-
รู้กันไหมคะ
-
ว่าเสื้อสองตัวนี้
-
ตัวไหนเป็นของผู้ชาย
-
ตัวไหนเป็นของผู้หญิง
-
สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
-
เห็นเสื้อที่ยกขึ้นมาสองตัวนะคะ
-
หลายๆคนก็จะงงค่ะ
-
เพราะว่า
-
ทุกคนก็ใส่เสื้อกันเป็นปกติในชีวิตประจำวัน
-
หลายคนใส่เสื้อเชิ้ตแทบทุกวันนะคะ
-
ในการทำงาน
-
แต่ว่ารู้ไหมคะ
-
ว่าเสื้อเชิ้ตผู้ชายกับเสื้อเชิ้ตผู้หญิงเนี่ย
-
จริงๆแล้วมันมีจุดที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ
-
หลายคนก็แบบ
-
ทรงใช่ไหม
-
ไซส์ใช่ไหม
-
ของผู้หญิงมันต้องมีเข้าองเข้าเอว
-
จริงๆแล้วนะคะ
-
มันไม่ได้แยกกันตรงนั้นค่ะ
-
แต่มันมีจุดบางจุด
-
ที่เราจะสามารถ
-
แยกระหว่างเสื้อเชิ้ตของผู้ชาย
-
กับเสื้อเชิ้ตของผู้หญิงออกจากกันได้ค่ะ
-
ซึ่ง
-
หลายคนรู้แล้วแหละ
-
แต่...
-
คนที่ไม่รู้เนี่ย
-
ก็จะไม่เคยสังเกตเลยนะคะ
-
วันนี้วิวจะมาเล่าจุดแตกต่างนั้นให้ทุกคนฟังค่ะ
-
และจะมาบอกสาเหตุด้วย
-
ว่าทำไม
-
มันถึงต่างกันแบบนั้นนะคะ
-
อยากรู้กันแล้วใช่ไหม
-
โอเค
-
ถ้าใครอยากรู้แล้วนะคะ
-
อย่าลืม
-
กดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ
-
ติดตามเสร็จแล้วอย่าลืมกดปุ่มกระดิ่ง
-
กดปุ่ม See First อะไรต่างๆด้วย
-
น่ะ!
-
กดครบแล้วใช่ไหมคะ
-
พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก
-
แล้วก็มีสาระกันรึยังคะ
-
ถ้าพร้อมกันแล้วก็
-
ไปฟังกันเลยค่ะ
-
พูดถึงจุดแตกต่างกัน
-
ระหว่างเสื้อเชิ้ตของผู้ชายกับผู้หญิงนะคะ
-
เรามาดู
-
เสื้อเชิ้ตของผู้ชายกับเสื้อเชิ้ตของผู้หญิง
-
กันชัดๆอีกรอบดีกว่า
-
นี่
-
สองตัวนี้นะคะ
-
จะเห็นว่า
-
ตัวนี้ ตัวที่สีเข้มกว่าเนี่ย
-
เป็นเสื้อเชิ้ตของผู้ชาย
-
ส่วนตัวที่สีอ่อนกว่านี่นะคะ
-
เป็นเสื้อเชิ้ตของผู้หญิงค่ะ
-
จุดที่แตกต่างกันของเสื้อสองตัวนี้ก็คือ
-
กระดุมนั่นเอง
-
สังเกตไหม
-
จะเห็นว่าเสื้อเชิ้ตสองตัวเนี้ย
-
กระดุมอยู่คนละด้านกันค่ะ
-
พูดถึงกระดุมแล้วเนี่ยนะคะ
-
จริงๆแล้วกระดุมเป็นสิ่งประดิษฐ์
-
โบราณมากๆเลยค่ะ
-
เราค้นพบกระดุม
-
ที่เก่าแก่ที่สุดนะคะ
-
อยู่ในอารยธรรมสินธุค่ะ
-
ช่วงประมาณ
-
2800 ปี ก่อนคริสต์ศักราชนะคะ
-
เช่นเดียวกับในยุคสำริด
-
ที่
-
บริเวณอารยธรรมของจีนนะคะ
-
แล้วก็
-
ค้นพบที่
-
อารยธรรมโรมันโบราณเช่นกันค่ะ
-
กระดุมในสมัยนั้นนะคะ
-
ก็มีวัสดุที่มาค่อนข้างหลากหลายค่ะ
-
ไม่ว่าจะเป็นเปลือกหอย
-
เป็นโลหะ
-
หรือเป็นอะไรก็ตามนะคะ
-
อย่างไรก็ตามค่ะ
-
ในสมัยนั้นนิยมใช้เพื่อประดับตกแต่งมากกว่า
-
กระดุมที่เอาไว้ใช้ติดจริงๆ
-
เพื่อให้ผ้าสองชิ้นอยู่ด้วยกันเนี่ย
-
เพิ่งจะปรากฏในเยอรมนีนะคะ
-
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่
-
13 เท่านั้นเองค่ะ
-
ซึ่งแน่นอนว่า
-
หลังจากปรากฏขึ้นมาในเยอรมนีแล้วนะคะ
-
ก็ได้รับความนิยมมากๆ
-
จนแพร่กระจายไปทั่วยุโรปเลยทีเดียวค่ะ
-
เรามาเริ่มที่ของผู้ชายกันก่อนดีกว่า
-
ของผู้ชายนะคะกระดุมจะอยู่ที่ด้านขวา
-
รังกระดุมเนี่ยจะอยู่ด้านซ้ายใช่ไหม
-
ติดมาอย่างนี้
-
ปึ้ป!
