< Return to Video

โรคซึมเศร้า ความลับร่วมที่เราต่างมี

  • 0:04 - 0:08
    "ข้ารู้สึกถึงงานศพอยู่ในหัว
  • 0:08 - 0:10
    ผู้มาร่วมอาลัยอาวรณ์วนเวียน
  • 0:10 - 0:13
    ย่ำเดินก้าวแล้วก้าวเล่ากระทั่งรู้สึกได้
  • 0:13 - 0:16
    ว่าบรรยากาศนั้นแทรกผ่านเข้ามา
  • 0:16 - 0:18
    จนเมื่อพวกเขาทั้งหลายพากันนั่งลง
  • 0:18 - 0:20
    พิธีกรรม ดั่งเสียงกลอง
  • 0:20 - 0:22
    กระหน่ำซ้ำตี ครั้งแล้วครั้งเล่ากระทั่ง
  • 0:22 - 0:26
    ใจของข้าด้านชาไร้ซึ่งความรู้สึก
  • 0:26 - 0:28
    จากนั้นข้าได้ยินเสียงพวกเขายกโลงศพ
  • 0:28 - 0:30
    กรีดผ่านวิญญาณข้า
  • 0:30 - 0:33
    ด้วยรองเท้าตะกั่วคู่เดิมนั้น
  • 0:33 - 0:36
    และแล้วความว่างเปล่าก็เริ่มครางเสียง
  • 0:36 - 0:38
    ราวกับว่าสวรรค์เป็นดั่งระฆัง
  • 0:38 - 0:40
    และชีวิตก็เปรียบดังโสตประสาท
  • 0:40 - 0:43
    ตัวข้าและความเงียบงัน การขันแข่งอันแปลกพิกล
  • 0:43 - 0:46
    หักพัง เปลี่ยวเหงา ที่แห่งนี้
  • 0:46 - 0:50
    เมื่อนั้น พื้นแห่งเหตุผลก็แตกสลาย
  • 0:50 - 0:53
    ปล่อยข้าให้จมดิ่งลง
  • 0:53 - 0:56
    กระแทกกระทบโลกในทุกระดับ
  • 0:56 - 1:00
    กระทั่งสิ้นสูญการรับรู้ใดๆ
  • 1:00 - 1:04
    เรารู้จักโรคซึมเศร้าผ่านการอุปมา
  • 1:04 - 1:07
    เอมิลี ดิ๊กคินสัน สามารถถ่ายทอดมันออกมาด้วยภาษา
  • 1:07 - 1:10
    โกยาโดยภาพวาด
  • 1:10 - 1:12
    จุดมุ่งหมายครื่งหนึ่งของศิลปะ
  • 1:12 - 1:16
    ก็คือการพรรณนาถึงสภาวะเชิงสัญลักษณ์
  • 1:16 - 1:20
    เช่นตัวผม ผมคิดเสมอว่าตัวเองเป็นคนเข้มแข็ง
  • 1:20 - 1:21
    เป็นหนึ่งในคนที่สามารถมีชีวิตรอด
  • 1:21 - 1:25
    หากถูกส่งไปยังค่ายกักกัน
  • 1:25 - 1:27
    ในปี 1991 ผมต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง
  • 1:27 - 1:29
    แม่ของผมเสียชีวิตลง
  • 1:29 - 1:31
    ความสัมพันธ์ของผมกับแฟนมาถึงจุดสิ้นสด
  • 1:31 - 1:33
    ผมย้ายกลับมายังสหรัฐฯ
  • 1:33 - 1:35
    หลังจากใช้เวลาหลายปีในต่างประเทศ
  • 1:35 - 1:38
    และผมก็ผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาได้โดยไม่บุบสลาย
  • 1:38 - 1:42
    แต่ในปี 1994 สามปีหลังจากนั้น
  • 1:42 - 1:46
    ผมพบว่าตัวเองสูญเสียความสนใจในเกือบทุกสิ่ง
  • 1:46 - 1:48
    ผมไม่อยากทำอะไรสักอย่าง
  • 1:48 - 1:50
    ที่ผมเคยอยากทำ
  • 1:50 - 1:52
    โดยไม่รู้ว่าทำไม
  • 1:52 - 1:54
    สิ่งตรงข้ามกับความซึมเศร้า
  • 1:54 - 1:57
    ไม่ใช่ความสุข แต่มันคือพลังชีวิต
  • 1:57 - 1:58
    และก็พลังชีวิตนี่เอง
  • 1:58 - 2:02
    ที่จางหายไปจากผมในช่วงเวลานั้น
  • 2:02 - 2:04
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยจะทำ
  • 2:04 - 2:06
    ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไป
  • 2:06 - 2:08
    เมื่อผมกลับถึงบ้าน
  • 2:08 - 2:11
    และเห็นไฟสีแดงกระพริบบนเครื่องตอบรับอัตโนมัติ
  • 2:11 - 2:14
    แทนที่จะกระตือรือร้นอยากฟังข้อความที่เพื่อนๆ ฝากไว้
  • 2:14 - 2:15
    ผมกลับคิดว่า
  • 2:15 - 2:18
    "มีคนมากมายเหลือเกินที่ผมต้องโทรกลับไปหา"
  • 2:18 - 2:21
    หรือผมจะตัดสินใจว่าควรกินอาหารกลางวัน
  • 2:21 - 2:23
    และจากนั้นผมก็คิดว่า ผมต้องเอาอาหารออกมา
  • 2:23 - 2:25
    แล้ววางใส่จาน
  • 2:25 - 2:29
    ตักมันขึ้นมาเคี้ยวและกลืนมันลงไป
  • 2:29 - 2:33
    มันทำให้ผมรู้สึกยังกับเดินไปสู่จุดจบของชีวิต
  • 2:33 - 2:36
    และสิ่งหนึ่งที่มักหายไปอยู่บ่อยๆ
  • 2:36 - 2:37
    เมื่อพูดถึงโรคซึมเศร้า
  • 2:37 - 2:40
    ก็คือการที่คุณรู้ว่ามันช่างน่าขบขัน
  • 2:40 - 2:43
    คุณรู้ว่ามันไร้สาระในตอนที่ต้องเผชิญกับมัน
  • 2:43 - 2:45
    คุณรู้ว่าคนส่วนใหญ่สามารถจัดการ
  • 2:45 - 2:47
    ฟังข้อความและกินอาหารกลางวัน
  • 2:47 - 2:49
    พาตัวเองไปอาบน้ำ
  • 2:49 - 2:50
    และเดินออกประตูหน้าไปข้างนอกได้
  • 2:50 - 2:52
    โดยไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร
  • 2:52 - 2:55
    และกระนั้นคุณก็ยังติดอยู่ในกรงเล็บนั้น
  • 2:55 - 2:59
    ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะพาตัวเองออกมาได้
  • 2:59 - 3:03
    และผมก็รู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งต่างๆ น้อยลง
  • 3:03 - 3:05
    คิดน้อยลง
  • 3:05 - 3:08
    และรู้สึกรู้สาน้อยลง
  • 3:08 - 3:10
    คล้ายกับไม่มีตัวตน
  • 3:10 - 3:12
    และจากนั้นความวิตกกังวลเข้ามา
  • 3:12 - 3:15
    ถ้าคุณบอกกับผมว่า ผมจะต้อง
  • 3:15 - 3:16
    ซึมเศร้าตลอดเดือนหน้า
  • 3:16 - 3:20
    ผมคงจะบอกว่า "ตราบใดที่ผมรู้ว่ามันจะสิ้นสุด
    เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน ผมก็คงผ่านมันไปได้"
  • 3:20 - 3:21
    แต่ถ้าคุณบอกกับผมว่า
  • 3:21 - 3:24
    "ผมจะต้องวิตกกังวลไปตลอดเดือนหน้า"
  • 3:24 - 3:26
    ผมคงจะเลือกเชือดข้อมือตัวเองมากกว่าที่จะต้องผ่านมันไป
  • 3:26 - 3:28
    มันเป็นความรู้สึกที่คงอยู่ตลอดเวลา
  • 3:28 - 3:30
    เหมือนกับความรู้สึกเวลาที่คุณเดิน
  • 3:30 - 3:32
    และคุณลื่นหรือสะดุด
  • 3:32 - 3:34
    และพื้นดินพุ่งเข้าหาคุณ
  • 3:34 - 3:36
    แต่แทนที่มันจะเป็นแค่เสี้ยววินาที อย่างที่มันควรจะเป็น
  • 3:36 - 3:38
    มันกลับคงอยู่อย่างนั้นถึงหกเดือน
  • 3:38 - 3:41
    มันเป็นการรู้สึกถึงความกลัวอยู่ตลอดเวลา
  • 3:41 - 3:45
    โดยที่ไม่อาจรู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่คุณกลัว
  • 3:45 - 3:47
    แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่ผมเริ่มคิด
  • 3:47 - 3:51
    ว่าแค่จะมีชีวิตอยู่มันก็เจ็บปวดเกินทน
  • 3:51 - 3:54
    และเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมไม่ฆ่าตัวตาย
  • 3:54 - 3:57
    ก็เพียงเพราะไม่อยากทำให้ใครเจ็บปวด
  • 3:57 - 4:00
    จนในที่สุดวันหนึ่ง เมื่อผมตื่นนอน
  • 4:00 - 4:02
    และคิดว่าบางทีผมอาจเป็นเส้นเลือดอุดตันในสมอง
  • 4:02 - 4:05
    เพราะผมนอนตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง
  • 4:05 - 4:07
    จ้องมองไปที่โทรศัพท์และครุ่นคิด
  • 4:07 - 4:10
    "มีบางอย่างผิดปกติและผมควรขอความช่วยเหลือ"
  • 4:10 - 4:12
    แต่ผมก็ไม่สามารถแม้แต่จะยื่นมือ
