1 00:00:03,363 --> 00:00:08,481 ฝึกตัวเองให้เคยชินให้เป็นนิสัยไว้ 2 00:00:08,481 --> 00:00:14,487 มีเวลาว่าง 5 นาที 10 นาที อย่าทิ้ง 3 00:00:14,487 --> 00:00:24,328 ภาวนาไปเลย 4 00:00:24,328 --> 00:00:30,728 เอาให้เคยชิน เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อยๆ 5 00:00:30,728 --> 00:00:36,797 พอจิตมันคุ้นเคยที่จะปฏิบัติ 6 00:00:36,797 --> 00:00:40,666 มันจะขยันภาวนา 7 00:00:40,666 --> 00:00:44,566 จิตใจที่ไม่อยากภาวนา ทำบ้างไม่ทำบ้าง 8 00:00:44,566 --> 00:00:49,749 จิตมันติดโลก ติดกาม 9 00:00:49,749 --> 00:00:54,914 เมื่อเช้ามีทิดเก่าคนหนึ่งมาส่งการบ้าน 10 00:00:54,914 --> 00:01:00,049 บอกว่าสังเกตดูว่าเวลาถือศีล 8 11 00:01:00,049 --> 00:01:03,932 สติเกิดน้อยกว่าตอนถือศีล 5 12 00:01:03,932 --> 00:01:10,866 ฉะนั้นศีล 5 ดีกว่า เขาว่าอย่างนี้ 13 00:01:10,866 --> 00:01:15,817 บอกไปสังเกตให้ดี จิตมันติดกาม 14 00:01:15,817 --> 00:01:19,015 ติดความสุขความสบาย 15 00:01:19,015 --> 00:01:23,199 พอไปบังคับตัวเองถือศีล 8 มันก็เครียด 16 00:01:23,199 --> 00:01:26,332 พอเครียดสติก็ไม่เกิด 17 00:01:26,332 --> 00:01:29,316 ไม่ใช่ว่าศีลไม่ดี 18 00:01:29,316 --> 00:01:39,735 แต่ใจตัวเองมันไม่ถึง ใจยังอ่อนแออยู่ 19 00:01:39,735 --> 00:01:42,317 ถ้าเรารู้จุดอ่อนของตัวเอง 20 00:01:42,317 --> 00:01:45,376 ใจมันอ่อนแอมันติดโลก 21 00:01:45,376 --> 00:01:49,175 ก็ต้องเข้มแข็งสู้มัน 22 00:01:49,175 --> 00:01:51,838 ไม่หาข้ออ้าง 23 00:01:51,838 --> 00:01:55,688 ที่จะทำให้การปฏิบัติย่อหย่อนลง 24 00:01:55,688 --> 00:02:01,817 อย่างบอกว่าศีล 5 ดีกว่าศีล 8 อะไรอย่างนี้ 25 00:02:01,817 --> 00:02:11,416 สำหรับคนนี้ บางคนศีล 5 ดีกว่าจริงๆ 26 00:02:11,416 --> 00:02:18,284 ถ้าเอามาเป็นข้ออ้างสนองกิเลสตัวเอง 27 00:02:18,284 --> 00:02:23,951 โอกาสพัฒนามันก็ยาก 28 00:02:23,951 --> 00:02:28,833 อยากจะพ้นทุกข์อยากข้ามวัฏฏะต้องเข้มแข็ง 29 00:02:28,833 --> 00:02:37,133 อ่อนแอไปไม่รอดหรอก ต้องอดทน 30 00:02:37,133 --> 00:02:44,667 คนรุ่นหลังๆ นี่ความอดทนน้อยลงไปเยอะเลย 31 00:02:44,667 --> 00:02:50,650 เมื่อเช้ายังเล่าให้พวกทิดมาส่งการบ้าน 32 00:02:50,650 --> 00:02:54,148 บอกคนรุ่นนี้อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ 33 00:02:54,148 --> 00:02:58,181 รักสุขรักสบายเหลือเกิน 34 00:02:58,181 --> 00:03:03,431 คนรุ่นหลวงพ่อเรียกรุ่นเบบี้บูม 35 00:03:03,431 --> 00:03:06,660 บ้านเมืองเพิ่งผ่านสงครามโลกมาใหม่ๆ 36 00:03:06,660 --> 00:03:09,928 บอบช้ำ 37 00:03:09,928 --> 00:03:12,398 ตอนที่หลวงพ่อเกิด 38 00:03:12,398 --> 00:03:17,511 สงครามโลกเพิ่งจบไปไม่ถึง 10 ปี 39 00:03:17,511 --> 00:03:19,311 บ้านเมืองทรุดโทรม 40 00:03:19,311 --> 00:03:23,495 เศรษฐกิจย่ำแย่ ผู้คนลำบาก 41 00:03:23,495 --> 00:03:32,065 เราเกิดในยุคนั้น เราก็ต้องรู้สึก ว่าเราต้องสู้ต้องอดทน 42 00:03:32,065 --> 00:03:34,980 ฉะนั้นคนรุ่นนั้นจะอดทน 43 00:03:34,980 --> 00:03:37,968 แต่คนรุ่นนั้นเทียบกับรุ่นครูบาอาจารย์ 44 00:03:37,968 --> 00:03:41,118 ยังเทียบไม่ติด 45 00:03:41,118 --> 00:03:45,999 รุ่นครูบาอาจารย์ลำบากมากๆ เลย 46 00:03:45,999 --> 00:03:51,050 อย่างไปปฏิบัติอยู่ในป่า 47 00:03:51,050 --> 00:03:53,666 เป็นไข้ป่าก็ตายแล้ว 48 00:03:53,666 --> 00:03:56,282 รอดบ้างตายบ้าง 49 00:03:56,282 --> 00:04:02,802 บางองค์อดอาหารเป็นประจำ 50 00:04:02,802 --> 00:04:06,177 อาหารไม่พออะไรอย่างนี้ 51 00:04:06,177 --> 00:04:11,811 อยู่มาพอพ้นยุคยากลำบาก 52 00:04:11,811 --> 00:04:13,760 หลัง 2500 อะไรอย่างนี้ 53 00:04:13,760 --> 00:04:16,829 ร่างกายท่านทรุดโทรมมาก 54 00:04:16,829 --> 00:04:20,426 เพราะช่วงก่อนหน้านั้นสู้หนักมาก 55 00:04:20,426 --> 00:04:25,327 ก็สิ้นไปอย่างรวดเร็วก็มี 56 00:04:25,327 --> 00:04:31,493 สังเกตดูคนที่เคยผ่านความยากลำบาก 57 00:04:31,493 --> 00:04:36,576 ใจมันต่อสู้มากกว่าคนที่เกิดมาก็สบาย 58 00:04:36,576 --> 00:04:37,476 รุ่นหลังๆ 59 00:04:37,476 --> 00:04:42,009 นี่พ่อแม่เคยลำบากมา ไม่อยากให้ลูกลำบาก 60 00:04:42,009 --> 00:04:46,028 เลี้ยงลูกประคบประหงมเอาอกเอาใจ 61 00:04:46,028 --> 00:04:49,733 จนกระทั่งอ่อนแอมาก ดูแล้ว 62 00:04:49,733 --> 00:04:55,966 หลวงพ่อไม่ได้ดูอื่นดูไกล ดูจากพระนี่ล่ะ 63 00:04:55,966 --> 00:05:00,350 พระรุ่นก่อนๆ เข้มแข็ง สู้ 64 00:05:00,350 --> 00:05:04,666 คนไหนไม่แข็งแรงไม่เข้มแข็งก็ออกไป 65 00:05:04,666 --> 00:05:09,517 พวกที่เหลืออยู่นี่แกร่งจริงๆ 66 00:05:09,517 --> 00:05:17,899 หลังๆ นี่ดูป้อแป้ๆ กลัวลำบาก 67 00:05:17,899 --> 00:05:22,765 จะไปอยู่กับโลกก็กลัวลำบากกลัวเหนื่อย 68 00:05:22,765 --> 00:05:28,349 มาบวชจะภาวนาก็กลัวลำบากอีก 69 00:05:28,349 --> 00:05:36,516 คนชนิดนี้อยู่ที่ไหนไม่เจริญหรอก ไม่สู้ 70 00:05:36,516 --> 00:05:39,447 พวกเราอยากได้ดี 71 00:05:39,447 --> 00:05:44,714 จิตใจต้องกล้าหาญต้องเข็มแข็งต้องต่อสู้ 72 00:05:44,714 --> 00:05:48,049 เหยาะแหยะไม่ได้เรื่องหรอก 73 00:05:48,049 --> 00:05:52,715 หาข้ออ้างเพื่อปกป้องกิเลส 74 00:05:52,715 --> 00:05:55,864 ฉลาดในการหาข้ออ้าง 75 00:05:55,864 --> 00:05:59,031 แต่ไม่ฉลาดในจิตของตนเอง 76 00:05:59,031 --> 00:06:01,848 ต้องเข็มแข็งจริงๆ 77 00:06:01,848 --> 00:06:05,154 เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทาง 78 00:06:05,154 --> 00:06:06,987 ที่โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก 79 00:06:06,987 --> 00:06:16,220 เส้นทางแห่งความพ้นทุกข์นี่ต้องสู้จริงๆ 80 00:06:16,220 --> 00:06:23,088 ประเภทนั่งสมาธิก็กลัวปวดหลัง กลัวเมื่อย 81 00:06:23,088 --> 00:06:28,003 ก็อ้างนั่งสมาธิมากๆ เนิ่นช้า 82 00:06:28,003 --> 00:06:32,069 เอาคำหลวงปู่มั่นมาพูดอีก 83 00:06:32,069 --> 00:06:33,719 นั่งสมาธิมากเนิ่นช้า 84 00:06:33,719 --> 00:06:38,120 ไม่ได้แปลว่านั่งหลายชั่วโมง แล้วทำให้เนิ่นช้า 85 00:06:38,120 --> 00:06:41,159 หมายถึงเอาแต่นั่งสมาธิไม่ยอมเดินปัญญา 86 00:06:41,159 --> 00:06:44,042 มันก็เลยเนิ่นช้า 87 00:06:44,042 --> 00:06:49,077 ทำสมาธิแล้วก็สงบสบายเพลินๆ ไป 88 00:06:49,077 --> 00:06:54,677 ผ่านวันผ่านเวลาไปมากมาย 89 00:06:54,677 --> 00:06:58,389 บางทีเอาธรรมะมาอ้าง 90 00:06:58,389 --> 00:07:04,721 เพื่อปกป้องความขี้เกียจ 91 00:07:04,721 --> 00:07:12,293 วันนี้เจอพวกอ่อนแอหลายคนทั้งพระทั้งโยม 92 00:07:12,293 --> 00:07:16,961 ธรรมะก็เลยดุนิดหนึ่ง นี่นิดเดียว 93 00:07:16,961 --> 00:07:22,013 ถ้าเจอรุ่นครูบาอาจารย์หนักกว่านี้เยอะเลย 94 00:07:22,013 --> 00:07:25,596 ครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อยังเหลืออีกองค์ 95 00:07:25,596 --> 00:07:28,776 หลวงปู่ทองท่านเป็นกรรมวาจาจารย์ 96 00:07:28,776 --> 00:07:33,142 อยู่ที่ลำปลายมาศ 97 00:07:33,142 --> 00:07:37,218 ใครไปถามกรรมฐานท่าน บอกอยากได้มรรคผลนิพพาน 98 00:07:37,218 --> 00:07:41,119 ท่านบอกแค่ศีลเอ็งก็รักษาไม่ได้แล้ว 99 00:07:41,119 --> 00:07:44,834 อย่ามาคุยอวดเลยจะไปเอานิพพาน 100 00:07:44,834 --> 00:07:50,874 หรือเสียสละอะไรเล็กๆ น้อยๆ ยังทำไม่ได้เลย 101 00:07:50,874 --> 00:07:57,873 แล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร นิพพานต้องสละโลกได้ 102 00:07:57,873 --> 00:08:00,572 ท่านใช้วิธีด่าเอา 103 00:08:00,572 --> 00:08:05,637 ครูบาอาจารย์บางองค์สมัยก่อนดุจริงๆ 104 00:08:05,637 --> 00:08:09,081 แต่ไม่มีประเภทเอากระโถนขว้างอะไร ไม่มี 105 00:08:09,081 --> 00:08:11,822 มีแต่นิยายปรัมปราว่า 106 00:08:11,822 --> 00:08:16,270 ครูบาอาจารย์โมโหแล้วเอากระโถนขว้าง 107 00:08:16,270 --> 00:08:18,854 เมื่อก่อนหลวงพ่อก็เชื่ออย่างนั้น 108 00:08:18,854 --> 00:08:22,469 ว่าครูบาอาจารย์กรรมฐานนี่ดุ 109 00:08:22,469 --> 00:08:27,187 ถ้าเราไม่ถูกใจเอากระโถนขว้าง 110 00:08:27,187 --> 00:08:33,169 ตอนไปหาหลวงปู่ดูลย์ครั้งแรกยังกลัวเลย 111 00:08:33,169 --> 00:08:37,668 ไม่รู้จักท่าน ไปถึงก็ไปจดๆ จ้องๆ 112 00:08:37,668 --> 00:08:40,051 ไม่กล้าเข้าไปในกุฏิ 113 00:08:40,051 --> 00:08:42,317 ไปรอดูหลวงปู่จะออกมาไหม 114 00:08:42,317 --> 00:08:46,684 ออกมาเราจะเข้าไปถามกรรมฐาน 115 00:08:46,684 --> 00:08:52,294 ทั้งพระทั้งคนในวัดบอกเข้าไปเลย ตอนนี้ท่านกำลังฉันอาหารอยู่ 116 00:08:52,294 --> 00:08:57,279 บอกท่านฉันให้ท่านฉันไปก่อนเถอะ 117 00:08:57,279 --> 00:09:01,294 ที่จริงไม่ใช่อะไร ที่จริงยังกลัวอยู่ 118 00:09:01,294 --> 00:09:05,648 นั่นเป็นครั้งเดียว ที่หลวงพ่อกลัวครูบาอาจารย์ 119 00:09:05,648 --> 00:09:08,783 เพราะเราไม่คุ้นกับครูบาอาจารย์กรรมฐาน 120 00:09:08,783 --> 00:09:11,198 เลยคิดว่าท่านดุ 121 00:09:11,198 --> 00:09:15,413 ได้ยินนิทานเล่าว่าถ้าทำไม่ดี แล้วเอากระโถนขว้าง 122 00:09:15,413 --> 00:09:18,849 อย่างไรท่านก็ไม่ขว้าง ท่านเสียดายของ 123 00:09:18,849 --> 00:09:22,531 ขว้างเดี๋ยวกระโถนแตก 124 00:09:22,531 --> 00:09:26,499 จดๆ จ้องๆ อยู่ ในที่สุดหลวงปู่ทนไม่ไหว 125 00:09:26,499 --> 00:09:29,330 หลวงปู่เดินออกมาหน้ากุฏิเอง 126 00:09:29,330 --> 00:09:31,362 เลยเข้าไปกราบท่านได้ 127 00:09:31,362 --> 00:09:34,462 หลวงปู่ครับผมอยากปฏิบัติ 128 00:09:34,462 --> 00:09:37,629 ท่านก็เงียบๆ ไม่พูด 129 00:09:37,629 --> 00:09:41,699 เราก็นึกหลวงปู่อายุ 90 กว่า 130 00:09:41,699 --> 00:09:45,214 ฉันข้าวเสร็จแล้วนั่งหลับไปแล้ว 131 00:09:45,214 --> 00:09:48,980 ตอนนั้นโง่มากนึกว่าท่านนั่งหลับ 132 00:09:48,980 --> 00:09:52,899 ที่จริงท่านกำลังสอบประวัติเราอยู่ 133 00:09:52,899 --> 00:09:57,465 ว่าเราเคยภาวนามาแบบไหนอะไรอย่างไร 134 00:09:57,465 --> 00:10:01,582 ท่านหลับตาไปสัก 45 นาที 40 นาที 135 00:10:01,582 --> 00:10:04,638 ลืมตามาถึงสอน 136 00:10:04,638 --> 00:10:07,695 ไม่ใช่เจอหน้าก็สอน 137 00:10:07,695 --> 00:10:10,694 หลวงปู่ดูลย์ถ้าใครไปถามอะไรก็ตอบ 138 00:10:10,694 --> 00:10:16,615 แต่ถ้าจะเรียนจริงๆ ท่านจะเงียบๆ 139 00:10:16,615 --> 00:10:19,910 เราก็ต้องนั่งภาวนาของเราไป 