< Return to Video

Samadhi Part 2 (It's Not What You Think)

  • 0:52 - 0:54
    คุรุทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของโลก
  • 0:54 - 0:56
    ตราบโบราณถึงปัจจุบัน
  • 0:56 - 1:00
    ต่างเห็นตรงกันว่า ความจริงแท้แห่งการดำรงอยู่
  • 1:00 - 1:02
    ไม่ได้เป็นสมบัติเฉพาะ
  • 1:02 - 1:04
    ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
  • 1:04 - 1:06
    หรือวัฒนธรรมทางจิตวิญญาณ
  • 1:06 - 1:10
    แต่สามารถค้นพบได้ ภายในหัวใจของทุกๆ คน
  • 1:21 - 1:23
    กวีรูมิ กล่าวว่า
  • 1:23 - 1:28
    " หากพระจันทร์ไม่เคยขึ้นและตกฉันใด
  • 1:28 - 1:34
    จิตวิญญาณก็ไม่เคยห่างหายไปจากเราเช่นกัน
  • 1:34 - 1:37
    อย่าได้กล่าวว่ามันอยู่ที่นี่หรือที่นั่น
  • 1:38 - 1:41
    ทุกสรรพสิ่งสร้างคือสิ่งนั้น
  • 1:41 - 1:45
    ผู้ที่มีตาภายใน ย่อมมองเห็น "
  • 2:50 - 2:53
    ในเรื่องหอคอยบาเบิล
  • 2:53 - 2:56
    มนุษยชาติได้ถูกแบ่งแยกให้ต่างภาษา
  • 2:56 - 3:01
    ต่างความเชื่อ วัฒนธรรม และความสนใจ
  • 3:01 - 3:05
    บาเบล แปลตามตัวอักษรหมายถึง "ประตูของพระเจ้า"
  • 3:05 - 3:08
    ประตูนั้นก็คือ จิตนึกคิดของเรา
  • 3:08 - 3:12
    คือโครงสร้างของความคิดเราที่สร้างขึ้น
  • 3:15 - 3:19
    สำหรับผู้ที่ตระหนักถึงธรรมชาติที่แท้จริงของตน
  • 3:19 - 3:22
    แก่นแท้ของเขาจะอยู่พ้นไปจากชื่อและรูปลักษณ์ต่างๆ
  • 3:22 - 3:24
    เขาย่างก้าวไปสู่ความลึกลับที่ยิ่งใหญ่
  • 3:24 - 3:27
    ที่อยู่ข้ามพ้นประตูนั้นไป
  • 3:37 - 3:40
    ในอุปมาโบราณ อุปมาเรื่องช้าง
  • 3:40 - 3:43
    ซึ่งถูกเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่า
  • 3:43 - 3:45
    แท้จริงแล้ว ความเชื่อที่แตกต่างนั้น
  • 3:45 - 3:49
    ล้วนชี้ไปสู่ความจริงแท้ที่ยิ่งใหญ่เดียวกัน
  • 3:49 - 3:54
    คนตาบอดกลุ่มนึง ต่างพากันสัมผัสส่วนต่างๆ ของช้าง
  • 3:54 - 3:59
    แล้วเกิดความรู้สึกที่ต่างกันไปว่า ช้างคืออะไร
  • 4:00 - 4:07
    คนที่ยืนอยู่ที่ขาช้าง อธิบายว่า "ช้างเหมือนต้นไม้"
  • 4:09 - 4:13
    คนที่อยู่ตรงหาง ก็บอกว่า "ช้างเหมือนเชือก"
  • 4:14 - 4:19
    "ช้างเหมือนหอก" คนที่ยืนตรงงาบอก
  • 4:20 - 4:25
    คนที่สัมผัสหูช้าง ก็บอกว่า "ช้างเหมือนพัด"
  • 4:26 - 4:32
    คนที่สัมผัสข้างตัวช้าง ยืนกรานว่า "ช้างเหมือนกำแพง"
  • 4:34 - 4:38
    ปัญหาก็คือ เราสัมผัสเพียงเสี้ยวส่วนหนึ่งของช้าง
  • 4:38 - 4:41
    แล้วก็เชื่อประสบการณ์ของเรา
  • 4:41 - 4:44
    เป็นความจริงหนึ่งเดียวที่ถูกต้อง
  • 4:44 - 4:49
    โดยเราไม่ได้รับรู้ หรือยอมรับในประสบการณ์ของคนอื่น
  • 4:49 - 4:55
    ซึ่งเป็นหลากหลายแง่มุมแห่งความจริงของสัตว์ตัวเดียวกัน
  • 5:18 - 5:21
    "ปรัชญาอมตะ" คือการทำความเข้าใจว่า
  • 5:21 - 5:24
    ทุกอารยธรรมทางจิตวิญญาณ และทุกศาสนา
  • 5:24 - 5:27
    ล้วนนำไปสู่ความจริงหนึ่งเดียวอันเป็นสากลร่วมกัน
  • 5:28 - 5:31
    รหัสนัย หรือ ความจริงที่ข้ามพ้นตัวตน
  • 5:31 - 5:35
    คือรากฐานสำคัญ ที่ทำให้ความรู้ทางจิตวิญญาณ
  • 5:35 - 5:38
    และคำสอนต่างๆ ได้เจริญงอกงามขึ้น
  • 5:46 - 5:52
    สวามี วิเวกอนันดา ได้สรุป "คำสอนอมตะ" เขากล่าวว่า
  • 5:52 - 5:55
    "จุดหมายของทุกศาสนา
  • 5:55 - 5:58
    คือการตระหนักรู้ถึงพระเจ้าในจิตวิญญาณ
  • 5:58 - 6:03
    นั่นคือ หนึ่่งศาสนาสากลเดียวกัน "
  • 6:03 - 6:07
    ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราใช้คำว่า พระเจ้า
  • 6:07 - 6:10
    ก็เพื่ออุปมาถึง การก้าวข้ามตัวตน
  • 6:10 - 6:13
    ไปสู่ความลี้ลับอันยิ่งใหญ่
  • 6:13 - 6:16
    ที่อยู่เหนือข้อจำกัดทางความคิดของอัตตา
  • 6:16 - 6:20
    การตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริง หรือตัวตนภายใน
  • 6:20 - 6:23
    คือ การตระหนักถึงธรรมชาติแท้อันศักดิ์สิทธิ์
  • 6:23 - 6:26
    ทุกจิตวิญญาณมีศักยภาพ
  • 6:26 - 6:29
    ในการยกระดับจิตสำนึกให้สูงขี้น
  • 6:31 - 6:33
    เพื่อการตื่นขึ้นจากหลับใหล
  • 6:33 - 6:36
    และการยึดมั่นในตัวตน
  • 7:05 - 7:08
    นักเขียนผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์ อัลดัส ฮักซเลย์
  • 7:08 - 7:11
    ผู้เขียนหนังสือ "โลกใหม่ที่กล้าหาญ"
  • 7:11 - 7:15
    ได้เขียนหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ชื่อว่า"ปรัชญาอมตะ "
  • 7:15 - 7:18
    เขาเขียนถึงคำสอนหนึ่ง
  • 7:18 - 7:21
    ซึ่งเวียนกลับมาซ้ำๆ ตลอดประวัติศาสตร์
  • 7:21 - 7:26
    ในวัฒนธรรมที่เกิดการตระหนักรู้ความจริงขึ้น
  • 7:26 - 7:27
    เขาเขียนว่า
  • 7:27 - 7:30
    "ปรัชญาอมตะ ได้แสดงไว้อย่างชัดเจน
  • 7:30 - 7:33
    ในภาษาสันสกฤต
  • 7:33 - 7:36
    "Tat Tvam Asi" หมายถึง
  • 7:36 - 7:38
    "เธอ คือ สิ่งนั้น" (You are That.)
