โรคซึมเศร้า ความลับร่วมที่เราต่างมี
-
0:04 - 0:08"ข้ารู้สึกถึงงานศพอยู่ในหัว
-
0:08 - 0:10ผู้มาร่วมอาลัยอาวรณ์วนเวียน
-
0:10 - 0:13ย่ำเดินก้าวแล้วก้าวเล่ากระทั่งรู้สึกได้
-
0:13 - 0:16ว่าบรรยากาศนั้นแทรกผ่านเข้ามา
-
0:16 - 0:18จนเมื่อพวกเขาทั้งหลายพากันนั่งลง
-
0:18 - 0:20พิธีกรรม ดั่งเสียงกลอง
-
0:20 - 0:22กระหน่ำซ้ำตี ครั้งแล้วครั้งเล่ากระทั่ง
-
0:22 - 0:26ใจของข้าด้านชาไร้ซึ่งความรู้สึก
-
0:26 - 0:28จากนั้นข้าได้ยินเสียงพวกเขายกโลงศพ
-
0:28 - 0:30กรีดผ่านวิญญาณข้า
-
0:30 - 0:33ด้วยรองเท้าตะกั่วคู่เดิมนั้น
-
0:33 - 0:36และแล้วความว่างเปล่าก็เริ่มครางเสียง
-
0:36 - 0:38ราวกับว่าสวรรค์เป็นดั่งระฆัง
-
0:38 - 0:40และชีวิตก็เปรียบดังโสตประสาท
-
0:40 - 0:43ตัวข้าและความเงียบงัน การขันแข่งอันแปลกพิกล
-
0:43 - 0:46หักพัง เปลี่ยวเหงา ที่แห่งนี้
-
0:46 - 0:50เมื่อนั้น พื้นแห่งเหตุผลก็แตกสลาย
-
0:50 - 0:53ปล่อยข้าให้จมดิ่งลง
-
0:53 - 0:56กระแทกกระทบโลกในทุกระดับ
-
0:56 - 1:00กระทั่งสิ้นสูญการรับรู้ใดๆ
-
1:00 - 1:04เรารู้จักโรคซึมเศร้าผ่านการอุปมา
-
1:04 - 1:07เอมิลี ดิ๊กคินสัน สามารถถ่ายทอดมันออกมาด้วยภาษา
-
1:07 - 1:10โกยาโดยภาพวาด
-
1:10 - 1:12จุดมุ่งหมายครื่งหนึ่งของศิลปะ
-
1:12 - 1:16ก็คือการพรรณนาถึงสภาวะเชิงสัญลักษณ์
-
1:16 - 1:20เช่นตัวผม ผมคิดเสมอว่าตัวเองเป็นคนเข้มแข็ง
-
1:20 - 1:21เป็นหนึ่งในคนที่สามารถมีชีวิตรอด
-
1:21 - 1:25หากถูกส่งไปยังค่ายกักกัน
-
1:25 - 1:27ในปี 1991 ผมต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง
-
1:27 - 1:29แม่ของผมเสียชีวิตลง
-
1:29 - 1:31ความสัมพันธ์ของผมกับแฟนมาถึงจุดสิ้นสด
-
1:31 - 1:33ผมย้ายกลับมายังสหรัฐฯ
-
1:33 - 1:35หลังจากใช้เวลาหลายปีในต่างประเทศ
-
1:35 - 1:38และผมก็ผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาได้โดยไม่บุบสลาย
-
1:38 - 1:42แต่ในปี 1994 สามปีหลังจากนั้น
-
1:42 - 1:46ผมพบว่าตัวเองสูญเสียความสนใจในเกือบทุกสิ่ง
-
1:46 - 1:48ผมไม่อยากทำอะไรสักอย่าง
-
1:48 - 1:50ที่ผมเคยอยากทำ
-
1:50 - 1:52โดยไม่รู้ว่าทำไม
-
1:52 - 1:54สิ่งตรงข้ามกับความซึมเศร้า
-
1:54 - 1:57ไม่ใช่ความสุข แต่มันคือพลังชีวิต
-
1:57 - 1:58และก็พลังชีวิตนี่เอง
-
1:58 - 2:02ที่จางหายไปจากผมในช่วงเวลานั้น
-
2:02 - 2:04ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยจะทำ
-
2:04 - 2:06ดูจะเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไป
-
2:06 - 2:08เมื่อผมกลับถึงบ้าน
-
2:08 - 2:11และเห็นไฟสีแดงกระพริบบนเครื่องตอบรับอัตโนมัติ
-
2:11 - 2:14แทนที่จะกระตือรือร้นอยากฟังข้อความที่เพื่อนๆ ฝากไว้
-
2:14 - 2:15ผมกลับคิดว่า
-
2:15 - 2:18"มีคนมากมายเหลือเกินที่ผมต้องโทรกลับไปหา"
-
2:18 - 2:21หรือผมจะตัดสินใจว่าควรกินอาหารกลางวัน
-
2:21 - 2:23และจากนั้นผมก็คิดว่า ผมต้องเอาอาหารออกมา
-
2:23 - 2:25แล้ววางใส่จาน
-
2:25 - 2:29ตักมันขึ้นมาเคี้ยวและกลืนมันลงไป
-
2:29 - 2:33มันทำให้ผมรู้สึกยังกับเดินไปสู่จุดจบของชีวิต
-
2:33 - 2:36และสิ่งหนึ่งที่มักหายไปอยู่บ่อยๆ
-
2:36 - 2:37เมื่อพูดถึงโรคซึมเศร้า
-
2:37 - 2:40ก็คือการที่คุณรู้ว่ามันช่างน่าขบขัน
-
2:40 - 2:43คุณรู้ว่ามันไร้สาระในตอนที่ต้องเผชิญกับมัน
-
2:43 - 2:45คุณรู้ว่าคนส่วนใหญ่สามารถจัดการ
-
2:45 - 2:47ฟังข้อความและกินอาหารกลางวัน
-
2:47 - 2:49พาตัวเองไปอาบน้ำ
-
2:49 - 2:50และเดินออกประตูหน้าไปข้างนอกได้
-
2:50 - 2:52โดยไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร
-
2:52 - 2:55และกระนั้นคุณก็ยังติดอยู่ในกรงเล็บนั้น
-
2:55 - 2:59ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะพาตัวเองออกมาได้
-
2:59 - 3:03และผมก็รู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งต่างๆ น้อยลง
-
3:03 - 3:05คิดน้อยลง
-
3:05 - 3:08และรู้สึกรู้สาน้อยลง
-
3:08 - 3:10คล้ายกับไม่มีตัวตน
-
3:10 - 3:12และจากนั้นความวิตกกังวลเข้ามา
-
3:12 - 3:15ถ้าคุณบอกกับผมว่า ผมจะต้อง
-
3:15 - 3:16ซึมเศร้าตลอดเดือนหน้า
-
3:16 - 3:20ผมคงจะบอกว่า "ตราบใดที่ผมรู้ว่ามันจะสิ้นสุด
เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน ผมก็คงผ่านมันไปได้" -
3:20 - 3:21แต่ถ้าคุณบอกกับผมว่า
-
3:21 - 3:24"ผมจะต้องวิตกกังวลไปตลอดเดือนหน้า"
-
3:24 - 3:26ผมคงจะเลือกเชือดข้อมือตัวเองมากกว่าที่จะต้องผ่านมันไป
-
3:26 - 3:28มันเป็นความรู้สึกที่คงอยู่ตลอดเวลา
-
3:28 - 3:30เหมือนกับความรู้สึกเวลาที่คุณเดิน
-
3:30 - 3:32และคุณลื่นหรือสะดุด
-
3:32 - 3:34และพื้นดินพุ่งเข้าหาคุณ
-
3:34 - 3:36แต่แทนที่มันจะเป็นแค่เสี้ยววินาที อย่างที่มันควรจะเป็น
-
3:36 - 3:38มันกลับคงอยู่อย่างนั้นถึงหกเดือน
-
3:38 - 3:41มันเป็นการรู้สึกถึงความกลัวอยู่ตลอดเวลา
-
3:41 - 3:45โดยที่ไม่อาจรู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่คุณกลัว
-
3:45 - 3:47แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่ผมเริ่มคิด
-
3:47 - 3:51ว่าแค่จะมีชีวิตอยู่มันก็เจ็บปวดเกินทน
-
3:51 - 3:54และเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมไม่ฆ่าตัวตาย
-
3:54 - 3:57ก็เพียงเพราะไม่อยากทำให้ใครเจ็บปวด
-
3:57 - 4:00จนในที่สุดวันหนึ่ง เมื่อผมตื่นนอน
-
4:00 - 4:02และคิดว่าบางทีผมอาจเป็นเส้นเลือดอุดตันในสมอง
-
4:02 - 4:05เพราะผมนอนตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง
-
4:05 - 4:07จ้องมองไปที่โทรศัพท์และครุ่นคิด
-
4:07 - 4:10"มีบางอย่างผิดปกติและผมควรขอความช่วยเหลือ"
-
4:10 - 4:12แต่ผมก็ไม่สามารถแม้แต่จะยื่นมือ
-