140 00:10:19,910 --> 00:10:25,109 รอให้ท่านค่อยพูดเอง 141 00:10:25,109 --> 00:10:29,660 นี่กว่าจะได้ธรรมะมาก็ลำบากเหมือนกัน 142 00:10:29,660 --> 00:10:34,794 บางทีไปหาที่ภาวนาตามวัด 143 00:10:34,794 --> 00:10:38,975 แต่ละวัดก็มีเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งนั้นล่ะ 144 00:10:38,975 --> 00:10:41,112 เรียกผีบ้าน ผีเรือน 145 00:10:41,112 --> 00:10:47,808 ผีป่า ผีเขา มีทั้งนั้น ผีนี่หมายถึงคน 146 00:10:47,808 --> 00:10:52,940 คนที่ไปตั้งตัวเป็นใหญ่ตามวัด 147 00:10:52,940 --> 00:10:56,755 เข้าไปเราไม่รู้จักใครเลย 148 00:10:56,755 --> 00:11:00,875 จะไปกินข้าวที่ไหนเราก็ไม่รู้ 149 00:11:00,875 --> 00:11:03,726 เข้าไปทีแรก 150 00:11:03,726 --> 00:11:08,139 ครูบาอาจารย์ท่านตักอาหารเสร็จแล้ว พระท่านก็ฉันข้าว 151 00:11:08,139 --> 00:11:12,771 โยมก็ทำวัตรเช้า สวดมนต์ทำวัตรเช้า 152 00:11:12,771 --> 00:11:15,139 เห็นเขาขนอาหารไปวางข้างล่าง 153 00:11:15,139 --> 00:11:19,602 มีโต๊ะยาวๆ อยู่ อาหารไปวางไว้เยอะเลย 154 00:11:19,602 --> 00:11:24,319 ก็นึกว่าเดี๋ยวสวดมนต์เสร็จคงได้ไปกินข้าว 155 00:11:24,319 --> 00:11:26,519 พอสวดมนต์เสร็จลงมา 156 00:11:26,519 --> 00:11:30,615 แต่ละคนเขาหายไปหมดเลย พวกที่นั่งสวดมนต์ 157 00:11:30,615 --> 00:11:34,449 แล้วอาหารที่โต๊ะไม่มีเหลือเลย 158 00:11:34,449 --> 00:11:40,598 คือแต่ละคนจะมีพรรคพวกมีลูกน้องมีคนรับใช้ 159 00:11:40,598 --> 00:11:44,463 ขนเกลี้ยงเลยไม่มีอะไรเหลือเลย 160 00:11:44,463 --> 00:11:46,101 เรา เอ เราอยู่วัด 161 00:11:46,101 --> 00:11:48,542 เราไม่มีอะไรกินเลย เราจะอยู่อย่างไร 162 00:11:48,542 --> 00:11:53,108 ก็ช่างมัน ไม่กินวันสองวันไม่เป็นไรหรอก 163 00:11:53,108 --> 00:11:56,625 หลวงพ่อก็เดินกลับขึ้นศาลามา 164 00:11:56,625 --> 00:11:59,482 ครูบาอาจารย์ท่านเห็น 165 00:11:59,482 --> 00:12:05,622 รู้ว่าเราไม่มีข้าวกิน ท่านกวักมือเรียก 166 00:12:05,622 --> 00:12:08,890 เอาบาตรให้ บาตรของท่าน 167 00:12:08,890 --> 00:12:14,061 ไม่ได้ให้บาตรอย่างเดียว ในบาตรมีข้าวมีอะไร 168 00:12:14,061 --> 00:12:19,181 เรารู้เลยครูบาอาจารย์ความเมตตาสูงมาก 169 00:12:19,181 --> 00:12:24,314 สูง แต่ใจเราต้องเข้มแข็งพอ 170 00:12:24,314 --> 00:12:26,949 ประเภทห่วงกินห่วงนอน 171 00:12:26,949 --> 00:12:31,714 ไม่ได้กินไม่ได้ปฏิบัติจริง 172 00:12:31,714 --> 00:12:35,148 ไปวัดทีแรกบางทีไม่รู้จักใครเลย 173 00:12:35,148 --> 00:12:39,381 จะค้างที่วัดไปขอครูบาอาจารย์ 174 00:12:39,381 --> 00:12:41,298 ขอค้างที่วัด ท่านอนุญาต 175 00:12:41,298 --> 00:12:44,248 เราก็ไม่รู้เขาพักกันที่ไหน 176 00:12:44,248 --> 00:12:48,313 หาที่พักไม่ได้ ไปอยู่โคนต้นไม้ 177 00:12:48,313 --> 00:12:51,330 นั่งสมาธิเดินจงกรมไป 178 00:12:51,330 --> 00:12:55,863 ผ่านกลางคืนไปมีความสุขมหาศาลเลย 179 00:12:55,863 --> 00:13:00,735 ไม่ได้ห่วงเรื่องกินเรื่องนอนอะไรนักหนา 180 00:13:00,735 --> 00:13:03,946 อยู่ไปๆ ฝนตก 181 00:13:03,946 --> 00:13:09,126 ฝนตกอยู่กลางแจ้งไม่ไหว ฝนแรงแล้วหนาว 182 00:13:09,126 --> 00:13:11,293 ก็ไปหลบอยู่ใต้ถุนกุฏิ 183 00:13:11,293 --> 00:13:16,127 มีกุฏิของใครก็ไม่รู้เป็นส่วนโยม 184 00:13:16,127 --> 00:13:19,744 หลบอยู่ใต้ถุน 185 00:13:19,744 --> 00:13:24,659 ไม่บ่นสักคำ สู้เอา 186 00:13:24,659 --> 00:13:28,094 ถ้าเรื่องแค่นี้เราสู้ไม่ไหว 187 00:13:28,094 --> 00:13:34,810 เราจะสู้มารไหวหรือ สู้กิเลสไหวหรือ 188 00:13:34,810 --> 00:13:36,811 ฉะนั้นถ้าพวกเราสังเกตให้ดี 189 00:13:36,811 --> 00:13:42,009 มาเรียนกับหลวงพ่อ หลวงพ่อไม่โอ๋ 190 00:13:42,009 --> 00:13:44,543 ไม่เคยประคบประหงมแบบโอ๋ๆ 191 00:13:44,543 --> 00:13:48,141 เอาอกเอาใจอะไร ไม่เคย 192 00:13:48,141 --> 00:13:51,818 เพราะหลวงพ่อไม่เคย ให้ครูบาอาจารย์ต้องมาโอ๋หลวงพ่อ 193 00:13:51,818 --> 00:13:56,384 เราสู้เอา 194 00:13:56,384 --> 00:14:03,197 พวกชอบโอ๋ส่วนใหญ่ก็มีความต้องการแฝงเร้น 195 00:14:03,197 --> 00:14:09,229 โอ๋โยมนี่โอ๋คนรวยๆ เขาจะได้ให้เงินเยอะๆ 196 00:14:09,229 --> 00:14:11,479 ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อเรียนด้วย 197 00:14:11,479 --> 00:14:14,713 ท่านไม่ได้ทำอย่างนั้น 198 00:14:14,713 --> 00:14:19,862 ตอนนั้นเรารับราชการ ไปอยู่วัดทีหนึ่งหลายวัน 199 00:14:19,862 --> 00:14:23,327 ช่วงวันหยุดนี่ ช่วงต้นธันวา 200 00:14:23,327 --> 00:14:26,711 มีวันหยุดเยอะ จะลางานบ้างอะไรบ้าง 201 00:14:26,711 --> 00:14:29,970 ไปอยู่วัดได้ 10 วัน 11 วัน 9 วัน อะไรอย่างนี้ 202 00:14:29,970 --> 00:14:35,252 แต่ละปีไม่เท่ากัน 203 00:14:35,252 --> 00:14:39,603 ถวายปัจจัยท่านเล็กน้อยเท่านั้นเอง 204 00:14:39,603 --> 00:14:48,587 ท่านกลับดูแลเรามาก ดูแลละเอียด 205 00:14:48,587 --> 00:14:53,118 เข้าไปกราบ ท่านก็สั่งพระอุปัฏฐาก 206 00:14:53,118 --> 00:14:55,364 ให้ไปจัดกุฏิพระให้หลวงพ่ออยู่ 207 00:14:55,364 --> 00:14:58,302 ท่านสั่งอย่างนี้ บอกคนนี้เขาภาวนาจริง 208 00:14:58,302 --> 00:15:04,418 ให้ไปอยู่โซนพระ 209 00:15:04,418 --> 00:15:10,458 คนร่ำคนรวยคนใหญ่คนโตไปกราบ ท่านก็ยิ้มๆ 210 00:15:10,458 --> 00:15:16,575 ถวายอะไรท่านก็ยิ้มๆ เฉยๆ 211 00:15:16,575 --> 00:15:18,975 ตอนเวลาไปเรียนกับครูบาอาจารย์ 212 00:15:18,975 --> 00:15:24,990 บางทีคนใหญ่คนโตอะไรมากราบท่าน 213 00:15:24,990 --> 00:15:29,516 พระอุปัฏฐากก็ให้พวกนี้กราบๆ ไป แล้วก็ออกไปเลย 214 00:15:29,516 --> 00:15:35,981 แล้วก็เปิดโอกาสให้หลวงพ่อส่งการบ้าน 215 00:15:35,981 --> 00:15:41,004 นี่เราอยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่น 216 00:15:41,004 --> 00:15:46,689 แต่ไม่ใช่อบอุ่นแบบลูกแหง่ 217 00:15:46,689 --> 00:15:50,988 ครูบาอาจารย์ไม่ได้มาประคบประหงมเรา 218 00:15:50,988 --> 00:15:56,821 แต่ดูแลให้เราภาวนา 219 00:15:56,821 --> 00:16:01,597 ตอนแรกหลวงพ่อก็เลยนึกว่า โอ้ พระกรรมฐานดีทุกองค์ 220 00:16:01,597 --> 00:16:04,359 เพราะเราเข้าไปวัดไหนก็เจอครูบาอาจารย์ 221 00:16:04,359 --> 00:16:07,261 ท่านก็ดีทั้งนั้นเลย 222 00:16:07,261 --> 00:16:11,189 เลยนึกว่าพระปฏิบัติจะต้องดีทุกองค์ 223 00:16:11,189 --> 00:16:14,923 กว่าจะฉลาดก็โง่มาก่อนทั้งนั้นล่ะ 224 00:16:14,923 --> 00:16:18,157 ก็มีดีบ้างไม่ดีบ้าง 225 00:16:18,157 --> 00:16:23,881 ฉะนั้นอย่างบางทีพวกเราร่อนเร่ ไปที่โน้นที่นี่ 226 00:16:23,881 --> 00:16:26,868 มีบุญก็เจอที่ดีๆ 227 00:16:26,868 --> 00:16:35,668 อกุศลให้ผลก็เจอที่หลอกๆ ถมเถไป 228 00:16:35,668 --> 00:16:37,602 สิ่งที่จะช่วยเราได้มากที่สุด 229 00:16:37,602 --> 00:16:40,694 เราแยกแยะยาก 230 00:16:40,694 --> 00:16:43,029 ว่าครูบาอาจารย์องค์ไหนดีหรือไม่ดี 231 00:16:43,029 --> 00:16:46,194 อย่างจะมาเชื่อว่าหลวงพ่อดีนี่โง่ 232 00:16:46,194 --> 00:16:49,127 รู้ได้อย่างไรว่าหลวงพ่อดี 233 00:16:49,127 --> 00:16:52,793 เป็นแค่ความเชื่อของเรา เชื่อตามๆ กัน 234 00:16:52,793 --> 00:16:55,851 นั่นเป็นความไม่ฉลาดเลย 235 00:16:55,851 --> 00:16:57,740 ฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยเราได้มาก 236 00:16:57,740 --> 00:17:02,604 คือการอ่านตำรับตำราไว้บ้าง 237 00:17:02,604 --> 00:17:04,021 อ่านพระไตรปิฎกอะไรอย่างนี้ 238 00:17:04,021 --> 00:17:07,455 จับหลักการปฏิบัติให้แม่นๆ 239 00:17:07,455 --> 00:17:10,290 หรืออย่างฟังหลวงพ่อ 240 00:17:10,290 --> 00:17:14,375 จับหลักให้แม่นแล้วไปลงมือทำ 241 00:17:14,375 --> 00:17:20,258 ไม่ต้องเชื่อแต่ไม่ได้ปฏิเสธ 242 00:17:20,258 --> 00:17:23,166 เวลาเราฟังธรรมะ 243 00:17:23,166 --> 00:17:26,075 ถ้าเป็นหลวงพ่อฟัง 244 00:17:26,075 --> 00:17:29,084 เราก็จะดูว่าคำสอนนี้ 245 00:17:29,084 --> 00:17:32,634 สอดคล้องกับพระไตรปิฎกไหม 246 00:17:32,634 --> 00:17:36,851 ถ้าไม่สอดคล้อง เราสังเกตต่อ 247 00:17:36,851 --> 00:17:40,716 ไม่สอดคล้องที่ Wording ที่คำพูด 248 00:17:40,716 --> 00:17:44,140 อย่างครูบาอาจารย์บางองค์ ท่านไม่ได้เรียนปริยัติเลย 249 00:17:44,140 --> 00:17:47,274 ท่านก็ใช้ภาษาตามสะดวกของท่าน 250 00:17:47,274 --> 00:17:50,036 เราก็ต้องฟังดู 251 00:17:50,036 --> 00:17:56,184 ว่าเนื้อหาสาระที่ท่านเทศน์นี่ถูกต้องไหม 252 00:17:56,184 --> 00:18:02,069 บางทีโดยพยัญชนะโดยภาษา โดยตัวหนังสือไม่ถูก 253 00:18:02,069 --> 00:18:05,268 แต่โดยเนื้อหาแล้วถูก อย่างนี้ก็มี 254 00:18:05,268 --> 00:18:08,552 ฉะนั้นถ้าเราได้ปฏิบัติด้วย 255 00:18:08,552 --> 00:18:14,201 ได้อ่านตำราด้วย จะช่วยให้เราคัดกรอง 256 00:18:14,201 --> 00:18:22,916 ก็จะได้ไม่หลงตกเป็นเหยื่อ 257 00:18:22,916 --> 00:18:25,400 ถ้าเราภาวนาไปถึงช่วงหนึ่ง 258 00:18:25,400 --> 00:18:31,082 เราจะเข้าใจอันไหนจริงอันไหนไม่จริง 259 00:18:31,082 --> 00:18:35,632 มันรู้ด้วยตัวเองได้ 260 00:18:35,632 --> 00:18:40,568 บางทีรู้แล้วแต่มันไม่สนองกิเลส 261 00:18:40,568 --> 00:18:43,046 บางคนอ่อนแอ 262 00:18:43,046 --> 00:18:48,311 อยากได้ครูบาอาจารย์ที่คอยโอ๋อย่างนี้ก็มี 263 00:18:48,311 --> 00:18:50,393 อยากได้ครูบาอาจารย์ที่คอยโอ๋ 264 00:18:50,393 --> 00:18:55,292 อยู่กับหลวงพ่อไม่ได้ เพราะหลวงพ่อไม่โอ๋ 265 00:18:55,292 --> 00:18:59,751 แบบนี้พอเขาทนไม่ไหว เขาก็ต้องไปหาที่เรียนที่อื่น 266 00:18:59,751 --> 00:19:04,046 ที่มีครูบาอาจารย์คอยโอ๋อยู่ 267 00:19:04,046 --> 00:19:08,667 สิ่งที่หลวงพ่อพยายามสอนพวกเรา 268 00:19:08,667 --> 00:19:11,453 คือเรียนให้รู้เรื่องฟังให้รู้เรื่องก่อน 269 00:19:11,453 --> 00:19:14,553 รู้แนวแล้วเอาไปลงมือทำ 270 00:19:14,553 --> 00:19:18,835 ลงมือทำแล้วก็วัดผลด้วยตัวเอง 271 00:19:18,835 --> 00:19:21,131 ที่เราปฏิบัตินี่ 272 00:19:21,131 --> 00:19:24,498 เกิดความเปลี่ยนแปลงในตัวเองไหม 273 00:19:24,498 --> 00:19:26,747 มักน้อยสันโดษบ้างไหม 274 00:19:26,747 --> 00:19:31,747 คลุกคลีน้อยลงไหม สังเกตตัวเองไป 275 00:19:31,747 --> 00:19:34,647 ใฝ่หาความสงบวิเวกบ้างไหม 276 00:19:34,647 --> 00:19:37,929 หรือกระดี๊กระด๊าอยู่ตลอดเวลา 