  • 4:12 - 4:15
    เพื่อคว้าโทรศัพท์และโทรออก
  • 4:15 - 4:19
    และในที่สุด หลังจากผ่านไปถึงสี่ชั่วโมง
    ที่ผมนอนจ้องมันอยู่อย่างนั้น
  • 4:19 - 4:20
    โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
  • 4:20 - 4:22
    และด้วยวิธีไหนก็ไม่รู้ ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้น
  • 4:22 - 4:24
    เป็นพ่อผมเองที่โทรหา
  • 4:24 - 4:27
    ผมจึงบอกท่านว่า "ผมกำลังเจอปัญหาใหญ่
  • 4:27 - 4:30
    เราต้องทำอะไรสักอย่าง"
  • 4:30 - 4:33
    วันรุ่งขึ้นผมเริ่มต้นเข้ารับการรักษาด้วยยา
  • 4:33 - 4:35
    และการบำบัด
  • 4:35 - 4:38
    แล้วผมก็เริ่มครุ่นคิด
  • 4:38 - 4:39
    ถึงคำถามที่น่าหวาดหวั่นนี้:
  • 4:39 - 4:41
    ถ้าหากผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง
  • 4:41 - 4:44
    ผู้ที่สามารถรอดจากค่ายกักกันมาได้
  • 4:44 - 4:46
    แล้วอย่างนั้นผมเป็นใคร
  • 4:46 - 4:48
    และถ้าผมจะต้องเข้ารับการรักษาด้วยยา
  • 4:48 - 4:51
    การรักษานั้นจะทำให้ผมเป็นตัวผมเองอย่างเต็มที่
  • 4:51 - 4:54
    หรือว่ามันจะทำให้ผมกลายเป็นคนอื่น
  • 4:54 - 4:55
    และผมจะรู้สึกอย่างไร
  • 4:55 - 4:58
    ถ้าหากมันทำให้ผมกลายเป็นคนอื่น
  • 4:58 - 5:01
    ผมได้ประโยชน์สองอย่างจากการขัดแย้งในใจที่เกิดขึ้น
  • 5:01 - 5:04
    ถ้าจะพูดอย่างไม่ลำเอียง อย่างแรกก็คือผมรู้ว่า
  • 5:04 - 5:06
    ผมมีชีวิตที่ดี
  • 5:06 - 5:08
    และหากเพียงแค่ผมสามารถหายได้
  • 5:08 - 5:09
    ที่ปลายทางนั้นก็ยังมีบางอย่างรออยู่
  • 5:09 - 5:11
    ที่คุ้มค่าพอจะอยู่เพื่อมัน
  • 5:11 - 5:14
    และอีกอย่างหนึ่งก็คือ
    ผมสามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีได้
  • 5:14 - 5:18
    แต่ยังไงก็แล้วแต่ผมก็คิดวนเวียน
  • 5:18 - 5:20
    วนไปวนมา
  • 5:20 - 5:23
    ซ้ำแล้วซ้ำอีก
  • 5:23 - 5:25
    จนเข้าใจในท้ายที่สุด
  • 5:25 - 5:27
    ว่าผมคงต้องกินยา
  • 5:27 - 5:30
    และรับการบำบัดตลอดกาล
  • 5:30 - 5:32
    และผมก็คิดว่า "แต่มันเป็นปัญหาทางเคมี
  • 5:32 - 5:34
    หรือปัญหาทางจิตกันแน่?
  • 5:34 - 5:37
    แล้วมันต้องรักษาด้วยสารเคมี
    หรือด้วยจิตบำบัด"
  • 5:37 - 5:40
    ผมคิดไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่
  • 5:40 - 5:42
    แล้วผมก็เข้าใจว่าที่จริงแล้ว
  • 5:42 - 5:44
    เรายังคงมีความก้าวหน้าไม่เพียงพอในทั้งสองเรื่อง
  • 5:44 - 5:46
    ที่จะอธิบายมันได้อย่างครบถ้วน
  • 5:46 - 5:49
    การรักษาด้วยสารเคมีและจิตบำบัด
  • 5:49 - 5:51
    ต่างมีบทบาทร่วมกัน
  • 5:51 - 5:55
    และผมก็ยังพบว่า อาการซึมเศร้านั้นเป็นบางสิ่ง
  • 5:55 - 5:57
    ที่ฝังลึกอยู่ในตัวเรา
  • 5:57 - 5:59
    จนไม่อาจแยกออก
  • 5:59 - 6:01
    จากบุคลิกและลักษณะของเราได้
  • 6:01 - 6:03
    ผมอยากบอกว่า การรักษาบำบัดที่เรามี
  • 6:03 - 6:06
    สำหรับโรคซึมเศร้านั้นช่างเลวร้าย
  • 6:06 - 6:08
    พวกมันไม่ค่อยได้ผล
  • 6:08 - 6:10
    มีค่าใช้จ่ายสูงมาก
  • 6:10 - 6:12
    พวกมันมาพร้อมกับผลข้างเคียงนับไม่ถ้วน
  • 6:12 - 6:14
    มันเป็นหายนะดีๆ นี่เอง
  • 6:14 - 6:17
    แต่ผมก็ดีใจที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้
  • 6:17 - 6:19
    ไม่ใช่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
  • 6:19 - 6:20
    ตอนที่มันเกือบจะไม่มีอะไรเลย
  • 6:20 - 6:21
    ที่เราทำได้
  • 6:21 - 6:24
    ผมหวังว่าในอีก 50 ปีนับจากนี้
  • 6:24 - 6:26
    ผู้คนจะได้ยินเกี่ยวกับการรักษาของผม
  • 6:26 - 6:28
    และหวาดกลัวที่จะรู้ว่าเรารอดมาได้
  • 6:28 - 6:31
    ด้วยวิทยาศาสตร์ที่แสนจะพื้นๆ
  • 6:31 - 6:35
    โรคซึมเศร้าเป็นข้อบกพร่องในความรัก
  • 6:35 - 6:39
    หากคุณแต่งงานกับใครสักคนแล้วคิดว่า
  • 6:39 - 6:42
    "ถ้าหากภรรยาของผมตาย ผมก็แค่หาคนใหม่"
  • 6:42 - 6:45
    มันก็คงจะไม่ใช่ความรักอย่างที่เรารู้จัก
  • 6:45 - 6:47
    มันไม่มีสิ่งใดเป็นเฉกเช่นความรัก
  • 6:47 - 6:50
    ที่ปราศจากความหายนะแห่งความสูญเสีย
  • 6:50 - 6:52
    และความหวาดกลัวต่อความสิ้นหวังนั้น
  • 6:52 - 6:56
    จะเป็นเหมือนเครื่องยนต์แห่งความสนิทชิดใกล้
  • 6:56 - 6:59
    มีสามสิ่งที่ผู้คนมักสับสน
  • 6:59 - 7:03
    การซึมเศร้า ความอาลัย และความเศร้า
  • 7:03 - 7:06
    ความอาลัยนั้นเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่แจ่มแจ้ง
  • 7:06 - 7:09
    หากคุณพบกับการสูญเสียและรู้สึกไม่เป็นสุขอย่างยิ่ง
  • 7:09 - 7:11
    และถึงจะผ่านไปแล้วถึงหกเดือน
  • 7:11 - 7:14
    คุณก็ยังคงจมอยู่ในความเศร้าโศก
    แต่คุณสามารถรวบรวมจิตใจให้ดีขึ้นได้เล็กน้อย
  • 7:14 - 7:16
    มันอาจเป็นความอาลัย
  • 7:16 - 7:18
    และมันก็อาจหายไปในที่สุด
  • 7:18 - 7:19
    ไม่ช้าก็เร็ว
  • 7:19 - 7:22
    หากคุณต้องประสบกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
  • 7:22 - 7:23
    และคุณรู้สึกย่ำแย่
  • 7:23 - 7:26
    จนเมื่อผ่านไปแล้วหกเดือน คุณยังแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย
  • 7:26 - 7:29
    เช่นนั้นแล้วมันก็คงเป็นโรคซึมเศร้าที่ก่อตัวขึ้น
  • 7:29 - 7:31
    จากการสูญเสียครั้งใหญ่นั้น
  • 7:31 - 7:35
    เส้นทางบอกให้เรารู้สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งว่า
  • 7:35 - 7:38
    คนต่างคิดว่าโรคซึมเศร้านั้นเป็นเพียงแค่ความโศกเศร้า
  • 7:38 - 7:41
    มันมากมายเกินกว่าความโศกเศร้า
  • 7:41 - 7:42
    มากมายเกินกว่าความอาลัย
  • 7:42 - 7:45
    ไม่ว่าจะมีเหตุเล็กน้อยเพียงใด
  • 7:45 - 7:48
    ขณะที่ผมมุ่งทำความเข้าใจโรคซึมเศร้า
  • 7:48 - 7:51
    และได้สัมภาษณ์ผู้คนที่ได้เผชิญกับมัน
  • 7:51 - 7:54
    ผมพบว่ามีผู้คนที่ดูเหมือนว่า
  • 7:54 - 7:56
    ผิวเผินแล้วมีอาการที่ดูคล้าย
  • 7:56 - 7:58
    หดหู่อย่างอ่อนๆ
  • 7:58 - 8:01
    แต่อย่างไรก็ดีเขาก็เป็นผู้ที่ไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิง
    เพราะอาการดังกล่าว
  • 8:01 - 8:03
    และมีคนอื่นๆ ที่ดูเหมือนมีอาการ
  • 8:03 - 8:04
    อย่างที่พวกเขาพูดถึงมัน
  • 8:04 - 8:07
    ว่าเป็นการซึมเศร้าอย่างรุนแรง
  • 8:07 - 8:09
