พฤติกรรมที่น่าประหลาดใจของนักคิดตัวจริง
-
0:01 - 0:067 ปีที่แล้ว มีนักเรียนมาหาผม
และชวนให้ผมลงทุนในบริษัทของเขา -
0:06 - 0:08เขาพูดว่า "ผมกำลัง
ทำงานกับเพื่อนอีก 3 คน" -
0:08 - 0:11"พวกเราจะปฏิวัติวงการ
โดยการขายของออนไลน์" -
0:12 - 0:15ผมตอบว่า "โอเค พวกคุณ
จะใช้เวลาทั้งหน้าร้อนกับเรื่องนี้ใช่ไหม" -
0:15 - 0:18"เปล่าครับ พวกเราจะฝึกงานไปด้วย
เผื่อว่าธุรกิจไปไม่รอด" -
0:18 - 0:21"ตกลง แต่คุณจะทำงานนี้เต็มเวลา
หลังจากคุณเรียนจบแล้วใช่ไหม" -
0:22 - 0:25"ก็ไม่เชิง ยังไงเราก็ต้องมีงานอื่นสำรอง"
-
0:26 - 0:27ผ่านไปหกเดือน
-
0:27 - 0:29ในวันก่อนเปิดตัวบริษัท
-
0:29 - 0:31และบริษัทก็ยังไม่มีเว็บที่
สามารถใช้งานได้ -
0:31 - 0:34พวกคุณก็รู้ว่าเว็บไซต์สำคัญ
กับบริษัทอย่างไร -
0:34 - 0:35มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ
-
0:37 - 0:40ผมเลยปฏิเสธที่จะลงทุนอย่างไม่ต้องสงสัย
-
0:42 - 0:44สุดท้ายพวกเขาตั้งชื่อบริษัทว่า
"วอร์บี้ พาร์คเคอร์" -
0:44 - 0:46(เสียงหัวเราะ)
-
0:46 - 0:47พวกเขาขายแว่นออนไลน์
-
0:48 - 0:52ซึ่งไม่นานนี้ เป็นที่รู้จักว่าบริษัทมี
นวัตกรรมยอดเยี่ยมที่สุดในโลก -
0:52 - 0:54และมีมูลค่ากว่าพันล้านดอลลาร์
-
0:54 - 0:57ตอนนี้ ภรรยาของผมเลยต้องมา
ดูแลเรื่องการเงินแทนผม -
0:59 - 1:01ทำไมผมจึงคิดผิดเช่นนั้น ?
-
1:01 - 1:05เพื่อหาคำตอบ ผมจึงศึกษาบุคคลที่ผม
เรียกว่าเป็น"ผู้ริเริ่ม" -
1:05 - 1:07ผู้ริเริ่ม ไม่เหมือนกับ คนนอกรีต
-
1:07 - 1:09หมายถึงคนที่ไม่ใช่แค่มีความคิดใหม่ ๆ
-
1:09 - 1:11แต่ยังลงมือทำเพื่อเอาชนะมัน
-
1:12 - 1:14พวกเขากล้าที่จะเดินออกมา
และแสดงความเห็น -
1:14 - 1:17ผู้ริเริ่มขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์
และเปลี่ยนแปลงโลก -
1:17 - 1:20พวกเขาคือคนที่คุณกล้าวางเดิมพัน
-
1:20 - 1:22ซึ่งพวกเขาไม่เหมือนกับที่ผมเคยคิดไว้
-
1:23 - 1:25วันนี้ ผมอยากจะบอกพวกคุณถึง
สามสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ -
1:25 - 1:27เกี่ยวกับการเข้าใจผู้ริเริ่ม
-
1:27 - 1:30และเป็นให้ได้อย่างพวกเขา แม้เพียงเล็กน้อย
-
1:30 - 1:34เหตุผลแรกที่ผมไม่สนใจ วอร์บี้ พาร์คเคอร์
-
1:34 - 1:37คือพวกเขาเชื่องช้าในช่วงเริ่มต้น
-
1:37 - 1:41ตอนนี้ พวกคุณคงจะคุ้นเคยกับ
ความคิดของคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง -
1:43 - 1:47ผมขอสารภาพว่า ผมเป็นตรงกันข้าม
ผมเป็นพวกชอบวางแผนล่วงหน้า -
1:48 - 1:49ใช่ครับ มันเป็นคำศัพท์จริง ๆ
-
1:49 - 1:52เวลาที่คุณรู้สึกตื่นตระหนก
ไม่กี่ช่วงโมงก่อนถึงเวลาสำคัญ -
1:52 - 1:54เมื่อคุณยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย
-
1:55 - 1:57ผมก็รู้สึกแบบนั้น แต่หลายเดือน
ก่อนเวลาจริง -
1:57 - 1:59(เสียงหัวเราะ)
-
2:00 - 2:07นิสัยนี้เป็นมานานแล้ว สมัยที่ผมเป็นเด็ก
ผมจริงจังกับการเล่นเกมนินเทนโด้มาก -
2:07 - 2:09ผมตื่นตั้งแต่ตีห้า
-