-
ส่วนของผู้หญิงเนี่ยนะคะ
-
จุดที่แตกต่างไปคือ
-
เห็นไหมว่ากระดุมมันอยู่ด้านซ้าย
-
เวลาติดมารังดุมก็จะอยุ่ด้านขวาค่ะ
-
ทีนี้ถามว่า
-
แล้วทำไมมันถึงต่างกันล่ะ
-
ทำไมกระดุมเสื้อของผู้ชายกับของผู้หญิง
-
ถึงอยู่คนละด้านกันนะคะ
-
เอาจริงๆไหม
-
ไม่มีใครในโลกตอบได้
-
ใครหลายๆคนที่รู้แล้วก็จะรู้ทฤษฎีอะไรต่างๆ
-
แต่มันมีทฤษฎี
-
เยอะมากๆๆๆๆๆๆ
-
เลยค่ะ
-
ว่าทำไมกระดุมของผู้ชายกับผู้หญิง
-
ถึงอยู่คนละด้านกัน
-
ซึ่งเราก็ได้แต่เดานะคะ
-
ไม่มีใครสามารถฟันธงได้เลยว่า
-
สรุปแล้วทำไมมันถึงอยู่คนละด้านกันน่ะนะ
-
อย่างไรก็ดีนะคะ
-
ถ้าเราจะเดา
-
เราต้องย้อนกลับไปในวันที่
-
กระดุมเริ่มผลิตขึ้นมาในโลกแรกๆค่ะ
-
ตอนนั้นนะคะเป็นช่วงศตวรรษที่ 13 ค่ะ
-
กระดุมเพิ่งจะถูกผลิตขึ้นมาใน
-
แผ่นดินแถบยุโรปนะคะ
-
ทีนี้นะคะ
-
จากแหล่งข้อมูลที่วิวไปหาอ่านมาเนี่ย
-
ก็เป็นบทสัมภาษณ์ของคนจำนวนเยอะมากเลยนะคะ
-
ในวงการแฟชั่น
-
ไม่ว่าจะเป็น
-
ยกตัวอย่างนะ
-
คนแรกนะคะคือ Chloe Chapin นะคะ
-
เขาเป็น Fashion Historian
-
หรือว่านักประวัติศาสตร์แฟชั่นนั่นเอง
-
ส่วนบทสัมภาษณ์ของอีกคนหนึ่งที่วิวไปดูมานะคะ
-
ชื่อว่า
-
Paul Keers
-
คนนี้เป็นคนที่เขียนหนังสือ
-
ชื่อ Gentleman's Wardrobe นะคะ
-
Gentlemen ก็แปลว่า สุภาพบุรุษ
-
Wardrobe นี่แปลว่า ตู้เสื้อผ้า
-
ใน British English นะคะ
-
อาจจะแตกต่างจากศัพท์ที่เราคุ้นเคยกัน
-
ในภาษา American English นิดนึงนะคะ
-
เราจะคุ้นเคยกับคำว่า
-
Closet ที่เป็น American English
-
เราจะไปเจอคำนี้ในเรื่อง Narnia นะจ๊ะ
-
ใน Narnia เวลาเดินเข้าตู้เสื้อผ้าที่จะไป Narnia
-
เขาจะไม่ใช้แบบเดินเข้า Closet
-
เขาจะใช้คำว่าเดินเข้า Wardrobe นะคะ
-
นอกเรื่องไปไกล
-
กลับมาค่ะ
-
อีกคนหนึ่งที่วิวไปอ่านมา
-
เขารู้สึกจะชื่อ Melanie Moore
-
เป็น
-
เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าอะไรสักอย่าง
