เราทุกคนควรเป็นนักสตรีนิยม - ชีมาแมนดา นโกซี อดิชี ณ TEDxEuston
-
0:15 - 0:19พี่ชายและเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน
ชุคส์และไอค์ เป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้จัด -
0:19 - 0:23ดังนั้น เมื่อพวกเขาขอให้ฉันมา
ฉันจึงปฏิเสธไม่ได้ -
0:24 - 0:25แต่ฉันก็ยินดีมากที่ได้มาที่นี่
-
0:25 - 0:27ช่างเต็มไปด้วยผู้คนที่ยอดเยี่ยม
ที่สนใจในแอฟริกา -
0:27 - 0:30ฉันรู้สึกปลาบปลื้มและ
ดีใจมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ -
0:30 - 0:34แล้วก็มีคนบอกฉันมาว่า
สาวน้อยที่งดงาม -
0:34 - 0:37และน่าทึ่งที่สุดในโลก
ได้มาอยู่ในหมู่ผู้ชมนี้ด้วย -
0:37 - 0:38เธอชื่อ คัมเซีย อดิชี
-
0:38 - 0:42และฉันอยากให้เธอยืนขึ้นมา...
เธอเป็นหลานสาวของฉันเองค่ะ! -
0:42 - 0:47(เสียงปรบมือ)
-
0:51 - 0:57ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเริ่มด้วยการกล่าวถึง
หนึ่งในเพื่อนคนสำคัญที่สุดของฉัน โอคูโลมา -
0:57 - 0:59โอคูโลมาอาศัย
อยู่บนถนนเส้นเดียวกับฉัน -
0:59 - 1:02และดูแลฉันเสมือนเป็นพี่ชายคนโตคนหนึ่ง
-
1:02 - 1:06ถ้าฉันชอบเด็กผู้ชายสักคน
ฉันจะถามความเห็นจากโอคูโลมา -
1:06 - 1:09โอคูโลมาเสียไปในเหตุการณ์อื้อฉาวที่
เครื่องบินสายการบินโซโซลิโซตก -
1:09 - 1:13ในประเทศไนจีเรีย
เดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2005 -
1:13 - 1:16จนถึงตอนนี้ก็เกือบเจ็ดปีพอดี
-
1:16 - 1:22โอคูโลมาเป็นคนที่ฉันจะทะเลาะด้วย
หัวเราะด้วย และคุยด้วยจากใจจริง -
1:22 - 1:25เขายังเป็นคนแรกที่เรียกฉันว่า
"นักสตรีนิยม (feminist)" -
1:26 - 1:29ตอนนั้นฉันอายุประมาณสิบสี่
เราโต้เถียงกันอยู่ที่บ้านของเขา -
1:29 - 1:33เราทั้งคู่เถียงคอเป็นเอ็นด้วยความรู้เพียง
เศษเสี้ยวจากหนังสือที่พวกเราได้อ่านกัน -
1:33 - 1:37ฉันจำไม่ได้ว่าเราเถียงเรื่องอะไรกันแน่
-
1:37 - 1:40แต่ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉัน
กำลังเถียงแล้วเถียงอีกอยู่นั้น -
1:40 - 1:44โอคูโลมามองมาที่ฉันแล้วพูดว่า
"เธอรู้ตัวไหมว่าเธอน่ะเป็นนักสตรีนิยม" -
1:44 - 1:46นั่นไม่ใช่คำชมหรอก
-
1:47 - 1:50ฉันบอกได้จากน้ำเสียงของเขา
น้ำเสียงแบบเดียวกับเวลาที่คุณพูดทำนองว่า -
1:50 - 1:53"คุณเป็นพวกส่งเสริมการก่อการร้าย"
-
1:53 - 1:55(เสียงหัวเราะ)
-
1:55 - 1:59ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าคำว่า
"นักสตรีนิยม (feminist)" หมายถึงอะไร -
1:59 - 2:02และฉันก็ไม่อยากให้โอคูโลมารู้ว่าฉันไม่รู้
-
2:02 - 2:05ฉันจึงทำเป็นไม่สนใจแล้วเริ่มเถียงต่อ
-
2:05 - 2:08และสิ่งแรกที่ฉันวางแผนจะทำ
เมื่อกลับไปถึงบ้าน -
2:08 - 2:11ก็คือการค้นหาคำว่า
"นักสตรีนิยม (feminist)" ในพจนานุกรม -
2:11 - 2:15ทีนี้ ข้ามมายังหลายปีถัดมา
ฉันได้เขียนนวนิยายเรื่องหนึ่ง -
2:15 - 2:18เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ชอบ
ซ้อมภรรยาตนเหนือสิ่งอื่นใด -
2:18 - 2:20และเรื่องราวของเขา
ก็จบไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก -
2:20 - 2:23ระหว่างที่ฉันกำลังโปรโมท
นวนิยายเรื่องนี้อยู่ที่ไนจีเรีย -
2:23 - 2:29นักข่าวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชายผู้หวังดี
บอกกับฉันว่าเขาอยากให้คำแนะนำฉัน -
2:29 - 2:33และสำหรับชาวไนจีเรียที่อยู่ตรงนี้
ฉันเชื่อว่าเราทุกคนคงต่างคุ้นเคยกันดี -
2:33 - 2:38ว่าคนของเราให้คำแนะนำที่ไม่ได้ขอ
รวดเร็วขนาดไหน -
2:39 - 2:43เขาบอกฉันว่า ผู้คนพากันพูดกันว่า
นิยายของฉันมีความเป็นสตรีนิยม -
2:43 - 2:45และคำแนะนำที่เขาให้ฉัน
-
2:45 - 2:48ขณะที่เขาส่ายหัวอย่างเศร้า ๆ
-
2:48 - 2:51ก็คือฉันไม่ควรเรียกตัวเองว่า
นักสตรีนิยม เพราะ -
2:51 - 2:55นักสตรีนิยมคือผู้หญิงที่ไม่มีความสุข
เพราะพวกเธอหาสามีไม่ได้ -
2:55 - 2:59(เสียงหัวเราะ)
-
3:00 - 3:03ฉันจึงตัดสินใจที่จะเรียกตัวเองว่า
"นักสตรีนิยมผู้มีความสุข" -
3:03 - 3:06จากนั้น ก็มีสตรีนักวิชาการ
ชาวไนจีเรียคนหนึ่งบอกกับฉัน -
3:06 - 3:09ว่าสตรีนิยมไม่ใช่วัฒนธรรมของเรา
และไม่มีความเป็นแอฟริกัน -
3:09 - 3:11และที่ฉันเรียกตัวเองว่า
นักสตรีนิยม -
3:11 - 3:14ก็เพราะว่าฉันถูกทำให้เจือปนด้วย
"พวกหนังสือตะวันตก" -
3:14 - 3:17ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกขบขัน เพราะหนังสือ
ที่ฉันอ่านมากมายในช่วงแรก ๆ นั้น -
3:17 - 3:19ตรงข้ามกับคำว่า
สตรีนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย -
3:19 - 3:22ฉันคิดว่าฉันคงอ่านนิยายโรแมนซ์
ของ Mills & Boon จนครบทุกเล่ม -
3:22 - 3:24ที่ถูกตีพิมพ์ก่อน
ฉันจะอายุสิบหกเสียอีก -
3:24 - 3:26และทุกครั้งที่ฉันพยายาม
อ่านหนังสือพวกนั้น -
3:26 - 3:29ที่เรียกว่า "สตรีนิยมคลาสสิก"
ฉันก็จะเบื่อหน่าย -
3:29 - 3:31และต้องพยายาม
อ่านสุดฤทธิ์เพื่อให้มันจบ -
3:31 - 3:33แต่อย่างไรก็ดี
ในเมื่อสตรีนิยมไม่เป็นแอฟริกัน -
3:33 - 3:37ฉันจึงตัดสินใจจะเรียกตัวเองว่า
"นักสตรีนิยมชาวแอฟริกันที่มีความสุข" -
3:38 - 3:42ณ จุด ๆ หนึ่ง ฉันเคยเป็นนักสตรีนิยมชาว
แอฟริกันที่มีความสุข ที่ไม่เกลียดผู้ชาย -
3:42 - 3:44และชอบลิปกลอส
-
3:44 - 3:47และเป็นคนที่ใส่ส้นสูงเพื่อตัวเธอเอง
ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ชายมอง -
3:48 - 3:50แน่นอน หลายอย่างที่พูดไป
เป็นเรื่องล้อเล่น -
3:50 - 3:55แต่นั่นคือนักสตรีนิยมที่แบกรับ
ทัศนคติอันหนักอึ้ง ทัศนคติในแง่ลบ -
3:55 - 3:57เธอต้องเกลียดผู้ชาย
เธอต้องเกลียดบรา -
3:57 - 4:00เธอต้องเกลียดวัฒนธรรมแอฟริกัน
อะไรทำนองนั้น -
4:00 - 4:03ทีนี้ นี่คือเรื่องราวในวัยเด็กของฉัน
-
4:03 - 4:05ตอนที่ฉันเรียนอยู่โรงเรียนประถม
-
4:05 - 4:09ครูของฉันได้กล่าวตอนเปิดเทอมว่า
เธอจะแจกแบบทดสอบให้ทุกคนในชั้น -
4:09 - 4:13และใครก็ตามที่ได้คะแนนสูงสุด