2:09 - 2:11เพื่อเล่นเกม และจะไม่หยุดเล่น
จนกว่าผมจะเล่นมันอย่างชำนาญ -
2:12 - 2:16สุดท้าย เรื่องก็เริ่มลุกลาม
ถึงขั้นมีการติดต่อจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น -
2:16 - 2:20และขอทำข่าวเกี่ยวกับด้านมืดของนินเทนโด้
โดยมีผมเป็นตัวละครเอก -
2:20 - 2:23(เสียงหัวเราะ)
-
2:23 - 2:25(เสียงปรบมือ)
-
2:29 - 2:32หลังจากนั้นเป็นต้นมา
ฟันของผมเริ่มงอก แต่ผมกลับเริ่มร่วง -
2:32 - 2:35(เสียงหัวเราะ)
-
2:37 - 2:40แต่นิสัยนี้ช่วยผมได้มาก
ตอนเรียนปริญญาตรี -
2:40 - 2:45เพราะผมสามารถทำวิทยานิพนธ์ปีสุดท้าย
เสร็จตั้งแต่ 4 เดือนก่อนถึงกำหนดส่ง -
2:46 - 2:50และผมก็ภูมิใจกับมันมาก
จนกระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมา -
2:50 - 2:54ผมมีนักเรียนคนหนึ่ง ชื่อจีเฮ
เธอมาหาผมแล้วบอกว่า -
2:54 - 2:57"ความคิดสร้างสรรค์หนูมากสุด
เมื่อหนูกำลังผัดวันประกันพรุ่ง" -
2:57 - 3:01ผมตอบว่า "น่ารักจริง ว่าแต่
การบ้าน 4 เรื่องที่ยังไม่ส่งผมอยู่ไหน?" -
3:01 - 3:02(เสียงหัวเราะ)
-
3:02 - 3:04เธอเป็นนักเรียนที่มี
ความคิดสร้างสรรค์ที่สุด -
3:04 - 3:08ในฐานะนักจิตวิทยาองค์กร
นี่เป็นอะไรที่ผมจะนำมาทดลอง -
3:08 - 3:10ผมท้าเธอ ให้เธอไปรวบรวม
ข้อมูลจำนวนหนึ่ง -
3:10 - 3:12เธอไปหาบริษัทหลายแห่ง
-
3:12 - 3:15ขอให้พวกเขากรอกแบบสำรวจเกี่ยวกับ
ความถี่ในการผัดวันประกันพรุ่ง -
3:15 - 3:19จากนั้น ให้หัวหน้าของพวกเขาให้คะแนน
ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดริเริ่ม -
3:19 - 3:22และก็จริงที่
คนที่ชอบทำอะไรล่วงหน้าอย่างผม -
3:22 - 3:24ผู้ที่ทำทุกอย่างเสร็จก่อนเวลา
-
3:24 - 3:26ถูกประเมินว่า
มีความคิดสร้างสรรค์ต่ำ -
3:26 - 3:28กว่าคนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งเป็นประจำ
-
3:28 - 3:32ผมจึงอยากรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับ
คนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งเรื้อรัง -
3:32 - 3:35เธอเลยบอกว่า "หนูไม่รู้
พวกเขาไม่ได้กรอกแบบสำรวจให้หนู" -
3:35 - 3:37(เสียงหัวเราะ)
-
3:37 - 3:39ล้อเล่นครับ นี่คือผลสำรวจ
-
3:40 - 3:44คุณจะเห็นว่าได้ชัดว่า คนที่ชอบรอ
จนนาทีสุดท้าย -
3:44 - 3:48มัวแต่กังวลว่า
พวกเขาจะไม่มีความคิดใหม่ ๆ -
3:49 - 3:52และในทางตรงข้าม
คนที่กำลัง -
3:52 - 3:56ง่วนอยู่กับความวิตกกังวลว่า
พวกเขาจะไม่มีความคิดริเริ่มเช่นกัน -
3:57 - 4:01มีจุดสมดุล ซึ่งดูเหมือนว่า
นี่คือจุดเกิดของไอเดียไม่เหมือนใคร -
4:02 - 4:03ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
-
4:04 - 4:06เป็นไปได้ว่า คนที่มีความคิดริเริ่ม
ก็แค่มีนิสัยการทำงานที่แย่ -
4:06 - 4:10การผัดวันประกันพรุ่ง อาจไม่ได้
เป็นสาเหตุของความคิดสร้างสรรค์ -
4:10 - 4:13เพื่อหาคำตอบ เราจึงได้
ออกแบบการทดลอง -
4:13 - 4:16เราขอให้ผู้คน
สร้างแนวคิดทางธุรกิจใหม่ ๆ -
4:16 - 4:18จากนั้น เราติดต่อนักอ่านอิสระ
-
4:18 - 4:21เพื่อประเมินความคิดสร้างสรรค์
