< Return to Video

ลอร่า สไนเดอร์ (Laura Snyder) : ชมรมอาหารเช้าแห่งปรัชญา

  • 0:01 - 0:03
    ฉันอยากให้คุณมากับฉันซักประเดี๋ยว
  • 0:03 - 0:05
    ย้อนไปยังศตวรรษที่ 19
  • 0:05 - 0:10
    โดยเฉพาะในวันที่ 24 มิถุนายน 1833
  • 0:10 - 0:13
    สมาคมอังกฤษเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
    (The British Association for the Advancement of Science)
  • 0:13 - 0:17
    จัดการประชุมครั้งที่ 3 ขึ้นที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
  • 0:17 - 0:19
    นั่นเป็นคืนแรกของการประชุม
  • 0:19 - 0:22
    และการเผชิญหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น
  • 0:22 - 0:25
    จะเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ไปตลอดกาล
  • 0:25 - 0:28
    ท่านผู้เฒ่าผมขาวท่านหนึ่งได้ยืนขึ้น
  • 0:28 - 0:32
    สมาชิกของสมาคมต่างตื่นตะลึง เมื่อได้รู้ว่า
  • 0:32 - 0:35
    ท่านคือกวีนาม ซามูเอล เทเลอร์ โคลริดจ์
    (Samuel Taylor Coleridge)
  • 0:35 - 0:40
    ผู้ซึ่งไม่เคยย่างกราย
    ออกจากบ้านของตนเองเลย จนกระทั่งวันนั้น
  • 0:40 - 0:43
    พวกเขายิ่งตกตะลึงมากขึ้น กับสิ่งที่ท่านได้กล่าว
  • 0:43 - 0:48
    "คุณต้องหยุดเรียกตนเองว่า
    นักปรัชญาธรรมชาติ เสียที"
  • 0:48 - 0:51
    โคลริดจ์รู้สึกว่านักปรัชญาที่แท้จริงเช่นเขา
  • 0:51 - 0:54
    มักครุ่นคิดถึงจักรวาล จากเก้าอี้ของเขาเอง
  • 0:54 - 0:57
    พวกเขาไม่ขุดคุ้ยหลุมซากดึกดำบรรพ์
  • 0:57 - 1:00
    หรือทำการทดลองยุ่งเหยิง ด้วยกลไกอิเล็กทรอนิกส์
  • 1:00 - 1:03
    เหมือนกับสมาชิกทั้งหลายของสมาคมอังกฤษ
  • 1:03 - 1:08
    ผู้ชมต่างโกรธเคือง
    และเริ่มส่งเสียงบ่นโหวกเหวกโวยวาย
  • 1:08 - 1:11
    นักศึกษาหนุ่มเคมบริดจ์นาม
    วิลเลียม วีห์เวล (William Whewell) ยืนขึ้น
  • 1:11 - 1:13
    และทำให้ผู้ชมสงบลง
  • 1:13 - 1:16
    เขายอมรับอย่างสุภาพว่า ไม่มีชื่อที่เหมาะสม
  • 1:16 - 1:20
    สำหรับเรียกเหล่าบรรดาสมาชิกของสมาคม
  • 1:20 - 1:25
    "ถ้าคำว่า นักปรัชญา
    เป็นคำที่กว้างและสูงส่งเกินไป"
  • 1:25 - 1:30
    เขากล่าวต่อ "งั้น ด้วยการเปรียบกับคำว่า ศิลปิน
  • 1:30 - 1:34
    เราอาจจะได้คำว่า นักวิทยาศาสตร์"
  • 1:34 - 1:37
    นี่เป็นครั้งแรกที่คำว่า นักวิทยาศาสตร์
  • 1:37 - 1:39
    ได้ถูกกล่าวอย่างเป็นทางการในที่สาธารณะ
  • 1:39 - 1:42
    แค่ 179 ปีที่แล้วมานี่เอง
  • 1:42 - 1:45
    ฉันได้ทราบเรื่องการเผชิญหน้านี้
    เมื่อตอนฉันเรียนปริญญาโท
  • 1:45 - 1:47
    มันทำให้ฉัน ถึงกับมึน
  • 1:47 - 1:50
    เป็นไปได้ไงที่คำว่า นักวิทยาศาสตร์