  • 7:38 - 7:41
    อัตมัน (Atman) หรือตัวตนนิรันดร์
  • 7:41 - 7:44
    คือ หนึ่งเดียวกับพรหมมัน
  • 7:44 - 7:47
    เป็นหลักสูงสุดของทุกการดำรงอยู่
  • 7:48 - 7:51
    และเป็นจุดหมายของมนุษย์ทุกคน
  • 7:51 - 7:55
    คือการค้นพบความจริงเพื่อตัวเขาเอง
  • 7:55 - 8:00
    เพื่อค้นพบความจริงแท้ที่เขาหรือเธอเป็นจริงๆ
  • 8:07 - 8:11
    แต่ละอารยธรรม ก็เหมือนเหลี่ยมแต่ละด้านของอัญมณี
  • 8:11 - 8:14
    ที่ส่องประกายเอกลักษณ์ของความจริงเดียวกัน
  • 8:15 - 8:20
    ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนและส่องสว่างถึงกันและกัน
  • 8:20 - 8:25
    ไม่ว่าการใช้ภาษาและกรอบแนวคิดใด
  • 8:25 - 8:28
    ทุกๆ ศาสนา ล้วนสะท้อนถึงคำสอนอมตะ
  • 8:28 - 8:32
    ซึ่งระบุถึงการเชื่อมโยงเข้าสู่บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
  • 8:32 - 8:36
    บางสิ่งที่อยู่เหนือเรา
  • 9:10 - 9:14
    มันเป็นไปได้ที่จะเรียนรู้และบูรณาการคำสอนต่างๆ
  • 9:14 - 9:17
    จากหนึ่งหรือหลายที่มา
  • 9:17 - 9:21
    โดยไม่ระบุถึงความเป็นตัวตนในแต่ความเชื่อ
  • 9:21 - 9:24
    มีคำกล่าวว่า คำสอนทางจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งหมด
  • 9:24 - 9:29
    เป็นเพียงนิ้วที่ชี้ไปยังความจริงแห่งการก้าวข้ามตัวตน
  • 9:29 - 9:33
    ซึ่งหากเรายึดมั่นเพียงบางคำสอนที่เรารู้สึกสบายใจ
  • 9:33 - 9:38
    เราจะเกิดอุปสรรคในวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณ
  • 9:38 - 9:41
    เพื่อเข้าถึงความจริงที่อยู่เหนือแนวคิดใดๆ
  • 9:41 - 9:46
    เราต้องปล่อยวางเกาะเกี่ยวและการยึดมั่นต่างๆ
  • 9:46 - 9:50
    ปล่อยวางทุกแนวคิดทางศาสนา
  • 9:54 - 9:56
    จากมุมมองของอัตตา
  • 9:56 - 9:59
    นิ้วที่ชี้ชวนให้คุณเข้าสู่สมาธิ
  • 9:59 - 10:02
    เหมือนการนำพาคุณมุ่งสู่
  • 10:02 - 10:04
    หุบเหวที่ลึกสุดหยั่งถึง
  • 10:06 - 10:08
    นักบุญจอห์นออฟเดอะครอส กล่าวว่า
  • 10:08 - 10:12
    "ถ้าหากผู้ใดต้องการมั่นใจในเส้นทางที่เหยียบย่าง
  • 10:12 - 10:18
    จงปิดตาเสีย และย่างก้าวในความมืด"
  • 10:51 - 10:56
    สมาธิ เริ่มต้นด้วยการกระโจนลงสู่ความไม่รู้
  • 11:09 - 11:13
    ปรัชญาโบราณกล่าวว่า เพื่อให้เข้าถึงสมาธิที่แท้จริง
  • 11:13 - 11:16
    เขาผู้นั้นจะต้องเปลี่ยนการรับรู้
  • 11:16 - 11:19
    จากวัตถุที่ถูกรู้
  • 11:19 - 11:22
    จากทุกปรากฏการณ์ภายนอก
  • 11:22 - 11:25
    จากความคิดตัดสิน และความรู้สึก
  • 11:25 - 11:28
    มาตระหนักรู้ "จิตรู้"
  • 11:28 - 11:31
    มายังแหล่งกำเนิดภายใน
  • 11:31 - 11:34
    ใจ หรือ แก่นแท้ แห่งการดำรงอยู่
  • 11:36 - 11:39
    ในภาพยนตร์นี้ เมื่อเราใช้คำว่า สมาธิ
  • 11:39 - 11:42
    เราหมายถึงการก้าวข้ามตัวตน
  • 11:42 - 11:44
    ไปสู่สมาธิขั้นสูงสุด
  • 11:44 - 11:48
    ซึ่งเรียกว่า Nirvikalpa สมาธิ
  • 11:53 - 11:55
    ใน Nirvikalpa สมาธิ
  • 11:55 - 11:59
    เป็นการสงบระงับการกระทำของตัวตน
  • 11:59 - 12:01
    หยุดการแสวงหาและการกระทำทั้งหมด
  • 12:03 - 12:07
    เราเพียงกล่าวถึงสิ่งที่หายไปเมื่อเราเข้าใกล้
  • 12:07 - 12:11
    และสิ่งที่ปรากฏกลับมา เมื่อเราย้อนกลับมาจากจุดนั้น
  • 12:12 - 12:15
    มันไม่มีทั้ง การรับรู้ หรือ ไม่รับรู้
  • 12:16 - 12:19
    ไม่ใช่ "วัตถุ" หรือ "ความว่าง"
  • 12:19 - 12:23
    ไม่ใช่ สติรู้ตัว หรือ ไม่รู้ตัว
  • 12:24 - 12:28
    เป็นความจริงแท้ ยากหยั่งถึง
  • 12:28 - 12:32
    และไม่อาจรู้ได้ด้วยความคิด
  • 12:35 - 12:37
    เมื่อจิตกลับมาสู่ระดับของตัวตนอีกครั้ง
  • 12:37 - 12:39
    จะเกิดภาวะยากรู้ได้
  • 12:39 - 12:41
    คล้ายการเกิดใหม่
  • 12:41 - 12:43
    และทุกสิ่งกลายเป็นใหม่อีกครั้ง
  • 12:43 - 12:47
    เราถูกทิ้งไว้ท่ามกลางกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์
  • 12:47 - 12:49
    ซึ่งยังคงอบอวลอยู่กับเรา
  • 12:49 - 12:53
    ไปตลอดเส้นทางเติบโตทางจิตวิญญาณของเรา
  • 13:03 - 13:07
    มีสมาธิหลายประเภทที่ถูกอธิบายไว้ในอารยธรรมโบราณ
  • 13:08 - 13:12
    และภาษาก็ได้สร้างความสับสนมาอย่างยาวนาน
  • 13:12 - 13:17
    เราใช้คำว่า สมาธิ เพื่อชี้ถึงการก้าวข้ามตัวตนเพื่อหลอมรวม
  • 13:17 - 13:22
    เราใช้คำจากอารยธรรมอื่นเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
  • 13:23 - 13:25
    สมาธิ เป็นภาษาสันสกฤตโบราณ
  • 13:25 - 13:31
    พบได้ในคัมภีร์พระเวท โยคะ และปรัชญาสางขยะของอินเดีย
  • 13:31 - 13:36
    และได้แผ่ขยายไปยังหลายวัฒนธรรมทางจิตวิญญาณอื่นๆ
  • 13:36 - 13:39
    สมาธิ เป็นองค์ที่ 8
  • 13:39 - 13:41
    ในโยคะทั้ง 8 ของปตัญชลีมหาโยคี
  • 13:42 - 13:44
    และเป็นมรรคที่ 8
  • 13:44 - 13:46
    ในอริยมรรคมีองค์ 8 ของพระพุทธเจ้า
  • 13:48 - 13:51
    พระพุทธองค์ใช้คำว่า "นิพพาน"
  • 13:51 - 13:53
    หมายถึงการสิ้นสุดของ "วนา"
  • 13:53 - 13:57
    หรือสิ้นสุดการทำงานของอัตตา
  • 13:59 - 14:02
    ปตัญชลีมหาโยคี ได้อธิบาย โยคะ หรือ สมาธิ
  • 14:03 - 14:06
    ว่าเป็น "chitta vritti nirodha"
  • 14:06 - 14:08
    ในภาษาสันสกฤตหมายถึง
  • 14:08 - 14:11
    "การสิ้นสุดของวังน้ำวน
  • 14:11 - 14:14
    หรือกลเกลียวของจิตใจ"
  • 14:14 - 14:18
    เป็นการปลดเปลื้องจิตรู้ให้เป็นอิสระ
  • 14:18 - 14:20
    จากกรงขังของตัวตน
  • 14:20 - 14:24
    ที่ถูกเสกสร้างขึ้นผ่านความคิด
  • 14:51 - 14:54
    สมาธิไม่ได้มุ่งไปสู่การสร้างหลักคิดใดๆ
  • 14:54 - 14:57
    เพราะการตระหนักรู้นี้
  • 14:57 - 15:00
    จะต้องอาศัยการละวางความคิด
  • 15:03 - 15:06
    ศาสนาต่างๆ ได้ใช้ถ้อยคำที่หลากหลาย
  • 15:06 - 15:09
    เพื่ออธิบายถึง การเชื่อมโยงอันศักดิ์สิทธิ์
  • 15:09 - 15:11
    ที่จริงแล้ว คำว่า ศาสนา
  • 15:11 - 15:14
    ก็หมายถึงสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
  • 15:15 - 15:18
    ในภาษาละติน "religare" หมายถึง
  • 15:18 - 15:21
    การผูกโยงอีกครั้ง หรือการกลับมาเชื่อมต่อ
  • 15:21 - 15:24
    เป็นความหมายเดียวกับคำว่าโยคะ
  • 15:24 - 15:26
    หมายถึงการเชื่อมต่อ
  • 15:26 - 15:31
    หลอมรวมทางโลกสู่การก้าวข้ามตัวตน
  • 15:32 - 15:35
    ในอิสลาม ก็ได้สะท้อนผ่านความหมาย
  • 15:35 - 15:39
    ในภาษาอาหรับโบราณ คำว่า อิสลาม
  • 15:39 - 15:43
    ซึ่งหมายถึง การนอบน้อม หรือการวิงวอนต่อพระเจ้า
  • 15:44 - 15:46
    ซึ่งหมายถึง การถ่อมตนอย่างหมดจด
  • 15:46 - 15:51
    หรือการยอมศิโรราบของตัวตน
  • 15:53 - 15:59
    ในคริสเตียนรหัสยิก เช่น นักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี
  • 15:59 - 16:02
    นักบุญเทเรซ่าแห่งอาวีล่า
  • 16:04 - 16:06
    และ นักบุญจอห์นแห่งเดอะครอส
  • 16:06 - 16:09
    ได้อธิบายถึงการเชื่อมโยงกับพระเจ้า
  • 16:09 - 16:12
    อาณาจักรของพระองค์อยู่ในตัวเรา
  • 16:13 - 16:17
    ในพระวรสารโธมัส พระเยซูได้กล่าวว่า
  • 16:17 - 16:20
    "อาณาจักรพระเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่หรือที่นั่น
  • 16:20 - 16:25
    แท้จริงแล้วอาณาจักรของพระบิดาได้สถิตย์อยู่ทั่วผืนโลก
  • 16:25 - 16:28
