-
--เอริค นัม โฆษณา mindset--
-
ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่อีกตอนของเกทเรียล!
-
ดำเนินรายการโดยบีเอ็ม
-
แอชลีย์ บี ชอย
-
และพีเนียล
-
และแจ๊คสัน
วู้ว!
-
เราพูดถึงประสบการณ์การโตเป็นผู้ใหญ่
จากมุมมองของเรา
-
และวันนี้เรามีแจ๊คสันจากประเทศจีน
อยู่กับเรา
-
เรามีทีมหวังอยู่ที่นี่กับเรานะครับ!!
-
ผมอยากมารายการนี้นานแล้ว
-
แต่ก็นะ พวกคุณไม่เคยติดต่อมา
-
เฮ้ย!!
-
ใคร? ใครไม่ได้ติดต่อไป?!
-
ผมอยากมารายการนี้จริงๆ นะ
-
ผมรู้ด้วยว่ามันมีอีกรายการนึง
ที่เอริค นัม จัด
-
แล้วก็มีที่เจย์ทำด้วย
-
ใช่ๆๆ ครับ
-
เค้ามีรายการแยกของเค้า หรือยังไงนะ?
-
ใช่ๆ มันเป็นอีกรายการต่างหาก
-
เจย์มีรายการนึง
-
เอริคมีอีกรายการนึง
-
ส่วนรายการนี้เป็นรายการที่ดังที่สุดสินะ
-
จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ 555
-
ตามที่พีเนียลบอก
-
ยินดีต้องรับสู่พอดแคสที่ดังที่สุดนะครับ
-
วันนี้เราจะพูดกันหลายประเด็น
-
มีเรื่อง ฮีโร่จากบ้านเกิด
-
ที่ที่เราโต ที่ที่เราชอบไปชิล
-
เราเคยลืมมั้ยว่าเรามาจากไหน
-
ระยะทางทำให้เรารักมันมากขึ้น
-
และมันนานแค่ไหนแล้วที่จากบ้านแสนอบอุ่นมา
-
โห
ใช่ครับ
-
มาคุยกับเราได้ในโซเชี่ยลของสตูดิโอนะครับ
คอมเม้นท์ใต้วิดีโอในยูทูป
-
และอย่าลืมกดติดตามรายการนี้ในสปอติฟาย และแอปเปิ้ลพอตแคสนะครับ
อย่าลืมรีวิวให้ด้วย
-
ไดฟ์สตูดิโอมีไอจีมั้ยครับ?
-
มีๆ เรามี อย่าลืมไปตาม
-
ระหว่างกำลังกดติดตาม...
-
เฮ้ย ไอจีสตูดิโอยังไม่ฟอลผมนะ
-
มา! ผมฟอลก่อนเอง
-
ใครเป็นคนดูแลโซเชียลมีเดียเนี่ย!
-
ทีมงานชี้เพื่อนกันใหญ่เลยนะครับ
-
ผมรักไดฟ์ สตูดิโอครับ <3
-
อย่างแรกเลย
-
ช่วงนี้แจ๊คสันเป็นไงบ้างคะ?
-
โอ้โห...
-
ช่วงนี้ทำอะไรอยู่
-
ตอนนี้ผมกำลังพยายามทำงานในเกาหลีครับ
สำหรับปีนี้
-
เราเพิ่งหมดสัญญากับ JYP
-
แต่เรายังเป็น GOT7 นะครับ
เรายังจะปล่อยเพลงออกมาด้วยกัน
-
แต่สำหรับปีนี้ ส่วนใหญ่พวกเราแต่ละคนก็
จะเตรียมงานเดี่ยวไปก่อน
-
บางคนอยากทำงานแสดง
-
อย่างมาร์คก็กลับไปแอลเอ
-
เจบี กับ ยูคยอม กำลังเตรียมออกอัลบั้ม
-
แบมแบม...ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าทำอะไรอยู่
-
แต่เค้าเหมือนกำลังทำอยู่หลายอย่างนะ
-
ถ่ายโฆษณาไรงี้
-
เค้าเหมือนเป็นเจ้าชายในเมืองไทยไงครับ
-
เค้ากำลังทำเพลงอยู่ด้วย
-
แล้วก็กำลังคิดเรื่องการแสดงด้วย
-
ผมยังไม่เคยนั่งคุยกับเค้าในเรื่องนี้
อย่างจริงน่ะ
-
ยองแจกำลังเตรียมอัลบั้มของเค้าครับ
-
ผมก็กำลังเตรียมอัลบั้มครับ
-
อัลบั้มภาษาอังกฤษกับจีน
-
แล้วก็กำลังเตรียมคอแลปกับอีกหลายๆ คนอยู่ด้วย
-
ผมกำลังคุยเรื่องทำเพลงด้วยกันกับ BM ด้วยนะ
-
ใช่ๆ ผมจะจัดการมันทันทีเลย
-
ว้าวว!
-
ตอนนี้ผมก็กำลังทำบริษัทตัวของตัวเองอยู่ด้วยครับ
ชื่อ ทีมหวัง
-
ทีมหวัง!! เล่าให้พวกเราฟังหน่อย!
-
เหมือนผมมี 2 ตัวตนอะครับ
-
คนนึงเป็นศิลปิน เป็นนักร้อง
-
อีกคนทำบริษัท ไม่ว่าจะเรียกมันว่ายังไงก็ตาม..
-
CEO!!!
-
ไม่ๆ ไม่ใช่ CEO อะครับ
-
มันเหมือน...
-
ประธานบริษัท!!
-
ไม่ๆๆ.. เอ่อ.. มันเหมือนกับ...
-
คนที่ทำบริษัทอะครับ แค่นั้น
-
ผู้ก่อตั้งหรอ? CEO?
-
ไม่ๆ ไม่ใช่ CEO
-
เป็นผู้ก่อตั้งครับ
-
"ผมไม่ใช่ CEO แต่ผมเป็นเจ้าของบริษัท"
-
เป็นผู้ก่อตั้งครับ เป็นประธาน..เอ้ยไม่อะ
-
เรียกไงดี เป็นผู้ก่อตั้งอะครับ
แค่ผู้ก่อตั้ง
-
ทีมหวังตั้งมานานเท่าไหร่แล้วครับ?
-
เริ่มทำตั้งมาตั้งแต่ยังอยู่ JYP เลยใช่มั้ย
-
ใช่ๆ เริ่มทำตั้งแต่ตอนอายุ 23
-
4 ปีที่แล้วครับ
-
โห ผมยังหัดเดินอยู่เลยตอนอายุ 23
-
.... 55
-
ครับ เริ่มทำเมื่อ 4 ปีก่อน
-
ผมทำโซโล่ของผมในบริษัทนั้น
-
แต่จะทำงานทีไหนก็ได้
ที่ไม่ใช่ในประเทศเกาหลีครับ
-
มันเป็นข้อตกลง
-
พอหมดสัญญา
ผมเลยกำลังพยายามเอางานผมกลับเข้าเกาหลี
-
เพลงผม แล้วก็ทุกอย่างทีเคยทำใน 4 ปีนั้น
-
เอามันกลับเข้ามาในเกาหลีให้ได้ครับ
-
คือเหมือนกำลังสร้างแบรนด์ตัวเองอีกรอบ
ในเกาหลีใช่มั้ย?
-
ใช่ครับ
-
อย่างเพลงที่ผมทำไป
มันหาฟังในเกาหลีไม่ได้นะครับ
-
แพลทฟอร์มไหนก็ไม่ได้
-
ปีนี้ผมเลยพยายามเผยแพร่มันอีกรอบนึงที่นี่
-
ให้ผู้ฟังในเกาหลีได้ฟังกัน
-
ผมว่า มันไม่น่ายากใช่มั้ย
เพราะพี่ร่วมงานกับ Sublime
-
ใช่ๆ Sublime เป็นทีมที่ดีมาก
-
เป็นเหมือนครอบครัวที่น่ารัก
ทำงานด้วยกันได้ดี
-
ผมเลยขอแนะนำว่า
-
ถ้าสัญญาหมดกันเมื่อไหร่
ไปอยู่กับ Sublime กันนะครับ
-
555555
-
ล้อเล่นๆๆ
-
ความเห็นส่วนตัวๆๆ
-
ทุกคนมีสิทธื์มีความเห็นของตัวเองได้ครับๆ
-
เค้าเป็นทีมที่ดีจริงๆ ครับ
-
ดีใจที่ได้ยินอย่างงั้นนะคะ
-
คุณทำงานหนักมาก
พยายามสร้างแบรนด์ตัวเองอีกรอบ
-
พีอยู่ในสตูดิโอทุกวัน
มา 2 อาทิตย์แล้วใช่มั้ย
-
ใช่ครับ
-
อัดเสียง แล้วก็อัดเสียง แล้วก็อัดเสียง
-
ก็นะ ช่วงนี้มันทำอย่างอื่นไม่ได้หนิ
-
เป็นช่วงกำลังเตรียมตัวอะครับ
-
เพราะอัลบั้มผมจะออกในช่วงสิงหาครับ
โกลบ้อลอัลบั้ม
-
จะมีเพลง ซิงเกิ้ล และคอแลบอีกหลายๆ อัน
ออกมาระหว่างนั้น
-
ซิงเกิ้ลต่อไปจะออกช่วงเดือนมีนาครับ
-
โห เร็วมากเลย!
-
มันจะเป็นยังไงครับ
-
เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักน่ะ
-
อู้ววว~
-
ทำคนเดียวรึเปล่าครับหรือมีคนอื่นมาฟีทด้วย?
หรือมันเป็นความลับรึเปล่า?
-
ไม่ครับๆ ผมคนเดียวๆ
-
ผมต้อง...