-
อะไรประมาณนี้
-
เอาเป็นว่าหลังจากที่ไปอ่านบทสัมภาษณ์
-
ของผู้คนในวงการแฟชั่นที่เชี่ยวชาญ
-
ด้านแบบแฟชั่น
-
สมัยโบราณทั้งหลายทั้งแหล่แล้วเนี่ยนะคะ
-
สรุปมาได้ว่าเขามีทฤษฎีอะไรบ้างนะคะ
-
ที่ทำให้กระดุมของผู้ชายกับกระดุมของผู้หญิงเนี่ย
-
อยู่คนละด้านกันค่ะ
-
เราเริ่มกันจากของผู้ชายก่อน
-
เขาบอกว่าในสมัยก่อนเนี่ยนะคะ
-
ผู้ชายเป็นเพศที่แบบ
-
ต่อสู่กันค่อนข้างเยอะ
-
ใช่ไหม
-
ทุกคนจะต้องมีการพกปงพกปืนอะไรกัน
-
ทีนี้เรามาดูเสื้อผู้ชายกันนะคะ
-
เวลาที่เราพกปืนเนี่ย
-
บางครั้งเราก็ไม่ได้พกปืนแบบ
-
ใส่เป็นซองปืนอยู่ข้างตัวใช่ไหม
-
หลายๆครั้งเนี่ยผู้ชายชอบซุกอาวุธเอาไว้ในเสื้อ
-
ทีนี้พอเราติดกระดุมแบบนี้ปุ้ป
-
ใช่ไหม
-
กระดุมอยู่ฝั่งนี้
-
รังดุมอยู่ฝั่งนี้ใช่ไหมคะ
-
ถ้าเราซุกอาวุธเอาไว้ในเสื้อ
-
แล้วคนส่วนใหญ่เนี่ยเป็นคนที่ถนัดขวา
-
ต้องยอมรับว่าสมัยโบราณเขาจะชอบคิดว่า
-
คนจำนวนมากเป็นคนที่ถนัดขวาใช่ปะ
-
ถ้าเราซุกอาวุธไว้ในเสื้อ แล้วเราถนัดขวา
-
กระดุมอยู่ฝั่งนี้
-
ทำให้เราสามารถเอามือสอดเข้าไปค่ะ
-
แล้วหยิบอาวุธออกมาได้ทันทีโดยที่ไม่ขาด
-
นึกสภาพว่าถ้าเราติดกระดุมด้านนี้
-
แล้วอาวุธเราอยู่ในเสื้อ
-
เราก็ต้องอ้อมอย่างเนี้ย
-
ไปหยิบออกมา
-
มันแปลกใช่ไหม
-
มันขัดกันค่ะ
-
นี่ก็เป็นหนึ่งในทฤษฏีนะคะที่ว่า
-
ทำไมกระดุมของผู้ชายถึงอยู่ด้านขวา
-
อีกทฤษฏีนึงค่ะ
-
เขามองย้อนกลับไป
-
ยุคไกลกว่านั้นอีก
-
ยุคไกลกว่าตอนพกปืนนะคะ
-
เขาบอกว่า
-
เฮ้ย
-
ตอนที่คิดกระดุมขึ้นมาผู้ชายยังไม่พกปืนหรอก
-
ตอนนั้นเขาพกดาบกัน
-
ซึ่ง
-
คนเราถนัดขวา
-
เวลาพกดาบอะ
-
เขาก็จะต้องพกดาบไว้ที่เอวซ้ายใช่ไหม
-
พกดาบไว้ที่เอวซ้าย
-
เวลาชักดาบก็จะเป็นแบบนี้
-
ฟิ้งง!
-
ขึ้นมาเท่ๆเหมือนกับ
-
ในหนังใช่ปะ
-
ทีนี้ถ้าสมมุติว่ากระดุมของเราเนี่ยนะคะ
-
มันอยู่ด้านนี้
-
มันมีโอกาสมากเลยที่
-
เวลาเราชักดาบขึ้นมา
-
ฟิ้งง!