  • 1:50 - 1:53
    ไม่เคยถูกใช้เลยจนกระทั่งปี 1833
  • 1:53 - 1:55
    แล้วพวกนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้
    ถูกเรียกว่าอะไร ก่อนหน้านั้น
  • 1:55 - 1:59
    อะไรคือจุดเปลี่ยนที่จำเป็นจะต้องใช้ชื่อใหม่
  • 1:59 - 2:02
    ณ ช่วงเวลาจุดนั้น
  • 2:02 - 2:05
    ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมนั้น
    ผู้คนที่ศึกษาโลกธรรมชาติ
  • 2:05 - 2:07
    เป็นพวกมือสมัครเล่นที่มีพรสวรรค์
  • 2:07 - 2:09
    ลองนึกถึงผู้ที่เป็นสมาชิกองค์กรทางศาสนา หรือ ผู้ติดตาม
  • 2:09 - 2:12
    สะสมแมลง หรือ ซากดึกดำบรรพ์
  • 2:12 - 2:14
    ตัวอย่างเช่น ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin)
  • 2:14 - 2:18
    หรือ ผู้ช่วยรับจ้างของขุนนาง
    เช่น โจเซพห์ เพรสท์เลย์ (Joseph Priestley)
  • 2:18 - 2:21
    ผู้ซึ่งเป็นเหมือนคนสนิท
  • 2:21 - 2:23
    ของ ท่านมาร์ควิส แห่ง แลนส์ดอว์น
  • 2:23 - 2:26
    เมื่อเขาได้ค้นพบออกซิเจน
  • 2:26 - 2:29
    หลังจากนี้ พวกเขาคือนักวิทยาศาสตร์
  • 2:29 - 2:32
    มืออาชีพซึ่งใช้วิธีการเฉพาะตามแบบวิทยาศาสตร์
  • 2:32 - 2:36
    มี เป้าหมาย เครือข่าย และ เงินทุน
  • 2:36 - 2:39
    การปฏิวัติในครั้งนี้ สามารถสาวเรื่องไปถึงบุคคล 4 ท่าน
  • 2:39 - 2:43
    ผู้ซึ่งพบกันที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในปี 1812:
  • 2:43 - 2:47
    ชาร์ล แบบบาจ, จอห์น เฮอส์เชล, ริชาร์ด โจนส์
    และ วิลเลี่ยม วีเวล
  • 2:47 - 2:50
    ท่านเหล่านี้คือ ผู้ผลักดันชั้นเยี่ยม
  • 2:50 - 2:53
    ซึ่งสร้างความสำเร็จอันวิจิตรพิสดารไว้หลายประการ
  • 2:53 - 2:56
    ชาร์ลส แบบบาจ (Charles Babbage)
    ฉันคิดว่าชาว TED คงรู้จักดี
  • 2:56 - 2:59
    เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องกลคิดเลข เครื่องแรกของโลก
  • 2:59 - 3:03
    และเป็นเครื่องต้นแบบตัวแรก
    ของเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่
  • 3:03 - 3:07
    จอห์น เฮอส์เชล (John Herschel) ทำแผนที่ดาวซีกโลกใต้
  • 3:07 - 3:11
    และ ในยามว่าง ก็ช่วยคิดค้นเรื่องการถ่ายภาพ
  • 3:11 - 3:13
    ฉันคิดว่าพวกเราทุกคน สามารถผลิตผลงานได้มาก
  • 3:13 - 3:16
    ถ้าไม่เอาเวลาไปเล่นเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์เสียหมด
  • 3:16 - 3:19
    ริชาร์ด โจนส์ (Richard Jones)
    กลายเป็นนักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญ
  • 3:19 - 3:22
    ผู้ซึ่งมีอิทธิพลกับ คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) ในเวลาต่อมา
  • 3:22 - 3:25