    ทว่าผู้คนกลับมองไม่เห็น
  • 16:30 - 16:32
    ผลงานของนักปรัชญาชาวกรีก
  • 16:32 - 16:38
    เช่น Plato Plotinus Parmenides และ Heraclitus
  • 16:38 - 16:41
    เมื่อมองผ่านมุมมองของคำสอนอมตะ
  • 16:41 - 16:45
    ก็ล้วนมุ่งไปสู่ภูมิปัญญาเดียวกัน
  • 16:46 - 16:50
    Plotinus สอนว่า ที่สุดของความพยายามของมนุษย์
  • 16:50 - 16:53
    คือ การนำพาจิตวิญญาณของมนุษย์
  • 16:53 - 16:56
    มุ่งสู่จุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบ
  • 16:56 - 17:00
    และเชื่อมโยงกับความเป็นหนึ่งเดียว
  • 17:04 - 17:09
    ผู้นำจิตวิญญาณชนเผ่าลาโกตา แบลค เอลก์ กล่าวว่า
  • 17:09 - 17:12
    "สันติสุขอันดับแรก ซึ่งที่สำคัญที่สุด
  • 17:12 - 17:15
    คือสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตวิญญาณมนุษย์
  • 17:15 - 17:18
    เมื่อเขาตระหนักถึงความสัมพันธ์ของเขา
  • 17:18 - 17:22
    กับความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล และพลังทั้งหมด
  • 17:22 - 17:25
    และเมื่อพวกเขาตระหนักรู้ว่า
  • 17:25 - 17:28
    ณ ใจกลางของจักรวาลเป็นที่สถิตของวิญญาณที่ยิ่งใหญ่
  • 17:28 - 17:32
    และใจกลางนี้ มีอยู่จริงในทุกหนแห่ง
  • 17:32 - 17:36
    มันอยู่ภายในเราทุกคน
  • 18:00 - 18:04
    บนทางสู่การตื่นรู้ หากปราศจากการเข้าถึงสมาธิ
  • 18:04 - 18:07
    จะเกิดเป็นสองขั้วปรากฏเสมอ
  • 18:07 - 18:10
    มีสองประตูบานที่คนจะสามารถผ่านเข้าไป
  • 18:10 - 18:12
    สองมิติ
  • 18:12 - 18:15
    หนึ่งไปสู่ จิตรู้อันประภัสสร
  • 18:15 - 18:19
    อีกหนึ่งไปสู่ ปรากฏการณ์ในโลก (ส่งจิตออกนอก)
  • 18:19 - 18:22
    ทางสูงขึ้น ไปสู่ ความจริงแท้
  • 18:22 - 18:27
    และทางไหลลง ไปสู่ มายา และปรากฏการณ์ทั้งหมด
  • 18:27 - 18:31
    ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น
  • 18:31 - 18:34
    ความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งสัมพัทธ์และความจริงแท้
  • 18:34 - 18:40
    สามารถสรุปได้ในคำพูดของ ศรี นิสาการาทา มหาราช
  • 18:40 - 18:44
    ปัญญา คือการตระหนักรู้ว่า "ฉันไม่เป็นอะไรเลย"
  • 18:44 - 18:47
    ความรัก คือการตระหนักรู้ว่า "ฉันเป็นทุกสิ่ง"
  • 18:47 - 18:53
    ระหว่างสองสิ่งนี้ ชีวิตฉัน...ดำเนินไป"
  • 18:55 - 19:00
    สิ่งที่เกิดจากการหลอมรวมนี้ คือ จิตสำนึกใหม่
  • 19:00 - 19:03
    บางสิ่งได้กำเนิดขึ้นจากการสมรส
  • 19:03 - 19:05
    หรือหลอมรวมกันของแต่ละด้าน
  • 19:05 - 19:09
    หรือการล่มสลายของทวิภาวะ
  • 19:09 - 19:12
    แต่กระนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่สิ่งๆ ใด
  • 19:12 - 19:15
    และมันก็ไม่เคยมีการเกิด
  • 19:19 - 19:23
    ดอกไม้แห่งการตระหนักรู้ได้สร้างบางสิ่งใหม่
  • 19:23 - 19:25
    สร้างสิ่งที่คุณอาจเรียกว่า
  • 19:25 - 19:28
    ตรีเอกภาวะอมตะ
  • 19:29 - 19:31
    พระเจ้าพระบิดา
  • 19:31 - 19:34
    ตัวตนสูงสุดอัน ไม่อาจรู้ได้ และไร้การเปลี่ยนแปลง
  • 19:34 - 19:38
    ได้ถูกหลอมรวมเข้ากับพระมารดาศักดิ์สิทธิ์
  • 19:38 - 19:41
    อันเป็นทุกสรรพสิ่งที่ล้วนแปรเปลี่ยน
  • 19:41 - 19:46
    การหลอมรวมนี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับธรรมธาตุ
  • 19:46 - 19:49
    เป็นทั้งการดับสูญและการกำเนิดใหม่
  • 19:52 - 19:55
    ในคัมภีร์พระเวท การหลอมรวมอันศักดิ์สิทธิ์นี้
  • 19:55 - 19:58
    ได้ถูกถ่ายทอดเป็น สองพลังรากฐาน
  • 19:58 - 20:01
    ศิวะ และ ศักติ
  • 20:02 - 20:05
    ชื่อและโฉมหน้าของพระเจ้า
  • 20:05 - 20:07
    ล้วนเปลี่ยนไปตามประวัติศาสตร์
  • 20:07 - 20:12
    แต่คุณลักษณะพื้นฐานนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
  • 20:12 - 20:14
    สิ่งที่เกิดจากการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวนี้
  • 20:14 - 20:17
    คือ จิตสำนึกใหม่อันศักดิสิทธิ์
  • 20:17 - 20:21
    เป็นวิถีใหม่แห่งการดำรงชีวิตในโลก
  • 20:25 - 20:28
    พลังงานสากลที่ปราศจากใจกลาง
  • 20:28 - 20:31
    และไร้ข้อจำกัดใดๆ
  • 20:31 - 20:34
    เป็นความรักที่บริสุทธิ์
  • 20:34 - 20:36
    ไม่มีการได้มา หรือสูญเสียไป
  • 20:36 - 20:39
    เพราะมันช่างว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
  • 20:39 - 20:43
    แต่ทว่า เต็มบริบูรณ์อย่างแท้จริง
  • 20:51 - 20:56
    ไม่ว่าจะเป็น สำนักรหัสยิกของเมโสโปเตเมีย
  • 20:56 - 21:00
    อารยธรรมทางจิตวิญญาณของบาบิโลนและอัสสิเรีย
  • 21:01 - 21:03
    ศาสนาของชาวอียิปต์โบราณ
  • 21:03 - 21:04
    นิวเบียน และเคมเมติค
  • 21:04 - 21:07
    วัฒนธรรมโบราณของแอฟริกา
  • 21:07 - 21:10
    พ่อมดหมอผี และชนพื้นเมืองทั่วโลก
  • 21:10 - 21:14
    นิกายรหัสยิกแห่งกรีกโบราณ
  • 21:14 - 21:15
    ไญยนิยม
  • 21:16 - 21:18
    ผู้ข้ามพ้นทวิภาวะ
  • 21:18 - 21:20
    ชาวพุทธ
  • 21:21 - 21:23
    ลิทธิเต๋า
  • 21:24 - 21:25
    ยิว
  • 21:25 - 21:27
    ลัทธิบูชาไฟ (Zoroastrians)
  • 21:27 - 21:28
    เชน
  • 21:29 - 21:30
    มุสลิม
  • 21:31 - 21:32
    หรือ คริสเตียน
  • 21:33 - 21:35
    เราจะพบความเป็นหนึ่งเดียวกัน
  • 21:35 - 21:38
    ในการตระหนักรู้สูงสุดทางจิตวิญญาณ
  • 21:38 - 21:40
    อันเป็นเส้นทางเดียวกัน
  • 21:40 - 21:43
    เพื่อการเข้าถึงสมาธิที่แท้จริง
  • 21:46 - 21:48
    แท้จริงแล้วคำว่า สมาธิ
  • 21:48 - 21:49
    หมายถึง
  • 21:49 - 21:51
    การตระหนักรู้ถึงความเหมือน
  • 21:51 - 21:54
    หรือ ความเป็นหนึ่งเดียวในทุกสิ่ง
  • 21:55 - 21:58
    ซึ่งหมายถึงการหลอมรวม
  • 21:58 - 22:03
    การเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวของตัวตนของคุณ
  • 22:04 - 22:06
    แต่อย่าเข้าใจผิดว่า
  • 22:06 - 22:08
    การมีความรู้ทางสติปัญญา
  • 22:08 - 22:11
    จะทำให้เกิดการตระหนักรู้ในสมาธิ
  • 22:12 - 22:15
    มันคือความเงียบสงบ ความว่างเปล่าของคุณ
  • 22:15 - 22:21
    ที่หลอมรวมทุกระดับของพลวัตรแห่งชีวิต
  • 22:55 - 22:58
    โดยผ่านคำสอนโบราณเกี่ยวกับสมาธิ
  • 22:59 - 23:02
    มนุษยชาติสามารถเริ่มเข้าใจถึงที่มาเดียวกัน
  • 23:02 - 23:06
    ของทุกศาสนา และสามารถผสานรวมกันอีกครั้ง
  • 23:06 - 23:08
    ไปกับเกลียวพลวัตรของชีวิต
  • 23:08 - 23:13
    พระวิญญาณ ธรรมะ หรือเต๋า
  • 23:14 - 23:17
    เกลียวพลวัตรนี้ คือ สะพานที่ทอดตัวยาว
  • 23:17 - 23:21
    จากจักรวาลภายใน ไปสู่จักรวาลภายนอก
  • 23:24 - 23:25
    จากดีเอ็นเอของคุณ
  • 23:25 - 23:31
    สู่ใจกลางของพลังงาน ซึ่งแผ่ขยายผ่านจักระต่างๆ
  • 23:31 - 23:36
    ไปยังเกลียวแขนของกาแลคซี่
  • 23:36 - 23:38
    ทุกระดับของจิตวิญญาณ
  • 23:38 - 23:40
    ถูกสำแดงผ่านเกลียวพลวัตร
  • 23:40 - 23:43
    เหมือนกิ่งก้านแห่งวิวัฒนาการ
  • 23:43 - 23:46
    มีชีวิต สำรวจ
  • 23:48 - 23:51
    สมาธิ คือการตระหนักรู้ถึงความว่างเปล่า
  • 23:51 - 23:54
    ในทุกระดับของตัวตน
  • 23:54 - 23:58
    เปลือกชั้นต่างๆ ของจิตวิญญาณ
  • 23:58 - 24:02
    เกลียวพลวัตร คือการสืบต่ออย่างไร้จุดจบของทวิภาวะ
  • 24:02 - 24:06
    และ วัฏจักรของชีวิตและความตาย
  • 24:09 - 24:14
