< Return to Video

วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567

  • 0:03 - 0:08
    ฝึกตัวเองให้เคยชินให้เป็นนิสัยไว้
  • 0:08 - 0:14
    มีเวลาว่าง 5 นาที 10 นาที อย่าทิ้ง
  • 0:14 - 0:24
    ภาวนาไปเลย
  • 0:24 - 0:31
    เอาให้เคยชิน เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อยๆ
  • 0:31 - 0:37
    พอจิตมันคุ้นเคยที่จะปฏิบัติ
  • 0:37 - 0:41
    มันจะขยันภาวนา
  • 0:41 - 0:45
    จิตใจที่ไม่อยากภาวนา ทำบ้างไม่ทำบ้าง
  • 0:45 - 0:50
    จิตมันติดโลก ติดกาม
  • 0:50 - 0:55
    เมื่อเช้ามีทิดเก่าคนหนึ่งมาส่งการบ้าน
  • 0:55 - 1:00
    บอกว่าสังเกตดูว่าเวลาถือศีล 8
  • 1:00 - 1:04
    สติเกิดน้อยกว่าตอนถือศีล 5
  • 1:04 - 1:11
    ฉะนั้นศีล 5 ดีกว่า เขาว่าอย่างนี้
  • 1:11 - 1:16
    บอกไปสังเกตให้ดี จิตมันติดกาม
  • 1:16 - 1:19
    ติดความสุขความสบาย
  • 1:19 - 1:23
    พอไปบังคับตัวเองถือศีล 8 มันก็เครียด
  • 1:23 - 1:26
    พอเครียดสติก็ไม่เกิด
  • 1:26 - 1:29
    ไม่ใช่ว่าศีลไม่ดี
  • 1:29 - 1:40
    แต่ใจตัวเองมันไม่ถึง ใจยังอ่อนแออยู่
  • 1:40 - 1:42
    ถ้าเรารู้จุดอ่อนของตัวเอง
  • 1:42 - 1:45
    ใจมันอ่อนแอมันติดโลก
  • 1:45 - 1:49
    ก็ต้องเข้มแข็งสู้มัน
  • 1:49 - 1:52
    ไม่หาข้ออ้าง
  • 1:52 - 1:56
    ที่จะทำให้การปฏิบัติย่อหย่อนลง
  • 1:56 - 2:02
    อย่างบอกว่าศีล 5 ดีกว่าศีล 8
    อะไรอย่างนี้
  • 2:02 - 2:11
    สำหรับคนนี้ บางคนศีล 5 ดีกว่าจริงๆ
  • 2:11 - 2:18
    ถ้าเอามาเป็นข้ออ้างสนองกิเลสตัวเอง
  • 2:18 - 2:24
    โอกาสพัฒนามันก็ยาก
  • 2:24 - 2:29
    อยากจะพ้นทุกข์อยากข้ามวัฏฏะต้องเข้มแข็ง
  • 2:29 - 2:37
    อ่อนแอไปไม่รอดหรอก ต้องอดทน
  • 2:37 - 2:45
    คนรุ่นหลังๆ นี่ความอดทนน้อยลงไปเยอะเลย
  • 2:45 - 2:51
    เมื่อเช้ายังเล่าให้พวกทิดมาส่งการบ้าน
  • 2:51 - 2:54
    บอกคนรุ่นนี้อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ
  • 2:54 - 2:58
    รักสุขรักสบายเหลือเกิน
  • 2:58 - 3:03
    คนรุ่นหลวงพ่อเรียกรุ่นเบบี้บูม
  • 3:03 - 3:07
    บ้านเมืองเพิ่งผ่านสงครามโลกมาใหม่ๆ
  • 3:07 - 3:10
    บอบช้ำ
  • 3:10 - 3:12
    ตอนที่หลวงพ่อเกิด
  • 3:12 - 3:18
    สงครามโลกเพิ่งจบไปไม่ถึง 10 ปี
  • 3:18 - 3:19
    บ้านเมืองทรุดโทรม
  • 3:19 - 3:23
    เศรษฐกิจย่ำแย่ ผู้คนลำบาก
  • 3:23 - 3:32
    เราเกิดในยุคนั้น เราก็ต้องรู้สึก
    ว่าเราต้องสู้ต้องอดทน
  • 3:32 - 3:35
    ฉะนั้นคนรุ่นนั้นจะอดทน
  • 3:35 - 3:38
    แต่คนรุ่นนั้นเทียบกับรุ่นครูบาอาจารย์
  • 3:38 - 3:41
    ยังเทียบไม่ติด
  • 3:41 - 3:46
    รุ่นครูบาอาจารย์ลำบากมากๆ เลย
  • 3:46 - 3:51
    อย่างไปปฏิบัติอยู่ในป่า
  • 3:51 - 3:54
    เป็นไข้ป่าก็ตายแล้ว
  • 3:54 - 3:56
    รอดบ้างตายบ้าง
  • 3:56 - 4:03
    บางองค์อดอาหารเป็นประจำ
  • 4:03 - 4:06
    อาหารไม่พออะไรอย่างนี้
  • 4:06 - 4:12
    อยู่มาพอพ้นยุคยากลำบาก
  • 4:12 - 4:14
    หลัง 2500 อะไรอย่างนี้
  • 4:14 - 4:17
    ร่างกายท่านทรุดโทรมมาก
  • 4:17 - 4:20
    เพราะช่วงก่อนหน้านั้นสู้หนักมาก
  • 4:20 - 4:25
    ก็สิ้นไปอย่างรวดเร็วก็มี
  • 4:25 - 4:31
    สังเกตดูคนที่เคยผ่านความยากลำบาก
  • 4:31 - 4:37
    ใจมันต่อสู้มากกว่าคนที่เกิดมาก็สบาย
  • 4:37 - 4:37
    รุ่นหลังๆ
  • 4:37 - 4:42
    นี่พ่อแม่เคยลำบากมา ไม่อยากให้ลูกลำบาก
  • 4:42 - 4:46
    เลี้ยงลูกประคบประหงมเอาอกเอาใจ
  • 4:46 - 4:50
    จนกระทั่งอ่อนแอมาก ดูแล้ว
  • 4:50 - 4:56
    หลวงพ่อไม่ได้ดูอื่นดูไกล ดูจากพระนี่ล่ะ
  • 4:56 - 5:00
    พระรุ่นก่อนๆ เข้มแข็ง สู้
  • 5:00 - 5:05
    คนไหนไม่แข็งแรงไม่เข้มแข็งก็ออกไป
  • 5:05 - 5:10
    พวกที่เหลืออยู่นี่แกร่งจริงๆ
  • 5:10 - 5:18
    หลังๆ นี่ดูป้อแป้ๆ กลัวลำบาก
  • 5:18 - 5:23
    จะไปอยู่กับโลกก็กลัวลำบากกลัวเหนื่อย
  • 5:23 - 5:28
    มาบวชจะภาวนาก็กลัวลำบากอีก
  • 5:28 - 5:37
    คนชนิดนี้อยู่ที่ไหนไม่เจริญหรอก ไม่สู้
  • 5:37 - 5:39
    พวกเราอยากได้ดี
  • 5:39 - 5:45
    จิตใจต้องกล้าหาญต้องเข็มแข็งต้องต่อสู้
  • 5:45 - 5:48
    เหยาะแหยะไม่ได้เรื่องหรอก
  • 5:48 - 5:53
    หาข้ออ้างเพื่อปกป้องกิเลส
  • 5:53 - 5:56
    ฉลาดในการหาข้ออ้าง
  • 5:56 - 5:59
    แต่ไม่ฉลาดในจิตของตนเอง
  • 5:59 - 6:02
    ต้องเข็มแข็งจริงๆ
  • 6:02 - 6:05
    เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทาง
  • 6:05 - 6:07
    ที่โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก
  • 6:07 - 6:16
    เส้นทางแห่งความพ้นทุกข์นี่ต้องสู้จริงๆ
  • 6:16 - 6:23
    ประเภทนั่งสมาธิก็กลัวปวดหลัง กลัวเมื่อย
  • 6:23 - 6:28
    ก็อ้างนั่งสมาธิมากๆ เนิ่นช้า
  • 6:28 - 6:32
    เอาคำหลวงปู่มั่นมาพูดอีก
  • 6:32 - 6:34
    นั่งสมาธิมากเนิ่นช้า
  • 6:34 - 6:38
    ไม่ได้แปลว่านั่งหลายชั่วโมง
    แล้วทำให้เนิ่นช้า
  • 6:38 - 6:41
    หมายถึงเอาแต่นั่งสมาธิไม่ยอมเดินปัญญา
  • 6:41 - 6:44
    มันก็เลยเนิ่นช้า
  • 6:44 - 6:49
    ทำสมาธิแล้วก็สงบสบายเพลินๆ ไป
  • 6:49 - 6:55
    ผ่านวันผ่านเวลาไปมากมาย
  • 6:55 - 6:58
    บางทีเอาธรรมะมาอ้าง
  • 6:58 - 7:05
    เพื่อปกป้องความขี้เกียจ
  • 7:05 - 7:12
    วันนี้เจอพวกอ่อนแอหลายคนทั้งพระทั้งโยม
  • 7:12 - 7:17
    ธรรมะก็เลยดุนิดหนึ่ง นี่นิดเดียว
  • 7:17 - 7:22
    ถ้าเจอรุ่นครูบาอาจารย์หนักกว่านี้เยอะเลย
  • 7:22 - 7:26
    ครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อยังเหลืออีกองค์
  • 7:26 - 7:29
    หลวงปู่ทองท่านเป็นกรรมวาจาจารย์
  • 7:29 - 7:33
    อยู่ที่ลำปลายมาศ
  • 7:33 - 7:37
    ใครไปถามกรรมฐานท่าน
    บอกอยากได้มรรคผลนิพพาน
  • 7:37 - 7:41
    ท่านบอกแค่ศีลเอ็งก็รักษาไม่ได้แล้ว
  • 7:41 - 7:45
    อย่ามาคุยอวดเลยจะไปเอานิพพาน
  • 7:45 - 7:51
    หรือเสียสละอะไรเล็กๆ น้อยๆ
    ยังทำไม่ได้เลย
  • 7:51 - 7:58
    แล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร
    นิพพานต้องสละโลกได้
  • 7:58 - 8:01
    ท่านใช้วิธีด่าเอา
  • 8:01 - 8:06
    ครูบาอาจารย์บางองค์สมัยก่อนดุจริงๆ
  • 8:06 - 8:09
    แต่ไม่มีประเภทเอากระโถนขว้างอะไร ไม่มี
  • 8:09 - 8:12
    มีแต่นิยายปรัมปราว่า
  • 8:12 - 8:16
    ครูบาอาจารย์โมโหแล้วเอากระโถนขว้าง
  • 8:16 - 8:19
    เมื่อก่อนหลวงพ่อก็เชื่ออย่างนั้น
  • 8:19 - 8:22
    ว่าครูบาอาจารย์กรรมฐานนี่ดุ
  • 8:22 - 8:27
    ถ้าเราไม่ถูกใจเอากระโถนขว้าง
  • 8:27 - 8:33
    ตอนไปหาหลวงปู่ดูลย์ครั้งแรกยังกลัวเลย
  • 8:33 - 8:38
    ไม่รู้จักท่าน ไปถึงก็ไปจดๆ จ้องๆ
  • 8:38 - 8:40
    ไม่กล้าเข้าไปในกุฏิ
  • 8:40 - 8:42
    ไปรอดูหลวงปู่จะออกมาไหม
  • 8:42 - 8:47
    ออกมาเราจะเข้าไปถามกรรมฐาน
  • 8:47 - 8:52
    ทั้งพระทั้งคนในวัดบอกเข้าไปเลย
    ตอนนี้ท่านกำลังฉันอาหารอยู่
  • 8:52 - 8:57
    บอกท่านฉันให้ท่านฉันไปก่อนเถอะ
  • 8:57 - 9:01
    ที่จริงไม่ใช่อะไร ที่จริงยังกลัวอยู่
  • 9:01 - 9:06
    นั่นเป็นครั้งเดียว
    ที่หลวงพ่อกลัวครูบาอาจารย์
  • 9:06 - 9:09
    เพราะเราไม่คุ้นกับครูบาอาจารย์กรรมฐาน
  • 9:09 - 9:11
    เลยคิดว่าท่านดุ
  • 9:11 - 9:15
    ได้ยินนิทานเล่าว่าถ้าทำไม่ดี
    แล้วเอากระโถนขว้าง
  • 9:15 - 9:19
    อย่างไรท่านก็ไม่ขว้าง ท่านเสียดายของ
  • 9:19 - 9:23
    ขว้างเดี๋ยวกระโถนแตก
  • 9:23 - 9:26
    จดๆ จ้องๆ อยู่ ในที่สุดหลวงปู่ทนไม่ไหว
  • 9:26 - 9:29
    หลวงปู่เดินออกมาหน้ากุฏิเอง
  • 9:29 - 9:31
    เลยเข้าไปกราบท่านได้
  • 9:31 - 9:34
    หลวงปู่ครับผมอยากปฏิบัติ
  • 9:34 - 9:38
    ท่านก็เงียบๆ ไม่พูด
  • 9:38 - 9:42
    เราก็นึกหลวงปู่อายุ 90 กว่า
  • 9:42 - 9:45
    ฉันข้าวเสร็จแล้วนั่งหลับไปแล้ว
  • 9:45 - 9:49
    ตอนนั้นโง่มากนึกว่าท่านนั่งหลับ
  • 9:49 - 9:53