-
แล้วเราจะไม่เชี่ยวชาญพอ
-
ด้ามดาบของเราเนี่ย
-
มันจะแทงเข้าไปในเสื้อ
-
แถะ!
-
แล้วมันก็ติด
-
แล้วมันจะไม่เท่เลย
-
แล้วมันจะแบบเสียจังหวะหนักมากในการสู้รบนะคะ
-
เขาก็เลยบอกว่าเป็นสาเหตุค่ะที่ทำให้
-
เสื้อเชิ้ตของผู้ชายเนี่ย
-
กระดุมจะต้องอยู่ด้านขวา
-
แล้วรังดุมจะต้องอยู่ด้านนี้
-
ดังนั้นรูมันจะได้อยู่ฝั่งนี้
-
เวลาชักดาบนะคะ
-
มันจะได้ลื่นปรื้ดเบาสบาย
-
ไม่มีการที่
-
ด้ามดาบเนี่ยเสียบเข้าไปในเสื้อค่ะ
-
สองทฤษฏีนี้นะคะก็เป็นทฤษฏีที่บอกว่า
-
ทำไมกระดุมของผู้ชายถึงอยู่ด้านขวาค่ะ
-
ทีนี้มันก็ make sense ใช่ไหม
-
ที่ของผู้ชายจะอยู่ด้านขวา
-
แล้วทีนี้ของผู้หญิง
-
ทำไมถึงจะต้องไปอยู่ด้านข้างนะคะ
-
ของผู้หญิงนี่บอกเลยว่า
-
มีทฤษฎีเยอะมาก
-
ว่าทำไมกระดุมของผู้หญิงถึงอยู่คนละด้าน
-
กับของผู้ชายค่ะ
-
ของผู้หญิงนะคะทฤษฎีแรกง่ายที่สุดเลยค่ะ
-
คือเขาเชื่อว่าทุกคนถนัดขวาใช่ไหม
-
ดังนั้นนะคะ
-
ผู้หญิงในศตวรรษที่ 13 ค่ะ
-
ส่วนใหญ่ไม่มีใครเขาแต่งตัวตัวเองหรอก
-
คือผู้หญิงที่แบบมีแฟชั่นนิดนึง
-
ที่จะต้องมาได้ใช้กระดุมอะไรอย่างนี้
-
ต้องเป็นชนชั้นสูงใช่ไหม
-
ทีนี้พวก Ladies ต่างๆ
-
ในสมัยโบราณเนี่ยนะคะ
-
ไม่มีใครแต่งตัวเอง
-
ทุกคนจะต้องใช้ Maid เนี่ยเป็นคนแต่งตัวให้
-
ซึ่งแน่นอนว่า Maid ถนัดขวา
-
ดังนั้นเวลาที่เราหยิบเสื้อของผู้หญิงขึ้นมาดูนะคะ
-
แบบนี้ใช่ไหม
-
แล้ว Maid เนี่ยถนัดขวา
-
การที่กระดุมของผู้หญิงอยู่ด้านซ้ายนะคะ
-
จะทำให้ Maid เนี่ย
-
สามารถติดกระดุมได้คล่องมือกว่า
-
ซึ่งอันนี้วิวแอบไม่ค่อยเชื่อ
-
วิวรู้สึกว่าแบบ
-
มันก็ไม่ได้คล่องขนาดนั้นไหมอะไรอย่างนี้
-
อย่างไรก็ตามนี่เป็นทฤษฏีแรกค่ะ
-
ทฤษฏีถัดไปอันนี้น่าสนใจ
-
เขาบอกว่าผู้หญิงเนี่ยนะคะ
-
เป็นเพศที่ต้องเลี้ยงลูกค่ะ
-
ดังนั้นเวลาผู้หญิงเลี้ยงลูกส่วนมากนะ
-
เวลาเราอุ้มเด็กอะ
-
เราจะอุ้มเด็กที่มือซ้าย
-
เราจะอุ้มเด็กไว้อย่างนี้
-
มือซ้าย
-
เพื่อให้กินนมเราใช่ไหม
-
ทีนี้เราจะใช้มือขวา
-
ปลดกระดุมเพื่อเปิดนมออกมาให้เด็กกิน
-
ดังนั้น
-
เมื่อเราใช้มือขวาปลดกระดุม
-
การที่กระดุมอยู่ด้านซ้ายแล้วรังดุมอยู่ด้านขวา
-
เห็นปะ
-
มันปลดง่ายกว่าอย่างเนี้ย
-
ปึ้ด!