4:12 - 4:15เพื่อคว้าโทรศัพท์และโทรออก
-
4:15 - 4:19และในที่สุด หลังจากผ่านไปถึงสี่ชั่วโมง
ที่ผมนอนจ้องมันอยู่อย่างนั้น -
4:19 - 4:20โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
-
4:20 - 4:22และด้วยวิธีไหนก็ไม่รู้ ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้น
-
4:22 - 4:24เป็นพ่อผมเองที่โทรหา
-
4:24 - 4:27ผมจึงบอกท่านว่า "ผมกำลังเจอปัญหาใหญ่
-
4:27 - 4:30เราต้องทำอะไรสักอย่าง"
-
4:30 - 4:33วันรุ่งขึ้นผมเริ่มต้นเข้ารับการรักษาด้วยยา
-
4:33 - 4:35และการบำบัด
-
4:35 - 4:38แล้วผมก็เริ่มครุ่นคิด
-
4:38 - 4:39ถึงคำถามที่น่าหวาดหวั่นนี้:
-
4:39 - 4:41ถ้าหากผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง
-
4:41 - 4:44ผู้ที่สามารถรอดจากค่ายกักกันมาได้
-
4:44 - 4:46แล้วอย่างนั้นผมเป็นใคร
-
4:46 - 4:48และถ้าผมจะต้องเข้ารับการรักษาด้วยยา
-
4:48 - 4:51การรักษานั้นจะทำให้ผมเป็นตัวผมเองอย่างเต็มที่
-
4:51 - 4:54หรือว่ามันจะทำให้ผมกลายเป็นคนอื่น
-
4:54 - 4:55และผมจะรู้สึกอย่างไร
-
4:55 - 4:58ถ้าหากมันทำให้ผมกลายเป็นคนอื่น
-
4:58 - 5:01ผมได้ประโยชน์สองอย่างจากการขัดแย้งในใจที่เกิดขึ้น
-
5:01 - 5:04ถ้าจะพูดอย่างไม่ลำเอียง อย่างแรกก็คือผมรู้ว่า
-
5:04 - 5:06ผมมีชีวิตที่ดี
-
5:06 - 5:08และหากเพียงแค่ผมสามารถหายได้
-
5:08 - 5:09ที่ปลายทางนั้นก็ยังมีบางอย่างรออยู่
-
5:09 - 5:11ที่คุ้มค่าพอจะอยู่เพื่อมัน
-
5:11 - 5:14และอีกอย่างหนึ่งก็คือ
ผมสามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีได้ -
5:14 - 5:18แต่ยังไงก็แล้วแต่ผมก็คิดวนเวียน
-
5:18 - 5:20วนไปวนมา
-
5:20 - 5:23ซ้ำแล้วซ้ำอีก
-
5:23 - 5:25จนเข้าใจในท้ายที่สุด
-
5:25 - 5:27ว่าผมคงต้องกินยา
-
5:27 - 5:30และรับการบำบัดตลอดกาล
-
5:30 - 5:32และผมก็คิดว่า "แต่มันเป็นปัญหาทางเคมี
-
5:32 - 5:34หรือปัญหาทางจิตกันแน่?
-
5:34 - 5:37แล้วมันต้องรักษาด้วยสารเคมี
หรือด้วยจิตบำบัด" -
5:37 - 5:40ผมคิดไม่ออกว่ามันคืออะไรกันแน่
-
5:40 - 5:42แล้วผมก็เข้าใจว่าที่จริงแล้ว
-
5:42 - 5:44เรายังคงมีความก้าวหน้าไม่เพียงพอในทั้งสองเรื่อง
-
5:44 - 5:46ที่จะอธิบายมันได้อย่างครบถ้วน
-
5:46 - 5:49การรักษาด้วยสารเคมีและจิตบำบัด
-
5:49 - 5:51ต่างมีบทบาทร่วมกัน
-
5:51 - 5:55และผมก็ยังพบว่า อาการซึมเศร้านั้นเป็นบางสิ่ง
-
5:55 - 5:57ที่ฝังลึกอยู่ในตัวเรา
-
5:57 - 5:59จนไม่อาจแยกออก
-
5:59 - 6:01จากบุคลิกและลักษณะของเราได้
-
6:01 - 6:03ผมอยากบอกว่า การรักษาบำบัดที่เรามี
-
6:03 - 6:06สำหรับโรคซึมเศร้านั้นช่างเลวร้าย
-
6:06 - 6:08พวกมันไม่ค่อยได้ผล
-
6:08 - 6:10มีค่าใช้จ่ายสูงมาก
-
6:10 - 6:12พวกมันมาพร้อมกับผลข้างเคียงนับไม่ถ้วน
-
6:12 - 6:14มันเป็นหายนะดีๆ นี่เอง
-
6:14 - 6:17แต่ผมก็ดีใจที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้
-
6:17 - 6:19ไม่ใช่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
-
6:19 - 6:20ตอนที่มันเกือบจะไม่มีอะไรเลย
-
6:20 - 6:21ที่เราทำได้
-
6:21 - 6:24ผมหวังว่าในอีก 50 ปีนับจากนี้
-
6:24 - 6:26ผู้คนจะได้ยินเกี่ยวกับการรักษาของผม
-
6:26 - 6:28และหวาดกลัวที่จะรู้ว่าเรารอดมาได้
-
6:28 - 6:31ด้วยวิทยาศาสตร์ที่แสนจะพื้นๆ
-
6:31 - 6:35โรคซึมเศร้าเป็นข้อบกพร่องในความรัก
-
6:35 - 6:39หากคุณแต่งงานกับใครสักคนแล้วคิดว่า
-
6:39 - 6:42"ถ้าหากภรรยาของผมตาย ผมก็แค่หาคนใหม่"
-
6:42 - 6:45มันก็คงจะไม่ใช่ความรักอย่างที่เรารู้จัก
-
6:45 - 6:47มันไม่มีสิ่งใดเป็นเฉกเช่นความรัก
-
6:47 - 6:50ที่ปราศจากความหายนะแห่งความสูญเสีย
-
6:50 - 6:52และความหวาดกลัวต่อความสิ้นหวังนั้น
-
6:52 - 6:56จะเป็นเหมือนเครื่องยนต์แห่งความสนิทชิดใกล้
-
6:56 - 6:59มีสามสิ่งที่ผู้คนมักสับสน
-
6:59 - 7:03การซึมเศร้า ความอาลัย และความเศร้า
-
7:03 - 7:06ความอาลัยนั้นเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่แจ่มแจ้ง
-
7:06 - 7:09หากคุณพบกับการสูญเสียและรู้สึกไม่เป็นสุขอย่างยิ่ง
-
7:09 - 7:11และถึงจะผ่านไปแล้วถึงหกเดือน
-
7:11 - 7:14คุณก็ยังคงจมอยู่ในความเศร้าโศก
แต่คุณสามารถรวบรวมจิตใจให้ดีขึ้นได้เล็กน้อย -
7:14 - 7:16มันอาจเป็นความอาลัย
-
7:16 - 7:18และมันก็อาจหายไปในที่สุด
-
7:18 - 7:19ไม่ช้าก็เร็ว
-
7:19 - 7:22หากคุณต้องประสบกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
-
7:22 - 7:23และคุณรู้สึกย่ำแย่
-
7:23 - 7:26จนเมื่อผ่านไปแล้วหกเดือน คุณยังแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย
-
7:26 - 7:29เช่นนั้นแล้วมันก็คงเป็นโรคซึมเศร้าที่ก่อตัวขึ้น
-
7:29 - 7:31จากการสูญเสียครั้งใหญ่นั้น
-
7:31 - 7:35เส้นทางบอกให้เรารู้สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งว่า
-
7:35 - 7:38คนต่างคิดว่าโรคซึมเศร้านั้นเป็นเพียงแค่ความโศกเศร้า
-
7:38 - 7:41มันมากมายเกินกว่าความโศกเศร้า
-
7:41 - 7:42มากมายเกินกว่าความอาลัย
-
7:42 - 7:45ไม่ว่าจะมีเหตุเล็กน้อยเพียงใด
-
7:45 - 7:48ขณะที่ผมมุ่งทำความเข้าใจโรคซึมเศร้า
-
7:48 - 7:51และได้สัมภาษณ์ผู้คนที่ได้เผชิญกับมัน
-
7:51 - 7:54ผมพบว่ามีผู้คนที่ดูเหมือนว่า
-
7:54 - 7:56ผิวเผินแล้วมีอาการที่ดูคล้าย
-
7:56 - 7:58หดหู่อย่างอ่อนๆ
-
7:58 - 8:01แต่อย่างไรก็ดีเขาก็เป็นผู้ที่ไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิง
เพราะอาการดังกล่าว -
8:01 - 8:03และมีคนอื่นๆ ที่ดูเหมือนมีอาการ
-
8:03 - 8:04อย่างที่พวกเขาพูดถึงมัน
-
8:04 - 8:07ว่าเป็นการซึมเศร้าอย่างรุนแรง
-
8:07 - 8:09แต่อย่างไรก็ดีคนเหล่านั้นมีชีวิตที่ดีอยู่ในช่องแบ่ง
-
8:09 - 8:12ระหว่างอาการซึมเศร้าของพวกเขาเอง