    ที่จริงท่านกำลังสอบประวัติเราอยู่
  • 9:53 - 9:57
    ว่าเราเคยภาวนามาแบบไหนอะไรอย่างไร
  • 9:57 - 10:02
    ท่านหลับตาไปสัก 45 นาที 40 นาที
  • 10:02 - 10:05
    ลืมตามาถึงสอน
  • 10:05 - 10:08
    ไม่ใช่เจอหน้าก็สอน
  • 10:08 - 10:11
    หลวงปู่ดูลย์ถ้าใครไปถามอะไรก็ตอบ
  • 10:11 - 10:17
    แต่ถ้าจะเรียนจริงๆ ท่านจะเงียบๆ
  • 10:17 - 10:20
    เราก็ต้องนั่งภาวนาของเราไป
  • 10:20 - 10:25
    รอให้ท่านค่อยพูดเอง
  • 10:25 - 10:30
    นี่กว่าจะได้ธรรมะมาก็ลำบากเหมือนกัน
  • 10:30 - 10:35
    บางทีไปหาที่ภาวนาตามวัด
  • 10:35 - 10:39
    แต่ละวัดก็มีเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งนั้นล่ะ
  • 10:39 - 10:41
    เรียกผีบ้าน ผีเรือน
  • 10:41 - 10:48
    ผีป่า ผีเขา มีทั้งนั้น ผีนี่หมายถึงคน
  • 10:48 - 10:53
    คนที่ไปตั้งตัวเป็นใหญ่ตามวัด
  • 10:53 - 10:57
    เข้าไปเราไม่รู้จักใครเลย
  • 10:57 - 11:01
    จะไปกินข้าวที่ไหนเราก็ไม่รู้
  • 11:01 - 11:04
    เข้าไปทีแรก
  • 11:04 - 11:08
    ครูบาอาจารย์ท่านตักอาหารเสร็จแล้ว
    พระท่านก็ฉันข้าว
  • 11:08 - 11:13
    โยมก็ทำวัตรเช้า สวดมนต์ทำวัตรเช้า
  • 11:13 - 11:15
    เห็นเขาขนอาหารไปวางข้างล่าง
  • 11:15 - 11:20
    มีโต๊ะยาวๆ อยู่ อาหารไปวางไว้เยอะเลย
  • 11:20 - 11:24
    ก็นึกว่าเดี๋ยวสวดมนต์เสร็จคงได้ไปกินข้าว
  • 11:24 - 11:27
    พอสวดมนต์เสร็จลงมา
  • 11:27 - 11:31
    แต่ละคนเขาหายไปหมดเลย พวกที่นั่งสวดมนต์
  • 11:31 - 11:34
    แล้วอาหารที่โต๊ะไม่มีเหลือเลย
  • 11:34 - 11:41
    คือแต่ละคนจะมีพรรคพวกมีลูกน้องมีคนรับใช้
  • 11:41 - 11:44
    ขนเกลี้ยงเลยไม่มีอะไรเหลือเลย
  • 11:44 - 11:46
    เรา เอ เราอยู่วัด
  • 11:46 - 11:49
    เราไม่มีอะไรกินเลย เราจะอยู่อย่างไร
  • 11:49 - 11:53
    ก็ช่างมัน ไม่กินวันสองวันไม่เป็นไรหรอก
  • 11:53 - 11:57
    หลวงพ่อก็เดินกลับขึ้นศาลามา
  • 11:57 - 11:59
    ครูบาอาจารย์ท่านเห็น
  • 11:59 - 12:06
    รู้ว่าเราไม่มีข้าวกิน ท่านกวักมือเรียก
  • 12:06 - 12:09
    เอาบาตรให้ บาตรของท่าน
  • 12:09 - 12:14
    ไม่ได้ให้บาตรอย่างเดียว
    ในบาตรมีข้าวมีอะไร
  • 12:14 - 12:19
    เรารู้เลยครูบาอาจารย์ความเมตตาสูงมาก
  • 12:19 - 12:24
    สูง แต่ใจเราต้องเข้มแข็งพอ
  • 12:24 - 12:27
    ประเภทห่วงกินห่วงนอน
  • 12:27 - 12:32
    ไม่ได้กินไม่ได้ปฏิบัติจริง
  • 12:32 - 12:35
    ไปวัดทีแรกบางทีไม่รู้จักใครเลย
  • 12:35 - 12:39
    จะค้างที่วัดไปขอครูบาอาจารย์
  • 12:39 - 12:41
    ขอค้างที่วัด ท่านอนุญาต
  • 12:41 - 12:44
    เราก็ไม่รู้เขาพักกันที่ไหน
  • 12:44 - 12:48
    หาที่พักไม่ได้ ไปอยู่โคนต้นไม้
  • 12:48 - 12:51
    นั่งสมาธิเดินจงกรมไป
  • 12:51 - 12:56
    ผ่านกลางคืนไปมีความสุขมหาศาลเลย
  • 12:56 - 13:01
    ไม่ได้ห่วงเรื่องกินเรื่องนอนอะไรนักหนา
  • 13:01 - 13:04
    อยู่ไปๆ ฝนตก
  • 13:04 - 13:09
    ฝนตกอยู่กลางแจ้งไม่ไหว ฝนแรงแล้วหนาว
  • 13:09 - 13:11
    ก็ไปหลบอยู่ใต้ถุนกุฏิ
  • 13:11 - 13:16
    มีกุฏิของใครก็ไม่รู้เป็นส่วนโยม
  • 13:16 - 13:20
    หลบอยู่ใต้ถุน
  • 13:20 - 13:25
    ไม่บ่นสักคำ สู้เอา
  • 13:25 - 13:28
    ถ้าเรื่องแค่นี้เราสู้ไม่ไหว
  • 13:28 - 13:35
    เราจะสู้มารไหวหรือ สู้กิเลสไหวหรือ
  • 13:35 - 13:37
    ฉะนั้นถ้าพวกเราสังเกตให้ดี
  • 13:37 - 13:42
    มาเรียนกับหลวงพ่อ หลวงพ่อไม่โอ๋
  • 13:42 - 13:45
    ไม่เคยประคบประหงมแบบโอ๋ๆ
  • 13:45 - 13:48
    เอาอกเอาใจอะไร ไม่เคย
  • 13:48 - 13:52
    เพราะหลวงพ่อไม่เคย
    ให้ครูบาอาจารย์ต้องมาโอ๋หลวงพ่อ
  • 13:52 - 13:56
    เราสู้เอา
  • 13:56 - 14:03
    พวกชอบโอ๋ส่วนใหญ่ก็มีความต้องการแฝงเร้น
  • 14:03 - 14:09
    โอ๋โยมนี่โอ๋คนรวยๆ เขาจะได้ให้เงินเยอะๆ
  • 14:09 - 14:11
    ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อเรียนด้วย
  • 14:11 - 14:15
    ท่านไม่ได้ทำอย่างนั้น
  • 14:15 - 14:20
    ตอนนั้นเรารับราชการ
    ไปอยู่วัดทีหนึ่งหลายวัน
  • 14:20 - 14:23
    ช่วงวันหยุดนี่ ช่วงต้นธันวา
  • 14:23 - 14:27
    มีวันหยุดเยอะ จะลางานบ้างอะไรบ้าง
  • 14:27 - 14:30
    ไปอยู่วัดได้ 10 วัน 11 วัน
    9 วัน อะไรอย่างนี้
  • 14:30 - 14:35
    แต่ละปีไม่เท่ากัน
  • 14:35 - 14:40
    ถวายปัจจัยท่านเล็กน้อยเท่านั้นเอง
  • 14:40 - 14:49
    ท่านกลับดูแลเรามาก ดูแลละเอียด
  • 14:49 - 14:53
    เข้าไปกราบ ท่านก็สั่งพระอุปัฏฐาก
  • 14:53 - 14:55
    ให้ไปจัดกุฏิพระให้หลวงพ่ออยู่
  • 14:55 - 14:58
    ท่านสั่งอย่างนี้ บอกคนนี้เขาภาวนาจริง
  • 14:58 - 15:04
    ให้ไปอยู่โซนพระ
  • 15:04 - 15:10
    คนร่ำคนรวยคนใหญ่คนโตไปกราบ ท่านก็ยิ้มๆ
  • 15:10 - 15:17
    ถวายอะไรท่านก็ยิ้มๆ เฉยๆ
  • 15:17 - 15:19
    ตอนเวลาไปเรียนกับครูบาอาจารย์
  • 15:19 - 15:25
    บางทีคนใหญ่คนโตอะไรมากราบท่าน
  • 15:25 - 15:30
    พระอุปัฏฐากก็ให้พวกนี้กราบๆ ไป
    แล้วก็ออกไปเลย
  • 15:30 - 15:36
    แล้วก็เปิดโอกาสให้หลวงพ่อส่งการบ้าน
  • 15:36 - 15:41
    นี่เราอยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่น
  • 15:41 - 15:47
    แต่ไม่ใช่อบอุ่นแบบลูกแหง่
  • 15:47 - 15:51
    ครูบาอาจารย์ไม่ได้มาประคบประหงมเรา
  • 15:51 - 15:57
    แต่ดูแลให้เราภาวนา
  • 15:57 - 16:02
    ตอนแรกหลวงพ่อก็เลยนึกว่า
    โอ้ พระกรรมฐานดีทุกองค์
  • 16:02 - 16:04
    เพราะเราเข้าไปวัดไหนก็เจอครูบาอาจารย์
  • 16:04 - 16:07
    ท่านก็ดีทั้งนั้นเลย
  • 16:07 - 16:11
    เลยนึกว่าพระปฏิบัติจะต้องดีทุกองค์
  • 16:11 - 16:15
    กว่าจะฉลาดก็โง่มาก่อนทั้งนั้นล่ะ
  • 16:15 - 16:18
    ก็มีดีบ้างไม่ดีบ้าง
  • 16:18 - 16:24
    ฉะนั้นอย่างบางทีพวกเราร่อนเร่
    ไปที่โน้นที่นี่
  • 16:24 - 16:27
    มีบุญก็เจอที่ดีๆ
  • 16:27 - 16:36
    อกุศลให้ผลก็เจอที่หลอกๆ ถมเถไป
  • 16:36 - 16:38
    สิ่งที่จะช่วยเราได้มากที่สุด
  • 16:38 - 16:41
    เราแยกแยะยาก
  • 16:41 - 16:43
    ว่าครูบาอาจารย์องค์ไหนดีหรือไม่ดี
  • 16:43 - 16:46
    อย่างจะมาเชื่อว่าหลวงพ่อดีนี่โง่
  • 16:46 - 16:49
    รู้ได้อย่างไรว่าหลวงพ่อดี
  • 16:49 - 16:53
    เป็นแค่ความเชื่อของเรา เชื่อตามๆ กัน
  • 16:53 - 16:56
    นั่นเป็นความไม่ฉลาดเลย
  • 16:56 - 16:58
    ฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยเราได้มาก
  • 16:58 - 17:03
    คือการอ่านตำรับตำราไว้บ้าง
  • 17:03 - 17:04
    อ่านพระไตรปิฎกอะไรอย่างนี้
  • 17:04 - 17:07
    จับหลักการปฏิบัติให้แม่นๆ
  • 17:07 - 17:10
    หรืออย่างฟังหลวงพ่อ
  • 17:10 - 17:14
    จับหลักให้แม่นแล้วไปลงมือทำ
  • 17:14 - 17:20
    ไม่ต้องเชื่อแต่ไม่ได้ปฏิเสธ
  • 17:20 - 17:23
    เวลาเราฟังธรรมะ
  • 17:23 - 17:26
    ถ้าเป็นหลวงพ่อฟัง
  • 17:26 - 17:29
    เราก็จะดูว่าคำสอนนี้
  • 17:29 - 17:33
    สอดคล้องกับพระไตรปิฎกไหม
  • 17:33 - 17:37
    ถ้าไม่สอดคล้อง เราสังเกตต่อ
  • 17:37 - 17:41
    ไม่สอดคล้องที่ Wording ที่คำพูด
  • 17:41 - 17:44
    อย่างครูบาอาจารย์บางองค์
    ท่านไม่ได้เรียนปริยัติเลย
  • 17:44 - 17:47
    ท่านก็ใช้ภาษาตามสะดวกของท่าน
  • 17:47 - 17:50
    เราก็ต้องฟังดู
  • 17:50 - 17:56
    ว่าเนื้อหาสาระที่ท่านเทศน์นี่ถูกต้องไหม
  • 17:56 - 18:02
    บางทีโดยพยัญชนะโดยภาษา
    โดยตัวหนังสือไม่ถูก
  • 18:02 - 18:05
    แต่โดยเนื้อหาแล้วถูก อย่างนี้ก็มี
  • 18:05 - 18:09
    ฉะนั้นถ้าเราได้ปฏิบัติด้วย
  • 18:09 - 18:14
    ได้อ่านตำราด้วย จะช่วยให้เราคัดกรอง
  • 18:14 - 18:23
    ก็จะได้ไม่หลงตกเป็นเหยื่อ
  • 18:23 - 18:25
    ถ้าเราภาวนาไปถึงช่วงหนึ่ง
  • 18:25 - 18:31
    เราจะเข้าใจอันไหนจริงอันไหนไม่จริง
  • 18:31 - 18:36
    มันรู้ด้วยตัวเองได้
  • 18:36 - 18:41