    ในขณะที่เราหลงลืม ถึงการเชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิด
  • 24:21 - 24:25
    เลนส์ที่เรามองผ่านชีวิตเรานั้น มีขนาดเล็กมาก
  • 24:25 - 24:29
    และคิดว่าเราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ
  • 24:29 - 24:31
    ที่คืบคลานไปบนโลก
  • 24:31 - 24:34
    จนกว่าเราจะบรรลุการเดินทาง
  • 24:34 - 24:37
    หวนคืนสู่แหล่งกำเนิด
  • 24:38 - 24:43
    สู่ ใจกลาง อันดำรงอยู่ ณ ทุกแห่งหน
  • 24:48 - 24:51
    จวงจื่อ กล่าวว่า
  • 24:51 - 24:55
    "เมื่อไร้การแบ่งแยก ระหว่าง สิ่งนี้ และ สิ่งนั้น
  • 24:55 - 24:59
    นั่นคือ ภาวะสงบนิ่งแห่งเต๋า
  • 24:59 - 25:03
    ณ จุดนิ่งแห่งใจกลางของเกลียวพลวัตร
  • 25:03 - 25:10
    เราจักเห็นความเป็นอนันต์ ในสรรพสิ่งทั้งหมดได้ "
  • 25:14 - 25:19
    ในมนตราโบราณ "โอม มณี ปัทเม ฮุม"
  • 25:19 - 25:21
    มีความหมายทางกวี
  • 25:22 - 25:27
    เมื่อผู้ตื่นรู้ ตระหนักรู้ถึงมณีภายในดอกบัว
  • 25:28 - 25:32
    ธรรมชาติแท้ของเธอได้ตื่นขึ้นในจิตวิญญาณ
  • 25:32 - 25:37
    ในโลกนี้ และเป็นอย่างที่โลกเป็น
  • 25:50 - 25:53
    จากปรัชญาเฮอร์เมติค ที่กล่าวว่า
  • 25:53 - 25:55
    "เบื้องล่าง เป็นเช่น เบื้องบน
  • 25:55 - 25:57
    เบื้องบน เป็นเช่น เบื้องล่าง"
  • 25:57 - 26:00
    เราอาจใช้อุปมาดังกล่าว เพื่อทำเข้าใจ
  • 26:00 - 26:04
    ความสัมพันธ์ระหว่าง จิต และ ความสงบนิ่ง
  • 26:04 - 26:08
    สัมพัทธภาพ และ ความจริงแท้
  • 26:13 - 26:16
    เพื่อทำเข้าใจนอกกรอบความคิดเกี่ยวกับ
  • 26:16 - 26:18
    การเข้าถึงธรรมชาติของสมาธิ
  • 26:18 - 26:22
    คือใช้การอุปมาของหลุมดำ
  • 26:25 - 26:30
    โดยทั่วไปแล้ว หลุมดำ แสดงถึงอาณาเขตของอวกาศ
  • 26:30 - 26:33
    ของสนามพลังแรงโน้มถ่วงที่มีพลังสูงมาก
  • 26:33 - 26:36
    จนแสงหรือวัตถุใดๆ ไม่อาจหลุดรอดไปได้
  • 26:36 - 26:38
    ทฤษฏีใหม่บนสมมุติฐานว่า
  • 26:38 - 26:42
    วัตถุทั้งหมด ตั้งแต่จุลอนุภาคที่เล็กที่สุด
  • 26:42 - 26:46
    ถึง การก่อตัวอย่างมหึมาของจักรวาล
  • 26:46 - 26:48
    ล้วนมีหลุมดำ
  • 26:48 - 26:51
    หรือ ภาวะเอกฐานอันลึกลับอยู่ ณ ใจกลาง
  • 26:52 - 26:54
    ในการอุปมานี้
  • 26:54 - 26:57
    เราจะให้นิยามใหม่ของหลุมดำ
  • 26:57 - 27:02
    เป็นศูนย์กลางที่ดำรงอยู่ ณ ทุกหนแห่ง
  • 27:07 - 27:08
    ในทางเซน
  • 27:08 - 27:11
    มีหลายบทกวีและปริศนาธรรม
  • 27:11 - 27:13
    ที่นำพาเราไปเผชิญหน้ากับ
  • 27:13 - 27:16
    ประตูที่ไร้ประตู
  • 27:16 - 27:19
    เราต้องผ่าน ประตูที่ไร้ประตูนี้
  • 27:19 - 27:22
    เพื่อเข้าถึงสมาธิ
  • 27:24 - 27:28
    ณ ขอบฟ้าเหตุการณ์ เป็นพื้นที่ของเวลาและอวกาศ
  • 27:28 - 27:31
    ที่ซึ่งปรากฏการณ์ต่างๆ ไม่อาจส่งออกมา
  • 27:31 - 27:33
    ถึงผู้สังเกตการณ์ภายนอกได้
  • 27:33 - 27:35
    นั่นหมายความว่า อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น
  • 27:35 - 27:38
    เหนือขอบฟ้าเหตุการณ์
  • 27:38 - 27:41
    จะเป็นสิ่งที่คุณไม่อาจรับรู้ได้
  • 27:41 - 27:42
    คุณอาจกล่าวได้ว่า
  • 27:42 - 27:44
    ขอบฟ้าเหตุการณ์ของหลุมดำ
  • 27:44 - 27:48
    คืออุปมาถึง ประตูที่ไร้ประตู
  • 27:48 - 27:50
    มันเป็นธรณีประตูระหว่าง
  • 27:50 - 27:53
    การมีตัวตน และ ไม่มีตัวตน
  • 27:53 - 27:58
    มันไม่มี "ตัวฉัน" ที่ผ่านเส้นขอบฟ้าเหตุการณ์ไปได้
  • 28:01 - 28:06
    ในใจกลางของหลุมดำ คือ มิติของภาวะเอกฐาน
  • 28:06 - 28:09
    ที่บรรจุไว้ด้วยมวลของดวงอาทิตย์นับพันล้านดวง
  • 28:09 - 28:13
    ในพื้นที่สุดแสนเล็กอันไม่อาจจินตนาการได้
  • 28:13 - 28:15
    ทว่า มีค่ามวลที่เป็นอนันต์
  • 28:15 - 28:18
    คือ เป็นทั้งเอกภพ
  • 28:18 - 28:22
    ที่บรรจุอยู่ในบางสิ่งที่เล็กกว่าเม็ดทราย
  • 28:23 - 28:29
    ภาวะเอกฐาน คือ บางสิ่งที่ล้ำลึกเหนือเวลาและพื้นที่
  • 28:29 - 28:31
    ซึ่ง ตามทฤษฎีทางฟิสิกส์แล้ว
  • 28:31 - 28:34
    การเคลื่อนไหวเป็นไปไม่ได้
  • 28:34 - 28:37
    การมีอยู่ของสรรพสิ่งก็เป็นไปไม่ได้
  • 28:38 - 28:40
    ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม
  • 28:40 - 28:43
    มันไม่ได้เป็นสิ่งที่อยู่ในโลกของการรับรู้
  • 28:43 - 28:47
    แต่กระนั้น ก็ไม่อาจบอกว่า มันเป็นความสงบนิ่งเงียบ
  • 28:47 - 28:51
    มันอยู่เหนือ ความสงบนิ่ง และ เคลื่อนไหว
  • 28:52 - 28:54
    เมื่อเธอตระหนักรู้ ณ ใจกลาง
  • 28:54 - 28:56
    ว่ามันคือ ทุกที่และไม่ใช่สักที่
  • 28:56 - 28:59
    ทวิภาวะก็สิ้นสุดลง
  • 29:00 - 29:02
    ทั้ง รูป และ ความว่าง
  • 29:02 - 29:05
    กาลเวลา และ ไร้กาลเวลา
  • 29:06 - 29:10
    บางคนอาจเรียกว่า เป็นเคลื่อนไหวที่สงบนิ่ง
  • 29:10 - 29:12
    หรือ ตถาคตครรภ์แห่งความว่าง
  • 29:12 - 29:17
    ณ ศูนย์กลางของที่สุดแห่งความมืดมิด
  • 29:19 - 29:22
    คุรุแห่งเต๋า ท่านเล่าจื๊อกล่าวไว้ว่า
  • 29:22 - 29:25
    "ความมืดในความมืดมิด
  • 29:25 - 29:29
    คือ ประตูสู่ความเข้าใจทั้งปวง "
  • 29:39 - 29:42
    นักเขียนและนักปรัชญาเปรียบเทียบ
  • 29:42 - 29:44
    โจเซฟ แคมป์เบล
  • 29:44 - 29:47
    ได้อธิบายถึงสัญลักษณ์ที่ปรากฏซ้ำๆ
  • 29:47 - 29:50
    ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ปรัชญาอมตะ
  • 29:50 - 29:53
    เขาเรียกว่า the Axis Mundi
  • 29:53 - 29:56
    คือ จุดศูนย์กลาง หรือ ภูเขาที่สูงที่สุด
  • 29:56 - 30:00
    คือ แกนกลาง ที่สรรพสิ่งโคจรอยู่รอบ
  • 30:00 - 30:04
    ณ จุดที่ความสงบนิ่งและเคลื่อนไหวอยู่ร่วมกัน
  • 30:05 - 30:07
    ณ จุดศูนย์กลางนี้
  • 30:07 - 30:11
    ต้นไม้อันแข็งแกร่งและสมบูรณ์ได้ถูกตระหนักรู้
  • 30:11 - 30:16
    ดุจต้นศรีมหาโพธิ์ ที่เชื่อมต่อทุกๆ โลกทั้งหมด
  • 30:20 - 30:24
    เหมือนดวงอาทิตย์กำลังถูกกลืนหายไปในหลุมดำ
  • 30:24 - 30:27
    เมื่อคุณเข้าใกล้ความจริงที่ยิ่งใหญ่
  • 30:27 - 30:30
    ชีวิตคุณจะเริ่มโคจรรอบสิ่งนั้น
  • 30:30 - 30:35
    และตัวตนคุณ...จะเริ่มสลายไป
  • 30:39 - 30:42
    ในขณะที่คุณเคลื่อนเข้าใกล้จิตเดิมแท้
  • 30:42 - 30:46
    มันอาจน่ากลัว สำหรับตัวตนที่ถูกสร้างขึ้น
  • 30:46 - 30:52
    ผู้พิทักษ์ประตูอยู่ที่นั่น เพื่อทดสอบผู้ที่เดินทางมาถึง
  • 30:54 - 30:58
    จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งคุณกลัวที่สุด
  • 30:58 - 31:03
    ขณะเดียวกัน จงน้อมรับในพลังภายในตน
  • 31:03 - 31:07
    เพื่อส่องแสงไปยังความน่ากลัวของความไม่รู้
  • 31:07 - 31:11
    และ ความงามที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
  • 31:13 - 31:16
    ถ้าความคิดของคุณหยุดเคลื่อนไหว
  • 31:16 - 31:19
    ไร้ซึ่งตัวตนผู้คอยตอบสนอง
  • 31:20 - 31:23
    ปรากฏการณ์ทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นจากจิตไร้สำนึก
  • 31:23 - 31:25
    จะเพียงปรากฏขึ้นและผ่านไป
  • 31:26 - 31:29
    นี่เป็นจุดสำคัญในการเดินทางจิตวิญญาณ
  • 31:29 - 31:31
    ที่ซึ่ง ศรัทธา เป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุด
  • 31:33 - 31:35
    ศรัทธาในที่นี้หมายถึงอะไร ?