และประโยชน์ที่ได้จากพวกเขา -
4:21 - 4:25ซึ่งบางคนก็ถูกขอให้ทำแบบทดสอบทันที
-
4:25 - 4:27ส่วนคนอื่น ๆ ถูกสุ่มให้ผัดวันประกันพรุ่ง
-
4:27 - 4:29โดยการเล่นเกมไมน์สวีปเปอร์ตรงนั้น
-
4:30 - 4:32เป็นเวลาห้า หรือ สิบนาที
-
4:32 - 4:35และแน่นอน
พวกที่ผัดวันประกันพรุ่งเป็นประจำ -
4:35 - 4:39อยู่กลุ่ม 16 เปอร์เซ็นต์ของ
คนมีความคิดสร้างสรรค์กว่าอีกสองกลุ่ม -
4:40 - 4:43ไมน์สวีปเปอร์ก็เจ๋งดี
แต่มันไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ -
4:43 - 4:46เพราะว่า หากคุณเล่นเกมก่อนที่คุณ
จะทราบภารกิจ -
4:46 - 4:48ความคิดสร้างสรรค์จะไม่กระฉูด
-
4:48 - 4:51มันจะกระฉูดต่อเมื่อมีคนบอกคุณว่า
คุณจะต้องเล่นเกมนี้ -
4:51 - 4:53จากนั้น คุณได้ผัดวันประกันพรุ่ง
-
4:53 - 4:55และปล่อยให้ภารกิจยังคง
อยู่ในจิตใต้สำนึกของคุณ -
4:56 - 4:57ให้คุณได้เริ่มฟูมฟักความคิด
-
4:57 - 5:01การผัดวันประกันพรุ่ง ทำให้คุณมีเวลา
ในการพิจารณาความคิดที่หลากหลาย -
5:01 - 5:04ได้คิดถึงวิธีการที่ไม่จำเจ
นำไปสู่วิธีการที่ไม่คาดคิด -
5:05 - 5:07โดยเมื่อเราทำการทดลองเหล่านี้เสร็จสิ้น
-
5:07 - 5:09ผมจึงเริ่มเขียนหนังสือ
เกี่ยวกับผู้ริเริ่ม -
5:09 - 5:14และผมคิดว่า นี่เป็นเวลาที่เหมาะที่สุด
ที่จะฝึกตัวเองให้เป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง -
5:14 - 5:16ระหว่างเขียนบทเกี่ยวกับ
การผัดวันประกันพรุ่ง -
5:17 - 5:18ผมพยามยามจะผัดวันประกันพรุ่ง
-
5:20 - 5:23และเหมือนกับคนที่ชอบทำอะไรล่วงหน้า
ผู้ซึ่งเคารพตนเอง คนอื่น ๆ -
5:24 - 5:25ผมตื่นเช้าวันรุ่งขึ้น
-
5:25 - 5:28เพื่อเขียนสิ่งที่ต้องทำ
เกี่ยวกับวิธีการผัดวันประกันพรุ่ง -
5:28 - 5:30(เสียงหัวเราะ)
-
5:31 - 5:35จากนั้น ผมทำงานอย่างหนัก
-
5:35 - 5:39เพื่อให้ถึงเป้าหมาย
ที่จะไม่ไปถึงเป้าหมายของผม -
5:40 - 5:42ผมเริ่มเขียนบท
การผัดวันประกันพรุ่ง -
5:42 - 5:44และเมื่อถึงวันที่
ผมเขียนมาถึงครึ่งทาง -
5:44 - 5:46ผมจงใจเขียนประโยคค้างไว้
-
5:46 - 5:48เป็นเดือน ๆ
-
5:48 - 5:50มันทรมานมาก
-
5:51 - 5:54แต่เมื่อผมกลับมาทำต่อ
ผมคิดอะไรใหม่ ๆ ได้หลายอย่าง -
5:55 - 5:56อย่างที่ แอรอน ซอร์คิน ว่า
-
5:56 - 5:59"คุณเรียกว่า ผัดวันประกันพรุ่ง
ฉันเรียกมันว่า การคิด" -
6:00 - 6:02และตลอดทาง ผมค้นพบ
-
6:02 - 6:05ว่านักคิดริเริ่มผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์
หลายคนผัดวันประกันพรุ่ง -
6:06 - 6:07ดู เลโอนาร์โด ดา วินชี เป็นตัวอย่าง
-
6:07 - 6:11เขาทำ ๆ เลิก ๆ กว่า 16 ปี
-
6:11 - 6:13ในการวาด โมนา ลีซ่า
-
6:13 - 6:14เขารู้สึกล้มเหลว
-
6:14 - 6:16เขาเขียนเอาไว้ในบันทึกของเขา
-
6:18 - 6:21แต่วิธีการใหม่บางอย่างที่เขาใช้
เกี่ยวกับแสง -
6:21 - 6:23ได้แปลงโฉมวิธีการที่เขาใช้ในการ
แรงเงาแสง -
6:23 - 6:25และทำให้เขาเป็นนักวาดภาพที่เก่งขึ้น
-
6:26 - 6:28แล้วมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ ล่ะ?