-
8:12 - 8:14ผมจึงออกค้นหาว่าอะไร
-
8:14 - 8:16ที่ทำให้บางคน
-
8:16 - 8:18สามารถปรับตัวได้มากกว่าคนอื่น
-
8:18 - 8:20อะไรคือกลไก
-
8:20 - 8:22ที่ทำให้ผู้คนเอาตัวรอดมาได้
-
8:22 - 8:25ผมเลยออกไปสัมภาษณ์ใครต่อใคร
-
8:25 - 8:27ที่ทนทุกข์ทรมานจากโรคซึมเศร้า
-
8:27 - 8:29หนึ่งในคนแรกๆ ที่ผมได้สัมภาษณ์
-
8:29 - 8:31อธิบายโรคซึมเศร้า
-
8:31 - 8:34ว่าเป็นเหมือนการตายอย่างช้าๆ
-
8:34 - 8:36ซึ่งก็ดีที่ผมได้ยินอย่างนั้นเสียตั้งแต่เนิ่นๆ
-
8:36 - 8:37เพราะมันเตือนผมว่า
-
8:37 - 8:39การตายอย่างช้าๆ นั้น
-
8:39 - 8:41สามารถนำไปสู่การตายจริงๆ ได้
-
8:41 - 8:43จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
-
8:43 - 8:46มันเป็นความพิการที่เกิดขึ้นทั่วโลกเป็นอันดับต้นๆ
-
8:46 - 8:49และมีคนตายเพราะมันทุกๆ วัน
-
8:49 - 8:51หนึ่งในคนที่ผมได้คุยด้วย
-
8:51 - 8:53ตอนที่ผมพยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้
-
8:53 - 8:55คือเพื่อนรักของผม
-
8:55 - 8:57คนที่ผมรู้จักมาเป็นเวลาหลายปี
-
8:57 - 8:59และมีอาการทางจิตแบบเฉียบพลัน
-
8:59 - 9:01ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าเรียนในวิทยาลัย
-
9:01 - 9:04จนดิ่งเข้าสู่อาการซึมเศร้าอย่างรุนแรง
-
9:04 - 9:06เธอมีอาการของโรคอารมณ์สองขั้ว
-
9:06 - 9:08หรือโรคอารมณ์แปรปรวน ดังเช่นที่รู้จักกันในตอนนั้น
-
9:08 - 9:10แต่เธอก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี
-
9:10 - 9:12เป็นเวลาหลายปีด้วยการใช้ยาลิเทียม
-
9:12 - 9:13จนในที่สุด
-
9:13 - 9:15เธอก็เลิกใช้ลิเทียม
-
9:15 - 9:17เพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไรหากไม่ใช้มัน
-
9:17 - 9:19แล้วเธอก็ต้องเผชิญกับอาการทางจิตอีกครั้ง
-
9:19 - 9:21ก่อนที่จะเข้าสู่อาการซึมเศร้าขั้นเลวร้ายที่สุด
-
9:21 - 9:23เท่าที่ผมเคยเห็น
-
9:23 - 9:26คือเธอนั่งอยู่ในอพาร์ทเมนต์ของพ่อแม่
-
9:26 - 9:29ตัวแข็งทื่อ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
-
9:29 - 9:32วันแล้ววันเล่า
-
9:32 - 9:35และเมื่อผมสัมภาษณ์เธอเกี่ยวกับ
ประสบการณ์นั้นในหลายปีต่อมา-- -
9:35 - 9:38เธอเป็นนักกวีและนักจิตบำบัดชื่อว่า แม็กกี้ รอบบิ้น
-
9:38 - 9:42ตอนที่ผมสัมภาษณ์ เธอบอกว่า
-
9:42 - 9:45"ฉันเอาแต่ร้องเพลง "ดอกไม้หายไปไหน"
-
9:45 - 9:48ซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อรักษาสติไว้
-
9:48 - 9:51ฉันร้องเพลงเพื่อกลบเสียงในใจที่บอกว่า
-
9:51 - 9:56'เธอเป็นคนไร้ค่า ไม่มีใครสนใจ
-
9:56 - 9:59เธอไม่ควรค่าแม้จะมีชีวิตอยู่'
-
9:59 - 10:01และนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่ฉันเริ่มคิดอย่างจริงจัง
-
10:01 - 10:03ถึงการฆ่าตัวตาย"
-
10:03 - 10:05คุณไม่ทันคิดเมื่อตกอยู่ในอาการซึมเศร้า
-
10:05 - 10:07ว่าคุณกำลังสวมผ้าคลุมหน้าสีเทา
-
10:07 - 10:09และกำลังมองโลกผ่านความหมอก
-
10:09 - 10:11ของอารมณ์แย่ๆ
-
10:11 - 10:14คุณคิดว่าผ้าคลุมหน้าถูกดึงออกไป
-
10:14 - 10:16เป็นผ้าคลุมหน้าแห่งความสุข
-
10:16 - 10:18และคุณกำลังมองเห็นสิ่งที่แท้จริง
-
10:18 - 10:21มันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะช่วยผู้ป่วยจิตเภทที่คิด
-
10:21 - 10:23ว่ามีบางอย่างแปลกปลอมอยู่ในตัวของพวกเขา
-
10:23 - 10:25ที่จะต้องถูกขับไล่ออกไป
-
10:25 - 10:27แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ซึมเศร้า
-
10:27 - 10:31เพราะเราเชื่อว่าเรามองเห็นความจริง
-
10:31 - 10:34แต่ความจริงนั้นลวงหลอก
-
10:34 - 10:36ผมเกิดหมกมุ่นกับประโยคที่ว่า:
-
10:36 - 10:38"แต่ความจริงนั้นลวงหลอก"
-
10:38 - 10:41และผมก็ค้นพบ ขณะที่ผมพูดคุยกันคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
-
10:41 - 10:43ว่าพวกเขามีอาการประสาทหลอนต่างๆ
-
10:43 - 10:45ผู้คนจะพูดว่า "ไม่มีใครรักฉัน"
-
10:45 - 10:47และคุณก็พูดว่า "ฉันรักคุณ
-
10:47 - 10:49ภรรยาคุณก็รักคุณ มารดาคุณก็รักคุณ"
-
10:49 - 10:51คุณสามารถตอบมันได้ในเกือบทันที
-
10:51 - 10:53อย่างน้อยก็สำหรับคนส่วนใหญ่
-
10:53 - 10:55แต่ผู้คนที่ตกอยู่ในอาการซึมเศร้าจะพูดว่า
-
10:55 - 10:57"ไม่ว่าเราจะทำอย่างไร
-
10:57 - 10:59สุดท้ายแล้วเราก็ต้องตายในที่สุด"
-
10:59 - 11:01หรือไม่พวกเขาก็จะพูดว่า "มันไม่มีความผูกพันที่แท้จริง
-
11:01 - 11:03ระหว่างคนสองคน
-
11:03 - 11:06เราต่างคนต่างติดอยู่ในร่างกายของตัวเอง"
-
11:06 - 11:07นั่นทำให้คุณจำเป็นต้องพูดว่า
-
11:07 - 11:09นั่นก็จริง
-
11:09 - 11:11แต่ผมคิดว่าตอนนี้เราควรตั้งใจคิด
-
11:11 - 11:12ว่าจะกินอะไรเป็นอาหารเช้ากันดี"
-
11:12 - 11:15(เสียงหัวเราะ)
-
11:15 - 11:16ก็บ่อยไป
-
11:16 - 11:19ที่การแสดงออกของพวกเขาไม่ใช่อาการเจ็บป่วย
แต่เป็นความเข้าใจตนเอง -
11:19 - 11:22และสิ่งที่ช่างเหลือเชื่อจริงๆ
-
11:22 - 11:25ก็คือพวกเราส่วนใหญ่รู้จักคำถามเหล่านั้น
-
11:25 - 11:27และมันก็ไม่ได้กวนใจอะไรมากมาย
-
11:27 - 11:29มีการงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษ
-
11:29 - 11:31ที่ให้กลุ่มคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
-
11:31 - 11:33และกลุ่มคนที่ไม่ได้เป็น
-
11:33 - 11:35เล่นวีดีโอเกมเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง
-
11:35 - 11:37เมื่อครบหนึ่งชั่วโมง
-
11:37 - 11:39พวกเขาถูกถามว่ามีสัตว์ประหลาดกี่ตัว
-
11:39 - 11:41ที่พวกเขาคิดว่าจัดการได้
-
11:41 - 11:43กลุ่มคนที่เป็นโรคซึมเศร้าดูจะตอบได้แม่นยำ
-
11:43 - 11:45ในช่วงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
-
11:45 - 11:47ขณะที่คนที่ไม่ได้เป็น