-
กำลังอยู่ในขั้นเตรียมการน่ะครับ
-
ผมกำลังพยายามเขียนแผนอยู่...
-
ผมทำเอ็มวีทุกตัวเองอะครับ
-
มันใช่เวลาเยอะมาก
-
กว่าจะหาสถานที่ ซ้อม ถ่ายเดโม่
-
หานักแสดง ไหนจะท่าเต้นอีก
-
โห กะว่าจะถ่ายในเกาหลีมั้ยครับ?
-
ครับ จะถ่ายช่วงปลายกุมภานี่แหละ
-
แล้วมีนาก็ปล่อยในเกาหลีแล้วก็ทั่วโลก?
-
ครับ ทั่วโลก
-
ปีนี้ยังไม่ปล่อยในเกาหลีหรอคร้บ?
-
ปล่อยครับ ปีนี้ปล่อยในเกาหลีด้วย
หลังจากนี้เป็นต้นไป
-
เรามีคำถามจากแฟนคลับนะครับ ผ่านไอจีกับทวิต
-
คุณ aquabeom ถามว่า
อะไรทำให้คุณขยันทำงานขึ้นไปอีก?
-
ระเบิดน้ำ?
-
อะควาบอม
แบบ b-e-o-m
-
อ่อ
-
เอาจริงๆ นะครับ
-
ตั้งแต่เดบิวต์
-
ไม่มีใคร... ไม่ใช่ๆ
-
คนกลุ่มเดียวที่เชื่อในตัวผม ศรัทธาในตัวผม
-
ก็คือแฟนๆ อะครับ
-
ผมอยากทำให้พวกเค้าภูมิใจมาตลอด
-
ในระดับที่
เวลาพูดกับคนอื่นว่าเป็นแฟนคลับของแจ๊คสัน
-
พอได้ยินชื่อแจ๊คสัน หวัง แล้ว
-
ผมอยากให้คนรอบๆ ตัวเค้าเข้าใจแฟนๆ ว่า
ทำไมถึงชอบอะครับ
-
ให้เค้ารู้สึกว่า มันมีเหตุผลให้ชอบจริงๆ
-
ผมอยากให้มันเป็นแบบนั้น
-
ไม่ว่าผมทำอะไร
ก็อยากให้เค้าได้ภูมิใจในตัวผม
-
มันเป็นแรงจูงใจที่สำคัญที่สุดเลย
-
ผมว่า นอกจากการแสดงความฮิปฮอป
ความแมนในเอ็มวีแล้ว
-
พี่ก็ยังแสดงความขอบคุณแฟนๆ
ได้น่ารักมากๆ ในโซเชี่ยลด้วยนะ
-
สุดยอดมากนะครับ
-
นอกจากนั้นแล้ว ผมก็เป็นคนจีน และเป็นคนเอเชียด้วย
-
ผมเลยพยายามแชร์วัฒนธรรมแบบเอเชีย
-
ให้ผู้ชมในวัฒนธรรมแบบตะวันตกได้เข้าใจด้วย
-
มันเหมือนมีกำแพงทางวัฒนธรรมบางอย่างอยู่ไงครับ
-
คนตะวันตกไม่ได้เข้าใจวัฒนธรรมเราทั้งหมด
-
แต่เราไม่ได้ต้องการให้เค้า
เข้าใจทั้ง 100 % นะ
-
ผมแค่อยากให้มันสื่อถึงกันมากขึ้น
ให้คนในโลกเข้าใจกันได้มากขึ้น
-
นั่นเป็นเป้าหมายของผมครับ
-
อยากเป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมใช่สินะครับ
-
ครับ
-
คุณกำลังทำได้ดีเลยแหละ!
-
เรามีคำถามจากแฟนอีกคนด้วยค่ะ
-
ว่า อะไรคือส่วนที่สนุก/มีความสุขที่สุดสำหรับการเป็นศิลปิน?
และอะไรคือส่วนที่ยากที่สุด?
-
โห... เออ...
-
มีความสุขที่สุดหรอ...
-
ผมว่าคือการได้รับผลตอบรับที่ดี
-
แล้วก็ได้แสดงความขอบคุณต่อแฟนๆ
-
ว่าผลตอบรับดีๆ ทุกอย่าง
รางวัลทุกอย่างที่เคยได้รับมา
-
จริงๆ มันเป็นผลงานของแฟนๆ
-
แบบนี้เป็นเวลาที่มีความสุขที่สุดสำหรับผมครับ
-
การที่ได้ทำให้แฟนๆ ภูมิใจในตัวผมได้มากขึ้น
-
และการได้แสดงให้แฟนๆ ดูบนเวทีครับ
-
คือแบบพวกเราที่นี่ทุกคนก็ได้แสดงให้คนดู
ในเวทีใหญ่ๆ แหละ
-
แต่เราก็รู้ว่า
เราไม่สามารถอยู่ในจุดนั้นได้ตลอดใช่มั้ยหละ
-
ผมเลยซาบซึ้งกับโอกาสแบบนั้นมาก
-
และถือว่ามันเป็นความทรงจำ
ที่มีความหมายมากจริงๆ
-
ส่วนที่ยากที่สุดหรอ...
-
ส่วนที่ยากที่สุด....อ่า..
-
ผมว่าเค้าอยากใช้เวลาคิดนานเลย 55
-
ส่วนที่ยากที่สุดคือ
หลังจากมีช่วงเวลาดีๆ มันจะมีคำถามตามมาไงครับ
-
ว่าเวลาดีๆ แบบนี้มันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?
-
นั่นแหละเป็นเวลาที่ยากที่สุด
-
ผมเลยถนอมช่วงเวลาดีๆ ทุกวินาทีเลยครับ
-
คือ ผมจะทำแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน
-
สภาพร่างกาย จิตใจ ของผม
-
ในอนาคตมันเป็นยังไง
-
มันน่ากังวลเนอะครับ
-
ใช่ๆ
-
ผมเข้าใจเลย
-
ศิลปินส่วนใหญ่ชอบเป็นแบบนี้
-
ชอบกังวลว่าจะทำจะงานนี้ให้ดีกว่างานเดิมได้ยังไง
-
แล้วจะทำให้อันต่อไปดีกว่างานนี้ได้ยังไงอีก
-
กังวลว่าจะเป็นศิลปินแบบนี้ไปยาวๆ ได้ยังไง
-
จริงครับ จริงเลย
-
เอ้ย ทำไมผมเป็นคนเดียวที่ตอบคำถามอะครับ?
-
ทำไมคนอื่นไม่ตอบกันบ้างเลย?
-
เพราะมันเป็นคำถามถามคุณไง
-
แต่ผมก็อยากรู้คำตอบคนอื่นด้วยอะ
-
ผมนึกว่ามันจะเป็นพูดคุยการแลกเปลี่ยนกันไง
-
แฟนๆ คงไม่อยากได้ยินคำตอบเราหรอกครับ
-
เค้าอยากได้ยินคำตอบคุณ!
-
ตอบมาเหอะๆๆๆๆ ตอบสั้นๆ ก็ได้ครับ
-
BM ว่าไงครับ?
อะไรมีความสุขที่สุด อะไรยากที่สุด?
-
ผมว่าที่มีความสุขที่สุด
ก็คือแบบที่แจ๊คสันว่าแหละ
-
ได้ปล่อยเพลง แล้วเห็นแฟนๆ ชอบ
-
การทำงานสายครีเอทีฟแบบนี้
-
มันคือการเอาสิ่งที่อยู่ในหัว
ออกมาทำให้เป็นจริงไงครับ
-
แล้วพอเห็นคนชอบมันมันก็จะภูมิใจแหละ 5555
-
มันสะท้อนความเป็นตัวตนของเราด้วยไง
-
ทำให้เราเข้าถึงกันได้มากขึ้น
-
เหมือนได้สร้างความสัมพันธ์
ในแบบที่ลึกซึ้งขึ้นไปอีกกับแฟนๆ
-
ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากเลยแหละ
-
ยิ่งตอนทัวร์คอนเสิร์ต
-
ได้เจอหน้าแฟนๆ จริงๆ
-
มันดีที่สุดเลย
-
ส่วนที่ยากที่สุดหรอ...
-
ค่อยถามใหม่ทีหลังได้มั้ย ขอคิดก่อน
-
เธออยากตอบก่อนมั้ย?
-
ไม่อะ
-
อ่อ
-
มันมีส่วนที่ยากเยอะมากจริงๆ นะ
-
เราทำรายการทั้งตอนเกี่ยวกับประเด็นนี้ได้เลย
-
เคยได้ยินพวกคุณคุยกันเรื่อง
ส่วนที่ยากที่สุดของการเป็นเด็กฝึก
-
อ้ออ ใช่ๆ
-
ผมเคยได้ยินนะ
-
คุยกันในอีกรายการนึงหรอ?
-
รายการนี้แหละๆ
-
ผมว่าตอนเป็นเด็กฝึกมันสนุกนะ
-
มันเป็นเวลาทีสนุก
-
ผมมีช่วงเวลาที่ลำบากๆ นะ
-
แบบ...
-
ผมกับพีเนียลเคยอยู่บริษัทเดียวกันนะ
-
คุณเข้า 1 หรือ 2 ปีก่อนผมนะ?
-
คุณเข้าปีนึงก่อนผมปะ พร้อมมาร์คกับแบมแบม
-
ไม่ๆ ผมเข้าก่อนพวกเค้าหน่อย
-
งั้น 2 ปี?
-
ไม่ๆ ผมโดนคัดออกตอน 2 ปี พอดี
-
ห๊ะ?