-
6:28 - 6:31ในคืนก่อนวันที่เขาจะกล่าว
สุนทรพจน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด -
6:31 - 6:32ในเดือนมีนาคม ที่วอชิงตัน
-
6:32 - 6:34เขาอยู่ถึงตีสาม เพื่อเขียนสุนทรพจน์ใหม่
-
6:35 - 6:38เขานั่งรวมอยู่กับผู้ฟัง
รอให้ถึงคิวเขาขึ้นพูดบนเวที -
6:38 - 6:42และเขายังคงเขียนโน๊ต
และขีดฆ่าบท -
6:43 - 6:45เมื่อเขาขึ้นเวที
ผ่านไป 11 นาที -
6:45 - 6:47เขาทิ้งกระดาษโน๊ต
-
6:47 - 6:50เพื่อกล่าวคำสี่คำ
ซึ่งเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ -
6:50 - 6:51"ผมมีความฝัน"
-
6:52 - 6:54นั่นไม่อยู่ในบทพูด
-
6:55 - 7:00โดยการประวิงเวลาในการจบบทพูด
จนนาทีสุดท้าย -
7:00 - 7:03เขาเปิดโอกาสให้ตัวเอง
มีความคิดหลากหลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ -
7:04 - 7:06และเนื่องจากบทพูดไม่ได้ถูกจารึกไว้ในหิน
-
7:06 - 7:08เขาจึงมีอิสระที่จะด้นสด
-
7:09 - 7:12การผัดวันประกันพรุ่ง เป็นมารร้าย
ในแง่ของผลผลิต -
7:12 - 7:15แต่สามารถเป็นสิ่งดีงาม
ในแง่ความคิดสร้างสรรค์ -
7:15 - 7:17คุณจะเห็นได้บ่อยในตัวผู้ริเริ่มที่ยิ่งใหญ่
-
7:17 - 7:21ว่าพวกเขาเริ่มต้นเร็ว
แต่ช้าในการทำให้เสร็จ -
7:21 - 7:23และนี่คือที่ผมพลาด
กับวอร์บี้ พาร์คเคอร์ -
7:24 - 7:26ตอนที่เขากำลังก่อร่างสร้างตัว
อยู่หกเดือน -
7:26 - 7:28ผมมองพวกเขา แล้วพูดว่า
-
7:28 - 7:31"รู้ไหมว่าหลายบริษัทกำลังเริ่ม
ขายแว่นออนไลน์กันแล้ว" -
7:32 - 7:33พวกเขาพลาดสิทธิ์จากการเป็นเจ้าแรก
-
7:34 - 7:37แต่ผมกลับไม่ตระหนักว่า
พวกเขากำลังใช้เวลาทั้งหมด -
7:37 - 7:39ในการคิดวิธีการทำให้ผู้คน
-
7:39 - 7:41รู้สึกสบายใจที่จะสั่งซื้อแว่นออนไลน์
-
7:41 - 7:44ซึ่งสุดท้าย ข้อได้เปรียบในการเป็นเจ้าแรก
ส่วนมากเป็นภาพลวงตา -
7:44 - 7:48ดูกรณีศึกษาต้นแบบเรื่องนี้
ซึ่งครอบคลุมปกลุ่มผลิตภัณฑ์กว่า 50 ประเภท -
7:48 - 7:50เปรียบเทียบเจ้าแรกผู้บุกเบิกตลาด
-
7:50 - 7:54กับนักพัฒนา ผู้ซึ่งนำเสนอ
ความแตกต่างที่ดีกว่า -
7:55 - 7:59คุณจะเห็นว่าผู้บุกเบิกตลาดมีอัตรา
ความล้มเหลวถึง 47 เปอร์เซ็นต์ -
7:59 - 8:02ในขณะที่นักพัฒนา
ล้มเหลวเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ -
8:03 - 8:06ดูอย่างเฟสบุ๊ค
ที่เริ่มพัฒนาสื่อสังคมออนไลน์ -
8:06 - 8:09หลังจากที่มายเสปซ และ
เฟรนด์เสตอร์ได้เริ่มไปแล้ว -
8:09 - 8:13หรืออย่างกูเกิ้ล ที่รออยู่หลายปี
หลังจากอัลทาวิสต้า และ ยาฮู -
