เราจะกินเพื่อที่จะทำให้มะเร็งอดตายได้หรือไม่ ?
-
0:02 - 0:04สวัสดีครับ
-
0:04 - 0:07ในขณะนี้มีการปฏิวัติทางการแพทย์
กำลังเกิดขึ้นรอบๆตัวเรา -
0:07 - 0:09และมันจะช่วยให้เราสามารถเอาชนะ
-
0:09 - 0:11โรคภัยต่างๆที่เราหวาดกลัวกันมากที่สุด
-
0:11 - 0:13รวมทั้ง โรคมะเร็ง
-
0:13 - 0:16การปฏิวัติทางแนวคิดนี้เรียกว่า
แองจิโอเจนนีสีส (angiogenesis) -
0:16 - 0:18และมันมีพื้นฐานมาจากกระบวนการ
-
0:18 - 0:21ที่ร่างกายของเราสร้างหลอดเลือด
-
0:21 - 0:23แล้วทำไมเราต้องใส่ใจ
เกี่ยวกับหลอดเลือดด้วยล่ะ ? -
0:23 - 0:26ร่างกายของคนเรานั้นแท้จริงแล้ว
มีหลอดเลือดเต็มไปหมด -
0:26 - 0:29มันมีความยาวรวม 60,000 ไมล์ในผู้ใหญ่ทั่วไป
-
0:29 - 0:31ซึ่งถ้ารวมกันเป็นเส้นเดียวแล้ว
-
0:31 - 0:34สามารถวนรอบโลกของเราได้ถึงสองรอบ
-
0:34 - 0:37หลอดเลือดที่เล็กที่นั้นคือเส้นเลือดฝอย
-
0:37 - 0:40พวกเรามีเส้นเลือดฝอยกว่า 19,000 ล้านเส้น
ในร่างกายของเรา -
0:40 - 0:43พวกมันคือ เส้นเลือดแห่งชีวิต
-
0:43 - 0:45และที่ผมจะบอกคุณก็คือ
-
0:45 - 0:48พวกมันก็อาจกลายเป็นเส้นเลือดมรณะได้เช่นกัน
-
0:48 - 0:50สิ่งที่สำคัญมากเกี่ยวกับหลอดเลือด
-
0:50 - 0:52ก็คือ มันมีความสามารถ
-
0:52 - 0:54ที่จะเปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อมที่มันเติบโตขึ้นมา
-
0:54 - 0:56ตัวอย่างเช่น ในตับ
มันเปลี่ยนตัวเองเป็นเส้นทางลำเลียง -
0:56 - 0:58เพื่อที่จะฟอกเลือด
-
0:58 - 1:01ในปอด มันเปลี่ยนสภาพเป็นถุงลมเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซ
-
1:01 - 1:03ในกล้ามเนื้อ มันม้วนเป็นเกลียวเพื่อให้กล้ามเนื้อหดตัว
-
1:03 - 1:06โดยที่ไม่ต้องหยุดการไหลเวียนเลือด
-
1:06 - 1:08และในเส้นประสาท
มันเรียงตัวเป็นแนวคล้ายสายไฟฟ้า -
1:08 - 1:10เพื่อที่จะหล่อเลี้ยงให้เส้นประสาทมีชีวิต
-
1:10 - 1:12และเราสร้างหลอดเลือดเหล่านี้มากที่สุด
-
1:12 - 1:14เมื่อเวลาที่เรายังอยู่ในครรภ์แม่
-
1:14 - 1:17และนั่นหมายความว่า
เมื่อเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว -
1:17 - 1:19หลอดเลือดเหล่านี้โดยปกติจะไม่เจริญเติบโตอีก
-
1:19 - 1:22ยกเว้นในสภาพแวดล้อมพิเศษบางอย่างเท่านั้น
-
1:23 - 1:25ในผู้หญิง หลอดเลือดเติบโตทุกๆเดือน
-
1:25 - 1:27เพื่อสร้างเยื่อบุของมดลูก
-
1:27 - 1:29ในขณะที่ตั้งครรภ์ พวกมันเปลี่ยนไปเป็นรก
-
1:29 - 1:32ที่เชื่อมต่อระหว่างแม่และเด็ก
-
1:32 - 1:34ภายหลังการเกิดบาดแผล หลอดเลือด
-
1:34 - 1:36จะเติบโตภายใต้สะเก็ดแผล
-
1:36 - 1:38เพื่อที่จะรักษาบาดแผล
-
1:38 - 1:40และนี่คือสิ่งที่จริงๆแล้วเกิดขึ้น
-
1:40 - 1:42หลอดเลือดเป็นร้อยเป็นพัน
-
1:42 - 1:44เจริญเติบโตไปที่ศูนย์กลางของบาดแผล
-
1:44 - 1:47ในก็คือร่างกายของคนเรามีความสามารถที่จะควบคุม
-
1:47 - 1:50จำนวนของหลอดเลือดที่เกิดขึ้น ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
-
1:50 - 1:52และมันสามารถทำงานได้ผ่านทางระบบที่พิถีพิถัน
-
1:52 - 1:54และดีเลิศในการตรวจสอบและสร้างสภาวะสมดุลย์
-
1:54 - 1:57ระหว่างสารกระตุ้น
และสารยับยั้งกระบวนการสร้างหลอดเลือด -
1:57 - 2:00โดยที่ เมื่อเราต้องการให้มีการสร้างหลอดเลือด
-
2:00 - 2:03ร่างกายก็จะทำงาน
โดยการปลดปล่อยสารกระตุ้นออกมา -
2:03 - 2:05ในรูปแบบของโปรตีน
ที่เรียกว่า แองจิโอเจนนิค แฟคเตอร์ -
2:05 - 2:07ที่จะทำงานคล้ายกับปุ๋ยธรรมชาติ
-
2:07 - 2:09และกระตุ้นให้หลอดเลือดใหม่
แตกกิ่งก้านสาขาออกไป -
2:09 - 2:11และเมื่อมีหลอดเลือดเกิดขึ้น
ที่มากเกินความต้องการแล้ว -
2:11 - 2:14ร่างกายก็จะทำให้พวกมัน
มีจำนวนลดลงจนถึงระดับปกติ -
2:14 - 2:17โดยใช้สารยับยั้งกระบวนการสร้างหลอดเลือด
ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ -
2:18 - 2:20ในสถานการณ์อื่นๆ ที่เราเริ่มต้นต่ำกว่าระดับปกติ
-
2:20 - 2:23และเราต้องการที่จะสร้างหลอดเลือด
เพียงเพื่อให้กลับเข้าสู่ระดับปกติ -
2:23 - 2:25ตัวอย่างเช่น หลังจาการบาดเจ็บ
-
