< Return to Video

มัลคอล์ม แกลดเวลล์ว่าด้วยซอสสปาเกตตี้

  • 0:00 - 0:03
    ผมคิดว่าจริงๆ แล้ว
    ผมควรจะพูดเรื่องหนังสือเล่มใหม่ของผม
  • 0:03 - 0:08
    ชื่อ Blink (มหัศจรรย์ความคิดชั่วพริบตา)
  • 0:08 - 0:12
    หนังสือจะวางแผงเดือนมกราคม
    และผมหวังว่าทุกท่านจะอุดหนุนกันคนละสามเล่ม
  • 0:12 - 0:15
    แต่ผมมาคิดๆดู
  • 0:15 - 0:18
    และตระหนักว่า
    แม้ว่าหนังสือเล่มใหม่จะทำให้ผมมีความสุข
  • 0:18 - 0:22
    และน่าจะทำให้แม่ผมมีความสุขไปด้วย
  • 0:22 - 0:24
    แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับความสุขนัก
  • 0:24 - 0:28
    ผมเลยตัดสินใจว่า อย่ากระนั้นเลย ผมจะพูดถึงคนๆ หนึง
  • 0:28 - 0:31
    ที่ผมคิดว่าได้ทำให้คนอเมริกันมีความสุข
  • 0:31 - 0:35
    ไม่น้อยหน้าใครในรอบ 20 ปีนี้เลย
  • 0:35 - 0:38
    ผู้ชายคนนี้เป็นฮีโร่ส่วนตัวที่ยิ่งใหญ่ของผม
  • 0:38 - 0:41
    คนๆนั้นชื่อ โฮเวิร์ด มอสโควิทซ์
  • 0:41 - 0:45
    คนที่ดังมากๆ จากการพลิกโฉมซอสสปาเก็ตตี้ขึ้นใหม่
  • 0:45 - 0:50
    โฮเวิร์ดสูงประมาณเนี้ย ตัวกลมๆ
  • 0:50 - 0:54
    แกอายุ 60 เศษๆ ใส่แว่นตาอันเบ้อเริ่ม
  • 0:54 - 1:00
    ผมบางๆสีเทา เป็นคนมีสีสัน มีชีวิตชีวามากๆ
  • 1:00 - 1:04
    เค้าเลี้ยงนกแก้ว ชอบโอเปร่า
  • 1:04 - 1:08
    และหลงไหลในประวัติศาตร์ยุคกลาง
  • 1:08 - 1:11
    โดยอาชีพแล้ว เค้าเป็นนักจิตฟิสิกส์
  • 1:11 - 1:15
    ขอบอกไว้ก่อนว่า ผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้อาชีพนี้มันคืออะไร
  • 1:15 - 1:19
    แม้จะมีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่ผมเคยคบกับสาวคนหนึ่งอยู่ 2 ปี
    ตอนนั้น เธอกำลังจะจบ
  • 1:19 - 1:21
    ปริญญาเอกทางจิตฟิสิกส์
  • 1:21 - 1:27
    ซึ่งก็บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของสองเรา (เสียงหัวเราะ)
  • 1:27 - 1:30
    เท่าที่ผมรู้ อาชีพนี้เกี่ยวกับการตรวจวัดสิ่งต่างๆ
  • 1:30 - 1:32
    และตาโฮเวิร์ด ก็สนใจเอามากๆกับการวัดสิ่งต่างๆ
  • 1:32 - 1:34
    แกจบเอกจากฮาร์เวิร์ด
  • 1:34 - 1:38
    และก็ตั้งบริษัทที่ปรึกษาเล็กๆ
    ที่เมืองไวท์เพล์นส์ รัฐนิวยอร์ค
  • 1:38 - 1:43
    และหนึ่งในลูกค้าเจ้าแรกๆ -- ก็หลายปีมาแล้ว
    ย้อนกลับไปตอนต้นๆยุค 70
  • 1:43 - 1:45
    -- หนึ่งในลูกค้าเจ้าแรกๆ ก็คือ เป๊ปซี่
  • 1:45 - 1:47
    เป๊ปซี่มาหาตาโฮเวิร์ดแล้วพูดว่า
  • 1:47 - 1:49
    "คุณรู้มั้ย ตอนนี้มีสารให้ความหวานตัวใหม่ชื่อว่า แอสปาร์แตม
  • 1:49 - 1:52
    และเราอยากทำเป๊ปซี่ไดเอท
  • 1:52 - 1:55
    เราอยากให้คุณดูซิว่า ต้องใส่แอสปาร์แตมเท่าไหร่
  • 1:55 - 2:00
    ต่อกระป๋อง ถึงจะได้เครื่องดื่มสมบูรณ์แบบ"
  • 2:00 - 2:04
    ฟังดู ก็เป็นคำถามตรงๆอย่างไม่น่าเชื่อที่จะตอบ
  • 2:04 - 2:06
    และตาโฮเวิร์ดก็คิดประมาณนี้ เพราะเป๊ปซี่บอกเค้าว่า
  • 2:06 - 2:09
    "ฟังนะ เรากำลังศึกษาในช่วง 8 ถึง 12 เปอร์เซนต์
  • 2:09 - 2:12
    ถ้าความหวานต่ำกว่า 8 เปอร์เซนต์ ก็หวานไม่พอ
  • 2:12 - 2:16
    ถ้าเกิน 12 เปอร์เซนต์ ก็หวานไป
  • 2:16 - 2:20
    เราอยากรู้ว่า จุดพอดีระหว่าง 8 กับ 12 คือเท่าไหร่?"