8:13 - 8:16มันง่ายกว่า ที่จะต่อยอดความคิด
ของคนอื่น -
8:16 - 8:18แทนที่จะคิดสิ่งใหม่โดยเริ่มจากศูนย์
-
8:19 - 8:23บทเรียนที่ผมเรียนรู้คือ
การเป็นผู้ริเริ่ม ไม่จำเป็นต้องเป็นคนแรก -
8:23 - 8:25เพียงแค่คุณต้องแตกต่างและดีกว่า
-
8:26 - 8:29แต่ไม่ใช่เพียงเรื่องเดียวที่ผมพลาด
เกี่ยวกับ วอร์บี้ พาร์คเคอร์ -
8:29 - 8:32พวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
-
8:32 - 8:34พวกเขามีแผนสำรองเตรียมไว้
-
8:34 - 8:37และทำให้ผมสงสัยเกี่ยวกับความกล้า
ที่จะเป็นผู้ริเริ่มของเขา -
8:37 - 8:42เพราะผมคิดไปเองว่า
ผู้ริเริ่มคงจะหน้าตาประมาณนี้ -
8:43 - 8:45(เสียงหัวเราะ)
-
8:47 - 8:48โดยผิวเผิน
-
8:48 - 8:50ผู้ริเริ่มส่วนมากดูเหมือนจะมั่นใจในตัวเอง
-
8:50 - 8:52แต่เบื้องหลังแล้ว
-
8:52 - 8:55พวกเขารู้สึกกลัว และสงสัย
เหมือนกันกับพวกเรา -
8:55 - 8:56พวกเขาแค่ทำสิ่งที่แตกต่างออกไป
-
8:57 - 8:59ให้ผมแสดงภาพนี้ให้คุณดู
-
8:59 - 9:01กลไกที่ให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
ของพวกเราส่วนมาก -
9:04 - 9:06(เสียงหัวเราะ)
-
9:08 - 9:12ในงานวิจัยของผม ผมพบว่า
ความสงสัยมีด้วยกันสองแบบ -
9:12 - 9:13คือ การสงสัยในตัวเอง และความคิด
-
9:13 - 9:15การสงสัยในตัวเอง
ทำให้เกิดอัมพาต -
9:15 - 9:16มันจะทำให้คุณหยุดนิ่ง
-
9:17 - 9:18แต่การสงสัยในความคิด คือพลัง
-
9:18 - 9:21มันผลักดันให้คุณทดสอบ
ทดลอง กลั่นกรอง -
9:21 - 9:23เหมือนอย่างที่ MLK ทำ
-
9:23 - 9:26และกุญแจสู่การเป็นผู้ริเริ่ม
-
9:26 - 9:28มันธรรมดามาก
-
9:28 - 9:32ก็คือ หลีกเลี่ยงการกระโดดจากขั้นที่สาม
ไปขั้นที่สี่ -
9:32 - 9:33แทนที่จะพูดว่า "ฉันมันห่วย"
-
9:33 - 9:36ให้พูดว่า "ร่างแรก ๆ ก็ห่วยแบบนี้เสมอแหละ"
-
9:37 - 9:38ผมยังพูดไม่จบครับ
-
9:39 - 9:41แล้วจะทำอย่างไรให้คุณไปถึงเป้าหมาย
-
9:41 - 9:42เหมือนว่าจะมีคำใบ้อยู่
-
9:42 - 9:44ในอินเทอร์เน็ตเบราเซอร์ที่คุณใช้อยู่
-
9:45 - 9:48เราสามารถคาดเดาผลการทำงาน
และความจริงจังของคุณ -
9:48 - 9:50เพียงแค่ทราบอินเทอร์เน็ตเบราเซอร์
ที่คุณใช้อยู่ -
9:51 - 9:55ตอนนี้ พวกคุณบางคนคงจะไม่ชอบ
ผลการศึกษาเรื่องนี้ -
9:55 - 9:56(เสียงหัวเราะ)
-
9:56 - 10:00แต่มีหลักฐานแสดงว่า
ผู้ใช้ไฟร์ฟอกซ์ และโครม -
10:00 - 10:03ทำงานเก่งกว่าผู้ใช้
เอ็กซ์พลอเรอร์ และซาฟารีอย่างมีนัยสำคัญ -
10:04 - 10:05เย่
-
10:05 - 10:07(เสียงปรบมือ)
-
10:07 - 10:10จริง ๆ แล้ว พวกเขาทำงานต่อเนื่อง