2:25 - 2:27และร่างกายสามารถทำได้
-
2:27 - 2:29โดยให้กลับไปสู่ระดับที่ปกติ
-
2:29 - 2:31ระดับที่กำหนดเอาไว้
-
2:31 - 2:34แต่ที่เรารู้ในปัจจุบันก็ืคือ มีหลายโรค
-
2:34 - 2:36ที่เกิดความบกพร่องของระบบ
-
2:36 - 2:39โดยที่ร่างกายไม่สามารถ
ที่จะลดระดับของหลอดเลือดที่มากเกินไป -
2:39 - 2:41หรือไม่สามารถที่จะสร้างหลอดเลือดได้อย่างเพียงพอ
-
2:41 - 2:43ถูกที่ถูกเวลา
-
2:43 - 2:45และในสถานการณ์เหล่านี้ กระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
2:45 - 2:47กำลังอยู่ในสภาวะขาดสมดุลย์
-
2:47 - 2:49และเมื่อกระบวนการสร้างหลอดเลือด
ไม่อยู่ในสภาวะที่สมดุลย์ -
2:49 - 2:51ก็จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆได้อย่างมากมายมหาศาล
-
2:51 - 2:53ตัวอย่างเช่น
กระบวนการสร้างหลอดเลือดที่ไม่เพียงพอ -
2:53 - 2:55ทำให้มีหลอดเลือดไม่เพียงพอ
-
2:55 - 2:58นำไปสู่ บาดแผลที่รักษาไม่หาย หัวใจวาย
-
2:58 - 3:00ขาที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระ
การตายจากเส้นเลือดแตกในสมองเฉียบพลัน -
3:00 - 3:02เส้นประสาทถูกทำลาย
-
3:02 - 3:04ในทางตรงกันข้าม กระบวนการสร้างหลอดเลือดที่มากเกินไป
-
3:04 - 3:07หลอดเลือดที่มากเกินไป ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ
-
3:07 - 3:09และเราเห็นได้จาก โรคมะเร็ง ตาบอด
-
3:09 - 3:11โรคปวดข้อ โรคอ้วน
-
3:11 - 3:13โรคสมองเสื่อมเอาไซเมอร์
-
3:13 - 3:16ทั้งหมดแล้ว มีมากกว่า 70 โรคที่สำคัญ
-
3:16 - 3:19ที่มีผลกระทบต่อผู้คนมากกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก
-
3:19 - 3:21ที่หากมองอย่างผิวเผินแล้วมีความแตกต่างกัน
-
3:21 - 3:23แต่จริงๆ แล้วทั้งหมดมีสิ่งที่เหมือนกันคือ
-
3:23 - 3:25กระบวนการสร้างหลอดเลือดที่ผิดปกติ
-
3:25 - 3:27เป็นปัจจัยร่วมพื้นฐาน
-
3:27 - 3:29และปัจจัยร่วมนี้ ทำให้เรา
-
3:29 - 3:31ต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่
-
3:31 - 3:33ในแนวทางที่เราจะปฏิบัติต่อโรคภัยเหล่านี้
-
3:33 - 3:36โดยการควบคุมกระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
3:36 - 3:38ผมจะมุ่งความสนใจไปที่โรคมะเร็ง
-
3:38 - 3:41เพราะว่ากระบวนการสร้างหลอดเลือดนั้น
เป็นลักษณะเด่นของโรคมะเร็ง -
3:41 - 3:43โรคมะเร็งทุกชนิด
-
3:43 - 3:45ลองดูสิ่งต่อไปนี้ครับ
-
3:45 - 3:47นี้คือเนื้องอก สีดำ เทา ซึ่งดูไม่ค่อยดีเลย
-
3:47 - 3:49กำลังเติบโตอยู่ข้างในสมอง
-
3:49 - 3:51และภายใต้กล้องจุลทรรศน์ คุณจะเห็นว่า
-
3:51 - 3:53มีหลอดเลือดสีน้ำตาลเป็นร้อยๆ
-
3:53 - 3:55คือเส้นเลือดฝอยที่กำลังให้อาหารหล่อเลี้ยงเซลมะเร็ง
-
3:55 - 3:58นำพาอ๊อกซิเจนและสารอาหารต่างๆ
-
3:58 - 4:00แต่มะเร็งไม่ได้มีจุดเริ่มต้นอย่างที่เห็นนี้
-
4:00 - 4:02และ จริงๆแล้ว มะเร็งไม่ได้เริ่มต้น
-
4:02 - 4:04โดยที่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง
-
4:04 - 4:07พวกมันเริ่มต้นจากเซลขนาดเล็ก
เป็นกลุ่มเซลขนาดจิ๋ว -
4:07 - 4:09ซึ่งสามารถเติบโต
-
4:09 - 4:12โดยมีขนาดครึ่งลูกบาศก์มิลลิเมตร
-
4:12 - 4:14นั่นคือขนาดของปลายปากกาลูกลื่น
-
4:14 - 4:16จากนั้นพวกมันไม่สามารถมีขนาดใหญ่ขึ้น
เพราะพวกมันไม่มีเลือดมาเลี้ยง -
4:16 - 4:19พวกมันไม่มีอ๊อกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ
-
4:19 - 4:21และจริงๆ แล้ว พวกเราก็อาจจะสร้างมันในตัวเราอยู่
-
4:21 - 4:24เซลมะเร็งขนาดจิ๋วนี้ตลอดเวลาในร่างกายของเรา
-
4:25 - 4:28จากการชันสูตรผู้ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์
-
4:28 - 4:31พบว่าประมาณร้อยละ 40 ของผู้หญิง
-
4:31 - 4:33ที่มีอายุระหว่าง 40 และ 50 ปี
-
4:33 - 4:35จริงๆ แล้วมีเซลมะเร็งขนาดจิ๋ว
-
4:35 - 4:37ในทรวงอกของพวกเขา
-
4:37 - 4:39ประมาณร้อยละ 50 ของผู้ชายในช่วงอายุ 50 และ 60 ปี
-
4:39 - 4:42มีเซลมะเร็งต่อมลูกหมาก
-
4:42 - 4:44และจริงๆ แล้วเกือบจะ 100 เปอร์เซนต์ของพวกเรา
-
4:44 - 4:46ในขณะที่พวกเรามีอายุได้ 70