  • 2:20 - 2:23
    คือถ้าผมลองถามคุณอย่างนี้
    พวกคุณทั้งหมดคงบอกว่า โคตรหมู
  • 2:23 - 2:27
    เราก็ ทำการทดลองการชิมเป๊ปซี่ขนาดใหญ่ขึ้น
  • 2:27 - 2:31
    ในทุกระดับความหวาน -- 8 เปอร์เซนต์, 8.1, 8.2, 8.3,
  • 2:31 - 2:35
    ไปจนถึง 12 -- ทดสอบกับคนหลายๆพันคน
  • 2:35 - 2:38
    เสร็จแล้วก็เขียนกราฟผลลัพท์
  • 2:38 - 2:42
    แล้วก็เลือกความหวาน ตรงที่คนชอบกันมากที่สุด
    ใช่มั้ย? ง่ายจะตาย
  • 2:42 - 2:45
    ตาโฮเวิร์ดได้ทำการทดลอง
    และเค้าก็ได้ข้อมูล แล้วก็เขียนกราฟ
  • 2:45 - 2:49
    และบัดนั้น เค้าก็ตระหนักว่า
    มันไม่ใช่กราฟรูประฆังสวยซะเลย
  • 2:49 - 2:50
    ข้อมูลมันตีความไม่ได้เลย
  • 2:50 - 2:53
    มันมั่วๆเต็มไปหมด
  • 2:53 - 2:58
    ทีนี้ คนส่วนใหญ่ในธุรกิจการทดสอบอาหาร และอะไรทำนองนั้น
  • 2:58 - 3:01
    จะไม่ตกใจเลยเมื่อข้อมูลที่ได้มันดูยุ่งเหยิง
  • 3:01 - 3:05
    พวกเค้าจะคิดว่า การศึกษาว่าผู้บริโภคคิดยังไง
    เกี่ยวกับน้ำโคล่ามันก็ไม่ง่ายนะ
  • 3:05 - 3:07
    เราคงผิดพลาดตรงไหนสักแห่งระหว่างการทดลอง
  • 3:07 - 3:10
    งั้นลองเดาอย่างมีหลักการแทนแล้วกัน
  • 3:10 - 3:14
    และพวกเค้าก็แค่จิ้มสุ่มๆไปที่ 10 เปอร์เซนต์
    ตรงกลางเป๊ะเลย
  • 3:14 - 3:16
    แต่ตาโฮเวิร์ดไม่ได้พอใจง่ายๆอย่างนั้น
  • 3:16 - 3:19
    โฮเวิร์ดเป็นคนที่มีมาตรฐานทางวิชาการพอสมควร
  • 3:19 - 3:21
    และเท่านี้ยังไม่ดีพอสำหรับตานี่
  • 3:21 - 3:23
    และคำถามนี้ก็ตามรบกวนตานี้นานหลายปี
  • 3:23 - 3:26
    เค้าจะครุ่นคิดแล้วพูดว่า อะไรกันที่ผิดพลาด?
  • 3:26 - 3:30
    ทำไมเราถึงตีความการทดลองไดเอทเป๊ปซี่ไม่ได้เลย?
  • 3:30 - 3:33
    แล้ววันหนึ่ง ขณะที่นั่งในร้านอาหาร ในเมืองไวท์ เพลนส์
  • 3:33 - 3:36
    ประมาณว่า กำลังนึกๆเกี่ยวกับงานสำหรับเนสกาแฟ
  • 3:36 - 3:40
    และทันใดนั้น อย่างกับแสงฟ้าผ่า คำตอบก็ผุดขึ้นมา
  • 3:40 - 3:43
    นั่นคือ ตอนที่พวกเขาวิเคราะห์ข้อมูลไดเอทเป๊ปซี่นั้น
  • 3:43 - 3:45
    พวกเขาถามผิดคำถาม
  • 3:45 - 3:47
    พวกเขาค้นหาหนึ่งเดียวเป๊ปซี่ที่สมบูรณ์แบบ
  • 3:47 - 3:52
    พวกเขาควรมองหาเป๊ปซี่ที่สมบูรณ์แบบหลายๆแบบต่างหาก
    เชื่อผมเถอะครับ
  • 3:52 - 3:54
    นี่เป็นการรู้แจ้งที่ยิ่งใหญ่มาก
  • 3:54 - 3:57
    นี่คือหนึ่งในการค้นพบที่ปราดเปรื่องที่สุด
    ในแขนงวิทยาศาสตร์การอาหาร
  • 3:57 - 3:59
    และตาโฮเวิร์ดก็ออกเดินสายทันที
  • 3:59 - 4:01
    เค้าเดินทางไปสัมมนาทั่วประเทศ
  • 4:01 - 4:03
    เค้าจะยืนขึ้นและพูดว่า
  • 4:03 - 4:07
    พวกคุณที่เคยมองหาเป๊ปซี่หนึ่งเดียวอันสมบูรณ์
    พวกคุณคิดผิดแล้ว
  • 4:07 - 4:10
    พวกคุณควรตามหาเป๊ปซี่สมบูรณ์แบบที่หลากหลายต่างหาก”
  • 4:10 - 4:12
    และคนก็จะมองตานี้แบบอึ้งๆ และพูดว่า
  • 4:12 - 4:14
    พูดอะไรอยู่เนี้ย? บ้าสิ้นดี
  • 4:14 - 4:16
    และพวกเค้าก็จะพูด ทำนองว่า "ออกไปได้ละ! คนต่อไป!"