  • 31:37 - 31:40
    ศรัทธา แตกต่างจาก ความเชื่อ
  • 31:40 - 31:44
    ความเชื่อ คือการยอมรับบางสิ่งในระดับของความคิด
  • 31:44 - 31:46
    เพื่อสร้างสบายใจและมั่นใจ
  • 31:48 - 31:51
    ความเชื่อเป็นวิธีทางความคิดเพื่อใช้แปะป้าย
  • 31:51 - 31:53
    หรือควบคุมประสบการณ์
  • 31:54 - 31:57
    ศรัทธาเป็นในทางตรงกันข้าม
  • 31:57 - 32:01
    ศรัทธา คือ การอยู่ในสภาวะที่แม้ไม่รู้อะไรเลย
  • 32:01 - 32:05
    แต่ยอมรับได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากจิตไร้สำนึก
  • 32:06 - 32:10
    ศรัทธายอมศิโรราบ ต่อการแรงดึงดูดของเอกภาวะ
  • 32:10 - 32:14
    สู่การสลายของอัตตา หรือถอดถอนตัวตน
  • 32:14 - 32:18
    เพื่อผ่าน "ประตูที่ไร้ประตู"
  • 32:29 - 32:33
    วิวัฒนาการและโครงสร้างของกาแลคซี่
  • 32:33 - 32:36
    มีส่วนสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับหลุมดำ
  • 32:36 - 32:41
    เช่นเดียวกับ วิวัฒนาการของคุณที่เชื่อมโยงกับตัวตนดั้งเดิม
  • 32:41 - 32:47
    คือ เอกภาวะซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของคุณ
  • 32:48 - 32:50
    เราไม่สามารถเห็นหลุมดำ
  • 32:50 - 32:52
    แต่เราสามารถรู้เกี่ยวกับมันได้
  • 32:52 - 32:55
    โดยสังเกตสิ่งที่โคจรกอยู่รอบๆ มัน
  • 32:55 - 33:00
    ในปฏิสัมพันธ์กับความเป็นจริงทางกายภาพ
  • 33:00 - 33:04
    เหมือนกับที่เราไม่สามารถเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของเรา
  • 33:04 - 33:08
    จิตเดิมแท้ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ
  • 33:08 - 33:12
    แต่เราเห็นถึงสภาวะแห่งการรู้แจ้งได้
  • 33:12 - 33:15
    ดังอาจารย์เซน ซูซูกิ ได้กล่าวไว้
  • 33:15 - 33:18
    "แท้จริงแล้ว ไม่มีตัวตนผู้รู้แจ้ง
  • 33:20 - 33:23
    มีเพียงสภาวะแห่งการรู้แจ้งเท่านั้น"
  • 33:27 - 33:29
    เราไม่อาจมองเห็นม้นได้
  • 33:29 - 33:32
    เหมือนกับดวงตาที่ไม่อาจมองเห็นตัวมันเองได้
  • 33:32 - 33:34
    เราไม่สามารถมองเห็นได้
  • 33:34 - 33:37
    เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้การมองเห็นเป็นไปได้
  • 33:38 - 33:43
    เช่นเดียวกับหลุมดำ สมาธิ ไม่ใช่ความไม่มีอะไร
  • 33:43 - 33:45
    และก็ไม่ได้เป็นสิ่งใด
  • 33:46 - 33:49
    มันเป็นสิ้นสลายของทวิภาวะ
  • 33:49 - 33:52
    ทั้ง ความมี และ ความไม่มี
  • 33:53 - 33:57
    มันไม่มีประตูเพื่อผ่านเข้าสู่ความจริงที่ยิ่งใหญ่
  • 33:57 - 34:00
    แต่มีเส้นทางที่ไร้ที่สิ้นสุด
  • 34:01 - 34:05
    เส้นทาง ธรรมะ ที่เหมือนเกลียวพลวัตรที่ไร้จุดจบ
  • 34:06 - 34:09
    ที่ไม่มีทั้งจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด
  • 34:09 - 34:12
    ไม่มีผู้ใดสามารถผ่านประตูที่ไร้ประตู
  • 34:12 - 34:15
    ไม่มีความคิดของผู้ใดที่จะหาวิธีได้
  • 34:15 - 34:17
    และไม่มีทางเป็นไปได้
  • 34:18 - 34:22
    ไม่มีผู้ใดสามารถผ่านประตูที่ไร้ประตูได้
  • 34:22 - 34:27
    ดังนั้น จง ไม่ เป็น ผู้ใด
  • 34:30 - 34:33
    . . . อ นั ต ต า . . .
  • 34:34 - 34:36
    . . . ค ว า ม ว่ า ง . . .
  • 34:37 - 34:40
    . . . สุ ญ ญ ต า . . .
  • 34:41 - 34:44
    . . . ห นึ่ ง เ ดี ย ว กั น . . .
  • 34:44 - 34:48
    สมาธิ เป็นเส้นทางที่ไร้เส้นทาง
  • 34:48 - 34:50
    เป็นกุญแจสำคัญ
  • 34:50 - 34:55
    เป็นการสิ้นสุดการยึดมั่นในตัวตนที่สร้างขึ้น
  • 34:55 - 35:00
    ที่แบ่งแยกโลกภายในและโลกภายนอก
  • 35:15 - 35:19
    มีคำอธิบายหลายรูปเพื่อแสดงถึง
  • 35:19 - 35:23
    เปลือกหรือชั้นโครงสร้างของอัตตา
  • 35:23 - 35:27
    ยกตัวอย่างอันหนึ่งที่เก่าแก่มาก
  • 35:28 - 35:32
    ในคัมภีร์อุปนิษัท กล่าวถึงเปลือกที่ครอบอัตมัน
  • 35:32 - 35:36
    หรือจิตวิญญาณไว้ เรียกว่า โคชะ (koshas)
  • 35:36 - 35:39
    แต่ละโคชะเปรียบเหมือนกระจก
  • 35:39 - 35:42
    เป็นชั้นของโครงสร้างอัตตา
  • 35:42 - 35:46
    เหมือนผ้าคลุมมายาที่บดบังเราไว้
  • 35:46 - 35:48
    จากการตระหนักรู้ในธรรมชาติแท้ของเรา
  • 35:48 - 35:52
    เมื่อเราเผลอหลงยึดมั่นกับมัน
  • 35:52 - 35:55
    คนส่วนใหญ่เห็นเพียงภาพสะท้อน
  • 35:55 - 35:58
    และเชื่อว่านั่นคือใครที่เขาเป็น
  • 35:59 - 36:02
    กระจกหนึ่งสะท้อนถึงชั้นของสัตว์
  • 36:02 - 36:05
    คือ กายภาพทางร่างกาย
  • 36:06 - 36:08
    กระจกอีกอันสะท้อนถึง จิต ความคิด
  • 36:08 - 36:13
    สัญชาตญาณ และการรับรู้ของคุณ
  • 36:14 - 36:16
    อีกหนึ่ง คือ พลังงานภายในหรือปราณ
  • 36:16 - 36:20
    ซึ่งคุณรู้สึกได้ เมื่อหันกลับมารับรู้ภายใน
  • 36:20 - 36:24
    อีกกระจกนึง สะท้อนถึงระดับของปัญญา
  • 36:24 - 36:28
    เป็นจิตที่สูงขึ้น หรือระดับของปัญญาญาณ
  • 36:28 - 36:32
    และยังมีระดับที่ก้าวข้ามตัวตน หรือปิติสุขเหนือทวิภาวะ
  • 36:32 - 36:37
    ซึ่งสามารถสัมผัสได้เมื่อเข้าสู่สมาธิ
  • 36:38 - 36:42
    ยังมีกระจกอีกนับไม่ถ้วน หลายแง่มุมของตัวตน
  • 36:42 - 36:47
    ทำให้คนเราแตกต่าง และเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
  • 36:51 - 36:54
    คนส่วนใหญ่ยังไม่ค้นพบแม้ในชั้นพลังปราณ
  • 36:54 - 36:58
    ชั้นของจิตที่สูงกว่า และชั้นปิติสุขเหนือทวิภาวะ
  • 36:58 - 37:02
    พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันมีอยู่จริง
  • 37:02 - 37:05
    ระดับชั้นเหล่านี้ก่อร่างเป็นชีวิตของคุณ
  • 37:05 - 37:07
    แต่คุณยังมองไม่เห็นมัน
  • 37:08 - 37:11
    ที่จริงแล้ว กระจกที่ซ่อนอยู่เหล่านี้
  • 37:11 - 37:14
    บ่งบอกชีวิตเราได้มากกว่าสิ่งที่ตามองเห็น
  • 37:15 - 37:18
    ที่มองไม่เห็น ก็เพราะคนส่วนใหญ่
  • 37:18 - 37:21
    ยังไม่สามารถมี "สติ-รู้สึกตัว" ได้เต็มที่
  • 37:24 - 37:26
    เฉกเช่น ตาข่ายแห่งพระอินทร์ (Indra's net of Jewels)
  • 37:26 - 37:29
    กระจกทั้งหมดสะท้อนถึงกันและกัน
  • 37:29 - 37:34
    มีการสะท้อนและเห็นถึงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
  • 37:35 - 37:37
    การเปลี่ยนแปลงในชั้นหนึ่ง
  • 37:37 - 37:41
    ย่อมส่งผลกระทบต่อทุกชั้นพร้อมๆ กัน
  • 37:43 - 37:47
    กระจกบางชั้น อาจถูกทอดทิ้งในเงามืด
  • 37:47 - 37:50
    เว้นว่าเราจะโชคดีมีผู้ช่วยชี้แนะให้เรา
  • 37:50 - 37:53
    ได้พบแสงสว่างและมองเห็นมัน
  • 37:54 - 37:58
    ความจริง คือ เราไม่รู้ ว่า เราไม่รู้อะไร
  • 37:59 - 38:00
    เอาล่ะ ลองจินตนาการว่า
  • 38:00 - 38:03
    คุณได้ทุบกระจกทั้งหมดให้แตก
  • 38:04 - 38:09
    มันไม่เหลืออะไรมาสะท้อน ให้คุณเห็นตัวคุณอีกต่อไป
  • 38:09 - 38:12
    แล้วคุณล่ะ...อยู่ที่ไหน?