-
ออกมานะคะ
-
นี่ก็เป็นทฤษฎีที่สองค่ะที่บอกว่า
-
ทำไม
-
กระดุมของผู้หญิงถึงอยู่ด้านซ้าย
-
ไม่ใช่ด้านขวานะคะ
-
ส่วนทฤษฎีที่ 3 เนี่ย Advance มาก
-
Advance แบบ
-
ห้ะ!
-
เอาจริง
-
แค่นี้ก็เอาหรอ
-
อะไรอย่างนี้นะคะ
-
คือเขาบอกว่า
-
ผู้หญิงสมัยโบราณในช่วงศตวรรษที่ 13 เนี่ย
-
มันมีแฟชั่น
-
แฟชั่นหนึ่ง
-
คือผู้หญิงจะต้องขี่ม้า
-
นึกสภาพผู้หญิงชนชั้นสูงยุโรป
-
เขาจะต้องขี่ม้ากันใช่ไหม
-
ทีนี้เป็นผู้หญิงมาแบบว่า
-
ก้าวคร่อมม้าอะไรอย่างนี้
-
มันก็
-
โอเคสมัยนี้มันอาจจะดูแมนๆเท่ๆ
-
แต่สมัยโบราณมันไม่เท่ไง
-
คือผู้หญิงต้องใส่กระโปรงสุ่ม
-
นึกออกปะ
-
แล้วก็นั่งอยู่บนม้าสวยๆ
-
ซึ่งเขาจะนั่ง
-
เฉียงข้างกัน
-
เหมือนเวลาเราซ้อนมอเตอร์ไซค์
-
แล้วเรานั่งใส่กระโปรงอะ
-
นึกออกใช่ไหม
-
ซึ่งเวลาเรานั่งม้าเนี่ยนะคะ
-
ด้วยอานม้าด้วยอะไรต่างๆ
-
ที่เขาออกแบบมาให้ผู้หญิงนั่งเฉียงข้างเนี่ย
-
ผู้หญิงจะต้องนั่งหันด้านนี้
-
จุ๊บ!
-
ทีนี้เวลาเราขึ้นไปนั่งบนม้า
-
ถ้าสมมุติว่าเราติดกระดุมอีกด้านหนึ่งนะคะ
-
สมมุติว่าเราติดกระดุมแบบผู้ชาย
-
เคยเห็นเสื้อนักศึกษาที่มันแบบ
-
รัดแน่นๆมากๆปะ
-
แล้วแบบติดกระดุมอะ
-
มันก็จะมีรูใช่ไหม
-
อยู่อย่างเนี้ย
-
ซึ่ง
-
เวลาขี่ม้าไปเนี่ยนะคะ
-
ลมมันก็จะเข้า
-
แล้วมันจะดูไม่สวยเลย
-
แล้วมันก็จะต้านลม
-
แล้วมันจะทำให้ขี่แบบ
-
ไม่โอเคนะคะ
-
ดังนั้นกระดุมของผู้หญิงก็เลย
-
อยู่ด้านซ้ายแบบนี้ค่ะ
-
เวลาติดไปรูมันจะได้อยู่ด้านหลัง
-
แล้วมันก็
-
ลู่ลมไป
-
ตาม Step อย่างสวยงามค่ะ
-
นี่ก็เป็นทฤษฎีต่างๆนะคะ
-
ว่าทำไมกระดุมเสื้อของผู้ชายกับของผู้หญิง
-
ถึงอยู่คนละด้านกันค่ะ
-
อย่างไรก็ตาม
-
อย่างที่บอกตอนต้นเลย
-
ไม่มีใครรู้นะคะว่าจริงๆแล้ว
-
ทำไมมันถึงอยู่คนละด้านกัน
-
แต่เราก็
-
ใช้หลักการนี้กันมาต่อเรื่อยๆ
-
จนถึงปัจจุบัน
-
ซึ่งเอาจริงๆปัจจุบันแฟชั่นเป็นเรื่องที่แบบ
-
เกินเพศไปแล้วนะ
-
เราสามารถ
-
ใส่เสื้อผู้ชายหรือใส่เสื้อผู้หญิงหรือใส่เสื้ออะไรก็ได้
-
แต่มันก็ยังมีเหตุผลอยู่ที่ว่า
-
ทำไมเสื้อของผู้ชายกับของผู้หญิง
-
ถึงยังเป็นเหมือนเดิม
-
เพราะว่า
-
ถ้าใครที่ใส่เสื้อผู้หญิงมาทั้งชีวิตแบบ
-
ไม่เคยใส่เสื้อผู้ชายเลย
-