277 00:19:37,929 --> 00:19:43,079 วัดใจตัวเองวัดความเปลี่ยนแปลงของตัวเองไป 278 00:19:43,079 --> 00:19:48,330 ละเอียดขึ้นมาก็ใจคิดถึงการปฏิบัติบ่อยไหม 279 00:19:48,330 --> 00:19:52,597 นานๆ คิดทีอะไรอย่างนี้ไม่ได้กินหรอก 280 00:19:52,597 --> 00:19:54,613 ถ้าเราภาวนา 281 00:19:54,613 --> 00:19:58,494 อย่างฟังหลวงพ่อไปแล้วเจริญสติรู้กายรู้ใจ 282 00:19:58,494 --> 00:20:03,545 ตามความเป็นจริง ด้วยจิตตั้งมั่นและเป็นกลาง 283 00:20:03,545 --> 00:20:08,397 ในเวลาไม่นาน เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง 284 00:20:08,397 --> 00:20:10,733 เคยโกหกหน้าตาย 285 00:20:10,733 --> 00:20:14,599 เวลาจะโกหกแล้วคราวนี้ชักละอายใจแล้ว 286 00:20:14,599 --> 00:20:17,323 อย่างนี้ถือว่ามีพัฒนาการ 287 00:20:17,323 --> 00:20:19,967 เลวแล้วรู้ว่าเลว 288 00:20:19,967 --> 00:20:24,283 มุสาวาทไม่ดีหรอก แล้วเรารู้ว่ามันไม่ดี 289 00:20:24,283 --> 00:20:27,700 มันเคยชินที่จะพูดไม่ดี 290 00:20:27,700 --> 00:20:30,987 ฉะนั้นเวลาพูดไปแล้ว บางทีมันหลุดปากออกไป 291 00:20:30,987 --> 00:20:35,255 มันละอายใจ อย่างนี้ถือว่าก้าวหน้า 292 00:20:35,255 --> 00:20:40,643 ชั่วแล้วรู้ว่าชั่ว ก้าวหน้า 293 00:20:40,643 --> 00:20:43,826 ก็สังเกตได้ด้วยตัวเอง 294 00:20:43,826 --> 00:20:48,782 หรือบางคนบอกทำสมาธิจิตไม่เคยมีสมาธิเลย 295 00:20:48,782 --> 00:20:54,077 แต่มามีสติรู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆ 296 00:20:54,077 --> 00:20:58,260 อยู่ๆ มันมีความสุขผุดขึ้นมาเอง 297 00:20:58,260 --> 00:21:02,159 ความสุขผุดขึ้นมาโดยที่เราไม่ได้ทำอะไร 298 00:21:02,159 --> 00:21:05,143 นั่นล่ะจิตมันมีสมาธิ 299 00:21:05,143 --> 00:21:08,277 มีสมาธิตามธรรมชาติแล้ว 300 00:21:08,277 --> 00:21:13,126 มีความสุขผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ 301 00:21:13,126 --> 00:21:15,630 คล้ายๆ เป็นรางวัลปลอบใจ 302 00:21:15,630 --> 00:21:20,945 ให้เราเข้มแข็งในการปฏิบัติต่อไป 303 00:21:20,945 --> 00:21:27,301 อย่างช่วงแรกๆ ที่เราภาวนา เรายังไม่เห็นผลที่สำคัญ 304 00:21:27,301 --> 00:21:30,767 อย่างเรายังไม่ถึงมรรคถึงผลอะไรอย่างนี้ 305 00:21:30,767 --> 00:21:38,406 ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง แบบพลิกฟ้าคว่ำดิน ยังไม่เห็น 306 00:21:38,406 --> 00:21:42,389 มันมีความสุขผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ 307 00:21:42,389 --> 00:21:44,995 บางที 3 วันผุดขึ้นมาทีหนึ่ง 308 00:21:44,995 --> 00:21:47,219 อาทิตย์หนึ่งผุดขึ้นมาทีหนึ่ง 309 00:21:47,219 --> 00:21:49,853 มันก็มีกำลังใจ 310 00:21:49,853 --> 00:21:53,572 มีกำลังใจ ธรรมะนี้ดี 311 00:21:53,572 --> 00:21:58,577 ปฏิบัติแล้วอยู่ๆ มีความสุขผุดขึ้นมาได้ 312 00:21:58,577 --> 00:22:02,293 ก็จะขยันภาวนา 313 00:22:02,293 --> 00:22:05,695 เวลาหลวงพ่อภาวนาแต่ก่อน 314 00:22:05,695 --> 00:22:11,612 ความสุขมันมีอยู่แล้วล่ะ เพราะนั่งสมาธิมานาน 315 00:22:11,612 --> 00:22:14,678 แต่บางครั้งมันเกิดปัญญา 316 00:22:14,678 --> 00:22:19,972 เกิดความรู้ความเข้าใจ บางสิ่งบางอย่างขึ้นมา 317 00:22:19,972 --> 00:22:22,887 พอมีความรู้ความเข้าใจผุดขึ้นมาทีหนึ่ง 318 00:22:22,887 --> 00:22:25,538 เราก็มีความสุขหลายวัน 319 00:22:25,538 --> 00:22:28,153 แต่ก็ไม่เกิน 7 วัน 320 00:22:28,153 --> 00:22:31,387 แล้วพอมีความรู้อย่างนี้ผุดขึ้นมา 321 00:22:31,387 --> 00:22:34,670 เราก็มีการบ้านไปส่งครูบาอาจารย์แล้ว 322 00:22:34,670 --> 00:22:36,949 ก็จะไปเล่าถวายท่าน 323 00:22:36,949 --> 00:22:40,399 ว่าผมภาวนาแล้วมันมีอาการอย่างนี้ 324 00:22:40,399 --> 00:22:45,049 ผมจัดการมันอย่างนี้ๆ ทำอย่างนี้ 325 00:22:45,049 --> 00:22:49,016 ที่กระผมทำอยู่นี่ถูกหรือไม่ถูก 326 00:22:49,016 --> 00:22:51,333 ถ้าไม่ถูกครูบาอาจารย์ช่วยบอกด้วย 327 00:22:51,333 --> 00:22:56,392 ถ้าถูกแล้วครูบาอาจารย์ช่วยแนะนำ 328 00:22:56,392 --> 00:23:02,908 วิธีปฏิบัติที่ยิ่งๆ กว่านี้ที่ดีกว่านี้อีก 329 00:23:02,908 --> 00:23:07,401 ส่วนใหญ่ท่านก็จะบอกว่าที่ทำน่ะถูกแล้ว ให้ทำต่อไป 330 00:23:07,401 --> 00:23:10,914 อันนี้เป็นการวัด 331 00:23:10,914 --> 00:23:15,024 ฉะนั้นการวัดมี 2 อัน อันหนึ่งวัดใจตัวเอง 332 00:23:15,024 --> 00:23:17,474 สติเกิดบ่อยขึ้นไหม 333 00:23:17,474 --> 00:23:22,321 ทำผิดศีลได้หน้าตาเฉย หรือว่าละอายใจบ้างหรือยัง 334 00:23:22,321 --> 00:23:25,385 สมาธิเกิดขึ้นบ้างไหม 335 00:23:25,385 --> 00:23:28,185 นี้เราวัดใจตัวเอง 336 00:23:28,185 --> 00:23:32,618 มีโอกาสเจอครูบาอาจารย์บางทีเราก็ต้องถาม 337 00:23:32,618 --> 00:23:37,484 ที่ผมทำอยู่นี่ มันถูกไหม 338 00:23:37,484 --> 00:23:41,468 ถ้าถูกแล้วทำอย่างไรมันจะดีกว่านี้อีก 339 00:23:41,468 --> 00:23:44,684 ท่านก็จะบอกว่าทำต่อไป 340 00:23:44,684 --> 00:23:48,385 ถ้าบอกว่าทำต่อไปแสดงว่าทำถูกแล้ว 341 00:23:48,385 --> 00:23:53,401 ถ้าทำไม่ถูกเดี๋ยวท่านก็บอกเองล่ะ 342 00:23:53,401 --> 00:23:56,601 เห็นไหมไม่มีไปอ้อนเลย 343 00:23:56,601 --> 00:23:59,319 “หลวงปู่ครับหลวงปู่” ต้องทำเสียงอ้อนๆ 344 00:23:59,319 --> 00:24:02,539 “หลวงปู่ครับอย่างโน้นอย่างนี้ 345 00:24:02,539 --> 00:24:04,657 ผมอย่างโน้นผมอย่างนี้ 346 00:24:04,657 --> 00:24:08,307 ผมอยากปฏิบัติ แต่ๆๆๆๆ” 347 00:24:08,307 --> 00:24:11,209 เต็มไปด้วยคำว่าแต่ 348 00:24:11,209 --> 00:24:14,556 เจอหลวงปู่ปราโมทย์โดนเบิ๊ดกะโหลกเลย 349 00:24:14,556 --> 00:24:16,789 เงื่อนไขเยอะ 350 00:24:16,789 --> 00:24:22,351 ตั้งใจภาวนา สู้เอา แล้วสังเกตตัวเอง 351 00:24:22,351 --> 00:24:24,468 การปฏิบัติมันก็ไม่ได้ยากอะไร 352 00:24:24,468 --> 00:24:27,553 ขั้นแรกถือศีล 5 ข้อไว้ก่อน 353 00:24:27,553 --> 00:24:30,583 ศีล 8 ถือเป็นครั้งคราว 354 00:24:30,583 --> 00:24:34,552 เป็นฆราวาสทำงานหนักๆ 355 00:24:34,552 --> 00:24:38,900 อดข้าวเย็นทุกวันเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะ 356 00:24:38,900 --> 00:24:42,419 ก็ดูสภาวะของตัวเอง 357 00:24:42,419 --> 00:24:49,200 ผู้หญิงบางคนมีสามีแล้วก็ปฏิญาณตนถือศีล 8 358 00:24:49,200 --> 00:24:51,081 ไม่ให้สามีถูกตัว 359 00:24:51,081 --> 00:24:54,398 บอกไม่เอาแล้วฉันจะไปนิพพานแล้ว 360 00:24:54,398 --> 00:24:56,931 ลูกผัวฉันไม่เอาแล้ว 361 00:24:56,931 --> 00:24:59,315 พอสามีไปมีผู้หญิงอื่น 362 00:24:59,315 --> 00:25:02,014 คราวนี้นิพพานไม่เอาแล้ว 363 00:25:02,014 --> 00:25:06,715 อาละวาดแล้ว ร้องห่มร้องไห้ 364 00:25:06,715 --> 00:25:09,115 คุณแม่จะได้ยินเรื่องพวกนี้บ่อย 365 00:25:09,115 --> 00:25:13,564 คนชอบมาร้องห่มร้องไห้ 366 00:25:13,564 --> 00:25:16,798 นี่ถือศีลเกินฐานะ 367 00:25:16,798 --> 00:25:21,596 เป็นฆราวาส แหม อยากถือศีล 8 อะไรอย่างนี้ 368 00:25:21,596 --> 00:25:25,947 พอสามีไม่ยอมด้วย ทนไม่ได้ 369 00:25:25,947 --> 00:25:28,997 กรรมฐานที่ฝึกไว้ล่มเลย 370 00:25:28,997 --> 00:25:32,464 ฉะนั้นถือศีลให้พอดีกับตัว ให้พอดี 371 00:25:32,464 --> 00:25:37,331 ถือศีลนี่เอาแบบลำบากนิดๆ 372 00:25:37,331 --> 00:25:41,117 ข่มใจนิดๆ ไม่ต้องข่มใจแบบหักดิบ 373 00:25:41,117 --> 00:25:43,549 มันจะไม่ไหว 374 00:25:43,549 --> 00:25:47,782 พอไม่ไหวนี่ต่อไปใจมันฝ่อ 375 00:25:47,782 --> 00:25:51,082 อย่างตั้งใจว่าจะประพฤติพรหมจรรย์ 376 00:25:51,082 --> 00:25:53,799 แล้วทำไม่ได้ใจมันฝ่อ 377 00:25:53,799 --> 00:25:57,815 แต่ตั้งใจว่า ไม่ไปผิดลูกผิดเมียใครเขาอย่างนี้ 378 00:25:57,815 --> 00:25:59,434 เห็นเมียคนอื่นสวย 379 00:25:59,434 --> 00:26:04,135 ข่มใจตัวเองนิดหน่อย อย่างนี้ดี 380 00:26:04,135 --> 00:26:08,175 ใจมันจะค่อยๆ เข้มแข็งขึ้น 381 00:26:08,175 --> 00:26:14,174 ศีลต้องรักษา สมาธิต้องทำ 382 00:26:14,174 --> 00:26:15,892 หลวงพ่อเคยพลาด 383 00:26:15,892 --> 00:26:20,325 พลาดหลายครั้งเรื่องไม่อยากทำสมาธิ 384 00:26:20,325 --> 00:26:21,874 เพราะทำมาแต่เด็ก 385 00:26:21,874 --> 00:26:24,783 ทำแล้วก็รู้สึกมันไม่ได้อะไร 386 00:26:24,783 --> 00:26:27,083 ได้แต่ความสงบ ก็ขี้เกียจทำแล้ว 387 00:26:27,083 --> 00:26:31,349 มาเจริญปัญญารู้สึก แหม ดีๆ 388 00:26:31,349 --> 00:26:33,683 พอสมาธิเรากำลังไม่พอเมื่อไร 389 00:26:33,683 --> 00:26:36,799 การเจริญปัญญาจะผิดทันทีเลย 390 00:26:36,799 --> 00:26:39,950 วิปัสสนูปกิเลสจะเกิด 391 00:26:39,950 --> 00:26:43,463 เคยเกิดวิปัสสนูหลายแบบ 392 00:26:43,463 --> 00:26:47,360 ประเภทว่างอย่างนี้ พวกเราจะเจอบ่อย 393 00:26:47,360 --> 00:26:49,239 ดูจิตๆ แล้วมันว่างไป 394 00:26:49,239 --> 00:26:51,819 แล้วก็ยินดีพอใจในความว่าง 395 00:26:51,819 --> 00:26:54,836 แล้วติดอยู่ในความว่าง 396 00:26:54,836 --> 00:26:58,802 ตัวนี้ก็ไปไม่รอดก็อยู่แค่นั้น 397 00:26:58,802 --> 00:27:02,102 หลวงพ่อเคยเจออีก 2 - 3 แบบ 398 00:27:02,102 --> 00:27:05,436 แบบหนึ่งสติเข้มแข็งมากเลย 399 00:27:05,436 --> 00:27:08,819 เข้มแข็งถึงขนาดมันแยกสภาวะ 400 00:27:08,819 --> 00:27:13,002 แยกรูปธรรมนามธรรมได้ละเอียดยิบเลย 401 00:27:13,002 --> 00:27:16,402 มองอากาศข้างหน้าสติมันแข็งแรงมาก 402 00:27:16,402 --> 00:27:19,678 เห็นอากาศนี่จริงๆ แล้วเป็นเม็ดๆ 403 00:27:19,678 --> 00:27:22,475 เห็นอย่างนั้น 404 00:27:22,475 --> 00:27:25,343 หรือบางทีเกิดปัญญามาก 405 00:27:25,343 --> 00:27:29,928 ภาวนาแล้ว ก็เกิดความรู้ความเข้าใจอะไรขึ้นมา 406 00:27:29,928 --> 00:27:34,132 แล้วก็พยายามจำไว้ โอ้ ธรรมะอันนี้ดี 407 00:27:34,132 --> 00:27:37,235 พอภาวนาไปอีก อ้าว เกิดความรู้อีกแล้ว 408 00:27:37,235 --> 00:27:39,250 ก็จำเอาไว้อีก 409 00:27:39,250 --> 00:27:43,652 แค่อาทิตย์เดียวมีสภาวะเหมือนคนบ้า 410 00:27:43,652 --> 00:27:46,834 ไม่ได้บ้าจริงหมายถึงเทียบให้ฟัง 411 00:27:46,834 --> 00:27:48,428 เหมือนคนบ้าชนิดที่ว่า 412 00:27:48,428 --> 00:27:52,971 ไปไหนก็เดินแบกตู้พระไตรปิฎกไป 413 00:27:52,971 --> 00:27:55,571 คนดีที่ไหนจะไปทำอย่างนั้น 414 00:27:55,571 --> 00:27:59,638 เรา เอ๊ เราต้องผิดที่ไหนสักที่หนึ่ง 415 00:27:59,638 --> 00:28:03,289 ทำไมภาวนาแล้วแทนที่ใจจะโปร่งโล่งเบา 416 00:28:03,289 --> 00:28:05,472 คลายความยึดถือ 417 00:28:05,472 --> 00:28:09,240 นี่เรากลับไปยึดถือปัญญามากมาย 418 00:28:09,240 --> 00:28:11,939 เห็นเกิดความรู้ถูกเข้าใจถูก 419 00:28:11,939 --> 00:28:13,839 มีปัญญาขึ้นมาแล้วเสียดาย 420 00:28:13,839 --> 00:28:17,723 เก็บๆๆ ใส่สมองไว้เต็มไปหมดเลย 421 00:28:17,723 --> 00:28:21,076 อันนั้นก็รู้อันนี้ก็รู้ 422 00:28:21,076 --> 00:28:25,908 นี่ก็เป็นวิปัสนูอย่างหนึ่ง รู้เยอะไป 423 00:28:25,908 --> 00:28:31,406 เหมือนปัญญามากมาย ก็ใช้ไม่ได้ 424 00:28:31,406 --> 00:28:34,204 ภาวนาแล้วก็ยิ่งหนักขึ้นๆ 425 00:28:34,204 --> 00:28:36,104 แสดงว่าผิดแล้วล่ะ 426 00:28:36,104 --> 00:28:39,170 ภาวนาแล้วมันต้องปล่อยวางได้ 427 00:28:39,170 --> 00:28:43,969 ไม่ใช่ภาวนาแล้วยิ่งยึดถือ 428 00:28:43,969 --> 00:28:48,732 แล้วปล่อยวาง ต้องให้จิตมันปล่อยวางด้วยปัญญา 429 00:28:48,732 --> 00:28:51,432 ไม่ใช่แกล้งปล่อย 430 00:28:51,432 --> 00:28:55,065 หลวงพ่อเคยอ่านหนังสือของเซน 431 00:28:55,065 --> 00:28:57,733 อ่านแล้วใจเราโล่งๆ ว่างๆ 432 00:28:57,733 --> 00:29:00,014 รู้สึกอย่างนี้ดี 433 00:29:00,014 --> 00:29:03,364 ก็น้อมจิตไปอยู่กับใจที่ว่างๆ โล่ง 434 00:29:03,364 --> 00:29:07,134 เห็นโลกนี้ว่างไปหมด อะไรๆ ก็ว่าง 435 00:29:07,134 --> 00:29:11,830 คิดว่าดี เสร็จแล้วก็พบว่าไม่ใช่หรอก 436 00:29:11,830 --> 00:29:14,930 นี่เราปรุงแต่งขึ้นมา 437 00:29:14,930 --> 00:29:20,080 ฉะนั้นเวลาเราภาวนาก็ต้องค่อยสังเกตไป 438 00:29:20,080 --> 00:29:23,053 อะไรที่ภาวนาไปแล้ว 439 00:29:23,053 --> 00:29:25,705 มันขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้า 440 00:29:25,705 --> 00:29:27,803 สภาวะอะไรเกิดขึ้นนี่ 441 00:29:27,803 --> 00:29:31,644 เป็นไปเพื่อความปล่อยวาง หรือเพื่อความยึดถือ 442 00:29:31,644 --> 00:29:35,680 สภาวะทั้งหลายตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ไหม 443 00:29:35,680 --> 00:29:40,045 ถ้าภาวนาแล้วไม่เข้าหลักไตรลักษณ์ ผิดแน่นอน 444 00:29:40,045 --> 00:29:41,977 หรือที่เราปฏิบัติอยู่นี่ 445 00:29:41,977 --> 00:29:46,090 เป็นสมถะหรือเป็นวิปัสสนาต้องแยกให้ออก 446 00:29:46,090 --> 00:29:49,657 ถ้าแยกไม่ออกเราก็หลงทำสมถะอยู่ 447 00:29:49,657 --> 00:29:51,573 แล้วเราก็คิดฟุ้งซ่านไป 448 00:29:51,573 --> 00:29:53,931 แล้วบอกเราเกิดปัญญา 449 00:29:53,931 --> 00:29:56,289 อันนี้ก็ใช้ไม่ได้ 450 00:29:56,289 --> 00:30:00,333 หรือบางทีเดินปัญญามากสมาธิไม่พอ 451 00:30:00,333 --> 00:30:01,685 อันนี้ก็ใช้ไม่ได้ 452 00:30:01,685 --> 00:30:04,271 ต้องสังเกตตัวเอง 453 00:30:04,271 --> 00:30:06,186 ไม่ต้องรอถามครูบาอาจารย์ 454 00:30:06,186 --> 00:30:10,452 นานๆ จะมีโอกาสถามครูบาอาจารย์ สักครั้งหนึ่ง 455 00:30:10,452 --> 00:30:14,016 แต่สติปัญญามันอยู่กับตัวเราทุกวัน 456 00:30:14,016 --> 00:30:18,400 อาศัยสิ่งที่อยู่กับตัวเรานี่ล่ะ 457 00:30:18,400 --> 00:30:23,366 คอยสังเกตสิ่งที่เราทำอยู่นี่ 458 00:30:23,366 --> 00:30:26,433 ทำให้อกุศลลดลงไหม 459 00:30:26,433 --> 00:30:29,120 ทำให้อกุศลเกิดยากขึ้นไหม 460 00:30:29,120 --> 00:30:31,766 ทำให้กุศลเกิดบ่อยไหม 461 00:30:31,766 --> 00:30:36,251 เกิดแล้วถี่ขึ้นๆ ไหม หรือนานๆ เกิดที 462 00:30:36,251 --> 00:30:43,198 นี่วัดใจตัวเอง สังเกตไป ดูไปเรื่อยๆ 463 00:30:43,198 --> 00:30:46,733 การสังเกตกิเลสเป็นเรื่องสำคัญ 464 00:30:46,733 --> 00:30:51,232 ภาวนาแล้วสังเกตกิเลสออกนี่ดีมากๆ เลย 465 00:30:51,232 --> 00:30:55,332 ในเบื้องต้นจิตใจเรามีกิเลสอะไร เราคอยรู้ 466 00:30:55,332 --> 00:30:58,765 ก็จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเกิดแล้วดับ 467 00:30:58,765 --> 00:31:01,899 ต่อไปพอเราเข้าใจธรรมะ 468 00:31:01,899 --> 00:31:05,467 ตรงที่เราคิดว่าเราบรรลุมรรคผล 469 00:31:05,467 --> 00:31:08,732 เราก็จะวัดว่าบรรลุจริงหรือไม่จริง 470 00:31:08,732 --> 00:31:11,942 วัดที่ไหน วัดที่กิเลส 471 00:31:11,942 --> 00:31:14,422 อย่างเราภาวนาแล้วจิตเรารวมวูบลงไป 472 00:31:14,422 --> 00:31:16,762 ถอยออกมา 473 00:31:16,762 --> 00:31:21,028 หลายคนรีบสรุปเลย ได้โสดาบัน 474 00:31:21,028 --> 00:31:24,710 จะได้หรือไม่ได้ วิญญูชนต้องสังเกตเอา 475 00:31:24,710 --> 00:31:26,465 ไม่มีใครเขาบอกกันหรอก 476 00:31:26,465 --> 00:31:28,815 เพราะบอกแล้วมันอันตราย 477 00:31:28,815 --> 00:31:30,948 บางทีเขาก็หลอกเอา 478 00:31:30,948 --> 00:31:34,481 ไปภาวนา เฮ้ย ได้โสดาบันแล้ว 479 00:31:34,481 --> 00:31:37,742 เขาให้ตำแหน่งก็ดีใจ 480 00:31:37,742 --> 00:31:41,142 มีเงินมีทองก็ยกให้เขาอะไรอย่างนี้ 481 00:31:41,142 --> 00:31:44,593 หรือเลื่อมใสศรัทธางมงายไปเลย 482 00:31:44,593 --> 00:31:48,733 เพราะฉะนั้นถ้าเราภาวนาแล้วเราคิดว่า เราได้โสดาบัน 483 00:31:48,733 --> 00:31:53,401 หรือภาวนาแล้วมีใครมารับรองเรา ว่าได้โสดาบัน 484 00:31:53,401 --> 00:31:55,920 ทั้ง 2 นัยยะ คิดเอง 485 00:31:55,920 --> 00:31:59,338 หรือมีใครมาบอกก็ตาม 486 00:31:59,338 --> 00:32:02,689 ให้สังเกตที่กิเลส 487 00:32:02,689 --> 00:32:08,255 พระโสดาบันละกิเลสบางอย่างได้เด็ดขาดแล้ว 488 00:32:08,255 --> 00:32:11,025 ละสักกายทิฏฐิ 489 00:32:11,025 --> 00:32:15,672 คือละความเห็นว่าตัวเรามีอยู่จริง 490 00:32:15,672 --> 00:32:17,889 มีตัวมีตน 491 00:32:17,889 --> 00:32:21,389 แล้วสังเกตลงไปว่ามีไหม 492 00:32:21,389 --> 00:32:24,988 อย่างบางทีภาวนาจิตมันว่างๆ ไป 493 00:32:24,988 --> 00:32:27,638 แล้วบอกว่าตัวเราไม่มีแล้ว 494 00:32:27,638 --> 00:32:31,304 บอกใจเย็นๆ ดูไปหลายๆ วัน 495 00:32:31,304 --> 00:32:34,757 ตอนที่สมาธิเสื่อมลง 496 00:32:34,757 --> 00:32:37,472 จิตใจเป็นคนธรรมดานั่นล่ะ 497 00:32:37,472 --> 00:32:41,571 ดูสิมันจะมีตัวเราอีกไหม 498 00:32:41,571 --> 00:32:46,170 บางทีพอจิตมันทรงสมาธิอยู่ 499 00:32:46,170 --> 00:32:52,672 ก็มองตัวเราไม่เห็น มันสบาย มันว่างๆ 500 00:32:52,672 --> 00:32:57,437 พอสมาธิเสื่อมก็ไม่มีตัวเรา มีแต่ตัวกู 501 00:32:57,437 --> 00:32:59,922 หนักกว่าตัวเราอีก 502 00:32:59,922 --> 00:33:04,337 นี่สังเกตเอามันละได้จริงหรือเปล่า 503 00:33:04,337 --> 00:33:08,409 บางคนก็ภาวนาเขานึกว่าได้โสดาบัน 504 00:33:08,409 --> 00:33:12,280 หรือมีคนรับรองว่าได้โสดาบัน 505 00:33:12,280 --> 00:33:16,550 ก็ดูลงไปที่ตัวเอง 506 00:33:16,550 --> 00:33:19,883 ละสักกายทิฏฐิได้ไหม 507 00:33:19,883 --> 00:33:23,086 ศีล 5 ของเราดีไหม 508 00:33:23,086 --> 00:33:27,619 ถ้าศีล 5 ยังด่างพร้อยอยู่ ยังไม่ใช่หรอก 509 00:33:27,619 --> 00:33:30,916 เพราะฉะนั้นวัดตรงนี้ วัดที่กิเลสของเรานี่ 510 00:33:30,916 --> 00:33:33,729 ถ้ากิเลสยังหยาบๆ จนทำผิดศีลได้ 511 00:33:33,729 --> 00:33:37,491 ไม่ใช่หรอก 512 00:33:37,491 --> 00:33:40,539 ค่อยๆ สังเกตเอา 513 00:33:40,539 --> 00:33:45,423 พวกที่ชอบพยายามมาถามหลวงพ่อ ว่าได้โสดาบันหรือยัง 514 00:33:45,423 --> 00:33:49,334 บางคนหนักกว่านั้น มาบอกว่าได้โสดาบันแล้ว 515 00:33:49,334 --> 00:33:53,238 เคยเจอหนักที่สุดเป็นพระ 516 00:33:53,238 --> 00:33:56,362 บอกได้พระอรหันต์แล้ว 517 00:33:56,362 --> 00:33:59,231 หลวงพ่อบอกยังไม่ได้หรอก 518 00:33:59,231 --> 00:34:01,649 จิตใจเศร้าหมองเลย 519 00:34:01,649 --> 00:34:04,669 มัว ขุ่นมัว เศร้าหมองไปหมด 520 00:34:04,669 --> 00:34:08,209 บอกเห็นไหมจิตมีโทสะแล้ว 521 00:34:08,209 --> 00:34:11,094 เห็น ไม่ใช่พระอนาคามีหรอก 522 00:34:11,094 --> 00:34:13,405 วัดกันด้วยกิเลสอย่างนี้ 523 00:34:13,405 --> 00:34:17,713 ไล่ๆๆๆ ต้อนลงไปเรื่อยๆ 524 00:34:17,713 --> 00:34:21,315 เพราะฉะนั้นใครบอกเราได้โน้นได้นี่ 525 00:34:21,315 --> 00:34:24,081 อย่าเพิ่งเชื่อ 526 00:34:24,081 --> 00:34:27,180 หรือเราภาวนาแล้วเราเชื่อของเราเอง 527 00:34:27,180 --> 00:34:29,313 ก็อย่าเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ 528 00:34:29,313 --> 00:34:32,228 สังเกตกิเลสไปนานๆ 529 00:34:32,228 --> 00:34:35,853 เมื่อก่อนมีครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง ชื่อหลวงพ่อกิม 530 00:34:35,853 --> 00:34:40,382 หลวงพ่อกิมนี่ภาษาเขมรไม่ใช่ภาษาจีน 531 00:34:40,382 --> 00:34:43,612 เป็นคนสุรินทร์ 532 00:34:43,612 --> 00:34:46,296 หลวงพ่อกิมบอกว่าไปภาวนานี่ 533 00:34:46,296 --> 00:34:49,384 ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์ 534 00:34:49,384 --> 00:34:53,309 แล้วคิดว่าบรรลุอะไรแล้วนี่ 535 00:34:53,309 --> 00:34:56,631 ให้ดู 3 เดือน 536 00:34:56,631 --> 00:35:01,443 ดูไปเรื่อยๆ 3 เดือนนี้กิเลสจะกลับมาไหม 537 00:35:01,443 --> 00:35:07,007 กระทั่งคิดว่าเป็นพระอรหันต์ ดูไป 3 เดือนเดี๋ยวก็เจอ 538 00:35:07,007 --> 00:35:12,382 แต่ถ้าตั้งใจว่าเราเป็นไปแล้ว เชื่อไปแล้ว 539 00:35:12,382 --> 00:35:15,573 คราวนี้ไม่ยอมดูแล้ว ไม่กล้าดู 540 00:35:15,573 --> 00:35:19,072 หลายคนภาวนาได้ใบเซอร์ฯมาจากที่อื่น 541 00:35:19,072 --> 00:35:21,680 บอกไม่กล้าดูแล้ว 542 00:35:21,680 --> 00:35:27,004 เพราะว่ากลัวจะไม่ได้เป็นโสดาบัน 543 00:35:27,004 --> 00:35:30,355 ไปเรียนสะเปะสะปะ อันตราย 544 00:35:30,355 --> 00:35:32,864 รู้ปริยัติไว้บ้างก็ดี 545 00:35:32,864 --> 00:35:36,346 เอาไว้ตรวจสอบตัวเอง 546 00:35:36,346 --> 00:35:41,497 เคยได้ยินคำว่าโยนิโสมนสิการไหม 547 00:35:41,497 --> 00:35:46,460 โยนิโสมนสิการ การพิจารณาโดยแยบคาย 548 00:35:46,460 --> 00:35:50,514 คำว่าแยบคายไม่ใช่เจ้าเล่ห์แสนกล 549 00:35:50,514 --> 00:35:52,495 แยบคายนี่ก็คือดูว่า 550 00:35:52,495 --> 00:35:57,073 อันนี้สอดคล้องกับคำสอนของพระพุทธเจ้า 551 00:35:57,073 --> 00:36:00,242 และพระอรหันตสาวกทั้งหลายไหม 552 00:36:00,242 --> 00:36:08,840 แยบคายตรงนี้คือดูว่ามันสอดคล้องไหม 553 00:36:08,840 --> 00:36:13,526 วันนี้สอนวิธีตรวจสอบตัวเอง 554 00:36:13,526 --> 00:36:19,870 