    แต่อย่างไรก็ดีคนเหล่านั้นมีชีวิตที่ดีอยู่ในช่องแบ่ง
  • 8:09 - 8:12
    ระหว่างอาการซึมเศร้าของพวกเขาเอง
  • 8:12 - 8:14
    ผมจึงออกค้นหาว่าอะไร
  • 8:14 - 8:16
    ที่ทำให้บางคน
  • 8:16 - 8:18
    สามารถปรับตัวได้มากกว่าคนอื่น
  • 8:18 - 8:20
    อะไรคือกลไก
  • 8:20 - 8:22
    ที่ทำให้ผู้คนเอาตัวรอดมาได้
  • 8:22 - 8:25
    ผมเลยออกไปสัมภาษณ์ใครต่อใคร
  • 8:25 - 8:27
    ที่ทนทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้า
  • 8:27 - 8:29
    หนึ่งในคนแรกๆ ที่ผมได้สัมภาษณ์
  • 8:29 - 8:31
    อธิบายโรคซึมเศร้า
  • 8:31 - 8:34
    ว่าเป็นเหมือนการตายอย่างช้าๆ
  • 8:34 - 8:36
    ซึ่งก็ดีที่ผมได้ยินอย่างนั้นเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
  • 8:36 - 8:37
    เพราะมันเตือนผมว่า
  • 8:37 - 8:39
    การตายอย่างช้าๆ นั้น
  • 8:39 - 8:41
    สามารถนำไปสู่การตายจริงๆ ได้
  • 8:41 - 8:43
    จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
  • 8:43 - 8:46
    มันเป็นความพิการที่เกิดขึ้นทั่วโลกเป็นอันดับต้นๆ
  • 8:46 - 8:49
    และมีคนตายเพราะมันทุกๆ วัน
  • 8:49 - 8:51
    หนึ่งในคนที่ผมได้คุยด้วย
  • 8:51 - 8:53
    ตอนที่ผมพยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้
  • 8:53 - 8:55
    คือเพื่อนรักของผม
  • 8:55 - 8:57
    คนที่ผมรู้จักมาเป็นเวลาหลายปี
  • 8:57 - 8:59
    และมีอาการทางจิตแบบเฉียบพลัน
  • 8:59 - 9:01
    ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียนในวิทยาลัย
  • 9:01 - 9:04
    จนดิ่งเข้าสู่อาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง
  • 9:04 - 9:06
    เธอมีอาการของโรคอารมณ์สองขั้ว
  • 9:06 - 9:08
    หรือโรคอารมณ์แปรปรวน ดังเช่นที่รู้จักกันในตอนนั้น
  • 9:08 - 9:10
    แต่เธอก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี
  • 9:10 - 9:12
    เป็นเวลาหลายปีด้วยการใช้ยาลิเทียม
  • 9:12 - 9:13
    จนในที่สุด
  • 9:13 - 9:15
    เธอก็เลิกใช้ลิเทียม
  • 9:15 - 9:17
    เพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไรหากไม่ใช้มัน
  • 9:17 - 9:19
    แล้วเธอก็ต้องเผชิญกับอาการทางจิตอีกครั้ง
  • 9:19 - 9:21
    ก่อนที่จะเข้าสู่อาการซึมเศร้าขั้นเลวร้ายที่สุด
  • 9:21 - 9:23
    เท่าที่ผมเคยเห็น
  • 9:23 - 9:26
    คือเธอนั่งอยู่ในอพาร์ทเมนต์ของพ่อแม่
  • 9:26 - 9:29
    ตัวแข็งทื่อ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
  • 9:29 - 9:32
    วันแล้ววันเล่า
  • 9:32 - 9:35
    และเมื่อผมสัมภาษณ์เธอเกี่ยวกับ
    ประสบการณ์นั้นในหลายปีต่อมา--
  • 9:35 - 9:38
    เธอเป็นนักกวีและนักจิตบำบัดชื่อว่า แม็กกี้ รอบบิ้น
  • 9:38 - 9:42
    ตอนที่ผมสัมภาษณ์ เธอบอกว่า
  • 9:42 - 9:45
    "ฉันเอาแต่ร้องเพลง "ดอกไม้หายไปไหน"
  • 9:45 - 9:48
    ซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อรักษาสติไว้
  • 9:48 - 9:51
    ฉันร้องเพลงเพื่อกลบเสียงในใจที่บอกว่า
  • 9:51 - 9:56
    'เธอเป็นคนไร้ค่า ไม่มีใครสนใจ
  • 9:56 - 9:59
    เธอไม่ควรค่าแม้จะมีชีวิตอยู่'
  • 9:59 - 10:01
    และนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่ฉันเริ่มคิดอย่างจริงจัง
  • 10:01 - 10:03
    ถึงการฆ่าตัวตาย"
  • 10:03 - 10:05
    คุณไม่ทันคิดเมื่อตกอยู่ในอาการซึมเศร้า
  • 10:05 - 10:07
    ว่าคุณกำลังสวมผ้าคลุมหน้าสีเทา
  • 10:07 - 10:09
    และกำลังมองโลกผ่านความหมอก
  • 10:09 - 10:11
    ของอารมณ์แย่ๆ
  • 10:11 - 10:14
    คุณคิดว่าผ้าคลุมหน้าถูกดึงออกไป
  • 10:14 - 10:16
    เป็นผ้าคลุมหน้าแห่งความสุข
  • 10:16 - 10:18
    และคุณกำลังมองเห็นสิ่งที่แท้จริง
  • 10:18 - 10:21
    มันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะช่วยผู้ป่วยจิตเภทที่คิด
  • 10:21 - 10:23
    ว่ามีบางอย่างแปลกปลอมอยู่ในตัวของพวกเขา
  • 10:23 - 10:25
    ที่จะต้องถูกขับไล่ออกไป
  • 10:25 - 10:27
    แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ซึมเศร้า
  • 10:27 - 10:31
    เพราะเราเชื่อว่าเรามองเห็นความจริง
  • 10:31 - 10:34
    แต่ความจริงนั้นลวงหลอก
  • 10:34 - 10:36
    ผมเกิดหมกมุ่นกับประโยคที่ว่า:
  • 10:36 - 10:38
    "แต่ความจริงนั้นลวงหลอก"
  • 10:38 - 10:41
    และผมก็ค้นพบ ขณะที่ผมพูดคุยกันคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
  • 10:41 - 10:43
    ว่าพวกเขามีอาการประสาทหลอนต่างๆ
  • 10:43 - 10:45
    ผู้คนจะพูดว่า "ไม่มีใครรักฉัน"
  • 10:45 - 10:47
    และคุณก็พูดว่า "ฉันรักคุณ
  • 10:47 - 10:49
    ภรรยาคุณก็รักคุณ มารดาคุณก็รักคุณ"
  • 10:49 - 10:51
    คุณสามารถตอบมันได้ในเกือบทันที
  • 10:51 - 10:53
    อย่างน้อยก็สำหรับคนส่วนใหญ่
  • 10:53 - 10:55
    แต่ผู้คนที่ตกอยู่ในอาการซึมเศร้าจะพูดว่า
  • 10:55 - 10:57
    "ไม่ว่าเราจะทำอย่างไร
  • 10:57 - 10:59
    สุดท้ายแล้วเราก็ต้องตายในที่สุด"
  • 10:59 - 11:01
    หรือไม่พวกเขาก็จะพูดว่า "มันไม่มีความผูกพันที่แท้จริง
  • 11:01 - 11:03
    ระหว่างคนสองคน
  • 11:03 - 11:06
    เราต่างคนต่างติดอยู่ในร่างกายของตัวเอง"
  • 11:06 - 11:07
    นั่นทำให้คุณจำเป็นต้องพูดว่า
  • 11:07 - 11:09
    นั่นก็จริง
  • 11:09 - 11:11
    แต่ผมคิดว่าตอนนี้เราควรตั้งใจคิด
  • 11:11 - 11:12
    ว่าจะกินอะไรเป็นอาหารเช้ากันดี"
  • 11:12 - 11:15
    (เสียงหัวเราะ)
  • 11:15 - 11:16
    ก็บ่อยไป
  • 11:16 - 11:19
    ที่การแสดงออกของพวกเขาไม่ใช่อาการเจ็บป่วย
    แต่เป็นความเข้าใจตนเอง
  • 11:19 - 11:22
    และสิ่งที่ช่างเหลือเชื่อจริงๆ
  • 11:22 - 11:25
    ก็คือพวกเราส่วนใหญ่รู้จักคำถามเหล่านั้น
  • 11:25 - 11:27
    และมันก็ไม่ได้กวนใจอะไรมากมาย
  • 11:27 - 11:29
    มีการงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษ
  • 11:29 - 11:31
    ที่ให้กลุ่มคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
  • 11:31 - 11:33
    และกลุ่มคนที่ไม่ได้เป็น
  • 11:33 - 11:35
    เล่นวีดีโอเกมเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
  • 11:35 - 11:37
    เมื่อครบหนึ่งชั่วโมง
  • 11:37 - 11:39
    พวกเขาถูกถามว่ามีสัตว์ประหลาดกี่ตัว
  • 11:39 - 11:41
    ที่พวกเขาคิดว่าจัดการได้