  • 4:16 - 4:19
    เค้าพยายามหาลูกค้า ซึ่งก็ไม่มีใครจ้างเค้า
    แต่เค้าก็ยังหมกหมุ่น
  • 4:19 - 4:22
    และยังคงพูดเกี่ยวกับมันต่อไป และต่อไป และต่อไป
  • 4:22 - 4:23
    โฮเวิร์ดชอบคำพังเพยภาษายิดดิช
  • 4:23 - 4:26
    "สำหรับหนอนในไม้มะรุม โลกนี้ก็คือไม้มะรุม"
  • 4:26 - 4:32
    และนี่คือไม้มะรุมของเค้า (เสียงหัวเราะ)
    เค้าหมกหมุ่นกับมันอยู่!
  • 4:32 - 4:37
    และในที่สุด เค้าก็แก้ปัญหานี้ได้
    บริษัทวลาซิก พิคเกิลส์ก็มาหาเค้า
  • 4:37 - 4:40
    และพูดว่า คุณมอสโควิทซ์ -- ด็อกเตอร์มอสโควิทซ์ --
  • 4:40 - 4:42
    เราอยากทำแตงกวาดองที่สมบูรณ์แบบ เค้าก็ตอบว่า
  • 4:42 - 4:46
    "ไม่มีหรอกอันอย่างว่า
    มีแต่แตงกวาดองที่สมบูรณ์แบบหลายๆแบบ"
  • 4:46 - 4:50
    พอกลับมาอีกที เค้าก็บอกว่า
    "พวกคุณไม่ต้องปรับปรุงแตงกวาดองแบบปกติหรอก
  • 4:50 - 4:52
    คุณต้องผลิตรสชาติอื่นๆต่างหาก"
  • 4:52 - 4:55
    และนั่นคือที่มาของ แตงกวาดองหลากรส
  • 4:55 - 4:57
    ต่อมาซุปแคมป์เบลล์ก็มาหาเค้า
  • 4:57 - 4:59
    และครั้งนี้ยิ่งสำคัญขึ้นไปอีก ที่จริงแล้ว
  • 4:59 - 5:03
    ซุปแคมพ์เบลล์นี่แหละ
    คือที่มาของชื่อเสียงของตาโฮเวิร์ด
  • 5:03 - 5:08
    ซุปแคมพ์เบลล์ผลิตซอสยี่ห้อปรีโก้ และปรีโก้ในต้นยุค 80
    เป็นรองไม่เห็นฝุ่นจากยี่ห้อรากู
  • 5:08 - 5:11
    ที่ครองตลาดซอสสปาเก็ดตี้มาตั้งแต่ยุค 70 ถึง 80
  • 5:11 - 5:14
    ทีนี้ ในธุรกิจนี้ -- ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคุณสนใจเรื่องนี้มั้ย
  • 5:14 - 5:15
    หรือผมต้องลงรายละเอียดขนาดไหน
  • 5:15 - 5:18
    แต่ตามหลักแล้ว -- นี่แค่เกร็ดความรู้นะครับ --
  • 5:18 - 5:21
    ปรีโก้เป็นซอสมะเขือเทศที่ดีกว่ารากู
  • 5:21 - 5:25
    คุณภาพของเนื้อมะเขือเทศเหนือกว่าเห็นๆ
    เครื่องเทศไม่ต้องนับ
  • 5:25 - 5:28
    มันเกาะยึดเนื้่อพาสต้าได้ดีกว่ามาก ที่จริงแล้ว
  • 5:28 - 5:33
    เคยมีการทดสอบรสชาติซอสรากูและปรีโก้ที่โด่งดัง
    ตอนต้นยุค 70
  • 5:33 - 5:36
    คุณจะได้สปาเกตตี้มาจานนึง แล้วคุณก็เทซอสลงไป ใช่มั้ย?
  • 5:36 - 5:41
    ซอสรากูจะไหลลงก้นจานหมดเลย ส่วนปรีโก้จะเกาะอยู่ข้างบน
  • 5:41 - 5:43
    นั่นแหละที่เรียกว่า "การเกาะยึด"
  • 5:43 - 5:47
    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปรีโก้จะเหนือกว่ามาก
    ทั้งเรื่องการเกาะยึด
  • 5:47 - 5:52
    และคุณภาพเนื้อมะเขือเทศ แต่ปรีโก้ก็ยังเป็นรองอยู่
  • 5:52 - 5:55
    พวกเขาเลยไปหาตาโฮเวิร์ด แล้วพูดว่า ช่วยหน่อย
  • 5:55 - 5:57
    พอตาโฮเวิร์ดดูสายการผลิต ก็พูดว่า
  • 5:57 - 6:01
    ของที่คุณมีอยู่เนี้ย มันเป็นสมาคมมะเขือเทศเน่าตาย
  • 6:01 - 6:03
    เค้าพูดต่อว่า นี่คือสิ่งที่เค้าอยากจะทำ
  • 6:03 - 6:05
    และเค้าก็ร่วมมือกับฝ่ายครัวของแคมพ์เบลล์
  • 6:05 - 6:10
    แล้วทำซอสสปาเกตตี้ออกมา 45 แบบ แล้วเอาผสมกันสุ่มๆ
  • 6:10 - 6:14
    ทุกๆแบบเท่าที่จะนึกออกได้ในการผสม
  • 6:14 - 6:18
    ตามความหวาน ตามระดับกระเทียม ตามความฝาด ตามความเปรี้ยว ตามระดับมะเขือเทศ
  • 6:18 - 6:25
    ตามระดับตะกอนเนื้อ -- ซึ่งเป็นคำเกี่ยวกับธุรกิจซอสสปาเกตตี้
    ที่ผมชอบมาก (เสียงหัวเราะ)
  • 6:25 - 6:30
    ทุกวิธีที่คุณคิดได้ในการผสมซอสสปาเก็ตตี้
    เค้าผสมตามนั้นเลย
  • 6:30 - 6:35
    พอผสมได้ทั้ง 45 ชนิด เค้าก็เริ่มเดินสาย
  • 6:35 - 6:37
    เค้าไปนิวยอร์ค, ชิคาโก้, แจ็คสันวิลล์
  • 6:37 - 6:43
    ไปแอลเอ เอาคนมาเต็มสิบล้อ มาไว้ในฮอลล์ยักษ์
  • 6:43 - 6:45
    และจับพวกเขานั่งอยู่สองชั่วโมง
  • 6:45 - 6:48
    และในสองชั่วโมงนั้น เขาให้ถ้วยสิบถ้วย
  • 6:48 - 6:52
    ถ้วยพาสต้าเล็กๆสิบถ้วย ที่มีซอสสปาเกตตี้แตกต่างกันหมด
  • 6:52 - 6:56
    แล้วหลังจากกินแต่ละถ้วยแล้ว
    พวกเขาต้องให้คะแนนจาก 0 ถึง 100
  • 6:56 - 6:59
    ตามระดับคุณภาพของซอสสปาเกตตี้
    ในความคิดของพวกเขา
  • 6:59 - 7:02
    เมื่อสิ้นสุดกระบวนการ หลังจากดำเนินการเป็นเดือนๆ
  • 7:02 - 7:04
    เค้าก็ได้ข้อมูลมาเป็นกองภูเขา
  • 7:04 - 7:08
    ว่าอเมริกันชนคิดยังไงกับซอสสปาเก็ตตี้
  • 7:08 - 7:10
    แล้วเค้าก็วิเคราะห์ข้อมูล
  • 7:10 - 7:14
    ทีนี้ เค้ามองหาซอสสปาเกตตี้ที่คนกินชอบที่สุดมั้ย?