-
11:47 - 11:50เดามากกว่าความจริงถึง 15 ถึง 20 เท่า
-
11:50 - 11:52ว่าสัตว์ประหลาดตัวเล็กๆ--(เสียงหัวเราะ)--
-
11:52 - 11:56ถูกพวกเขาจัดการ
-
11:56 - 11:59ผู้คนมากมายพูดว่า
ตอนที่ผมเลือกเขียนเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าของผม -
11:59 - 12:01มันต้องเป็นเรื่องยากมากๆ
-
12:01 - 12:04ที่จะออกมาเปิดเผย และยอมให้คนอื่นรู้
-
12:04 - 12:06พวกเขาถามผมว่า "คนอื่นๆ พูดกับคุณแปลกไปบ้างไหม"
-
12:06 - 12:08และผมก็บอกว่า "ใช่แล้ว คนอื่นพูดกับผมแปลกไป
-
12:08 - 12:10พวกเขาพูดกับผมในเรื่องที่ต่างออกไป
-
12:10 - 12:13พวกเขาเริ่มเล่าให้ผมฟังถึงประสบการณ์ของพวกเขา
-
12:13 - 12:15หรือพี่สาวของพวกเขา
-
12:15 - 12:16หรือเพื่อนของพวกเขา
-
12:16 - 12:19สิ่งต่างๆ แปลกไปเพราะตอนนี้ผมรู้แล้ว
-
12:19 - 12:21ว่าโรคซึมเศร้าเป็นความลับของครอบครัว
-
12:21 - 12:24ที่ทุกคนเป็น
-
12:24 - 12:27ผมไปร่วมการประชุมเมื่อหลายปีก่อน
-
12:27 - 12:30ในวันศุกร์ของช่วงการประชุมสามวัน
-
12:30 - 12:33หนึ่งในผู้เข้าร่วมการประชุมพาผมหลบออกมาด้านข้าง
แล้วบอกว่า -
12:33 - 12:36"ฉันกำลังทรมานจากโรคซึมเศร้าและ
-
12:36 - 12:39ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยเกี่ยวกับมัน
-
12:39 - 12:41แต่ฉันก็กำลังกินยานี้อยู่
-
12:41 - 12:44และอยากรู้ว่าคุณคิดว่าอย่างไร"
-
12:44 - 12:47และผมก็พยายามให้คำแนะนำอย่างดีที่สุด
เท่าที่ผมทำได้ -
12:47 - 12:48แล้วเธอก็พูดว่า "คุณรู้ไหม
-
12:48 - 12:51ว่าสามีของฉันคงไม่มีวันเข้าใจ
-
12:51 - 12:54เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่มีวันเข้าใจเรื่องแบบนี้
-
12:54 - 12:57ฉันก็เลย เอาเป็นว่า เก็บเรื่องนี้ไว้ระหว่างเราเท่านั้นนะ"
-
12:57 - 12:59แล้วผมก็บอกว่า "ครับ ได้เลย"
-
12:59 - 13:01พอถึงวันอาทิตย์ของการประชุมเดียวกันนั้น
-
13:01 - 13:04สามีของเธอก็พาผมหลบออกข้างๆ (เสียงหัวเราะ)
-
13:04 - 13:05แล้วบอกว่า "ภรรยาของผมคงไม่คิด
-
13:05 - 13:08ว่าผมเป็นลูกผู้ชายสักเท่าไรถ้าเธอรู้
-
13:08 - 13:10แต่ผมต้องเผชิญกับโรคซึมเศร้า
-
13:10 - 13:12และผมก็กินยาอยู่
-
13:12 - 13:14และผมสงสัยว่าคุณคิดว่าอย่างไร"
-
13:14 - 13:16พวกเขาต่างซ่อน
-
13:16 - 13:18ยาชนิดเดียวกันไว้คนละที่
-
13:18 - 13:20ในห้องนอนเดียวกัน
-
13:20 - 13:22แล้วผมก็บอกว่า ผมคิดว่า
-
13:22 - 13:24การคุยกันระหว่างคู่แต่งงาน
-
13:24 - 13:26น่าจะช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้
-
13:26 - 13:30(เสียงหัวเราะ)
-
13:30 - 13:32แต่ผมก็ยังคงตะลึง
-
13:32 - 13:34กับธรรมชาติอันยากเข็ญ
-
13:34 - 13:36ของการมีความลับร่วมกัน
-
13:36 - 13:38โรคซึมเศร้านั้นช่างน่าเหนื่อยหน่าย
-
13:38 - 13:41มันใช้เวลาและพลังงานของคุณมากมาย
-
13:41 - 13:42และยังต้องไม่พูดถึงมัน
-
13:42 - 13:45มันยิ่งทำให้โรคซึมเศร้าย่ำแย่ลงอีก
-
13:45 - 13:47และผมก็เริ่มคิดถึงหนทางทั้งหลาย
-
13:47 - 13:49ที่ผู้คนใช้ทำให้ตัวเองดีขึ้น
-
13:49 - 13:51ผมเริ่มต้นด้วยการรักษาแบบดั้งเดิม
-
13:51 - 13:54ผมคิดว่ามันมีการบำบัดบางประเภทที่ได้ผล
-
13:54 - 13:55เป็นที่แน่ชัดว่าพวกมันคือ --
-
13:55 - 13:57การใช้ยารักษา
-
13:57 - 13:58การบำบัดทางจิตบางอย่าง
-
13:58 - 14:01อาจเป็นการรักษาด้วยการกระตุ้นด้วยไฟฟ้า
-
14:01 - 14:04และอย่างอื่นที่ดูไม่เข้าท่า
-
14:04 - 14:05แต่แล้วผมก็ค้นพบอะไรบางอย่าง
-
14:05 - 14:07ถ้าคุณเป็นมะเร็งสมอง
-
14:07 - 14:09และคุณพูดว่าการยืนตีลังกา
-
14:09 - 14:12เป็นเวลา 20 นาทีทุกๆ เช้า ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
-
14:12 - 14:13มันก็อาจทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
-
14:13 - 14:15แต่คุณก็ยังคงเป็นมะเร็งสมอง
-
14:15 - 14:17และคุณอาจจะยังตายได้เพราะมัน
-
14:17 - 14:20แต่ถ้าคุณบอกว่า คุณเป็นโรคซึมเศร้า
-
14:20 - 14:22และการยืนตีลังกาเป็นเวลา 20 นาทีทุกๆ วัน
-
14:22 - 14:24ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ถ้าอย่างนั้นมันก็ได้ผล
-
14:24 - 14:26เพราะว่าโรคซึมเศร้านั้นเป็นการเจ็บป่วยของความรู้สึก
-
14:26 - 14:28และถ้าคุณรู้สึกดีขึ้น
-
14:28 - 14:31ก็แสดงว่าคุณไม่ซึมเศร้าอีกต่อไปแล้ว
-
14:31 - 14:33นั่นทำให้ผมมีความต้านทานมากขึ้นมาก
-
14:33 - 14:36ต่อโลกกว้างใหญ่ของการรักษาทางเลือก
-
14:36 - 14:38และผมได้รับจดหมายเป็นร้อยๆ ฉบับ
-
14:38 - 14:41จากคนที่เขียนถึงผมเพื่อเล่าว่า
อะไรที่พวกเขาทำแล้วได้ผล -
14:41 - 14:43บางคนถามผมตอนอยู่หลังเวทีวันนี้
-
14:43 - 14:44เกี่ยวกับยารักษา
-
14:44 - 14:47จดหมายที่ผมชอบเป็นพิเศษ
-
14:47 - 14:48คือฉบับที่มาจากผู้หญิงคนหนึ่ง
-
14:48 - 14:51เธอเขียนและเล่าว่าเธอได้ลองบำบัดก็แล้ว
-
14:51 - 14:53เธอลองใช้ยาก็แล้ว
เธอลองแล้วเกือบทุกอย่าง -
14:53 - 14:56และเธอก็พบทางแก้ปัญหา
และหวังว่าผมจะประกาศให้โลกรู้ -
14:56 - 15:00ว่ามันคือการทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จากด้าย
-
15:00 - 15:03(เสียงหัวเราะ)
-
15:03 - 15:06เธอส่งบางชิ้นให้ผมด้วย (เสียงหัวเราะ)
-
15:06 - 15:10แต่ว่าผมก็ไม่ได้สวมมันอยู่ในตอนนี้
-
15:10 - 15:12ผมแนะนำเธอว่า เธอน่าจะลองดู
-
15:12 - 15:16การวินัจฉัยเกี่ยวกับโรคย้ำคิดย้ำทำดูบ้าง
-
15:16 - 15:20และกระนั้น เมื่อผมกลับไปมองดู
การรักษาทางเลือกต่างๆ -
15:20 - 15:22ผมก็ได้รับรู้เกี่ยวกับมุมมองของการรักษาแบบอื่น
-
15:22 - 15:25ผมได้เห็นการไล่ผีของชนเผ่าในซีเนกัล
-
15:25 - 15:27ซึ่งใช้เลือดแกะจำนวนมาก
-
15:27 - 15:29ซึ่งผมจะไม่เล่าถึงรายละเอียดในตอนนี้
-