  • 11:41 - 11:43
    กลุ่มคนที่เป็นโรคซึมเศร้าดูจะตอบได้แม่นยำ
  • 11:43 - 11:45
    ในช่วงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
  • 11:45 - 11:47
    ขณะที่คนที่ไม่ได้เป็น
  • 11:47 - 11:50
    เดามากกว่าความจริงถึง 15 ถึง 20 เท่า
  • 11:50 - 11:52
    ว่าสัตว์ประหลาดตัวเล็กๆ--(เสียงหัวเราะ)--
  • 11:52 - 11:56
    ถูกพวกเขาจัดการ
  • 11:56 - 11:59
    ผู้คนมากมายพูดว่า
    ตอนที่ผมเลือกเขียนเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าของผม
  • 11:59 - 12:01
    มันต้องเป็นเรื่องยากมากๆ
  • 12:01 - 12:04
    ที่จะออกมาเปิดเผย และยอมให้คนอื่นรู้
  • 12:04 - 12:06
    พวกเขาถามผมว่า "คนอื่นๆ พูดกับคุณแปลกไปบ้างไหม"
  • 12:06 - 12:08
    และผมก็บอกว่า "ใช่แล้ว คนอื่นพูดกับผมแปลกไป
  • 12:08 - 12:10
    พวกเขาพูดกับผมในเรื่องที่ต่างออกไป
  • 12:10 - 12:13
    พวกเขาเริ่มเล่าให้ผมฟังถึงประสบการณ์ของพวกเขา
  • 12:13 - 12:15
    หรือพี่สาวของพวกเขา
  • 12:15 - 12:16
    หรือเพื่อนของพวกเขา
  • 12:16 - 12:19
    สิ่งต่างๆ แปลกไปเพราะตอนนี้ผมรู้แล้ว
  • 12:19 - 12:21
    ว่าโรคซึมเศร้าเป็นความลับของครอบครัว
  • 12:21 - 12:24
    ที่ทุกคนเป็น
  • 12:24 - 12:27
    ผมไปร่วมการประชุมเมื่อหลายปีก่อน
  • 12:27 - 12:30
    ในวันศุกร์ของช่วงการประชุมสามวัน
  • 12:30 - 12:33
    หนึ่งในผู้เข้าร่วมการประชุมพาผมหลบออกมาด้านข้าง
    แล้วบอกว่า
  • 12:33 - 12:36
    "ฉันกำลังทรมานจากโรคซึมเศร้าและ
  • 12:36 - 12:39
    ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยเกี่ยวกับมัน
  • 12:39 - 12:41
    แต่ฉันก็กำลังกินยานี้อยู่
  • 12:41 - 12:44
    และอยากรู้ว่าคุณคิดว่าอย่างไร"
  • 12:44 - 12:47
    และผมก็พยายามให้คำแนะนำอย่างดีที่สุด
    เท่าที่ผมทำได้
  • 12:47 - 12:48
    แล้วเธอก็พูดว่า "คุณรู้ไหม
  • 12:48 - 12:51
    ว่าสามีของฉันคงไม่มีวันเข้าใจ
  • 12:51 - 12:54
    เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่มีวันเข้าใจเรื่องแบบนี้
  • 12:54 - 12:57
    ฉันก็เลย เอาเป็นว่า เก็บเรื่องนี้ไว้ระหว่างเราเท่านั้นนะ"
  • 12:57 - 12:59
    แล้วผมก็บอกว่า "ครับ ได้เลย"
  • 12:59 - 13:01
    พอถึงวันอาทิตย์ของการประชุมเดียวกันนั้น
  • 13:01 - 13:04
    สามีของเธอก็พาผมหลบออกข้างๆ (เสียงหัวเราะ)
  • 13:04 - 13:05
    แล้วบอกว่า "ภรรยาของผมคงไม่คิด
  • 13:05 - 13:08
    ว่าผมเป็นลูกผู้ชายสักเท่าไรถ้าเธอรู้
  • 13:08 - 13:10
    แต่ผมต้องเผชิญกับโรคซึมเศร้า
  • 13:10 - 13:12
    และผมก็กินยาอยู่
  • 13:12 - 13:14
    และผมสงสัยว่าคุณคิดว่าอย่างไร"
  • 13:14 - 13:16
    พวกเขาต่างซ่อน
  • 13:16 - 13:18
    ยาชนิดเดียวกันไว้คนละที่
  • 13:18 - 13:20
    ในห้องนอนเดียวกัน
  • 13:20 - 13:22
    แล้วผมก็บอกว่า ผมคิดว่า
  • 13:22 - 13:24
    การคุยกันระหว่างคู่แต่งงาน
  • 13:24 - 13:26
    น่าจะช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้
  • 13:26 - 13:30
    (เสียงหัวเราะ)
  • 13:30 - 13:32
    แต่ผมก็ยังคงตะลึง
  • 13:32 - 13:34
    กับธรรมชาติอันยากเข็ญ
  • 13:34 - 13:36
    ของการมีความลับร่วมกัน
  • 13:36 - 13:38
    โรคซึมเศร้านั้นช่างน่าเหนื่อยหน่าย
  • 13:38 - 13:41
    มันใช้เวลาและพลังงานของคุณมากมาย
  • 13:41 - 13:42
    และยังต้องไม่พูดถึงมัน
  • 13:42 - 13:45
    มันยิ่งทำให้โรคซึมเศร้าย่ำแย่ลงอีก
  • 13:45 - 13:47
    และผมก็เริ่มคิดถึงหนทางทั้งหลาย
  • 13:47 - 13:49
    ที่ผู้คนใช้ทำให้ตัวเองดีขึ้น
  • 13:49 - 13:51
    ผมเริ่มต้นด้วยการรักษาแบบดั้งเดิม
  • 13:51 - 13:54
    ผมคิดว่ามันมีการบำบัดบางประเภทที่ได้ผล
  • 13:54 - 13:55
    เป็นที่แน่ชัดว่าพวกมันคือ --
  • 13:55 - 13:57
    การใช้ยารักษา
  • 13:57 - 13:58
    การบำบัดทางจิตบางอย่าง
  • 13:58 - 14:01
    อาจเป็นการรักษาด้วยการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า
  • 14:01 - 14:04
    และอย่างอื่นที่ดูไม่เข้าท่า
  • 14:04 - 14:05
    แต่แล้วผมก็ค้นพบอะไรบางอย่าง
  • 14:05 - 14:07
    ถ้าคุณเป็นมะเร็งสมอง
  • 14:07 - 14:09
    และคุณพูดว่าการยืนตีลังกา
  • 14:09 - 14:12
    เป็นเวลา 20 นาทีทุกๆ เช้า ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
  • 14:12 - 14:13
    มันก็อาจทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
  • 14:13 - 14:15
    แต่คุณก็ยังคงเป็นมะเร็งสมอง
  • 14:15 - 14:17
    และคุณอาจจะยังตายได้เพราะมัน
  • 14:17 - 14:20
    แต่ถ้าคุณบอกว่า คุณเป็นโรคซึมเศร้า
  • 14:20 - 14:22
    และการยืนตีลังกาเป็นเวลา 20 นาทีทุกๆ วัน
  • 14:22 - 14:24
    ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ถ้าอย่างนั้นมันก็ได้ผล
  • 14:24 - 14:26
    เพราะว่าโรคซึมเศร้านั้นเป็นการเจ็บป่วยของความรู้สึก
  • 14:26 - 14:28
    และถ้าคุณรู้สึกดีขึ้น
  • 14:28 - 14:31
    ก็แสดงว่าคุณไม่ซึมเศร้าอีกต่อไปแล้ว
  • 14:31 - 14:33
    นั่นทำให้ผมมีความต้านทานมากขึ้นมาก
  • 14:33 - 14:36
    ต่อโลกกว้างใหญ่ของการรักษาทางเลือก
  • 14:36 - 14:38
    และผมได้รับจดหมายเป็นร้อยๆ ฉบับ
  • 14:38 - 14:41
    จากคนที่เขียนถึงผมเพื่อเล่าว่า
    อะไรที่พวกเขาทำแล้วได้ผล
  • 14:41 - 14:43
    บางคนถามผมตอนอยู่หลังเวทีวันนี้
  • 14:43 - 14:44
    เกี่ยวกับยารักษา
  • 14:44 - 14:47
    จดหมายที่ผมชอบเป็นพิเศษ
  • 14:47 - 14:48
    คือฉบับที่มาจากผู้หญิงคนหนึ่ง
  • 14:48 - 14:51
    เธอเขียนและเล่าว่าเธอได้ลองบำบัดก็แล้ว
  • 14:51 - 14:53
    เธอลองใช้ยาก็แล้ว
    เธอลองแล้วเกือบทุกอย่าง
  • 14:53 - 14:56
    และเธอก็พบทางแก้ปัญหา
    และหวังว่าผมจะประกาศให้โลกรู้
  • 14:56 - 15:00
    ว่ามันคือการทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จากด้าย
  • 15:00 - 15:03
    (เสียงหัวเราะ)
  • 15:03 - 15:06
    เธอส่งบางชิ้นให้ผมด้วย (เสียงหัวเราะ)
  • 15:06 - 15:10
    แต่ว่าผมก็ไม่ได้สวมมันอยู่ในตอนนี้
  • 15:10 - 15:12
    ผมแนะนำเธอว่า เธอน่าจะลองดู
  • 15:12 - 15:16
    การวินัจฉัยเกี่ยวกับโรคย้ำคิดย้ำทำดูบ้าง
  • 15:16 - 15:20
    และกระนั้น เมื่อผมกลับไปมองดู
    การรักษาทางเลือกต่างๆ