-
4:46 - 4:49จะมีเซลมะเร็งติบโตในต่อมธัยรอยด์ของพวกเรา
-
4:49 - 4:51แต่ว่า ถ้ายังไม่มีเลือดไปเลี้ยง
-
4:51 - 4:53เซลมะเร็งส่วนใหญ่
-
4:53 - 4:55จะไม่เป็นอันตราย
-
4:55 - 4:57ดร. จูดาห์ ฟอล์คแมน ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์พี่เลี้ยงของผม
-
4:57 - 5:00และเป็นผู้บุกเบิกในสาขาวิชา angiogenesis
-
5:00 - 5:03เคยเรียกสิ่งนี้ว่า "มะเร็งไม่ใช่โรค"
-
5:04 - 5:07ดังนั้น ความสามารถในการปรับสมดุล
ของกระบวนการสร้างหลอดเลือดของร่างกาย -
5:07 - 5:09เมื่อทำงานได้อย่างถูกต้อง
-
5:09 - 5:11จะป้องกันหลอดเลือดจากการให้อาหารกับเซลมะเร็ง
-
5:11 - 5:13และนี้จึงกลายมาเป็น
-
5:13 - 5:16กลไกการป้องกันที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง
-
5:16 - 5:18ต่อโรคมะเร็ง
-
5:18 - 5:20จริงๆ แล้ว ถ้าคุณขัดขวางกระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
5:20 - 5:22และป้องกันหลอดเลือดไม่ให้เติบโตไปสู่เซลมะเร็ง
-
5:22 - 5:24เนื้องอกก็ไม่อาจเติบโตได้
-
5:24 - 5:26แต่ถ้าหากกระบวนการสร้างหลอดเลือดได้เกิดขึ้นเสียแล้ว
-
5:26 - 5:29เซลมะเร็งจะเติบโตอย่างรวดเร็ว
-
5:29 - 5:31และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ
-
5:31 - 5:33เซลมะเร็งเปลี่ยนแปลงจาก
-
5:33 - 5:35ไม่มีพิษมีภัยไปเป็นเซลมรณะ
-
5:35 - 5:37เซลมะเร็งจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
-
5:37 - 5:39ให้มีความสามารถที่จะปลดปล่อย
-
5:39 - 5:41สารกระตุ้นมากมายออกมา
-
5:41 - 5:43ซึ่งจะทำให้เสียสมดุลย์ในทางที่หลอดเลือด
-
5:43 - 5:45จะเจริญเข้าไปเลี้ยงเซลมะเร็ง
-
5:45 - 5:47และเมื่อหลอดเลือดเข้าไปเลี้ยงเซลมะเร็งแล้ว
-
5:47 - 5:50มันสามารถขยายตัว และรุกรานเนื้อเยื่อใกล้เคียง
-
5:50 - 5:52และหลอดเลือดเดียวกันที่กำลังให้อาหารเนื้องอก
-
5:52 - 5:55จะนำเซลมะเร็งให้เข้าไปในกระแสเลือด
-
5:55 - 5:57และนั่นคือการแพร่กระจายของมะเร็ง
-
5:57 - 6:00และ โชคร้าย โรคมะเร็งในระยะสุดท้ายนี้
-
6:00 - 6:02เป็นระยะที่ส่วนใหญ่
-
6:02 - 6:04จะถูกตรวจพบได้
-
6:04 - 6:06เมื่อกระบวนการสร้างหลอดเลือดถูกเริ่มต้นแล้ว
-
6:06 - 6:09เซลมะเร็งก็จะเติบโตอย่างบ้าคลั่ง
-
6:10 - 6:12ดังนั้น ถ้ากระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
6:12 - 6:14คือจุดเปลี่ยน
-
6:14 - 6:17ระหว่างมะเร็งที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับมะเร็งที่เป็นอันตราย
-
6:17 - 6:20ดังนั้นการปฏิวัติกระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
6:20 - 6:22จึงเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคมะเร็ง
-
6:22 - 6:25โดยการตัดการส่งเลือดไปเลี้ยงเซลมะเร็ง
-
6:25 - 6:28เราเรียกวิธีการนี้ว่า การบำบัดแบบต่อต้านการสร้างหลอดเลือด (antiangiogenic)
-
6:28 - 6:30และมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเคมีบำบัด
-
6:30 - 6:32เพราะว่ามันเลือกจำเพาะเจาะจง
-
6:32 - 6:35ไปที่หลอดเลือดที่ให้อาหารกับเซลมะเร็ง
-
6:35 - 6:37และเราสามารถทำเช่นนี้ได้เพราะว่า
-
6:37 - 6:39หลอดเลือดของเนื้องอกนั้น
ไม่เหมือนกับหลอดเลือดปกติที่มีสุขภาพดี -
6:39 - 6:41่ที่เราพบในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
-
6:41 - 6:43พวกมันมีความผิดปกติ
-
6:43 - 6:45พวกมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างดี
-
6:45 - 6:47และเพราะว่าเช่นนั้น
พวกมันจึงอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงอย่างมาก -
6:47 - 6:49ต่อการรักษาที่มุ่งเป้าไปที่พวกมัน
-
6:50 - 6:52ผลที่เกิดขึ้น เมื่อเราให้การรักษาแบบมุ่งเป้า
-
6:52 - 6:54กับผู้ป่วย
-
6:54 - 6:57นี่คือ ยาที่ได้ทดลองให้กับเนื้องอกในสมอง (glioma)
-
6:57 - 6:59ซึ่งคือเนื้องอกในสมองชนิดหนึ่ง
-
6:59 - 7:02คุณสามารถเห็นได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
-
7:02 - 7:04เมื่อเนื้องอกกำลังจะถูกทำให้อดตาย
-