    บางทีรู้แล้วแต่มันไม่สนองกิเลส
  • 18:41 - 18:43
    บางคนอ่อนแอ
  • 18:43 - 18:48
    อยากได้ครูบาอาจารย์ที่คอยโอ๋อย่างนี้ก็มี
  • 18:48 - 18:50
    อยากได้ครูบาอาจารย์ที่คอยโอ๋
  • 18:50 - 18:55
    อยู่กับหลวงพ่อไม่ได้ เพราะหลวงพ่อไม่โอ๋
  • 18:55 - 19:00
    แบบนี้พอเขาทนไม่ไหว
    เขาก็ต้องไปหาที่เรียนที่อื่น
  • 19:00 - 19:04
    ที่มีครูบาอาจารย์คอยโอ๋อยู่
  • 19:04 - 19:09
    สิ่งที่หลวงพ่อพยายามสอนพวกเรา
  • 19:09 - 19:11
    คือเรียนให้รู้เรื่องฟังให้รู้เรื่องก่อน
  • 19:11 - 19:15
    รู้แนวแล้วเอาไปลงมือทำ
  • 19:15 - 19:19
    ลงมือทำแล้วก็วัดผลด้วยตัวเอง
  • 19:19 - 19:21
    ที่เราปฏิบัตินี่
  • 19:21 - 19:24
    เกิดความเปลี่ยนแปลงในตัวเองไหม
  • 19:24 - 19:27
    มักน้อยสันโดษบ้างไหม
  • 19:27 - 19:32
    คลุกคลีน้อยลงไหม สังเกตตัวเองไป
  • 19:32 - 19:35
    ใฝ่หาความสงบวิเวกบ้างไหม
  • 19:35 - 19:38
    หรือกระดี๊กระด๊าอยู่ตลอดเวลา
  • 19:38 - 19:43
    วัดใจตัวเองวัดความเปลี่ยนแปลงของตัวเองไป
  • 19:43 - 19:48
    ละเอียดขึ้นมาก็ใจคิดถึงการปฏิบัติบ่อยไหม
  • 19:48 - 19:53
    นานๆ คิดทีอะไรอย่างนี้ไม่ได้กินหรอก
  • 19:53 - 19:55
    ถ้าเราภาวนา
  • 19:55 - 19:58
    อย่างฟังหลวงพ่อไปแล้วเจริญสติรู้กายรู้ใจ
  • 19:58 - 20:04
    ตามความเป็นจริง
    ด้วยจิตตั้งมั่นและเป็นกลาง
  • 20:04 - 20:08
    ในเวลาไม่นาน
    เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง
  • 20:08 - 20:11
    เคยโกหกหน้าตาย
  • 20:11 - 20:15
    เวลาจะโกหกแล้วคราวนี้ชักละอายใจแล้ว
  • 20:15 - 20:17
    อย่างนี้ถือว่ามีพัฒนาการ
  • 20:17 - 20:20
    เลวแล้วรู้ว่าเลว
  • 20:20 - 20:24
    มุสาวาทไม่ดีหรอก แล้วเรารู้ว่ามันไม่ดี
  • 20:24 - 20:28
    มันเคยชินที่จะพูดไม่ดี
  • 20:28 - 20:31
    ฉะนั้นเวลาพูดไปแล้ว บางทีมันหลุดปากออกไป
  • 20:31 - 20:35
    มันละอายใจ อย่างนี้ถือว่าก้าวหน้า
  • 20:35 - 20:41
    ชั่วแล้วรู้ว่าชั่ว ก้าวหน้า
  • 20:41 - 20:44
    ก็สังเกตได้ด้วยตัวเอง
  • 20:44 - 20:49
    หรือบางคนบอกทำสมาธิจิตไม่เคยมีสมาธิเลย
  • 20:49 - 20:54
    แต่มามีสติรู้กายรู้ใจ
    ตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆ
  • 20:54 - 20:58
    อยู่ๆ มันมีความสุขผุดขึ้นมาเอง
  • 20:58 - 21:02
    ความสุขผุดขึ้นมาโดยที่เราไม่ได้ทำอะไร
  • 21:02 - 21:05
    นั่นล่ะจิตมันมีสมาธิ
  • 21:05 - 21:08
    มีสมาธิตามธรรมชาติแล้ว
  • 21:08 - 21:13
    มีความสุขผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ
  • 21:13 - 21:16
    คล้ายๆ เป็นรางวัลปลอบใจ
  • 21:16 - 21:21
    ให้เราเข้มแข็งในการปฏิบัติต่อไป
  • 21:21 - 21:27
    อย่างช่วงแรกๆ ที่เราภาวนา
    เรายังไม่เห็นผลที่สำคัญ
  • 21:27 - 21:31
    อย่างเรายังไม่ถึงมรรคถึงผลอะไรอย่างนี้
  • 21:31 - 21:38
    ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
    แบบพลิกฟ้าคว่ำดิน ยังไม่เห็น
  • 21:38 - 21:42
    มันมีความสุขผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ
  • 21:42 - 21:45
    บางที 3 วันผุดขึ้นมาทีหนึ่ง
  • 21:45 - 21:47
    อาทิตย์หนึ่งผุดขึ้นมาทีหนึ่ง
  • 21:47 - 21:50
    มันก็มีกำลังใจ
  • 21:50 - 21:54
    มีกำลังใจ ธรรมะนี้ดี
  • 21:54 - 21:59
    ปฏิบัติแล้วอยู่ๆ มีความสุขผุดขึ้นมาได้
  • 21:59 - 22:02
    ก็จะขยันภาวนา
  • 22:02 - 22:06
    เวลาหลวงพ่อภาวนาแต่ก่อน
  • 22:06 - 22:12
    ความสุขมันมีอยู่แล้วล่ะ
    เพราะนั่งสมาธิมานาน
  • 22:12 - 22:15
    แต่บางครั้งมันเกิดปัญญา
  • 22:15 - 22:20
    เกิดความรู้ความเข้าใจ
    บางสิ่งบางอย่างขึ้นมา
  • 22:20 - 22:23
    พอมีความรู้ความเข้าใจผุดขึ้นมาทีหนึ่ง
  • 22:23 - 22:26
    เราก็มีความสุขหลายวัน
  • 22:26 - 22:28
    แต่ก็ไม่เกิน 7 วัน
  • 22:28 - 22:31
    แล้วพอมีความรู้อย่างนี้ผุดขึ้นมา
  • 22:31 - 22:35
    เราก็มีการบ้านไปส่งครูบาอาจารย์แล้ว
  • 22:35 - 22:37
    ก็จะไปเล่าถวายท่าน
  • 22:37 - 22:40
    ว่าผมภาวนาแล้วมันมีอาการอย่างนี้
  • 22:40 - 22:45
    ผมจัดการมันอย่างนี้ๆ ทำอย่างนี้
  • 22:45 - 22:49
    ที่กระผมทำอยู่นี่ถูกหรือไม่ถูก
  • 22:49 - 22:51
    ถ้าไม่ถูกครูบาอาจารย์ช่วยบอกด้วย
  • 22:51 - 22:56
    ถ้าถูกแล้วครูบาอาจารย์ช่วยแนะนำ
  • 22:56 - 23:03
    วิธีปฏิบัติที่ยิ่งๆ กว่านี้ที่ดีกว่านี้อีก
  • 23:03 - 23:07
    ส่วนใหญ่ท่านก็จะบอกว่าที่ทำน่ะถูกแล้ว
    ให้ทำต่อไป
  • 23:07 - 23:11
    อันนี้เป็นการวัด
  • 23:11 - 23:15
    ฉะนั้นการวัดมี 2 อัน อันหนึ่งวัดใจตัวเอง
  • 23:15 - 23:17
    สติเกิดบ่อยขึ้นไหม
  • 23:17 - 23:22
    ทำผิดศีลได้หน้าตาเฉย
    หรือว่าละอายใจบ้างหรือยัง
  • 23:22 - 23:25
    สมาธิเกิดขึ้นบ้างไหม
  • 23:25 - 23:28
    นี้เราวัดใจตัวเอง
  • 23:28 - 23:33
    มีโอกาสเจอครูบาอาจารย์บางทีเราก็ต้องถาม
  • 23:33 - 23:37
    ที่ผมทำอยู่นี่ มันถูกไหม
  • 23:37 - 23:41
    ถ้าถูกแล้วทำอย่างไรมันจะดีกว่านี้อีก
  • 23:41 - 23:45
    ท่านก็จะบอกว่าทำต่อไป
  • 23:45 - 23:48
    ถ้าบอกว่าทำต่อไปแสดงว่าทำถูกแล้ว
  • 23:48 - 23:53
    ถ้าทำไม่ถูกเดี๋ยวท่านก็บอกเองล่ะ
  • 23:53 - 23:57
    เห็นไหมไม่มีไปอ้อนเลย
  • 23:57 - 23:59
    “หลวงปู่ครับหลวงปู่” ต้องทำเสียงอ้อนๆ
  • 23:59 - 24:03
    “หลวงปู่ครับอย่างโน้นอย่างนี้
  • 24:03 - 24:05
    ผมอย่างโน้นผมอย่างนี้
  • 24:05 - 24:08
    ผมอยากปฏิบัติ แต่ๆๆๆๆ”
  • 24:08 - 24:11
    เต็มไปด้วยคำว่าแต่
  • 24:11 - 24:15
    เจอหลวงปู่ปราโมทย์โดนเบิ๊ดกะโหลกเลย
  • 24:15 - 24:17
    เงื่อนไขเยอะ
  • 24:17 - 24:22
    ตั้งใจภาวนา สู้เอา แล้วสังเกตตัวเอง
  • 24:22 - 24:24
    การปฏิบัติมันก็ไม่ได้ยากอะไร
  • 24:24 - 24:28
    ขั้นแรกถือศีล 5 ข้อไว้ก่อน
  • 24:28 - 24:31
    ศีล 8 ถือเป็นครั้งคราว
  • 24:31 - 24:35
    เป็นฆราวาสทำงานหนักๆ
  • 24:35 - 24:39
    อดข้าวเย็นทุกวันเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะ
  • 24:39 - 24:42
    ก็ดูสภาวะของตัวเอง
  • 24:42 - 24:49
    ผู้หญิงบางคนมีสามีแล้วก็ปฏิญาณตนถือศีล 8
  • 24:49 - 24:51
    ไม่ให้สามีถูกตัว
  • 24:51 - 24:54
    บอกไม่เอาแล้วฉันจะไปนิพพานแล้ว
  • 24:54 - 24:57
    ลูกผัวฉันไม่เอาแล้ว
  • 24:57 - 24:59
    พอสามีไปมีผู้หญิงอื่น
  • 24:59 - 25:02
    คราวนี้นิพพานไม่เอาแล้ว
  • 25:02 - 25:07
    อาละวาดแล้ว ร้องห่มร้องไห้
  • 25:07 - 25:09
    คุณแม่จะได้ยินเรื่องพวกนี้บ่อย
  • 25:09 - 25:14
    คนชอบมาร้องห่มร้องไห้
  • 25:14 - 25:17
    นี่ถือศีลเกินฐานะ
  • 25:17 - 25:22
    เป็นฆราวาส แหม อยากถือศีล 8 อะไรอย่างนี้
  • 25:22 - 25:26
    พอสามีไม่ยอมด้วย ทนไม่ได้
  • 25:26 - 25:29
    กรรมฐานที่ฝึกไว้ล่มเลย
  • 25:29 - 25:32
    ฉะนั้นถือศีลให้พอดีกับตัว ให้พอดี
  • 25:32 - 25:37
    ถือศีลนี่เอาแบบลำบากนิดๆ
  • 25:37 - 25:41
    ข่มใจนิดๆ ไม่ต้องข่มใจแบบหักดิบ
  • 25:41 - 25:44
    มันจะไม่ไหว
  • 25:44 - 25:48
    พอไม่ไหวนี่ต่อไปใจมันฝ่อ
  • 25:48 - 25:51
    อย่างตั้งใจว่าจะประพฤติพรหมจรรย์
  • 25:51 - 25:54
    แล้วทำไม่ได้ใจมันฝ่อ
  • 25:54 - 25:58
    แต่ตั้งใจว่า
    ไม่ไปผิดลูกผิดเมียใครเขาอย่างนี้
  • 25:58 - 25:59
    เห็นเมียคนอื่นสวย
  • 25:59 - 26:04
    ข่มใจตัวเองนิดหน่อย อย่างนี้ดี
  • 26:04 - 26:08
    ใจมันจะค่อยๆ เข้มแข็งขึ้น
  • 26:08 - 26:14
    ศีลต้องรักษา สมาธิต้องทำ
  • 26:14 - 26:16
    หลวงพ่อเคยพลาด
  • 26:16 - 26:20
    พลาดหลายครั้งเรื่องไม่อยากทำสมาธิ
  • 26:20 - 26:22
    เพราะทำมาแต่เด็ก
  • 26:22 - 26:25
    ทำแล้วก็รู้สึกมันไม่ได้อะไร
  • 26:25 - 26:27
    ได้แต่ความสงบ ก็ขี้เกียจทำแล้ว
  • 26:27 - 26:31
    มาเจริญปัญญารู้สึก แหม ดีๆ
  • 26:31 - 26:34