  • 15:20 - 15:22
    ผมก็ได้รับรู้เกี่ยวกับมุมมองของการรักษาแบบอื่น
  • 15:22 - 15:25
    ผมได้เห็นการไล่ผีของชนเผ่าในซีเนกัล
  • 15:25 - 15:27
    ซึ่งใช้เลือดแกะจำนวนมาก
  • 15:27 - 15:29
    ซึ่งผมจะไม่เล่าถึงรายละเอียดในตอนนี้
  • 15:29 - 15:31
    แต่ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ตอนที่ผมอยู่ที่รวันดา
  • 15:31 - 15:33
    ทำงานในโครงการอื่น
  • 15:33 - 15:36
    แล้วก็บังเอิญเล่าประสบการณ์ของผมให้บางคนฟัง
  • 15:36 - 15:38
    และเขาก็พูดว่า "คุณรู้ไหม
  • 15:38 - 15:40
    นั้นมันแอฟริกาตะวันตก และเราอยู่ในแอฟริกาตะวันออก
  • 15:40 - 15:41
    และพิธีกรรมของเราก็ต่างกันอย่างมาก
  • 15:41 - 15:43
    แต่เราก็มีพิธีกรรมที่มีบางอย่าง
  • 15:43 - 15:45
    เหมือนกับที่คุณเล่าให้ฟัง"
  • 15:45 - 15:47
    แล้วผมก็พูดว่า "โอ้" และเขาก็พูดว่า
    "ใช่แล้ว" เขาบอกว่า
  • 15:47 - 15:50
    "แต่เรามีปัญหามากมายกับนักสุขภาพจิตจากตะวันตก
  • 15:50 - 15:52
    โดยเฉพาะพวกที่มาหลังจากการสังหารหมู่"
  • 15:52 - 15:55
    และผมก็พูดว่า "คุณมีปัญหาแบบไหนกัน"
  • 15:55 - 15:56
    และเขาก็บอกว่า "ก็
  • 15:56 - 15:59
    พวกเขาทำสิ่งแปลกๆ
  • 15:59 - 16:01
    เขาไม่ให้ผู้คนออกไปเจอแสงแดด
  • 16:01 - 16:03
    ที่ๆ ทำให้คุณเริ่มรู้สึกดีขึ้น
  • 16:03 - 16:06
    เขาไม่ใช้การตีกลองและดนตรี เพื่อทำให้เลือดสูบฉีด
  • 16:06 - 16:08
    เขาไม่ได้เอาชุมชนทั้งหมดเข้ามาใช้
  • 16:08 - 16:09
    พวกเขาไม่ได้ขับไล่อาการซึมเศร้า
  • 16:09 - 16:11
    เหมือนว่ามันเป็นวิญญาณร้ายเข้าสิง
  • 16:11 - 16:13
    แต่พวกเขากลับพาผู้คน
  • 16:13 - 16:16
    ครั้งละคนเข้าไปในห้องแคบๆ
  • 16:16 - 16:17
    แล้วก็ให้เขาพูดเป็นชั่วโมงๆ
  • 16:17 - 16:20
    เกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา"
  • 16:20 - 16:25
    (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
  • 16:25 - 16:27
    เขาบอกว่า "เราคงต้องขอให้พวกเขาไปให้พ้นซะ"
  • 16:27 - 16:30
    (เสียงหัวเราะ)
  • 16:30 - 16:33
    เอาล่ะ ที่อีกด้านหนึ่งของการรักษาแบบทางเลือก
  • 16:33 - 16:35
    ผมจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับแฟรงค์ รุสซาคอฟ
  • 16:35 - 16:38
    แฟรงค์ รุสซาคอฟเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง
  • 16:38 - 16:41
    บางทีอาจถึงขนาดที่ผมไม่เคยเห็นใครเป็นมาก่อน
  • 16:41 - 16:43
    เขาซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง
  • 16:43 - 16:45
    ตอนที่ผมพบ เขาอยู่ในจุดที่ซึ่ง
  • 16:45 - 16:48
    ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการช็อตไฟฟ้าทุกๆ เดือน
  • 16:48 - 16:51
    เขาก็จะรู้สึกมึนงงอยู่ราวสัปดาห์
  • 16:51 - 16:53
    จากนั้นก็จะรู้สึกเป็นปกติอยู่ได้อีกสัปดาห์
  • 16:53 - 16:54
    แล้วก็เริ่มรู้สึกดิ่งเหวในสัปดาห์ถัดมา
  • 16:54 - 16:57
    แล้วเขาก็จะเข้ารับการรักษาด้วยการช็อตไฟฟ้าอีกครั้ง
  • 16:57 - 16:58
    และเขาก็บอกกับผมตอนที่พบกันว่า
  • 16:58 - 17:01
    "มันเกินจะทน ที่จะต้องเป็นแบบนี้
  • 17:01 - 17:02
    ผมทนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
  • 17:02 - 17:05
    และผมจะต้องหาทางให้ได้ว่าจะจบมันได้อย่างไร
  • 17:05 - 17:06
    ถ้าผมไม่รู้สึกดีขึ้น
  • 17:06 - 17:09
    แต่" เขาบอกกับผมว่า "ผมได้ยินเกี่ยวกับวิธีการ
  • 17:09 - 17:11
    ที่แมส เจเนอรัล สำหรับขั้นตอนที่เรียกว่า
  • 17:11 - 17:13
    ซิงกูโลโตมี่ (cingulotomy) ซึ่งเป็นการผ่าตัดสมอง
  • 17:13 - 17:16
    และผมคิดว่าผมจะลองดู"
  • 17:16 - 17:18
    แล้วผมจำได้ว่า ณ จุดนั้นผมรู้สึกประหลาดใจ
  • 17:18 - 17:19
    ที่รู้ว่ามีใครบางคน
  • 17:19 - 17:22
    ที่มีประสบการณ์เลวร้ายมากมาย
  • 17:22 - 17:24
    และรับการรักษามามากมายหลายอย่าง
  • 17:24 - 17:27
    ยังคงมีความคิดในแง่บวกฝังอยู่ที่ไหนสักแห่งในตัวเขา
  • 17:27 - 17:30
    ที่จะพาเขาไปพบความคิดในแง่บวกอื่นๆ ต่อไป
  • 17:30 - 17:32
    แล้วเขาก็เข้ารับการผ่าตัดสมอง
  • 17:32 - 17:34
    และมันก็ประสบผลสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ
  • 17:34 - 17:35
    ตอนนี้เขาเป็นเพื่อนของผม
  • 17:35 - 17:39
    เขามีภรรยาที่งดงามและลูกๆ ที่น่ารักอีกสองคน
  • 17:39 - 17:42
    เขาเขียนจดหมายถึงผมในวันคริสต์มาสหลังจากการผ่าตัด
  • 17:42 - 17:43
    และบอกว่า
  • 17:43 - 17:46
    "พ่อของผมส่งของขวัญมาให้สองชิ้น
  • 17:46 - 17:48
    ชิ้นแรกเป็นถาดใส่แผนซีดีอัตโนมัติ
    จากเดอะชาร์ปเปอร์อิมเมจ
  • 17:48 - 17:50
    ที่ผมไม่ได้ต้องการเท่าไหร่
  • 17:50 - 17:52
    แต่ผมรู้ว่าพ่อให้มาเพื่อแสดงความยินดี
  • 17:52 - 17:53
    ที่ผมอยู่ได้ด้วยตัวเอง
  • 17:53 - 17:55
    ได้ทำงานที่ผมน่าจะชอบ
  • 17:55 - 17:57
    และของขวัญอีกชิ้นหนึ่ง
  • 17:57 - 17:59
    ก็คือรูปถ่ายของย่า
  • 17:59 - 18:01
    ซึ่งฆ่าตัวตาย
  • 18:01 - 18:04
    ขณะที่ผมกำลังแกะห่อมันออก ผมเริ่มร้องไห้
  • 18:04 - 18:06
    ตอนนั้นแม่ผมก็เข้ามาแล้วพูดขึ้นว่า
  • 18:06 - 18:09
    'นี่ลูกกำลังร้องไห้เพราะญาติที่ไม่เคยรู้จักอย่างนั้นหรือ'
  • 18:09 - 18:13
    และผมก็บอกว่า 'ย่าของผมเป็นโรคเดียวกับผม'
  • 18:13 - 18:16
    ผมกำลังร้องไห้ตอนที่เขียนถึงคุณ
  • 18:16 - 18:19
    ไม่ใช่ว่าผมเศร้า แต่ผมรู้สึกตื้นตัน
  • 18:19 - 18:21
    ผมคิดว่า เพราะว่าผมเกือบจะฆ่าตัวตาย
  • 18:21 - 18:23
    แต่ครอบครัวของผมทำให้ผมอยู่ต่อได้
  • 18:23 - 18:25
    เช่นเดียวกับกับหมอทั้งหลาย
  • 18:25 - 18:27
    แล้วผมก็ได้รับการผ่าตัด
  • 18:27 - 18:30
    ผมมีชีวิตอยู่และรู้สึกซึ้งในบุญคุณ
  • 18:30 - 18:32
    เรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
  • 18:32 - 18:36
    ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รู้สึกแบบนี้เสมอไป"
  • 18:36 - 18:38
    ผมตื่นตะลึงด้วยความจริงที่ว่า โรคซึมเศร้า
  • 18:38 - 18:39
    ถูกเข้าใจกันทั่วไปว่าเป็น
  • 18:39 - 18:43
    เรื่องของชนชั้นกลางตะวันตกสมัยใหม่
  • 18:43 - 18:45
    แล้วผมก็ลงไปค้นดูว่ามันได้รับการจัดการอย่างไร
  • 18:45 - 18:47
    ในแง่มุมอื่นๆ ทั้งหลาย