กว่า คิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ -
10:11 - 10:13ทำไม? มันไม่เกี่ยวกับข้อได้เปรียบทางเทคนิค
-
10:13 - 10:17เบราเซอร์ทั้งสี่ ต่างมีค่าเฉลี่ยความเร็ว
ในการประมวลผลเท่ากัน -
10:17 - 10:20และมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เท่าๆกัน
-
10:20 - 10:22มันเกี่ยวกับคุณได้เบราเซอร์
มาอย่างไรมากกว่า -
10:22 - 10:24เพราะถ้าคุณใช้
เอ็กซ์พลอเรอร์ หรือ ซาฟารี -
10:24 - 10:27โปรแกรมเหล่านี้ติดตั้งมาพร้อมกับ
คอมพิวเตอร์ของคุณ -
10:27 - 10:30แสดงว่าคุณยอมรับ
เบราเซอร์มาตรฐานที่ส่งมอบให้แก่คุณ -
10:31 - 10:34หากต้องการติดตั้ง ไฟร์ฟอกซ์ และโครม
คุณต้องสงสัยโปรแกรมมาตรฐาน -
10:34 - 10:36และสอบถามว่า มีทางเลือกอื่น ๆ
อีกหรือไม่ -
10:36 - 10:39จากนั้น จึงเริ่มค้นหาข้อมูล
และดาวน์โหลด เบราเซอร์ตัวใหม่ -
10:40 - 10:42คนที่ได้ฟังผลการศึกษานี้
ก็เลยบอกว่า -
10:42 - 10:46"เยี่ยม หากฉันอยากทำงานเก่งขึ้น ฉันต้อง
อัพเกรดเบราเซอร์ที่ฉันใช้สินะ" -
10:46 - 10:47(เสียงหัวเราะ)
-
10:47 - 10:49ไม่ใช่ครับ มันเกี่ยวกับประเภท
ของคนต่างหาก -
10:49 - 10:51ที่สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับโปรแกรมมาตรฐาน
-
10:51 - 10:54และมองหาตัวเลือกที่ดีกว่า
-
10:54 - 10:55และหากคุณทำมันได้ดี
-
10:55 - 10:58เท่ากับคุณเปิดโอกาสให้ตัวเอง
ให้สิ่งพบตรงข้ามของ เดจาวู -
10:59 - 11:02ชื่อของมันก็คือ วูจาเด
-
11:02 - 11:04(เสียงหัวเราะ)
-
11:05 - 11:08วูจาเด เกิดขึ้นเมื่อคุณพบ
บางสิ่งที่คุณเคยเห็นมาแล้วหลาย ๆ ครั้ง -
11:08 - 11:11และทันใดนั้น
คุณได้มองมันใหม่อีกครั้ง -
11:12 - 11:15เหมือนกับนักเขียนบท
ที่มองดูบทภาพยนตร์ของเขา -
11:15 - 11:18ที่ไม่เคยถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์
กว่าครึ่งศตวรรษ -
11:18 - 11:22ทุกเรื่องที่ผ่านมา ตัวละครเอกจะเป็น
ราชินีที่ร้ายกาจ -
11:22 - 11:25แต่ เจนิเฟอร์ ลี ได้เริ่มตั้งคำถามว่า
มันสมเหตุสมผลหรอ -
11:25 - 11:27เธอจึงเขียนบทใหม่เป็นครั้งแรก
-
11:27 - 11:30นำเสนอตัวร้ายให้เป็นวีรสตรีผู้โดนทำร้าย
-
11:30 - 11:33ทำให้ฟรอสเซนเป็นภาพยนตร์
การ์ตูนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล -
11:34 - 11:36การ์ตูนเรื่องนี้ส่งสาร
ง่าย ๆ อย่างหนึ่ง -
11:36 - 11:38เมื่อคุณสงสัยบางสิ่ง อย่าปล่อยมันไป
-
11:39 - 11:41(เสียงหัวเราะ)
-
11:42 - 11:43แล้วความกลัวล่ะ ?