จะได้เป็นหัวหน้าห้อง -
4:13 - 4:15ทีนี้ ตำแหน่งหัวหน้าห้อง
นั้นเป็นเรื่องใหญ่ -
4:15 - 4:18ถ้าหากคุณเป็น
หัวหน้าห้องแล้วล่ะก็ -
4:18 - 4:21คุณจะได้จดชื่อ
คนส่งเสียงดังในห้อง -
4:21 - 4:24ซึ่งก็มีอำนาจมากพอ
ในตัวเองอยู่แล้ว -
4:24 - 4:29แต่ครูก็ยังจะให้คุณ
ถือไม้เรียวอันหนึ่งไว้ในมืออีกด้วย -
4:29 - 4:33เวลาที่คุณเดินไปรอบ ๆ เพื่อ
ตรวจตราหาคนส่งเสียงดังในห้อง -
4:33 - 4:37แน่นอนว่าคุณไม่ได้รับ
อนุญาตให้ใช้ไม้เรียวจริง ๆ หรอก -
4:37 - 4:41แต่ว่ามันก็เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้น
สำหรับฉันในวัยเก้าขวบ -
4:41 - 4:43ฉันอยากที่จะเป็นหัวหน้าห้องมาก ๆ เลย
-
4:43 - 4:46และฉันก็ได้คะแนนสูงสุดในการสอบนั้น
-
4:46 - 4:50จากนั้น ฉันกลับต้องแปลกใจที่
ครูบอกว่าหัวหน้าห้องจะต้องเป็นเด็กผู้ชาย -
4:50 - 4:54เธอลืมพูดให้ชัดเจนไปก่อนหน้านี้
เพราะเธอนึกว่ามัน... แจ่มแจ้งแล้ว -
4:54 - 4:57(เสียงหัวเราะ)
-
4:57 - 5:00เด็กผู้ชายคนหนึ่งสอบได้ที่สอง
-
5:00 - 5:02แล้วเขาก็จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้า
-
5:03 - 5:05ทีนี้ สิ่งที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านี้อีก
-
5:05 - 5:08ก็คือว่าเด็กผู้ชายคนนั้นเป็น
คนที่มีจิตใจอ่อนหวาน อ่อนโยน -
5:08 - 5:12ผู้ที่ไม่สนใจเรื่องการ
ตรวจตราห้องด้วยไม้เรียว -
5:12 - 5:16ในขณะที่ฉันปรารถนา
อย่างแรงกล้าจะทำเช่นนั้น -
5:17 - 5:19แต่ฉันเป็นผู้หญิง และเขาเป็นผู้ชาย
-
5:19 - 5:21ดังนั้นเขาจึงได้เป็นห้วหน้าห้อง
-
5:21 - 5:24และฉันก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์นั้นเลย
-
5:24 - 5:27ฉันมักคิดผิดอยู่บ่อย ๆ
-
5:27 - 5:30ว่าสิ่งที่ฉันเห็นได้ชัด
จะชัดเจนกับคนอื่นด้วย -
5:30 - 5:32คราวนี้ ฉันจะยก หลุยส์
เพื่อนรักของฉันให้เป็นตัวอย่าง -
5:32 - 5:34หลุยส์เป็นคนฉลาดและก้าวหน้า
-
5:34 - 5:37เรามักจะมีการพูดคุยกัน
แล้วเขาก็จะบอกฉันเสมอว่า -
5:37 - 5:41"ผมไม่รู้ว่าคุณจะสื่ออะไรตอนบอกว่า ผู้หญิง
ต้องเจอกับอะไรที่แตกต่างและยากลำบากมากกว่า -
5:41 - 5:44อาจจะเป็นแบบนั้นในอดีต
แต่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้แล้ว" -
5:44 - 5:48และฉันก็ไม่เข้าใจว่าหลุยส์มองไม่เห็น
สิ่งที่ชัดเจนในตัวเองขนาดนั้นได้อย่างไร -
5:48 - 5:52จากนั้น เย็นวันหนึ่งในเลกอส
ฉันกับหลุยส์ออกไปกับเพื่อน ๆ -
5:52 - 5:55และสำหรับใครก็ตาม
ที่ไม่คุ้นเคยกับเลกอส -
5:55 - 5:57ที่นั่นมีงานกีฬาประจำเมืองอยู่
-
5:57 - 6:02ที่ที่จะมีกลุ่มผู้ชายกระตือรือร้น
คอยเดินวนอยู่รอบ ๆ -
6:02 - 6:05และสวมบทบาทในการ
"ช่วย" จอดรถให้คุณ -
6:06 - 6:09ฉันประทับใจกับการเล่นละครนี้
-
6:09 - 6:13ของชายที่หาที่จอดรถ
ให้พวกเราในเย็นวันนั้น -
6:13 - 6:16ดังนั้น ตอนที่เรากำลังจะจากไป
ฉันจึงตัดสินใจที่จะให้ทิปแก่เขา -
6:16 - 6:18ฉันเปิดกระเป๋าของฉัน
-
6:18 - 6:20ล้วงมือลงไปในกระเป๋า
-
6:20 - 6:23นำเงินที่ฉันได้
จากการทำงานออกมา -
6:23 - 6:25แล้วยื่นให้ผู้ชายคนนั้น
-
6:26 - 6:27และเขา
-
6:27 - 6:30ชายผู้ซาบซึ้งใจ
และดีใจเป็นอย่างยิ่ง -
6:30 - 6:32รับเงินไปจากฉัน
-
6:32 - 6:34มองตรงไปที่หลุยส์
-
6:34 - 6:36แล้วพูดว่า "ขอบคุณครับท่าน!"
-
6:36 - 6:41(เสียงหัวเราะ)
-
6:41 - 6:45หลุยส์มองมาที่ฉัน
ด้วยความตกใจ แล้วถามว่า -
6:45 - 6:49"ทำไมเขาถึงขอบคุณผมล่ะ
ผมไม่ได้ให้เงินเขาสักหน่อย" -
6:49 - 6:53จากนั้นฉันก็แลเห็นความเข้าใจ
ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลุยส์ -
6:53 - 6:56ผู้ชายคนนั้นเชื่อว่า
เงินอะไรก็ตามที่ฉันมีอยู่ -
6:56 - 7:00สุดท้ายแล้วก็ต้องมาจากหลุยส์
-
7:00 - 7:02เพราะว่าหลุยส์เป็นผู้ชาย
-
7:03 - 7:05ผู้ชายกับผู้หญิงนั้นแตกต่างกัน
-
7:05 - 7:07เรามีฮอร์โมนที่แตกต่างกัน
เรามีเครื่องเพศที่ไม่เหมือนกัน -
7:07 - 7:10เรามีสมรรถภาพทางกาย
ที่แตกต่างกัน -
7:10 - 7:13ผู้หญิงมีลูกได้ ผู้ชายมีไม่ได้
-
7:13 - 7:15อย่างน้อยก็ยังนะ
-
7:16 - 7:20ผู้ชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนและ
โดยทั่วไปมีร่างกายแข็งแรงกว่าผู้หญิง -
7:21 - 7:24ผู้หญิงมีจำนวนมากกว่าผู้ชาย
เล็กน้อยบนโลกใบนี้ -
7:24 - 7:27ประชากรโลกประมาณร้อยละ 52
เป็นผู้หญิง -
7:27 - 7:31แต่ตำแหน่งที่มีอำนาจและเกียรติคุณ
ส่วนใหญ่กลับถือครองโดยผู้ชาย -
7:31 - 7:34ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ชาวเคนยาที่ล่วงลับไปแล้ว -
7:34 - 7:37วังการี มาไธ พูดสั้น ๆ
แต่ได้ใจความว่า -
7:37 - 7:41"ยิ่งคุณขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งมีผู้หญิงน้อยลงมากเท่านั้น" -
7:42 - 7:46การเลือกตั้งในสหรัฐที่แล้วมาเราจะ
ได้ยินกันเรื่อย ๆ ถึง Lilly Ledbetter Law -
7:46 - 7:50และหากเราก้าวข้ามชื่ออักษรสัมผัส
อันไพเราะของกฎหมายนั้นไปได้ -
7:50 - 7:53กฎหมายนั้นแท้จริงแล้ว
เป็นเรื่องของผู้ชายและผู้หญิง -
7:53 - 7:56ที่ทำงานอย่างเดียวกัน
และมีคุณสมบัติเท่ากัน -
7:56 - 7:58แต่ผู้ชายกลับได้รับค่าจ้างมากกว่า
เพราะว่าเขาเป็น "ผู้ชาย" -
7:58 - 8:01ดังนั้น ในความหมายตามตัวอักษรแล้ว
ผู้ชายเป็นฝ่ายครองโลก -
8:01 - 8:05และสิ่งนี้ก็สมเหตุสมผล
เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว -
8:05 - 8:08เพราะว่ามนุษย์ในตอนนั้น
อาศัยอยู่ในโลก -
8:08 - 8:12ที่ความแข็งแรงทางร่างกายเป็น
คุณสมบัติสำคัญที่สุดของการเอาชีวิตรอด -
8:12 - 8:17คนที่มีความแข็งแรงทางร่างกายมากกว่า
มีแนวโน้มที่จะได้เป็นผู้นำสูงกว่า -
8:17 - 8:21และผู้ชาย โดยทั่วไปแล้ว
ก็มีความแข็งแรงทางร่างกายมากกว่า -
8:21 - 8:23แน่นอนว่า มีข้อยกเว้นต่าง ๆ อยู่เยอะ
-
8:23 - 8:27แต่ทุกวันนี้
เราอยู่ในโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง -
8:28 - 8:32คนที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำมากกว่า