    และวีเวล (William Whewell)
    ไม่ได้แค่บัญญัติศัพท์คำว่า นักวิทยาศาสตร์
  • 3:25 - 3:29
    ตลอดจนคำว่า แอโนด (anode) แคโทด (cathod)
    และ ไอออน (ion) เท่านั้น
  • 3:29 - 3:32
    แต่ยังเป็นหัวหอกใหญ่ให้กับวิทยาศาสตร์ ระดับนานาชาติ
  • 3:32 - 3:36
    ด้วยการวิจัยระดับโลกเรื่องกระแสน้ำ
  • 3:36 - 3:39
    ในฤดูหนาว ที่เคมบริดจ์ ช่วงปี 1812 และ 1813
  • 3:39 - 3:43
    ทั้งสี่ท่านได้พบกัน ในวาระที่พวกเขาเรียกว่า
    อาหารเช้าแห่งปรัชญา
  • 3:43 - 3:45
    พวกเขาถกกันเรื่องวิทยาศาสตร์
  • 3:45 - 3:48
    และเห็นพ้องกันว่า ต้องการการปฏิวัติใหม่ในวงการ
  • 3:48 - 3:50
    พวกเขารู้สึกว่า วิทยาศาสตร์ได้ซบเซาลง
  • 3:50 - 3:53
    นับจากวันแห่งการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้เกิดขึ้น
  • 3:53 - 3:55
    ในช่วงศตวรรษที่ 17 ที่ผ่านมา
  • 3:55 - 3:57
    มันถึงเวลาสำหรับการปฏิวัติครั้งใหม่แล้ว
  • 3:57 - 4:00
    ซึ่งพวกเขาจะต้องเป็นผู้ผลักดันให้เกิดขึ้น
  • 4:00 - 4:02
    และสิ่งที่มหัศจรรย์เกี่ยวกับคนกลุ่มนี้ก็คือ
  • 4:02 - 4:04
    ไม่เพียงแต่ว่าพวกเขาจะมี
  • 4:04 - 4:07
    ความฝันของนักศึกษาที่ยิ่งใหญ่
  • 4:07 - 4:09
    แต่พวกเขาลงมือทำมันขึ้นมาจริงๆ
  • 4:09 - 4:12
    เกินยิ่งไปกว่าความฝันอันคึกคะนองที่สุดของพวกเขา
  • 4:12 - 4:13
    และฉันกำลังจะบอกพวกคุณวันนี้
  • 4:13 - 4:18
    เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงสำคัญ 4 เรื่องที่พวกเขาทำ
  • 4:18 - 4:20
    เมื่อประมาณ 200 ปีก่อน
  • 4:20 - 4:23
    ฟรานซิส เบคอน (Francis Bacon) และจากนั้น
    ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton)
  • 4:23 - 4:27
    ได้การยื่นเสนอ วิธีทางวิทยาศาสตร์แบบอุปนัย
  • 4:27 - 4:29
    ซึ่งเป็นวิธีการที่เริ่มต้นจาก
  • 4:29 - 4:32
    การเฝ้าสังเกต และ การทดลอง
  • 4:32 - 4:35
    แล้วไปยัง การสรุปองค์ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธรรมชาติ
    ที่เรียกว่า กฏของธรรมชาติ
  • 4:35 - 4:38
    ซึ่งทุกครั้งจะลงเอยด้วยการทบทวน หรือ การปฏิเสธ
  • 4:38 - 4:40
    เมื่อมีหลักฐานใหม่ปรากฎขึ้น
  • 4:40 - 4:46
    อย่างไรก็ดี ในปี 1809 เดวิด ริคาร์โด (David Ricardo)
    ได้กวนน้ำให้ขุ่น
  • 4:46 - 4:49
    ด้วยการให้เหตุผลว่า ศาสตร์แห่งเศรษฐศาสตร์
  • 4:49 - 4:52
    ควรจะใช้วิธีการแบบนิรนัย ซึ่งมันต่างออกไป
  • 4:52 - 4:55
    ปัญหาคือว่า กลุ่มที่มีอิทธิพลที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
  • 4:55 - 5:00
    เริ่มที่จะเถียงว่า เพราะมันใช้งานได้ดีในทางเศรษฐศาสตร์