7:04 - 7:06นี่คือผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นมะเร็งเต้านม
-
7:06 - 7:09ที่ได้รับการรักษาแบบ แอนติแองจิโอเจนนีสิส
โดยยาที่เรียกว่า อะวาสติน (Avastin) -
7:09 - 7:11ที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA (อย.) แล้ว
-
7:11 - 7:14และคุณจะเห็นว่าวงรอบของการไหลของเลือด
-
7:14 - 7:17หายไปหลังจากได้รับการรักษา
-
7:17 - 7:19ผมเพิ่งได้แสดงให้คุณเห็น
-
7:19 - 7:21โรคมะเร็งสองชนิดที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
-
7:21 - 7:24แต่ว่ามะเร็งทั้งสองชนิดต่างตอบสนอง
ต่อการรักษาแบบแอนติแองจิโอเจนนีสิส -
7:24 - 7:26สองสามปีที่ผ่านมานี้ ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า
-
7:26 - 7:28"เราจะก้าวข้ามไปอีกขึ้นหนึ่ง
-
7:28 - 7:30และรักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ
-
7:30 - 7:33แม้แต่กระทั่งกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้หรือไม่ ?"
-
7:34 - 7:36นี่คือ สุนัขพันธุ์บ๊อกเซอร์อายุ 9 ปี ชือ ไมโล
-
7:36 - 7:38ที่มีเนื้องอกที่ร้ายแรงมาก
-
7:38 - 7:41ที่เรียกว่า มาลิกแนนท์ นิวโรไฟโบรมา
(malignant neurofibroma) เติบโตอยู่ที่ไหล่ของมัน -
7:41 - 7:43มะเร็งได้ลุกลามเข้าไปในปอดทั้งสองข้าง
-
7:43 - 7:45สัตวแพทย์บอกว่ามันมีเวลาเพียงแค่ 3 เดือนที่จะมีชีวิตอยู่
-
7:45 - 7:48เราได้ปรุงส่วนผสมของยา antiangiogenic หลายๆ ขนาน
-
7:48 - 7:50ที่สามารถจะผสมเข้าไปในอาหารสุนัขได้
-
7:50 - 7:52รวมทั้งครีม แอนติแองจิโอเจนนีสิส
-
7:52 - 7:55ที่สามารถนำไปทาบนผิวของเนื้องอก
-
7:55 - 7:57และหลังการรักษาได้สองสามสัปดาห์
-
7:57 - 8:00เราสามารถจะชะลอการเติบโตของมะเร็ง
-
8:00 - 8:03โดยสุดท้ายเราสามารถจะยืดอายุของไมโลได้
-
8:03 - 8:06ยาวกว่าที่สัตวแพทย์ได้ทำนายเอาไว้ถึง 6 เท่า
-
8:06 - 8:09โดยที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี
-
8:09 - 8:12และเราได้ให้การรักษาสุนัขมากกว่า 600 ตัวหลังจากนั้น
-
8:12 - 8:14ประมาณร้อยละ 60 ให้ผลตอบสนองต่อการรักษา
-
8:14 - 8:16และเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้
-
8:16 - 8:19ที่เกือบจะต้องถูกทำให้พ้นทุกข์ไปเสียแล้ว
-
8:19 - 8:21ให้ผมแสดงตัวอย่างให้คุณเห็น
-
8:21 - 8:23อีกสักสองสามตัวอย่างที่น่าสนใจ
-
8:23 - 8:25นี่คือปลาโลมาอายุ 20 ปีที่อยู่ในฟลอริด้า
-
8:25 - 8:27เธอมีบาดแผลเหล่านี้ในปากของเธอ
-
8:27 - 8:29ซึ่งภายในเวลาสามปี
-
8:29 - 8:32ได้พัฒนาไปเป็นเซลมะเร็งที่ลุกลาม
-
8:32 - 8:35เราจึงได้ทำยาทาที่เป็นแอนติแองจิโอเจนนีสิส
-
8:35 - 8:37และทาไปที่ผิวของมะเร็ง
-
8:37 - 8:39สามครั้งต่อสัปดาห์
-
8:39 - 8:41และทำไปตลอดเจ็ดสัปดาห์
-
8:41 - 8:43มะเร็งได้หายไปหมดเลย
-
8:43 - 8:46และเมื่อตัดเนื้อเยื่อไปตรวจก็พบว่าเป็นปกติ
-
8:47 - 8:49นี่คือมะเร็งที่เติบโตบนริมฝีปาก
-
8:49 - 8:51ของม้าแข่งที่ชื่อว่ากินเนส
-
8:51 - 8:54มันเป็นมะเร็งชนิดที่น่ากลัวอย่างมากที่เรียกว่า แองติโอซาโคม่า
-
8:54 - 8:56มันได้แพร่เข้าไปถึงต่อมน้ำเหลืองของมันแล้ว
-
8:56 - 8:59เราได้ใช้ครีม แอนติแองจิโอเจนนีสิส ทาไปที่ริมฝีปาก
-
8:59 - 9:02และยากินเพื่อที่จะได้รักษาจากข้างใน
-
9:02 - 9:04นอกจากการทาข้างนอกแล้ว
-
9:04 - 9:06และหลังจากการรักษาหกเดือน
-
9:06 - 9:09มันไม่มีอาการของโรคมะเร็งหลงเหลืออยู่เลย
-
9:09 - 9:12และนี่คือมันหลังจากนั้นหกปี
-
9:12 - 9:15กินเนสกับเจ้าของที่มีความสุขของมัน
-
9:15 - 9:18(เสียงปรบมือ)
-
9:18 - 9:20เป็นที่แน่ชัดว่า การรักษาแบบแอนติแองจิโอเจนนีติก
-
9:20 - 9:23สามารถนำไปใช้กับโรคมะเร็งได้หลากหลายชนิด
-
9:23 - 9:25และ ความจริงแล้ว การรักษาแรกๆ
-
9:25 - 9:27ในคน เช่นเดียวกับ สุนัข
-
9:27 - 9:29ได้เริ่มให้บริการแล้ว
-
9:29 - 9:32มียาที่แตกต่างกันอยู่ 12 สูตร สำหรับมะเร็ง 11 ชนิด
-
9:32 - 9:34แต่คำถามที่แท้จริงก็คือ
-
9:34 - 9:36มันได้ผลดีแค่ไหนในการนำไปใช้จริง ?