  • 18:47 - 18:49
    และสิ่งหนึ่งที่ผมสนใจที่สุด
  • 18:49 - 18:51
    ก็คือโรคซึมเศร้าในหมู่คนยากจน
  • 18:51 - 18:53
    ผมก็เลยออกไปแล้วพยายามมองดู
  • 18:53 - 18:55
    ว่าเขาทำอย่างไรกับคนยากจนที่เป็นโรคซึมเศร้า
  • 18:55 - 18:57
    และสิ่งที่ผมค้นพบก็คือ คนยากจน
  • 18:57 - 19:00
    ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรักษาสำหรับโรคซึมเศร้า
  • 19:00 - 19:03
    โรคซึมเศร้าเป็นผลของความอ่อนแอทางพันธุกรรม
  • 19:03 - 19:06
    ซึ่งคาดว่ามีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในหมู่ประชากร
  • 19:06 - 19:08
    และก่อให้เกิดผลตามมา
  • 19:08 - 19:10
    ซึ่งดูเหมือนจะยิ่งรุนแรง
  • 19:10 - 19:12
    ในหมู่คนที่ยากจน
  • 19:12 - 19:14
    และมันก็กลายเป็นว่าถ้าคุณมี
  • 19:14 - 19:16
    ชีวิตที่ดีเหลือเกินแต่กลับรู้สึกไม่มีความสุขอยู่ตลอดเวลา
  • 19:16 - 19:18
    คุณคิดว่า "ทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้
  • 19:18 - 19:20
    ฉันคงเป็นโรคซึมเศร้าแน่"
  • 19:20 - 19:22
    แล้วคุณก็ออกไปหาวิธีรักษา
  • 19:22 - 19:24
    แต่ถ้าคุณมีชีวิตที่เลวร้ายอย่างสุดๆ
  • 19:24 - 19:26
    แล้วคุณก็รู้สึกไม่เป็นสุขอยู่ตลอด
  • 19:26 - 19:29
    สิ่งที่คุณรู้สึก สอดคล้องกับชีวิตของคุณ
  • 19:29 - 19:30
    มันก็เลยไม่ทำให้คุณคิดว่า
  • 19:30 - 19:32
    "บางทีนี่อาจรักษาได้"
  • 19:32 - 19:35
    เราจึงมีการระบาดของโรคซึมเศร้า
  • 19:35 - 19:38
    ของผู้คนที่ยากจนในประเทศนี้
  • 19:38 - 19:41
    ที่ไม่ได้รับการหยิบยกขึ้นมา
    และไม่ได้รับการรักษา
  • 19:41 - 19:43
    และไม่ได้ถูกกล่าวถึง
  • 19:43 - 19:45
    ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าในสังคม
  • 19:45 - 19:47
    แล้วผมก็ได้เจอกับนักวิชาการ
  • 19:47 - 19:48
    ที่กำลังทำโครงการวิจัย
  • 19:48 - 19:50
    ในชุมชนแออัดนอกกรุงวอชิงตัน
  • 19:50 - 19:53
    ที่มีการเลือกผู้หญิงที่เข้ามารับการรักษา
    ด้วยปัญหาทางสุขภาพอย่างอื่น
  • 19:53 - 19:55
    มาวินิจฉัยอาการซึ่งเศร้าของพวกเขา
  • 19:55 - 19:58
    และบอกรักษาด้วยวิธีการในขั้นทดลอง
    เป็นเวลาหกเดือน
  • 19:58 - 20:00
    หนึ่งในนั้นคือ โลลลี เธอได้เข้ามา
  • 20:00 - 20:03
    และนี่คือสิ่งที่เธอพูดในวันที่เธอเข้ามา
  • 20:03 - 20:06
    เธอซึ่งเป็นผู้หญิงนะครับ และ
  • 20:06 - 20:08
    มีลูกตั้งเจ็ดคน เธอบอกว่า
  • 20:08 - 20:11
    "ฉันเคยทำงานแต่ก็ต้องลาออกเพราะว่า
  • 20:11 - 20:13
    ฉันออกจากบ้านไม่ได้
  • 20:13 - 20:15
    ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับลูก
  • 20:15 - 20:18
    ในตอนเช้า ฉันแทบจะรอให้ลูกออกจากบ้านไม่ไหว
  • 20:18 - 20:21
    เพื่อที่จะคลานกลับขึ้นเตียงนอน
    แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปง
  • 20:21 - 20:23
    เมื่อถึงบ่ายสามโมงเวลาที่เด็กกลับมาบ้าน
  • 20:23 - 20:24
    มันมาถึงเร็วมาก"
  • 20:24 - 20:27
    เธอบอกว่า "ฉันได้แต่กินยาแก้ปวดจำนวนมาก
  • 20:27 - 20:29
    อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ฉันนอนหลับได้นานขึ้น
  • 20:29 - 20:33
    สามีของฉันบอกฉันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า
    ฉันมันโง่ ฉันมันน่าเกลียด
  • 20:33 - 20:37
    ฉันหวังว่าจะหยุดความเจ็บปวดได้"
  • 20:37 - 20:39
    ครับ เธอก็ถูกนำเข้าสู่วิธีการทดลองนี้
  • 20:39 - 20:42
    และเมื่อผมสัมภาษณ์เธออีกครั้งในอีกหกเดือนต่อมา
  • 20:42 - 20:46
    เธอได้งานทำที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก
  • 20:46 - 20:50
    สำหรับกองทัพเรือสหรัฐ
    เธอหย่าขาดจากสามีที่ทำร้ายจิตใจเธอ
  • 20:50 - 20:52
    และเธอบอกกับผมว่า
  • 20:52 - 20:54
    "ตอนนี้ลูกๆ ของฉันมีความสุขกว่าเดิมมาก
  • 20:54 - 20:56
    เธอบอกว่า "บ้านใหม่ของฉันมีห้องๆ หนึ่ง
  • 20:56 - 20:59
    สำหรับลูกชายและอีกห้องหนึ่งสำหรับลูกสาว
  • 20:59 - 21:01
    แต่พอถึงกลางคืน พวกเขาทั้งหมดก็มาที่เตียงของฉัน
  • 21:01 - 21:04
    ช่วยกันทำการบ้านและกิจกรรมอื่นๆ ด้วยกัน
  • 21:04 - 21:06
    ลูกคนหนึ่งอยากเป็นนักบวช
  • 21:06 - 21:07
    อีกคนอยากเป็นนักดับเพลิง
  • 21:07 - 21:10
    ลูกสาวคนหนึ่งบอกว่าเธอจะเป็นทนายความ
  • 21:10 - 21:12
    พวกเขาไม่ร้องไห้งอแงอย่างที่เคยเป็น
  • 21:12 - 21:15
    ไม่ทะเลาะกันอย่างที่เคยทำ
  • 21:15 - 21:19
    ทุกอย่างที่ฉันต้องการในตอนนี้ก็คือลูกๆ ของฉัน
  • 21:19 - 21:21
    ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
  • 21:21 - 21:26
    เสื้อผ้าที่ฉันใส่ ความรู้สึกของฉัน สิ่งที่ฉันแสดงออก
  • 21:26 - 21:29
    ฉันออกไปข้างนอกได้โดยไม่รู้สึกหวาดกลัวอีก
  • 21:29 - 21:33
    และฉันก็ไม่คิดว่าความรู้สึกเลวร้ายเหล่านั้นจะกลับมาอีก
  • 21:33 - 21:36
    และถ้าไม่ใช่เพราะ ดร. มิแรนด้าและการทดลองนั้น
  • 21:36 - 21:40
    ฉันก็คงจะยังคงอยู่บ้าน นอนคลุมโปงอยู่อย่างนั้น
  • 21:40 - 21:42
    ถ้าหากฉันยังไม่ตายซะก่อน
  • 21:42 - 21:46
    ฉันขอพระผู้เป็นเจ้าให้ส่งนางฟ้ามาช่วย
  • 21:46 - 21:50
    และท่านก็ได้ยินคำสวดอ้อนวอนของฉัน"
  • 21:50 - 21:53
    ผมประทับใจอย่างยิ่งกับประสบการณ์เหล่านี้
  • 21:53 - 21:56
    และผมตัดสินใจว่าจะเขียนเกี่ยวกับมัน
  • 21:56 - 21:57
    ไม่ใช่แค่ในหนังสือ ที่ผมกำลังทำอยู่
  • 21:57 - 21:59
    แต่ในบทความด้วย
  • 21:59 - 22:01
    แล้วผมก็ได้รับอนุญาตจากนิตยสารนิวยอร์คไทม์
  • 22:01 - 22:03
    ให้เขียนเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าของคนยากจน
  • 22:03 - 22:04
    ผมส่งเรื่องของผม
  • 22:04 - 22:06
    แล้วบรรณาธิการก็เรียกผมไปบอกว่า
  • 22:06 - 22:08
    "เราไม่สามารถตีพิมพ์เรื่องนี้ได้จริงๆ"
  • 22:08 - 22:10
    และผมก็บอกว่า "ทำไมล่ะ"
  • 22:10 - 22:12
    และเธอบอกว่า "มันแบบว่ายากที่จะเข้าถึง
  • 22:12 - 22:16
    คนพวกนี้อยู่ระดับต่ำล่างสุดของสังคม
  • 22:16 - 22:17
    แล้วพวกเขาก็ได้รับการรักษาแค่ไม่กี่เดือน
  • 22:17 - 22:20
    และพวกเขาก็พร้อมที่จะบริหาร [บริษัท] มอแกน สแตนเลย์
  • 22:20 - 22:22
    มันเหลือเชื่อเกินไป
  • 22:22 - 22:24