    พอสมาธิเรากำลังไม่พอเมื่อไร
  • 26:34 - 26:37
    การเจริญปัญญาจะผิดทันทีเลย
  • 26:37 - 26:40
    วิปัสสนูปกิเลสจะเกิด
  • 26:40 - 26:43
    เคยเกิดวิปัสสนูหลายแบบ
  • 26:43 - 26:47
    ประเภทว่างอย่างนี้ พวกเราจะเจอบ่อย
  • 26:47 - 26:49
    ดูจิตๆ แล้วมันว่างไป
  • 26:49 - 26:52
    แล้วก็ยินดีพอใจในความว่าง
  • 26:52 - 26:55
    แล้วติดอยู่ในความว่าง
  • 26:55 - 26:59
    ตัวนี้ก็ไปไม่รอดก็อยู่แค่นั้น
  • 26:59 - 27:02
    หลวงพ่อเคยเจออีก 2 - 3 แบบ
  • 27:02 - 27:05
    แบบหนึ่งสติเข้มแข็งมากเลย
  • 27:05 - 27:09
    เข้มแข็งถึงขนาดมันแยกสภาวะ
  • 27:09 - 27:13
    แยกรูปธรรมนามธรรมได้ละเอียดยิบเลย
  • 27:13 - 27:16
    มองอากาศข้างหน้าสติมันแข็งแรงมาก
  • 27:16 - 27:20
    เห็นอากาศนี่จริงๆ แล้วเป็นเม็ดๆ
  • 27:20 - 27:22
    เห็นอย่างนั้น
  • 27:22 - 27:25
    หรือบางทีเกิดปัญญามาก
  • 27:25 - 27:30
    ภาวนาแล้ว
    ก็เกิดความรู้ความเข้าใจอะไรขึ้นมา
  • 27:30 - 27:34
    แล้วก็พยายามจำไว้ โอ้ ธรรมะอันนี้ดี
  • 27:34 - 27:37
    พอภาวนาไปอีก อ้าว เกิดความรู้อีกแล้ว
  • 27:37 - 27:39
    ก็จำเอาไว้อีก
  • 27:39 - 27:44
    แค่อาทิตย์เดียวมีสภาวะเหมือนคนบ้า
  • 27:44 - 27:47
    ไม่ได้บ้าจริงหมายถึงเทียบให้ฟัง
  • 27:47 - 27:48
    เหมือนคนบ้าชนิดที่ว่า
  • 27:48 - 27:53
    ไปไหนก็เดินแบกตู้พระไตรปิฎกไป
  • 27:53 - 27:56
    คนดีที่ไหนจะไปทำอย่างนั้น
  • 27:56 - 28:00
    เรา เอ๊ เราต้องผิดที่ไหนสักที่หนึ่ง
  • 28:00 - 28:03
    ทำไมภาวนาแล้วแทนที่ใจจะโปร่งโล่งเบา
  • 28:03 - 28:05
    คลายความยึดถือ
  • 28:05 - 28:09
    นี่เรากลับไปยึดถือปัญญามากมาย
  • 28:09 - 28:12
    เห็นเกิดความรู้ถูกเข้าใจถูก
  • 28:12 - 28:14
    มีปัญญาขึ้นมาแล้วเสียดาย
  • 28:14 - 28:18
    เก็บๆๆ ใส่สมองไว้เต็มไปหมดเลย
  • 28:18 - 28:21
    อันนั้นก็รู้อันนี้ก็รู้
  • 28:21 - 28:26
    นี่ก็เป็นวิปัสนูอย่างหนึ่ง รู้เยอะไป
  • 28:26 - 28:31
    เหมือนปัญญามากมาย ก็ใช้ไม่ได้
  • 28:31 - 28:34
    ภาวนาแล้วก็ยิ่งหนักขึ้นๆ
  • 28:34 - 28:36
    แสดงว่าผิดแล้วล่ะ
  • 28:36 - 28:39
    ภาวนาแล้วมันต้องปล่อยวางได้
  • 28:39 - 28:44
    ไม่ใช่ภาวนาแล้วยิ่งยึดถือ
  • 28:44 - 28:49
    แล้วปล่อยวาง
    ต้องให้จิตมันปล่อยวางด้วยปัญญา
  • 28:49 - 28:51
    ไม่ใช่แกล้งปล่อย
  • 28:51 - 28:55
    หลวงพ่อเคยอ่านหนังสือของเซน
  • 28:55 - 28:58
    อ่านแล้วใจเราโล่งๆ ว่างๆ
  • 28:58 - 29:00
    รู้สึกอย่างนี้ดี
  • 29:00 - 29:03
    ก็น้อมจิตไปอยู่กับใจที่ว่างๆ โล่ง
  • 29:03 - 29:07
    เห็นโลกนี้ว่างไปหมด อะไรๆ ก็ว่าง
  • 29:07 - 29:12
    คิดว่าดี เสร็จแล้วก็พบว่าไม่ใช่หรอก
  • 29:12 - 29:15
    นี่เราปรุงแต่งขึ้นมา
  • 29:15 - 29:20
    ฉะนั้นเวลาเราภาวนาก็ต้องค่อยสังเกตไป
  • 29:20 - 29:23
    อะไรที่ภาวนาไปแล้ว
  • 29:23 - 29:26
    มันขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้า
  • 29:26 - 29:28
    สภาวะอะไรเกิดขึ้นนี่
  • 29:28 - 29:32
    เป็นไปเพื่อความปล่อยวาง
    หรือเพื่อความยึดถือ
  • 29:32 - 29:36
    สภาวะทั้งหลายตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ไหม
  • 29:36 - 29:40
    ถ้าภาวนาแล้วไม่เข้าหลักไตรลักษณ์
    ผิดแน่นอน
  • 29:40 - 29:42
    หรือที่เราปฏิบัติอยู่นี่
  • 29:42 - 29:46
    เป็นสมถะหรือเป็นวิปัสสนาต้องแยกให้ออก
  • 29:46 - 29:50
    ถ้าแยกไม่ออกเราก็หลงทำสมถะอยู่
  • 29:50 - 29:52
    แล้วเราก็คิดฟุ้งซ่านไป
  • 29:52 - 29:54
    แล้วบอกเราเกิดปัญญา
  • 29:54 - 29:56
    อันนี้ก็ใช้ไม่ได้
  • 29:56 - 30:00
    หรือบางทีเดินปัญญามากสมาธิไม่พอ
  • 30:00 - 30:02
    อันนี้ก็ใช้ไม่ได้
  • 30:02 - 30:04
    ต้องสังเกตตัวเอง
  • 30:04 - 30:06
    ไม่ต้องรอถามครูบาอาจารย์
  • 30:06 - 30:10
    นานๆ จะมีโอกาสถามครูบาอาจารย์
    สักครั้งหนึ่ง
  • 30:10 - 30:14
    แต่สติปัญญามันอยู่กับตัวเราทุกวัน
  • 30:14 - 30:18
    อาศัยสิ่งที่อยู่กับตัวเรานี่ล่ะ
  • 30:18 - 30:23
    คอยสังเกตสิ่งที่เราทำอยู่นี่
  • 30:23 - 30:26
    ทำให้อกุศลลดลงไหม
  • 30:26 - 30:29
    ทำให้อกุศลเกิดยากขึ้นไหม
  • 30:29 - 30:32
    ทำให้กุศลเกิดบ่อยไหม
  • 30:32 - 30:36
    เกิดแล้วถี่ขึ้นๆ ไหม หรือนานๆ เกิดที
  • 30:36 - 30:43
    นี่วัดใจตัวเอง สังเกตไป ดูไปเรื่อยๆ
  • 30:43 - 30:47
    การสังเกตกิเลสเป็นเรื่องสำคัญ
  • 30:47 - 30:51
    ภาวนาแล้วสังเกตกิเลสออกนี่ดีมากๆ เลย
  • 30:51 - 30:55
    ในเบื้องต้นจิตใจเรามีกิเลสอะไร เราคอยรู้
  • 30:55 - 30:59
    ก็จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเกิดแล้วดับ
  • 30:59 - 31:02
    ต่อไปพอเราเข้าใจธรรมะ
  • 31:02 - 31:05
    ตรงที่เราคิดว่าเราบรรลุมรรคผล
  • 31:05 - 31:09
    เราก็จะวัดว่าบรรลุจริงหรือไม่จริง
  • 31:09 - 31:12
    วัดที่ไหน วัดที่กิเลส
  • 31:12 - 31:14
    อย่างเราภาวนาแล้วจิตเรารวมวูบลงไป
  • 31:14 - 31:17
    ถอยออกมา
  • 31:17 - 31:21
    หลายคนรีบสรุปเลย ได้โสดาบัน
  • 31:21 - 31:25
    จะได้หรือไม่ได้ วิญญูชนต้องสังเกตเอา
  • 31:25 - 31:26
    ไม่มีใครเขาบอกกันหรอก
  • 31:26 - 31:29
    เพราะบอกแล้วมันอันตราย
  • 31:29 - 31:31
    บางทีเขาก็หลอกเอา
  • 31:31 - 31:34
    ไปภาวนา เฮ้ย ได้โสดาบันแล้ว
  • 31:34 - 31:38
    เขาให้ตำแหน่งก็ดีใจ
  • 31:38 - 31:41
    มีเงินมีทองก็ยกให้เขาอะไรอย่างนี้
  • 31:41 - 31:45
    หรือเลื่อมใสศรัทธางมงายไปเลย
  • 31:45 - 31:49
    เพราะฉะนั้นถ้าเราภาวนาแล้วเราคิดว่า
    เราได้โสดาบัน
  • 31:49 - 31:53
    หรือภาวนาแล้วมีใครมารับรองเรา
    ว่าได้โสดาบัน
  • 31:53 - 31:56
    ทั้ง 2 นัยยะ คิดเอง
  • 31:56 - 31:59
    หรือมีใครมาบอกก็ตาม
  • 31:59 - 32:03
    ให้สังเกตที่กิเลส
  • 32:03 - 32:08
    พระโสดาบันละกิเลสบางอย่างได้เด็ดขาดแล้ว
  • 32:08 - 32:11
    ละสักกายทิฏฐิ
  • 32:11 - 32:16
    คือละความเห็นว่าตัวเรามีอยู่จริง
  • 32:16 - 32:18
    มีตัวมีตน
  • 32:18 - 32:21
    แล้วสังเกตลงไปว่ามีไหม
  • 32:21 - 32:25
    อย่างบางทีภาวนาจิตมันว่างๆ ไป
  • 32:25 - 32:28
    แล้วบอกว่าตัวเราไม่มีแล้ว
  • 32:28 - 32:31
    บอกใจเย็นๆ ดูไปหลายๆ วัน
  • 32:31 - 32:35
    ตอนที่สมาธิเสื่อมลง
  • 32:35 - 32:37
    จิตใจเป็นคนธรรมดานั่นล่ะ
  • 32:37 - 32:42
    ดูสิมันจะมีตัวเราอีกไหม
  • 32:42 - 32:46
    บางทีพอจิตมันทรงสมาธิอยู่
  • 32:46 - 32:53
    ก็มองตัวเราไม่เห็น มันสบาย มันว่างๆ
  • 32:53 - 32:57
    พอสมาธิเสื่อมก็ไม่มีตัวเรา มีแต่ตัวกู
  • 32:57 - 33:00
    หนักกว่าตัวเราอีก
  • 33:00 - 33:04
    นี่สังเกตเอามันละได้จริงหรือเปล่า
  • 33:04 - 33:08
    บางคนก็ภาวนาเขานึกว่าได้โสดาบัน
  • 33:08 - 33:12
    หรือมีคนรับรองว่าได้โสดาบัน
  • 33:12 - 33:17
    ก็ดูลงไปที่ตัวเอง
  • 33:17 - 33:20
    ละสักกายทิฏฐิได้ไหม
  • 33:20 - 33:23
    ศีล 5 ของเราดีไหม
  • 33:23 - 33:28
    ถ้าศีล 5 ยังด่างพร้อยอยู่ ยังไม่ใช่หรอก
  • 33:28 - 33:31
    เพราะฉะนั้นวัดตรงนี้ วัดที่กิเลสของเรานี่
  • 33:31 - 33:34
    ถ้ากิเลสยังหยาบๆ จนทำผิดศีลได้
  • 33:34 - 33:37
    ไม่ใช่หรอก
  • 33:37 - 33:41
    ค่อยๆ สังเกตเอา
  • 33:41 - 33:45
    พวกที่ชอบพยายามมาถามหลวงพ่อ
    ว่าได้โสดาบันหรือยัง
  • 33:45 - 33:49
    บางคนหนักกว่านั้น มาบอกว่าได้โสดาบันแล้ว
  • 33:49 - 33:53
    เคยเจอหนักที่สุดเป็นพระ
  • 33:53 - 33:56
    บอกได้พระอรหันต์แล้ว
  • 33:56 - 33:59
    หลวงพ่อบอกยังไม่ได้หรอก
  • 33:59 - 34:02
    จิตใจเศร้าหมองเลย
  • 34:02 - 34:05
    มัว ขุ่นมัว เศร้าหมองไปหมด
  • 34:05 - 34:08
    บอกเห็นไหมจิตมีโทสะแล้ว
  • 34:08 - 34:11
    เห็น ไม่ใช่พระอนาคามีหรอก