-
9:36 - 9:39นี่คือข้อมูลการอยู่รอดของผู้ป่วยจริงๆ
-
9:39 - 9:41จากโรคมะเร็ง 8 ชนิด
-
9:41 - 9:43และกราฟแท่งแสดงถึงระยะเวลาการอยู่รอด
-
9:43 - 9:45จากสมัยที่
-
9:45 - 9:47การรักษามีเพียงแค่เคมีบำบัด
-
9:47 - 9:50หรือ การผ่าตัด หรือ การฉายแสง เท่านั้น
-
9:50 - 9:52แต่ตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา
-
9:52 - 9:54เมื่อเริ่มมีการนำการรักษาแบบ antiangiogenic มาใช้
-
9:54 - 9:56คุณจะเห็นได้ว่า มีการพัฒนาถึง
-
9:56 - 9:58ร้อยละ 70 ถึง 100
-
9:58 - 10:00ของการอยู่รอดที่ยาวนานขึ้น
-
10:00 - 10:03สำหรับคนที่เป็นมะเร็งที่ไต มะเร็งเม็ดเลือดขาว
-
10:03 - 10:06มะเร็งลำไส้ และเนื้องอกในทางเดินอาหาร
-
10:07 - 10:09มันน่าทึ่ง
-
10:09 - 10:12แต่สำหรับเนื้องอกและมะเร็งชนิดอื่นๆ แล้ว
-
10:12 - 10:15มีการอยู่รอดที่ยาวนานขึ้นไม่มากมาย
-
10:15 - 10:17ผมจึงเริ่มต้นตั้งคำถามกับตัวเอง
-
10:17 - 10:20"ทำไมเราไม่เคยทำได้ดีกว่านี้เลยหรือ ?"
-
10:20 - 10:22และคำตอบ สำหรับผมแล้ว มันชัดเจนว่า
-
10:22 - 10:24เรากำลังรักษามะเร็งก็เมื่อเมื่อมันสายไปเสียแล้ว
-
10:24 - 10:26เมื่อมันได้เกิดขึ้นแล้ว
-
10:26 - 10:29และ บ่อยครั้งที่มันอยู่ในระยะแพร่กระจายแล้ว
-
10:29 - 10:31และในฐานะของแพทย์ ผมทราบว่า
-
10:31 - 10:34เมื่อโรคได้ดำเนินไปจนถึงระยะที่พัฒนาแล้ว
-
10:34 - 10:36การรักษาได้สำเร็จ
-
10:36 - 10:39นั้นคงจะยาก แม้ว่ายังมีโอกาส
-
10:39 - 10:41ผมจึงมองกลับไปที่ชีววิทยา
-
10:41 - 10:43ของกระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
10:43 - 10:45และเริ่มที่จะคิดว่า
-
10:45 - 10:47จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่คำตอบสำหรับมะเร็ง
-
10:47 - 10:50คือการป้องกันกระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
10:50 - 10:52หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
-
10:52 - 10:55โดยที่มะเร็งไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอันตรายได้
-
10:56 - 10:58วิธีนี้สามารถช่วยคนที่มีสุขภาพดี
-
10:58 - 11:00และคนที่เคยชนะมะเร็งได้แล้ว
-
11:00 - 11:02หนึ่งหรือสองครั้ง
-
11:02 - 11:05และต้องการที่จะหาวิธีที่จะป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาอีก
-
11:05 - 11:08ดังนั้นเพื่อที่จะหา
วิธีที่จะป้องกันกระบวนการสร้างหลอดเลือดในมะเร็ง -
11:08 - 11:10ผมกลับไปมองที่ต้นเหตุต่างๆ ของโรคมะเร็ง
-
11:10 - 11:12และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือ
-
11:12 - 11:14อาหาร
-
11:14 - 11:16เป็นสาเหตุถึงร้อยละ 30 ถึง 35
-
11:16 - 11:19ของโรคมะเร็งต่างๆ ที่ต้นเหตุมาจากสิ่งแวดล้อม
-
11:19 - 11:21มันเห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งที่จะคิดถึง
-
11:21 - 11:24ก็คือเราควรงดอาหารประเภทใด
-
11:25 - 11:28แต่จริงๆ แล้วผมได้ใช้แนวทางที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
-
11:28 - 11:31และเริ่มต้นที่จะถามว่า:
อะไรที่เราจะเพิ่มเข้าไปในรายการอาหารของเรา -
11:31 - 11:34อาหารตามธรรมชาติ
ที่ต่อต้านกระบวนการสร้างหลอดเลือด -
11:34 - 11:36อาหารซึ่งสามารถส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
-
11:36 - 11:39และมุ่งเป้าไปที่หลอดเลือดที่ให้อาหารกับเซลมะเร็ง ?