ไม่ใช่คนที่มีความแข็งแรงทางกายมากกว่า -
8:32 - 8:36แต่เป็นคนที่มีความคิดริเริ่มมากกว่า
มีความเฉลียวฉลาดมากกว่า -
8:36 - 8:38มีความคิดใหม่ ๆ มากกว่า
-
8:38 - 8:41และไม่มีฮอร์โมนใด ๆ
เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติเหล่านั้น -
8:41 - 8:44ผู้ชายและผู้หญิง
สามารถมีความฉลาด -
8:44 - 8:47มีความคิดริเริ่ม มีความคิดใหม่ ๆ
ได้เหมือน ๆ กัน -
8:47 - 8:51เราพัฒนาขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าความคิดด้าน
เพศภาวะของเราไม่ได้พัฒนาตามมาเลยสำหรับฉัน -
8:51 - 8:56หลายสัปดาห์ที่แล้ว ฉันเดินเข้าไปในล็อบบี้
ของหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดของไนจีเรีย -
8:56 - 8:59ตอนแรกฉันคิดว่าจะเอ่ยชื่อโรงแรมนั้น
แต่แล้วฉันก็ฉุกคิดได้ว่าคงไม่สมควร -
8:59 - 9:03และรปภ.ที่ประตูทางเข้าก็ให้ฉันหยุด
แล้วถามคำถามกวนใจต่าง ๆ นา ๆ -
9:04 - 9:07เพราะข้อสันนิษฐานอัตโนมัติ
ของพวกเขาก็คือว่าผู้หญิงไนจีเรีย -
9:07 - 9:11ที่เดินเข้ามาในโรงแรมเพียงลำพัง
เป็นคนขายบริการทางเพศ -
9:11 - 9:12ว่าแต่ว่า
-
9:12 - 9:15ทำไมโรงแรมเหล่านี้ถึงมุ่งความสนใจไปที่
-
9:15 - 9:19อุปทานในการขายบริการแทนที่จะมองไปที่
อุปสงค์ของการซื้อบริการล่ะ -
9:20 - 9:25ในเลกอส ฉันไม่สามารถเข้าบาร์และผับ
หลายแห่งที่มี "ชื่อเสียง" เพียงคนเดียวได้ -
9:25 - 9:27พวกเขาจะไม่ยอมให้คุณเข้าไป
ถ้าคุณเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว -
9:27 - 9:30คุณจะต้องมีผู้ชายไปเป็นเพื่อน
-
9:30 - 9:33แต่ละครั้งที่ฉันเดินเข้าไปใน
ร้านอาหารไนจีเรียกับผู้ชาย -
9:33 - 9:36บริกรจะทักทายผู้ชาย
แต่กลับไม่สนใจฉัน -
9:36 - 9:39บริกรคือผลิตผล...
-
9:39 - 9:42ถึงจุดนี้ผู้หญิงบางคนคงคิดว่า
"ใช่เลย! ฉันคิดอย่างนั้นแหละ!" -
9:42 - 9:45บริกรคือผลิตผลของสังคม
-
9:45 - 9:48ที่สอนว่าผู้ชายนั้นสำคัญกว่าผู้หญิง
-
9:48 - 9:51และฉันรู้ว่าบริกรเหล่านั้น
ไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไร -
9:51 - 9:55แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันรับรู้ได้ทางสติปัญญา
และอีกสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ทางอารมณ์ -
9:55 - 9:58แต่ละครั้งที่พวกเขาไม่สนใจฉัน
ฉันจะรู้สึกไม่มีตัวตน -
9:58 - 10:00ฉันจะรู้สึกโมโห
-
10:00 - 10:03ฉันอยากจะบอกพวกเขาว่า
ฉันก็เป็นมนุษย์เหมือนกับผู้ชายนะ -
10:03 - 10:06ว่าฉันก็มีค่ามากพอแก่การยอมรับ
-
10:07 - 10:08สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ
-
10:08 - 10:11แต่บางครั้งสิ่งเล็กน้อยนี่แหละ
ที่แทงใจดำมากที่สุด -
10:11 - 10:14และเมื่อไม่นานมานี้
ฉันได้เขียนบทความ -
10:14 - 10:17ว่าการเป็นผู้หญิงอายุน้อยในเลกอสนั้น
มันหมายถึงอะไร -
10:17 - 10:21และพวกคนจัดพิมพ์ก็บอกกับฉันว่า
"เนื้อหาดูโกรธจัดมากเชียวนะ" -
10:21 - 10:23ต้องโกรธจัดแหงสิยะ!
-
10:23 - 10:26(เสียงหัวเราะ)
-
10:27 - 10:29ฉันโกรธเคือง
-
10:29 - 10:32เพศภาวะในทุกวันนี้
คือความอยุติธรรมที่ร้ายแรง -
10:32 - 10:33เราทุกคนควรที่จะต้องโกรธเคือง
-
10:33 - 10:37ความโกรธมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ในการนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในแง่ดี -
10:37 - 10:40แต่นอกเหนือไปจากความโกรธแล้ว
ฉันก็ยังมีความหวัง -
10:41 - 10:44เพราะฉันศรัทธาอย่างแรงกล้า
ในความสามารถของมนุษย์ -
10:44 - 10:47ในการสร้างและปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่
เพื่อให้เกิดผลที่ดียิ่งขึ้น -
10:47 - 10:49เพศภาวะนั้นมีความสำคัญ
ในทุกหนแห่งบนโลก -
10:49 - 10:53แต่ฉันอยากจะมุ่งเน้นไปที่
ไนจีเรียและแอฟริกาโดยรวม -
10:53 - 10:55เพราะว่ามันเป็นที่ที่ฉันรู้จัก
-
10:55 - 10:57และเพราะ
มันเป็นที่ที่หัวใจของฉันอยู่ -
10:57 - 10:59และในวันนี้ฉันอยากร้องขอ
-
10:59 - 11:02ให้เราเริ่มวาดฝันถึงและ
วางแผนสำหรับ -
11:02 - 11:06โลกที่แตกต่าง
โลกที่ยุติธรรมมากขึ้น -
11:06 - 11:09โลกที่ผู้ชายกับผู้หญิง
มีความสุขยิ่งขึ้น -
11:09 - 11:11และซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก
ของตัวเองมากกว่าเดิม -
11:11 - 11:13และนี่คือขั้นแรก:
-
11:13 - 11:15เราจะต้องเปลี่ยน
วิธีเลี้ยงดูลูกสาวของเรา -
11:15 - 11:18และเราก็จะต้องเปลี่ยน
วิธีเลี้ยงดูลูกชายของเราด้วย -
11:18 - 11:21เราทำร้ายเด็กชายอย่างแสนสาหัส
ด้วยวิธีการที่เราเลี้ยงดูพวกเขา -
11:21 - 11:24เราทำให้มนุษยธรรมของ
เด็กชายเหล่านั้นสูญหายไป -
11:25 - 11:27เรานิยาม "ความเป็นชาย"
อย่างคับแคบ -
11:27 - 11:30ความเป็นชายจึงกลายเป็น
กรงเล็ก ๆ แน่น ๆ นี้ -
11:30 - 11:33แล้วเราก็เอาเด็กชายเหล่านั้น
มาขังไว้ในกรง -
11:33 - 11:36เราสอนเด็กผู้ชาย
ให้หวั่นเกรงความกลัว -
11:36 - 11:40เราสอนเด็กผู้ชายให้หวั่นเกรง
จุดอ่อนและความอ่อนแอ -
11:41 - 11:43เราสอนให้พวกเขาปกปิด
ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง -
11:43 - 11:48เพราะว่าพวกเขาจะต้องเป็น สิ่งที่
ในภาษาไนจีเรียเรียกว่า "ชายผู้ทรหด!" -
11:49 - 11:53ในโรงเรียนมัธยม เวลา
เด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่เป็นวัยรุ่นทั้งคู่ -
11:53 - 11:55และมีเงินติดตัวอยู่เท่า ๆ กัน
-
11:55 - 11:59ออกไปข้างนอกด้วยกัน
เด็กหนุ่มจะถูกคาดหวังอยู่เสมอ -
11:59 - 12:02ให้เป็นคนจ่าย
เพื่อพิสูจน์ความเป็นชาย -
12:02 - 12:05แต่เราก็ยังมานั่งสงสัยว่าทำไม
เด็กหนุ่มถึงมีโอกาสขโมยเงิน -
12:05 - 12:07จากผู้ปกครองมากกว่า
-
12:08 - 12:11จะเป็นยังไง ถ้าเด็กผู้ชายและ
เด็กผู้หญิงได้รับการเลี้ยงดู -
12:11 - 12:14ให้มองว่าความเป็นชาย
ไม่เกี่ยวข้องกับเงินล่ะ -
12:14 - 12:18จะเป็นยังไง ถ้าทัศนคติไม่ใช่
"เด็กหนุ่มต้องเป็นคนจ่าย" -