    ไม่เลย!
  • 7:14 - 7:16
    ตาโฮเวิร์ดไม่ได้เชื่อว่าจะมีสิ่งนั้นอยู่จริง
  • 7:16 - 7:18
    ตรงกันข้าม เค้ามองไปที่ข้อมูลแล้วพูดว่า
  • 7:18 - 7:24
    ลองดูซิว่า เราสามารถแยกข้อมูลทั้งหมด
    เป็นกลุ่มๆ ได้หรือเปล่า
  • 7:24 - 7:27
    ลองดูซิว่า ข้อมูลมันเกาะกลุ่มตามลักษณะบางอย่างมั้ย
  • 7:27 - 7:33
    และแน่นอน ถ้าคุณนั่งลง
    แล้ววิเคราะห์ข้อมูลซอสสปาเก็ตตี้ทั้งหมดนี้
  • 7:33 - 7:36
    คุณจะเห็นว่า อเมริกันชนแยกออกได้สามกลุ่ม
  • 7:36 - 7:39
    พวกหนึ่งชอบซอสสปาเก็ตตี้รสธรรมดา
  • 7:39 - 7:42
    อีกพวกหนี่ง ชอบซอสสปาเก็ตตี้รสเผ็ด
  • 7:42 - 7:45
    และอีกพวกหนึ่ง ชอบซอสแบบก้อนใหญ่พิเศษ
  • 7:45 - 7:49
    และในทั้งสามข้อนั้น อันที่สามเป็นข้อสำคัญที่สุด
  • 7:49 - 7:51
    เพราะในขณะนั้น ต้นยุค 80
  • 7:51 - 7:53
    ถ้าคุณไปซุปเปอร์มาเก็ต
  • 7:53 - 7:57
    คุณจะไม่เจอซอสสปาเก็ตตี้แบบก้อนใหญ่พิเศษเลย
  • 7:57 - 7:59
    ปรีโก้ก็หันไปตาโฮเวิร์ด แล้วพูดว่า
  • 7:59 - 8:05
    "นี่คุณกำลังบอกเราว่า หนึ่งในสามของอเมริกัน
    โปรดปรานซอสสปาเก็ตตี้ แบบก้อนใหญ่พิเศษ
  • 8:05 - 8:09
    แต่กลับยังไม่มีใครตอบสนองความต้องการนี้เหรอ?"
    และเค้าบอกว่า แม่นแล้ว!
  • 8:09 - 8:11
    (เสียงหัวเราะ) แล้วปรีโก้ก็กลับไป
  • 8:11 - 8:13
    และเปลี่ยนแปลงสูตรซอสสปาเก็ตตี้ทั้งหมด
  • 8:13 - 8:17
    แล้วทำซอสแบบก้อนใหญ่พิเศษออกขาย ที่ในทันทีทันใดก็
  • 8:17 - 8:20
    ยึดครองธุรกิจซอสสปาเก็ตตี้ในประเทศ อย่างเบ็ดเสร็จ
  • 8:20 - 8:24
    และกว่าสิบปีต่อมา พวกเค้าก็ทำเงินถึง 600 ล้านดอลลาร์
  • 8:24 - 8:28
    จากซอสแบบก้อนใหญ่พิเศษ
  • 8:28 - 8:31
    พอทุกคนที่เหลือในอุตสาหกรรม
    เห็นสิ่งที่ตาโฮเวิร์ดทำ ก็พูดว่า
  • 8:31 - 8:34
    "โอ้พระเจ้า! ที่พวกเราเคยคิดๆมามันผิดหมดเลย!"
  • 8:34 - 8:37
    และนั่นคือจุดเริ่มต้น ที่เรามีน้ำส้มสายชู 7 รส
  • 8:37 - 8:42
    และมัสตาร์ด 14 แบบ และน้ำมันมะกอก 71 ชนิด
  • 8:42 - 8:46
    และในที่สุด กระทั่งรากูก็จ้างตาโฮเวิร์ด
  • 8:46 - 8:49
    และตาโฮเวิร์ดก็ทำให้รากู เหมือนกันแป๊ะกับที่ทำให้ปรีโก้
  • 8:49 - 8:50
    ทุกวันนี้ถ้าคุณไปซุปเปอร์มาร็เก็ต ที่ที่ดีจริงๆ
  • 8:50 - 8:53
    แล้วลองดูว่ามีรากูวางขายอยู่กี่รส --
  • 8:53 - 8:56
    คิดว่ามีเท่าไหร่ครับ? 36 รส!