-
ผมเป็นเด็กฝึกที่ JYP แค่ 2 ปีถ้วนน่ะ
-
ผมคิดว่าผมเข้าก่อนพี่ 1 ปี
-
อ่อ... แบมแบมกับมาร์คเข้า 1 ปีก่อนผมพอดี
-
อ่อ งั้นก็ปีครึ่งมั้งครับ
-
อื้ม ใช่
-
ตอนนั้นผมพูดเกาหลีไม่ได้ไง
-
แล้วคือผมเป็นนักกีฬาฟันดาบมาก่อน
-
เราคาดหวังให้นักฟันดาบทำอะไรตอนเป็นเด็กฝึกดีล่ะ?
-
ให้นักฟันดาบเต้น ร้องเพลง แร็ป?
-
คุณไม่มีพื้นฐานด้านดนตรีมาก่อนเลยหรอ
-
ตอนออดิชั่นไม่ได้ต้องแร๊ปหรืออะไรหรอ?
-
ผมออดินชั่นด้วยการเต้นน่ะ
-
แต่เป็นแบบฟรีสไตล์นะ
-
และมันห่วยมาก
-
ผมรู้ตัว
-
แต่ก็ผ่านหนิ?
-
คือมันรู้สึกดีแหละ แต่มันห่วยไง ผมรู้
-
ตอนนั้นคิดว่ามันห่วยมั้ย?
-
คลิปนั้นยังอยู่บนอินเตอร์เน็ตอยู่เลย
-
อู้วว อยากเห็นเลย
-
อย่าดูนะ ขอร้อง!
-
คนยังขำกับมันอยู่เลย
-
จริงหรอ?
-
ความคิดเปลี่ยนตอนไหนอะครับ?
-
เพราะผมจำได้ว่าตอนคุณเพิ่งเข้าบริษัทยังชอบมันอยู่เลย
-
ใช่ๆ มันรู้สึกดีน่ะ แล้วคิดว่าคนอื่นก็คงรู้สึกดีด้วย
-
แต่ก็รู้แหละว่ามันค่อนข้างห่วยแน่ๆ
-
ตอนนั้นก็รู้เลยหรอ?
-
คือวิดีโอมันยังอยู่ในเน็ตไง
-
คนบอกว่ามันน่ารักดี แต่แบบ
-
คาดหวังว่ามันจะเป็นยังไงล่ะ
-
ไม่ว่าจะยังไงมันก็พาเข้าบริษัทได้ใช่มั้ยล่ะ
-
ใช่ๆ
-
ตอนนั้นอายุเท่าไหร่หรอ?
-
16 ปีแหละ เกือบ 17
-
ตอนมาเกาหลีครั้งแรก
-
ตอนนั้นพูดเกาหลีไม่ได้ เต้นไม่ได้ ร้องไม่ได้
-
ทำอะไรไม่เป็นเลย
-
ตอนนั้นผมค่อนข้างจะล่ำมากด้วย
-
ใช่ๆ กล้ามเค้าแขนตอนนั้นมันใหญ่มากๆ เลยด้วยครับ
-
ผมช๊อคมาก
-
ต้นขาด้วย! มันบ้ามาก
-
แบบนั้นผู้หญิงชอบเลยสิ
-
อ่า... ผู้หญิงไม่ชอบน่ะสิ
-
หลังจากนั้นก็เหมือนซึมเศร้าเลยแหละครับ ภายในสามวันที่มาเกาหลี
-
ตอนนั้นจำได้มั้ย ที่ตอนนั้นผมบอกว่าผมต้องโดนคัดออกแน่ๆ
-
จำได้ๆ ประมาณวันที่ 3
-
แบบอะไรเนี่ย เพิ่งมาถึงเองนะ 555
-
วันแรกเค้าช่วยผมถือกระเป๋าขึ้นไปบนตึกด้วยนะ
-
เราอยู่ชั้น 5 ไม่มีลิฟท์
-
เป็นเวลาดีๆ 55
-
เราอยู่ด้วยกันตลอดเลย ผม พีเนียล มาร์ค แบมแบม
ดอน และยูจีน
-
คือมันเป็นกลุ่มพูดอังกฤษน่ะ
-
มันคือช่วงที่ภาษาเกาหลีผมหยุดพัฒนาเลย
-
ตอนมีแค่คนเกาหลี มันพัฒนาเพราะมันต้องอยู่ให้รอดไง
-
แต่พอกลุ่มพูดอังกฤษเข้ามา
พัฒนาการเกาหลีผมก็นิ่งเลย
-
มาคุยเรื่องบ้านเกิดกัน
-
ผมรู้ว่าพวกเรามาจากที่ไหนกันบ้างนะ
-
เอ้ย BM มาจากไหนนะ
-
ผมมาจากแอลเอ
-
อ้อๆ เคยได้ยินอยู่
-
ผมมาเริ่มช้านะ มาตอน 20
-
คุณกับไอซิค*เป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกันตอน ม.ปลายรึเปล่านะ
-
ม.ต้น
-
คุณกับไอซิค* เป็นเพื่อน ม.ปลาย...
-
ม. ต้นเลยครับ รู้จักกันมานาน
-
เป็นเพื่อนร่วมโบสถ์ครับ ในแอลเอ
-
คุณล่ะ?
-
มหานครนิวยอร์คค่ะ
-
เอ่อ หมายความว่า นิวยอร์คค่ะ
-
ผมมาจากชิคาโก้ครับ
-
อ้อใช่ๆๆๆ
-
คุณล่ะ?
-
ฮ่องกง ประเทศจีนครับ
-
คุณเรียนโรงเรียนอินเตอร์ที่นั่นใช่มั้ย
-
ใช่ ตั้งแต่เกรด 4
-
เหตุผลคือ
ตอนอยู่โรงเรียนธรรมดาแถวบ้านตอนเกรด 1-3
-
แล้วมีครูมาคุยกับพ่อแม่
คิดว่าผมมีความผิดปกติทางสมองบางอย่าง
-
คิดว่าผมเป็นโรคสมาธิสั้น ควรไปหาหมอ
-
พ่อแม่ร้องไห้เลย
-
แต่ก็ได้ครูคนนึงช่วย
-
คือแม่ผมเป็นนักยิมนาสติกไงครับ
แชมป์โลก
-
แม่เลยสอนยิมนาสติกโรงเรียนด้วย
-
แม่มีลูกศิษย์ที่มีแม่เป็นครู
ที่โรงเรียนอินเตอร์นั้น
-
พอครูคนนั้นรู้เรื่อง เลยไปคุยกับแม่
-
ว่าให้ลูกมาอยู่โรงเรียนอินเตอร์มั้ย
เพราะผมเป็นเด็กแอคทีฟมาก
-
เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้ง่าย
-
ผมเลยไปเรียนที่นั่นครับ
-
แล้วมันก็ปกติมากเลย
-
ผมคิดว่าทุกคนในโรงเรียนอินเตอร์
นั้นบ้าเหมือนผมไง
-
เป็นที่ที่เหมาะเลยนะครับ
-
อยู่ในนั้นผมถือว่าปกติเลย
-
คือในโรงเรียนเดิม เค้าเข้มงวดมากไงครับ
-
เช่น เดินขึ้นบันได ห้ามเดินข้ามขั้น
-
ห๊ะ?
-
ใช่ ถ้าข้ามขั้นก็โดนหักคะแนนเลย
-
มันเกี่ยวกับความปลอดภัยหรอ?
-
ผมก็ไม่รู้ไง
-
แล้วแบบ อย่างแค่ชามะนาวอะ
-
ต่อให้มี ก็กินไม่ได้
-
น้ำเปล่าเท่านั้นสินะครับ
-
ใช่ครับ
-
ตอนนั้นผมยกมือขอครูดื่มแล้วนะ
-
ครูก็อนุญาต
-
แต่พอผมเอาชามะนาวออกมาดื่ม
-
ครูก็ว่า แล้วให้ไปคุยที่ห้องพักครูเลย
-
แล้วพวกครูก็คิดว่าผมมีปัญหาทางสมอง
-
เพราะว่ากินชามะนาวหรอ?
-
เปล่า เพราะผมไม่ฟังไง
-
มันเข้มงวดมากน่ะ
-
เฉพาะโรงเรียนนั้นนะ
ไม่ใช่ทุกโรงเรียนในฮ่องกง
-
แล้วตอนย้ายโรงเรียนแล้วหละ?
-
โรงเรียนอินเตอร์ที่ย้ายไป
เค้าไม่สนใจอะไรแบบนั้นเลย
-
จะนอนบนโต๊ะก็ได้ ไม่มีปัญหา
-
ขอแค่ทำงานของตัวเองเสร็จน่ะ
-
ฟังดูเหมือนโรงเรียนรัฐในอเมริกาเลย! 55
-
ตอนเด็กๆ คงเหมือน
โดนกักตัวโควิดเลยใช่มั้ย 55
-
ใช่เลย กักตัวจนถึงเกรด 3 เลย
-
เหมือนว่าพวกโรงเรียนประจำ
ก็เข้มงวดแบบนั้นด้วยใช่มั้ย
-
ใช่ๆ คิดว่างั้น ไดแอนพยักหน้าอยู่ด้วย
-
โรงเรียนเอกชนจะเข้มงวดกว้าใช่มั้ย
-
ไม่นะ
-
โอเค อย่าสนใจผม 55
-
แล้วที่โรงเรียนแรกเค้าสอนเป็นภาษาอะไรหรอ?
-
จีนกวางตุ้งกับจีนกลางครับ
-
แล้วในโรงเรียนอินเตอร์ก็
พูดอังกฤษอย่างเดียว?