12:18 - 12:21แต่เป็น
"ใครก็ตามที่มีมากกว่าควรจ่าย" -
12:21 - 12:24ทีนี้ ก็แน่ล่ะว่า เพราะ
ความได้เปรียบทางประวัติศาสตร์นั้น -
12:24 - 12:26ทำให้โดยส่วนใหญ่แล้ว
ผู้ชายมีเงินมากกว่า -
12:26 - 12:28แต่หากเราเริ่มเลี้ยงดูเด็ก ๆ
ให้ต่างจากเดิม -
12:28 - 12:31เช่นนั้นแล้วในอีกห้าสิบปี
ในอีกร้อยปี -
12:31 - 12:35เด็กหนุ่มจะไม่มีความกดดันให้
ต้องพิสูจน์ความเป็นชายอีกต่อไป -
12:35 - 12:39แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างแท้จริง
ที่เราทำกับผู้ชาย -
12:39 - 12:41ผ่านการทำให้พวกเขารู้สึกว่า
พวกเขาต้องทรหด -
12:41 - 12:45ก็คือการที่เราปลูกฝังพวกเขา
ให้มีอีโก้ที่เปราะบางมาก -
12:45 - 12:49ยิ่งชายคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็น
"ชายผู้ทรหด" มากเท่าไร -
12:50 - 12:52อีโก้ของเขาก็จะยิ่งเปราะบาง
มากขึ้นเท่านั้น -
12:53 - 12:56จากนั้นเราก็ได้ทำร้ายเด็กผู้หญิง
อย่างสาหัสมากกว่าเดิมเข้าไปอีก -
12:56 - 13:00เพราะเราเลี้ยงพวกเธอให้คอย
รองรับอีโก้อันเปราะบางของผู้ชาย -
13:01 - 13:04เราสอนเด็กผู้หญิงให้เจียมเนื้อเจียมตัว
ทำให้ตัวเองต่ำต้อยลงไป -
13:04 - 13:06เราบอกกับเด็กผู้หญิงว่า
-
13:06 - 13:09"เธอมีจุดมุ่งหมายได้นะ
แต่ต้องไม่มากเกินไป" -
13:09 - 13:12"เธอควรมุ่งไปสู่ความสำเร็จ
แต่อย่าประสบความสำเร็จมากจนเกินไป -
13:12 - 13:15มิฉะนั้น เธอจะข่มให้ผู้ชายกลัว"
-
13:15 - 13:18ถ้าคุณเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว
แทนสามีของคุณ -
13:18 - 13:20คุณจะต้องแสร้งทำเหมือนว่า
คุณไม่ได้เป็น -
13:20 - 13:24โดยเฉพาะในที่สาธารณะ มิฉะนั้น คุณจะ
"ลดค่าความเป็นชาย (emasculate)" ของเขาลงไป -
13:25 - 13:28แต่จะเป็นยังไงล่ะถ้าเราตั้งคำถาม
กับตัววิธีคิดนั้น -
13:28 - 13:32ทำไมความสำเร็จของผู้หญิงคนหนึ่ง
ถึงเป็นภัยคุกคามต่อผู้ชายคนหนึ่งได้ล่ะ -
13:32 - 13:35จะเป็นยังไง หากเราแค่ตัดสินใจ
ที่จะทิ้งคำคำนั้นไป -
13:35 - 13:40และฉันไม่คิดว่าจะมีคำภาษาอังกฤษคำไหนที่ฉัน
เกลียดมากกว่าคำว่า "emasculation" อีกแล้ว -
13:41 - 13:44คนรู้จักชาวไนจีเรียคนหนึ่ง
เคยถามฉันว่า ฉันเคยรู้สึกกังวล -
13:44 - 13:47ว่าผู้ชายจะกลัวฉันบ้างไหม
-
13:47 - 13:49ฉันไม่เคยกังวลเลยสักนิด
-
13:49 - 13:51ที่จริงแล้ว ฉันไม่เคย
รู้สึกกังวลเลยเพราะว่า -
13:51 - 13:54ผู้ชายที่จะกลัวฉันได้
-
13:54 - 13:58คือผู้ชายประเภทที่ฉันไม่สนใจแน่ ๆ
-
13:58 - 14:05(เสียงหัวเราะ)
(เสียงปรบมือ) -
14:05 - 14:08แต่ฉันก็ยังค้างคาใจอยู่เรื่องหนึ่ง
-
14:08 - 14:13เพราะว่าฉันเป็นผู้หญิง ฉันถูก
คาดหวังให้ปรารถนาจะแต่งงาน -
14:13 - 14:15ฉันถูกคาดหวังให้ทำการตัดสินใจ
ในชีวิตโดยระลึกอยู่เสมอ -
14:15 - 14:18ว่าการแต่งงานคือสิ่งสำคัญที่สุด
-
14:18 - 14:20การแต่งงานสามารถเป็นสิ่งที่ดีได้
-
14:20 - 14:25มันสามารถเป็นบ่อเกิดความสุข ความรัก
และการสนับสนุนซึ่งกันและกัน -
14:25 - 14:28แต่ทำไมเราถึงสอนเด็กผู้หญิง
ให้ปรารถนาจะแต่งงาน -
14:28 - 14:31แต่กลับไม่สอนเด็กหนุ่ม
ในแบบเดียวกันบ้างล่ะ -
14:31 - 14:34ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ตัดสินใจขายบ้าน -
14:34 - 14:37เพราะว่าเธอไม่อยากทำให้
ผู้ชายที่เธออาจแต่งงานด้วยต้องกลัว -
14:38 - 14:42ฉันรู้จักผู้หญิงที่ไม่ได้แต่งงานคนหนึ่ง
ในประเทศไนจีเรีย ที่สวมแหวนแต่งงาน -
14:42 - 14:44เมื่อใดก็ตามที่ไปงานสัมมนาต่าง ๆ
-
14:44 - 14:48เพราะเธอบอกว่าเธออยากให้ผู้ร่วมงาน
คนอื่น ๆ ในงานสัมมนาเหล่านั้น -
14:48 - 14:51"ให้เกียรติเธอ"
-
14:51 - 14:53ฉันรู้จักหญิงสาวหลาย ๆ คน
ที่ผ่านความกดดันมากมาย -
14:53 - 14:57จากครอบครัว จากเพื่อน หรือ
แม้กระทั่งจากที่ทำงาน ให้ไปแต่งงาน -
14:57 - 14:59และพวกเธอก็ถูกบังคับให้ต้อง
ทำการตัดสินใจที่ผิดมหันต์มากมาย -
14:59 - 15:02เมื่อผู้หญิงมีอายุถึงจุดหนึ่ง
แล้วไม่ได้แต่งงาน -
15:02 - 15:07สังคมเราสอนให้พวกเธอมองว่ามันคือ
ความล้มเหลวส่วนตัวที่ร้ายแรง -
15:07 - 15:10แต่เมื่อผู้ชายมีอายุถึงจุดหนึ่ง
แล้วไม่ได้แต่งงาน -
15:10 - 15:13เรากลับคิดว่าเขาแค่ไม่ได้มา
ลอยชายเพื่อเฟ้นหาก็เท่านั้น -
15:13 - 15:15(เสียงหัวเราะ)
-
15:15 - 15:17เราอาจจะพูดกันได้ง่าย ๆ ว่า
-
15:17 - 15:19"อ้อ แต่ถ้าผู้หญิงไม่ให้ค่า
เรื่องพวกนี้ซะก็สิ้นเรื่องนี่" -
15:19 - 15:21แต่ความเป็นจริงนั้นทั้งลำบาก
และซับซ้อนมากกว่านี้ -
15:21 - 15:23เราทุกคนล้วนเป็นสัตว์สังคม
-
15:23 - 15:26เราปลูกฝังความคิดจากการ
กล่อมเกลาของสังคมรอบตัวเรา -
15:26 - 15:28แม้กระทั่งภาษาที่เราใช้
-
15:28 - 15:31ในการพูดคุยเรื่องการแต่งงาน
และความสัมพันธ์ ก็สะท้อนให้เห็นสิ่งนี้ -
15:31 - 15:34ภาษาของการแต่งงานมักจะเป็น
ภาษาที่แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ -
15:34 - 15:37มากกว่าภาษาของการเป็นคู่ร่วมชีวิต
-
15:37 - 15:40เราใช้คำว่า "ให้ความเคารพ"
-
15:40 - 15:43เพื่อหมายถึงสิ่งที่ผู้หญิงมอบให้ผู้ชาย
-
15:43 - 15:46แต่มักไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายต้องมอบให้ผู้หญิง
-
15:46 - 15:49ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ที่ไนจีเรียต่างพูดว่า -
15:49 - 15:52ซึ่งนี่เป็นวลีที่ฉันรู้สึกขบขันมาก ๆ
-
15:52 - 15:55"ที่ฉันทำก็เพื่อความสงบสุข
ในชีวิตแต่งงานหรอกนะ" -
15:55 - 15:57ทีนี้ เวลาที่ผู้ชายพูดวลีนี้
-
15:57 - 16:00มันมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
สิ่งที่พวกเขาไม่ควรทำอยู่แล้ว -
16:00 - 16:02(เสียงหัวเราะ)
-
16:02 - 16:04บางครั้งพวกเขาพูดวลีนี้กับเพื่อน ๆ
-
16:04 - 16:08จริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่พวกเขา
ในแบบกึ่ง ๆ เหมือนจะรำคาญใจ -
16:08 - 16:11แบบว่าเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็น