-
11:39 - 11:42อีกนัยหนึ่งก็คือ
เราจะกินอาหารเพื่อที่จะทำให้เซลมะเร็งอดตายได้หรือไม่ ? -
11:43 - 11:45คำตอบคือ ได้
-
11:45 - 11:47และผมจะแสดงให้คุณเห็นว่ามันทำได้อย่างไร
-
11:47 - 11:49เมื่อเราค้นหา
-
11:49 - 11:52ในตลาด ฟาร์ม และในตู้เครื่องเทศ
-
11:52 - 11:54เราก็พบว่า
-
11:54 - 11:56ธรรมชาติได้ให้
-
11:56 - 11:58อาหาร เครื่องดื่ม และสมุนไพร มากมาย
-
11:58 - 12:00ที่ประกอบไปด้วยสารยับยั้ง
-
12:00 - 12:02กระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
12:02 - 12:04นี่คือระบบที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อทดสอบ
-
12:04 - 12:06ที่ตรงกลางคือวงแหวนที่มีหลอดเลือดเป็นร้อยๆ
-
12:06 - 12:08กำลังเติบโตและกระจายออกเป็นรูปดาว
-
12:08 - 12:10และเราใช้ระบบนี้
-
12:10 - 12:12เพื่อทดสอบค่าของอาหาร
-
12:12 - 12:15ที่มีความเข้มข้นเท่าๆ กับที่เราได้รับเมื่อกินเข้าไป
-
12:15 - 12:17ให้ผมได้แสดงให้คุณเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราใส่
-
12:17 - 12:20สารสกัดจากองุ่นแดง
-
12:20 - 12:22ที่มีส่วนประกอบของ รีเวอราทรอล (reveratrol)
-
12:22 - 12:24ที่พบได้ในไวน์แดง
-
12:24 - 12:27มันช่วยยับยั้งการเจริญของหลอดเลือดที่ผิดปกติ
-
12:27 - 12:29ได้ร้อยละ 60
-
12:29 - 12:32นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราเพิ่มสารสกัดจากสตรอเบอรี่
-
12:32 - 12:35มันมีความสามารถในการยับยั้งขบวนการสร้างหลอดเลือด
-
12:35 - 12:38และสารสกัดจากถั่วเหลือง
-
12:39 - 12:41และนี่คือรายชื่อของ
-
12:41 - 12:43อาหารและเครื่องดื่มที่ต่อต้านกระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
12:43 - 12:45ที่เรากำลังให้ความสนใจและศึกษาอยู่
-
12:45 - 12:47และสำหรับอาหารแต่ละชนิด
-
12:47 - 12:49เราเชื่อว่ามันมีศักยภาพแตกต่างกัน
-
12:49 - 12:52ในแต่ละสายพันธุ์ที่หลากหลาย
-
12:52 - 12:54และเราต้องการจะวัดค่าเหล่านี้เพราะว่า
-
12:54 - 12:56เช่น ถ้าคุณกำลังกินสตรอเบอรี่
-
12:56 - 12:58หรือกำลังดื่มชาอยู่
-
12:58 - 13:00ทำไมไม่เลือกอันที่มันมีศักยภาพสูงสุด
-
13:00 - 13:02สำหรับป้องกันโรคมะเร็งล่ะ
-
13:02 - 13:05่นี่คือชา 4 ประเภทที่เราได้ทดสอบ
-
13:05 - 13:07พวกมันเป็นชาปกติทั่วๆ ไป
-
13:07 - 13:09ชามะลิจีน ชาเขียวญี่ปุ่นเซนฉะ
-
13:09 - 13:11ชาเอิร์ลเกรย์ และชาผสมสูตรพิเศษที่เราเตรียมขึ้น
-
13:11 - 13:13และคุณจะเห็นได้ชัดว่า
-
13:13 - 13:15ชาเหล่านี้มีศักยภาพที่แตกต่างกัน
-
13:15 - 13:18จากศักยภาพต่ำไปถึงสูง
-
13:18 - 13:20แต่ที่เยี่ยมก็คือ
-
13:20 - 13:22เมื่อเรานำชาสองชนิดมารวมกัน
-
13:22 - 13:24สองชนิดที่มีศักยภาพต่ำ
-
13:24 - 13:26แต่เมื่อนำมาผสมกัน
-
13:26 - 13:29จะมีศักยภาพมากกว่ากินแต่ละชนิดแยกกัน
-
13:29 - 13:32นี่หมายความว่ามันมีการเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกันของอาหาร
-
13:34 - 13:36นี่คือข้อมูลเพิ่มเติมจากการทดสอบของเรา
-
13:36 - 13:39ในห้องทดลอง
เราจำลองกระบวนการสร้างหลอดเลือดของเนื้องอก -
13:39 - 13:41ที่แสดงได้ด้วยกราฟแท่งสีดำ
-
13:41 - 13:44และใช้ระบบนี้
เราสามารถทดสอบศักยภาพของยาต้านมะเร็ง -
13:44 - 13:46ยิ่งกราฟแท่งสั้นลง
-
13:46 - 13:49ยิ่งเกิดกระบวนการสร้างหลอดเลือดน้อยลง
นั่นหมายถึงสิ่งที่ดี -
13:49 - 13:51และนี่เป็นยาทั่วๆ ไปบางชนิด
-
13:51 - 13:53ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยง
-
13:53 - 13:55ของโรคมะเร็งในคน
-
13:55 - 13:57ยาลดไขมันในเลือด ยาแก้ปวด ลดอักเสบบางชนิด
-
13:57 - 13:59และยาอื่นๆ บางประเภท
-
13:59 - 14:02พวกมันยับยั้งขบวนการสร้างหลอดเลือดด้วย
-
14:02 - 14:04และนี่คือสารอาหารต่างๆ ที่ได้จาการกิน
-
14:04 - 14:07เปรียบเทียบตัวต่อตัวกับยาพวกนี้
-
14:07 - 14:09คุณจะเห็นได้ว่า พวกมันมีศักยภาพ
-
14:09 - 14:11และในบางกรณี มีศักยภาพมากกว่า
-
14:11 - 14:13ยาต้านมะเร็งเสียด้วยซ้ำ
-
14:13 - 14:15ถั่วเหลือง ผักชีฝรั่ง กระเทียม
-
14:15 - 14:17องุ่น เบอร์รี่
-