15:29 - 15:31แต่ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ตอนที่ผมอยู่ที่รวันดา
-
15:31 - 15:33ทำงานในโครงการอื่น
-
15:33 - 15:36แล้วก็บังเอิญเล่าประสบการณ์ของผมให้บางคนฟัง
-
15:36 - 15:38และเขาก็พูดว่า "คุณรู้ไหม
-
15:38 - 15:40นั้นมันแอฟริกาตะวันตก และเราอยู่ในแอฟริกาตะวันออก
-
15:40 - 15:41และพิธีกรรมของเราก็ต่างกันอย่างมาก
-
15:41 - 15:43แต่เราก็มีพิธีกรรมที่มีบางอย่าง
-
15:43 - 15:45เหมือนกับที่คุณเล่าให้ฟัง"
-
15:45 - 15:47แล้วผมก็พูดว่า "โอ้" และเขาก็พูดว่า
"ใช่แล้ว" เขาบอกว่า -
15:47 - 15:50"แต่เรามีปัญหามากมายกับนักสุขภาพจิตจากตะวันตก
-
15:50 - 15:52โดยเฉพาะพวกที่มาหลังจากการสังหารหมู่"
-
15:52 - 15:55และผมก็พูดว่า "คุณมีปัญหาแบบไหนกัน"
-
15:55 - 15:56และเขาก็บอกว่า "ก็
-
15:56 - 15:59พวกเขาทำสิ่งแปลกๆ
-
15:59 - 16:01เขาไม่ให้ผู้คนออกไปเจอแสงแดด
-
16:01 - 16:03ที่ๆ ทำให้คุณเริ่มรู้สึกดีขึ้น
-
16:03 - 16:06เขาไม่ใช้การตีกลองและดนตรี เพื่อทำให้เลือดสูบฉีด
-
16:06 - 16:08เขาไม่ได้เอาชุมชนทั้งหมดเข้ามาใช้
-
16:08 - 16:09พวกเขาไม่ได้ขับไล่อาการซึมเศร้า
-
16:09 - 16:11เหมือนว่ามันเป็นวิญญาณร้ายเข้าสิง
-
16:11 - 16:13แต่พวกเขากลับพาผู้คน
-
16:13 - 16:16ครั้งละคนเข้าไปในห้องแคบๆ
-
16:16 - 16:17แล้วก็ให้เขาพูดเป็นชั่วโมงๆ
-
16:17 - 16:20เกี่ยวกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับพวกเขา"
-
16:20 - 16:25(เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
-
16:25 - 16:27เขาบอกว่า "เราคงต้องขอให้พวกเขาไปให้พ้นซะ"
-
16:27 - 16:30(เสียงหัวเราะ)
-
16:30 - 16:33เอาล่ะ ที่อีกด้านหนึ่งของการรักษาแบบทางเลือก
-
16:33 - 16:35ผมจะเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับแฟรงค์ รุสซาคอฟ
-
16:35 - 16:38แฟรงค์ รุสซาคอฟเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง
-
16:38 - 16:41บางทีอาจถึงขนาดที่ผมไม่เคยเห็นใครเป็นมาก่อน
-
16:41 - 16:43เขาซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง
-
16:43 - 16:45ตอนที่ผมพบ เขาอยู่ในจุดที่ซึ่ง
-
16:45 - 16:48ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการช็อตไฟฟ้าทุกๆ เดือน
-
16:48 - 16:51เขาก็จะรู้สึกมึนงงอยู่ราวสัปดาห์
-
16:51 - 16:53จากนั้นก็จะรู้สึกเป็นปกติอยู่ได้อีกสัปดาห์
-
16:53 - 16:54แล้วก็เริ่มรู้สึกดิ่งเหวในสัปดาห์ถัดมา
-
16:54 - 16:57แล้วเขาก็จะเข้ารับการรักษาด้วยการช็อตไฟฟ้าอีกครั้ง
-
16:57 - 16:58และเขาก็บอกกับผมตอนที่พบกันว่า
-
16:58 - 17:01"มันเกินจะทน ที่จะต้องเป็นแบบนี้
-
17:01 - 17:02ผมทนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
-
17:02 - 17:05และผมจะต้องหาทางให้ได้ว่าจะจบมันได้อย่างไร
-
17:05 - 17:06ถ้าผมไม่รู้สึกดีขึ้น
-
17:06 - 17:09แต่" เขาบอกกับผมว่า "ผมได้ยินเกี่ยวกับวิธีการ
-
17:09 - 17:11ที่แมส เจเนอรัล สำหรับขั้นตอนที่เรียกว่า
-
17:11 - 17:13ซิงกูโลโตมี่ (cingulotomy) ซึ่งเป็นการผ่าตัดสมอง
-
17:13 - 17:16และผมคิดว่าผมจะลองดู"
-
17:16 - 17:18แล้วผมจำได้ว่า ณ จุดนั้นผมรู้สึกประหลาดใจ
-
17:18 - 17:19ที่รู้ว่ามีใครบางคน
-
17:19 - 17:22ที่มีประสบการณ์เลวร้ายมากมาย
-
17:22 - 17:24และรับการรักษามามากมายหลายอย่าง
-
17:24 - 17:27ยังคงมีความคิดในแง่บวกฝังอยู่ที่ไหนสักแห่งในตัวเขา
-
17:27 - 17:30ที่จะพาเขาไปพบความคิดในแง่บวกอื่นๆ ต่อไป
-
17:30 - 17:32แล้วเขาก็เข้ารับการผ่าตัดสมอง
-
17:32 - 17:34และมันก็ประสบผลสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ
-
17:34 - 17:35ตอนนี้เขาเป็นเพื่อนของผม
-
17:35 - 17:39เขามีภรรยาที่งดงามและลูกๆ ที่น่ารักอีกสองคน
-
17:39 - 17:42เขาเขียนจดหมายถึงผมในวันคริสต์มาสหลังจากการผ่าตัด
-
17:42 - 17:43และบอกว่า
-
17:43 - 17:46"พ่อของผมส่งของขวัญมาให้สองชิ้น
-
17:46 - 17:48ชิ้นแรกเป็นถาดใส่แผนซีดีอัตโนมัติ
จากเดอะชาร์ปเปอร์อิมเมจ -
17:48 - 17:50ที่ผมไม่ได้ต้องการเท่าไหร่
-
17:50 - 17:52แต่ผมรู้ว่าพ่อให้มาเพื่อแสดงความยินดี
-
17:52 - 17:53ที่ผมอยู่ได้ด้วยตัวเอง
-
17:53 - 17:55ได้ทำงานที่ผมน่าจะชอบ
-
17:55 - 17:57และของขวัญอีกชิ้นหนึ่ง
-
17:57 - 17:59ก็คือรูปถ่ายของย่า
-
17:59 - 18:01ซึ่งฆ่าตัวตาย
-
18:01 - 18:04ขณะที่ผมกำลังแกะห่อมันออก ผมเริ่มร้องไห้
-
18:04 - 18:06ตอนนั้นแม่ผมก็เข้ามาแล้วพูดขึ้นว่า
-
18:06 - 18:09'นี่ลูกกำลังร้องไห้เพราะญาติที่ไม่เคยรู้จักอย่างนั้นหรือ'
-
18:09 - 18:13และผมก็บอกว่า 'ย่าของผมเป็นโรคเดียวกับผม'
-
18:13 - 18:16ผมกำลังร้องไห้ตอนที่เขียนถึงคุณ
-
18:16 - 18:19ไม่ใช่ว่าผมเศร้า แต่ผมรู้สึกตื้นตัน
-
18:19 - 18:21ผมคิดว่า เพราะว่าผมเกือบจะฆ่าตัวตาย
-
18:21 - 18:23แต่ครอบครัวของผมทำให้ผมอยู่ต่อได้
-
18:23 - 18:25เช่นเดียวกับกับหมอทั้งหลาย
-
18:25 - 18:27แล้วผมก็ได้รับการผ่าตัด
-
18:27 - 18:30ผมมีชีวิตอยู่และรู้สึกซึ้งในบุญคุณ
-
18:30 - 18:32เรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
-
18:32 - 18:36ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รู้สึกแบบนี้เสมอไป"
-
18:36 - 18:38ผมตื่นตะลึงด้วยความจริงที่ว่า โรคซึมเศร้า
-
18:38 - 18:39ถูกเข้าใจกันทั่วไปว่าเป็น
-
18:39 - 18:43เรื่องของชนชั้นกลางตะวันตกสมัยใหม่
-
18:43 - 18:45แล้วผมก็ลงไปค้นดูว่ามันได้รับการจัดการอย่างไร
-
18:45 - 18:47ในแง่มุมอื่นๆ ทั้งหลาย
-
18:47 - 18:49และสิ่งหนึ่งที่ผมสนใจที่สุด
-
18:49 - 18:51ก็คือโรคซึมเศร้าในหมู่คนยากจน
-
18:51 - 18:53ผมก็เลยออกไปแล้วพยายามมองดู
-