-
11:43 - 11:45ผู้ริเริ่มก็รู้สีกกลัวเช่นกัน
-
11:46 - 11:47พวกเขากลัวความล้มเหลว
-
11:47 - 11:50แต่อะไรล่ะ
ที่ทำให้พวกเขาต่างไปจากพวกเรา -
11:50 - 11:52นั่นคือ พวกเขากลัวการไม่ได้
พยายามอะไรเลยมากกว่า -
11:52 - 11:55เขารู้ว่า คนเราอาจผิดพลาดได้
จากการเริ่มทำธุรกิจที่สุดท้ายล้มละลาย -
11:55 - 11:58หรือผิดพลาดจากการที่ไม่เริ่มทำธุรกิจเลย
-
11:58 - 12:02เขารู้ว่าในระยะยาวแล้ว
สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดไม่ใช่การลงมือทำ -
12:02 - 12:04แต่คือการไม่ลงมือทำ
-
12:04 - 12:07ในทางวิทยาศาสตร์
สิ่งที่คนอย่างกลับไปแก้ไข -
12:07 - 12:09คือการมีโอกาสแต่ไม่คว้าไว้
-
12:10 - 12:13ไม่นานมานี้ อีลอน มัสก์พูดกับผมว่า
เขาไม่ได้คาดหวังว่าเทสล่าจะประสบความสำเร็จ -
12:13 - 12:16เขามั่นใจว่าหลังจากที่เสปซเอ๊กซ์ได้เปิดตัว
-
12:16 - 12:19มันจะไม่สามารถโคจรไปอวกาศ
ปล่อยให้กลับไป -
12:19 - 12:22แต่มันก็สำคัญเกินกว่าที่จะไม่ลอง
-
12:22 - 12:25และสำหรับพวกเรา
เมื่อเรามีความคิดเจ๋งๆ -
12:25 - 12:26อย่ากลัวที่จะลอง
-
12:27 - 12:29อย่างไรก็ตาม ผมมีข่าวดีมาบอกคุณ
-
12:29 - 12:32คุณจะไม่ถูกตัดสิน
แม้ว่าความคิดของคุณจะแย่ -
12:32 - 12:33คนส่วนมากคิดว่าจะต้อง
ถูกตัดสิน -
12:33 - 12:35หากคุณสำรวจอุตสาหกรรมหลายๆประเภท
-
12:35 - 12:38และถามเกี่ยวกับความคิดที่เจ๋งสุดของพวกเขา
หรือคำแนะนำดีๆ ที่เคยให้ไว้ -
12:39 - 12:43จะพบว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของพวกเขา
เลือกที่จะไม่พูดแทนการแสดงความเห็น -
12:43 - 12:47พวกเขากลัวที่จะทำตัวเองขายหน้า
หรือดูโง่ -
12:47 - 12:50แต่รู้อะไรไหมครับ
ผู้ริเริ่มก็มีความคิดแย่ๆ เต็มไปหมด -
12:50 - 12:51มีเยอะเลยแหละ จริงๆแล้ว
-
12:53 - 12:55ดูชายผู้คิดประดิษฐ์สิ่งนี้เป็นตัวอย่าง
-
12:55 - 12:58ใครจะสนว่าเขาเกิดปิ๊งไอเดีย
ตุ๊กตาหลอนพูดได้ ได้อย่างไร -
12:58 - 13:01ไม่ใช่หลอนแค่เด็ก ๆ
แต่หลอนถึงผู้ใหญ่ด้วย -
13:02 - 13:06ไม่ คุณชื่นชม โทมัส เอดิสัน
ในฐานะผู้คิดค้นหลอดไฟต่างหาก -
13:06 - 13:08(เสียงหัวเราะ)
-
13:09 - 13:11หากคุณมองในแต่ละอุตสาหกรรม
-
13:11 - 13:14ผู้ริเริ่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
คือคนที่ไม่กลัวล้มเหลวมากที่สุด -
13:14 - 13:16เพราะพวกเขาคือคนที่พยายามมากที่สุด
-
13:16 - 13:19ดูนักแต่งเพลงคลาสสิคเป็นตัวอย่าง
ที่สุดของที่สุด -
13:19 - 13:23ทำไมพวกเขาบางคน
อยู่ในหน้าสารานุกรมมากกว่าคนอื่น -
13:23 - 13:26และเพลงของเขา ถูกนำมาอัดเสียง
หลายครั้งหลายครา -
13:26 - 13:27หนึ่งในตัวทำนายที่ีดีที่สุด
-
13:27 - 13:30คือ จำนวนบทเพลงที่พวกเขาแต่ง
-
13:31 - 13:34ยิ่งคุณสร้างออกมามากเท่าไหร่
ความหลากหลายจะมากขึ้นเท่านั้น -
13:34 - 13:38คุณยิ่งมีโอกาสที่จะพบกับสิ่งเจ๋งๆที่คุณ
ไม่คาดคิดมากขึ้นเท่านั้น -
13:38 - 13:42แม้แต่นักดนตรีคลาสสิคในตำนานทั้ง 3 ท่าน
อย่างบาค มีโธเฟน และ โมซาร์ท -
13:42 - 13:45ยังต้องแต่งเพลงเป็นร้อยๆเพลง
-
13:46 - 13:49เพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานชิ้นโบแดง
เพียงไม่กี่ชิ้น -
13:50 - 13:51ตอนนี้ คุณอาจกำลังสงสัย
-
13:51 - 13:55ว่านายคนนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร
โดยไม่ต้องทำเยอะ -
13:56 - 13:57ผมไม่รู้ว่าวากเนอร์ทำได้อย่างไร
-
13:59 - 14:01แต่สำหรับพวกเราส่วนใหญ่
หากเราอยากเป็นผู้ริเริ่มมากขึ้น -
14:01 - 14:04เราจำเป็นต้องคิดไอเดียใหม่ๆมากว่าเดิม
-
14:05 - 14:08ตอนที่ผู้ก่อตั้งวอร์บี้ พาร์คเคอร์