  • 5:00 - 5:02
    วิธีการอนุมานแบบนิรนัยนี้ จึงควรจะถูกนำไปใช้
  • 5:02 - 5:05
    ในทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติด้วย
  • 5:05 - 5:09
    บรรดาสมาชิกของชมรมอาหารเช้าแห่งปรัชญาไม่เห็นด้วย
  • 5:09 - 5:12
    พวกเขาเขียนหนังสือและบทความ
    สนับสนุนวิธีการแบบอุปนัย
  • 5:12 - 5:13
    ในวิทยาศาสตร์ทั้งมวล
  • 5:13 - 5:16
    ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
    ในหมู่นักปรัชญาธรรมชาติ
  • 5:16 - 5:20
    นักศึกษามหาวิทยาลัย และ สมาชิกทั่วไปในสังคม
  • 5:20 - 5:21
    การได้อ่านหนังสือของเฮอส์เชลเล่มหนึ่ง
  • 5:21 - 5:24
    เปรียบประดุจดังจุดหักเหสำหรับ ชาลส์ ดาร์วิน
  • 5:24 - 5:28
    ซึ่งเขากล่าวในภายหลังว่า "แทบที่จะไม่มีสิ่งใดเลยในชีวิตผม
  • 5:28 - 5:31
    ที่สร้างรอยประทับในใจผมได้มากมายเยี่ยงนี้
  • 5:31 - 5:33
    มันทำให้ผมอยากจะทุ่มเทพลังของผม
  • 5:33 - 5:37
    ให้กับการสะสมความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ"
  • 5:37 - 5:40
    มันยังช่วยทำให้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ของดาร์วินเฉียบคมขึ้น
  • 5:40 - 5:44
    เช่นเดียวกันกับที่บรรดาเพื่อนของเขาที่ใช้วิธีดังกล่าว
  • 5:44 - 5:46
    [วิทยาศาสตร์เพื่อปวงชน]
  • 5:46 - 5:48
    ก่อนหน้านี้ เป็นที่เชื่อกันว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์
  • 5:48 - 5:51
    ควรถูกสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพระราชา หรือพระราชินี
  • 5:51 - 5:54
    หรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของใครบางคนเท่านั้น
  • 5:54 - 5:56
    ยกตัวอย่างเช่น กัปตันเรือจำเป็นต้องรู้
  • 5:56 - 6:01
    ข้อมูลเกี่ยวกับกระแสน้ำ เพื่อที่จะนำเรือเทียบท่าได้อย่างปลอดภัย
  • 6:01 - 6:03
    เจ้าท่า จะเป็นผู้เก็บข้อมูลเหล่านี้
  • 6:03 - 6:06
    และขายมันให้กับกัปตันเรือ
  • 6:06 - 6:08
    ชมรมอาหารเช้าแห่งปรัชญา เปลี่ยนแปลงสิ่งนี้
  • 6:08 - 6:10
    ด้วยการร่วมมือกันทำงาน
  • 6:10 - 6:12
    การศึกษาเรื่องกระแสน้ำทั่วโลกของวีห์เว (Whewell)
  • 6:12 - 6:15
    ทำให้เกิดตารางกระแสน้ำ และแผนที่น้ำขึ้นน้ำลง
  • 6:15 - 6:18
    ซึ่งกระจายความรู้ของเจ้าท่านั้น
  • 6:18 - 6:20
    ให้กับกัปตันเรือต่างๆ ฟรีๆ
  • 6:20 - 6:23
    เฮอส์เชล ได้ช่วยเหลือโดยเฝ้าสังเกตน้ำขึ้นน้ำลง
  • 6:23 - 6:25
    แถบชายฝั่งแอฟริกาใต้
  • 6:25 - 6:27
    และ ตามที่เขาเคยบ่นกับวีห์เวล
  • 6:27 - 6:32
    เขาถูกซัดตกจากท่าด้วยคลื่นสูง ในขณะที่ทำงานนี้
  • 6:32 - 6:35
    ทั้งสี่คนต่างช่วยเหลือกันอย่างจริงจังในทุกวิถีทาง