-
ใน รร อินเตอร์มีคนหลายประเทศมาก
เลยพูดทุกภาษาเลยครับ
-
อ้อ หมายถึงภาษาหลักๆ ที่สอนใช่มั้ย
-
ใช่ๆ
-
อังกฤษครับ ฝรั่งเศสกับสเปนด้วย
-
โอ้โห
-
ผมไม่เคยลงเรียนภาษาสเปนนะครับ
-
ผมเลือกเรียนภาษาฝรั่งเศสไปปีนึงครับ
แต่ผมสอบตก
-
เลยเปลี่ยนกลับไปเรียนจีนกลาง 55
-
เราต้องทำสิ่งที่เราถนัดสิเนอะ!
-
คือ ไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์
เพื่อเรียนภาษาจีนกลางน่ะ 555
-
เป็นทางเลือกที่ฉลาดดีใช่มั้ยหละ 55
-
ได้เอง่ายๆ เลยสิครับ
-
ไม่ ผมไม่ได้เอ
-
น่าจะซี หรือบี
-
ห๊ะ จีนกลางเนี่ยนะ?
-
โอเค 55
-
ตอนเด็กๆ พวกคุณชอบไปนั่งชิลที่ไหนกันบ้างครับ?
-
ที่นั่งชิลหรอ?...
-
แบบ หลังเลิกเรียนน่ะ มีที่ประจำมั้ย
-
ผมชอบไปห้างนะ
-
ห้างเป็นที่ที่ดี
-
ผมไปที่นั่น ไม่ก็วิ่งเล่นอยู่ข้างนอกน่ะ
-
วิ่งเล่นหรอ?
-
เลิกเรียนแล้วไปวิ่งเล่น?!
-
ครับ ข้างนอกแหละ
ไม่ก็ในห้าง ปกติอยู่ตามนั้น
-
แอชลีย์ล่ะ?
-
ในนิวยอร์ค ห้างที่ใกล้ที่สุด
มันห่างไป 40 นาทีค่ะ
-
ห้างเลยเป็นที่ที่จะไปในวันพิเศษน่ะค่ะ
-
ต้องให้พ่อแม่ขับรถไปส่ง
-
หลังเลิกเรียน เราอยู่แถวควีนส์ไง
-
เลิกเรียนเลยมักจะไปอยู่ย่านฟลัชชิ่ง
(ย่านคนเอเชีย)
-
ย่านนั้นเหมือนเกาหลีในยุค 80
-
มีร้านเกาหลีเก่าๆ เยอะมาก
-
ร้านอาหารเกาหลีเต็มไปหมดเลย
-
เรามีลำดับการชิลแถวนั้นของเราน่ะ
-
อย่างแรกเลย
คือจะไปถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ที่ร้านโตโต้
-
แล้วก็ไปร้านคาราโอเกะ ร้องเพลง 1 ชม
-
แล้วไปร้านอาหาร กินทงคัตสึชีส...
-
มันเป็นย่านเกาหลีหรอ? ในนิวยอร์ค?
-
ย่านนั้นมันเรียกว่าฟลัชชิ่งค่ะ
มันเหมือนเป็นย่านคนเกาหลี
-
ตอนอยู่อเมริกาก็เหมือนอยู่เกาหลีเลยสิ
-
ใช่เลย
-
แล้วลำดับการเข้าร้านทุกวันๆ แบบนั้น
-
มันบ่ายโมงแล้ว ถึงเวลาไปกินแล้ว! 55
-
ใช่ แล้วคือมันแค่ 20 USD สำหรับทั้งหมดเลย
-
ถ่ายรูป 5 เหรียญ, คาราโอเกะ 5 เหรียญ,
ทงคัตสึ 5 เหรียญ, และ...
-
โห!!
-
ใช่ค่ะ สมัยนั้นมันถูกมากเลย
-
ผมชอบพิซซ่าที่นั่นมากเลย พิซซ่า 1 เหร๊ยญ
-
ไชน่าแม็ก* เคยพาผมไปร้านนึง
-
ในนิวยอร์ค อร่อยมากเลย
-
ร้านอยู่ไหนคะ?
-
ผมก็ไม่รู้ ซักที่แหละ
-
แต่มันอร่อยมากเลย
-
เค้าว่านิวยอร์คมีพิซซ่าที่อร่อยที่สุดแล้ว
-
อ่า ใช่ มีชื่อเสียงมากเลย
-
นิวยอร์ค กับ ชิคาโก้
-
ไม่ ชิคาโก้ไม่นะ
-
แล้วก็ร้านฮาลาลกายส์ (Halal Guys) ด้วย!
-
ใช่เลย มันเด็ดมาก
-
แบบถาดลึก!
-
มันเด็ดมาก
-
มันมีสาขาในเกาหลีด้วยนะ
-
เค้าว่ามันไม่อร่อยเท่าในนิวยอร์คหนิ
-
ไม่อร่อยเท่าหรอ?
-
เค้าว่างั้นน่ะ แต่ผมก็ว่ามันอร่อยดี
-
ผมก็ว่างั้น
-
ได้ยินว่าที่นี่มี 2 สาขาแล้วหนิ
-
มีที่อีแทวอน กับ กังนัม
-
เธอเคยกินฮาลาลกายส์ที่นิวยอร์คมั้ย?
-
เคยครั้งนึง แต่ไม่ค่อยชอบน่ะ
-
ได้ยินว่าคนที่นั่นจริงๆ ไม่ค่อยกินร้านนั้นรึเปล่า
-
พี่ชายเรากินนะ เค้าขับรถเข้าเมืองไปต่อคิวซื้อทุกอาทิตย์เลย
-
มีคนที่กินๆ ชั้นแค่ไม่ชอบ
-
มันมีอีกที่ในชองดัมหนิ
-
ร้านจิลฮัล โบรส์ (Jilhal Bros)
-
อ้อๆ ใช่ๆ
-
มันอร่อยมาก
-
--โฆษณา--
-
อยากฟังเรื่องฮ่องกงบ้างค่ะ
-
ชั้นเคยไปชิคาโก้กับแอลเอมาแล้ว
แต่ยังไม่เคยไปฮ่องกงเลย
-
ผมไม่ได้ชิลหลังเลิกเรียนเลยครับ
-
หลังเลิกเรียนก็ไปฟันดาบเลย
-
8.00 - 15.00 ไปเรียน
-
16.30 - 22.00 ฟันดาบ
-
ระหว่าง 15.00-16.30 ก็ไปนั่งทำการบ้าน
ที่ศูนย์ฝึกทีมชาติ
-
ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่ได้ทำจริงๆ หรอกครับ
-
ผมพยายามแล้ว แต่มันไม่ค่อยสำเร็จ
-
ก็เลยช่างมันไปก่อน
-
แล้วเตรียมไปซ้อม
-
หลังซ้อมเสร็จก็พยายามทำการบ้านอีกรอบ
-
ถ้ายังทำไม่ได้ก็นอนครับ
-
เป็นแบบนั้นทุกวัน
-
ผมขาดเรียนครึ่งเทอมเป็นปกติครับ
-
เพราะผมต้องไปแข่งรอบๆ ยุโรป
-
คุณอยู่ในทีมโอลิมปิกใช่มั้ย
-
ใช่ครับ
-
มันบ้ามาก!
-
ตอนนั้นจะไปแข่งโอลิมปิกจริงๆ มั้ย?
-
ครับ ผมเตรียมแข่งโอลิมปิค 2012 ที่ลอนดอน
-
ผมเข้า JYP ปี 2011
-
ตอน 2012 มันเลยยากมากสำหรับผม
-
มันไม่มีแผนสำหรับอนาคตสำหรับเด็กฝึกแบบผมเลย
-
เพราะผมเพิ่งเข้าไปได้ปีเดียว
-
แต่เพื่อนๆ ของผมอยู่ในทีวี
แข่งโอลิมปิกกันอยู่
-
ส่วนเพื่อนรุ่นพี่ผม ซึ่งตอนนี้เป็นที่ 1 ของโลก
-
ตอนนั้นก็ได้เหรียญทองประเภททีมมาจากลอนดอนครับ
-
ตอนนั้นผมก็... ไม่ได้อิจฉานะครับ
-
ผมมีความสุขที่เค้าได้เหรียญ
-
แต่มันก็เป็นเวลาที่ลำบากน่ะครับ
-
เพราะผมคิดว่าผมก็ไปอยู่ตรงนั้นได้เหมือนกัน
ชนะได้เหมือนกัน
-
คือมันเป็นไปได้ไงครับ แต่ผมไม่ได้ทำมัน
-
เพราะผมอยู่ตรงนี้
-
แบบไม่มีแผนสำหรับอนาคต
-
ไม่มีใครสน..ใจอะไรผม
-
พูดคำนั้นออกมาก็ได้นะครับ ถ้าต้องการ
-
"ไม่มีใครสนXXXอะไรผม!"
-
ไม่ๆๆ ครับ 55
-
ไม่มีใครใส่ใจ
-
แล้วผมก็ค่อนข้างซึมเศร้าเลยครับช่วงนั้น
-
ผมจำได้ว่า แม้แต่ตอนที่ผมโดนคัดออกแล้ว
-
คุณก็ยังไม่อยู่ในกลุ่มโปรเจค GOT7 เลยใช่มั้ย?
-
ใช่ กลุ่มโปรเจคนั้น
-
ใช่ๆ ตอนนั้นคุณยังไม่ได้เข้าเลย
-
ก่อนขั้นกลุ่มโปรเจคมันจะมี
ขั้น "เด็กฝึกแล้ว"*
-
มันคือยังไงนะ?
-
มันหมายถึงเด็กที่ได้รับการสอนมาดีแล้วน่ะ
-
แปลซะตรงตัวเลยนะ!