หรือว่าถ้าผู้ชายคนไหนใส่เสื้อผู้ชายมาทั้งชีวิต
-
แล้วไม่เคยใส่เสื้อผู้หญิงเลย
-
ลองไปหยิบเสื้อของเพศตรงข้ามมาใส่ดูได้ค่ะ
-
แล้วจะรู้ว่า
-
การที่เราติดกระดุมด้านเดียวมาทั้งชีวิตอะ
-
แล้วต้องไปติดอีกด้านหนึ่งอะ
-
มันจะรู้สึกแปลกๆขนาดไหน
-
เพราะเวลาเราติดกระดุมอะ
-
เราติดโดยที่แบบว่า
-
แทบจะใช้ Spinal Cord อะ
-
อุ๊ยตายแล้ว
-
ใช้ศัพท์วิทย์อีกละ
-
แทบจะแบบไม่ได้คิดอะไรเลยใช่ปะ
-
เหมือนแบบว่าเราละเมอตื่นมาตอนเช้าๆ
-
เราก็ติดๆๆๆๆไป
-
เราแทบไม่ต้องใช้สติเลยนะคะ
-
แต่ถ้าเราลองติดกระดุมด้วยเสื้อของเพศตรงข้าม
-
เราจะรู้เองค่ะว่า
-
เฮ้ย มันไม่ใช่อะ
-
มันขัดมันอะไรอย่างนี้นะคะ
-
ดังนั้นนี่ก็เป็นสาเหตุที่
-
ทำให้วงการแฟชั่นยังทำกระดุมอยู่ในด้านเดิม
-
ต่อไปเรื่อยๆ
-
เพราะว่าความเคยชินนั่นเองค่ะ
-
นี่ก็เป็นเกร็ดสนุกๆ
-
ที่วิวเอามาฝากทุกคนในวันนี้นะคะ
-
เป็นไงบ้างคะ
-
รู้กันอยู่แล้วรึเปล่าว่ากระดุมของผู้ชาย
-
กับของผู้หญิงเนี่ย
-
อยู่คนละด้าน
-
ไหนลอง Vote ให้วิวดูได้ไหมคะว่า
-
มีใครที่รู้อยู่แล้วบ้าง
-
และใครที่ยังไม่รู้อยู่ค่ะ
-
หรือว่าถ้าใครมีทฤษฎีอะไรใหม่ๆนะคะ
-
คิดว่า
-
เฮ้ย จริงๆมันอยู่ด้านเนี้ยเพราะแบบเนี้ย
-
เฮ้ย มันอยู่ด้านนั้นเพราะแบบนั้น
-
ลอง Comment มาคุยกันด้านล่างดีกว่าค่ะ
-
ดูซิว่าใครจะมีทฤษฎีอะไรที่
-
Advance หรือแปลกไปจากที่วิวเจอมาไหมนะคะ
-
โอเคสำหรับวันนี้นะคะ
-
ขอจบคลิปวิดีโอนี้สั้นๆเพียงเท่านี้ค่ะ
-
ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้อย่าลืม
-
กด Like เป็นกำลังใจให้วิว
-
แล้วก็กด Share เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันนะคะ
-
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้าค่ะ
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ
-
จริงๆในทุกสิ่งทุกอย่างนี่
-
มันก็มีประวัติศาสตร์ของตัวเอง
-
ซ่อนอยู่เหมือนกันโนะ
-
มีทฤษฏีมีเหตุผลอะไรรองรับ
-
ก็ทุกเรื่องอะค่ะ
-
มันก็ควรจะมีเหตุผลรองรับใช่ไหม
-
ดังนั้น
-
ถ้าเกิดชื่นชอบอะไรแบบนี้
-
เดี๋ยววันหลังวิวจะหยิบเรื่องเล็กๆใกล้ๆตัวที่
-
ทั้งสนุกและก็มีสาระแบบนี้ขึ้นมาเล่า
-
ให้ทุกคนฟังนะคะ
-
สำหรับวันนี้
-
ลาไปก่อนแล้วกันค่ะ
-
บ๊ายบาย
-
สวัสดีค่ะ