  • 8:56 - 9:02
    ในหกประเภท: ชีส, ไลท์, โรบัสต้า,
  • 9:02 - 9:11
    ริชแอนท์ฮาร์ทตี้, แบบดั้งเดิม,
    แบบผักสวนครัวก้อนใหญ่พิเศษ (เสียงหัวเราะ)
  • 9:11 - 9:15
    นั่นคือสิ่งที่ตาโฮเวิร์ดทำ
    เป็นของขวัญแค่อเมริกันชนจากตาโฮเวิร์ด
  • 9:15 - 9:19
    แล้วทำไมมันสำคัญหรือ?
  • 9:19 - 9:23
    ที่จริงแล้ว นี่เป็นเรื่องสำคัญเอามากๆ
    ผมจะอธิบายให้ฟังว่าทำไม
  • 9:23 - 9:26
    สิ่งที่ตาโฮเวิร์ดทำนั้น
    เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานวิธีคิดของอุตสาหกรรมอาหาร
  • 9:26 - 9:29
    เกี่ยวกับวิธีทำให้เรามีความสุข
  • 9:29 - 9:32
    สมมุติฐานอันดับแรกในอุตหกรรมอาหาร เคยเป็นว่า
  • 9:32 - 9:35
    วิธีการค้นหา ว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้คนต้องการกิน --
  • 9:35 - 9:38
    สิ่งที่จะทำให้ผู้คนมีความสุข -- ก็คือถามพวกเขาเสีย
  • 9:38 - 9:40
    และเป็นเวลาหลายปีดีดัก รากูและปรีโก้ได้แต่
  • 9:40 - 9:44
    สนใจกลุ่มตัวอย่าง แล้วก็จะนั่งถามพวกคุณว่า
  • 9:44 - 9:48
    "คุณอยากได้อะไรในซอสสปาเก็ตตี้?
    บอกเราที ว่าคุณต้องการอะไรในซอสสปาเก็ตตี้"
  • 9:48 - 9:51
    และตลอดหลายปีนั้น -- 20, 30 ปี --
  • 9:51 - 9:53
    ในการสอบถามกลุ่มตัวอย่างทั้งหลายแหล่นั้น
  • 9:53 - 9:57
    ไม่มีใครเคยพูดว่า อยากได้แบบก้อนใหญ่พิเศษเลย
  • 9:57 - 10:00
    แม้ว่าอย่างน้อย หนึ่งในสามของพวกเค้า
    ในส่วนลึกของหัวใจ จริงๆแล้วชอบ
  • 10:00 - 10:03
    (เสียงหัวเราะ)
  • 10:03 - 10:05
    เราไม่รู้ว่าหรอกว่าต้องการอะไร!
  • 10:05 - 10:08
    เช่นที่ตาโฮเวิร์ดชอบพูดว่า "จิตใจไม่รู้หรอกว่าปากชอบอะไร"
  • 10:08 - 10:11
    มันเป็นปริศนาอย่างหนึ่ง!
  • 10:11 - 10:16
    และก้าวที่สำคัญมากๆ ในการทำความเข้าใจความปรารถนา
  • 10:16 - 10:21
    และรสนิยมของเราเอง ก็คือ การตระหนักว่า
    พวกเราไม่สามารถอธิบายว่าลึกๆ ต้องการอะไรได้เสมอไป
  • 10:21 - 10:25
    อย่างเช่น ถ้าผมถามพวกคุณทุกคนในห้องนี้ว่า
    พวกคุณอยากได้กาแฟแบบไหน
  • 10:25 - 10:31
    รู้มั้ยว่าคุณจะพูดอะไร? พวกคุณทุกคนจะพูดว่า
    "เราต้องการแบบเข้ม ข้น หอมกรุ่น"
  • 10:31 - 10:33
    นี่คือสิ่งที่ผู้คนมักจะพูด เมื่อคุณถามว่าต้องการกาแฟแบบไหน
  • 10:33 - 10:36
    ชอบแบบไหนล่ะ? เข้ม ข้น หอมกรุ่น!
  • 10:36 - 10:40
    จริงๆแล้ว พวกคุณกี่เปอร์เซนต์กันแน่
    ที่ชอบกาแฟเข้ม ข้น หอมกรุ่นล่ะ?
  • 10:40 - 10:43
    จากข้อมูลตาโฮเวิร์ด อยู่ระหว่าง 25 กับ 27 เปอร์เซนต์
  • 10:43 - 10:47
    พวกคุณส่วนใหญ่แล้ว ชอบกาแฟอ่อนๆใส่นม
  • 10:47 - 10:50
    แต่คุณจะไม่มีวันตอบใคร ที่ถามถึงสิ่งที่คุณชอบ --
  • 10:50 - 10:52
    ว่า "ฉันชอบกาแฟอ่อนๆใส่นม" (เสียงหัวเราะ)
  • 10:52 - 10:57
    และนั่นคือสิ่งแรก ที่ตาโฮเวิร์ดทำ
  • 10:57 - 11:00
    อย่างที่สองคือ เค้าทำให้พวกเราตะหนักว่่า --
  • 11:00 - 11:02
    นี่เป็นประเด็นสำคัญอีกอย่างเลย --
  • 11:02 - 11:08
    เค้าทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ
    ของสิ่งที่เค้าชอบเรียกว่า "การแบ่งกลุ่มตามแนวนอน"
  • 11:08 - 11:10
    ทำไมมันถึงสำคัญหรือ? ก็เพราะว่า
  • 11:10 - 11:12
    นี่คือ วิธีคิดของอุตสาหกรรมอาหารเก่า
    ยุคก่อนตาโฮเวิร์ด ใช่มั้ย?