-
แล้วมันก็มีขั้น "เด็กฝึก"
-
คือกำลังฝึกหัดอยู่จริงๆ
-
คือเราเข้ามาแล้วเป็นเด็กฝึก
-
หลังจากนั้นก็เลื่อนขึ้นเป็น "เด็กฝึกแล้ว"*
-
แล้วก็เลื่อนเป็นสมาชิกกลุ่มโปรเจค
-
หลังจากนั้นก็เดบิวต์
-
ตอนนั้นผมเป็นเด็กฝึกเฉยๆ ตลอดเลยครับ
-
คุณเป็นเด็กฝึกธรรมดากี่ปีก่อนได้เลื่อนขั้นหรอ?
-
ผมไม่เคยได้เลื่อนขั้นเลย
-
ข้ามไปกลุ่มโปรเจคเลย?
-
ข้ามไปเลย สำหรับ 6 เดือนสุดท้าย
-
โหห
-
ใช่ ตอนทีผมออกเค้ายังเป็นเด็กฝึก
-
แล้วหลังจากนั้นก็ได้ยินว่า
เค้าได้เดบิวต์เป็น GOT7 แล้ว
-
ผมแปลกใจมากเลย
-
ใช่เลย ผมก็รู้สึกแบบนั้น
-
แบบ โอ้ว้าว!!!!
-
"แจ๊คสัน คุณได้อยู่ GOT7 แล้ว"
-
ผมนี่เซอร์ไพรส์มากเลย
-
ขอบคุณพระเจ้า!
-
ตอนแรกเค้าคิดว่าผมมีความตลกไง
-
เค้าบอกว่าผมจะเหมาะกับรายการวาไรตี้
-
ผมก็ว้าว ขอบคุณมากครับ ให้ทำอะไรผมก็ทำ
-
ใช้ผมได้ตลอดเวลาเลย
-
แล้วเค้าก็ให้โอกาสผม
-
ผมเป็นสมาชิกคนแทบจะท้ายสุดเลยแหละ
ที่คอนเฟิร์มว่าเป็น GOT7
-
ว้าววว เหมือนเป็นเรื่องราวของไก่รองบ่อนเลย
-
พ่อแม่ที่ฮ่องกงใส่ใจเรื่องการศึกษาของลูกมาก
เหมือนพ่อแม่เกาหลีมั้ยคะ?
-
โอ้ พ่อผมเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติครับ
เป็นนักกีฬาโอลิมปิก
-
แม่ก็เป็นนักกีฬาโอลิมปิกครับ ยิมนาสติก
-
เลือดโอลิมปิกเต็มตัวเลยนี่นา!
-
พ่อผมเป็นนักกีฬาคนแรกที่
คว้าเหรียญทองกีฬาฟันดาบให้ประเทศจีนครับ
-
แม่เป็นแชมป์โลกยิมนาสติก
-
เค้าเจอกันที่โอลิมปิก แอลเอ 1984
-
มันเป็นมาตรฐานครอบครัวที่สูงมากเลยนะ!
-
ใช่เลย
-
ผมคิดว่าเค้าเจอกันที่โอลิมปิก แอลเอ
-
หรือไม่ก็รายการอื่นก็ไม่แน่ใจ
-
แม่ผมเป็นคนเซี่ยงไฮ้
-
พ่อเป็นคนกวางโจว
-
แต่ทีมชาติต้องไปรวมตัวกันที่ปักกิ่งไงครับ
-
เหมือนที่เกาหลี มาจากไหนก็ต้องไปรวมที่โซล
-
ที่ศูนย์ฝึกนักกีฬาทีมชาติ
-
พวกท่านเจอกันที่นั่นครับ
-
พ่อเข้าหาแม่ก่อน
-
แล้วพี่ชายผมก็เกิดในปี 1986
-
คุณมีพี่ชายด้วยหรอ?
-
มีครับ
-
เค้าเคยเป็นนักกีฬารักบี้
-
แต่ตอนนี้กล้ามเนื้อเค้ากลายเป็นไขมันหมดแล้ว
-
หลังจากเค้ามีลูก
-
โอ้ววว โอเค มันเกิดขึ้นได้
-
อย่าเอาคลิปนี้ให้พี่ดูนะครับ
-
คือพี่เค้าเคยล่ำมากๆ ครับ
-
โดนต่อยครั้งเดียวคือจบเห่เลย
-
พี่ยังอยู๋ฮ่องกงมั้ยคะ
-
ไม่ครับ เค้าอยู่ออสเตรเลีย
-
เค้าเคยเล่นให้ทีมที่นั่น
-
อ้อ นั่นน่ะสิ ผมไม่เคยได้ยินว่าฮ่องกงเล่นรักบี้กันเท่าไหร่
-
รักบี้ 7 คนมันเป็นที่นิยมนะครับ
-
ออสเตรเลียเล่นรักบี้กันเยอะมาก
เค้าเลยไปที่นั่น
-
พ่อแม่ผมใส่ใจเรื่องการศึกษามากครับ
-
ตอนนั้นผมได้ทุนจากหลายมหาวิทยาลัย
-
หนึ่งในนั้นเป็นมหาวิทยาลัยในฝันของผมเลยครับ
-
สแตนฟอร์ด
-
ผมได้ทุนนักกีฬาฟันดาบ
-
ผมอยู่เกรด 11 แล้วก็ได้ข้อเสนอนี้มาเลย
-
แต่เลือกสาขาไม่ได้นะครับ
-
มันต้องเกี่ยวกับการกีฬาเท่านั้น
-
ผมเลยเลือกจิตวิทยาการกีฬาไป
-
ทุกอย่างก็เกือบพร้อมหมดแล้ว
-
แล้วอยู่ดีๆ ผมก็เดินไปบอกพ่อว่า
ผมอยากเป็นนักร้อง
-
มันเป็นทางเลือกของคุณหนิ
-
พ่อคิดว่าผมล้อเล่น
-
คือช่วงนั้นมันเป็นช่วงสอบครับ
-
ที่หลังสอบเสร็จ ทุกคนก็จะกลับบ้านกันหมด
-
สอบเสร็จประมาณ 11 โมง แล้วก็กลับกันไป
-
แต่ผมยังเล่นบาสกับเพื่อนอยู่ในสนามที่โรงเรียน
-
แล้วอยู่ดีๆ ก็มีแมวมองของ JYP มาหาผม
-
พี่จียองน่ะครับ
-
อ่อ ครับ
-
เธอเป็นแมวมอง
แล้วก็เห็นผมในสนามบาส
-
คุณถูกแคสนี่นา
-
ใช่ผมถูกแคส
-
แล้วเธอก็ถามผมว่าอยากเป็นนักร้องมั้ย?
-
แบบ เรน วันเดอร์เกิร์ล
-
จริงๆ ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับ
-
แต่เพื่อนๆ คนเกาหลีที่โรงเรียนของผม
บอกให้ผมไปออดิชั่นมาซักพักแล้ว
-
ให้ผมไป SM, JYP
-
ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
-
แต่พอเสิร์ชดูก็รู้สึกว่ามันเท่ห์ดีนะ
-
ผมชอบ Bigbang มากครับ
-
TVXQ! ด้วย
-
แล้วแมวมองก็มาหาผมจริงๆ
-
คือแบบนี้มันมีความหมายบางอย่าง
สำหรับผมไงครับ
-
เพื่อนๆ ชอบบอกให้ไปลอง
-
แล้ววันนึงแมวมองก็มาจริงๆ
-
ถามผมว่าอยากเป็นนักร้องมั้ย
-
คือ...
-
ผมมีงานอดิเรกอย่างนึงคือเต้นตอนอาบน้ำครับ
-
มันเป็นที่มาของท่าเต้นตอนออดิชั่นนั่นแหละ
-
อย่าเพิ่งตัดสินอะไรผมนะครับๆๆๆ
-
ผมมีงานอดิแรกคือการเต้นตอนอาบน้ำ
-
คุณก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน ใช่มั้ยหละ
-
ยอมรับมาเหอะ ทุกคนเลย
-
แล้วก็ร้องเพลงด้วย
-
แล้วแมวมองก็ถามว่าผมเต้นเป็นมั้ย
-
ผมบอกว่าผมชอบเต้น แต่ไม่รู้นะ
-
ผมไม่ใช่มือโปร
-
เธอก็บอกให้ผมเต้นให้ดู
-
ผมเลยเต้น ไม่มีเพลงด้วย ต่อหน้าทุกคน
-
ผมไม่มีอะไรจะเสียไง
-
ผมเวฟให้เค้าดู
มันเป็นสถาณการณืที่แปลกมากๆ เลย
-
คือเรามีตึกเรียนล้อมสนามบาสไงครับ
ทุกคนเห็นหมดเลย
-
แล้วเธอก็บอกว่า อื้ม
แวะไปที่ออดิชั่นตอนเสาร์อาทิตย์หน่อย
-
ผมเลยไป
-
พี่จียอง
แมวมองซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายไปแล้ว
-
ก็บอกให้ผมเข้าไป จะอัดคลิป
-
ผมก็ถามว่าคลิปอะไรครับ?
-
เธอก็บอกให้ผมทำเหมือนตอนที่อยู่สนามบาส
-
ผมบอกว่าผมจำไม่ได้ว่าเต้นยังไงไป
แต่ก็เต้นไปอยู่ดี
-
เธอก็ "อื้มม. "
-
แล้วบริษัทก็ใช้เวลาอีก 7 เดือน
-
เอ้ย ใช้เวลาอีก 3 เดือน
กว่าจะติดต่อผมกลับมา
-
แล้วก็รอต่ออีก 4 เดือน...