18:53 - 18:55ว่าเขาทำอย่างไรกับคนยากจนที่เป็นโรคซึมเศร้า
-
18:55 - 18:57และสิ่งที่ผมค้นพบก็คือ คนยากจน
-
18:57 - 19:00ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรักษาสำหรับโรคซึมเศร้า
-
19:00 - 19:03โรคซึมเศร้าเป็นผลของความอ่อนแอทางพันธุกรรม
-
19:03 - 19:06ซึ่งคาดว่ามีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอในหมู่ประชากร
-
19:06 - 19:08และก่อให้เกิดผลตามมา
-
19:08 - 19:10ซึ่งดูเหมือนจะยิ่งรุนแรง
-
19:10 - 19:12ในหมู่คนที่ยากจน
-
19:12 - 19:14และมันก็กลายเป็นว่าถ้าคุณมี
-
19:14 - 19:16ชีวิตที่ดีเหลือเกินแต่กลับรู้สึกไม่มีความสุขอยู่ตลอดเวลา
-
19:16 - 19:18คุณคิดว่า "ทำไมตัวเองถึงรู้สึกแบบนี้
-
19:18 - 19:20ฉันคงเป็นโรคซึมเศร้าแน่"
-
19:20 - 19:22แล้วคุณก็ออกไปหาวิธีรักษา
-
19:22 - 19:24แต่ถ้าคุณมีชีวิตที่เลวร้ายอย่างสุดๆ
-
19:24 - 19:26แล้วคุณก็รู้สึกไม่เป็นสุขอยู่ตลอด
-
19:26 - 19:29สิ่งที่คุณรู้สึก สอดคล้องกับชีวิตของคุณ
-
19:29 - 19:30มันก็เลยไม่ทำให้คุณคิดว่า
-
19:30 - 19:32"บางทีนี่อาจรักษาได้"
-
19:32 - 19:35เราจึงมีการระบาดของโรคซึมเศร้า
-
19:35 - 19:38ของผู้คนที่ยากจนในประเทศนี้
-
19:38 - 19:41ที่ไม่ได้รับการหยิบยกขึ้นมา
และไม่ได้รับการรักษา -
19:41 - 19:43และไม่ได้ถูกกล่าวถึง
-
19:43 - 19:45ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าในสังคม
-
19:45 - 19:47แล้วผมก็ได้เจอกับนักวิชาการ
-
19:47 - 19:48ที่กำลังทำโครงการวิจัย
-
19:48 - 19:50ในชุมชนแออัดนอกกรุงวอชิงตัน
-
19:50 - 19:53ที่มีการเลือกผู้หญิงที่เข้ามารับการรักษา
ด้วยปัญหาทางสุขภาพอย่างอื่น -
19:53 - 19:55มาวินิจฉัยอาการซึ่งเศร้าของพวกเขา
-
19:55 - 19:58และบอกรักษาด้วยวิธีการในขั้นทดลอง
เป็นเวลาหกเดือน -
19:58 - 20:00หนึ่งในนั้นคือ โลลลี เธอได้เข้ามา
-
20:00 - 20:03และนี่คือสิ่งที่เธอพูดในวันที่เธอเข้ามา
-
20:03 - 20:06เธอซึ่งเป็นผู้หญิงนะครับ และ
-
20:06 - 20:08มีลูกตั้งเจ็ดคน เธอบอกว่า
-
20:08 - 20:11"ฉันเคยทำงานแต่ก็ต้องลาออกเพราะว่า
-
20:11 - 20:13ฉันออกจากบ้านไม่ได้
-
20:13 - 20:15ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับลูก
-
20:15 - 20:18ในตอนเช้า ฉันแทบจะรอให้ลูกออกจากบ้านไม่ไหว
-
20:18 - 20:21เพื่อที่จะคลานกลับขึ้นเตียงนอน
แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปง -
20:21 - 20:23เมื่อถึงบ่ายสามโมงเวลาที่เด็กกลับมาบ้าน
-
20:23 - 20:24มันมาถึงเร็วมาก"
-
20:24 - 20:27เธอบอกว่า "ฉันได้แต่กินยาแก้ปวดจำนวนมาก
-
20:27 - 20:29อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ฉันนอนหลับได้นานขึ้น
-
20:29 - 20:33สามีของฉันบอกฉันซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า
ฉันมันโง่ ฉันมันน่าเกลียด -
20:33 - 20:37ฉันหวังว่าจะหยุดความเจ็บปวดได้"
-
20:37 - 20:39ครับ เธอก็ถูกนำเข้าสู่วิธีการทดลองนี้
-
20:39 - 20:42และเมื่อผมสัมภาษณ์เธออีกครั้งในอีกหกเดือนต่อมา
-
20:42 - 20:46เธอได้งานทำที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก
-
20:46 - 20:50สำหรับกองทัพเรือสหรัฐ
เธอหย่าขาดจากสามีที่ทำร้ายจิตใจเธอ -
20:50 - 20:52และเธอบอกกับผมว่า
-
20:52 - 20:54"ตอนนี้ลูกๆ ของฉันมีความสุขกว่าเดิมมาก
-
20:54 - 20:56เธอบอกว่า "บ้านใหม่ของฉันมีห้องๆ หนึ่ง
-
20:56 - 20:59สำหรับลูกชายและอีกห้องหนึ่งสำหรับลูกสาว
-
20:59 - 21:01แต่พอถึงกลางคืน พวกเขาทั้งหมดก็มาที่เตียงของฉัน
-
21:01 - 21:04ช่วยกันทำการบ้านและกิจกรรมอื่นๆ ด้วยกัน
-
21:04 - 21:06ลูกคนหนึ่งอยากเป็นนักบวช
-
21:06 - 21:07อีกคนอยากเป็นนักดับเพลิง
-
21:07 - 21:10ลูกสาวคนหนึ่งบอกว่าเธอจะเป็นทนายความ
-
21:10 - 21:12พวกเขาไม่ร้องไห้งอแงอย่างที่เคยเป็น
-
21:12 - 21:15ไม่ทะเลาะกันอย่างที่เคยทำ
-
21:15 - 21:19ทุกอย่างที่ฉันต้องการในตอนนี้ก็คือลูกๆ ของฉัน
-
21:19 - 21:21ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
-
21:21 - 21:26เสื้อผ้าที่ฉันใส่ ความรู้สึกของฉัน สิ่งที่ฉันแสดงออก
-
21:26 - 21:29ฉันออกไปข้างนอกได้โดยไม่รู้สึกหวาดกลัวอีก
-
21:29 - 21:33และฉันก็ไม่คิดว่าความรู้สึกเลวร้ายเหล่านั้นจะกลับมาอีก
-
21:33 - 21:36และถ้าไม่ใช่เพราะ ดร. มิแรนด้าและการทดลองนั้น
-
21:36 - 21:40ฉันก็คงจะยังคงอยู่บ้าน นอนคลุมโปงอยู่อย่างนั้น
-
21:40 - 21:42ถ้าหากฉันยังไม่ตายซะก่อน
-
21:42 - 21:46ฉันขอพระผู้เป็นเจ้าให้ส่งนางฟ้ามาช่วย
-
21:46 - 21:50และท่านก็ได้ยินคำสวดอ้อนวอนของฉัน"
-
21:50 - 21:53ผมประทับใจอย่างยิ่งกับประสบการณ์เหล่านี้
-
21:53 - 21:56และผมตัดสินใจว่าจะเขียนเกี่ยวกับมัน
-
21:56 - 21:57ไม่ใช่แค่ในหนังสือ ที่ผมกำลังทำอยู่
-
21:57 - 21:59แต่ในบทความด้วย
-
21:59 - 22:01แล้วผมก็ได้รับอนุญาตจากนิตยสารนิวยอร์คไทม์
-
22:01 - 22:03ให้เขียนเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าของคนยากจน
-
22:03 - 22:04ผมส่งเรื่องของผม
-
22:04 - 22:06แล้วบรรณาธิการก็เรียกผมไปบอกว่า
-
22:06 - 22:08"เราไม่สามารถตีพิมพ์เรื่องนี้ได้จริงๆ"
-
22:08 - 22:10และผมก็บอกว่า "ทำไมล่ะ"
-
22:10 - 22:12และเธอบอกว่า "มันแบบว่ายากที่จะเข้าถึง
-
22:12 - 22:16คนพวกนี้อยู่ระดับต่ำล่างสุดของสังคม
-
22:16 - 22:17แล้วพวกเขาก็ได้รับการรักษาแค่ไม่กี่เดือน
-
22:17 - 22:20และพวกเขาก็พร้อมที่จะบริหาร [บริษัท] มอแกน สแตนเลย์
-
22:20 - 22:22มันเหลือเชื่อเกินไป
-
22:22 - 22:24เธอบอกว่า "ฉันไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน"
-
22:24 - 22:27และผมก็พูดว่า "การที่คุณไม่เคยได้ยินถึงมันมาก่อน
-
22:27 - 22:30เป็นการบอกว่ามันเป็นข่าวใหม่"