  • 6:35 - 6:38
    พวกเขาช่วยกันชักจูงรัฐบาลอังกฤษอย่างไม่ลดละ
  • 6:38 - 6:41
    เพื่อให้ได้ทุนในการสร้างเครื่องจักรของแบบบาจ (Babbage)
  • 6:41 - 6:43
    เพราะพวกเขาเชื่อว่า เครื่องจักรชนิดนี้
  • 6:43 - 6:47
    จะมีบทบาทอันใหญ่หลวงต่อสังคม
  • 6:47 - 6:49
    ก่อนที่เราจะมีเครื่องคิดเลขแบบพกพา
  • 6:49 - 6:53
    จำนวนต่างๆ ที่มืออาชีพทั้งหลายต้องใช้
  • 6:53 - 6:56
    นายธนาคาร ตัวแทนประกันภัย กัปตันเรือ วิศวกร
  • 6:56 - 6:59
    ถูกบันทึกไว้ในหนังสือ เช่นฉบับนี้
  • 6:59 - 7:02
    เต็มไปด้วยตารางของตัวเลข
  • 7:02 - 7:04
    ตารางเหล่านี้ถูกคำนวณ
  • 7:04 - 7:07
    ด้วยกระบวนการเดียวกัน ซ้ำไปซ้ำมา
  • 7:07 - 7:12
    โดยพนักงานชั่วคราว ตามที่รู้จักกัน...
    และนี่คือคอมพิวเตอร์ที่น่าอัศจรรย์
  • 7:12 - 7:15
    แต่การคำนวณเหล่านั้น ช่างแสนยากเย็นจริงๆ
  • 7:15 - 7:17
    ฉันหมายถึง ปูมบันทึกสถิติข้อมูลเพื่อการเดินเรือนี้
  • 7:17 - 7:21
    ตีพิมพ์ การโคจรของดวงจันทร์ที่แตกต่างกัน ทุกๆเดือนของปี
  • 7:21 - 7:26
    ทุกเดือนต้องคำนวณถึง 1,365 ครั้ง
  • 7:26 - 7:29
    ดังนั้นตารางจึงเต็มไปด้วยความผิดพลาด
  • 7:29 - 7:33
    เครื่องคำนวณความแตกต่างของแบบบาจ
    (Babbage's difference engine)
    เป็นเครื่องจักรสำหรับคำนวณเครื่องแรก
  • 7:33 - 7:37
    ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เพื่อคำนวณตารางเหล่านี้ให้ถูกต้อง
  • 7:37 - 7:40
    เครื่องของเขาสองแบบได้ถูกสร้างขึ้น ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
  • 7:40 - 7:43
    ด้วยฝีมือทีมงานจากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งลอนดอน
  • 7:43 - 7:45
    ด้วยแบบแผนของพวกเขาเอง
  • 7:45 - 7:49
    นี่คือเครื่องหนึ่งซึ่งตั้งอยู่
    ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์แห่งแคลิฟอร์เนีย
  • 7:49 - 7:52
    และมันคำนวณได้อย่างถูกต้อง มันทำงานได้จริงๆ
  • 7:52 - 7:55
    ในเวลาต่อมา เครื่องวิเคราะห์ของแบบบาจ
  • 7:55 - 7:59
    ถูกนับเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ในยุคปัจจุบัน
  • 7:59 - 8:02
    มันมีหน่วยความจำแยก และตัวประมวลผลกลาง
  • 8:02 - 8:06
    มันมีความสามารถในการแยกคำนวณ
    คำนวณตามข้อกำหนด
  • 8:06 - 8:07
    และคำนวณแบบคู่ขนานได้
  • 8:07 - 8:10
    และมันสามารถคำนวณตามลำดับขั้นได้ด้วยบัตรตอก
  • 8:10 - 8:14
    ซึ่งเป็นแนวคิดที่แบบบาจ
    นำมาจากเครื่องทอผ้าของแจ็คเวิร์ด (Jacquard)
  • 8:14 - 8:18
    น่าเศร้า ที่เครื่องจักรของแบบบาจ
    ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในยุคของเขา
  • 8:18 - 8:20
    เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่า
  • 8:20 - 8:23
    เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช้มนุษย์ จะไม่มีประโยชน์
  • 8:23 - 8:25
    สำหรับสาธารณะ
  • 8:25 - 8:27
    [สถาบันทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่]
  • 8:27 - 8:30
    ราชสมาคมแห่งลอนดอน
    ถูกก่อตั้งขึ้นในสมัยของเบคอน (Bacon)
  • 8:30 - 8:33
    เป็นสมาคมวิทยาศาสตร์ที่ล้ำหน้าที่สุดในอังกฤษ
  • 8:33 - 8:35
    หรือที่สุดในโลกก็ว่าได้
  • 8:35 - 8:38
    ในศตวรรษที่ 19 มันกลายเป็น
  • 8:38 - 8:40
    คล้ายๆ กับชมรมสำหรับสุภาพบุรุษ
  • 8:40 - 8:45
    ซึ่งเต็มไปด้วย นักศึกษาโบราณวัตถุ
    นักประพันธ์ และ ชนชั้นสูง
  • 8:45 - 8:47
    สมาชิกของชมรมอาหารเช้าแห่งปรัชญา
  • 8:47 - 8:50
    ได้ช่วยให้กลุ่มสังคมทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
    เป็นรูปเป็นร่างขึ้น
  • 8:50 - 8:52
    รวมไปถึงสมาคมอังกฤษ
  • 8:52 - 8:55
    กลุ่มสังคมใหม่นี้ กำหนดให้สมาชิก
  • 8:55 - 8:58
    เป็นนักวิจัยที่ตื่นตัว ตีพิมพ์ผลงานของพวกเขา
  • 8:58 - 9:01
    พวกเขานำวิธีการถามตอบแบบดั้งเดิม กลับมาใช้ใหม่
  • 9:01 - 9:03
    หลังจากที่ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถูกอ่าน
  • 9:03 - 9:06
    ซึ่งได้เคยถูกเลิกไปโดยราชสมาคม
  • 9:06 - 9:08
    ด้วยความเห็นที่ว่ามันไม่เป็นสุภาพบุรุษ
  • 9:08 - 9:13
    และเป็นครั้งแรกที่
    พวกเขามอบก้าวแรกแห่งวิทยาศาสตร์ให้กับสตรี
  • 9:13 - 9:16
    สมาชิกถูกสนับสนุนให้นำภรรยาของพวกเขา
  • 9:16 - 9:20
    บุตรสาว และ พี่น้องที่เป็นสตรี มาเข้าร่วมประชุมด้วย
  • 9:20 - 9:23
    และในขณะที่สตรี ถูกคาดหวังว่าจะให้เข้าร่วม
  • 9:23 - 9:27
    เฉพาะในการบรรยายสาธารณะ และการสังสรรค์ เช่นนี้
  • 9:27 - 9:31
    พวกเธอก็เริ่มที่จะแทรกซึมเข้าไป
    ในการประชุมทางวิทยาศาสตร์ เช่นกัน
  • 9:31 - 9:34
    ต่อมา สมาคมอังกฤษได้กลายเป็นแห่งแรก
  • 9:34 - 9:37
    ในบรรดาองค์กรทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติในโลก
  • 9:37 - 9:40
    ที่ยอมรับสตรีเป็นสมาชิกเต็มตัว
  • 9:40 - 9:41
    [แหล่งทุนภายนอก เพื่อวิทยาศาสตร์]
  • 9:41 - 9:43
    เรื่อยมาจนกระทั่งศตวรรษที่ 19
  • 9:43 - 9:45
    นักปรัชญาทางธรรมชาติ มักจะต้องจ่ายเงิน
  • 9:45 - 9:47
    เพื่อซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบของตนเอง
  • 9:47 - 9:50
    บางครั้ง มีการตั้งเงินรางวัล
  • 9:50 - 9:53
    เช่น ที่เคยให้กับ จอห์น แฮริสัน (John Harrison)