-
4 เดือนนั้นมันแย่มากสำหรับผม
ครอบครัว แล้วก็ทีมฟันดาบเลยครับ
-
รออย่างเดียว
-
พูดถึงการรอ
-
การรอก็เป็นหนึ่งในส่วนที่ยากที่สุด
ของการเป็นศิลปินเลยเนอะครับ
-
ต้องรอการอนุมัติ กว่าจะได้ปล่อยอะไรออกมา
-
เวลาที่เราคุมอะไรไม่ได้ทั้ง 100%
มันเป็นหนึ่งในส่วนที่ยากที่สุดเลย
-
นี่เราคุยเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย?!
-
เราควรจะคุยเรื่องบ้านเกิดหนิ
-
เราแตะเรื่องนั้นไปเยอะอยู่นะ
-
เหมือนแตะไปแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง
-
เหมือนเศษหิมะบนยอดมากกว่า 55
-
เอ้ย ทุกคนไม่แต่งหน้ากันเลยหรอ?
-
ผมจะไปแต่งหน้ามาทำไมเนี่ย?..
-
ผมควรแต่งแต่ผมไม่แต่งไง
-
ผมไม่เคยแต่งหน้าสำหรับรายการแบบนี้เลยครับ
-
แต่งหน้าออกกล้องจะได้ดูดีไง
-
จริงๆ ผมไม่สนเรื่องนั้นไง ผมแค่คิดว่า
-
มันจะเสียมารยาทถ้าไม่แต่งหน้า
-
ไม่เป็นไรๆๆ เลย
-
ตอนแรกเราก็แต่ง แต่ตอนนี้โชว์หน้าสดแล้ว
-
ถึงใส่แว่นกับหมวกไง
-
คุณดูดีที่สุดแล้ว
-
หน้าคุณจะเป็นรูปปกคลิปนี้
-
หน้าแบบนี้
-
คำถามต่อไป... คำตอบคือใช่แหละ
-
ผมว่า ประสบการณ์ทั้งหลายระหว่างที่เราโตมา
-
เราเจออะไร ทำอะไร กับใคร
-
มีผลมากกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้
-
แน่นอน
-
ชีวิตมันบ้ามากเลยเนอะ 55
-
ผมว่า เพราะเราโตในอเมริกา
-
เราเลยมีวิธีคิดต่างจากคนเกาหลีส่วนใหญ่
-
เช่นเราเครียดกับประเด็นคนละแบบกับเค้า
-
บางทีก็เห็นไม่ตรงกัน
และไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าคิดไม่เหมือนเรา
-
ประสบการณ์ทุกอย่างมันมีผล
กับการใช้ชีวิตเราจริงๆ
-
เห็นด้วยครับ
-
เคยคิดอยากกลับไปอยู่บ้านเกิดกันมั้ย?
-
คิดครับ ผมจะย้ายกลับไปเร็วๆ นี้
-
กลับไปปักกิ่งครับ
-
พ่อกับแม่ของผมอยู่ฮ่องกง
และผมก็อยู่ห่างจากพวกท่านมา 10 ปีแล้ว
-
แม่กับพ่ออายุ 65 , 63 กันแล้ว
-
จริงๆ แล้ว ในความเป็นลูกชาย
ผมก็อยากใช้เวลากับพวกท่านมากขึ้น
-
ผมวางแผนจะกลับไปอยู่ปักกิ่งกับท่าน
-
มันต่างกันมากนะครับ
ระหว่างเจอหน้ากันทุกวันจริงๆ
-
กับเฟสไทม์หากัน
-
ใช่เลยครับ
-
มันต่างกันมาก
-
การได้จับตัว ได้กอด ได้คุยกับตัวจริงๆ
-
ไม่ว่าจะแค่สิบนาที หนึ่งชั่วโมง
หรือหนึ่งวัน
-
ผมก็พยายามจะใช้เวลากับพวกท่าน
ให้มากที่สุดครับ
-
เห็นด้วยเลยๆ
-
จำได้ว่าในรายการ roomate
ตอนที่คุณได้เจอแม่
-
ฉันร้องไห้เลย
-
ผมดูตอนอยู่ในยิม
ต้องกลั้นน้ำตาสุดฤทธิ์เลยครับ
-
ก็นะครับ ไม่ได้เจอพ่อแม่ 2 ปี
-
ตอนนั้นผมค่อนข้างซึมเศร้าด้วย
-
มันช่วยไม่ได้จริงๆ
-
เป็นลูกที่ดีมากเลยค่ะ
-
เค้าดูและครอบครัวดีมากเลยอะ
-
พวกท่าน.. คือ
ทุกคนก็น่าจะรู้สึกเหมือนกันนะ
-
มันจะมีจุดนึง ที่บางอย่างที่พ่อแม่ทำ
มันสะท้อนว่าพวกท่านค่อยๆ แก่ลงทีละนิด
-
แล้วมันก็น่าเศร้า
-
แล้วก็รู้สึกว่าเราต้องปกป้องท่าน
-
รู้สึกอย่างงั้นกันมั้ย?
-
แน่นอนเลยครับ
-
ผมเจอพ่อแม่อยากมากปีละครั้ง
-
และทุกครั้งที่เจอ ก็จะเห็นรอยใหม่ๆ บนหน้าท่าน
-
ผมขาวก็มากขึ้น... มันแบบ...
-
คือเราเห็นพวกนั้นชัด
เพราะเราไม่ได้เจอท่านตลอดไง
-
พอเห็นอะไรแบบนั้นแล้วก็รู้สึกว่าบทบาทมันเปลี่ยนไปอะครับ
-
เค้าเคยเป็นคนดูและผมมาตลอด
-
พอถึงจุดนึงก็กลายเป็นว่า
บทบาทมันเริ่มสลับกันแล้ว
-
มันถึงเวลาที่ผมต้องดูแลท่านแล้ว
-
ตอนเด็ก บางทีผมมองพ่อแม่เป็นเหมือนนักรบนะครับ
-
เอาชนะได้ทุกอย่าง เป็นซุปเปอร์ฮีโร่
-
แต่พอถึงจุดนึงพวกท่านก็เหมือน...
-
เหมือนมีความเป็นเด็กมาขึ้นอะครับ
-
ไม่ใช่ในทางลบนะครับ
-
ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี
แต่ไม่ใช่ทางลบแน่ๆ
-
แต่บางทีท่านทำตัวน่ารักเหมือนเด็กมากขึ้น
-
เพราะอะไรแบบนั้นน่ะครับ
-
ผมเลยรู้สึกว่าผมต้องปกป้องท่านแล้ว
-
ท่านต้องการการปกป้องบ้าง
-
โอ่ย ใครมาข้างหลังเนี่ยตกใจหมด
นึกว่าตัวอะไร!
-
ถึงเวลาตอบข้อความแล้วครับ
-
ยังไม่ถึงเวลาหรอก เรายังคุยเรื่องเดิมกันไม่จบเลย
-
โอ้ 555
-
คราวหน้าผมกลับมาใหม่ได้มั้ย?
-
ได้สิ!
-
มาเป็นพิธีกรเลยก็ได้
-
เราจะกลับมาคุยเรื่องนั้นกันใหม่
ในตอนต่อไปของแจ๊คสันนะครับ
-
มีเรื่องให้คุยได้อีกเยอะเลย
-
แต่ตอนนี้เรามีผู้ใช้ Reddit ตั้งกระทู้ว่า
-
"ผมอายุ 29 ปี
ผมย้ายกลับไปบ้านเกิดที่โอไฮโอ
-
หลังจากไปอยู่คลีฟแลนด์มา 4 ปี
-
หลังจากกลับไปได้ 1 ปี ผมรู้สึกว่า
-
ผมไม่ได้ชอบอยู่ใกล้ครอบครัว
หรือเพื่อนเก่าขนาดนั้น
-
เพราะเรามีอะไรเหมือนกันน้อยลงไปแล้ว
-
คนในเมืองก็คิดไม่เหมือนผม
ทำให้มันอยู่ยากมาก
-
ผมมีโอกาสย้ายออกไปซอล์ทเลค ซิตี้
ซึ่งผมก็อยากไป
-
ตอนที่ผมย้ายออกไปจากโอไฮโอเมื่อ 7 ปีก่อน
ผมก็ไม่ได้มีความสุขกับที่นี่
-
แต่เพื่อนๆ และครอบครัวผมคิดว่าผมไม่มีความสุข
เพราะผมเพิ่งย้ายมาแค่ 6 เดือน ไม่ได้มาถาวร
-
และผมไม่เคยลงหลักปักฐานที่ไหนอย่างจริงจัง
-
ผมมีช่วงเวลาที่ดีที่คลีฟแลนด์
-
และมีความสุขกับอิสระ
ของการอยู่ห่างจากครอบครัว
-
ฟังดูแย่ใช่มั้ย แต่
มันจะมันจะโง่มั้ย ถ้าเกิดผมจะเริ่มสร้างตัวใหม่ตอนอายุ 29?"
-
โอ้ มีต่ออีกนะ
พีเนียลอ่านหน่อย
-
"ใจนึงของผมก็กำลังมองหาโอกาสในยุโรป
-
ผมไปเที่ยวมาเยอะมากข่วงอายุ 20
-
และผมชอบความรู้สึกของการผจญภัยแบบนั้นมาก
-
ผมขาดมันไม่ได้
-
ผมเคยคิดว่าๆ ผมพร้อมที่ปักหลักแล้ว
-
แต่หลังจากทำงานในที่ที่เดิมมา 25 สัปดาห์
-
ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเท่าไหร่
-
มีใครเคยย้ายกลับไปบ้านเกิด แล้วรู้สึกเสียใจที่กลับไปมั้ย?"
-
อื้มม...