-
22:30 - 22:36(เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)
-
22:37 - 22:40"และคุณก็เป็นนิตยสารข่าว"
-
22:40 - 22:42และหลังจากต่อรองกันอีกพอสมควร
-
22:42 - 22:43พวกเขาก็เห็นด้วย
-
22:43 - 22:45แต่ผมก็คิดอย่างมากถึงสิ่งที่พวกเขาพูด
-
22:45 - 22:47ว่ามันเชื่อมโยงกันอย่างประหลาด
-
22:47 - 22:49กับความไม่พึงใจที่ผู้คนยังคงมีอยู่
-
22:49 - 22:51ต่อแนวคิดของการรักษา
-
22:51 - 22:52ความคิดที่บางที ถ้าเราออกไป
-
22:52 - 22:55และให้การรักษากับคนยากจนมากมายในชุมชน
-
22:55 - 22:57นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่ควรทำ
-
22:57 - 22:59เพราะว่าเราอาจจะสามารถเปลี่ยนพวกเขา
-
22:59 - 23:01เหมือนกับว่ามันมีศีลธรรมสำคัญที่ผิด
-
23:01 - 23:02อยู่รอบๆ ตัวเรา
-
23:02 - 23:05ที่ว่าการรักษาโรคซึมเศร้า
-
23:05 - 23:07การใช้ยาและอื่นๆ เป็นการลวงหลอก
-
23:07 - 23:09และมันไม่เป็นธรรมชาติ
-
23:09 - 23:12และผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างยิ่ง
-
23:12 - 23:16มันคงเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับฟันของมนุษย์ที่จะหลุดออก
-
23:16 - 23:19แต่ก็ไม่มีใครต่อต้านยาสีฟัน
-
23:19 - 23:21อย่างน้อยก็ในแวดวงของผม
-
23:21 - 23:24แล้วผู้คนก็บอกว่า "แต่ไม่ใช่ว่าโรคซึมเศร้า
-
23:24 - 23:26เป็นสิ่งหนึ่งที่เราทุกคนจะต้องเจอหรือไง
-
23:26 - 23:28ไม่ใช่ว่าเราวิวัฒนาการมาจนมีอาการซึมเศร้าหรอกหรือ
-
23:28 - 23:29มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของบุคลิกหรือ
-
23:29 - 23:32จนผมอยากบอกว่า อารมณ์นั้นแปรเปลี่ยนได้
-
23:32 - 23:36การที่เรารู้สึกโศกเศร้าและหวาดกลัว
-
23:36 - 23:37สนุกสนานและพึงพอใจ
-
23:37 - 23:39และความรู้สึกอื่นๆ ที่เรามี
-
23:39 - 23:41เป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง
-
23:41 - 23:44และโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
-
23:44 - 23:46เมื่อระบบนั้นเสียหาย
-
23:46 - 23:48มันเป็นการปรับตัวที่ผิดพลาด
-
23:48 - 23:50ผู้คนต่างมาหาผมและบอกว่า
-
23:50 - 23:52"ผมคิดว่าถ้าผมทนต่อไปได้อีกสักปี
-
23:52 - 23:54ผมคิดว่าผมจะผ่านมันไปได้"
-
23:54 - 23:57และผมก็บอกพวกเขาตลอดเวลาว่า "คุณอาจผ่านมันไปได้
-
23:57 - 23:59แต่คุณก็ไม่มีทางที่จะมีอายุ 37 ได้อีกครั้ง
-
23:59 - 24:02ชีวิตนั้นสั้นนัก และนั่นมันทั้งปีเชียวนะ
-
24:02 - 24:04ที่คุณกำลังบอกว่าจะยอมเสียมันไป
-
24:04 - 24:06คิดให้ดีๆ"
-
24:06 - 24:08มันเป็นความอับจนอันแปลกประหลาดของภาษาอังกฤษ
-
24:08 - 24:10ที่จริงภาษาอื่นๆ ก็ด้วย
-
24:10 - 24:13ที่เราใช้คำๆ เดียวกัน คือ โรคซึมเศร้า
-
24:13 - 24:14เพื่ออธิบายความรู้สึกของเด็กๆ
-
24:14 - 24:16เมื่อฝนตกในวันเกิด
-
24:16 - 24:19และอธิบายว่าคนบางคนรู้สึกอย่างไร
-
24:19 - 24:21ในนาทีก่อนที่จะตัดสินใจฆ่าตัวตาย
-
24:21 - 24:24ผู้คนบอกกับผมว่า "นั่นไม่ใช่ความโศกเศร้าธรรมดา
ที่เป็นอย่างต่อเนื่องหรอกหรือ" -
24:24 - 24:27และผมก็ตอบว่า ในแง่หนึ่งมันแค่ความโศกเศร้าทั่วไป
-
24:27 - 24:30มันมีความต่อเนื่องอยู่ส่วนหนึ่ง
-
24:30 - 24:32แต่ว่าในแง่เดียวกัน มันก็มีความต่อเนื่อง
-
24:32 - 24:34ระหว่างมีรั้วเหล็กนอกบ้าน
-
24:34 - 24:35ที่มีจุดที่ขึ้นสนิม
-
24:35 - 24:38ที่คุณต้องขัดออกและทาสีใหม่
-
24:38 - 24:41แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่อยู่บ้านนานถึง 100 ปี
-
24:41 - 24:44จนสนิมกัดกินจนเหลือแต่กอง
-
24:44 - 24:45ของฝุ่นสนิมสีส้ม
-
24:45 - 24:47และจุดฝุ่นสีส้มนี่แหละ
-
24:47 - 24:49ปัญหาฝุ่นสีส้มนี่เอง
-
24:49 - 24:52ที่เรากำลังพยายามให้ความสำคัญ
-
24:52 - 24:54ถึงตอนนี้พวกเขาก็พูดว่า
-
24:54 - 24:57"คุณแค่กินยานี้แล้วคุณก็จะมีความสุขอย่างนั้นรึ"
-
24:57 - 24:59ผมไม่นะ
-
24:59 - 25:01แต่ผมไม่รู้สึกเศร้าเวลาที่ต้องกินข้าวกลางวัน
-
25:01 - 25:04ไม่รู้สึกเศร้าเกี่ยวกับเครื่องตอบรับอัตโนมัติ
-
25:04 - 25:07ไม่รู้สึกเศร้าที่ต้องอาบน้ำ
-
25:07 - 25:10อันที่จริงผมรู้สึกมากขึ้น ผมคิด
-
25:10 - 25:12เพราะว่าผมสามารถรู้สึกถึงความเศร้าได้โดยไม่รู้สึกไร้ค่า
-
25:12 - 25:17ผมรู้สึกเสียใจกับความผิดหวัง
-
25:17 - 25:19เกี่ยวความสัมพันธ์ที่มีปัญหา
-
25:19 - 25:21เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน
-
25:21 - 25:24เหล่านั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจ
-
25:24 - 25:27แล้วผมก็บอกกับตัวเองว่า อะไรคือข้อสรุป
-
25:27 - 25:29จะทำอย่างไรให้คนที่มีชีวิตที่ดีกว่านี้
-
25:29 - 25:32แม้ว่าหากมีอาการซึมเศร้าที่รุนแรงกว่านี้ ก็จะผ่านมันไปได้
-
25:32 - 25:34อะไรคือกลไกของการปรับตัว
-
25:34 - 25:37และสิ่งที่ผมได้มาเมื่อเวลาผ่านไป
-
25:37 - 25:39ก็คือคนที่ปฏิเสธประสบการณ์ของตัวเอง
-
25:39 - 25:42คนที่บอกว่า "ฉันเคยเป็นโรคซึมเศร้าเมื่อนานมาแล้ว
-
25:42 - 25:43และฉันไม่อยากที่จะคิดถึงมันอีก
-
25:43 - 25:44ไม่ต้องการที่จะมองมัน
-
25:44 - 25:46และฉันก็แค่จะมีชีวิตต่อไป"
-
25:46 - 25:48ช่างน่าขัน คนเหล่านั้น
-
25:48 - 25:51เป็นคนที่ตกเป็นทาสของสิ่งที่พวกเขามี
-
25:51 - 25:54การปิดกั้นความซึมเศร้าหดหู่เป็นการส่งเสริมมัน
-
25:54 - 25:57ขณะที่คุณพยายามซ่อนมัน มันยิ่งเติบโต
-
25:57 - 26:00และคนที่ทำได้ดีกว่า
-
26:00 - 26:02ก็คือคนที่สามารถยอมรับความจริง
-
26:02 - 26:04ที่ว่าเขามีปัญหานี้
-
26:04 - 26:06เหล่าคนที่ยอมรับอาการซึมเศร้าของตัวเอง
-
26:06 - 26:08คือคนที่ปรับตัวได้สำเร็จ
-
26:08 - 26:10แฟรงค์ รุสซาคอฟบอกผมว่า
-