ว่าพวกเขามีความเป็นชายแค่ไหน -
16:11 - 16:13เป็นที่ต้องการแค่ไหน เป็นที่รักแค่ไหน
-
16:13 - 16:16"โอ้ ภรรยาบอกกับผมว่า
ผมไปเที่ยวผับทุกคืนไม่ได้ -
16:16 - 16:18ฉะนั้น เพื่อความสงบสุขในชีวิตแต่งงาน
ผมเลยไปแค่วันสุดสัปดาห์เฉย ๆ" -
16:18 - 16:20(เสียงหัวเราะ)
-
16:20 - 16:24ทว่า เวลาที่ผู้หญิงพูดว่า "ที่ฉันทำแบบนี้
ก็เพื่อความสงบสุขในชีวิตแต่งงาน" -
16:24 - 16:27เธอมักจะหมายถึง
การสละงานที่เธอทำ -
16:27 - 16:29ความฝัน
-
16:29 - 16:31อาชีพการงาน
-
16:31 - 16:34เราสอนผู้หญิงว่าในความสัมพันธ์
-
16:34 - 16:37การประนีประนอมคือสิ่งที่ต้องทำ
-
16:37 - 16:40เราเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงให้มอง
พวกเดียวกันเองเป็นคู่แข่ง -
16:40 - 16:43ไม่ใช่เพื่องานหรือเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งดี -
16:43 - 16:45แต่เพื่อ "ความสนใจของผู้ชาย"
-
16:46 - 16:49เราสอนเด็กผู้หญิงว่าพวกเธอ
ไม่สามารถคิดเรื่องเพศได้ -
16:49 - 16:51ในแบบที่เด็กหนุ่มทำ
-
16:51 - 16:55ถ้าเรามีลูกชาย เราจะไม่คิดอะไรมาก
เวลาทำความรู้จักกับแฟนสาวของลูกชาย -
16:55 - 16:57แต่แฟนหนุ่มของลูกสาวเราน่ะเหรอ
"พระเจ้าสั่งห้าม" -
16:57 - 16:58(เสียงหัวเราะ)
-
16:58 - 17:00แต่แน่นอนว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
-
17:00 - 17:04เราก็คาดหวังให้เด็กผู้หญิงเหล่านั้นพา
ผู้ชายสมบูรณ์แบบที่จะเป็นสามีมาด้วย -
17:04 - 17:06เราควบคุมเด็กผู้หญิง
-
17:06 - 17:08เราตีคุณค่าเด็กผู้หญิงจากความบริสุทธิ์
-
17:08 - 17:10แต่เรากลับไม่ให้ค่าความบริสุทธิ์
กับเด็กผู้ชาย -
17:10 - 17:13และนั่นก็ทำให้ฉันนึกสงสัยอยู่ตลอดว่า
ว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหนกันแน่ -
17:13 - 17:16เพราะว่า..
(เสียงหัวเราะ) -
17:16 - 17:23(เสียงปรบมือ)
-
17:24 - 17:29ฉันหมายถึง การเสียบริสุทธิ์
มักจะเป็นกระบวนการที่ต้องใช้... -
17:29 - 17:31เมื่อไม่นานมานี้ มีหญิงสาวคนหนึ่ง
-
17:31 - 17:33ถูกรุมโทรมที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ในไนจีเรีย -
17:33 - 17:35ฉันคิดว่าพวกเราบางคนก็รู้เรื่องนี้ดี
-
17:35 - 17:37แต่ปฏิกิริยาของวัยรุ่นไนจีเรียมากมาย
-
17:37 - 17:38ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
-
17:38 - 17:40กลับเป็นคำพูดในทำนองนี้
-
17:40 - 17:43"ใช่ การข่มขืนนั้นผิด
-
17:43 - 17:47ว่าแต่ว่า ผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายสี่คน
ในห้องเป็นผู้หญิงแบบไหนกันล่ะ" -
17:47 - 17:52ทีนี้ หากเรามองข้ามปฏิกิริยา
อันไร้มนุษยธรรมและเลวร้ายนั้นไปได้ -
17:52 - 17:57เราจะเห็นว่าหนุ่มสาวไนจีเรียเหล่านี้
ถูกเลี้ยงดูให้คิดว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายผิดเสมอ -
17:58 - 18:01และถูกเลี้ยงดูให้
คาดหวังในตัวผู้ชายน้อยมาก -
18:01 - 18:05จนทำให้การกระทำอันป่าเถื่อนของผู้ชาย
ที่ขาดการควบคุม -
18:05 - 18:06กลับกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
-
18:06 - 18:09เราสอนให้เด็กผู้หญิงรู้จักละอาย
-
18:09 - 18:12"เก็บขาเธอให้ดี ๆ"
"แต่งตัวให้มิดชิดหน่อย" -
18:12 - 18:14เราทำให้พวกเธอรู้สึกราวกับว่า
แค่เกิดมาเป็นผู้หญิง -
18:14 - 18:16พวกเธอมีความผิดบางอย่าง
เรียบร้อยแล้ว -
18:16 - 18:19จากนั้น เด็กผู้หญิงก็
เติบใหญ่ขึ้นมาเป็นหญิงสาว -
18:19 - 18:21ที่มองไม่เห็นว่า
ตนเองก็มีความปรารถนา -
18:21 - 18:24พวกเธอเติบโตขึ้นมาเป็น
ผู้หญิงที่เงียบเสียงของตนเอง -
18:25 - 18:29พวกเธอเติบโตขึ้นเป็นผู้หญิงที่มอง
ไม่เห็นว่าแท้จริงแล้วพวกเธอคิดอะไร -
18:29 - 18:30แล้วพวกเธอก็เติบโตขึ้น
-
18:30 - 18:32และนี่คือสิ่งเลวร้ายที่สุด
ที่เราทำต่อเด็กผู้หญิง -
18:32 - 18:37พวกเธอเติบโตขึ้นเป็นผู้หญิงที่
เปลี่ยนการเสแสร้งให้เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง -
18:37 - 18:43(เสียงปรบมือ)
-
18:43 - 18:46ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่เกลียดงานบ้าน
-
18:46 - 18:47เธอแค่เกลียดมัน
-
18:47 - 18:50แต่เธอแกล้งทำเป็นว่าเธอชอบมัน
-
18:50 - 18:54เพราะเธอถูกสอนว่า
การจะเป็น "ภรรยาที่ดีและเหมาะสม" -
18:54 - 18:59เธอจะต้องเป็น สิ่งที่ในภาษาไนจีเรีย
เรียกว่า "แม่ศรีเรือน" อย่างแท้จริง -
19:00 - 19:01แล้วจากนั้นเธอก็แต่งงาน
-
19:01 - 19:03และหลังจากนั้นไม่นาน
ครอบครัวของสามีเธอ -
19:03 - 19:07ก็เริ่มบ่นว่าเธอนั้นเปลี่ยนไป
-
19:07 - 19:08อันที่จริงเธอไม่ได้เปลี่ยนไป
-
19:08 - 19:10เธอแค่เหนื่อยล้าที่จะเสแสร้ง
-
19:11 - 19:13ปัญหาเรื่องเพศภาวะดังกล่าว
-
19:13 - 19:16ก็คือว่ามันกำหนดว่าเราควรเป็นอย่างไร
-
19:16 - 19:19มากกว่าที่จะยอมรับว่าเราเป็นอย่างไร
-
19:20 - 19:22ทีนี้ ลองจินตนาการดูว่า
เราจะมีความสุขมากขึ้นแค่ไหน -
19:22 - 19:26เราจะมีอิสระมากขึ้นขนาดไหน
ที่ได้เป็นตัวของตัวเอง -
19:26 - 19:29หากเราไม่ได้ให้น้ำหนักกับ
ความคาดหวังที่เรามีต่อเพศต่าง ๆ -
19:29 - 19:34เด็กชายและเด็กหญิงนั้นแตกต่างกัน
ทางด้านสรีระอย่างปฏิเสธไม่ได้ -
19:34 - 19:37แต่การขัดเกลาทางสังคมกลับทำให้
ความแตกต่างนั้นเลยเถิดไปกันใหญ่ -
19:37 - 19:40แล้วจากนั้นมันก็กลายเป็น
กระบวนการที่สมบูรณ์ในตัวเอง -
19:40 - 19:42ทีนี้ ลองนึกถึงการทำอาหารเป็นตัวอย่าง
-
19:42 - 19:46ทุกวันนี้ ผู้หญิงโดยทั่วไปแล้วมีแนวโน้ม
ที่จะทำงานบ้านมากกว่าผู้ชาย -
19:46 - 19:47ทำอาหาร ทำความสะอาดน่ะ
-
19:47 - 19:49แต่ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นล่ะ
-
19:49 - 19:52เพราะผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับ
"ยีนทำอาหาร" อย่างนั้นเหรอ -
19:52 - 19:53(เสียงหัวเราะ)
-
19:53 - 19:57หรือเพราะว่าพวกเธอถูกกล่อมเกลามาตลอดหลายปี
