14,060 --> 00:16:16,230 ความรู้สึก ความเชื่อ ความหวัง 396 00:16:16,230 --> 00:16:18,460 ที่เกี่ยวข้องกับทัศนคติของพวกเรา 397 00:16:18,460 --> 00:16:20,533 การชอบเก็บเนื้อเก็บตัว การอยู่เงียบๆ และความสันโดษ 398 00:16:20,533 --> 00:16:22,273 เราเหมือนทรงตัวอยู่บนก้อนอิฐ 399 00:16:22,273 --> 00:16:24,248 บนการเปลี่ยนแปลงของบทชีวิต 400 00:16:24,248 --> 00:16:26,000 ฉันหมายถึง พวกเราเป็นอย่างนั้น 401 00:16:26,000 --> 00:16:27,030 ฉันจะหยุดตรงนี้ 402 00:16:27,030 --> 00:16:29,000 โดยให้คุณ ทำ 3 สิ่ง 403 00:16:29,000 --> 00:16:31,510 สำหรับการร่วมวิสัยทัศน์นี้ 404 00:16:31,510 --> 00:16:32,750 หนึ่ง: 405 00:16:32,750 --> 00:16:35,020 หยุดความบ้าในการทำงานกลุ่ม 406 00:16:35,020 --> 00:16:36,000 แค่หยุดมันซะ 407 00:16:36,000 --> 00:16:39,000 (หัวเราะ) 408 00:16:39,000 --> 00:16:41,000 ขอบคุณ 409 00:16:41,000 --> 00:16:44,010 (เสียงปรบมือ) 410 00:16:44,010 --> 00:16:45,730 เพื่อให้ชัดเจนในสิ่งที่ฉันจะพูด 411 00:16:45,730 --> 00:16:47,850 เพราะลึกๆ ฉันเชื่อว่าที่ทำงานของเรา 412 00:16:47,850 --> 00:16:49,100 ควรสนับสนุนให้ 413 00:16:49,100 --> 00:16:50,740 มีความเป็นการเอง การคุยกัน 414 00:16:50,740 --> 00:16:52,480 และการปฏิสัมพันธ์กัน 415 00:16:52,480 --> 00:16:53,970 คุณรู้ใช่ไหม การที่คนมาร่วมกัน 416 00:16:53,970 --> 00:16:55,990 มาแลกเปลี่ยนความคิดกัน 417 00:16:55,990 --> 00:16:57,000 มันดีมากเลย 418 00:16:57,000 --> 00:16:58,523 มันดีมากสำหรับคนที่ชอบเก็บตัว 419 00:16:58,523 --> 00:16:59,986 และดีสำหรับคนที่ไม่ชอบเก็บตัว 420 00:16:59,986 --> 00:17:00,777 เราต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ 421 00:17:00,777 --> 00:17:02,528 และต้องการความเป็นอิสระมากกว่านี้ 422 00:17:02,528 --> 00:17:04,520 และอิสระในการทำงานด้วยตัวเอง 423 00:17:04,520 --> 00:17:05,810 ในโรงเรียนก็เหมือนกัน 424 00:17:05,810 --> 00:17:07,740 เราต้องสอนเด็กให้ทำงานร่วมกัน 425 00:17:07,740 --> 00:17:08,620 และแน่นอน 426 00:17:08,620 --> 00:17:11,000 เราต้องสอนให้เขาทำงานด้วยตัวเอง 427 00:17:11,000 --> 00:17:13,040 มันสำคัญสำหรับเด็กที่ไม่ชอบเก็บตัวเช่นกัน 428 00:17:13,040 --> 00:17:15,000 พวกเขาต้องคิดด้วยตัวเอง 429 00:17:15,000 --> 00:17:18,230 เพราะความคิดในส่วนลึกจะเกิดจากตรงนี้เอง 430 00:17:18,230 --> 00:17:20,520 เอาล่ะ หมายเลขสอง: ไปยังที่ที่ลำบาก 431 00:17:20,520 --> 00:17:21,980 เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าทำ 432 00:17:21,980 --> 00:17:24,366 คุณต้องค้นพบด้วยตัวเอง 433 00:17:24,366 --> 00:17:26,333 ฉันไม่ได้จะพูดว่า 434 00:17:26,333 --> 00:17:29,000 เราต้องออกไปและสร้างบ้านไม้ของเราในป่า 435 00:17:29,000 --> 00:17:31,510 และไม่คุยกับใครอีกเลย 436 00:17:31,510 --> 00:17:34,050 แต่ฉันจะบอกว่า เราสามารถยืนด้วยตัวเอง 437 00:17:34,050 --> 00:17:37,700 เข้าไปภายในหัวของเราเองบ่อยขึ้น 438 00:17:39,000 --> 00:17:42,000 หมายเลข 3: 439 00:17:42,000 --> 00:17:44,000 ดูที่สิ่งอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางของคุณ 440 00:17:44,000 --> 00:17:46,490 และคิดว่าทำไมคุณถึงใส่มันไว้ 441 00:17:46,490 --> 00:17:48,230 ดังนั้นคนที่ไม่ชอบเก็บตัว 442 00:17:48,230 --> 00:17:50,270 บางทีกระเป๋าเดินทางของคุณอาจจะเต็ม 443 00:17:50,270 --> 00:17:51,246 ไปด้วยหนังสือ 444 00:17:51,246 --> 00:17:53,333 หรืออาจจะเต็มไปด้วยแก้วแชมเปญ 445 00:17:53,333 --> 00:17:56,060 หรืออุปกรณ์กระโดดร่ม 446 00:17:56,060 --> 00:17:57,130 ไม่ว่าจะเป็นอะไร 447 00:17:57,130 --> 00:17:59,500 ฉันหวังว่า คุณนำมันออกมาใช้ เมื่อมีโอกาส 448 00:17:59,500 --> 00:18:02,790 และให้เราเห็นถึงพลังและความสุขของคุณ 449 00:18:02,790 --> 00:18:05,000 ส่วนคนชอบเก็บตัว ขอให้คุณเป็นคุณ 450 00:18:05,000 --> 00:18:07,000 คุณอาจจะมีแรงผลักดันที่จะปกป้อง 451 00:18:07,000 --> 00:18:10,530 สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางของคุณอย่างเต็มเปี่ยม 452 00:18:10,530 --> 00:18:12,000 มันก็ดี 453 00:18:12,000 --> 00:18:14,250 เพียงแต่บางครั้ง แค่บางครั้ง 454 00:18:14,250 --> 00:18:16,693 ฉันหวังว่า คุณจะเปิดกระเป๋าเดินทางของคุณ 455 00:18:16,693 --> 00:18:18,486 ให้คนอื่นดู เพราะโลกต้องการคุณ 456 00:18:18,486 --> 00:18:20,040 และต้องการสิ่งที่คุณมี 457 00:18:20,750 --> 00:18:22,830 ฉันขอให้คุณได้ในสิ่งที่ดีที่สุด 458 00:18:22,830 --> 00:18:24,530 ในการเดินทางของคุณ 459 00:18:24,530 --> 00:18:27,010 และความกล้าที่จะพูดเบาๆ 460 00:18:27,010 --> 00:18:28,760 ขอบคุณมากๆ ค่ะ 461 00:18:28,760 --> 00:18:32,950 (เสียงปรบมือ) 462 00:18:32,950 --> 00:18:35,550 ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ 463 00:18:35,550 --> 00:18:37,530 ขอบคุณค่ะ 464 00:18:37,530 --> 00:18:42,000 (เสียงปรบมือ)