เราจะได้ไม่งมงาย ไม่ต้องฟังใคร 555 00:36:19,870 --> 00:36:24,191 หลวงพ่อภาวนาหลวงพ่อไม่เคยสงสัยตัวเองเลย 556 00:36:24,191 --> 00:36:30,552 ภาวนาอย่างไร เพราะเราตรวจสอบตัวเองเสมอ 557 00:36:30,552 --> 00:36:33,681 บางทีเข้าไปหาครูบาอาจารย์ 558 00:36:33,681 --> 00:36:35,683 ก็ไปเล่าให้ท่านฟัง 559 00:36:35,683 --> 00:36:45,210 ท่านก็ชมว่าฉลาดๆ คอยรู้ทันจิตใจตัวเอง 560 00:36:45,210 --> 00:36:48,113 ถ้าได้โสดาบัน สกทาคามี 561 00:36:48,113 --> 00:36:52,117 ศีลของเราต้องบริบูรณ์ 562 00:36:52,117 --> 00:36:54,545 สมาธิยังเล็กน้อย 563 00:36:54,545 --> 00:36:58,561 แต่ว่าละกิเลสไปอีกกลุ่มหนึ่ง 564 00:36:58,561 --> 00:37:04,855 ละความเห็นผิด ว่าในขันธ์ 5 นี่มีตัวเราอยู่ 565 00:37:04,855 --> 00:37:08,603 หรือมีตัวเรานอกเหนือจากขันธ์ 5 566 00:37:08,603 --> 00:37:10,629 เป็นอย่างไร ตัวเรานอกขันธ์ 5 567 00:37:10,629 --> 00:37:13,970 บางคนนั่งสมาธิ ถอดจิตออกไปอยู่ข้างบน 568 00:37:13,970 --> 00:37:17,119 ย้อนมาดู ขันธ์ 5 มันอยู่ข้างล่าง 569 00:37:17,119 --> 00:37:20,405 นี่มีตัวเราอยู่นอกขันธ์ 5 อีก 570 00:37:20,405 --> 00:37:23,543 มีตัวเรา ขันธ์ 5 เป็นตัวเรา 571 00:37:23,543 --> 00:37:27,549 ตัวเราเป็นขันธ์ 5 อะไรอย่างนี้ 572 00:37:27,549 --> 00:37:30,545 ถ้าได้จริงจะไม่มี 573 00:37:30,545 --> 00:37:33,188 มันจะรู้เลยขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวเรา 574 00:37:33,188 --> 00:37:37,628 ไม่มีตัวเรานอกเหนือจากขันธ์ 5 ก็ไม่มี 575 00:37:37,628 --> 00:37:43,204 ความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัยจะไม่มี 576 00:37:43,204 --> 00:37:45,566 ถ้าเราได้โสดาบัน 577 00:37:45,566 --> 00:37:49,369 เราจะไม่สงสัยว่าพระพุทธเจ้ามีจริงไหม 578 00:37:49,369 --> 00:37:52,243 พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริงไหม 579 00:37:52,243 --> 00:37:56,835 สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนี่ นำเราพ้นทุกข์ได้จริงไหม 580 00:37:56,835 --> 00:38:01,410 จะไม่สงสัยในตัวพระพุทธเจ้าเลย 581 00:38:01,410 --> 00:38:04,864 เด็กยุคนี้บอกพระพุทธเจ้าไม่มีหรอก 582 00:38:04,864 --> 00:38:06,915 คิดอย่างนั้นเลย 583 00:38:06,915 --> 00:38:10,128 พูดไปทั้งๆ ที่ไม่ได้พิสูจน์ 584 00:38:10,128 --> 00:38:12,096 พูดด้วยความเห็น 585 00:38:12,096 --> 00:38:14,719 แล้วความเห็นตัวนั้นเป็นความเห็นผิด 586 00:38:14,719 --> 00:38:18,241 ความเห็นที่ไม่ทนต่อการพิสูจน์ 587 00:38:18,241 --> 00:38:21,275 แต่พอถ้าภาวนาได้ธรรมะแล้ว 588 00:38:21,275 --> 00:38:23,847 จะรู้พระพุทธเจ้ามีจริง 589 00:38:23,847 --> 00:38:28,815 คำสอนของท่านมีจริง พาพ้นทุกข์ได้จริง 590 00:38:28,815 --> 00:38:32,613 พระธรรมมีจริงไหม มี 591 00:38:32,613 --> 00:38:38,486 พระธรรมนำทางเราไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ มีจริงๆ 592 00:38:38,486 --> 00:38:41,456 พระสงฆ์มีไหม มี 593 00:38:41,456 --> 00:38:43,912 เราอาจจะไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นพระสงฆ์ 594 00:38:43,912 --> 00:38:47,096 แต่ตัวเองเป็นพระสงฆ์ไปเรียบร้อยแล้ว 595 00:38:47,096 --> 00:38:51,103 ทั้งๆ ที่ยังนุ่งกางเกง 596 00:38:51,103 --> 00:38:54,264 ใส่ผ้านุ่งผ้าถุงอะไรอย่างนี้ 597 00:38:54,264 --> 00:38:57,469 ก็เป็นพระสงฆ์ไปเรียบร้อยแล้ว 598 00:38:57,469 --> 00:39:00,154 มันจะรู้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริง 599 00:39:00,154 --> 00:39:02,312 ไม่สงสัย 600 00:39:02,312 --> 00:39:06,332 รู้ว่าการปฏิบัติที่ถูกเป็นอย่างไร 601 00:39:06,332 --> 00:39:08,694 ละสีลัพพตปรามาส 602 00:39:08,694 --> 00:39:12,980 การถือศีลบำเพ็ญพรตอย่างงมงาย 603 00:39:12,980 --> 00:39:16,090 อย่างบางคนบำเพ็ญพรตงมงาย เช่น 604 00:39:16,090 --> 00:39:21,028 คิดว่ากินเจแล้วบรรลุได้เร็วกว่า 605 00:39:21,028 --> 00:39:24,228 ถ้ากินเจถึงจะบรรลุได้ 606 00:39:24,228 --> 00:39:29,110 วัวควายกินหญ้ามาตลอดคงบรรลุหมดแล้วล่ะ 607 00:39:29,110 --> 00:39:33,544 หรือบางคนคิดว่าต้องอาบน้ำในแม่น้ำคงคา 608 00:39:33,544 --> 00:39:36,016 แล้วจะบรรลุเร็ว 609 00:39:36,016 --> 00:39:39,933 ถ้าอย่างนั้นปลาในแม่น้ำคงคา ก็บรรลุหมดแล้วล่ะ 610 00:39:39,933 --> 00:39:44,366 อย่างนี้ที่เรียกว่าสีลัพพตปรามาส งมงาย 611 00:39:44,366 --> 00:39:52,815 เราจะละความงมงาย เราจะรู้เลยสิ่งที่ทำให้เราบรรลุพระโสดาบัน 612 00:39:52,815 --> 00:39:59,470 คือไตรสิกขา ศีลสิกขา จิตตสิกขา ปัญญาสิกขา 613 00:39:59,470 --> 00:40:02,924 เดินอยู่ในหลักของสติปัฏฐาน 614 00:40:02,924 --> 00:40:05,243 ลงมือทำสติปัฏฐาน 615 00:40:05,243 --> 00:40:07,861 ในเบื้องต้นทำให้เกิดสติ 616 00:40:07,861 --> 00:40:16,691 พอมีสติแล้วศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะค่อยๆ แก่รอบขึ้น 617 00:40:16,691 --> 00:40:19,720 เราจะรู้ว่าเส้นทาง 618 00:40:19,720 --> 00:40:22,266 ที่ไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้น 619 00:40:22,266 --> 00:40:26,600 สุดท้ายหนีไม่พ้นเรื่องสติปัฏฐานหรอก 620 00:40:26,600 --> 00:40:33,749 สติปัฏฐานเป็นทางสายเอกเป็นทางสายเดียว เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น 621 00:40:33,749 --> 00:40:35,740 ฉะนั้นวัดที่ตัวเอง 622 00:40:35,740 --> 00:40:38,816 หลายคนบางทีเขียนจดหมายมา 623 00:40:38,816 --> 00:40:43,229 มาเล่าหลวงพ่อบอกว่าได้โสดาบันแล้ว 624 00:40:43,229 --> 00:40:47,612 บางคนบอกว่าเห็นจิตกับ สภาพธรรมที่แวดล้อมอยู่ 625 00:40:47,612 --> 00:40:50,679 เป็นสิ่งเดียวกันแล้ว 626 00:40:50,679 --> 00:40:54,427 มันเห็นด้วยกำลังสมาธิเป็นครั้งคราวหรอก 627 00:40:54,427 --> 00:41:00,963 เดี๋ยวก็ไม่เห็น มันยังไม่ใช่ของแท้ 628 00:41:00,963 --> 00:41:03,775 ฉะนั้นต้องค่อยๆ สังเกตตัวเองให้ดี 629 00:41:03,775 --> 00:41:06,905 อย่าเข้าข้างตัวเอง 630 00:41:06,905 --> 00:41:11,925 แล้วเคล็ดลับสำคัญในการสังเกตจิตตนเอง 631 00:41:11,925 --> 00:41:17,005 ต้องดูจิตตนเองในภาวะปกติ 632 00:41:17,005 --> 00:41:20,608 อย่าไปทรงสมาธิอยู่ 633 00:41:20,608 --> 00:41:23,440 อย่างถ้าเราไปทรงฌานอยู่ 634 00:41:23,440 --> 00:41:25,762 แล้วเราบอกว่า เราไม่มีราคะแล้ว 635 00:41:25,762 --> 00:41:27,540 ไม่มีโทสะแล้ว 636 00:41:27,540 --> 00:41:29,477 ไม่มีกามราคะ ไม่มีโทสะ 637 00:41:29,477 --> 00:41:31,384 เป็นพระอนาคามีแล้ว 638 00:41:31,384 --> 00:41:34,499 ออกจากสมาธิมา อ้าว กิเลสกลับมาอีกแล้ว 639 00:41:34,499 --> 00:41:36,415 ราคะก็แรงยิ่งกว่าเก่า 640 00:41:36,415 --> 00:41:39,264 โทสะก็ยิ่งแรงยิ่งกว่าเก่าอีก 641 00:41:39,264 --> 00:41:43,049 พวกนั่งสมาธิหลุดออกมาจากสมาธิแล้ว 642 00:41:43,049 --> 00:41:47,077 กิเลสแรง กิเลสมันคิดดอกเบี้ย 643 00:41:47,077 --> 00:41:49,565 มันถูกเก็บกดอยู่ช่วงหนึ่ง 644 00:41:49,565 --> 00:41:54,491 มีโอกาสมันซัดเราหงายท้องเลย 645 00:41:54,491 --> 00:41:57,608 ภาวนาเวลาเราจะสังเกตกิเลสตัวเอง 646 00:41:57,608 --> 00:42:02,329 สังเกตในภาวะปกติในใจที่เป็นปกติอย่างนี้ 647 00:42:02,329 --> 00:42:06,513 ไม่ใช่ใจที่ทรงสมาธิอยู่ 648 00:42:06,513 --> 00:42:13,283 บางคนเพ่งเอาไว้อย่างนี้ 649 00:42:13,283 --> 00:42:16,809 แล้วบอกว่าไม่มีกิเลสแล้ว 650 00:42:16,809 --> 00:42:19,318 หลวงพ่อพยายามทำหน้าให้ดู 651 00:42:19,318 --> 00:42:22,991 จิตก็เป็น ทำทั้งหน้าทั้งใจ 652 00:42:22,991 --> 00:42:26,229 เพ่งอยู่อย่างนี้ แล้วบอกไม่มีกิเลส 653 00:42:26,229 --> 00:42:28,865 ใครด่าก็ไม่โกรธ ใครชมก็เฉยๆ 654 00:42:31,701 --> 00:42:36,479 เห็นผู้หญิงสวยๆ เดินโป๊ๆ ก็เฉยๆ 655 00:42:36,479 --> 00:42:41,846 ทำไมมันเฉย จิตมันติดสมาธิอยู่ 656 00:42:41,846 --> 00:42:45,066 มันก็ข่มกามราคะได้ 657 00:42:45,066 --> 00:42:47,576 มันข่ม มันไม่ได้ละ 658 00:42:47,576 --> 00:42:50,087 มันข่มไว้ชั่วคราว 659 00:42:50,087 --> 00:42:54,634 เพราะฉะนั้นเวลาที่เราภาวนา แล้วเรานึกว่าเราได้โน้นได้นี้ 660 00:42:54,634 --> 00:42:56,959 เราวัดกิเลสตัวเอง 661 00:42:56,959 --> 00:43:00,925 วัดในภาวะที่จิตใจเป็นปกติ 662 00:43:00,925 --> 00:43:03,308 อย่าไปน้อมจิตให้นิ่งๆ ทื่อๆ อยู่ 663 00:43:03,308 --> 00:43:06,579 แล้วก็มาวัดตอนที่มันนิ่งๆ ทื่อๆ 664 00:43:06,579 --> 00:43:09,404 อันนั้นจะวัดไม่ออก 665 00:43:09,404 --> 00:43:11,787 ถ้าเป็นคนปกติอย่างเวลานั่งสมาธิ 666 00:43:11,787 --> 00:43:15,798 จิตรวมอยู่อย่างนี้ คนมาด่าก็เฉย 667 00:43:15,798 --> 00:43:18,420 เวลาออกจากสมาธิคนยังไม่ทันด่า 668 00:43:18,420 --> 00:43:21,153 มันมองหน้าโดดถีบมันแล้ว 669 00:43:21,153 --> 00:43:23,123 นี่มันจะต่างกัน 670 00:43:23,123 --> 00:43:25,143 เพราะฉะนั้นต้องวัดตัวจริง 671 00:43:25,143 --> 00:43:29,936 ไม่ถูกฌานสมาบัติอะไรมาห่อหุ้มเอาไว้ 672 00:43:29,936 --> 00:43:37,415 ฉะนั้นเวลาวัดกิเลส วัดตอนที่ใจเราเป็นปกตินี่ล่ะถึงจะเห็นชัด 673 00:43:37,415 --> 00:43:39,062 พอได้หลักไหม 674 00:43:39,062 --> 00:43:45,629 ในการที่จะไปตรวจสอบการปฏิบัติของตัวเอง 675 00:43:45,629 --> 00:43:49,941 เราตรวจสอบการปฏิบัติของตัวเอง 676 00:43:49,941 --> 00:43:53,539 ใช้โยนิโสมนสิการเป็นสำคัญ 677 00:43:53,539 --> 00:43:55,902 จะรู้โยนิโสมนสิการได้ 678 00:43:55,902 --> 00:43:59,837 ต้องมีสุตตะ มีการเรียนรู้ 679 00:43:59,837 --> 00:44:08,993 สุตตะไม่ใช่พระสูตรเฉยๆ สุตตะ การฟังๆ 680 00:44:08,993 --> 00:44:11,659 การอ่านก็ใช้ได้ 681 00:44:11,659 --> 00:44:13,739 อ่านพระไตรปิฎกอะไรอย่างนี้ 682 00:44:13,739 --> 00:44:15,844 อ่านให้รอบคอบ 683 00:44:15,844 --> 00:44:18,818 อ่านแล้วก็จับประเด็นผิดๆ ถูกๆ อะไรอย่างนี้ 684 00:44:18,818 --> 00:44:22,115 อันตรายเหมือนกัน 685 00:44:22,115 --> 00:44:25,152 อ่านต้องรอบคอบ 686 00:44:25,152 --> 00:44:30,638 อย่างบอกว่าถ้าพระไปรักษาโรคให้คน 687 00:44:30,638 --> 00:44:39,547 พระหมอนี่ทำผิดศีล 688 00:44:39,547 --> 00:44:43,663 เป็นเดรัจฉานวิชา วิชาแพทย์ 689 00:44:43,663 --> 00:44:49,532 พระไปทำเดรัจฉานวิชา