ว่าการทำอาหารนั้นเป็นหน้าที่ของพวกเธอ -
19:57 - 20:00ที่จริงฉันเกือบจะพูดว่าบางทีผู้หญิง
อาจเกิดมาพร้อมกับยีนทำอาหาร -
20:00 - 20:04จนกระทั่งฉันนึกขึ้นได้ว่า
พ่อครัวที่โด่งดังส่วนใหญ่บนโลกนี้ -
20:04 - 20:07ผู้ที่เราขนานนามให้
อย่างสวยหรูว่า "เชฟ" -
20:07 - 20:08นั้นเป็น "ผู้ชาย"
-
20:09 - 20:11ฉันเคยยกย่องคุณย่าของฉัน
-
20:11 - 20:13ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ฉลาดปราดเปรื่อง
-
20:13 - 20:15และนึกสงสัยว่าท่านจะเป็นอย่างไรนะ
-
20:15 - 20:18หากท่านมีโอกาสเช่นเดียวกับผู้ชาย
ตอนที่ท่านเติบโตขึ้น -
20:19 - 20:22ทุกวันนี้ โอกาสสำหรับผู้หญิง
มีเพิ่มขึ้นมากมาย -
20:22 - 20:24กว่าที่มีในสมัยคุณย่าฉันมาก
-
20:24 - 20:27เนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ในด้านนโยบาย และกฎหมาย -
20:27 - 20:28ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นสำคัญมาก
-
20:28 - 20:32แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ
ทัศนคติของเรา กรอบความคิดของเรา -
20:32 - 20:35สิ่งที่เราเชื่อ และสิ่งที่เราให้ความสำคัญ
ในด้านเพศภาวะ -
20:36 - 20:38จะเป็นยังไง ถ้าในการเลี้ยงดูเด็ก
-
20:38 - 20:42เรามุ่งเน้นไปที่ความสามารถ
แทนที่จะเป็นเพศภาวะ -
20:42 - 20:43จะเป็นยังไง ถ้าในการเลี้ยงดูเด็ก
-
20:43 - 20:47เรามุ่งเน้นไปที่ความสนใจ
แทนที่จะเป็นเพศภาวะล่ะ -
20:47 - 20:50ฉันรู้จักครอบครัวหนึ่ง
ที่มีลูกชายและลูกสาวอย่างละคน -
20:50 - 20:51ซึ่งทั้งคู่เป็นเด็กหัวกะทิที่โรงเรียน
-
20:51 - 20:53เป็นเด็กที่น่ารักและยอดเยี่ยม
-
20:53 - 20:56เมื่อใดก็ตามที่เด็กผู้ชายหิว
พ่อแม่ก็จะบอกกับเด็กผู้หญิงว่า -
20:56 - 20:59"ไปทำอินโดหมี่ (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป)
มาให้น้องชายเธอกินซิ" -
20:59 - 21:03ทีนี้ คนเป็นลูกสาวไม่ได้ชื่นชอบ
การทำอินโดหมี่เป็นพิเศษหรอก -
21:03 - 21:06แต่ว่าเธอเป็นผู้หญิง
เธอเลยต้องทำ -
21:06 - 21:07ทีนี้ จะเป็นยังไง
ถ้าพ่อแม่ของพวกเขา -
21:07 - 21:08ตั้งแต่แรก
-
21:08 - 21:14สอนทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง
ให้ทำอินโดหมี่กินเองเป็นล่ะ -
21:14 - 21:17อีกอย่าง การทำอาหารก็เป็นทักษะ
ที่มีประโยชน์มากสำหรับเด็กผู้ชาย -
21:17 - 21:22ฉันไม่เคยคิดว่ามันเข้าท่าเลยที่จะ
ปล่อยให้สิ่งที่สลักสำคัญเช่นนั้น -
21:22 - 21:25ความสามารถในการหาเลี้ยงตัวเอง
-
21:25 - 21:27ให้ไปอยู่ในมือของคนอื่น
-
21:27 - 21:32(เสียงปรบมือ)
-
21:32 - 21:36ฉันรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่มีวุฒิการศึกษา
และหน้าที่การงานเหมือนกับสามีของเธอ -
21:36 - 21:39เมื่อเขาและเธอกลับจากที่ทำงาน
เธอจะเป็นคนทำงานบ้านส่วนใหญ่ -
21:39 - 21:41ซึ่งฉันคิดว่าชีวิตแต่งงาน
ของใครหลายคนก็เป็นแบบนี้ -
21:41 - 21:43แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจฉัน
ในเรื่องนี้ก็คือว่า -
21:43 - 21:46เมื่อใดก็ตามที่สามีของเธอ
เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก -
21:46 - 21:48เธอจะพูดกับเขาว่า
"ขอบคุณค่ะ" -
21:49 - 21:54ทีนี้ จะเป็นยังไง ถ้าเธอมองว่าเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่สุดแสนธรรมดาและปกติ -
21:54 - 21:57ว่าที่จริงแล้วเขาเองก็ควร
ดูแลเอาใจใส่ลูกของเขานะ -
22:00 - 22:03ฉันพยายามจะลืม
หลายสิ่งที่รู้มาในเรื่องเพศภาวะ -
22:03 - 22:06ที่ถูกปลูกฝังมาตอนฉันโตขึ้น
-
22:06 - 22:08แต่บางครั้ง
ฉันก็ยังรู้สึกเปราะบางอยู่มาก -
22:08 - 22:11เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ
ความคาดหวังด้านเพศภาวะ -
22:11 - 22:14ในครั้งแรกที่ฉันสอนวิชาการเขียน
วิชาหนึ่งในบัณฑิตวิทยาลัย -
22:14 - 22:16ฉันรู้สึกกลุ้มใจ
-
22:16 - 22:19ฉันไม่ได้กลุ้มใจถึงเนื้อหาสาระ
ที่จะสอนเพราะว่าฉันเตรียมตัวมาดีแล้ว -
22:19 - 22:21และฉันก็จะสอนในสิ่งที่ฉันชอบสอน
-
22:21 - 22:24แต่ฉันกลับกลุ้มใจว่าจะแต่งตัวอย่างไรดี
-
22:25 - 22:27ฉันต้องการความใส่ใจอย่างจริงจัง
-
22:27 - 22:29ฉันรู้ว่าเพราะฉันเป็นผู้หญิง
-
22:29 - 22:33ฉันจึงต้องพิสูจน์ค่าของตนเอง
โดยอัตโนมัติ -
22:33 - 22:35และฉันก็กลุ้มใจว่า
ถ้าฉันดูเป็นผู้หญิงเกินไป -
22:35 - 22:38ฉันจะไม่ได้รับความใส่ใจ
-
22:38 - 22:42ฉันอยากทาลิปกลอสแวววาว
และสวมกระโปรงหวาน ๆ มาก -
22:42 - 22:43แต่ฉันตัดใจไม่ใส่มัน
-
22:43 - 22:46ทว่า ฉันกลับใส่ชุดสูทที่ดูเคร่งขรึม
-
22:46 - 22:49เหมือนผู้ชาย และน่าเกลียดแทน
-
22:50 - 22:53เพราะความจริงที่น่าเศร้าก็คือว่า
เมื่อใดก็ตามที่เราพูดถึงรูปลักษณ์ -
22:53 - 22:55เรามักจะเริ่มด้วยการใช้
ผู้ชายเป็นมาตรฐาน -
22:55 - 22:56และเป็นบรรทัดฐาน
-
22:56 - 22:59ถ้าผู้ชายสักคนจะเตรียมตัว
เพื่อเข้าร่วมประชุมทางธุรกิจ -
22:59 - 23:00เขาจะไม่ต้องกังวลว่า
จะดู "สมชาย" มากเกินไป -
23:00 - 23:03และดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเมินเฉย
-
23:03 - 23:06แต่เวลาผู้หญิงสักคนเตรียมตัว
เพื่อไปร่วมการประชุมทางธุรกิจ -
23:06 - 23:10เธอจะต้องกังวลว่าจะดูเป็นผู้หญิง
มากเกินไปไหมและผลจะเป็นอย่างไร -
23:10 - 23:13รวมถึงกังวลว่า
เธอจะได้รับความใส่ใจหรือไม่ -
23:14 - 23:17ฉันรู้สึกเสียดายที่ใส่สูทน่าเกลียด
ตัวนั้นในวันนั้น -
23:17 - 23:20แต่อันที่จริง ฉันก็เนรเทศมันออก
ไปจากตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว -
23:21 - 23:26ถ้าในตอนนั้น ฉันมีความมั่นใจที่จะเป็น
ตัวของตัวเองเหมือนกับที่ฉันมีในตอนนี้ -
23:26 - 23:29นักศึกษาของฉันคงจะได้รับประโยชน์
จากสิ่งที่ฉันสอนมากขึ้นกว่าเดิม -
23:29 - 23:31เพราะว่าฉันจะรู้สึกสบายใจมากกว่า
-
23:31 - 23:33และรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง
ได้อย่างเต็มที่มากกว่า -
