อะเฟเชีย: โรคทีทำให้คุณพูดไม่ออก - ซูซาน เวิร์ธแมน-จัสท์ (Susan Wortman-Jutt)
-
0:07 - 0:12ภาษาเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเรา
ที่เรามักมองข้ามความสำคัญของมันไป -
0:12 - 0:15ด้วยการใช้ภาษา พวกเราสามารถที่จะสื่อสาร
ความคิดและความรู้สึกของเรา -
0:15 - 0:17หลงเข้าไปในนิยาย
-
0:17 - 0:19ส่งข้อความ
-
0:19 - 0:21และทักทายเพื่อน ๆ
-
0:21 - 0:25มันยากที่จะจินตนาการ ถึงการที่เรา
ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดให้กลายเป็นคำได้ -
0:25 - 0:29แต่ถ้าหากเครือข่ายภาษา
อันละเอียดอ่อนในสมองของคุณ -
0:29 - 0:34ถูกรบกวนด้วยโรคหลอดเลือดในสมอง,
ความเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บที่สมอง -
0:34 - 0:37คุณจะพบว่าตนเองนั้นจะอยู่ใน
ภาวะพูดไม่ออกอย่างแท้จริง -
0:37 - 0:44โรคนี้ถูกเรียกว่า อะเฟเชีย ซึ่งสามารถทำให้เกิด
การเสื่อมสภาพในทุกแง่มุมของการสื่อสาร -
0:44 - 0:47คนที่เป็นโรคอะเฟเชียนั้น
ยังคงมีเชาวน์ปัญญาเหมือนเดิม -
0:47 - 0:49พวกเขารู้ว่า พวกเขาต้องการจะพูดอะไร
-
0:49 - 0:52แต่ก็ไม่สามารถเลือกหาคำเหล่านั้น
และพูดออกมาได้อย่างถูกต้องเสมอไป -
0:52 - 0:57พวกเขาอาจจะใช้วิธีการแทนที่คำ
อย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งเรียกว่า การใช้คำไม่ถูก -
0:57 - 1:00ซึ่งก็คือ การสับเปลี่ยนคำที่เกี่ยวข้องกัน
อย่างเช่น พูดว่า "หมา" แทนที่จะพูดว่า "แมว" -
1:00 - 1:06หรือคำที่เสียงใกล้เคียงกัน เช่น
"เฮาส์" (บ้าน) แทนที่ "ฮอสส์" (ม้า) -
1:06 - 1:09บางครั้ง คำพูดของพวกเขา
อาจจะไม่สามารถเข้าใจได้ -
1:09 - 1:14โรคอะเฟเชียมีอยู่หลายขนิด
ที่ถูกจัดกลุ่มได้เป็นสองประเภท -
1:14 - 1:16อะเฟเชียแบบพูดได้อย่างคล่องแคล่ว
หรือที่เกี่ยวกับการรับรู้ผิดปกติ -
1:16 - 1:20และ อะเฟเชียแบบพูดไม่คล่องแคล่ว
หรือมีการแสดงออกผิดปกติ -
1:20 - 1:24คนที่เป็นอะเฟเชียแบบพูดอย่างคล่องแคล่ว
อาจใช้น้ำเสียงปกติ -
1:24 - 1:26หากแต่กลับใช้คำที่ไม่มีความหมาย
-
1:26 - 1:30พวกเขามีปัญหา
ในการทำความเข้าใจคำพูดของผู้อื่น -
1:30 - 1:34และบ่อยครั้ง พวกเขาไม่สามารถ
รู้ถึงข้อผิดพลาดในการพูดของตนเอง -
1:34 - 1:36ในทางตรงกันข้าม
คนที่เป็นอะเฟเชียแบบพูดไม่คล่องแคล่ว -
1:36 - 1:38จะมีการเข้าใจความหมายที่ดี
-
1:38 - 1:43แต่จะลังเลอยู่นานกว่าจะพูดแต่ละคำ
และมักใช้ไวยากรณ์ผิด -
1:43 - 1:47พวกเราล้วนแล้วแต่มีอาการติดอยู่ที่ริมผีปาก
บ้างเป็นบางครั้ง -
1:47 - 1:48เมื่อพวกเรานึกคำไม่ออก
-
1:48 - 1:53แต่โรคอะเฟเชียทำให้การเรียกชื่อ
สิ่งของในชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องยาก -
1:53 - 1:57แม้แต่การอ่าน และการเขียนก็เป็น
เรื่องยาก และน่าหงุดหงิดใจ -
1:57 - 1:59แล้วการสูญหายไปของภาษานี้