  • 34:11 - 34:13
    วัดกันด้วยกิเลสอย่างนี้
  • 34:13 - 34:18
    ไล่ๆๆๆ ต้อนลงไปเรื่อยๆ
  • 34:18 - 34:21
    เพราะฉะนั้นใครบอกเราได้โน้นได้นี่
  • 34:21 - 34:24
    อย่าเพิ่งเชื่อ
  • 34:24 - 34:27
    หรือเราภาวนาแล้วเราเชื่อของเราเอง
  • 34:27 - 34:29
    ก็อย่าเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์
  • 34:29 - 34:32
    สังเกตกิเลสไปนานๆ
  • 34:32 - 34:36
    เมื่อก่อนมีครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง
    ชื่อหลวงพ่อกิม
  • 34:36 - 34:40
    หลวงพ่อกิมนี่ภาษาเขมรไม่ใช่ภาษาจีน
  • 34:40 - 34:44
    เป็นคนสุรินทร์
  • 34:44 - 34:46
    หลวงพ่อกิมบอกว่าไปภาวนานี่
  • 34:46 - 34:49
    ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์
  • 34:49 - 34:53
    แล้วคิดว่าบรรลุอะไรแล้วนี่
  • 34:53 - 34:57
    ให้ดู 3 เดือน
  • 34:57 - 35:01
    ดูไปเรื่อยๆ 3 เดือนนี้กิเลสจะกลับมาไหม
  • 35:01 - 35:07
    กระทั่งคิดว่าเป็นพระอรหันต์
    ดูไป 3 เดือนเดี๋ยวก็เจอ
  • 35:07 - 35:12
    แต่ถ้าตั้งใจว่าเราเป็นไปแล้ว เชื่อไปแล้ว
  • 35:12 - 35:16
    คราวนี้ไม่ยอมดูแล้ว ไม่กล้าดู
  • 35:16 - 35:19
    หลายคนภาวนาได้ใบเซอร์ฯมาจากที่อื่น
  • 35:19 - 35:22
    บอกไม่กล้าดูแล้ว
  • 35:22 - 35:27
    เพราะว่ากลัวจะไม่ได้เป็นโสดาบัน
  • 35:27 - 35:30
    ไปเรียนสะเปะสะปะ อันตราย
  • 35:30 - 35:33
    รู้ปริยัติไว้บ้างก็ดี
  • 35:33 - 35:36
    เอาไว้ตรวจสอบตัวเอง
  • 35:36 - 35:41
    เคยได้ยินคำว่าโยนิโสมนสิการไหม
  • 35:41 - 35:46
    โยนิโสมนสิการ การพิจารณาโดยแยบคาย
  • 35:46 - 35:51
    คำว่าแยบคายไม่ใช่เจ้าเล่ห์แสนกล
  • 35:51 - 35:52
    แยบคายนี่ก็คือดูว่า
  • 35:52 - 35:57
    อันนี้สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า
  • 35:57 - 36:00
    และพระอรหันตสาวกทั้งหลายไหม
  • 36:00 - 36:09
    แยบคายตรงนี้คือดูว่ามันสอดคล้องไหม
  • 36:09 - 36:14
    วันนี้สอนวิธีตรวจสอบตัวเอง
  • 36:14 - 36:20
    เราจะได้ไม่งมงาย ไม่ต้องฟังใคร
  • 36:20 - 36:24
    หลวงพ่อภาวนาหลวงพ่อไม่เคยสงสัยตัวเองเลย
  • 36:24 - 36:31
    ภาวนาอย่างไร เพราะเราตรวจสอบตัวเองเสมอ
  • 36:31 - 36:34
    บางทีเข้าไปหาครูบาอาจารย์
  • 36:34 - 36:36
    ก็ไปเล่าให้ท่านฟัง
  • 36:36 - 36:45
    ท่านก็ชมว่าฉลาดๆ คอยรู้ทันจิตใจตัวเอง
  • 36:45 - 36:48
    ถ้าได้โสดาบัน สกทาคามี
  • 36:48 - 36:52
    ศีลของเราต้องบริบูรณ์
  • 36:52 - 36:55
    สมาธิยังเล็กน้อย
  • 36:55 - 36:59
    แต่ว่าละกิเลสไปอีกกลุ่มหนึ่ง
  • 36:59 - 37:05
    ละความเห็นผิด
    ว่าในขันธ์ 5 นี่มีตัวเราอยู่
  • 37:05 - 37:09
    หรือมีตัวเรานอกเหนือจากขันธ์ 5
  • 37:09 - 37:11
    เป็นอย่างไร ตัวเรานอกขันธ์ 5
  • 37:11 - 37:14
    บางคนนั่งสมาธิ ถอดจิตออกไปอยู่ข้างบน
  • 37:14 - 37:17
    ย้อนมาดู ขันธ์ 5 มันอยู่ข้างล่าง
  • 37:17 - 37:20
    นี่มีตัวเราอยู่นอกขันธ์ 5 อีก
  • 37:20 - 37:24
    มีตัวเรา ขันธ์ 5 เป็นตัวเรา
  • 37:24 - 37:28
    ตัวเราเป็นขันธ์ 5 อะไรอย่างนี้
  • 37:28 - 37:31
    ถ้าได้จริงจะไม่มี
  • 37:31 - 37:33
    มันจะรู้เลยขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวเรา
  • 37:33 - 37:38
    ไม่มีตัวเรานอกเหนือจากขันธ์ 5 ก็ไม่มี
  • 37:38 - 37:43
    ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัยจะไม่มี
  • 37:43 - 37:46
    ถ้าเราได้โสดาบัน
  • 37:46 - 37:49
    เราจะไม่สงสัยว่าพระพุทธเจ้ามีจริงไหม
  • 37:49 - 37:52
    พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริงไหม
  • 37:52 - 37:57
    สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนี่
    นำเราพ้นทุกข์ได้จริงไหม
  • 37:57 - 38:01
    จะไม่สงสัยในตัวพระพุทธเจ้าเลย
  • 38:01 - 38:05
    เด็กยุคนี้บอกพระพุทธเจ้าไม่มีหรอก
  • 38:05 - 38:07
    คิดอย่างนั้นเลย
  • 38:07 - 38:10
    พูดไปทั้งๆ ที่ไม่ได้พิสูจน์
  • 38:10 - 38:12
    พูดด้วยความเห็น
  • 38:12 - 38:15
    แล้วความเห็นตัวนั้นเป็นความเห็นผิด
  • 38:15 - 38:18
    ความเห็นที่ไม่ทนต่อการพิสูจน์
  • 38:18 - 38:21
    แต่พอถ้าภาวนาได้ธรรมะแล้ว
  • 38:21 - 38:24
    จะรู้พระพุทธเจ้ามีจริง
  • 38:24 - 38:29
    คำสอนของท่านมีจริง พาพ้นทุกข์ได้จริง
  • 38:29 - 38:33
    พระธรรมมีจริงไหม มี
  • 38:33 - 38:38
    พระธรรมนำทางเราไปสู่ความพ้นทุกข์ได้
    มีจริงๆ
  • 38:38 - 38:41
    พระสงฆ์มีไหม มี
  • 38:41 - 38:44
    เราอาจจะไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นพระสงฆ์
  • 38:44 - 38:47
    แต่ตัวเองเป็นพระสงฆ์ไปเรียบร้อยแล้ว
  • 38:47 - 38:51
    ทั้งๆ ที่ยังนุ่งกางเกง
  • 38:51 - 38:54
    ใส่ผ้านุ่งผ้าถุงอะไรอย่างนี้
  • 38:54 - 38:57
    ก็เป็นพระสงฆ์ไปเรียบร้อยแล้ว
  • 38:57 - 39:00
    มันจะรู้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริง
  • 39:00 - 39:02
    ไม่สงสัย
  • 39:02 - 39:06
    รู้ว่าการปฏิบัติที่ถูกเป็นอย่างไร
  • 39:06 - 39:09
    ละสีลัพพตปรามาส
  • 39:09 - 39:13
    การถือศีลบำเพ็ญพรตอย่างงมงาย
  • 39:13 - 39:16
    อย่างบางคนบำเพ็ญพรตงมงาย เช่น
  • 39:16 - 39:21
    คิดว่ากินเจแล้วบรรลุได้เร็วกว่า
  • 39:21 - 39:24
    ถ้ากินเจถึงจะบรรลุได้
  • 39:24 - 39:29
    วัวควายกินหญ้ามาตลอดคงบรรลุหมดแล้วล่ะ
  • 39:29 - 39:34
    หรือบางคนคิดว่าต้องอาบน้ำในแม่น้ำคงคา
  • 39:34 - 39:36
    แล้วจะบรรลุเร็ว
  • 39:36 - 39:40
    ถ้าอย่างนั้นปลาในแม่น้ำคงคา
    ก็บรรลุหมดแล้วล่ะ
  • 39:40 - 39:44
    อย่างนี้ที่เรียกว่าสีลัพพตปรามาส งมงาย
  • 39:44 - 39:53
    เราจะละความงมงาย
    เราจะรู้เลยสิ่งที่ทำให้เราบรรลุพระโสดาบัน
  • 39:53 - 39:59
    คือไตรสิกขา ศีลสิกขา จิตตสิกขา
    ปัญญาสิกขา
  • 39:59 - 40:03
    เดินอยู่ในหลักของสติปัฏฐาน
  • 40:03 - 40:05
    ลงมือทำสติปัฏฐาน
  • 40:05 - 40:08
    ในเบื้องต้นทำให้เกิดสติ
  • 40:08 - 40:17
    พอมีสติแล้วศีล สมาธิ ปัญญา
    ก็จะค่อยๆ แก่รอบขึ้น
  • 40:17 - 40:20
    เราจะรู้ว่าเส้นทาง
  • 40:20 - 40:22
    ที่ไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้น
  • 40:22 - 40:27
    สุดท้ายหนีไม่พ้นเรื่องสติปัฏฐานหรอก
  • 40:27 - 40:34
    สติปัฏฐานเป็นทางสายเอกเป็นทางสายเดียว
    เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น
  • 40:34 - 40:36
    ฉะนั้นวัดที่ตัวเอง
  • 40:36 - 40:39
    หลายคนบางทีเขียนจดหมายมา
  • 40:39 - 40:43
    มาเล่าหลวงพ่อบอกว่าได้โสดาบันแล้ว
  • 40:43 - 40:48
    บางคนบอกว่าเห็นจิตกับ
    สภาพธรรมที่แวดล้อมอยู่
  • 40:48 - 40:51
    เป็นสิ่งเดียวกันแล้ว
  • 40:51 - 40:54
    มันเห็นด้วยกำลังสมาธิเป็นครั้งคราวหรอก
  • 40:54 - 41:01
    เดี๋ยวก็ไม่เห็น มันยังไม่ใช่ของแท้
  • 41:01 - 41:04
    ฉะนั้นต้องค่อยๆ สังเกตตัวเองให้ดี
  • 41:04 - 41:07
    อย่าเข้าข้างตัวเอง
  • 41:07 - 41:12
    แล้วเคล็ดลับสำคัญในการสังเกตจิตตนเอง
  • 41:12 - 41:17
    ต้องดูจิตตนเองในภาวะปกติ
  • 41:17 - 41:21
    อย่าไปทรงสมาธิอยู่
  • 41:21 - 41:23
    อย่างถ้าเราไปทรงฌานอยู่
  • 41:23 - 41:26
    แล้วเราบอกว่า เราไม่มีราคะแล้ว
  • 41:26 - 41:28
    ไม่มีโทสะแล้ว
  • 41:28 - 41:29
    ไม่มีกามราคะ ไม่มีโทสะ
  • 41:29 - 41:31
    เป็นพระอนาคามีแล้ว
  • 41:31 - 41:34
    ออกจากสมาธิมา อ้าว กิเลสกลับมาอีกแล้ว
  • 41:34 - 41:36
    ราคะก็แรงยิ่งกว่าเก่า
  • 41:36 - 41:39
    โทสะก็ยิ่งแรงยิ่งกว่าเก่าอีก
  • 41:39 - 41:43
    พวกนั่งสมาธิหลุดออกมาจากสมาธิแล้ว
  • 41:43 - 41:47
    กิเลสแรง กิเลสมันคิดดอกเบี้ย
  • 41:47 - 41:50
    มันถูกเก็บกดอยู่ช่วงหนึ่ง
  • 41:50 - 41:54
    มีโอกาสมันซัดเราหงายท้องเลย
  • 41:54 - 41:58