    ในศตวรรษที่ 18
  • 9:53 - 9:56
    ในการไขปริศนา สิ่งที่เรียกว่าปัญหาลองจิจูด
  • 9:56 - 9:59
    แต่เงินรางวัลได้ถูกมอบให้ ภายหลังจากความจริงกระจ่าง
  • 9:59 - 10:01
    หากรางวัลนั้นมีการมอบเกิดขึ้นจริงๆ
  • 10:01 - 10:04
    ด้วยคำปรึกษาของชมรมอาหารเช้าแห่งปรัชญา
  • 10:04 - 10:07
    สมาคมอังกฤษเริ่มที่จะมอบเงินพิเศษ
  • 10:07 - 10:10
    ที่รวบรวมได้จากการประชุม เพื่อให้กับ
  • 10:10 - 10:13
    การวิจัยเรื่องดาราศาสตร์ กระแสน้ำ ซากปลาดึกดำบรรพ์
  • 10:13 - 10:16
    การต่อเรือ และเรื่องอื่นๆอีกมาก
  • 10:16 - 10:18
    เงินทุนวิจัยเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้
  • 10:18 - 10:20
    คนที่ไม่ค่อยมีฐานะ สามารถทำวิจัยได้
  • 10:20 - 10:23
    แต่มันยังสนับสนุนให้คนคิดนอกกรอบ
  • 10:23 - 10:27
    แทนที่จะแค่แก้ปัญหา
    ที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าเพียงอย่างเดียว
  • 10:27 - 10:29
    ในที่สุด ราชสมาคม
  • 10:29 - 10:33
    และกลุ่มสังคมวิทยาศาสตร์ในประเทศอื่นๆ ก็ทำตาม
  • 10:33 - 10:36
    และโชคดี -- ที่มันกลายเป็น --
  • 10:36 - 10:40
    ส่วนหลักของภูมิสถาปัตย์ทางวิทยาศาสตร์ทุกวันนี้
  • 10:40 - 10:43
    ดังนั้น ชมรมอาหารเช้าแห่งปรัชญา
  • 10:43 - 10:46
    เป็นผู้ช่วยให้กำเนิดนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
  • 10:46 - 10:50
    นั่นคือส่วนที่เป็นพระเอกของเรื่อง
  • 10:50 - 10:53
    มีเรื่องราวอีกด้านหนึ่งเช่นกัน
  • 10:53 - 10:56
    พวกเขาไม่ได้คาดว่าจะเกิดผลกระทบอย่างหนึ่ง
  • 10:56 - 10:58
    ในการปฏิวัติครั้งนี้
  • 10:58 - 11:01
    พวกเขาคงจะขวัญหนีดีฝ่อ
  • 11:01 - 11:05
    ต่อความแตกแยกระหว่างวิทยาศาสตร์
    กับส่วนอื่นๆของวัฒนธรรมในปัจจุบัน
  • 11:05 - 11:08
    มันน่าวิตก ที่ได้รู้ว่า
  • 11:08 - 11:11
    มีผู้ใหญ่ชาวอเมริกันเพียงแค่ 28% เท่านั้น
  • 11:11 - 11:15
    ที่มีความรู้ถึงระดับพื้นฐานขั้นต่ำทางวิทยาศาสตร์
  • 11:15 - 11:18
    และเราสามารถทำการทดสอบ
    ได้ด้วยการถามคำถามง่ายๆ เช่น
  • 11:18 - 11:21
    "มนุษย์และไดโนเสาร์ มีชีวิตอยู่ในยุคเดียวกันหรือไม่"
  • 11:21 - 11:26
    และ "ในโลกถูกปกคลุมด้วยน้ำเป็นสัดส่วนเท่าใด"
  • 11:26 - 11:30
    เมื่อนักวิทยาศาสตร์ กลายเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
  • 11:30 - 11:34
    พวกเขาได้ค่อยๆ ตั้งกำแพงกับพวกเราที่เหลืออย่างช้าๆ
  • 11:34 - 11:38
    นี่เป็นผลกระทบที่ไม่ตั้งใจให้เกิดขึ้นจากการปฏิวัติ
  • 11:38 - 11:41
    ซึ่งเริ่มมาจากเพื่อนของเราทั้งสี่