  • 11:12 - 11:17
    อะไรที่พวกเขาเคยคลั่งกันตอนต้นยุค 80 ล่ะ?
    พวกเค้าหมกหมุ่นกับมัสตาร์ด
  • 11:17 - 11:20
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    พวกเขาหมกมุ่นกับเรื่องของเกรย์ ปูปอง ใช่มั้ย?
  • 11:20 - 11:23
    ในอดีต มีมัสตาร์ดอยู่สองยี่ห้อ คือเฟรช์ส และกัลเด็นส
  • 11:23 - 11:25
    เป็นยังไงหรือ? ก็เป็นมัสตาร์ดสีเหลือง
    แล้วมีอะไรในมัสตาร์ดสีเหลืองล่ะ?
  • 11:25 - 11:29
    ก็เมล็ดมัสตาร์ดเหลือง, ขมิ้น, และ พริกปาปริก้า
    นั่นแหละมัสตาร์ด
  • 11:29 - 11:32
    แล้วเกรย์ ปูปองก็โผล่มา พร้อมกับสูตรดิฌง ใช่มั้ย?
  • 11:32 - 11:38
    ใช้เมล็ดมัสตาร์ดสีน้ำตาลที่ระเหยกลิ่นได้ดีกว่ามาก
    ใส่ไวน์ขาวหน่อย ที่กลิ่นเตะจมูก
  • 11:38 - 11:41
    กลิ่นก็หอมละเมียดกว่ามาก แล้วไงต่อล่ะ?
  • 11:41 - 11:46
    พวกเค้าใส่มัน ในเหยือกแก้วอันจิ๋ว
    ติดฉลากเคลือบสีสวยงาม
  • 11:46 - 11:50
    ทำให้ดูเหมือนของฝรั่งเศส
    แม้ว่าจริงๆแล้วทำในเมืองอ็อกนาร์ด แคลิฟอร์เนีย
  • 11:50 - 11:55
    และแทนที่จะคิดราคาหนึ่งเหรียญห้าสิบ
    ต่อขวดขนาดแปดออนซ์
  • 11:55 - 11:58
    แบบที่เฟรนช์ส กับกัลเด็นสทำ
    ก็คิดราคาสี่เหรียญแทน
  • 11:58 - 12:01
    และก็ทำโฆษณาพวกนั้นออกมา ใช่มั้ย?
    ที่มีคุณชายในรถโรลส์รอยซ์
  • 12:01 - 12:03
    นั่งกิน เกรย์ ปูปอง แล้วโรลส์รอยซ์อีกคัน
    ก็มาจอดข้างๆ
  • 12:03 - 12:05
    แล้วถามว่า คุณมีเกรย์ ปูปองมั้ย?
  • 12:05 - 12:08
    และทุกอย่างหลังจากนั้น เกรย์ ปูปองก็ติดลมบน!
  • 12:08 - 12:10
    ครองตลาดมัสตาร์ด!
  • 12:10 - 12:13
    และทุกคนก็เอาตรงนี้มาเป็นบทเรียนว่า
  • 12:13 - 12:17
    วิธีที่จะทำให้ผู้คนมีความสุข
  • 12:17 - 12:22
    คือให้อะไรที่แพงกว่า บางสิ่งที่พวกเค้าฝันหา ใช่มั้ย?
  • 12:22 - 12:27
    ทำให้ลูกค้าหันหลังให้สิ่งที่พวกเค้าคิดว่า
    ตัวเองชอบในตอนนี้
  • 12:27 - 12:31
    แล้วไขว่คว้าหาอย่างอื่นที่เหนือกว่า
    ตามลำดับความหรูของมัสตาร์ด
  • 12:31 - 12:33
    มัสตาร์ดที่ดีกว่า! มัสตาร์ดที่แพงกว่า!
  • 12:33 - 12:36
    มัสตาร์ดที่ซับซ้อนกว่า, มีวัฒนธรรมกว่า, มีความหมายกว่า
  • 12:36 - 12:39
    ตาโฮเวิร์ดเห็นแล้วก็พูดว่า มันผิด!
  • 12:39 - 12:42
    มัสตาร์ดไม่มีลำดับขั้นสูงต่ำ
  • 12:42 - 12:47
    มัสตาร์ดดำรงอยู่ เช่นเดียวกับซอสมะเขือเทศ
    ในระนาบเดียวกัน
  • 12:47 - 12:50
    ไม่มีหรอก มัสตาร์ดดี หรือ มัสตาร์ดแย่
  • 12:50 - 12:52
    ไม่มีหรอก มัสตาร์ดสมบูรณ์แบบ
    หรือ มัสตาร์ดห่วยบรม
  • 12:52 - 12:56
    จะมีก็แต่ มัสตาร์ดจำเพาะประเภท
    ที่เหมาะกับเฉพาะกลุ่มบุคคล
  • 12:56 - 13:01
    เค้าได้สร้างความเท่าเทียม
    ให้แก่วิธีคิดเรื่องรสชาติของเรา ถึงระดับพื้นฐาน
  • 13:01 - 13:06
    และสำหรับสิ่งนั้นแล้ว
    เราเป็นหนี้โฮเวิร์ด มอสโควิทซ์อย่างมากๆ
  • 13:06 - 13:10
    อย่างที่สาม ที่ตาโฮเวิร์ดได้ทำ
    และอาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
  • 13:10 - 13:13
    คือตาโฮเวิร์ดเผชิญหน้ากับความเชื่อ
    เรื่องอาหารล้ำเลิศหนึ่งเดียว (เสียงหัวเราะ)
  • 13:13 - 13:16
    หมายความว่ายังไง?