14:17 - 14:19ผมสามารถกลับไปบ้านและทำอาหารมื้ออร่อยได้
-
14:19 - 14:21โดยใช้ส่วนประกอบเหล่านี้
-
14:21 - 14:23ลองคิดดูว่าถ้าเราสามารถสร้าง
-
14:23 - 14:25ระบบให้คะแนน
-
14:25 - 14:27ที่เราสามารถให้คะแนนอาหารต่างๆ
-
14:27 - 14:29ตามค่าคุณสมบัติ
-
14:29 - 14:31การป้องกันโรคมะเร็ง
-
14:31 - 14:34และที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้
-
14:34 - 14:36ที่ผมได้แสดงข้อมูลจากห้องทดลองให้คุณดู
-
14:36 - 14:38และคำถามจริงๆ ก็คือ
-
14:38 - 14:40อะไรเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าคน
-
14:40 - 14:42ที่กินอาหารบางชนิดนั้น สามารถลด
-
14:42 - 14:45กระบวนการสร้างหลอดเลือดในมะเร็งได้จริง ?
-
14:45 - 14:47ตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ผมทราบก็คือ
-
14:47 - 14:49การศึกษาในผู้ชาย 79,000 ราย
-
14:49 - 14:51ตลอดระยะเวลา 20 ปี
-
14:51 - 14:53ซึ่งพบว่าในกลุ่มผู้ชายที่บริโภค
-
14:53 - 14:55มะเขือเทศที่ทำให้สุก สองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์
-
14:55 - 14:58มีอัตราการลดลงถึงร้อยละ 50
-
14:58 - 15:01ของความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
-
15:01 - 15:04เราทราบดีว่ามะเขือเทศเป็นแหล่งอาหารของไลโคปีน
-
15:04 - 15:07และไลโคปีนนั้นมีคุณสมบัติต้านการสร้างหลอดเลือด
-
15:07 - 15:09แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าจากผลการศึกษาก็คือ
-
15:09 - 15:12ในกลุ่มของผู้ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
-
15:12 - 15:15คนที่กินซ๊อสมะเขือเทศมากกว่า
-
15:15 - 15:17จะมีจำนวนหลอดเลือด
-
15:17 - 15:19ที่ไปเลี้ยงเซลมะเร็งน้อยกว่า
-
15:19 - 15:21การศึกษาในคนนี้เป็นตัวอย่างที่สำคัญ
-
15:21 - 15:23ของสารอาหารที่ต่อต้านการสร้างหลอดเลือด
-
15:23 - 15:26ที่พบในอาหารและหากได้รับการบริโภคในระดับหนึ่ง
-
15:26 - 15:28จะสามารถมีผลกระทบต่อมะเร็งได้อย่างไร
-
15:28 - 15:30และเรากำลังศึกษา
-
15:30 - 15:32ถึงผลกระทบของการกินอาหารเพื่อสุขภาพ
-
15:32 - 15:35กับ Dean Ornish และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
และ มหาวิทยาลัย Tufts -
15:35 - 15:38ต่อบทบาทของตัวบ่งชี้ของกระบวนการแองจิโอเจนนีสิส
-
15:38 - 15:41ที่เราพบได้ในกระแสเลือด
-
15:41 - 15:44เห็นได้เลยว่าผมได้แบ่งปันประสบการณ์
กับคุณในเรื่องที่เกี่ยวพันในวงกว้าง -
15:44 - 15:46ที่ไปไกลเกินกว่างานวิจัยด้านมะเร็งด้วยซ้ำ
-
15:46 - 15:49เพราะว่าถ้าแนวคิดของเราถูกต้อง
มันจะมีผลกระทบต่อการให้ความรู้กับผู้บริโภค -
15:49 - 15:51ร้านอาหารต่างๆ การสาธารณสุข
-
15:51 - 15:53และแม้แต่กระทั่งธุรกิจประกัน
-
15:53 - 15:55จริงๆ แล้ว บริษัทประกันหลายแห่ง
-
15:55 - 15:57กำลังเริ่มที่จะคิดในแนวทางเหล่านี้
-
15:57 - 16:00ลองดูโฆษณานี้จากบริษัท Blue Cross Blue Shield
จากมินเนโซต้า -
16:01 - 16:03และสำหรับคนส่วนมากในโลกนี้
-
16:03 - 16:05การป้องกันมะเร็งโดยการกินอาหาร
-
16:05 - 16:07อาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่เป็นไปได้
-
16:07 - 16:10เพราะว่าไม่ทุกคนที่จะสามารถ
จ่ายค่ารักษาที่สูงมากสำหรับมะเร็งขั้นสุดท้าย -
16:10 - 16:12แต่ทุกๆ คนสามารถจะได้ประโยชน์จาก
-
16:12 - 16:15การกินอาหารสุขภาพจากผลิตผลในท้องถิ่น
-
16:15 - 16:17และมีความยั่งยืน
-
16:18 - 16:20สุดท้ายนี้
-
16:20 - 16:22ผมได้พูดเกี่ยวกับอาหาร
-
16:22 - 16:24และผมได้พูดเกี่ยวกับมะเร็ง
-
16:24 - 16:27ผมยังต้องบอกกับคุณเกี่ยวกับโรคอีกอย่างหนึ่ง
-
16:27 - 16:29นั่นคือโรคอ้วน
-
16:29 - 16:31เพราะว่ามันกลายเป็นว่า
-
16:31 - 16:33เนื้อเยื่อที่ประกอบด้วยไขมันและไขมัน
-
16:33 - 16:35นั้นมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการแองจิโอเจนนีสิส
-
16:35 - 16:38เหมือนกับเนื้องอก ไขมันเติบโตเมื่อหลอดเลือดเติบโต
-
16:38 - 16:41ดังนั้นคำถามก็คือ: เราสามารถทำให้ไขมันหดตัวลง
-
16:41 - 16:43โดยการตัดเลือดที่มาหล่อเลี้ยงมันหรือไม่ ?