-
ปัญหาเค้าอยู่ที่ไหนนะ..
-
คือ เค้ามีความสุขที่คลีฟแลนด์ใช่มั้ย
-
ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องโง่
ถ้าจะเริ่มต้นใหม่ตอนอายุ 29 นะ
-
จากที่บอกว่าความคิดของตัวเองไม่เหมือนกับคนในเมืองนั้น
เลยไม่มีความสุข
-
แล้วถ้าอยู่ต่อ ก็จะมานั่งโทษครอบครัวตัวเอง
แล้วนั่งเครียด
-
ฉันคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่จะย้ายออกไปเมืองใหม่
-
ไปค้นหาตัวเองต่อ
-
และหาโอกาสใหม่ๆ
-
ถ้าเป็นตัวฉันคงทำอย่างนั้น
-
เธอก็เริ่มต้นใหม่
ตอนอายุ 29 เหมือนกันใช่มั้ย?
-
ใช่ๆ
-
อื้ม ผมคิดว่ามันไม่มีคำว่าสายเกินไป
สำหรับการเริ่มต้นใหม่
-
เค้าบอกว่า
เค้าชอบตอนเป็นอิสระอยู่ที่เมืองอื่นมาก
-
ผมว่า...
-
เค้ากำลังอยู่ในช่วงเวลาแบบนั้นน่ะ
-
ใช่ ผมว่าเค้ากำลังหาตัวเอง
จากที่เขียนว่ามองหาโอกาสในยุโรป
-
ผมว่าเค้ายังอยากเที่ยวอยู่
อยากลองใช้ชีวิตอีกหน่อย
-
ผมว่าเค้าควรจะทำอย่างนั้นแหละ
ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก
-
ตอนเค้าแก่ลงก็คงคิดถึงครอบครัวมากขึ้นเอง
-
เช่นเวลากลับไปบ้าน
แล้วเห็นพ่อแม่แก่ลงไปเยอะๆ
-
มันจะทำให้เค้าอยากกลับไปอยู่ที่บ้าน
-
หรือพาครอบครัวไปอยู่ด้วยกัน
-
ผมว่าตอนนี้มันไม่โง่หรอก
ถ้าจะเริ่มใหม่ตอนอายุ 29
-
ผมว่าเค้าควรจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว
เค้าต้องการอะไร
-
เค้าควรรู้จักตัวเองดีกว่านี้
-
แล้วเริ่มวางแผน และทำ
ตามแผนอย่างจริงจัง
-
มันง่ายนะ
-
มันพูดง่ายกว่าทำนะ
-
คือ อย่างน้อยก็นั่งคุยกับตัวเอง
ซัก 30 นาทีอะครับ
-
เอาให้รู้ว่าจริงๆ แล้วต้องการอะไร
ให้รู้จักตัวเองมากขึ้น
-
ตอนแบมือแบบนั้นคืออยากได้ไฮไฟว์สรึเปล่า?
-
จริงๆ ก็ไม่นะ 555
-
ถ้าอยากได้จะทำแบบนี้
-
ผมคิดว่าคุณอยากได้คน
ทำท่าเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด
-
ใช่ ผมอยากได้ ขอบคุณครับ
-
ผมก็มองอยู่ว่าตะกี๊มันแปลกๆ นะ
มันมีบางอย่างแปลกๆ
-
เรามีผู้ใช้ Reddit อีกคนนึงครับ ตั้งกระทู้ว่า
-
"การย้ายกลับไปบ้านเกิด
ทำให้ฉันกลายเป็นคนล้มเหลวมั้ย?
-
ฉันอายุ 24 แต่งงานแล้ว
และกำลังจะเริ่มเทอมสุดท้ายของ ป.โท"
-
เดี่ยวๆๆๆๆ นะ อายุ 24 และแต่งงานแล้ว?
-
ใช่ๆ อายุ 24
และกำลังจะเริ่มเทอมสุดท้ายของ ป.โท
-
"ฉันกับสามีเกิดและโตที่เทนเนสซี่
-
เราย้ายไปโคโลราโดหลังจากแต่งงาน 2 สัปดาห์
-
เพื่อให้ฉันได้เรียน ป.โท
ในโปรแกรมท๊อป 10 ของประเทศ
-
มันผ่านมาเกือบ 2 ปีแล้ว
และสามีฉันไม่มีความสุขกับที่นี่เลย
-
เค้าตกงาน และได้งานใหม่ที่เค้าเกลียด
-
เรามีเพื่อนที่นี่แค่ไม่กี่คน
-
เราคิดถึงครอบครัว
-
และไม่สนุกกับการอยู่ที่นี่เลย
-
ฉันรักที่นี่นะ
แต่เรามีเพื่อนน้อย และคิดถึงครอบครัว
-
เนื่องจากสามีฉันไม่มีความสุขกับที่นี่เลย
เราเลยตกลงกัน
-
ว่าจะย้ายกลับไปรัฐเทนเนสซี่
ไปอยู่เมืองที่ฉันเรียน ป.ตรี
-
ห่างจากบ้านประมาณ 30 นาที
-
มันมีอะไรดีๆ เยอะแยะที่นั่น
-
ทั้งค่าครองชีพที่ต่ำกว่า
-
สามีจะมีความสุขกว่า
-
อาหารดีๆ
-
และการได้อยู่ใกล้ครอบครัว
-
แต่ฉันก็รู้สึกแย่ รู้สึกล้มเหลว
-
คือว่า
มันไม่มีใครย้ายออกจากบ้านเกิดเราเลยไง
-
คนที่นั่นเกิด โต และใช้ทั้งชีวิตที่นั่น
กันหมดเลย
-
เค้าเลี้ยงลูกตัวเองไปพร้อมกับเพื่อนกลุ่มเดิมๆ
-
ฉันไม่รู้จักใครนอกจากฉันที่ย้ายออกไป
ไกลกว่า 6-7 ชม จากบ้าน
-
และฉันรู้สึกว่า ถ้าย้ายกลับไป
ฉันก็จะเป็นแบบคนอื่นๆ
-
เป็นคนล้มเหลวที่ไปไม่รอดนอกบ้าน
-
อมก
ฉันคิดว่าฉันกำลังทำเพราะฉันรักสามี
-
และอีกหลายๆ ปัจจัย
-
เช่น บ้านในเทนเนสซีถูกกว่าที่โคโลราโด
ประมาณ 3 ล้านบาท
-
แต่ฉันทำแบบนี้แล้วรู้สึกพ่ายแพ้มาก
-
มันเป็นแค่สิ่งที่อยู่ในหัวฉัน หรือฉันจะ
กลายเป็นคนล้มเหลวจริงๆ ถ้าย้ายกลับไป?"
-
ขอโทษนะครับ!
-
เค้าไม่รอให้เธอพูดจบด้วยซ้ำ
เค้าไม่ไหวแล้ว!
-
เดี๋ยวๆๆๆๆ 55
-
ผมไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง กับที่เธอบอกว่า
"ถ้าย้ายกลับไป ฉันก็จะเป็นแบบคนอื่นๆ"
-
การเป็นแบบคนอื่นๆ มันผิดยังไงหรอ?
-
เธอแต่งงานแล้ว เธอไปเรียน
เธอกำลังใช้ชีวิตของเธอ
-
และไม่มีใครตัดสินเธอได้
-
และเธอก็ไม่ควรจะสนด้วย
ว่าคนอื่นจะมองเธอยังไง!
-
เธอเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเอง
-
ผมคิดว่า
เธอเครียดเกินไปว่าคนอื่นจะมองเธอยังไง
-
คือแบบ หยุดก่อน
-
ก่อนจะมานั่งเครียดแบบนั้น...
-
เอ้ย ช่วยผมพูดหน่อยสิ 55
-
คิดให้แน่ใจก่อนว่าตัวเองต้องการอะไร
-
ผมว่ามันเป็นเรื่องอีโก้ด้วยนะ ว่า
"ฉันเป็นคนแรกที่ย้ายออกไปเลยนะ"
-
แต่แบบ เป็นคนแรกแล้วไงล่ะ?
มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยไง!
-
ใช่ มันจะหมายความว่ายังไงได้อะๆๆ?????
-
โอ้ "ฉันเป็นคนแรกที่ย้ายออกไปไกลเกิน 9 ชม เลยนะ"
มันไม่เห็นจะมีความหมายอะไรเลย!!!
-
มันเป็นเรื่องรู้สึกประสบความสำเร็จปะ
-
อะ สมมติผมย้ายไปเกาะเชจู
มันมีความหมายอะไรด้วยหรอ?
-
ไม่มีความหมายอะไรเลยไง!
-
ผมว่าผมพอเข้าใจเธอได้นะ
-
ตอนผมย้ายจากอเมริกา
สิ่งสุดท้ายที่ผมบอกเพื่อนๆ คือ
-
กลับมาจะเอาโรเลกซ์มาแจก จะซื้อแมนชั่น
แล้วจะปาร์ตี้ไปตลอดชาติเลย
-
ผมว่าเธอคงกลัวที่จะย้ายกลับ
เพราะกลัวภาพความล้มเหลวแบบนั้น
-
แต่...
-
โอ้แมน..!