    เธอบอกว่า "ฉันไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน"
  • 22:24 - 22:27
    และผมก็พูดว่า "การที่คุณไม่เคยได้ยินถึงมันมาก่อน
  • 22:27 - 22:30
    เป็นการบอกว่ามันเป็นข่าวใหม่"
  • 22:30 - 22:36
    (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
  • 22:37 - 22:40
    "และคุณก็เป็นนิตยสารข่าว"
  • 22:40 - 22:42
    และหลังจากต่อรองกันอีกพอสมควร
  • 22:42 - 22:43
    พวกเขาก็เห็นด้วย
  • 22:43 - 22:45
    แต่ผมก็คิดอย่างมากถึงสิ่งที่พวกเขาพูด
  • 22:45 - 22:47
    ว่ามันเชื่อมโยงกันอย่างประหลาด
  • 22:47 - 22:49
    กับความไม่พึงใจที่ผู้คนยังคงมีอยู่
  • 22:49 - 22:51
    ต่อแนวคิดของการรักษา
  • 22:51 - 22:52
    ความคิดที่บางที ถ้าเราออกไป
  • 22:52 - 22:55
    และให้การรักษากับคนยากจนมากมายในชุมชน
  • 22:55 - 22:57
    นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่ควรทำ
  • 22:57 - 22:59
    เพราะว่าเราอาจจะสามารถเปลี่ยนพวกเขา
  • 22:59 - 23:01
    เหมือนกับว่ามันมีศีลธรรมสำคัญที่ผิด
  • 23:01 - 23:02
    อยู่รอบๆ ตัวเรา
  • 23:02 - 23:05
    ที่ว่าการรักษาโรคซึมเศร้า
  • 23:05 - 23:07
    การใช้ยาและอื่นๆ เป็นการลวงหลอก
  • 23:07 - 23:09
    และมันไม่เป็นธรรมชาติ
  • 23:09 - 23:12
    และผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างยิ่ง
  • 23:12 - 23:16
    มันคงเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับฟันของมนุษย์ที่จะหลุดออก
  • 23:16 - 23:19
    แต่ก็ไม่มีใครต่อต้านยาสีฟัน
  • 23:19 - 23:21
    อย่างน้อยก็ในแวดวงของผม
  • 23:21 - 23:24
    แล้วผู้คนก็บอกว่า "แต่ไม่ใช่ว่าโรคซึมเศร้า
  • 23:24 - 23:26
    เป็นสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนจะต้องเจอหรือไง
  • 23:26 - 23:28
    ไม่ใช่ว่าเราวิวัฒนาการมาจนมีอาการซึมเศร้าหรอกหรือ
  • 23:28 - 23:29
    มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของบุคลิกหรือ
  • 23:29 - 23:32
    จนผมอยากบอกว่า อารมณ์นั้นแปรเปลี่ยนได้
  • 23:32 - 23:36
    การที่เรารู้สึกโศกเศร้าและหวาดกลัว
  • 23:36 - 23:37
    สนุกสนานและพึงพอใจ
  • 23:37 - 23:39
    และความรู้สึกอื่นๆ ที่เรามี
  • 23:39 - 23:41
    เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง
  • 23:41 - 23:44
    และโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
  • 23:44 - 23:46
    เมื่อระบบนั้นเสียหาย
  • 23:46 - 23:48
    มันเป็นการปรับตัวที่ผิดพลาด
  • 23:48 - 23:50
    ผู้คนต่างมาหาผมและบอกว่า
  • 23:50 - 23:52
    "ผมคิดว่าถ้าผมทนต่อไปได้อีกสักปี
  • 23:52 - 23:54
    ผมคิดว่าผมจะผ่านมันไปได้"
  • 23:54 - 23:57
    และผมก็บอกพวกเขาตลอดเวลาว่า "คุณอาจผ่านมันไปได้
  • 23:57 - 23:59
    แต่คุณก็ไม่มีทางที่จะมีอายุ 37 ได้อีกครั้ง
  • 23:59 - 24:02
    ชีวิตนั้นสั้นนัก และนั่นมันทั้งปีเชียวนะ
  • 24:02 - 24:04
    ที่คุณกำลังบอกว่าจะยอมเสียมันไป
  • 24:04 - 24:06
    คิดให้ดีๆ"
  • 24:06 - 24:08
    มันเป็นความอับจนอันแปลกประหลาดของภาษาอังกฤษ
  • 24:08 - 24:10
    ที่จริงภาษาอื่นๆ ก็ด้วย
  • 24:10 - 24:13
    ที่เราใช้คำๆ เดียวกัน คือ โรคซึมเศร้า
  • 24:13 - 24:14
    เพื่ออธิบายความรู้สึกของเด็กๆ
  • 24:14 - 24:16
    เมื่อฝนตกในวันเกิด
  • 24:16 - 24:19
    และอธิบายว่าคนบางคนรู้สึกอย่างไร
  • 24:19 - 24:21
    ในนาทีก่อนที่จะตัดสินใจฆ่าตัวตาย
  • 24:21 - 24:24
    ผู้คนบอกกับผมว่า "นั่นไม่ใช่ความโศกเศร้าธรรมดา
    ที่เป็นอย่างต่อเนื่องหรอกหรือ"
  • 24:24 - 24:27
    และผมก็ตอบว่า ในแง่หนึ่งมันแค่ความโศกเศร้าทั่วไป
  • 24:27 - 24:30
    มันมีความต่อเนื่องอยู่ส่วนหนึ่ง
  • 24:30 - 24:32
    แต่ว่าในแง่เดียวกัน มันก็มีความต่อเนื่อง
  • 24:32 - 24:34
    ระหว่างมีรั้วเหล็กนอกบ้าน
  • 24:34 - 24:35
    ที่มีจุดที่ขึ้นสนิม
  • 24:35 - 24:38
    ที่คุณต้องขัดออกและทาสีใหม่
  • 24:38 - 24:41
    แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่อยู่บ้านนานถึง 100 ปี
  • 24:41 - 24:44
    จนสนิมกัดกินจนเหลือแต่กอง
  • 24:44 - 24:45
    ของฝุ่นสนิมสีส้ม
  • 24:45 - 24:47
    และจุดฝุ่นสีส้มนี่แหละ
  • 24:47 - 24:49
    ปัญหาฝุ่นสีส้มนี่เอง
  • 24:49 - 24:52
    ที่เรากำลังพยายามให้ความสำคัญ
  • 24:52 - 24:54
    ถึงตอนนี้พวกเขาก็พูดว่า
  • 24:54 - 24:57
    "คุณแค่กินยานี้แล้วคุณก็จะมีความสุขอย่างนั้นรึ"
  • 24:57 - 24:59
    ผมไม่นะ
  • 24:59 - 25:01
    แต่ผมไม่รู้สึกเศร้าเวลาที่ต้องกินข้าวกลางวัน
  • 25:01 - 25:04
    ไม่รู้สึกเศร้าเกี่ยวกับเครื่องตอบรับอัตโนมัติ
  • 25:04 - 25:07
    ไม่รู้สึกเศร้าที่ต้องอาบน้ำ
  • 25:07 - 25:10
    อันที่จริงผมรู้สึกมากขึ้น ผมคิด
  • 25:10 - 25:12
    เพราะว่าผมสามารถรู้สึกถึงความเศร้าได้โดยไม่รู้สึกไร้ค่า
  • 25:12 - 25:17
    ผมรู้สึกเสียใจกับความผิดหวัง
  • 25:17 - 25:19
    เกี่ยวความสัมพันธ์ที่มีปัญหา
  • 25:19 - 25:21
    เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน
  • 25:21 - 25:24
    เหล่านั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจ
  • 25:24 - 25:27
    แล้วผมก็บอกกับตัวเองว่า อะไรคือข้อสรุป
  • 25:27 - 25:29
    จะทำอย่างไรให้คนที่มีชีวิตที่ดีกว่านี้
  • 25:29 - 25:32
    แม้ว่าหากมีอาการซึมเศร้าที่รุนแรงกว่านี้ ก็จะผ่านมันไปได้
  • 25:32 - 25:34
    อะไรคือกลไกของการปรับตัว
  • 25:34 - 25:37
    และสิ่งที่ผมได้มาเมื่อเวลาผ่านไป
  • 25:37 - 25:39
    ก็คือคนที่ปฏิเสธประสบการณ์ของตัวเอง
  • 25:39 - 25:42
    คนที่บอกว่า "ฉันเคยเป็นโรคซึมเศร้าเมื่อนานมาแล้ว
  • 25:42 - 25:43
    และฉันไม่อยากที่จะคิดถึงมันอีก
  • 25:43 - 25:44
    ไม่ต้องการที่จะมองมัน
  • 25:44 - 25:46
    และฉันก็แค่จะมีชีวิตต่อไป"
  • 25:46 - 25:48
    ช่างน่าขัน คนเหล่านั้น
  • 25:48 - 25:51
    เป็นคนที่ตกเป็นทาสของสิ่งที่พวกเขามี
  • 25:51 - 25:54
    การปิดกั้นความซึมเศร้าหดหู่เป็นการส่งเสริมมัน
  • 25:54 - 25:57
    ขณะที่คุณพยายามซ่อนมัน มันยิ่งเติบโต
  • 25:57 - 26:00
    และคนที่ทำได้ดีกว่า
  • 26:00 - 26:02
    ก็คือคนที่สามารถยอมรับความจริง
  • 26:02 - 26:04