อาบัติ นี่พูดเอาเอง 690 00:44:49,532 --> 00:44:55,434 ที่จริงพระหากินด้วยเดรัจฉานวิชา อาบัติ 691 00:44:55,434 --> 00:44:59,439 แต่พระใช้เดรัจฉานวิชา ช่วยเหลือสงเคราะห์โลกอะไรอย่างนี้ 692 00:44:59,439 --> 00:45:02,676 เป็นความเมตตากรุณาต่างหาก 693 00:45:02,676 --> 00:45:05,735 พอตีความผิดก็ใส่ร้ายพระไปทั่ว 694 00:45:05,735 --> 00:45:10,809 องค์โน้นผิดองค์นี้ผิด ผิดอะไรนักหนา 695 00:45:10,809 --> 00:45:14,056 ต้องเรียนต้องอ่านบ้าง 696 00:45:14,056 --> 00:45:18,382 แต่อ่านแล้วก็เอาแขวนขึ้นหิ้งไว้ก่อน 697 00:45:18,382 --> 00:45:21,516 ตอนที่ลงมือภาวนา ลืมไปก่อน 698 00:45:21,516 --> 00:45:26,052 แล้วภาวนาเสร็จแล้วลองมาเทียบดูกับตำรา 699 00:45:26,052 --> 00:45:34,660 ถ้าภาวนาถูกต้องตรงกัน ต้องตรงกัน 700 00:45:34,660 --> 00:45:38,041 ฉะนั้นโยนิโสมนสิการไม่ใช่คิดเรื่อยเปื่อย 701 00:45:38,041 --> 00:45:40,723 ไม่ใช่คิดตามใจกิเลส 702 00:45:40,723 --> 00:45:44,157 แต่คิดโดยดูหลักเกณฑ์ 703 00:45:44,157 --> 00:45:47,999 พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร พระอรหันตสาวกท่านสอนไว้อย่างไร 704 00:45:47,999 --> 00:45:51,549 ดูตรงนั้น 705 00:45:51,549 --> 00:45:55,493 แล้วก็จุดสำคัญ หัดสังเกตตัวเอง 706 00:45:55,493 --> 00:45:58,394 สังเกตใจไว้ 707 00:45:58,394 --> 00:46:02,412 แล้วก็มีโอกาสถามครูบาอาจารย์ 708 00:46:02,412 --> 00:46:04,829 ตรงนี้เสี่ยงมากเลย 709 00:46:04,829 --> 00:46:08,256 บางทีเราภาวนาดี เราไปเจอครูบาอาจารย์เก๊ 710 00:46:08,256 --> 00:46:12,293 ไปถามเขาแก้ของเรา 711 00:46:12,293 --> 00:46:18,855 เมื่อก่อนมีเรียนกับที่อื่นมา 712 00:46:18,855 --> 00:46:22,944 แล้วมาฟังกับหลวงพ่อ เราก็แก้ให้ 713 00:46:22,944 --> 00:46:24,346 กลับไปหาอาจารย์ 714 00:46:24,346 --> 00:46:26,728 อาจารย์แก้กลับไปอย่างเดิมอีก 715 00:46:26,728 --> 00:46:29,000 อย่างกับตีปิงปอง ตีกลับไปกลับมา 716 00:46:29,000 --> 00:46:31,359 สุดท้ายหลวงพ่อตบทีเดียว 717 00:46:31,359 --> 00:46:35,793 กระเด็นออกนอกโต๊ะไปเลย ไม่เอาด้วยแล้ว 718 00:46:35,793 --> 00:46:39,834 ฉะนั้นวัดใจตัวเองให้ได้ดีที่สุด 719 00:46:39,834 --> 00:46:42,842 แล้วเครื่องมือในการวัด โยนิโสมนสิการ 720 00:46:42,842 --> 00:46:45,514 วัดด้วยตัวนี้ 721 00:46:45,514 --> 00:46:48,404 ฉะนั้นอย่าได้โง่งมงาย 722 00:46:48,404 --> 00:46:52,366 ทุกวันนี้คนออกมาสอนมากมายเหลือเกิน 723 00:46:52,366 --> 00:46:54,904 เราภาวนาชำนิชำนาญ 724 00:46:54,904 --> 00:46:59,381 เราฟังปุ๊บเราก็รู้แล้วนี่ธรรมะระดับไหน 725 00:46:59,381 --> 00:47:04,443 ธรรมะระดับคิดเอาหรือว่ามีประสบการณ์ตรง 726 00:47:04,443 --> 00:47:06,984 ประสบการณ์นั้นตรงถูกหรือไม่ถูก 727 00:47:06,984 --> 00:47:11,441 ไปอีกหลายระดับ ค่อยๆ ดูเอา 728 00:47:11,441 --> 00:47:14,883 วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้ 729 00:47:14,883 --> 00:47:17,593 ทำไมไม่สอนวิธีปฏิบัติ สอนไปเยอะแล้ว 730 00:47:17,593 --> 00:47:21,498 วันนี้สอนการตรวจการบ้านตัวเอง 731 00:47:21,498 --> 00:47:26,342 จะได้ไม่ต้องมาถามหลวงพ่อบ่อย 732 00:47:26,342 --> 00:47:30,676 เบอร์ 1 เบอร์ 1 ต้องตกใจด้วย 733 00:47:30,676 --> 00:47:33,516 เรียกเบอร์ 1 ทีเดียว 734 00:47:33,516 --> 00:47:39,261 เบอร์ 1: ในรูปแบบนั่งสมาธิอยู่กับลมหายใจ 735 00:47:39,261 --> 00:47:41,642 อยู่กับอารมณ์อันเดียวบ้าง 736 00:47:41,642 --> 00:47:45,980 ดูจิตทำงานบ้าง รู้ทันบ้างไม่ทันบ้าง 737 00:47:45,980 --> 00:47:48,303 ยังจงใจมากไป 738 00:47:48,303 --> 00:47:52,546 เพราะมันยังไม่ยอมรับความจริง และความอยากดี 739 00:47:52,546 --> 00:47:56,911 ชีวิตประจำวันคอยมีสติรู้ทันจิตคิด 740 00:47:56,911 --> 00:48:01,759 แต่รวมๆ แล้วสติยังช้าและอ่อนอยู่ 741 00:48:01,759 --> 00:48:04,528 รู้จักกิเลสตัวเองมากขึ้น 742 00:48:04,528 --> 00:48:08,214 ทั้งมานะ โทสะ ความอยาก 743 00:48:08,214 --> 00:48:13,046 มันวนเวียนกลับมาเรื่อยๆ ขอคำสั่งสอนครับ 744 00:48:13,046 --> 00:48:17,602 ที่รู้ที่เห็นถูกแล้ว ดี 745 00:48:17,602 --> 00:48:21,024 จุดที่ยังผิดอยู่คือจิต 746 00:48:21,024 --> 00:48:23,156 จิตของเราปกติเป็นแบบนี้ไหม 747 00:48:23,156 --> 00:48:26,037 พยักหน้าเอาหรือส่ายหน้า 748 00:48:26,037 --> 00:48:28,186 ไม่เป็นอย่างนี้ 749 00:48:28,186 --> 00:48:31,755 ถ้าจิตเป็นอย่างนี้ใช้ไม่ได้ 750 00:48:31,755 --> 00:48:33,680 ไปล็อกนิ่งๆ เฉยๆ 751 00:48:33,680 --> 00:48:38,484 จิตเฉยๆ อย่างนี้ ใครด่าก็เฉย 752 00:48:38,484 --> 00:48:40,597 จิตตรงนี้ก็ยังไม่ปกติ ดูออกไหม 753 00:48:43,287 --> 00:48:49,098 เออ รู้ทันแล้ว ใช้ได้ ดีที่ทำอยู่ 754 00:48:49,098 --> 00:48:53,755 หลวงพ่อถึงบอกอย่างไรเวลาวัด ต้องวัดด้วยใจที่ปกติ 755 00:48:53,755 --> 00:48:56,186 ถ้าใจไปทรงไว้อย่างนี้ 756 00:48:56,186 --> 00:48:58,649 มันวัดอะไรไม่ได้หรอก 757 00:48:58,649 --> 00:49:02,920 มันเห็นกิเลสก็เห็นไม่จริง 758 00:49:02,920 --> 00:49:07,244 เบอร์ 2: ในรูปแบบนั่งสมาธิ 759 00:49:07,244 --> 00:49:10,009 หายใจเข้าพุทออกโธ 760 00:49:10,009 --> 00:49:15,980 ในชีวิตประจำวันบริกรรม พุทโธ ธัมโม สังโฆ ในใจ 761 00:49:15,980 --> 00:49:17,627 มีเผลอบ้าง 762 00:49:17,627 --> 00:49:21,408 ไม่ทราบว่าควรดูกายหรือจิตครับ 763 00:49:21,408 --> 00:49:25,815 บริกรรมไปเรื่อยๆ เอาสติ 764 00:49:25,815 --> 00:49:29,783 พอเราได้สติ อย่างเราพุทโธๆ ไป 765 00:49:29,783 --> 00:49:32,781 เผลอแล้วเรารู้ เผลอแล้วรู้ 766 00:49:32,781 --> 00:49:36,096 เราได้สติได้สมาธิขึ้นมา 767 00:49:36,096 --> 00:49:38,744 แล้วคราวนี้สติระลึกรู้ลงในกาย 768 00:49:38,744 --> 00:49:40,497 เราก็ดูเห็นไตรลักษณ์ 769 00:49:40,971 --> 00:49:43,493 สติไปรู้การทำงานของจิต 770 00:49:43,493 --> 99:59:59,999 เราก็เห็นจิตใจแสดงไตรลักษณ์ 771 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูไป สติรู้อะไรก็รู้อันนั้นล่ะ 772 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่ต้องบังคับว่าจงรู้เฉพาะร่างกายหรือจงรู้เฉพาะจิต 773 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่าไปบังคับมัน จะตึงไป สังเกตไหมใจเราตึงๆ ไปนิดหนึ่ง 774 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สบายๆ รู้ไปธรรมดาๆ ใจธรรมดาดีที่สุดเลย 775 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตรงนี้ไม่ธรรมดาแล้วรู้สึกไหม 776 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เมื่อกี้ธรรมดา ตอนนี้ไม่ธรรมดา เพราะเราไปรวบเข้ามา 777 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตัวนี้โมหะแทรกแล้วรู้สึกไหม มันซึมลงไป 778 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะฉะนั้นทำสมาธิก็ทำไป 779 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะบริกรรมก็บริกรรมไป 780 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับจิตใจ ให้คอยรู้ทัน 781 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 บริกรรมแล้วโมหะแทรก ชักเคลิ้มชักลืมตัวรู้ทัน 782 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้ารู้ทันแล้วก็หายใจให้แรงขึ้นนิดหนึ่งก็ได้ 783 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 กระตุ้นความรู้สึกตัวไม่ให้มันหย่อนเคลิ้มลงไป 784 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้สึกตัวไปแต่อย่าไปกระตุ้นมาก มันจะแข็งไป 785 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เอาแค่ไม่หลงไม่เคลิ้มไม่ถูกโมหะครอบ 786 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้เนื้อรู้ตัวด้วยใจปกติ 787 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 โมหะแทรกตรงนี้ เราน้อมใจให้เคลิ้ม 788 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่าน้อมใจให้เคลิ้ม รู้ตัวไว้ 789 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หายใจออกรู้สึก หายใจเข้ารู้สึก 790 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือจะพุทโธด้วยก็ได้ รู้สึก อย่าไปดัดแปลงจิต 791 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 2 ยังชินที่จะดัดแปลงจิตให้มันนิ่งๆ 792 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้สึก ความรู้สึกสำคัญยิ่งกว่าการบังคับให้นิ่ง 793 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เออ ตรงนี้ถูก 794 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เวลาถูกมันถูกแวบเดียวล่ะ 795 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วจิตมันก็ไปปรุงต่อ 796 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หายใจไป พุทโธไปเรื่อยๆ ใจเคลิ้มให้รู้ 797 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หายใจไป พุทโธไป ใจหนีไปคิดเรื่องอื่นให้รู้ 798 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะฉะนั้นหายใจไปพุทโธไปแล้วรู้ทันใจไว้ 799 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เคลิ้มก็รู้ หลงไปก็รู้ 800 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกบ่อยๆ แล้วสติจะแข็งแรง สมาธิจะดีขึ้น 801 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 3: ฟังธรรมตอนขับรถ 802 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อ่านหนังสือธรรมะบ้าง 803 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ในรูปแบบนั่งสมาธิเช้าเย็นครั้งละ 30 นาที 804 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หายใจเข้าพุทออกโธ 805 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูร่างกายหายใจ มักฟุ้งซ่าน ยังติดเพ่ง 806 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 บางครั้งรู้สึกสว่างขึ้นคล้ายเปิดสวิตช์ไฟ รู้สึกชอบ 807 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ไม่นานก็เผลอไปคิดเรื่องอื่น 808 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ระหว่างวันดูร่างกายหายใจพร้อมพุทโธ 809 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 คอยรู้ทันโทสะและเผลอคิด 810 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูร่างกายเคลื่อนไหวบ้าง ขอคำสั่งสอนค่ะ 811 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูอย่างนั้นล่ะ 812 