    ภาวนาเวลาเราจะสังเกตกิเลสตัวเอง
  • 41:58 - 42:02
    สังเกตในภาวะปกติในใจที่เป็นปกติอย่างนี้
  • 42:02 - 42:07
    ไม่ใช่ใจที่ทรงสมาธิอยู่
  • 42:07 - 42:13
    บางคนเพ่งเอาไว้อย่างนี้
  • 42:13 - 42:17
    แล้วบอกว่าไม่มีกิเลสแล้ว
  • 42:17 - 42:19
    หลวงพ่อพยายามทำหน้าให้ดู
  • 42:19 - 42:23
    จิตก็เป็น ทำทั้งหน้าทั้งใจ
  • 42:23 - 42:26
    เพ่งอยู่อย่างนี้ แล้วบอกไม่มีกิเลส
  • 42:26 - 42:29
    ใครด่าก็ไม่โกรธ ใครชมก็เฉยๆ
  • 42:32 - 42:36
    เห็นผู้หญิงสวยๆ เดินโป๊ๆ ก็เฉยๆ
  • 42:36 - 42:42
    ทำไมมันเฉย จิตมันติดสมาธิอยู่
  • 42:42 - 42:45
    มันก็ข่มกามราคะได้
  • 42:45 - 42:48
    มันข่ม มันไม่ได้ละ
  • 42:48 - 42:50
    มันข่มไว้ชั่วคราว
  • 42:50 - 42:55
    เพราะฉะนั้นเวลาที่เราภาวนา
    แล้วเรานึกว่าเราได้โน้นได้นี้
  • 42:55 - 42:57
    เราวัดกิเลสตัวเอง
  • 42:57 - 43:01
    วัดในภาวะที่จิตใจเป็นปกติ
  • 43:01 - 43:03
    อย่าไปน้อมจิตให้นิ่งๆ ทื่อๆ อยู่
  • 43:03 - 43:07
    แล้วก็มาวัดตอนที่มันนิ่งๆ ทื่อๆ
  • 43:07 - 43:09
    อันนั้นจะวัดไม่ออก
  • 43:09 - 43:12
    ถ้าเป็นคนปกติอย่างเวลานั่งสมาธิ
  • 43:12 - 43:16
    จิตรวมอยู่อย่างนี้ คนมาด่าก็เฉย
  • 43:16 - 43:18
    เวลาออกจากสมาธิคนยังไม่ทันด่า
  • 43:18 - 43:21
    มันมองหน้าโดดถีบมันแล้ว
  • 43:21 - 43:23
    นี่มันจะต่างกัน
  • 43:23 - 43:25
    เพราะฉะนั้นต้องวัดตัวจริง
  • 43:25 - 43:30
    ไม่ถูกฌานสมาบัติอะไรมาห่อหุ้มเอาไว้
  • 43:30 - 43:37
    ฉะนั้นเวลาวัดกิเลส
    วัดตอนที่ใจเราเป็นปกตินี่ล่ะถึงจะเห็นชัด
  • 43:37 - 43:39
    พอได้หลักไหม
  • 43:39 - 43:46
    ในการที่จะไปตรวจสอบการปฏิบัติของตัวเอง
  • 43:46 - 43:50
    เราตรวจสอบการปฏิบัติของตัวเอง
  • 43:50 - 43:54
    ใช้โยนิโสมนสิการเป็นสำคัญ
  • 43:54 - 43:56
    จะรู้โยนิโสมนสิการได้
  • 43:56 - 44:00
    ต้องมีสุตตะ มีการเรียนรู้
  • 44:00 - 44:09
    สุตตะไม่ใช่พระสูตรเฉยๆ สุตตะ การฟังๆ
  • 44:09 - 44:12
    การอ่านก็ใช้ได้
  • 44:12 - 44:14
    อ่านพระไตรปิฎกอะไรอย่างนี้
  • 44:14 - 44:16
    อ่านให้รอบคอบ
  • 44:16 - 44:19
    อ่านแล้วก็จับประเด็นผิดๆ ถูกๆ
    อะไรอย่างนี้
  • 44:19 - 44:22
    อันตรายเหมือนกัน
  • 44:22 - 44:25
    อ่านต้องรอบคอบ
  • 44:25 - 44:31
    อย่างบอกว่าถ้าพระไปรักษาโรคให้คน
  • 44:31 - 44:40
    พระหมอนี่ทำผิดศีล
  • 44:40 - 44:44
    เป็นเดรัจฉานวิชา วิชาแพทย์
  • 44:44 - 44:50
    พระไปทำเดรัจฉานวิชา อาบัติ นี่พูดเอาเอง
  • 44:50 - 44:55
    ที่จริงพระหากินด้วยเดรัจฉานวิชา อาบัติ
  • 44:55 - 44:59
    แต่พระใช้เดรัจฉานวิชา
    ช่วยเหลือสงเคราะห์โลกอะไรอย่างนี้
  • 44:59 - 45:03
    เป็นความเมตตากรุณาต่างหาก
  • 45:03 - 45:06
    พอตีความผิดก็ใส่ร้ายพระไปทั่ว
  • 45:06 - 45:11
    องค์โน้นผิดองค์นี้ผิด ผิดอะไรนักหนา
  • 45:11 - 45:14
    ต้องเรียนต้องอ่านบ้าง
  • 45:14 - 45:18
    แต่อ่านแล้วก็เอาแขวนขึ้นหิ้งไว้ก่อน
  • 45:18 - 45:22
    ตอนที่ลงมือภาวนา ลืมไปก่อน
  • 45:22 - 45:26
    แล้วภาวนาเสร็จแล้วลองมาเทียบดูกับตำรา
  • 45:26 - 45:35
    ถ้าภาวนาถูกต้องตรงกัน ต้องตรงกัน
  • 45:35 - 45:38
    ฉะนั้นโยนิโสมนสิการไม่ใช่คิดเรื่อยเปื่อย
  • 45:38 - 45:41
    ไม่ใช่คิดตามใจกิเลส
  • 45:41 - 45:44
    แต่คิดโดยดูหลักเกณฑ์
  • 45:44 - 45:48
    พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร
    พระอรหันตสาวกท่านสอนไว้อย่างไร
  • 45:48 - 45:52
    ดูตรงนั้น
  • 45:52 - 45:55
    แล้วก็จุดสำคัญ หัดสังเกตตัวเอง
  • 45:55 - 45:58
    สังเกตใจไว้
  • 45:58 - 46:02
    แล้วก็มีโอกาสถามครูบาอาจารย์
  • 46:02 - 46:05
    ตรงนี้เสี่ยงมากเลย
  • 46:05 - 46:08
    บางทีเราภาวนาดี เราไปเจอครูบาอาจารย์เก๊
  • 46:08 - 46:12
    ไปถามเขาแก้ของเรา
  • 46:12 - 46:19
    เมื่อก่อนมีเรียนกับที่อื่นมา
  • 46:19 - 46:23
    แล้วมาฟังกับหลวงพ่อ เราก็แก้ให้
  • 46:23 - 46:24
    กลับไปหาอาจารย์
  • 46:24 - 46:27
    อาจารย์แก้กลับไปอย่างเดิมอีก
  • 46:27 - 46:29
    อย่างกับตีปิงปอง ตีกลับไปกลับมา
  • 46:29 - 46:31
    สุดท้ายหลวงพ่อตบทีเดียว
  • 46:31 - 46:36
    กระเด็นออกนอกโต๊ะไปเลย ไม่เอาด้วยแล้ว
  • 46:36 - 46:40
    ฉะนั้นวัดใจตัวเองให้ได้ดีที่สุด
  • 46:40 - 46:43
    แล้วเครื่องมือในการวัด โยนิโสมนสิการ
  • 46:43 - 46:46
    วัดด้วยตัวนี้
  • 46:46 - 46:48
    ฉะนั้นอย่าได้โง่งมงาย
  • 46:48 - 46:52
    ทุกวันนี้คนออกมาสอนมากมายเหลือเกิน
  • 46:52 - 46:55
    เราภาวนาชำนิชำนาญ
  • 46:55 - 46:59
    เราฟังปุ๊บเราก็รู้แล้วนี่ธรรมะระดับไหน
  • 46:59 - 47:04
    ธรรมะระดับคิดเอาหรือว่ามีประสบการณ์ตรง
  • 47:04 - 47:07
    ประสบการณ์นั้นตรงถูกหรือไม่ถูก
  • 47:07 - 47:11
    ไปอีกหลายระดับ ค่อยๆ ดูเอา
  • 47:11 - 47:15
    วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้
  • 47:15 - 47:18
    ทำไมไม่สอนวิธีปฏิบัติ สอนไปเยอะแล้ว
  • 47:18 - 47:21
    วันนี้สอนการตรวจการบ้านตัวเอง
  • 47:21 - 47:26
    จะได้ไม่ต้องมาถามหลวงพ่อบ่อย
  • 47:26 - 47:31
    เบอร์ 1 เบอร์ 1 ต้องตกใจด้วย
  • 47:31 - 47:34
    เรียกเบอร์ 1 ทีเดียว
  • 47:34 - 47:39
    เบอร์ 1: ในรูปแบบนั่งสมาธิอยู่กับลมหายใจ
  • 47:39 - 47:42
    อยู่กับอารมณ์อันเดียวบ้าง
  • 47:42 - 47:46
    ดูจิตทำงานบ้าง รู้ทันบ้างไม่ทันบ้าง
  • 47:46 - 47:48
    ยังจงใจมากไป
  • 47:48 - 47:53
    เพราะมันยังไม่ยอมรับความจริง
    และความอยากดี
  • 47:53 - 47:57
    ชีวิตประจำวันคอยมีสติรู้ทันจิตคิด
  • 47:57 - 48:02
    แต่รวมๆ แล้วสติยังช้าและอ่อนอยู่
  • 48:02 - 48:05
    รู้จักกิเลสตัวเองมากขึ้น
  • 48:05 - 48:08
    ทั้งมานะ โทสะ ความอยาก
  • 48:08 - 48:13
    มันวนเวียนกลับมาเรื่อยๆ ขอคำสั่งสอนครับ
  • 48:13 - 48:18
    ที่รู้ที่เห็นถูกแล้ว ดี
  • 48:18 - 48:21
    จุดที่ยังผิดอยู่คือจิต
  • 48:21 - 48:23
    จิตของเราปกติเป็นแบบนี้ไหม
  • 48:23 - 48:26
    พยักหน้าเอาหรือส่ายหน้า
  • 48:26 - 48:28
    ไม่เป็นอย่างนี้
  • 48:28 - 48:32
    ถ้าจิตเป็นอย่างนี้ใช้ไม่ได้
  • 48:32 - 48:34
    ไปล็อกนิ่งๆ เฉยๆ
  • 48:34 - 48:38
    จิตเฉยๆ อย่างนี้ ใครด่าก็เฉย
  • 48:38 - 48:41
    จิตตรงนี้ก็ยังไม่ปกติ ดูออกไหม
  • 48:43 - 48:49
    เออ รู้ทันแล้ว ใช้ได้ ดีที่ทำอยู่
  • 48:49 - 48:54
    หลวงพ่อถึงบอกอย่างไรเวลาวัด
    ต้องวัดด้วยใจที่ปกติ
  • 48:54 - 48:56
    ถ้าใจไปทรงไว้อย่างนี้
  • 48:56 - 48:59
    มันวัดอะไรไม่ได้หรอก
  • 48:59 - 49:03
    มันเห็นกิเลสก็เห็นไม่จริง
  • 49:03 - 49:07
    เบอร์ 2: ในรูปแบบนั่งสมาธิ
  • 49:07 - 49:10
    หายใจเข้าพุทออกโธ
  • 49:10 - 49:16
    ในชีวิตประจำวันบริกรรม
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ ในใจ
  • 49:16 - 49:18
    มีเผลอบ้าง
  • 49:18 - 49:21
    ไม่ทราบว่าควรดูกายหรือจิตครับ
  • 49:21 - 49:26
    บริกรรมไปเรื่อยๆ เอาสติ
  • 49:26 - 49:30
    พอเราได้สติ อย่างเราพุทโธๆ ไป
  • 49:30 - 49:33
    เผลอแล้วเรารู้ เผลอแล้วรู้
  • 49:33 - 49:36
    เราได้สติได้สมาธิขึ้นมา
  • 49:36 - 49:39
    แล้วคราวนี้สติระลึกรู้ลงในกาย
  • 49:39 - 49:40
    เราก็ดูเห็นไตรลักษณ์
  • 49:41 - 49:43
    สติไปรู้การทำงานของจิต
  • 49:43 -
    เราก็เห็นจิตใจแสดงไตรลักษณ์
  • Not Synced
    ดูไป สติรู้อะไรก็รู้อันนั้นล่ะ
  • Not Synced
    ไม่ต้องบังคับว่าจงรู้เฉพาะร่างกายหรือจงรู้เฉพาะจิต
  • Not Synced
    อย่าไปบังคับมัน จะตึงไป สังเกตไหมใจเราตึงๆ ไปนิดหนึ่ง
  • Not Synced
    สบายๆ รู้ไปธรรมดาๆ ใจธรรมดาดีที่สุดเลย
  • Not Synced
    ตรงนี้ไม่ธรรมดาแล้วรู้สึกไหม
  • Not Synced
    เมื่อกี้ธรรมดา ตอนนี้ไม่ธรรมดา