  • 11:41 - 11:42
    ชาลส์ ดาร์วิน กล่าวไว้ว่า
  • 11:42 - 11:46
    "บางที ผมก็คิดว่าศาสตรนิพนธ์สำหรับสาธารณชนทั่วไป
  • 11:46 - 11:49
    มีความสำคัญกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เกือบจะเทียบเท่า
  • 11:49 - 11:51
    กับงานที่เป็นต้นแบบเลยทีเดียว"
  • 11:51 - 11:54
    ความจริงแล้ว "กำเนิดของสรรพชีวิต" (Origin of Species)
    ได้ถูกเขียนขึ้น
  • 11:54 - 11:56
    สำหรับผู้อ่านทั่วๆไป
  • 11:56 - 12:00
    และมันถูกอ่านอย่างกว้างขวาง
    เมื่อถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรก
  • 12:00 - 12:04
    ดาร์วิน รู้ในสิ่งที่เราเหมือนจะหลงลืมไป
  • 12:04 - 12:08
    ว่าวิทยาศาสตร์นั้น ไม่ใช่แค่สิ่งที่พึงสงวนไว้
    ให้กับเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ด้วยกันเท่านั้น
  • 12:08 - 12:10
    ขอบคุณค่ะ
  • 12:10 - 12:15
    (เสียงปรบมือ)
Title:
ลอร่า สไนเดอร์ (Laura Snyder) : ชมรมอาหารเช้าแห่งปรัชญา
Speaker:
Laura Snyder
Description:

ในปี 1812 ชายสี่คนจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ รับประทานอาหารเช้าร่วมกัน สิ่งที่เริ่มมาจากมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เติบโตไปเป็นการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหม่ โดยชายกลุ่มนี้ ที่แต่เดิมเรียกตนเองว่า "นักปรัชญาธรรมชาติ" ได้บัญญัติคำว่า "นักวิทยาศาสตร์" เข้าแทนที่ และในเวลาต่อมา พวกเขาได้แนะนำทฤษฎีหลักสี่ข้อ สำหรับการได้มาซึ่งองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ลอร่า สไนเดอร์ นักปรัชญาและนักประวัติศาสตร์ จะมาบอกเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งของพวกเขา

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
12:34
Suwitcha Chandhorn commented on Thai subtitles for The Philosophical Breakfast Club
Unnawut Leepaisalsuwanna approved Thai subtitles for The Philosophical Breakfast Club
Unnawut Leepaisalsuwanna commented on Thai subtitles for The Philosophical Breakfast Club
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for The Philosophical Breakfast Club
Unnawut Leepaisalsuwanna edited Thai subtitles for The Philosophical Breakfast Club
Kelwalin Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for The Philosophical Breakfast Club
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for The Philosophical Breakfast Club
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The Philosophical Breakfast Club
Show all

Thai subtitles

Revisions