  • 38:15 - 38:17
    เมื่อจิตใจสงบ
  • 38:17 - 38:20
    กระจกยุติการสะท้อน
  • 38:22 - 38:26
    ไม่มี "ผู้เห็น" และ "สิ่งที่ถูกเห็น" อีกต่อไป
  • 38:29 - 38:35
    อย่าเข้าใจผิดว่า จิตต้นกำเนิดเป็นความว่างที่ไม่มีอะไรเลย
  • 38:35 - 38:39
    ตัวตนดั้งเดิม ไม่ได้เป็นบางสิ่งก็จริง
  • 38:39 - 38:42
    แต่ก็ไม่ใช่ว่า ไม่มีอะไรเลย
  • 38:49 - 38:51
    แหล่งกำเนิด ไม่ใช่สิ่งใดๆ
  • 38:51 - 38:55
    มันคือความว่าง หรือ ความสงบนิ่ง
  • 38:58 - 39:02
    มันคือ ความว่างอันเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง
  • 39:03 - 39:05
    สรรพสิ่ง ถูกตระหนักรู้ว่า
  • 39:05 - 39:07
    แท้จริงแล้วเป็น ความว่าง
  • 39:08 - 39:10
    ความว่าง ถูกตระหนักรู้ว่า
  • 39:10 - 39:12
    แท้จริงแล้วเป็นเป็น สรรพสิ่ง
  • 39:15 - 39:19
    จิตต้นกำเนิดนี้ คือ มหาสุญญตา
  • 39:19 - 39:24
    ตถาคตครรภ์ที่ให้กำเนิดทุกความเป็นไปได้
  • 39:41 - 39:46
    สมาธิ คือ การตื่นรู้ขึ้นของจิตที่ไร้ตัวตน
  • 39:47 - 39:49
    เหมือนในความฝัน
  • 39:49 - 39:52
    เมื่อตื่นขึ้นมา คุณย่อมตระหนักรู้ว่า
  • 39:52 - 39:54
    ทุกสิ่งในฝัน
  • 39:54 - 39:56
    เป็นเพียงความคิดของคุณเท่านั้น
  • 39:56 - 39:59
    ในสมาธิ เธอได้ตระหนักรู้ว่า
  • 39:59 - 40:01
    ทุกๆ สิ่งในโลกล้วนเกิดขึ้น
  • 40:01 - 40:06
    ในระดับของระดับพลังงานต่างๆ ในจิตรับรู้
  • 40:07 - 40:10
    ทั้งหมดล้วนเป็นกระจกในกระจก
  • 40:10 - 40:12
    เป็นความฝันในความฝัน
  • 40:13 - 40:15
    ตัวตน ที่คุณคิดมาตลอดว่า คุณเป็น
  • 40:15 - 40:20
    จึงเป็นทั้ง ความฝัน และ ผู้หลับฝัน
  • 40:34 - 40:37
    ทุกสิ่งที่เราพูดในภาพยนตร์นี้
  • 40:37 - 40:39
    ฟังแล้วก็ปล่อยมันไป
  • 40:39 - 40:42
    อย่าจับมันด้วยความคิด
  • 40:43 - 40:46
    จิตวิญญาณกำลังหลับฝัน
  • 40:46 - 40:49
    ความฝัน ที่ฝันถึง ความเป็นตัวคุณ
  • 40:50 - 40:54
    ในฝัน ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลง
  • 40:54 - 40:59
    แต่มันเป็นไปได้ ที่จะตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ไร้การเปลี่ยนแปลง
  • 41:08 - 41:15
    การตระหนักรู้นี้ ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยความคิดอันจำกัด
  • 41:23 - 41:26
    เมื่อเรากลับจากสมาธิ Nirvikalpa
  • 41:26 - 41:30
    กระจกก็เริ่มสะท้อนให้เห็นอีกครั้ง
  • 41:30 - 41:32
    และตระหนักรู้แล้วว่า
  • 41:32 - 41:34
    โลกที่คุณคิดว่าคุณกำลังอาศัยอยู่
  • 41:34 - 41:37
    แท้จริงแล้วคือ "ตัวคุณ"
  • 41:37 - 41:43
    ไม่ใช่ตัวตนอันจำกัด ซึ่งเป็นแค่การสะท้อนกันชั่วคราว
  • 41:43 - 41:47
    แต่คุณตระหนักรู้ว่าธรรมชาติแท้ภายในคุณ
  • 41:47 - 41:51
    แหล่งกำเนิดของความเป็นทั้งหมด
  • 41:51 - 41:55
    นี้คือรุ่งอรุณแห่งปัญญา
  • 41:55 - 41:56
    เป็นตัวอ่อน
  • 41:56 - 41:59
    เป็นปัญญา "prajna" หรือ "gnosis"
  • 41:59 - 42:03
    เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากสมาธิที่แท้
  • 42:03 - 42:06
    จากวารสารของโยบ
  • 42:06 - 42:11
    Chokhma หรือปัญญานั้น มาจากความว่าง
  • 42:11 - 42:15
    ปัญญาซึ่งทั้งขนาดเล็กอย่างอนันต์
  • 42:15 - 42:18
    แต่สามารถโอบอุ้มความเป็นทั้งหมดไว้
  • 42:18 - 42:21
    แต่เป็นสิ่งไม่อาจที่เข้าใจได้
  • 42:21 - 42:25
    จนกว่ารูปทรงและรูปลักษณ์จากพระราชวังแห่งกระจก
  • 42:25 - 42:27
    ที่เรียกว่า "ไบนะห์" (binah)
  • 42:27 - 42:30
    ครรภ์กำเนิดจากการแกะสลักโดยปัญญาชั้นสูง
  • 42:30 - 42:33
    เพื่อก่อเกิดเป็นรูปลักษณ์ของตัวอ่อน
  • 42:33 - 42:36
    ของจิตวิญญาณแห่งพระเจ้า
  • 42:37 - 42:43
    [เพลง] "Abwoon d'bashmaya" by Indiajiva
  • 43:08 - 43:10
    การมีอยู่ของกระจก
  • 43:10 - 43:14
    หรือการมีอยู่ของจิตนั้น ไม่ใช่ปัญหา
  • 43:14 - 43:16
    ตรงกันข้าม
  • 43:16 - 43:20
    จุดผิดพลาดในการรับรู้ของมนุษย์
  • 43:21 - 43:25
    คือเราไปยึดมั่นว่า ตัวเราคือสิ่งเหล่านั้น
  • 43:26 - 43:31
    ภาพลวงตาที่จำกัดตัวตนของเราไว้ คือ มายา
  • 43:32 - 43:34
    ในโยคะสูตร กล่าวไว้ว่า
  • 43:34 - 43:38
    การเข้าถึงสมาธิ จะต้องเฝ้าดู "สิ่งที่ถูกรู้"
  • 43:38 - 43:42
    จนกว่า "สิ่งที่ถูกรู้" หายไป
  • 43:43 - 43:46
    จนกว่าคุณได้หายไปในมัน
  • 43:46 - 43:48
    หรือ มันได้หายไปในคุณ
  • 43:49 - 43:54
    แม้ภาษาในปรัชญาความเชื่อต่าง ๆ นั้นแตกต่างกัน
  • 43:54 - 44:00
    ที่สุดแล้ว ทั้งหมดล้วนชี้ไปยังจุดจบของการยึดมั่นในตัวตน
  • 44:00 - 44:02
    และการยึดตัวตนเป็นศูนย์กลาง
  • 44:03 - 44:07
    พระพุทธเจ้าทรงสอนผ่านวิธีการตัดทอน
  • 44:07 - 44:12
    ทรงสอนให้พิจารณาตรงไปที่การทำงานของตัวตน
  • 44:12 - 44:15
    ท่านไม่ได้บอกว่าสมาธิคืออะไร
  • 44:15 - 44:19
    นอกจากว่ามันเป็นการดับทุกข์
  • 44:20 - 44:22
    ในสายเวทานตะ
  • 44:22 - 44:24
    มีคำว่า "Neti Neti"
  • 44:25 - 44:28
    หมายถึง "ไม่ใช่สิ่งนี้ และไม่ใช่สิ่งนั้น"
  • 44:29 - 44:32
    ผู้คนที่อยู่บนทางแห่งการตระหนักรู้ตนเอง
  • 44:32 - 44:34
    ได้สำรวจถึงธรรมชาติแท้จริงในตน
  • 44:34 - 44:36
    หรือ ธรรมชาติของพรหมมัน
  • 44:36 - 44:41
    ผ่านการค้นพบแรกสุด ก็คือ สิ่งที่พวกเขาไม่ได้เป็น
  • 44:43 - 44:46
    เช่นกันในศาสนาคริสต์
  • 44:46 - 44:50
    เซนต์เทเรซาแห่งอวิลา ได้อธิบายการภาวนา
  • 44:50 - 44:54
    โดยการตัดหรือละออก หรือ (via negativa)
  • 44:54 - 44:56
    การภาวนาในความเงียบ
  • 44:56 - 44:58
    ศิโรราบ และ หลอมรวม
  • 44:58 - 45:03
    อันเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าถึงสัจจะแท้
  • 45:04 - 45:07
    เมื่อผ่านกระบวนการค่อยๆ สละวาง
  • 45:07 - 45:11
    ทิ้งทุกๆ สิ่งที่ไม่แน่นอน
  • 45:11 - 45:14
    ทิ้งทุกๆ สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
  • 45:15 - 45:16
    จิตใจ
  • 45:16 - 45:18
    อัตตาที่สร้างขึ้น
  • 45:18 - 45:20
    และปรากฏการณ์ทั้งหมด
  • 45:20 - 45:23
    รวมทั้งเปลือกของตัวตนที่ซ่อนอยู่
  • 45:23 - 45:26
    จิตไร้สำนึก จำต้องกลายเป็นโปร่งใส
  • 45:26 - 45:30
    เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงแหล่งกำเนิดที่เป็นหนึ่งเดียว
  • 45:30 - 45:36
    หากในส่วนลึก ยังมีการทำงานของตัวตนที่ยังไม่ถูกรับรู้
  • 45:36 - 45:39
    ชีวิตเราก็ยังถูกกักขังในเขาวงกต
  • 45:39 - 45:44
    ที่เกิดมาจากตัวตนที่ยังไม่ถูกค้นพบ
  • 45:49 - 45:53
    เมื่อทุกเปลือกชั้นของตัวตน ถูกเผยให้เห็นเป็นความว่าง
  • 45:53 - 45:56
    เขาผู้นั้นจะเป็นอิสระจากตัวตน
  • 45:56 - 46:00
    อิสระจากความคิดทั้งหมด
  • 46:06 - 46:08
    จุดเปลี่ยนสำคัญทางจิตวิญญาณของคุณ
  • 46:08 - 46:11
    เกิดขึ้นเมื่อคุณตระหนักรู้ว่า
  • 46:11 - 46:13
    "คุณไม่รู้ว่าคุณคือใคร ?"