  • 13:16 - 13:18
    เป็นเวลายาวนานที่สุด ในอุตสาหกรรมอาหาร
  • 13:18 - 13:25
    ที่มีความเชื่อกันว่า มีวิธีเพียงหนึ่งเดียว
    อันสมบูรณ์แบบ ในการทำอาหารจานหนึ่ง
  • 13:25 - 13:29
    คุณไปที่ร้านเชส ปานิส เค้าจะให้ซาชิมิปลาเร้ดเทล
  • 13:29 - 13:33
    พร้อมเมล็ดฟักทองอบ ในซอสเคี่ยวอะไรซักอย่าง
  • 13:33 - 13:36
    เค้าไม่มีซอสเคี่ยวห้าแบบให้คุณเลือกหรอก ใช่มั้ย?
  • 13:36 - 13:40
    เค้าไม่ถามหรอกว่า คุณอยากได้ซอสเคี่ยวแบบก้อนใหญ่พิเศษ
    หรืออย่างอื่นมั้ย -- ไม่เลย!
  • 13:40 - 13:43
    คุณแค่ได้เจ้าซอสเคี่ยวแบบนั้นแหละ ทำไมเหรอ?
    เพราะพ่อครัวที่เชส ปานีสเซ
  • 13:43 - 13:46
    มีความเชื่อเรื่องซาชิมิปลาเร้ดเทล แบบเลิศล้ำหนึ่งเดียว
  • 13:46 - 13:49
    มันต้องเป็นแบบนี้แหละ
  • 13:49 - 13:53
    และพนักงาน ก็จะเสริฟแบบนี้ไปเรื่อยๆ
  • 13:53 - 13:55
    และถ้าคุณไปทะเลาะกับเค้า เค้าก็จะพูดว่า
  • 13:55 - 14:00
    "คุณรู้อะไรมั้ย? คุณนั่นแหละผิด!
    นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่มันควรจะเป็นในร้านนี้"
  • 14:00 - 14:04
    ทีนี้ แนวคิดเดียวกันได้ถูกใช้
    ในอุตสาหกรรมอาหารเชิงพาณิชย์ด้วย
  • 14:04 - 14:07
    เคยมีความเชื่อ ความเชื่อแบบเลิศล้ำหนึ่งเดียว
    เกี่ยวกับซอสมะเขือเทศ
  • 14:07 - 14:10
    และมันมาจากไหนเหรอ? มันมาจากอิตาลี
  • 14:10 - 14:14
    ซอสมะเขือเทศอิตาลีเป็นยังไงล่ะ?
    มันเนื้อเนียน และเจือจาง
  • 14:14 - 14:17
    ธรรมเนียมของซอสมะเขือเทศ เลยเป็นแบบเจือจาง
  • 14:17 - 14:20
    เมื่อเราพูดถึงซอสมะเขือเทศแท้ๆในยุค 70
  • 14:20 - 14:23
    เราหมายถึงซอสมะเขือเทศอิตาลี
    เราพูดถึงซอสรากูแบบแรกๆสุด
  • 14:23 - 14:26
    ซึ่งไม่มีตะกอนเนื้อเลย ใช่มั้ย?
  • 14:26 - 14:28
    เป็นซอสที่เจือจาง ใส่ไปนิดเดียว
  • 14:28 - 14:30
    มันก็ไหลลงก้นจานพาสต้าหมดแล้ว
  • 14:30 - 14:32
    เมื่อก่อนเป็นอย่างนั้น
    แล้วทำไมเราถึงยึดติดอยู่กับแบบนั้นล่ะ?
  • 14:32 - 14:35
    เพราะเราคิดว่า สิ่งที่จะทำให้คนเรามีความสุข
  • 14:35 - 14:41
    ก็คือการเสนอซอสมะเขือเทศ
    ที่เป็นต้นตำรับที่สุดทางวัฒนธรรม ข้อหนึ่งล่ะ
  • 14:41 - 14:45
    และสอง พวกเราคิดว่า
    ถ้าเราขายซอสมะเขือเทศแบบนั้นแล้ว
  • 14:45 - 14:47
    ลูกค้าก็จะชื่นชอบมัน
  • 14:47 - 14:50
    และซอสแบบนั้นแหละ
    ที่จะทำให้ลูกค้าหมู่มากปลาบปลื้ม
  • 14:50 - 14:52
    และด้วยเหตุที่เราคิดว่า – พูดอีกอย่างก็คือ
  • 14:52 - 14:56
    เมื่อก่อน ผู้คนในวงการทำอาหารนั้น
    ค้นหาวิธีทำอาหาร แบบครอบจักรวาล
  • 14:56 - 14:59
    พวกเค้าพยายามค้นหาวิธีหนึ่งเดียว
    เพื่อใช้กับพวกเราทุกคน
  • 14:59 - 15:02
    ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ดี ที่พวกเค้าหมกหมุ่น
    กับแนวคิดครอบจักรวาลแบบนั้น
  • 15:02 - 15:06
    เพราะว่าศาสตร์ทุกแขนง ในช่วงศตวรรษที่ 19
    ถึงหลายปีในศตวรรษที่ 20 นั้น
  • 15:06 - 15:08
    ล้วนหมกมุ่นกับวิธีครอบจักรวาล
  • 15:08 - 15:14
    นักจิตวิทยา นักวิทยาศาสตร์การแพทย์
    นักเศรษฐศาสตร์ ต่างก็สนใจใคร่รู้
  • 15:14 - 15:17
    กฏเกณฑ์ซึ่งควบคุมพฤติกรรมของเรา
  • 15:17 - 15:19
    แต่นั่นเปลี่ยนไปแล้ว ใช่มั้ย?