    เพราะเราไปรวบเข้ามา
  • Not Synced
    ตัวนี้โมหะแทรกแล้วรู้สึกไหม มันซึมลงไป
  • Not Synced
    เพราะฉะนั้นทำสมาธิก็ทำไป
  • Not Synced
    จะบริกรรมก็บริกรรมไป
  • Not Synced
    แต่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับจิตใจ ให้คอยรู้ทัน
  • Not Synced
    บริกรรมแล้วโมหะแทรก ชักเคลิ้มชักลืมตัวรู้ทัน
  • Not Synced
    ถ้ารู้ทันแล้วก็หายใจให้แรงขึ้นนิดหนึ่งก็ได้
  • Not Synced
    กระตุ้นความรู้สึกตัวไม่ให้มันหย่อนเคลิ้มลงไป
  • Not Synced
    รู้สึกตัวไปแต่อย่าไปกระตุ้นมาก มันจะแข็งไป
  • Not Synced
    เอาแค่ไม่หลงไม่เคลิ้มไม่ถูกโมหะครอบ
  • Not Synced
    รู้เนื้อรู้ตัวด้วยใจปกติ
  • Not Synced
    โมหะแทรกตรงนี้ เราน้อมใจให้เคลิ้ม
  • Not Synced
    อย่าน้อมใจให้เคลิ้ม รู้ตัวไว้
  • Not Synced
    หายใจออกรู้สึก หายใจเข้ารู้สึก
  • Not Synced
    หรือจะพุทโธด้วยก็ได้ รู้สึก อย่าไปดัดแปลงจิต
  • Not Synced
    เบอร์ 2 ยังชินที่จะดัดแปลงจิตให้มันนิ่งๆ
  • Not Synced
    รู้สึก ความรู้สึกสำคัญยิ่งกว่าการบังคับให้นิ่ง
  • Not Synced
    เออ ตรงนี้ถูก
  • Not Synced
    เวลาถูกมันถูกแวบเดียวล่ะ
  • Not Synced
    แล้วจิตมันก็ไปปรุงต่อ
  • Not Synced
    หายใจไป พุทโธไปเรื่อยๆ ใจเคลิ้มให้รู้
  • Not Synced
    หายใจไป พุทโธไป ใจหนีไปคิดเรื่องอื่นให้รู้
  • Not Synced
    เพราะฉะนั้นหายใจไปพุทโธไปแล้วรู้ทันใจไว้
  • Not Synced
    เคลิ้มก็รู้ หลงไปก็รู้
  • Not Synced
    ฝึกบ่อยๆ แล้วสติจะแข็งแรง สมาธิจะดีขึ้น
  • Not Synced
    เบอร์ 3: ฟังธรรมตอนขับรถ
  • Not Synced
    อ่านหนังสือธรรมะบ้าง
  • Not Synced
    ในรูปแบบนั่งสมาธิเช้าเย็นครั้งละ 30 นาที
  • Not Synced
    หายใจเข้าพุทออกโธ
  • Not Synced
    ดูร่างกายหายใจ มักฟุ้งซ่าน ยังติดเพ่ง
  • Not Synced
    บางครั้งรู้สึกสว่างขึ้นคล้ายเปิดสวิตช์ไฟ รู้สึกชอบ
  • Not Synced
    แต่ไม่นานก็เผลอไปคิดเรื่องอื่น
  • Not Synced
    ระหว่างวันดูร่างกายหายใจพร้อมพุทโธ
  • Not Synced
    คอยรู้ทันโทสะและเผลอคิด
  • Not Synced
    ดูร่างกายเคลื่อนไหวบ้าง ขอคำสั่งสอนค่ะ
  • Not Synced
    ดูอย่างนั้นล่ะ
  • Not Synced
    หายใจไปหรือเคลื่อนไหวไปก็ไม่ได้ไปบังคับจิตให้นิ่ง
  • Not Synced
    หายใจไปเคลื่อนไหวจิตหลงไปก็รู้
  • Not Synced
    พยายามไปดึงจิตคืนมาก็รู้
  • Not Synced
    รู้ทันจิตตัวเองบ่อยๆ
  • Not Synced
    ใช้กรรมฐานจะหายใจก็ได้เคลื่อนไหวก็ได้
  • Not Synced
    แนะนำอันหนึ่งก็คือดูกายให้เยอะขึ้น
  • Not Synced
    ใช้สติใช้ปัญญาสอดส่องเข้าไปในร่างกาย
  • Not Synced
    ร่างกายนี้มันสวยอยู่ที่เปลือกนอก
  • Not Synced
    สวยอยู่ที่ขนผมเล็บฟันหนังเท่านั้นเอง
  • Not Synced
    เรากำหนดจิตมองเข้าไปภายใน
  • Not Synced
    เห็นของไม่สวยไม่งามอยู่ภายในเยอะแยะ
  • Not Synced
    ฝึกตัวนี้บ้าง มันถูกกับจริต
  • Not Synced
    เพราะเราเป็นพวกรักสุขรักสบายรักสวยรักงาม
  • Not Synced
    น้อมกลับเข้ามาดูตัวนี้จะดี
  • Not Synced
    เบอร์ 1 ติดสมาธิ
  • Not Synced
    จิตคงที่อยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่เผลอ
  • Not Synced
    ตัวนี้ต้องไปดูให้ดี
  • Not Synced
    ถ้ามันค้างกลางอากาศอยู่อย่างนี้
  • Not Synced
    มันไม่เดินปัญญาจริง
  • Not Synced
    เบอร์ 4: ปฏิบัติในรูปแบบทุกวัน
  • Not Synced
    มีอาการตึงๆ หน่วงๆ ตรงกลางศีรษะ
  • Not Synced
    จนถึงปลายจมูก
  • Not Synced
    มีความรู้สึกคล้ายการเข้าไปในสมาธิที่ลึก
  • Not Synced
    เวลาทำงานจะทำความรู้สึกตัวทุกครั้ง
  • Not Synced
    เมื่อมีทุกข์เข้ามาจะรู้สึกไม่ทุกข์มากเหมือนแต่ก่อน
  • Not Synced
    รู้สึกอยู่เหนือทุกข์
  • Not Synced
    มองทุกอย่างเป็นสมมุติมากขึ้น
  • Not Synced
    ขอการบ้านค่ะ
  • Not Synced
    เวลาที่ใจเราทรงสมาธิอยู่มันจะรู้สึกอย่างที่เล่า
  • Not Synced
    ถ้าอยากเห็นของจริงอย่าค้างอยู่กลางอากาศแบบนี้
  • Not Synced
    ถ้าเราน้อมจิตให้ทรงสมาธิอยู่อย่างนี้ อะไรๆ ก็เฉยๆ หมดล่ะ
  • Not Synced
    ถ้าหลุดจากตรงนี้เมื่อไรมันร้ายเลย
  • Not Synced
    ถอยออกมาสิ อย่าค้างอยู่อย่างนั้น
  • Not Synced
    ถอยออกมา เออ อยู่ข้างนอกอย่างนี้
  • Not Synced
    กิเลสไม่ได้อยู่ข้างในอย่างนั้น
  • Not Synced
    อย่าหลุดเข้าไปค้างกลางอากาศอยู่
  • Not Synced
    ถ้าอย่างนั้นจะไม่เดินปัญญาจริง
  • Not Synced
    เพราะจะไม่เห็นกิเลสหรอก
  • Not Synced
    จะรู้สึกเฉยๆ อะไรเกิดขึ้นก็เฉยๆ จะรู้สึกไปทางนั้น
  • Not Synced
    แต่ถ้าใจเราไม่ไปทรงค้างอยู่กับสมาธิข้างในอย่างนั้น
  • Not Synced
    คราวนี้กระทบอารมณ์มันจะเกิดปฏิกิริยาตามธรรมชาติธรรมดาล่ะ
  • Not Synced
    เราก็จะเห็นปฏิกิริยาทั้งหลาย
  • Not Synced
    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
  • Not Synced
    ควบคุมไม่ได้ บังคับไม่ได้
  • Not Synced
    ปัญญามันอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่ตรงเฉย
  • Not Synced
    เบอร์ 5: ทำกรรมฐานใช้คำบริกรรมพุทโธ
  • Not Synced
    ระหว่างวันพยายามคิดพุทโธแล้วสังเกตว่า
  • Not Synced
    ยังคิดพุทโธอยู่หรือไม่มีพุทโธ
  • Not Synced
    ทำในรูปแบบด้วยการนั่งบริกรรมพุทโธก่อนนอนและหลังตื่นนอน
  • Not Synced
    ใช้การตั้งใจหายใจ เพื่อช่วยในเวลาที่ง่วง เคลิ้ม
  • Not Synced
    หรือคิดพุทโธไม่ค่อยได้
  • Not Synced
    ขอคำชี้แนะการปฏิบัติต่อไปครับ
  • Not Synced
    ถูกแล้วไปพุทโธต่อ ทำได้ ทำวิธีนี้ก็ทำได้ ทำอีก
  • Not Synced
    เบอร์ 5 ตรงนี้เราน้อมจิตเข้าไปรู้สึกไหม
  • Not Synced
    น้อมเข้าไปรู้ว่าน้อม รู้ทันจิตตัวเอง
  • Not Synced
    จิตตรงนี้ดี ตรงนี้จิตธรรมดา
  • Not Synced
    รู้สึกไหม มันรู้ มันตื่น มันเบิกบาน
  • Not Synced
    ส่วนที่น้อมเข้าไป มันก็ได้ซึมๆ ตรงนี้ดี
  • Not Synced
    จิตที่จะเดินปัญญาหรือเจริญสติในชีวิตประจำวัน
  • Not Synced
    ใช้จิตอย่างตรงนี้
  • Not Synced
    ส่วนต้องการพักผ่อนก็เข้าสมาธิลึกลงไป ไม่เป็นไร
  • Not Synced
    แต่พอออกจากสมาธิมาอยู่ข้างนอกนี้
  • Not Synced
    แล้วกระทบอารมณ์แล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตได้
  • Not Synced
    จะเดินปัญญาได้คล่องตัว
  • Not Synced
    ถ้านิ่งไปตลอดมันไม่เดินปัญญาจริงหรอก ดี
  • Not Synced
    เบอร์ 6: ในรูปแบบดูลมหายใจ มีพุทโธกำกับ
  • Not Synced
    ในชีวิตประจำวันดูอารมณ์ที่มากระทบบ้าง
  • Not Synced
    อยู่กับลมหายใจบ้าง
  • Not Synced
    เห็นโทสะเล็กๆ และเบื้องหลังการกระทำบ่อยขึ้น
  • Not Synced
    หลวงพ่อเคยให้ไปดูตัวนิ่งๆ ที่เป็นโมหะสมาธิ
  • Not Synced
    เห็นว่ามีการคุมและมีความหนักกลางอก
  • Not Synced
    เวลาทำในรูปแบบรู้สึกว่ายังติดการคุม
  • Not Synced
    และมีความหนักเมื่อมารู้ตัวในชีวิตประจำวัน
  • Not Synced
    ขอคำชี้แนะค่ะ
  • Not Synced
    เวลาเราจะทำสมาธิ
  • Not Synced
    เบื้องต้นก็ต้องจงใจไว้ก่อน
  • Not Synced
    มันก็คุมนิดหน่อย ถ้าคุมมากสมาธิไม่ดีหรอก
  • Not Synced
    แน่นๆ อึดอัด
  • Not Synced
    แต่ถ้าเราทำสมาธิแล้วเราออกมาอยู่ข้างนอก
  • Not Synced
    เรายังรู้สึกว่ามีการคุมอยู่ แสดงว่าเราติด
  • Not Synced
    เรายังไม่ได้ออกจากสมาธิอย่างแท้จริง
  • Not Synced
    จิตติดซึมออกมาด้วย ตัวนี้ไม่ดี
  • Not Synced
    เพราะฉะนั้นเวลาเรานั่งสมาธิ
  • Not Synced
    อย่าให้ขาดสติ อย่าให้สติอ่อนเกินไป
  • Not Synced
    ถ้าสติอ่อนเกินไปแล้วโมหะมันครอบ
  • Not Synced
    แล้วพอเราถอยออกมาอยู่กับโลกข้างนอกนี่
  • Not Synced
    โมหะมันติดออกมาด้วย
  • Not Synced
    เพิ่มความรู้สึกตัวขึ้นนิดหนึ่งเวลานั่งสมาธิ
  • Not Synced
    อย่าให้เคลิ้มลงไป
  • Not Synced
    แล้วเวลาอยู่ข้างนอกสติจะทำงานได้คล่องแคล่ว