23:34 - 23:38ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รู้สึกเสียใจ
อีกต่อไปกับการเกิดเป็นผู้หญิง -
23:38 - 23:40และการเป็นคนที่มีความเป็นหญิง
-
23:40 - 23:47(เสียงปรบมือ)
-
23:47 - 23:50และฉันต้องการได้รับความเคารพ
ในความเป็นเพศหญิงทั้งหมดที่ฉันมี -
23:50 - 23:52เพราะว่าฉันสมควรได้รับมัน
-
23:52 - 23:55เรื่องเพศภาวะไม่ใช่
บทสนทนาที่จะมีกันได้ง่าย ๆ -
23:56 - 23:58สำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง
-
23:58 - 24:01การหยิบยกเรื่องเพศภาวะขึ้นมา บางครั้ง
ก็ก่อให้เกิดการต่อต้านในทันที -
24:01 - 24:04ฉันพอจะเดาได้ว่า บางคน ณ ที่นี้
จริง ๆ แล้วอาจจะกำลังคิดว่า -
24:04 - 24:07"ผู้หญิงกับความซื่อสัตย์ต่อตัวเองอะนะ"
-
24:08 - 24:10ผู้ชายบางคนที่อยู่ ณ ที่นี้
อาจจะคิดว่า -
24:10 - 24:12"ก็ได้ ทั้งหมดที่ว่ามานี้
ก็น่าสนใจอยู่หรอก -
24:12 - 24:15แต่ผมไม่คิดแบบนั้น"
-
24:15 - 24:17และนั่นเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
-
24:17 - 24:20การที่ผู้ชายหลาย ๆ คนไม่ได้
ครุ่นคิดอย่างจริงจังในเรื่องเพศภาวะ -
24:20 - 24:22หรือรับรู้ถึงเรื่องการมีอยู่ของเพศภาวะ
-
24:22 - 24:24คือส่วนหนึ่งของปัญหาเรื่องเพศภาวะ
-
24:24 - 24:26การที่ผู้ชายหลายคนพูด
แบบหลุยส์เพื่อนของฉัน -
24:26 - 24:29ว่าเดี๋ยวนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว
-
24:29 - 24:32และการที่ผู้ชายหลาย ๆ คน
ไม่ทำอะไรเลยเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน -
24:32 - 24:35ถ้าคุณเป็นผู้ชายและเดินเข้าไป
ในร้านอาหารด้วยกันกับผู้หญิง -
24:35 - 24:37แล้วบริกรทักทายแต่คุณ
-
24:37 - 24:39คุณเคยฉุกคิดที่จะถาม
บริกรคนนั้นบ้างไหมว่า -
24:39 - 24:42"ทำไมคุณถึง
ไม่ทักทายเธอด้วยล่ะ" -
24:44 - 24:46เพราะเพศภาวะสามารถเป็น...
-
24:47 - 24:54(เสียงหัวเราะ)
-
24:56 - 24:59อันที่จริง เราอาจจะนอนเล่น
ในช่วงต่อจากนี้ก็ได้นะคะ -
25:00 - 25:04สรุปว่า เพราะเรื่องเพศภาวะนั้นสามารถ
ก่อให้เกิดความลำบากใจเวลาพูดคุยได้ -
25:04 - 25:07จึงมีวิธีง่ายแสนง่ายมากมายที่เรา
ใช้จบบทสนทนาเรื่องดังกล่าว -
25:07 - 25:10ดังนั้น คนบางคนจะหยิบยกเรื่อง
"วิวัฒนาการทางชีววิทยา" ขึ้นมา -
25:10 - 25:11เรื่องลิงไม่มีหาง
-
25:11 - 25:15แบบว่า เรื่องที่ลิงตัวเมีย
โค้งคำนับให้ลิงตัวผู้ -
25:15 - 25:17และอะไรทำนองนั้น
-
25:17 - 25:19แต่ประเด็นก็คือ เราไม่ใช่ลิง
-
25:19 - 25:25(เสียงหัวเราะ)
(เสียงปรบมือ) -
25:26 - 25:30พวกลิงยังอาศัยอยู่บนต้นไม้
และกินไส้เดือนเป็นมื้อเช้า -
25:30 - 25:32แต่พวกเราไม่ได้ทำแบบนั้น
-
25:32 - 25:33คนบางคนจะพูดว่า
-
25:33 - 25:36"แต่ว่า ผู้ชายยากจนก็ลำบาก
เหมือนกันนั่นแหละ" -
25:36 - 25:39และนี่เป็นความจริง
-
25:39 - 25:41แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่...
(เสียงหัวเราะ) -
25:41 - 25:44แต่นั่นเป็นคนละประเด็นกับเรื่องนี้
-
25:46 - 25:49เพศภาวะและการแบ่งชนชั้นเป็น
รูปแบบการกดขี่ที่แตกต่างกัน -
25:49 - 25:53จริง ๆ แล้ว ฉันเองก็ได้รู้มาพอสมควร
เกี่ยวกับระบบการกดขี่ในแบบต่าง ๆ -
25:53 - 25:55รวมถึงวิธีที่การกดขี่อย่างหนึ่ง
ปิดหูปิดตาการกดขี่รูปแบบอื่น ๆ -
25:55 - 25:58ผ่านการพูดคุยกับคนผิวดำ
-
25:58 - 26:01ฉันเคยคุยกับชายผิวดำคนหนึ่ง
ในเรื่องเพศภาวะอยู่ครั้งหนึ่ง -
26:01 - 26:02และเขาพูดกับฉันว่า
-
26:02 - 26:04"ทำไมคุณถึงต้องพูดว่า
-
26:04 - 26:06'ประสบการณ์ของฉัน
ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง' -
26:06 - 26:07ทำไมถึงไม่พูดว่า
-
26:07 - 26:10'ประสบการณ์ของคุณ
ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง' -
26:11 - 26:13ทีนี้ นี่คือผู้ชายคนเดียวกัน
ที่มักพูดบ่อย ๆ เกี่ยวกับ -
26:13 - 26:16"ประสบการณ์ของเขา
ในฐานะคนดำคนหนึ่ง" -
26:18 - 26:21เพศภาวะเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ชายและผู้หญิง
ประสบพบเจอโลกแตกต่างกัน -
26:22 - 26:25เพศภาวะหล่อหลอม
สิ่งที่เราต้องเผชิญบนโลกใบนี้ -
26:25 - 26:27แต่ว่าเราเปลี่ยนมันได้
-
26:27 - 26:29คนบางคนจะพูดว่า
-
26:29 - 26:32"อ้าว แต่ผู้หญิงมี
อำนาจที่แท้จริงอยู่แล้วนี่ -
26:32 - 26:33อำนาจเบื้องล่าง
(bottom power) ไง" -
26:33 - 26:36และสำหรับคนที่ไม่ใช่ชาวไนจีเรีย
อำนาจเบื้องล่างเป็นสำนวนที่ -
26:36 - 26:38ฉันคิดว่าคล้าย ๆ กับ
-
26:38 - 26:42ผู้หญิงสักคนที่ใช้เพศวิถีของเธอ
เพื่อให้ได้รับความนิยมชมชอบจากผู้ชาย -
26:42 - 26:45แต่อำนาจเบื้องล่างนั้น
ไม่ใช่อำนาจเลยแม้แต่น้อย -
26:47 - 26:50อำนาจเบื้องล่างหมายถึง
อำนาจที่ผู้หญิงสักคนมี -
26:50 - 26:53จากการใช้ประโยชน์จากรากฐาน
ที่ตนเองเกาะอยู่เป็นครั้งคราว -
26:53 - 26:56ซึ่งก็คืออำนาจของใครสักคนหนึ่ง
-
26:56 - 26:57แน่นอนว่า
จากนั้นเราก็จะเกิดความสงสัย -
26:57 - 26:59ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคนคนนั้น
-
26:59 - 27:00อารมณ์ไม่ดี
-
27:00 - 27:02หรือเจ็บป่วย
-
27:02 - 27:03หรือเสื่อมสมรรถภาพ
-
27:03 - 27:07(เสียงหัวเราะ)
-
27:08 - 27:13คนบางคนจะพูดว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นรอง
ผู้ชายสักคนหนึ่งนั้นคือวัฒนธรรมของเรา -
27:14 - 27:16แต่วัฒนธรรมมีการ
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด -
27:16 - 27:19ฉันมีหลานสาวฝาแฝดสะสวย 2 คน
ที่อายุ 15 ปี -
27:19 - 27:20และอาศัยอยู่ในเลกอส
-
27:20 - 27:23ถ้าพวกเธอเกิดมาเมื่อร้อยปีที่แล้ว
-
27:23 - 27:25พวกเธอจะถูกพรากตัวไปและฆ่าทิ้ง
-
27:25 - 27:29เพราะว่ามันคือวัฒนธรรมของเรา
วัฒนธรรมที่ต้องฆ่าฝาแฝด -
27:29 - 27:32ถ้าอย่างนั้น
วัฒนธรรมมีไว้เพื่ออะไรล่ะ -
27:32 - 27:34ฉันหมายถึงว่ามันมีการตกแต่ง
-
27:34 - 27:35มีการเต้นรำ...