26:10 - 26:12"ถ้าผมต้องทำมันใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง
-
26:12 - 26:14ผมคาดว่าผมคงไม่ทำมันแบบนี้
-
26:14 - 26:16แต่มันก็แปลกที่ผมรู้สึกดีใจ
-
26:16 - 26:17กับสิ่งที่ผมได้เผชิญ
-
26:17 - 26:21ผมดีใจได้ต้องเข้าโรงพยาบาลถึง 40 ครั้ง
-
26:21 - 26:24มันสอนผมมากมายเกี่ยวกับความรัก
-
26:24 - 26:26และความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวและหมอ
-
26:26 - 26:31เป็นสิ่งมีค่าสำหรับผม และจะเป็นตลอดไป"
-
26:31 - 26:33และแม็กกี้ รอบบิ้นก็บอกว่า
-
26:33 - 26:36"ฉันเคยอาสาเข้าทำงานในคลีนิคโรคเอดส์
-
26:36 - 26:39และฉันก็แค่คุย คุย แล้วก็คุย
-
26:39 - 26:41และผมคนที่ฉันต้องเจอ
-
26:41 - 26:43ก็ไม่ค่อยจะตอบสนองนัก และฉันก็คิดว่า
-
26:43 - 26:47พวกเขาช่างไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
-
26:47 - 26:48แล้วฉันก็รู้ว่า
-
26:48 - 26:50ฉันรู้ว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรมากไปกว่า
-
26:50 - 26:53พูดคุยในช่วงนาทีแรกๆ
-
26:53 - 26:55มันเป็นโอกาส
-
26:55 - 26:58ที่ฉันไม่ได้เป็นโรคเอดส์และไม่ได้กำลังจะตาย
-
26:58 - 27:01แต่สามารถทนรับความจริงที่ว่าพวกเขาเป็น
-
27:01 - 27:02และกำลังจะตาย
-
27:02 - 27:06ความต้องการของเราเป็นทรัพย์สมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
-
27:06 - 27:08มันกลายเป็นว่าฉันเรียนรู้ที่จะให้
-
27:08 - 27:12ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันต้องการ"
-
27:12 - 27:14การใส่ใจอาการซึมเศร้าของใครสักคน
-
27:14 - 27:16ไม่อาจป้องกันการกำเริบขึ้นใหม่
-
27:16 - 27:19แต่มันทำให้คาดการได้ถึงการกำเริบ
-
27:19 - 27:23และแม้แต่อาการกำเริบเองสามารถถูกต้านทานได้ง่ายขึ้น
-
27:23 - 27:25คำถามนั้นไม่ใช่
-
27:25 - 27:27การค้นหาความหมายที่ยิ่งใหญ่และการตัดสินใจ
-
27:27 - 27:29ว่าอาการซึมเศร้าของคุณนั้นมีค่าอย่างยิ่ง
-
27:29 - 27:31แต่มันเกี่ยวกับการค้นหาความหมาย
-
27:31 - 27:33และคิดถึงเมื่อมันกลับมาอีกครั้ง
-
27:33 - 27:35"นี่จะเป็นเรื่องโหดร้าย
-
27:35 - 27:37แต่ฉันจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากมัน"
-
27:37 - 27:40ผมได้เรียนรู้จากอาการซึมเศร้าของตัวเอง
-
27:40 - 27:42ว่าอารมณ์นั้นยิ่งใหญ่ได้เพียงใด
-
27:42 - 27:45มันเป็นจริงยิ่งกว่าข้อเท็จจริงทั้งหลายได้อย่างไร
-
27:45 - 27:48และผมได้พบว่าประสบการณ์นั้น
-
27:48 - 27:51ช่วยให้ผมได้ประสบกับอารมณ์เชิงบวก
-
27:51 - 27:54ในทางที่มุ่งมั่นและชัดเจนยิ่งกว่า
-
27:54 - 27:58สิ่งตรงข้ามกับการซึมเศร้าไม่ใช่ความสุข
-
27:58 - 27:59แต่เป็นพลังชีวิต
-
27:59 - 28:02และทุกวันนี้ ชีวิตของผมนั้นเต็มไปด้วยพลัง
-
28:02 - 28:05แม้กระทั่งในวันที่ผมเศร้า
-
28:05 - 28:08ผมรู้สึกถึงงานศพอยู่ในหัว
-
28:08 - 28:10และผมนั่งอยู่ข้างโคลอสซัส
-
28:10 - 28:12ที่ตรงขอบโลก
-
28:12 - 28:14และผมได้ค้นพบ
-
28:14 - 28:16บางสิ่งที่อยู่ในตัวเอง
-
28:16 - 28:18ที่ผมอยากเรียกหาวิญญาณ
-
28:18 - 28:22ที่ผมไม่เคยสร้างขึ้นจนกระทั่งเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
-
28:22 - 28:27เมื่อนรกแวะมาเยี่ยมผมโดยไม่บอกกล่าว
-
28:27 - 28:31ผมคิดว่าขณะที่ผมเกลียดการเป็นโรคซึมเศร้า
-
28:31 - 28:33และเกลียดที่จะต้องซึมเศร้าอีกครั้ง
-
28:33 - 28:36ผมค้นพบวิธีที่จะรักอาการซึมเศร้าของผม
-
28:36 - 28:38มันรักมันเพราะว่ามันบังคับผม
-
28:38 - 28:41ให้ค้นหาและคว้าเอาความสุขไว้ให้แน่น
-
28:41 - 28:44ผมรักมันเพราะแต่ละวันผมได้ตัดสินใจ
-
28:44 - 28:46บางครั้งอย่างกล้าหาญ
-
28:46 - 28:48บางครั้งก็ขัดแย้งกับเหตุผลที่มีในตอนนั้น
-
28:48 - 28:51เพื่อเฟ้นหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่
-
28:51 - 28:55และนั่น ผมคิดว่าเป็นความปลื้มปิติอย่างสูงสุด
-
28:55 - 28:59ขอบคุณครับ
-
28:59 - 29:02(เสียงปรบมือ)
- Title:
- โรคซึมเศร้า ความลับร่วมที่เราต่างมี
- Speaker:
- แอนดรูว์ โซโลมอน (Andrew Solomon)
- Description:
-
"สิ่งตรงข้ามกับความซึมเศร้าไม่ใช่ความสุข แต่กลับเป็นพลังชีวิต และพลังนี้เองที่เหมือนจะถูกพัดพาไปจากผมในวินาทีนั้น" ในการบรรยายที่เปี่ยมด้วยวาทศิลป์พอๆ กับความเศร้าโศก นักเขียนนาม แอนดรูว์ โซโลมอน ได้นำคุณเข้าสู่มุมที่มืดที่สุดในจิตใจของเขาในช่วงปีที่เขาต้องต่อสู้กับความซึมเศร้า นั่นนำเขาเข้าสู่การผจญภัยทั่วโลกอันน่าตื่นตา เพื่อสัมภาษณ์ผู้อื่นที่มีอาการซึมเศร้า ทั้งหมดนี้ทำให้เขาแปลกใจที่ได้ค้นพบว่า ยิ่งเขาพูดกับคนอื่นมากขึ้นเท่าไร ยิ่งมีคนมากมายที่อยากจะบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา
(บันทึกการบรรยายที่ TEDxMet.) - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 29:21
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Depression, the secret we share | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Depression, the secret we share | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Depression, the secret we share | ||
Pongsapak Vanichrundorn commented on Thai subtitles for Depression, the secret we share | ||
Pongsapak Vanichrundorn edited Thai subtitles for Depression, the secret we share | ||
Pongsapak Vanichrundorn accepted Thai subtitles for Depression, the secret we share | ||
Pongsapak Vanichrundorn edited Thai subtitles for Depression, the secret we share | ||
Pongsapak Vanichrundorn edited Thai subtitles for Depression, the secret we share |
Pongsapak Vanichrundorn
แปลได้ดีนะครับ :)