เกิดขึ้นได้อย่างไร -
1:59 - 2:02สมองของมนุษย์มีสองซีก
-
2:02 - 2:06ในคนส่วนใหญ่ สมองซึกซ้าย
ควบคุมด้านภาษา -
2:06 - 2:08พวกเรารู้เรื่องนี้เป็นเพราะ ในปี ค.ศ. 1861
-
2:08 - 2:11นายแพทย์ พอล โบรคาได้ทำการศึกษาคนไข้
-
2:11 - 2:16ที่สูญเสียความสามารถในการใช้ภาษาทั้งหมด
เว้นแต่ คำ ๆ เดียวคือ "แทน" (tan) -
2:16 - 2:18ระหว่างการศึกษาโดยการชันสูตร
สมองของผู้ป่วย -
2:18 - 2:21โบรคาได้ค้นพบบาดแผลขนาดใหญ่
ในซีกซ้ายของสมอง -
2:21 - 2:24ซึ่งตอนนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ บริเวณ โบรคา
(Broca's area) -
2:24 - 2:28นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันเชื่อว่า บริเวณโบรคา
เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการเรียกชื่อสิ่งของ -
2:28 - 2:31และประสานงานกับกล้ามเนื้อ
ที่เกี่ยวข้องกับการพูด -
2:31 - 2:36หลังบริเวณโบรคา คือ บริเวณเวอร์นิกี
(Wernicke's area) ซึ่งอยู่ใกล้กับสมองส่วนการได้ยิน -
2:36 - 2:39ซึ่งเป็นบริเวณที่สมอง
เชื่อมโยงความหมายกับเสียงพูดเข้าด้วยกัน -
2:39 - 2:43บริเวณเวอร์นิกีที่ได้รับความเสียหาย จะบั่นทอน
ความสามารถของสมองในการเข้าใจภาษา -
2:43 - 2:48อะเฟเชียเกิดจากความเสียหายในหนึ่ง
หรือทั้งสองบริเวณที่เกี่ยวกับภาษาโดยเฉพาะ -
2:48 - 2:51โชคดีที่มีบริเวณอื่น ๆ ในสมอง
-
2:51 - 2:53ที่สนับสนุนศูนย์กลางด้านภาษาเหล่านี้
-
2:53 - 2:55และสามารถช่วยเหลือในการสื่อสารได้
-
2:55 - 2:59แม้แต่บริเวณของสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหว
ก็ถูกเชื่อมต่อกับภาษา -
2:59 - 3:04จากการศึกษาโดยใช้ FMRI พบว่าเมื่อเราได้ยิน
คำที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว เช่น "วิ่ง" หรือ "เต้น" -
3:04 - 3:08ส่วนของสมองที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับ
การเคลื่อนไหวจะมีการตอบสนอง -
3:08 - 3:11ราวกับว่าร่างกายกำลังวิ่งหรือเต้นอยู่จริง ๆ
-
3:11 - 3:14สมองอีกซีกหนึ่งของเรา
ก็มีส่วนในเรื่องของภาษาด้วยเช่นกัน -
3:14 - 3:17โดยทำหน้าที่เพิ่มจังหวะ
และการใช้เสียงสูงต่ำในการพูดของเรา -
3:17 - 3:21ตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาษาเหล่านี้
บางครั้งก็ช่วยเหลือคนที่เป็นโรคอะเฟเชีย -
3:21 - 3:23เมื่อมีปัญหาในการสื่อสาร
-
3:23 - 3:26แล้วโรคอะเฟเชียพบได้มากแค่ไหน
-
3:26 - 3:29เพียงแค่ในสหรัฐอเมริกาแห่งเดียว
มีคนประมาณ 1 ล้านคนที่เป็นโรคนี้ -
3:29 - 3:33และมีผู้ป่วยใหม่ประมาณ 80,000 คน ต่อปี
-
3:33 - 3:36ประมาณหนึ่งในสามของผู้รอดชีวิตจาก
โรคหลอดเลือดสมองมีอาการอะเฟเชีย -
3:36 - 3:38ทำให้โรคนี้ถูกพบได้มากกว่า
ผู้ป่วยโรคพาคินสัน -
3:38 - 3:40หรือคิดเป็นสองเท่าของผู้ป่วยเส้นเลือดตีบ
-