  • 46:15 - 46:19
    ใคร...ที่กำลังรู้การหายใจ
  • 46:19 - 46:21
    ใคร...ที่กำลังรู้รส
  • 46:22 - 46:25
    ใคร...ที่กำลังสวดมนต์
  • 46:25 - 46:26
    ประกอบพิธีกรรม
  • 46:27 - 46:29
    เต้นรำ
  • 46:32 - 46:34
    ร้บรู้ภูเขา
  • 46:34 - 46:36
    " เห็น ... ผู้เห็น "
  • 46:36 - 46:40
    " รู้ ... ผู้รู้ "
  • 46:41 - 46:43
    ครั้งแรกเมื่อ คุณ "เห็น-ผู้เห็น"
  • 46:43 - 46:47
    คุณจะเห็นเพียงตัวตนปลอมที่ถูกสร้างขึ้น
  • 46:47 - 46:52
    แต่เมื่อคุณหมั่นเห็นบ่อยๆ มันจะกลายเป็นเส้นทาง
  • 46:55 - 47:00
    จงสำรวจโดยตรงว่า ใคร หรือ สิ่งใด...เป็นผู้รู้
  • 47:00 - 47:02
    ไม่กระพริบตา
  • 47:02 - 47:04
    แน่วแน่
  • 47:04 - 47:06
    และทะลุทะลวง
  • 47:07 - 47:11
    ด้วยพลังทั้งหมดของการดำรงอยู่ของคุณ
  • 47:11 - 47:15
    คเต คเต
    " จงไป จงไป "
  • 47:15 - 47:19
    ปาระ คเต
    " จงไปเถิด "
  • 47:19 - 47:23
    ปาราสัง คเต
    " จงไปให้ถึง "
  • 47:23 - 47:32
    โพธิ สวาหา
    " อันฝั่งฝาก แห่ง การตื่นรู้ นั้น...เทอญ " "
  • 47:48 - 47:51
    มันไม่มี ตัวตน..ที่ตื่นรู้
  • 47:52 - 47:56
    มันไม่มี ตัวคุณ...ที่ตื่นรู้
  • 47:57 - 48:02
    มันคือการตื่นจากภาพมายา ของตัวตนอันแบ่งแยก
  • 48:02 - 48:06
    ตื่นจากความฝันที่จำกัดคุณไว้
  • 48:06 - 48:09
    ซึ่งหากพูดไปก็ไร้ความหมาย
  • 48:09 - 48:12
    เราต้องละวางตัวตน
  • 48:13 - 48:16
    เพื่อการตระหนักรู้ ตรงสู่ความจริงที่เป็น
  • 48:16 - 48:22
    เมื่อตระหนักรู้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้พูดให้กล่าวถึง
  • 48:22 - 48:25
    เพราะทันทีที่คุณพูด
  • 48:25 - 48:28
    คุณก็กลับมาใช้ความคิด
  • 48:28 - 48:32
    กระทั่งผมเอง ก็ได้กล่าวมากไปเสียแล้ว
  • 48:41 - 48:44
    ปกติแล้ว มีจิตสำนึกรู้ 3 ระดับ
  • 48:44 - 48:45
    ตื่น
  • 48:45 - 48:46
    ฝัน
  • 48:46 - 48:48
    และ หลับลึก
  • 48:48 - 48:52
    บางครั้ง สมาธิ ถูกจัดเป็นระดับที่ 4
  • 48:52 - 48:55
    เป็นฐานแห่งจิตรับรู้
  • 48:55 - 48:58
    คือจิตตื่นรู้ดั้งเดิม
  • 48:58 - 49:02
    ที่สามารถเป็นจิตรู้ในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
  • 49:02 - 49:05
    ควบคู่ไปกับจิตสำนึกในระดับอื่นๆ
  • 49:06 - 49:10
    ในสายเวทานตะ เรียกสิ่งนี้ว่า Turiya
  • 49:12 - 49:14
    นิยามอื่นของ Turiya
  • 49:14 - 49:16
    คือ จิตแห่งพระคริสต์
  • 49:16 - 49:18
    จิตแห่งพระกฤษณะ
  • 49:18 - 49:23
    ธรรมชาติแห่งพุทธะ หรือ สหจะสมาธิ
  • 49:23 - 49:28
    ใน สหจะสมาธิ จิตดั่งเดิมสามารดำรงอยู่ในปัจจุบัน
  • 49:28 - 49:33
    พร้อมไปกับการทำงานตามปกติของมนุษย์
  • 49:33 - 49:35
    คือ ความสงบอันไม่เคลื่อนไหว
  • 49:35 - 49:39
    ณ ใจกลางของพลวัตรแห่งการเปลี่ยนแปลง
  • 49:39 - 49:41
    ความคิด ความรู้สึก
  • 49:41 - 49:43
    การรับรู้ และ พลังงาน
  • 49:43 - 49:46
    ปรากฏหมุนเวียน และโคจรอยู่รอบ
  • 49:46 - 49:50
    แต่ระดับของความสงบนิ่ง หรือ ความเป็นฉัน (I-am-ness)
  • 49:50 - 49:53
    ดำรงอยู่ท่ามกลางทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้น
  • 49:53 - 49:57
    เหมือนเช่นในการปฏิบัติสมาธิภาวนา
  • 49:58 - 50:05
    มันเป็นไปได้ที่ ตัวตนเดิมแท้นั้นยังดำรงอยู่ แม้ในภาวะหลับลึก
  • 50:05 - 50:09
    ในขณะที่นอนหลับลึก การตระหนักรู้ในความ "เป็น" (I am)
  • 50:09 - 50:11
    ไม่มีการมา ไม่มีการไป
  • 50:11 - 50:15
    แม้ในการเปลี่ยนระดับของจิตรับรู้
  • 50:21 - 50:24
    นี่คือ การนอนหลับของโยคี
  • 50:25 - 50:30
    ในบทเพลงแห่งเพลง หรือบทเพลงแห่งโซโลมอน
  • 50:30 - 50:33
    จากคัมภีร์ฮีบรู ฉบับพันธะสัญญาเดิมกล่าวว่า
  • 50:33 - 50:37
    "ข้านอนหลับ แต่ใจข้าตื่นอยู่"
  • 50:37 - 50:42
    การตระหนักรู้ เข้าถึงจิตที่ไร้ตัวตนนี้
  • 50:42 - 50:47
    ถูกสะท้อนในถ้อยคำของพระคริสต์เมื่อตรัสว่า
  • 50:47 - 50:50
    "แม้ก่อนอับราฮัมเกิด
  • 50:50 - 50:52
    ...เราดำรงอยู่"
  • 50:57 - 51:02
    จิตหนึ่งนี้เอง ที่ได้ส่องแสงผ่านใบหน้ามากมาย
  • 51:02 - 51:05
    ผ่านรูปลักษณ์นับไม่ถ้วน
  • 51:17 - 51:20
    ตอนแรก มันคล้ายเปลวไฟบางเบา
  • 51:20 - 51:23
    ที่ผุดจากกระแสสัมผัสในตัวคุณ
  • 51:23 - 51:28
    จิตสำนึกบุรุษ เข้าสู่การตระหนักรู้อย่างศิโรราบ
  • 51:28 - 51:31
    และเปิดรับต่อพลังงานสตรี
  • 51:31 - 51:34
    มันทั้งบอบบางและหายไปโดยง่าย
  • 51:34 - 51:38
    ผู้นั้นจึงต้องใส่ใจอย่างยิ่งในการปกป้อง
  • 51:38 - 51:41
    และรักษาไว้จนกว่ามันจะเติบโหญ่
  • 51:44 - 51:49
    สมาธิ เป็นทั้งสภาวะนิรันดร์ของจิตรู้
  • 51:49 - 51:54
    และสภาวะแห่งลำดับของการพัฒนา
  • 51:54 - 51:58
    เป็นบางสิ่งที่เป็นธรรมชาติ และเติบโตผ่านเวลา
  • 52:05 - 52:10
    เมื่อเราเจริญในสมาธิมากขึ้นๆ
  • 52:10 - 52:13
    ในปัจจุบันขณะ อย่างไร้กาลเวลา
  • 52:14 - 52:18
    ผู้นั้นจะเข้าถึงเส้นทางที่ตรงไปยัง ใจ
  • 52:18 - 52:21
    จิตวิญญาณ หรือ อัตมัน
  • 52:22 - 52:27
    และ ตัวตนที่สร้างขึ้นเบาบางลง
  • 52:29 - 52:33
    นี่คือวิธีที่เราจะเป็นอิสระจากจิตที่หลง
  • 52:33 - 52:37
    อิสระจากกับดักของความคิด
  • 52:39 - 52:42
    กระแสภายในจะเปลี่ยนไป
  • 52:42 - 52:47
    พลังงานจะไม่ไหลไปสู่ตัวตนเก่าที่จิตสร้างขึ้น
  • 52:49 - 52:55
    กล่าวคือ เขาจะไม่หลงไปยึดในตัวตนที่จิตสร้างขึ้น
  • 52:55 - 52:59
    ผ่านโลกภายนอก...อีกต่อไป
  • 53:11 - 53:17
    เพื่อตระหนักรู้ถึงสมาธิ ต้องอาศัยความพยายามอย่างยิ่งยวด
  • 53:17 - 53:20
    ในการศิโรราบอย่างสิ้นเชิงต่อจิตหนึ่ง
  • 53:20 - 53:24
    และศิโรราบอย่างยินยอม
  • 53:24 - 53:27
    พร้อมด้วยความเพียร
  • 53:27 - 53:31
    และพลังงานทั้งหมดของเขา
  • 53:32 - 53:36
    เป็นสมดุลของความพยายามและศิโรราบ
  • 53:36 - 53:38
    หยินและหยาง
  • 53:38 - 53:42
    เป็นความเพียรที่ปราศจากความพยายาม
  • 53:48 - 53:50
    รหัสยิกโยคีชาวอินเดีย
  • 53:50 - 53:54
    ปรามาหังสา รามากฤษณะ กล่าวไว้ว่า
  • 53:54 - 53:57
    "อย่าได้แสวงหาการรู้แจ้ง
  • 53:57 - 54:00
    จนกว่าเธอจะรู้สึกเหมือนมีไฟไหม้อยู่บนหัว
  • 54:00 - 54:02
    จนต้องรีบหาบ่อน้ำ"
  • 54:02 - 54:07
    คุณแสวงหาด้วยความเป็นทั้งหมดของคุณ
  • 54:07 - 54:10
    ในระหว่างการปฏิบัติเพื่อก้าวข้ามอัตตา
  • 54:10 - 54:14
    ต้องอาศัยความกล้าหาญ ความใส่ใจ และความอดทน
  • 54:14 - 54:18
    ดุจรักษาตัวอ่อนให้มีชีวิต
  • 54:19 - 54:23
    เพื่อไม่กลับตกไปสู่กับดับของโลก
  • 54:23 - 54:28
    มันต้องการความมุ่งมั่นที่จะสวนกระแส
  • 54:28 - 54:31
    ทนต่อการถูกกระทบในโครงสร้างสังคม
  • 54:31 - 54:34
    และกงล้อที่คอยบดขยี้ในสังสารวัฏ
  • 54:35 - 54:39
    ทุกลมหายใจ ทุกความคิด ทุกการกระทำ
  • 54:39 - 54:43
    หมั่นระลึกรู้ถึงแหล่งกำเนิด
  • 54:43 - 54:48
    สมาธิไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยความเพียรและไร้ความเพียร
  • 54:48 - 54:51
    จงละวางทั้งความพยายามและไม่พยายาม
  • 54:51 - 54:55
    มันคือทวิภาวะที่ปรากฏอยู่ในจิตคิด
  • 54:56 - 55:01
    การตระหนักรู้สมาธิที่แท้นั้นเรียบง่าย
  • 55:01 - 55:03
    และไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด
  • 55:03 - 55:09
    เหมือนดั่งที่ถูกเข้าใจผิดผ่านภาษาซึ่งเป็นทวิภาวะ
  • 55:09 - 55:14
    มีเพียงจิตต้นกำเนิดนี้เท่านั้น ที่ตื่นรู้อยู่ในโลก
  • 55:15 - 55:21
    แต่ถูกบดบังไว้ด้วยเปลือกชั้นของจิตใจ
  • 55:21 - 55:24
    เหมือนดวงอาทิตย์ถูกบดบังหลังก้อนเมฆ
  • 55:24 - 55:27
    เมื่อแต่ละเปลือกชั้นของจิตคิดหลุดหายไป
  • 55:27 - 55:31
    ตัวตนที่แท้จริงก็ถูกเปิดเผย
  • 55:34 - 55:36
    เปลือกชั้นของจิตคิดหายไป
  • 55:36 - 55:39
    ผู้คนเรียกสมาธินั้นแตกต่างกันไป
  • 55:39 - 55:45
    เรียกของประสบการณ์และปรากฏการณ์ต่างๆ กันไป
  • 55:55 - 55:58
    แต่สมาธิแท้จริงช่างเรียบง่าย
  • 55:58 - 56:01
    พอมีคนบอกว่ามันคืออะไร เข้าถึงได้อย่างไร
  • 56:01 - 56:04
    ความคิดของคุณ ก็พาคุณพลาดไปเสมอ
  • 56:05 - 56:10
    ที่จริงแล้ว สมาธิไม่ใช่ทั้งง่ายหรือยาก
  • 56:11 - 56:15
    ความคิดเท่านั้นที่ปรุงแต่งให้มันเป็น
  • 56:15 - 56:19
    เมื่อไม่มีความคิด ก็ไม่มีปัญหา
  • 56:19 - 56:24
    เพราะความคิดคือสิ่งที่ต้องยุติ ก่อนการตระหนักรู้
  • 56:25 - 56:28
    มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกทำให้เกิดขึ้น
  • 56:37 - 56:40
    คำสอนที่ลัดสั้นของสมาธิ
  • 56:40 - 56:42
    อาจพบได้ในวลีนี้
  • 56:43 - 56:51
    " จงสงบ และ รู้ "
  • 57:00 - 57:04
    เราจะใช้คำและภาพเพื่อสื่อความสงบนิ่งได้อย่างไร?