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หายใจไปหรือเคลื่อนไหวไปก็ไม่ได้ไปบังคับจิตให้นิ่ง 813 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หายใจไปเคลื่อนไหวจิตหลงไปก็รู้ 814 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 พยายามไปดึงจิตคืนมาก็รู้ 815 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้ทันจิตตัวเองบ่อยๆ 816 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใช้กรรมฐานจะหายใจก็ได้เคลื่อนไหวก็ได้ 817 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แนะนำอันหนึ่งก็คือดูกายให้เยอะขึ้น 818 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใช้สติใช้ปัญญาสอดส่องเข้าไปในร่างกาย 819 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายนี้มันสวยอยู่ที่เปลือกนอก 820 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สวยอยู่ที่ขนผมเล็บฟันหนังเท่านั้นเอง 821 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรากำหนดจิตมองเข้าไปภายใน 822 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นของไม่สวยไม่งามอยู่ภายในเยอะแยะ 823 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกตัวนี้บ้าง มันถูกกับจริต 824 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะเราเป็นพวกรักสุขรักสบายรักสวยรักงาม 825 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 น้อมกลับเข้ามาดูตัวนี้จะดี 826 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 1 ติดสมาธิ 827 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตคงที่อยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่เผลอ 828 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตัวนี้ต้องไปดูให้ดี 829 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้ามันค้างกลางอากาศอยู่อย่างนี้ 830 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันไม่เดินปัญญาจริง 831 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 4: ปฏิบัติในรูปแบบทุกวัน 832 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มีอาการตึงๆ หน่วงๆ ตรงกลางศีรษะ 833 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จนถึงปลายจมูก 834 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มีความรู้สึกคล้ายการเข้าไปในสมาธิที่ลึก 835 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เวลาทำงานจะทำความรู้สึกตัวทุกครั้ง 836 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เมื่อมีทุกข์เข้ามาจะรู้สึกไม่ทุกข์มากเหมือนแต่ก่อน 837 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้สึกอยู่เหนือทุกข์ 838 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มองทุกอย่างเป็นสมมุติมากขึ้น 839 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ขอการบ้านค่ะ 840 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เวลาที่ใจเราทรงสมาธิอยู่มันจะรู้สึกอย่างที่เล่า 841 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าอยากเห็นของจริงอย่าค้างอยู่กลางอากาศแบบนี้ 842 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราน้อมจิตให้ทรงสมาธิอยู่อย่างนี้ อะไรๆ ก็เฉยๆ หมดล่ะ 843 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าหลุดจากตรงนี้เมื่อไรมันร้ายเลย 844 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถอยออกมาสิ อย่าค้างอยู่อย่างนั้น 845 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถอยออกมา เออ อยู่ข้างนอกอย่างนี้ 846 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 กิเลสไม่ได้อยู่ข้างในอย่างนั้น 847 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่าหลุดเข้าไปค้างกลางอากาศอยู่ 848 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าอย่างนั้นจะไม่เดินปัญญาจริง 849 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะจะไม่เห็นกิเลสหรอก 850 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะรู้สึกเฉยๆ อะไรเกิดขึ้นก็เฉยๆ จะรู้สึกไปทางนั้น 851 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าใจเราไม่ไปทรงค้างอยู่กับสมาธิข้างในอย่างนั้น 852 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 คราวนี้กระทบอารมณ์มันจะเกิดปฏิกิริยาตามธรรมชาติธรรมดาล่ะ 853 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราก็จะเห็นปฏิกิริยาทั้งหลาย 854 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป 855 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ควบคุมไม่ได้ บังคับไม่ได้ 856 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ปัญญามันอยู่ตรงนี้ไม่ได้อยู่ตรงเฉย 857 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 5: ทำกรรมฐานใช้คำบริกรรมพุทโธ 858 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ระหว่างวันพยายามคิดพุทโธแล้วสังเกตว่า 859 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ยังคิดพุทโธอยู่หรือไม่มีพุทโธ 860 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทำในรูปแบบด้วยการนั่งบริกรรมพุทโธก่อนนอนและหลังตื่นนอน 861 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใช้การตั้งใจหายใจ เพื่อช่วยในเวลาที่ง่วง เคลิ้ม 862 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หรือคิดพุทโธไม่ค่อยได้ 863 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ขอคำชี้แนะการปฏิบัติต่อไปครับ 864 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถูกแล้วไปพุทโธต่อ ทำได้ ทำวิธีนี้ก็ทำได้ ทำอีก 865 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 5 ตรงนี้เราน้อมจิตเข้าไปรู้สึกไหม 866 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 น้อมเข้าไปรู้ว่าน้อม รู้ทันจิตตัวเอง 867 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตตรงนี้ดี ตรงนี้จิตธรรมดา 868 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้สึกไหม มันรู้ มันตื่น มันเบิกบาน 869 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ส่วนที่น้อมเข้าไป มันก็ได้ซึมๆ ตรงนี้ดี 870 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตที่จะเดินปัญญาหรือเจริญสติในชีวิตประจำวัน 871 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ใช้จิตอย่างตรงนี้ 872 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ส่วนต้องการพักผ่อนก็เข้าสมาธิลึกลงไป ไม่เป็นไร 873 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่พอออกจากสมาธิมาอยู่ข้างนอกนี้ 874 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วกระทบอารมณ์แล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตได้ 875 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จะเดินปัญญาได้คล่องตัว 876 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้านิ่งไปตลอดมันไม่เดินปัญญาจริงหรอก ดี 877 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 6: ในรูปแบบดูลมหายใจ มีพุทโธกำกับ 878 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ในชีวิตประจำวันดูอารมณ์ที่มากระทบบ้าง 879 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อยู่กับลมหายใจบ้าง 880 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นโทสะเล็กๆ และเบื้องหลังการกระทำบ่อยขึ้น 881 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 หลวงพ่อเคยให้ไปดูตัวนิ่งๆ ที่เป็นโมหะสมาธิ 882 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นว่ามีการคุมและมีความหนักกลางอก 883 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เวลาทำในรูปแบบรู้สึกว่ายังติดการคุม 884 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 และมีความหนักเมื่อมารู้ตัวในชีวิตประจำวัน 885 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ขอคำชี้แนะค่ะ 886 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เวลาเราจะทำสมาธิ 887 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบื้องต้นก็ต้องจงใจไว้ก่อน 888 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันก็คุมนิดหน่อย ถ้าคุมมากสมาธิไม่ดีหรอก 889 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แน่นๆ อึดอัด 890 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าเราทำสมาธิแล้วเราออกมาอยู่ข้างนอก 891 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรายังรู้สึกว่ามีการคุมอยู่ แสดงว่าเราติด 892 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เรายังไม่ได้ออกจากสมาธิอย่างแท้จริง 893 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตติดซึมออกมาด้วย ตัวนี้ไม่ดี 894 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะฉะนั้นเวลาเรานั่งสมาธิ 895 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่าให้ขาดสติ อย่าให้สติอ่อนเกินไป 896 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าสติอ่อนเกินไปแล้วโมหะมันครอบ 897 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วพอเราถอยออกมาอยู่กับโลกข้างนอกนี่ 898 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 โมหะมันติดออกมาด้วย 899 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพิ่มความรู้สึกตัวขึ้นนิดหนึ่งเวลานั่งสมาธิ 900 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่าให้เคลิ้มลงไป 901 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วเวลาอยู่ข้างนอกสติจะทำงานได้คล่องแคล่ว 902 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 จิตไม่ติดโมหะ 903 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นี่ตรงนี้น้อมแล้ว รู้สึกไหม ใจเริ่มน้อมเข้าไปจะให้มันซึม 904 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สมาธิไม่ได้แปลว่าสงบ สมาธิคือความตั้งมั่นของจิต ฉะนั้นไม่ได้ไปฝึกน้อมให้ซึมลงไปเพื่อจะได้สงบ อันนั้นเป็นมิจฉาสมาธิ 905 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฉะนั้นต้องมีสติกำกับ 906 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าขาดสติเมื่อไรก็เกิดมิจฉาสมาธิทันทีเลย 907 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้สึกๆๆ มันจะเคลิ้มอยู่เรื่อย มันเคยชิน 908 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ตอนนี้นั่งน้อยๆ ก็ได้ 909 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ออกมาทำงาน