3:40 - 3:42แต่ทว่ามันยังเป็นที่รู้จักในวงแคบกว่า
-
3:42 - 3:48มีรูปแบบหนึ่งที่หายากของอะเฟเชีย ที่เรียกว่า
ภาวะเสียการสื่อความแบบปฐมภูมิ หรือ PPA -
3:48 - 3:51ซึ่งไม่ได้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมอง
หรือการได้รับบาดเจ็บที่สมอง -
3:51 - 3:53แต่เป็นรูปแบบหนึ่งของโรคสมองเสื่อม
-
3:53 - 3:56ซึ่งการสูญเสียภาษาเป็น
อาการอันดับแรกของโรคนี้ -
3:56 - 4:01เป้าหมายในการรักษา PPA คือการประคับประคอง
ด้านภาษาให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ -
4:01 - 4:05ก่อนที่อาการอื่น ๆ ของโรคสมองเสื่อม
จะเกิดขึ้นในท้ายที่สุด -
4:05 - 4:08อย่างไรก็ดี เมื่อโรคอะเฟเชียพัฒนามาจาก
โรคหลอดเลือดสมอง หรือการบาดเจ็บที่สมอง -
4:08 - 4:12การปรับปรุงด้านภาษาอาจทำได้
โดยการบำบัดเกี่ยวกับการพูด -
4:12 - 4:16สมองของเรามีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง
ที่เรียกกันว่า ความยืดหยุ่นของสมอง -
4:16 - 4:18ที่ทำให้ส่วนที่อยู่รอบ ๆ บริเวณที่บาดเจ็บของสมอง
-
4:18 - 4:22เข้ามาควบคุมบางหน้าที่แทน
ในระหว่างกระบวนการฟื้นฟู -
4:22 - 4:26นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลอง
โดยใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ -
4:26 - 4:31ที่พวกเขาเชื่อว่าอาจจะช่วยส่งเสริม
ความยืดหยุ่นของสมองในคนที่เป็นอะเฟเชีย -
4:31 - 4:35ในระหว่างนั้น คนที่เป็นโรคอะเฟเชีย
จำนวนมากก็ยังคงรู้สึกแปลกแยก -
4:35 - 4:40เกรงว่าคนอื่น ๆ จะไม่เข้าใจพวกเขา
หรือจะไม่ยอมเสียเวลาให้พวกเขาได้พูด -
4:40 - 4:44ด้วยการให้เวลาและความยืดหยุ่นในการสื่อสาร
ในรูปแบบใดก็ตามที่พวกเขาสามารถทำได้ -
4:44 - 4:47คุณสามารถช่วยเปิดประตูภาษา
ของพวกเขาได้อีกครั้ง -
4:47 - 4:50ให้พวกเขาก้าวขึ้นไป
เหนือกว่าขีดจำกัดของโรคอะเฟเชีย
- Title:
- อะเฟเชีย: โรคทีทำให้คุณพูดไม่ออก - ซูซาน เวิร์ธแมน-จัสท์ (Susan Wortman-Jutt)
- Description:
-
ดูบทเรียนเต็มที่: http://ed.ted.com/lessons/aphasia-the-disorder-that-makes-you-lose-your-words-susan-wortman-jut
ภาษา เป็นส่วนสำคัญในชีวิตของพวกเราที่พวกเรามักมองข้ามความสำคัญของมันไป แต่ถ้าหากเครือข่ายภาษาอันละเอียดอ่อนในสมองของคุณถูกรบวนด้วยโรคหลอดเลือดในสมอง, ความเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บที่สมอง คุณจะพบว่าตนเองนั้นจะอยู่ในภาวะพูดไม่ออกอย่างแท้จริง ซูซาน เวิร์ธแมน-จัสท์ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโรคที่เรียกว่า อะเฟเชีย ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเสื่อมสภาพในทุกแง่มุมของการสื่อสาร
บทเรียนโดย Susan Wortman-Jutt, แอนิเมชันโดย TED-Ed
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 05:11