  • 57:04 - 57:08
    เราจะถ่ายทอดความเงียบโดยใช้เสียงได้หรือ ?
  • 57:10 - 57:15
    แทนที่จะพูดถึงสมาธิให้เป็นหลักการแนวคิด
  • 57:15 - 57:20
    ภาพยนตร์นี้คือเสียงเรียกแห่งการ "ไม่กระทำ"
  • 57:20 - 57:22
    เสียงเรียกแห่งการภาวนา
  • 57:22 - 57:24
    ความเงียบภายใน
  • 57:24 - 57:26
    การภาวนาภายใน
  • 57:28 - 57:29
    เสียงเรียกเพื่อ
  • 57:29 - 57:33
    "หยุด"
  • 57:39 - 57:45
    หยุดทุกสิ่งที่ถูกขับเคลื่อนโดยความคิดของอัตตา
  • 57:47 - 57:51
    " จงสงบ และ รู้ "
  • 57:55 - 58:00
    ไม่มีใครบอกได้ว่า สิ่งใดจะปรากฏขึ้นจากความสงบนิ่ง
  • 58:00 - 58:05
    นี่คือเสียงเรียกสู่กระทำ จากหัวใจของจิตวิญญาณ
  • 58:22 - 58:26
    มันเหมือนการหวนรำลึกถึงบางสิ่งที่เก่าแก่
  • 58:26 - 58:31
    จิตวิญญาณตื่นขึ้นและจดจำตัวมันเองได้
  • 58:31 - 58:34
    มันได้ผ่านการเป็นนักเดินทางผู้หลับใหล
  • 58:34 - 58:36
    แต่ขณะนี้ ความว่างได้ตื่นขึ้นแล้ว
  • 58:36 - 58:41
    และได้ตระหนักรู้ตนเองว่าเป็นทุกสิ่งทั้งหมด
  • 58:45 - 58:47
    คุณไม่อาจจินตนาการถึงสมาธิได้
  • 58:47 - 58:50
    ด้วยความคิดอันจำกัดของอัตตา
  • 58:50 - 58:55
    เช่นเดียวกับที่คุณไม่อาจอธิบายให้คนตาบอดเข้าใจถึงสี
  • 58:55 - 59:00
    ความคิดของคุณไม่อาจรู้ ความคิดไม่อาจสร้างมันขึ้น
  • 59:02 - 59:06
    การตระหนักรู้ในสมาธิคือการเห็นที่แตกต่าง
  • 59:06 - 59:09
    มันไม่ใช่การเห็น "สิ่งที่ถูกเห็น"
  • 59:09 - 59:13
    แต่เป็นการตระหนักรู้ "ผู้เห็น"
  • 59:16 - 59:19
    นักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี กล่าวไว้ว่า
  • 59:19 - 59:23
    " สิ่งที่เธอกำลังมองหา คือ สิ่งที่กำลังมองอยู่ "
  • 59:24 - 59:27
    เมื่อคุณได้เห็นดวงจันทร์
  • 59:27 - 59:31
    คุณย่อมจำมันได้ในทุกการสะท้อน
  • 59:32 - 59:36
    ตัวตนที่แท้จริง อยู่ตรงนั้นเสมอมา
  • 59:36 - 59:38
    มันอยู่ในทุกๆ สิ่ง
  • 59:39 - 59:42
    แค่คุณยังไม่ได้ตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของมัน
  • 59:44 - 59:48
    เมื่อคุณตระหนักรู้ และดำเนินชีวิต
  • 59:48 - 59:52
    ด้วยจิตเดิมแท้ที่อยู่เหนือความคิดและความรู้สึก
  • 59:52 - 59:55
    คุณจะเริ่มสัมผัสความอัศจรรย์
  • 59:55 - 59:58
    ในแทบทุกปรากฏการณ์ของชีวิต
  • 59:58 - 60:02
    เรากลายเป็นความอัศจรรย์
  • 60:09 - 60:12
    ไม่ต้องพยายามเป็นอิสระจากความอยาก
  • 60:12 - 60:17
    เพราะความพยายามเป็นอิสระ ก็เป็นความอยาก
  • 60:17 - 60:20
    คุณไม่อาจพยายามสงบนิ่ง
  • 60:20 - 60:25
    เพราะทุกความพยายาม ก็คือการเคลื่อนไหว
  • 60:26 - 60:32
    เพียงตระหนักรู้ถึงความสงบ อันเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว
  • 60:33 - 60:37
    " จงสงบ และ รู้ "
  • 60:39 - 60:44
    เมื่อการให้ค่าทั้งหมดยุติ จิตเดิมแท้ก็เผยตัวออกมา
  • 60:44 - 60:48
    แต่ก็ไม่ควรยึดมั่นแม้จิตเดิมแท้
  • 60:48 - 60:50
    ความเป็นจริงที่ยิ่งใหญ่
  • 60:50 - 60:51
    เต๋านั้น
  • 60:51 - 60:52
    ไม่ใช่หนึ่ง
  • 60:52 - 60:54
    ไม่ใช่สอง
  • 60:56 - 60:58
    ท่านรามานามหาฤษี กล่าวไว้ว่า
  • 60:58 - 61:01
    "จิตเดิมแท้มีเพียงหนึ่ง
  • 61:01 - 61:03
    หากมันจำกัด
  • 61:03 - 61:04
    มันคืออัตตา
  • 61:05 - 61:06
    หากมันไร้จำกัด
  • 61:06 - 61:11
    มันคือ อนันตะ และความจริงอันยิ่งใหญ่"
  • 61:16 - 61:21
    หากคุณเชื่อในสิ่งที่ถูกกล่าวไว้ คุณก็ยังพลาดอยู่
  • 61:21 - 61:25
    หากคุณไม่เชื่อ คุณก็พลาดมันไปเช่นกัน
  • 61:25 - 61:29
    การเชื่อและไม่เชื่อนั้น ทำงานในระดับของจิตคิด
  • 61:29 - 61:32
    มันต้องการการรู้
  • 61:32 - 61:35
    หากคุณเข้าสู่การสำรวจด้วยตนเอง
  • 61:35 - 61:39
    พิจารณาในแง่มุมทั้งหมดของความเป็นคุณ
  • 61:39 - 61:42
    ค้นหาว่า "ใคร" เป็นผู้สำรวจค้นหา
  • 61:42 - 61:44
    ถ้าคุณพร้อมใช้ชีวิตบนหลักการที่ว่า
  • 61:44 - 61:49
    "ไม่ใช่ความอยากของฉัน แต่เป็นความสำเร็จจากเบื้องบน"
  • 61:49 - 61:52
    หากคุณยินดีที่เดินทางผ่านเหนือความรู้ทั้งมวลแล้ว
  • 61:52 - 61:57
    คุณก็อาจตระหนักรู้ได้ ถึงสิ่งที่ผมพยายามชี้ทางให้
  • 61:57 - 62:00
    เมื่อนั้น คุณจะสามารถลิ้มรสด้วยตัวคุณเอง
  • 62:00 - 62:06
    ถึงความมหัศจรรย์ และความงามของการดำรงอยู่ที่เรียบง่าย
  • 62:09 - 62:12
    ยังมีอีกหนึ่งหนทางในชีวิตที่เป็นไปได้
  • 62:12 - 62:16
    มีบางสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ล้ำลึก
  • 62:16 - 62:21
    ที่ค้นพบได้ในความสงบส่วนลึกแห่งการดำรงอยู่ของคุณ
  • 62:21 - 62:25
    อยู่เหนือความคิด เหนือความเชื่อ
  • 62:25 - 62:30
    เหนือกฎเกณฑ์เงื่อนไข และการให้ค่าต่างๆ ทั้งหมด
  • 62:33 - 62:36
    มันไม่ต้องการเทคนิค พิธีกรรม
  • 62:36 - 62:39
    หรือการปฏิบัติใดๆ
  • 62:39 - 62:42
    ไม่มีวิธีการใดเพื่อที่จะได้รับ
  • 62:42 - 62:44
    ไม่มีระบบใด
  • 62:44 - 62:48
    ไม่มีหนทางเพื่อไปสู่หนทาง
  • 62:53 - 62:55
    ดั่งคำสอนของเซน
  • 62:55 - 63:00
    มันคือการค้นพบใบหน้าเดิมแท้ ก่อนที่คุณเกิด
  • 63:00 - 63:04
    มันไม่ใช่การเพิ่มสิ่งใดในตัวคุณ
  • 63:06 - 63:09
    มันคือการเป็นแสงสว่างแก่ตัวเธอเอง
  • 63:09 - 63:14
    แสงที่ส่องขจัดภาพลวงของอัตตา
  • 63:17 - 63:21
    หาไม่แล้ว ชีวิตก็ยังคงรอการเต็มเติม
  • 63:21 - 63:25
    ใจ ก็ยังปราศจากการผ่อนพัก
  • 63:25 - 63:27
    จนกว่า การเข้าถึงการหยุดพัก
  • 63:27 - 63:34
    ในความมหัศจรรย์ที่อยู่เหนือนามและรูปทั้งปวง
  • 63:39 - 63:41
    แปลไทยโดย
  • 63:41 - 63:45
    โครงการขับเคลื่อนสังคมแห่งการตื่นรู้สู่หนึ่งเดียวกัน
  • 63:45 - 63:47
    - We Oneness -
  • 63:47 - 63:50
    สนับสนุน โดย สสส.
  • 63:57 - 64:01
    [เพลง] โอม พระแม่ลักษมี Om Shreem Lakshmi
  • 64:06 - 64:14
    "จงนิ่ง และ รู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า" - สดุดี 46:10
  • 64:22 - 64:30
    "เพื่อตระหนักรู้ตัวตนแท้ จงสงบนิ่ง" - รามาณา มหาฤษี
  • 64:41 - 64:52
    "ความศักดิสิทธิ์จะกล่าวกับเธอในความเงียบของใจเธอ
    และจะนำทางเธอไปสู่เป้าหมายของเธอ"
    - มิลร่า อัลฟาซ่า "The Mother"
Title:
Samadhi Part 2 (It's Not What You Think)
Description:

more » « less
Video Language:
English
Team:
Awaken the World
Project:
01 -Samadhi Film Series
Duration:
01:10:26

Thai subtitles

Revisions Compare revisions