  • Not Synced
    จิตไม่ติดโมหะ
  • Not Synced
    นี่ตรงนี้น้อมแล้ว รู้สึกไหม ใจเริ่มน้อมเข้าไปจะให้มันซึม
  • Not Synced
    สมาธิไม่ได้แปลว่าสงบ สมาธิคือความตั้งมั่นของจิต ฉะนั้นไม่ได้ไปฝึกน้อมให้ซึมลงไปเพื่อจะได้สงบ อันนั้นเป็นมิจฉาสมาธิ
  • Not Synced
    ฉะนั้นต้องมีสติกำกับ
  • Not Synced
    ถ้าขาดสติเมื่อไรก็เกิดมิจฉาสมาธิทันทีเลย
  • Not Synced
    รู้สึกๆๆ มันจะเคลิ้มอยู่เรื่อย มันเคยชิน
  • Not Synced
    ตอนนี้นั่งน้อยๆ ก็ได้
  • Not Synced
    ออกมาทำงาน เคลื่อนไหวทำงานบ้านแล้วรู้สึกตัวไป
  • Not Synced
    ไปทำงานแล้วรู้สึกตัวที่มันทำงานไป
  • Not Synced
    ดีกว่าไปนั่งสมาธิ
  • Not Synced
    มันติด มันติดโมหะ เอาอยู่ข้างนอกนี่ล่ะ
  • Not Synced
    แล้วรู้สึกเอา
  • Not Synced
    เบอร์ 7: ในรูปแบบ สวดมนต์ เดินจงกรม
  • Not Synced
    ดูร่างกายหายใจ วันละ 30 นาที - 2 ชั่วโมง
  • Not Synced
    เวลาฟุ้งมาก จะฟังเทศน์หลวงพ่อ
  • Not Synced
    สวดมนต์จนมีแรง แล้วกลับมาดูกายใจทำงาน
  • Not Synced
    ระหว่างวันรู้กายเคลื่อนไหว ใจเปลี่ยน
  • Not Synced
    เห็นโทสะ มานะ ขอการบ้านค่ะ
  • Not Synced
    ดี ไปทำอีก ฝึกไปเรื่อยๆ
  • Not Synced
    เบอร์ 7 อันนี้เราส่งจิตไปดู
  • Not Synced
    สังเกตไหมจิตมันเคลื่อนออกไปดู
  • Not Synced
    มันไปดูอะไรไม่สำคัญ
  • Not Synced
    ที่สำคัญคือรู้จิตมันเคลื่อนไปดู
  • Not Synced
    รู้ทันจิตที่เคลื่อน
  • Not Synced
    แล้วก็ไม่ได้รักษาว่าห้ามเคลื่อน
  • Not Synced
    เคลื่อนแล้วรู้ เคลื่อนแล้วรู้
  • Not Synced
    เบอร์ 8: ภาวนาในรูปแบบทุกวัน
  • Not Synced
    โดยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ
  • Not Synced
    ดูลมหายใจเข้าออก ทำอานาปานสติ
  • Not Synced
    และเดินจงกรมประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง
  • Not Synced
    ชีวิตประจำวัน ดูกาย
  • Not Synced
    เห็นกายที่ขยับเคลื่อนไหว
  • Not Synced
    ดูจิตเปลี่ยนไปเมื่อเจอผัสสะกระทบอารมณ์
  • Not Synced
    มีลมหายใจและกายเป็นเครื่องอยู่
  • Not Synced
    ช่วงหลังเห็นกิเลสบ่อยขึ้น ขอคำชี้แนะค่ะ
  • Not Synced
    ดีขึ้นเยอะเลย ใช้ได้
  • Not Synced
    ระวังอันเดียวอย่าน้อมจิตไปให้มันไปนิ่งๆ
  • Not Synced
    มันยังเคยชินที่จะทำจิต รู้สึกไหม ไปแต่งจิตให้มันนิ่งๆ อยู่นิดหนึ่ง
  • Not Synced
    ไม่มากหรอกแต่ว่ามี
  • Not Synced
    อย่าไปปรุงแต่งจิต
  • Not Synced
    แต่ถ้าจิตจะปรุงแต่งอะไร เราคอยรู้ทัน ไม่ห้าม
  • Not Synced
    แต่เราอย่าไปปรุงแต่งจิตให้มันนิ่งๆ เฉยๆ เสียเอง
  • Not Synced
    ให้จิตทำงานตามธรรมชาติธรรมดา
  • Not Synced
    วันนี้ 8 คนเป็นเรื่องของสมาธิเสียเยอะเลย
  • Not Synced
    เบอร์ 4 ใจฟุ้งซ่าน วันนี้เท่านี้
  • Not Synced
    ต้องอดทน หลวงพ่อแถมนิดหนึ่ง
  • Not Synced
    มีผู้หญิงอยู่คนเป็นคนฟุ้งซ่านมากๆๆๆ
  • Not Synced
    ไม่ใช่มากอย่างเดียว มากๆๆ หลายตัว
  • Not Synced
    แล้วชอบวุ่นวาย ชอบกิจกรรม แต่ว่าอยากดี
  • Not Synced
    งานอดิเรกคือเล่นตุ๊กตา
  • Not Synced
    ทีนี้หลวงพ่อก็นวดหนักๆ เลย บังคับให้ภาวนา
  • Not Synced
    ภาวนาทีแรกจะร้องห่มร้องไห้
  • Not Synced
    โอ้ย มันทุกข์ทรมาน นั่งแล้วทรมานมากเลย
  • Not Synced
    แล้วเผลอเมื่อไรก็จะออกไปซนแล้วโดนดุทุกที
  • Not Synced
    อดทน ถูกดุก็ทน
  • Not Synced
    ภาวนาจนกระทั่งเมื่อวันศุกร์มาส่งการบ้าน
  • Not Synced
    ภาวนาแล้วจิตมันรวมลง
  • Not Synced
    ร่างกายหายไป โลกทั้งโลกก็หายไป
  • Not Synced
    เหลือแต่จิตดวงเดียวมีสติกำกับอยู่
  • Not Synced
    เห็นการทำงานภายในอยู่
  • Not Synced
    แล้วก็มาบอกหลวงพ่อว่า
  • Not Synced
    นี่เขาจะมีคอร์ส จะไปเข้าคอร์สดีไหม
  • Not Synced
    บอกไปเข้าทำไมล่ะ
  • Not Synced
    เราภาวนาของเราก็ดีๆ อยู่แล้ว
  • Not Synced
    การปฏิบัติมันเรื่องเฉพาะตัว ไปรวมกลุ่ม
  • Not Synced
    ถ้าเราเจอคนซึ่งภาวนาดีกว่าเราหรือเสมอเรา เราก็ได้ดี
  • Not Synced
    ถ้าเจอคนฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    ธาตุสันดานเดิมพื้นฐานเดิมของเราฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    มันก็จะดึงดูดเราฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    กรรมฐานที่อุตส่าห์ฝึกมาอย่างยากลำบากเสียหมด
  • Not Synced
    เพราะฉะนั้นทางที่ดีไม่คลุกคลี
  • Not Synced
    เล่าให้พวกเราฟังว่า
  • Not Synced
    กระทั่งคนที่ฟุ้งสุดยอดแต่อดทนมันก็ยังทำได้
  • Not Synced
    ขอให้อดทนเถอะ
  • Not Synced
    ทนต้องทนจริงๆ ทนเจ็บ ทนปวด
  • Not Synced
    นั่งแล้วจะตายเอา เจ็บไปทั้งตัวเลย
  • Not Synced
    ต้องอดทน ทนได้ก็ได้แก่นสารสาระ
  • Not Synced
    อย่างน้อยชาตินี้ก็รู้แล้วว่าจิตจริงๆ เป็นอย่างไร
  • Not Synced
    มันเพิกโลกออกไป เพิกถอนโลก
  • Not Synced
    เพิกถอนร่างกายออกไป เหลือแต่จิตดวงเดียว
  • Not Synced
    การปฏิบัติทีนี้ก็สามารถเจริญปัญญาอยู่ตรงนี้ได้เลย
  • Not Synced
    แต่ถ้าย่อหย่อนเมื่อไรก็ฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    ความเพียรที่ทำมาก็ล้มเหลว ต้องเริ่มต้นไหม
  • Not Synced
    เริ่มหลายๆ ทีก็ไม่มีแรงจะเริ่ม
  • Not Synced
    คนนี้พื้นฐานแย่กว่าพวกเรา
  • Not Synced
    ฉะนั้นพวกเราพื้นฐานยังดีกว่าเขาส่วนใหญ่
  • Not Synced
    เขาฟุ้งมาก โมหะเยอะ ราคะ หมายถึงชอบของสวยของงามเยอะ เขายังสู้ได้เลย
  • Not Synced
    เราก็ต้องสู้ ทำให้ได้
  • Not Synced
    มักน้อย สันโดษ ฝักใฝ่ในความสงบ
  • Not Synced
    ไม่คลุกคลี ปรารภความเพียร
  • Not Synced
    นานๆ เพียรทีไม่ได้กินหรอก
  • Not Synced
    5 ข้อนี้พื้นฐานจะต้องมี แล้วเราถึงจะเจริญ
  • Not Synced
    ถัดจากนั้นก็รักษาศีล
  • Not Synced
    ฝึกจิตให้ตั้งมั่น
  • Not Synced
    เจริญปัญญา แยกธาตุแยกขันธ์
  • Not Synced
    เห็นธาตุขันธ์แต่ละตัวแสดงไตรลักษณ์ไป
  • Not Synced
    ถัดจากนั้นเป็นของที่เกิดเอง
  • Not Synced
    เกิดมรรคผล เกิดวิมุตติ
  • Not Synced
    แล้วก็เกิดวิมุตติญาณทัสสนะ
  • Not Synced
    รู้ว่ากิเลสอะไรละแล้ว กิเลสอะไรยังไม่ละ
  • Not Synced
    เดินแนวนี้ถึงจะเอาตัวรอด
  • Not Synced
    ถ้าเริ่มต้นก็มักมาก อยากไปหมด
  • Not Synced
    เห็นใครเขามีอะไรก็อยากไปหมด
  • Not Synced
    ไม่เคยคิดจะทำความสงบเลย ชอบคลุกคลี
  • Not Synced
    นานๆ คิดถึงการปฏิบัติทีหนึ่ง
  • Not Synced
    มันก็ได้เท่าที่ควรจะได้นั่นล่ะ
  • Not Synced
    ก็ได้นิดๆ หน่อยๆ
  • Not Synced
    วันนี้สอนเท่านี้ อดทน
Title:
วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Description:

more » « less
Video Language:
Thai
Duration:
01:10:22
Rattana Assawakijphanich edited Thai subtitles for วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Rattana Assawakijphanich edited Thai subtitles for วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Rattana Assawakijphanich edited Thai subtitles for วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Rattana Assawakijphanich edited Thai subtitles for วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Rattana Assawakijphanich edited Thai subtitles for วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Rattana Assawakijphanich edited Thai subtitles for วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Rattana Assawakijphanich edited Thai subtitles for วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Rattana Assawakijphanich edited Thai subtitles for วิธีตรวจการบ้านตัวเอง :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 1 ธ.ค. 2567
Show all

Thai subtitles

Incomplete

Revisions Compare revisions