พยายามจะตั้งชื่อบริษัท -
14:08 - 14:12พวกเขาอยากได้ชื่อที่อลังการ ไม่ซ้ำใคร
ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอะไรลบๆ -
14:12 - 14:13เพื่อสร้างแบรนด์ขายปลีก
-
14:13 - 14:16เขาทดลองชื่อกว่า 2,000 ชื่อที่เป็นไปได้
-
14:16 - 14:17ก่อนที่จะเอามารวมกัน
-
14:17 - 14:19วอร์บี้ แอนด์ พาร์คเคอร์
-
14:20 - 14:23หากคุณพิจารณาสิ่งเหล่านี้รวมกัน
คุณจะพบว่าผู้ริเริ่ม -
14:23 - 14:25ไม่แตกต่างกับพวกเราที่เหลือ
มากนัก -
14:26 - 14:29พวกเขารู้สึกกลัว และสงสัยใคร่รู้
พวกเขาผัดวันประกันพรุ่ง -
14:29 - 14:31พวกเขามีความคิดแย่ๆ
-
14:31 - 14:34และบางครั้งก็ไม่ใช่เพราะคุณสมบัติเหล่านี้
-
14:34 - 14:36แต่เพราะพวกเขา
ประสบความสำเร็จ -
14:36 - 14:39ดังนัน เมื่อคุณพิจารณาสิ่งเหล่านี้
อย่าทำพลาดอย่างที่ผมทำ -
14:39 - 14:40อย่าเพิ่งถอดใจกับพวกเขา
-
14:40 - 14:43และเมื่อถึงทีของคุณเอง
อย่าถอดใจกับตัวเองเช่นกัน -
14:43 - 14:46รู้ไว้ว่าการเริ่มต้นเร็ว
แต่ช้ากว่าจะเสร็จ -
14:46 - 14:47สามารถผลักดันความคิดสร้างสรรค์ได้
-
14:48 - 14:50เพียงกระตุ้นการตั้งข้อสงสัย
กับความคิดของตัวเอง -
14:50 - 14:53ยอมรับความกลัวที่จะล้มเหลว
-
14:53 - 14:56และคุณจำเป็นที่จะต้องมีไอเดียเยอะ ๆ
เพื่อให้ได้เรื่องที่ดีซักเรื่องหนึ่ง -
14:57 - 14:59การเป็นผู้ริเริ่มไม่ได้ง่าย
-
14:59 - 15:01แต่ผมไม่สงสัยเลยสักนิด
-
15:01 - 15:04ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้
โลกของเราดีขึ้น -
15:04 - 15:05ขอบคุณครับ
-
15:05 - 15:09(เสียงปรบมือ)
- Title:
- พฤติกรรมที่น่าประหลาดใจของนักคิดตัวจริง
- Speaker:
- อดัม แกรนท์
- Description:
-
อะไรเป็นเหตุคนที่มีความคิดสร้างสรรค์คิดค้นสิ่งที่ยอดเยี่ยม? นักจิตวิทยาองค์กร อดัม แกรนท์ ได้ศึกษาเกี่ยวกับ "ผู้ริเริ่ม" ซึ่งได้แก่ผู้ที่คิดค้นไอเดียต่าง ๆ และลงมือทำให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาโลก โดยในการพูดเรื่องนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสามสิ่งที่ไม่คาดคิดของผู้ริเริ่ม หนึ่งในนั้นก็คือ การยอมรับความล้มเหลว "ผู้ริเริ่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือคนที่ล้มเหลวมากที่สุด เพราะเขาคือคนที่พยายามมากที่สุด" แกรนท์กล่าว "การมีไอเดียมาก ๆ เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้คุณได้มาซึ่งไอเดียยอดเยี่ยมเพียงไม่กี่เรื่อง"
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 15:25
![]() |
TED Translators admin approved Thai subtitles for The surprising habits of original thinkers | |
![]() |
Sritala Dhanasarnsombut accepted Thai subtitles for The surprising habits of original thinkers | |
![]() |
Sritala Dhanasarnsombut declined Thai subtitles for The surprising habits of original thinkers | |
![]() |
Sritala Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The surprising habits of original thinkers | |
![]() |
Waristha ratanaphanlop edited Thai subtitles for The surprising habits of original thinkers | |
![]() |
Waristha ratanaphanlop edited Thai subtitles for The surprising habits of original thinkers | |
![]() |
Waristha ratanaphanlop edited Thai subtitles for The surprising habits of original thinkers | |
![]() |
Waristha ratanaphanlop edited Thai subtitles for The surprising habits of original thinkers |