-
ผมว่าเธอกำลังเจอวิกฤตเบญจเพส
เคยได้ยินเรื่องนี้กันมั้ย
-
โอ้ เหมือนเป็นช่วงเวลาที่มืดมนของชีวิต
-
ใช่ คือเป็นช่วงที่ก้งวลเกี่ยวกับอนาคตมากๆ
จนประสาทกินไปเลย
-
ผมว่าเธอคงกำลังอยู่ในช่วงนั้นนะ
-
เพราะเธออายุ 24 พอดี
และมีภาระบนบ่าแล้วด้วย
-
เธอแต่งงานแล้ว
และสามีก็ไม่ค่อยมีความสุขที่นั่น
-
สุดท้ายแล้ว ผมว่าใครก็ตามที่
เคยผ่านช่วงนั้นของชีวิตมาแล้ว
-
หรือเคยผ่านอะไรคล้ายๆ เธอมา
-
ก็คงแนะนำให้เธอ
ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าช้าๆ
-
อย่าพยายามมองไปข้างหน้าไกลเกินไป
-
และอย่าไปสนว่าคนอื่นจะมองตัวเรายังไง
-
และมันไม่ได้ทำให้เธอเป็นคนล้มเหลว
ถ้าเธอย้ายกลับบ้าน
-
เธอนิยามคำว่าล้มเหลวไว้ว่ายังไงหละ
-
แค่เพราะเธอย้ายกลับบ้าน
ไม่ได้ทำให้เธอต้องล้มเลิกสิ่งที่ทำอยู่
-
ผมว่าการล้มเหลวจริงๆ คือการยอมแพ้
กับสิ่งที่ทำอยู่
-
แต่การย้ายกลับมันก็แค่ขั้นตอนนึง
ของการมีชีวิตที่ดีขึ้น
-
มันเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
มันไม่ใช่การยอมแพ้ๆ
-
ใช่ คนจะพูดอะไรเค้าก็จะพูดแหละ
-
เราไปห้ามเค้าไม่ได้
-
และเราก็ไม่มีทางได้ทุกๆ อย่าง
ที่เราต้องการหรอก
-
ตั้งเป้าหมายไว้สิ ว่าจะเอาอะไร เลือกอะไร
-
ตอนนี้ปัญหาที่มีคือ สามีไม่มีความสุข
กับการอยู่ที่นั่นเลย นั่นคือประเด็นแรก
-
ประเด็นที่สองคืออะไรนะ?
-
ประเด็นเรื่องราคาบ้าน
-
และประเด็นที่สามคือ
กลัวคนมองว่าล้มเหลวใช่มั้ย?
-
นั่นก็อีกปัญหานึง
-
มันจะเอาทุกอย่างไม่ได้อะครับ
มันต้องทิ้งซํกอย่าง
-
มันต้องยอมสละกันบ้าง
-
ใช่ครับ
-
พ่อฉันเคยพูดกับฉันนะ
คือตอนนี้พ่อกับแม่อยู่ที่อเมริกา
-
และไม่กลับมาเกาหลีมา 21 ปีแล้ว
-
และตอนนี้พวกท่านก็ยังทำงานอย่างหนัก
-
พวกท่านพูดอังกฤษไม่ได้
-
ฉันเลยชวนพ่อให้ย้ายกลับมาเกาหลี
เพราะตอนนี้ฉันก็อยู่ที่นี่
-
และก็คงไม่กลับอเมริกาเร็วๆ นี้ด้วย
-
ฉันบอกพ่อว่า กลับมาสิ
เดี๋ยวฉันช่วยเอง
-
แต่พ่อบอกว่า พ่อไม่อยากกลับ
เพราะคนเค้าจะมองว่าพ่อล้มเหลว
-
"เค้า" นี่ใครครับ?
-
แม่ผมก็เคยพูดแบบนั้น!
-
ตอนผมขอให้แม่ทำบางอย่าง
-
แม่เคยพูดว่า "ถ้าแม่ทำอย่างนั้น
เค้าก็จะหาว่าแม่ล้มเหลวน่ะสิ!"
-
ผมก็ถามแม่ว่า แม่! "เค้า" เนี่ย ใคร???
-
ญาติๆ ผมก็ตอบไม่ได้
-
ครับ บ้านผมก็มีแบบนี้เหมือนกัน
-
ค่ะ เหมือนเวลาใครย้ายไปอเมริกา
คนรอบๆ ตัวก็จะคิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จ
-
แต่พ่อถ้าย้ายกลับมา พ่อก็ต้องหางานใหม่
ซึ่งอายุขนาดนี้มันหายากมาก
-
และท่านก็ไม่ได้มีเงินมากพอให้
กลับมาแล้วซื้อบ้านได้เลยด้วย
-
พ่อกับแม่เลิกกันแล้ว
ฉันเลยยิ่งอยากให้กลับมาอยู่กับญาติๆ
-
จะได้มีความสุขขึ้น ไม่เหงา
-
แต่พ่อก็ยังกังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับพ่อ
-
เพราะท่านไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรที่นั่น
ไม่ได้กลับมาแล้วจะเลี้ยงครอบครัวได้
-
ท่านต้องเริ่มใหม่หมดเลย
-
ฉันก็บอกแล้วว่าไม่ต้องกังวล
แต่พ่อก็ยังไม่ยอม
-
สิ่งสำคัญคือ เราต้องรู้ว่า
อะไรทำให้เรามีความสุขจริงๆ น่ะ
-
อย่ามัวแต่สนว่าคนอื่นจะตัดสินเรายังไง
-
บอกตามตรง ผมไม่ชอบแบบนั้นเลย
-
นี่เป็นการพูดปิดรายการที่ดีมากครับ...
-
เราจะไม่ปิดอะไรครับ
-
ต่อตอน 2 หรอ
อีกซักครู่พบกันใหม่ครับ! 55
-
ครับ เหมือนที่แจ๊คสันพูด
อย่าให้มุมมองของคนอื่น
-
มาบังคับการเลือกใช้ชีวิตของเรา
-
นั่นมันจะเป็นอุปสรรคในการก้าวไปข้างหน้า
ทำให้เราไปต่อยากเลยแหละ
-
เป็นตัวเองเถอะครับ! และอย่าไปสนน้ำลายคนอื่นมาก!
-
ใช่ๆ ถ้าสามีเธอมีความสุขขึ้น
ชีวิตแต่งงานก็จะมีความสุขขึ้น
-
เธอก็จะมีความสุขขึ้นตามไปด้วยในที่สุด
-
และครอบครัวก็จะสนับสนุนเราได้ด้วย
ทั้งเรื่องความคิด และจิตใจ มากกว่าที่เราคิดนะ
-
สุดท้าย เธอก็อาจจะมีความสุขขึ้น
เธอไม่รู้หรอก เพราะตอนนี้เธอกำลังกลัวเกินไป
-
การมานั่งนินทาคนอื่นมันน่าเศร้ากว่าอีกนะครับ
คือไม่มีอะไรทำกันแล้วใช่มั้ย??
-
เวลาคนมานั่งดื่มด้วยกัน
ในวงเหล้าก็จะชอบนินทาคนอื่น
-
ผมว่ามันน่าเศร้าอะ
การนั่งนินทาคนอื่นมันเป็นเรื่องน่าเศร้า
-
และไม่ต้องสนว่าใครจะตัดสินเราว่ายังไงหรอกนะครับ
สนใจว่าจะใช้ชีวิตของตัวเองยังไงก็พอ
-
ใช่เลยครับ
-
วู้ว วันนี้มีอะไรเด็ดๆ เยอะเลยนะครับ
-
พูดอย่างนี้
แปลว่าเรากำลังจะพูดปิดรายการกันแล้วนะครับ
-
หน้าเนียนดีนะครับ
-
จริงปะครับ? เพิ่งโกนเมื่อเช้าเอง
-
ถ้าลูบอีกทิศนึงจะรู้สึกถึงหนวดนะ
-
ไม่ค่อยนะ เหมือนกันเลย
-
ผมก็มี ขึ้นไปถึงแก้มเลย
-
ใช่ ของผมขึ้นไปสูงมาก
-
ตอนพวกเราอายุ 35
คงดูแมนมากๆ
-
ของผมนี่คนละเรื่องเลยครับ
-
โอเคครับ ก่อนเราจะนอกเรื่องใหม่
ขอบคุณแจ๊คสันที่มารายการนี้นะครับ
-
เราจะเชิญมาอีกแน่ๆ
มันดีมากๆ ที่ได้คุณมาอยู๋ที่นี่
-
ถ้าอยากได้ข่าวสารเกี่ยวกับรายการนี้
-
เรามีไอจี และทวิตของ DIVE Studios
และสามารถติดตามคลิปเต็มได้ในยูทูปของเรา
-
แจ๊คสันอยากฝากโซเชี่ยลของตัวเองไว้ด้วยมั้ยครับ?
-
ครับ บริษัทของผมชื่อ ทีมหวัง
เราเพิ่งเปิดช่องยูทูปของมัน
-
ลิงก์ช่องอยู่ในไอจีผมนะครับ
-
ไอจีผมคือที่เสิร์ชชื่อ Jackson Wang
แล้วมีติ๊กถูกสีฟ้า
-
@jacksonwang852g7
-
อ้อ ผมจะปล่อยเพลงมากกว่า 40 เพลง
ภายในปี 2021 นี้นะครับ
-
อัลบั้มภาษาอังกฤษ 1 อัลบั้ม
ภาษาจีน 1 อัลบั้ม
-
และเพลงอีกประมาณ 20 เพลง
ที่เป็นโปรเจคร่วมกับศิลปินคนอื่น
-
และหลังจากนี้ ก็จะมีผลงานของ
ศิลปินอีกหลายคนในทีมหวังครับ
-
จะมีอะไรดีๆ ปล่อยออกมาอีกเยอะ
รอดูนะครับ
-
ทุกๆ เดือนจะมีเซอร์ไพร์ส!
-
ครับ อย่าลืมคอยติดตามทีมหวัง
และกดติดตามและเขียนรีวิวรายการของเรา
-
ขอบคุณที่รับฟังครับ! เจอกันคราวหน้า
บายยยย~!