  • 15:19 - 15:22
    อะไรคือการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์
    ใน 10 ถึง 15 ปีล่าสุด?
  • 15:22 - 15:28
    มันคือการเปลี่ยนแปลง จากการค้นหาวิธีครอบจักรวาล
    ไปเป็นการทำความเข้าใจความหลากหลายแทน
  • 15:28 - 15:32
    ปัจจุบันในวิทยาศาสตร์การแพทย์
    เราไม่ได้จำเป็นต้องรู้แค่ว่า --
  • 15:32 - 15:37
    มะเร็งทำงานอย่างไรเท่านั้น เราต้องรู้ด้วยว่ามะเร็งของคุณ
    ต่างกับมะเร็งของผมอย่างไร
  • 15:37 - 15:40
    ผมเดาว่า มะเร็งของผมต่างจากมะเร็งของคุณ
  • 15:40 - 15:44
    พันธุศาสตร์เป็นประตูเบิกทาง
    สู่การศึกษาความหลากหลายของมนุษย์
  • 15:44 - 15:47
    สิ่งที่ตาโฮเวิร์ด มอสโกวิทซ์ทำนั้น เป็นการพูดว่า
    การปฏิวัติแบบเดียวกันนี้
  • 15:47 - 15:51
    ต้องเกิดขึ้นในโลกของซอสมะเขือเทศ
  • 15:51 - 15:55
    และสำหรับสิ่งนั้น เราเป็นหนี้เค้ามากๆ
  • 15:55 - 16:00
    ผมจะยกตัวอย่างอันสุดท้ายของความหลากหลาย
    และนั่นคือ -- โอ้ ขอโทษครับ
  • 16:00 - 16:03
    ไม่เพียงตาโฮเวิร์ดเชื่อในเรื่องนั้นเท่านั้น
    แต่เขายังเดินหน้าไปขั้นที่สองด้วย
  • 16:03 - 16:09
    โดยการพูดว่า
    เมื่อเราทำตามหลักการครอบจักรวาลเรื่องอาหาร
  • 16:09 - 16:14
    เราไม่เพียงแค่ทำผิดพลาด จริงๆแล้ว เราทำให้ตัวเราเอง
    เสียประโยชน์ไปอย่างมหาศาลด้วย
  • 16:14 - 16:16
    และตัวอย่างที่เค้าใช้ ก็คือกาแฟ
  • 16:16 - 16:21
    เขาได้ทำงานมากมายเกี่ยวกับกาแฟ
    ร่วมกับบริษัทเนสกาแฟ
  • 16:21 - 16:24
    ถ้าสมมุติว่า ผมขอให้พวกคุณทุกคน
    ลองนึกชื่อยี่ห้อกาแฟ
  • 16:24 - 16:27
    -- ชนิดของกาแฟ ที่ชงแล้ว -- ที่พวกคุณทุกคนชอบ
  • 16:27 - 16:29
    แล้วก็ให้พวกคุณ ให้คะแนนกาแฟนั้นๆ
  • 16:29 - 16:34
    คะแนนเฉลี่ยในห้องนี้สำหรับกาแฟ
    น่าจะประมาณ 60 คะแนน จากระดับคะแนน 0 ถึง 100
  • 16:34 - 16:37
    อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกคุณให้ผมแบ่งกลุ่มพวกคุณออก
    ตามกลุ่มความนิยมกาแฟ
  • 16:37 - 16:39
    ประมาณสาม สี่กลุ่มกาแฟ
  • 16:39 - 16:44
    และผมปรุงกาแฟให้แค่ กลุ่มคนแต่ละกลุ่มนั้น
  • 16:44 - 16:48
    คะแนนน่าจะวิ่งจาก 60 ไปถึง 75 หรือ 78
  • 16:48 - 16:53
    ความแตกต่าง ระหว่างกาแฟที่ 60 คะแนน
    กับกาแฟที่ 78 คะแนน
  • 16:53 - 16:56
    คือความแตกต่างระหว่างกาแฟ ที่ทำให้คุณถึงกับถอยห่าง
  • 16:56 - 17:00
    และกาแฟ ที่ทำให้คุณสุขสมเกษมสันต์
  • 17:00 - 17:04
    นี่คือเรื่องสุดท้าย และผมคิดว่า
    มันเป็นบทเรียนที่สวยงามที่สุด ของตาโฮเวิร์ด มอสโควิทซ์
  • 17:04 - 17:08
    นั่นคือ เมื่อเรายอมรับ ความหลากหลายของมนุษยชาติแล้ว
  • 17:08 - 17:11
    เราจะพบวิถีทางที่แน่นอนกว่า สู่ความสุขที่แท้จริงครับ
  • 17:11 - 17:13
    ขอบคุณครับ
Title:
มัลคอล์ม แกลดเวลล์ว่าด้วยซอสสปาเกตตี้
Speaker:
Malcolm Gladwell
Description:

ผู้แต่งหนังสือ Tipping Point (สัมฤทธิ์พิศวง) มัลคอล์ม แกลดเวลล์เจาะลึกการค้นหาซอสสปาเกตตี้อันสมบูรณ์แบบของอุตสาหกรรมอาหาร – และขยับขยายไปถึงเรื่องใหญ่กว่าอย่างธรรมชาติของตัวเลือกและความสุข

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
17:13
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Choice, happiness and spaghetti sauce
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Choice, happiness and spaghetti sauce
Chirayu Wongchokprasitti added a translation

Thai subtitles

Revisions Compare revisions