เคลื่อนไหวทำงานบ้านแล้วรู้สึกตัวไป 910 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไปทำงานแล้วรู้สึกตัวที่มันทำงานไป 911 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดีกว่าไปนั่งสมาธิ 912 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันติด มันติดโมหะ เอาอยู่ข้างนอกนี่ล่ะ 913 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วรู้สึกเอา 914 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 7: ในรูปแบบ สวดมนต์ เดินจงกรม 915 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูร่างกายหายใจ วันละ 30 นาที - 2 ชั่วโมง 916 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เวลาฟุ้งมาก จะฟังเทศน์หลวงพ่อ 917 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สวดมนต์จนมีแรง แล้วกลับมาดูกายใจทำงาน 918 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ระหว่างวันรู้กายเคลื่อนไหว ใจเปลี่ยน 919 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นโทสะ มานะ ขอการบ้านค่ะ 920 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดี ไปทำอีก ฝึกไปเรื่อยๆ 921 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 7 อันนี้เราส่งจิตไปดู 922 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 สังเกตไหมจิตมันเคลื่อนออกไปดู 923 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันไปดูอะไรไม่สำคัญ 924 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ที่สำคัญคือรู้จิตมันเคลื่อนไปดู 925 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้ทันจิตที่เคลื่อน 926 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วก็ไม่ได้รักษาว่าห้ามเคลื่อน 927 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เคลื่อนแล้วรู้ เคลื่อนแล้วรู้ 928 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 8: ภาวนาในรูปแบบทุกวัน 929 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 โดยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ 930 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูลมหายใจเข้าออก ทำอานาปานสติ 931 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 และเดินจงกรมประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง 932 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ชีวิตประจำวัน ดูกาย 933 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นกายที่ขยับเคลื่อนไหว 934 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดูจิตเปลี่ยนไปเมื่อเจอผัสสะกระทบอารมณ์ 935 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มีลมหายใจและกายเป็นเครื่องอยู่ 936 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ช่วงหลังเห็นกิเลสบ่อยขึ้น ขอคำชี้แนะค่ะ 937 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ดีขึ้นเยอะเลย ใช้ได้ 938 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ระวังอันเดียวอย่าน้อมจิตไปให้มันไปนิ่งๆ 939 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันยังเคยชินที่จะทำจิต รู้สึกไหม ไปแต่งจิตให้มันนิ่งๆ อยู่นิดหนึ่ง 940 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่มากหรอกแต่ว่ามี 941 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่าไปปรุงแต่งจิต 942 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าจิตจะปรุงแต่งอะไร เราคอยรู้ทัน ไม่ห้าม 943 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่เราอย่าไปปรุงแต่งจิตให้มันนิ่งๆ เฉยๆ เสียเอง 944 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ให้จิตทำงานตามธรรมชาติธรรมดา 945 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 วันนี้ 8 คนเป็นเรื่องของสมาธิเสียเยอะเลย 946 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เบอร์ 4 ใจฟุ้งซ่าน วันนี้เท่านี้ 947 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ต้องอดทน หลวงพ่อแถมนิดหนึ่ง 948 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มีผู้หญิงอยู่คนเป็นคนฟุ้งซ่านมากๆๆๆ 949 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่ใช่มากอย่างเดียว มากๆๆ หลายตัว 950 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วชอบวุ่นวาย ชอบกิจกรรม แต่ว่าอยากดี 951 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 งานอดิเรกคือเล่นตุ๊กตา 952 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทีนี้หลวงพ่อก็นวดหนักๆ เลย บังคับให้ภาวนา 953 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ภาวนาทีแรกจะร้องห่มร้องไห้ 954 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 โอ้ย มันทุกข์ทรมาน นั่งแล้วทรมานมากเลย 955 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วเผลอเมื่อไรก็จะออกไปซนแล้วโดนดุทุกที 956 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อดทน ถูกดุก็ทน 957 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ภาวนาจนกระทั่งเมื่อวันศุกร์มาส่งการบ้าน 958 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ภาวนาแล้วจิตมันรวมลง 959 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ร่างกายหายไป โลกทั้งโลกก็หายไป 960 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เหลือแต่จิตดวงเดียวมีสติกำกับอยู่ 961 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นการทำงานภายในอยู่ 962 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วก็มาบอกหลวงพ่อว่า 963 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นี่เขาจะมีคอร์ส จะไปเข้าคอร์สดีไหม 964 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 บอกไปเข้าทำไมล่ะ 965 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราภาวนาของเราก็ดีๆ อยู่แล้ว 966 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 การปฏิบัติมันเรื่องเฉพาะตัว ไปรวมกลุ่ม 967 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเราเจอคนซึ่งภาวนาดีกว่าเราหรือเสมอเรา เราก็ได้ดี 968 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเจอคนฟุ้งซ่าน 969 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ธาตุสันดานเดิมพื้นฐานเดิมของเราฟุ้งซ่าน 970 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันก็จะดึงดูดเราฟุ้งซ่าน 971 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 กรรมฐานที่อุตส่าห์ฝึกมาอย่างยากลำบากเสียหมด 972 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพราะฉะนั้นทางที่ดีไม่คลุกคลี 973 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เล่าให้พวกเราฟังว่า 974 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 กระทั่งคนที่ฟุ้งสุดยอดแต่อดทนมันก็ยังทำได้ 975 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ขอให้อดทนเถอะ 976 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ทนต้องทนจริงๆ ทนเจ็บ ทนปวด 977 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นั่งแล้วจะตายเอา เจ็บไปทั้งตัวเลย 978 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ต้องอดทน ทนได้ก็ได้แก่นสารสาระ 979 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 อย่างน้อยชาตินี้ก็รู้แล้วว่าจิตจริงๆ เป็นอย่างไร 980 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันเพิกโลกออกไป เพิกถอนโลก 981 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เพิกถอนร่างกายออกไป เหลือแต่จิตดวงเดียว 982 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 การปฏิบัติทีนี้ก็สามารถเจริญปัญญาอยู่ตรงนี้ได้เลย 983 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แต่ถ้าย่อหย่อนเมื่อไรก็ฟุ้งซ่าน 984 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ความเพียรที่ทำมาก็ล้มเหลว ต้องเริ่มต้นไหม 985 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เริ่มหลายๆ ทีก็ไม่มีแรงจะเริ่ม 986 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 คนนี้พื้นฐานแย่กว่าพวกเรา 987 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฉะนั้นพวกเราพื้นฐานยังดีกว่าเขาส่วนใหญ่ 988 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เขาฟุ้งมาก โมหะเยอะ ราคะ หมายถึงชอบของสวยของงามเยอะ เขายังสู้ได้เลย 989 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เราก็ต้องสู้ ทำให้ได้ 990 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มักน้อย สันโดษ ฝักใฝ่ในความสงบ 991 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่คลุกคลี ปรารภความเพียร 992 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นานๆ เพียรทีไม่ได้กินหรอก 993 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 5 ข้อนี้พื้นฐานจะต้องมี แล้วเราถึงจะเจริญ 994 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถัดจากนั้นก็รักษาศีล 995 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ฝึกจิตให้ตั้งมั่น 996 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เจริญปัญญา แยกธาตุแยกขันธ์ 997 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นธาตุขันธ์แต่ละตัวแสดงไตรลักษณ์ไป 998 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถัดจากนั้นเป็นของที่เกิดเอง 999 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เกิดมรรคผล เกิดวิมุตติ 1000 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 แล้วก็เกิดวิมุตติญาณทัสสนะ 1001 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 รู้ว่ากิเลสอะไรละแล้ว กิเลสอะไรยังไม่ละ 1002 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เดินแนวนี้ถึงจะเอาตัวรอด 1003 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ถ้าเริ่มต้นก็มักมาก อยากไปหมด 1004 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 เห็นใครเขามีอะไรก็อยากไปหมด 1005 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ไม่เคยคิดจะทำความสงบเลย ชอบคลุกคลี 1006 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 นานๆ คิดถึงการปฏิบัติทีหนึ่ง 1007 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 มันก็ได้เท่าที่ควรจะได้นั่นล่ะ 1008 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 ก็ได้นิดๆ หน่อยๆ 1009 99:59:59,999 --> 99:59:59,999 วันนี้สอนเท่านี้ อดทน