    ที่ว่าเขามีปัญหานี้
  • 26:04 - 26:06
    เหล่าคนที่ยอมรับอาการซึมเศร้าของตัวเอง
  • 26:06 - 26:08
    คือคนที่ปรับตัวได้สำเร็จ
  • 26:08 - 26:10
    แฟรงค์ รุสซาคอฟบอกผมว่า
  • 26:10 - 26:12
    "ถ้าผมต้องทำมันใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
  • 26:12 - 26:14
    ผมคาดว่าผมคงไม่ทำมันแบบนี้
  • 26:14 - 26:16
    แต่มันก็แปลกที่ผมรู้สึกดีใจ
  • 26:16 - 26:17
    กับสิ่งที่ผมได้เผชิญ
  • 26:17 - 26:21
    ผมดีใจได้ต้องเข้าโรงพยาบาลถึง 40 ครั้ง
  • 26:21 - 26:24
    มันสอนผมมากมายเกี่ยวกับความรัก
  • 26:24 - 26:26
    และความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวและหมอ
  • 26:26 - 26:31
    เป็นสิ่งมีค่าสำหรับผม และจะเป็นตลอดไป"
  • 26:31 - 26:33
    และแม็กกี้ รอบบิ้นก็บอกว่า
  • 26:33 - 26:36
    "ฉันเคยอาสาเข้าทำงานในคลีนิคโรคเอดส์
  • 26:36 - 26:39
    และฉันก็แค่คุย คุย แล้วก็คุย
  • 26:39 - 26:41
    และผมคนที่ฉันต้องเจอ
  • 26:41 - 26:43
    ก็ไม่ค่อยจะตอบสนองนัก และฉันก็คิดว่า
  • 26:43 - 26:47
    พวกเขาช่างไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
  • 26:47 - 26:48
    แล้วฉันก็รู้ว่า
  • 26:48 - 26:50
    ฉันรู้ว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรมากไปกว่า
  • 26:50 - 26:53
    พูดคุยในช่วงนาทีแรกๆ
  • 26:53 - 26:55
    มันเป็นโอกาส
  • 26:55 - 26:58
    ที่ฉันไม่ได้เป็นโรคเอดส์และไม่ได้กำลังจะตาย
  • 26:58 - 27:01
    แต่สามารถทนรับความจริงที่ว่าพวกเขาเป็น
  • 27:01 - 27:02
    และกำลังจะตาย
  • 27:02 - 27:06
    ความต้องการของเราเป็นทรัพย์สมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • 27:06 - 27:08
    มันกลายเป็นว่าฉันเรียนรู้ที่จะให้
  • 27:08 - 27:12
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันต้องการ"
  • 27:12 - 27:14
    การใส่ใจอาการซึมเศร้าของใครสักคน
  • 27:14 - 27:16
    ไม่อาจป้องกันการกำเริบขึ้นใหม่
  • 27:16 - 27:19
    แต่มันทำให้คาดการได้ถึงการกำเริบ
  • 27:19 - 27:23
    และแม้แต่อาการกำเริบเองสามารถถูกต้านทานได้ง่ายขึ้น
  • 27:23 - 27:25
    คำถามนั้นไม่ใช่
  • 27:25 - 27:27
    การค้นหาความหมายที่ยิ่งใหญ่และการตัดสินใจ
  • 27:27 - 27:29
    ว่าอาการซึมเศร้าของคุณนั้นมีค่าอย่างยิ่ง
  • 27:29 - 27:31
    แต่มันเกี่ยวกับการค้นหาความหมาย
  • 27:31 - 27:33
    และคิดถึงเมื่อมันกลับมาอีกครั้ง
  • 27:33 - 27:35
    "นี่จะเป็นเรื่องโหดร้าย
  • 27:35 - 27:37
    แต่ฉันจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากมัน"
  • 27:37 - 27:40
    ผมได้เรียนรู้จากอาการซึมเศร้าของตัวเอง
  • 27:40 - 27:42
    ว่าอารมณ์นั้นยิ่งใหญ่ได้เพียงใด
  • 27:42 - 27:45
    มันเป็นจริงยิ่งกว่าข้อเท็จจริงทั้งหลายได้อย่างไร
  • 27:45 - 27:48
    และผมได้พบว่าประสบการณ์นั้น
  • 27:48 - 27:51
    ช่วยให้ผมได้ประสบกับอารมณ์เชิงบวก
  • 27:51 - 27:54
    ในทางที่มุ่งมั่นและชัดเจนยิ่งกว่า
  • 27:54 - 27:58
    สิ่งตรงข้ามกับการซึมเศร้าไม่ใช่ความสุข
  • 27:58 - 27:59
    แต่เป็นพลังชีวิต
  • 27:59 - 28:02
    และทุกวันนี้ ชีวิตของผมนั้นเต็มไปด้วยพลัง
  • 28:02 - 28:05
    แม้กระทั่งในวันที่ผมเศร้า
  • 28:05 - 28:08
    ผมรู้สึกถึงงานศพอยู่ในหัว
  • 28:08 - 28:10
    และผมนั่งอยู่ข้างโคลอสซัส
  • 28:10 - 28:12
    ที่ตรงขอบโลก
  • 28:12 - 28:14
    และผมได้ค้นพบ
  • 28:14 - 28:16
    บางสิ่งที่อยู่ในตัวเอง
  • 28:16 - 28:18
    ที่ผมอยากเรียกหาวิญญาณ
  • 28:18 - 28:22
    ที่ผมไม่เคยสร้างขึ้นจนกระทั่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
  • 28:22 - 28:27
    เมื่อนรกแวะมาเยี่ยมผมโดยไม่บอกกล่าว
  • 28:27 - 28:31
    ผมคิดว่าขณะที่ผมเกลียดการเป็นโรคซึมเศร้า
  • 28:31 - 28:33
    และเกลียดที่จะต้องซึมเศร้าอีกครั้ง
  • 28:33 - 28:36
    ผมค้นพบวิธีที่จะรักอาการซึมเศร้าของผม
  • 28:36 - 28:38
    มันรักมันเพราะว่ามันบังคับผม
  • 28:38 - 28:41
    ให้ค้นหาและคว้าเอาความสุขไว้ให้แน่น
  • 28:41 - 28:44
    ผมรักมันเพราะแต่ละวันผมได้ตัดสินใจ
  • 28:44 - 28:46
    บางครั้งอย่างกล้าหาญ
  • 28:46 - 28:48
    บางครั้งก็ขัดแย้งกับเหตุผลที่มีในตอนนั้น
  • 28:48 - 28:51
    เพื่อเฟ้นหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่
  • 28:51 - 28:55
    และนั่น ผมคิดว่าเป็นความปลื้มปิติอย่างสูงสุด
  • 28:55 - 28:59
    ขอบคุณครับ
  • 28:59 - 29:02
    (เสียงปรบมือ)
Title:
โรคซึมเศร้า ความลับร่วมที่เราต่างมี
Speaker:
แอนดรูว์ โซโลมอน (Andrew Solomon)
Description:

"สิ่งตรงข้ามกับความซึมเศร้าไม่ใช่ความสุข แต่กลับเป็นพลังชีวิต และพลังนี้เองที่เหมือนจะถูกพัดพาไปจากผมในวินาทีนั้น" ในการบรรยายที่เปี่ยมด้วยวาทศิลป์พอๆ กับความเศร้าโศก นักเขียนนาม แอนดรูว์ โซโลมอน ได้นำคุณเข้าสู่มุมที่มืดที่สุดในจิตใจของเขาในช่วงปีที่เขาต้องต่อสู้กับความซึมเศร้า นั่นนำเขาเข้าสู่การผจญภัยทั่วโลกอันน่าตื่นตา เพื่อสัมภาษณ์ผู้อื่นที่มีอาการซึมเศร้า ทั้งหมดนี้ทำให้เขาแปลกใจที่ได้ค้นพบว่า ยิ่งเขาพูดกับคนอื่นมากขึ้นเท่าไร ยิ่งมีคนมากมายที่อยากจะบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา
(บันทึกการบรรยายที่ TEDxMet.)

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
29:21
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Depression, the secret we share
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Depression, the secret we share
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Depression, the secret we share
Pongsapak Vanichrundorn commented on Thai subtitles for Depression, the secret we share
Pongsapak Vanichrundorn edited Thai subtitles for Depression, the secret we share
Pongsapak Vanichrundorn accepted Thai subtitles for Depression, the secret we share
Pongsapak Vanichrundorn edited Thai subtitles for Depression, the secret we share
Pongsapak Vanichrundorn edited Thai subtitles for Depression, the secret we share
Show all

Thai subtitles

Revisions

  • Revision 28 Edited (legacy editor)
    Kelwalin Dhanasarnsombut