-
27:35 - 27:37แต่ว่าวัฒนธรรมเองก็ยังเกี่ยวข้องกับ
-
27:37 - 27:40การรักษาและการสืบทอด
ของคนในชาติ -
27:40 - 27:41ในครอบครัวของฉัน
-
27:41 - 27:45ฉันเป็นลูกคนที่สนใจมากที่สุด
ว่าเราเป็นใคร -
27:45 - 27:46ประเพณีของเรานั้นเป็นอย่างไร
-
27:46 - 27:48และเรื่องราวของดินแดนบรรพบุรุษนี้
มีอะไรบ้าง -
27:48 - 27:51พี่ชายน้องชายของฉันต่างไม่ได้
สนใจเรื่องพวกนี้มากเท่ากับฉัน -
27:51 - 27:53แต่ว่าฉันไม่สามารถมีส่วนร่วม
-
27:53 - 27:55ฉันไม่สามารถไปเข้าร่วม
การประชุมของพวกเขา -
27:55 - 27:57ฉันไม่สามารถออกความเห็น
-
27:57 - 27:59เพราะว่าฉันคือผู้หญิง
-
27:59 - 28:01วัฒนธรรมไม่ได้สร้างมนุษย์
-
28:01 - 28:03มนุษย์ต่างหากที่สร้างวัฒนธรรม
-
28:05 - 28:08(เสียงปรบมือ)
-
28:09 - 28:12ดังนั้น หากจริง ๆ แล้ว
ความเป็นมนุษย์เต็มรูปแบบของผู้หญิง -
28:12 - 28:16ไม่ใช่วัฒนธรรมของเรา เช่นนั้น
เราต้องทำให้มันเป็นวัฒนธรรมของเรา -
28:17 - 28:22บ่อยครั้งเหลือเกินที่
ฉันนึกถึงโอคูโลมา เพื่อนรักของฉัน -
28:22 - 28:27ขอให้เขาและทุกคนที่เสียชีวิตไปแล้ว
ในเหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนั้น -
28:27 - 28:29หลับใหลอยู่ในห้วงนิทราอย่างสงบต่อไป
-
28:29 - 28:33เขาจะยังคงเป็นที่จดจำ
ในหมู่พวกเราทั้งหลายที่รักเขาเสมอ -
28:33 - 28:36และเขาพูดถูก
ในวันนั้นเมื่อหลายปีมาแล้ว -
28:36 - 28:38ตอนที่เขาเรียกฉันว่านักสตรีนิยม
-
28:38 - 28:40ฉันเป็นนักสตรีนิยม
-
28:40 - 28:43และตอนที่ฉันค้นหาความหมาย
ของคำคำนั้นในพจนานุกรมในวันนั้น -
28:43 - 28:44นี่คือนิยามที่เขียนเอาไว้
-
28:44 - 28:45"นักสตรีนิยม (Feminist)
-
28:45 - 28:47บุคคลที่เชื่อมั่น
ในความเท่าเทียมทางเพศ -
28:47 - 28:50ในด้านสังคม การเมือง และ
เศรษฐกิจ -
28:51 - 28:53คุณย่าทวดของฉัน
-
28:53 - 28:54จากเรื่องราวที่ฉันรับรู้มา
-
28:54 - 28:56เป็นนักสตรีนิยม
-
28:56 - 28:59ท่านหนีออกจากบ้านของผู้ชาย
ที่ท่านไม่อยากแต่งงานด้วย -
28:59 - 29:02และลงเอยด้วยการแต่งงาน
กับผู้ชายที่ท่านเลือกเอง -
29:02 - 29:05ท่านปฏิเสธ
ท่านแข็งขืน ท่านลุกขึ้นพูด -
29:05 - 29:11เมื่อใดก็ตามที่ท่านรู้สึกว่ากำลังถูกพราก
สิทธิ หรือที่ดิน อะไรทำนองนั้น -
29:11 - 29:14คุณย่าทวดของฉันไม่รู้จักคำว่า
"นักสตรีนิยม" -
29:14 - 29:17แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า
ท่านไม่ได้เป็น -
29:17 - 29:20เราทั้งหลายควร
เรียกคืนคำคำนั้นกลับมา -
29:21 - 29:24คำว่า "นักสตรีนิยม"
ในนิยามของฉันคือ -
29:24 - 29:26นักสตรีนิยม
คือผู้ชายหรือผู้หญิง -
29:26 - 29:28ที่พูดว่า...
-
29:28 - 29:38(เสียงหัวเราะ)
(เสียงปรบมือ) -
29:38 - 29:41นักสตรีนิยม คือ
ผู้ชายหรือผู้หญิงที่พูดว่า -
29:41 - 29:44"ใช่ ในทุกวันนี้
เพศภาวะยังคงเป็นปัญหาอยู่ -
29:44 - 29:46และเราต้องแก้ไขมัน
-
29:46 - 29:48เราต้องทำให้ได้ดีกว่านี้"
-
29:49 - 29:50นักสตรีนิยม
ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ฉันรู้จัก -
29:50 - 29:53คือ เคนนี พี่ชายของฉัน
-
29:54 - 29:58เขายังเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน
หน้าตาดี และน่ารัก -
29:58 - 30:00และเขาก็เป็นชายชาตรีมากด้วย
-
30:00 - 30:02ขอบคุณค่ะ
-
30:02 - 30:07(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เราทุกคนควรเป็นนักสตรีนิยม - ชีมาแมนดา นโกซี อดิชี ณ TEDxEuston
- Description:
-
ในการบรรยายที่สนุกสนานและจริงใจนี้ ชีมาแมนดา อดิชี ได้ตั้งคำถามถึงบทบาทด้านเพศภาวะ และเสนอแนะแนวทางในการคิดในมุมที่ต่างออกไปเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำมาซึ่งความเท่าเทียมกันได้อย่างแท้จริง
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDxTalks
- Duration:
- 30:17
TED Translators admin approved Thai subtitles for We should all be feminists - Chimamanda Ngozi Adichie at TEDxEuston | ||
Purich Worawarachai accepted Thai subtitles for We should all be feminists - Chimamanda Ngozi Adichie at TEDxEuston | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for We should all be feminists - Chimamanda Ngozi Adichie at TEDxEuston | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for We should all be feminists - Chimamanda Ngozi Adichie at TEDxEuston | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for We should all be feminists - Chimamanda Ngozi Adichie at TEDxEuston | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for We should all be feminists - Chimamanda Ngozi Adichie at TEDxEuston | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for We should all be feminists - Chimamanda Ngozi Adichie at TEDxEuston | ||
Purich Worawarachai edited Thai subtitles for We should all be feminists - Chimamanda Ngozi Adichie at TEDxEuston |