-
16:43 - 16:46กราฟข้างบนแสดงน้ำหนักตัว
-
16:46 - 16:48ของหนูที่อ้วนโดยพันธุกรรม
-
16:48 - 16:50มันกินอย่างไม่หยุด
-
16:50 - 16:53จนกระทั่งมันอ้วนเหมือนกับลูกเทนนิสขนยาว
-
16:54 - 16:57และกราฟข้างล่างเป็นน้ำหนักตัวของหนูปกติ
-
16:57 - 16:59ถ้าคุณเอาหนูอ้วนมาและให้
-
16:59 - 17:01สารยับยั้งกระบวนการสร้างหลอดเลือดแก่มัน มันน้ำหนักตัวลด
-
17:01 - 17:03ถ้าหยุดการรักษา น้ำหนักเพิ่มขึ้นกลับมาเหมือนเดิม
-
17:03 - 17:05เริ่มต้นการรักษาใหม่ น้ำหนักลดอีกครั้ง
-
17:05 - 17:07หยุดการรักษา น้ำหนักเพิ่มขึ้นกลับมาเหมือนเดิม
-
17:07 - 17:09ความจริงแล้ว คุณสามารถทำน้ำหนักให้ขึ้น-ลงเป็นวัฏจักร
-
17:09 - 17:12ง่ายๆโดยการยับยั้งกระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
17:12 - 17:14ดังนั้นวิธีการนี้ที่เราใช้ในการป้องกันมะเร็ง
-
17:14 - 17:16อาจสามารถนำไปใช้
-
17:16 - 17:18กับโรคอ้วนได้
-
17:18 - 17:20สิ่งที่น่าสนใจมากๆเกี่ยวกับสิ่งนี้ก็คือ
-
17:20 - 17:22เราไม่สามารถนำหนูอ้วนเหล่านี้
-
17:22 - 17:24เอามาลดน้ำหนัก
-
17:24 - 17:27ให้มากไปกว่าที่น้ำหนักของหนูปกติควรจะเป็น
-
17:27 - 17:29อีกนัยหนึ่งก็คือ เราไม่สามารถสร้างซูเปอร์โมเดลหนูได้
-
17:29 - 17:31(เสียงหัวเราะ)
-
17:31 - 17:33และนี่บ่งบอกถึงบทบาทของแองจิโอเจนนิสีส
-
17:33 - 17:36ในการควบคุมจุดสมดุลย์ของการมีสุขภาพดี
-
17:36 - 17:38อัลเบิร์ต เซนท์-จอร์จี้ เคยกล่าวเอาไว้ว่า
-
17:38 - 17:41"การค้นพบนั้นคือการเห็นในสิ่งที่ทุกๆคนมองเห็น
-
17:41 - 17:43แต่คิดในสิ่งที่ไม่มีใครคิดมาก่อน"
-
17:43 - 17:45ผมหวังว่าผมได้ทำให้คุณเชื่อว่า
-
17:45 - 17:48สำหรับโรคเช่นมะเร็ง โรคอ้วน หรือโรคอื่นๆ
-
17:48 - 17:50บางทีมันอาจมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่
-
17:50 - 17:53ในการต่อสู้กับปัจจัยร่วมที่สำคัญ คือกระบวนการสร้างหลอดเลือด
-
17:53 - 17:56และนั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าโลกกำลังต้องการในขณะนี้ ขอบคุณครับ
-
17:56 - 18:07(เสียงปรบมือ)
-
18:07 - 18:10จูน โคเฮน: ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ --
-
18:10 - 18:13มันไม่ได้อยู่ในการรักษาโรคมะเร็งกระแสหลักในขณะนี้
-
18:13 - 18:15สำหรับใครก็ตามที่เป็นมะเร็ง
-
18:15 - 18:17คุณจะให้คำแนะนำอย่างไร ?
-
18:17 - 18:20คุณจะแนะนำให้รักษาแบบนี้ สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่หรือ ?
-
18:20 - 18:22วิลเลี่ยม ลี: มันมีการรักษาแบบ antiangiogenic
-
18:22 - 18:24ที่ได้รับอนุมัติจาก FDA (อย.) แล้ว
-
18:24 - 18:26และถ้าคุณเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง
-
18:26 - 18:28หรือกำลังช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง
-
18:28 - 18:30คุณควรจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
-
18:30 - 18:33และมันมีการศึกษาทางคลินิกมากมาย
-
18:33 - 18:36มูลนิธิแองจิโอเจนนีสีส (Angiogenesis) กำลังติดตามบริษัทกว่า 300 บริษัท
-
18:36 - 18:38และมันมีตัวยามากกว่า 100
-
18:38 - 18:40ที่กำลังอยู่ในกระบวนการทดสอบนี้
-
18:40 - 18:42ดังนั้นให้ิพิจารณาตัวยาที่ได้รับการอนุมติ
-
18:42 - 18:44มองหาการศึกษาทางคลินิกต่างๆ
-
18:44 - 18:46แต่ระหว่างสิ่งที่หมอสามารถทำให้คุณได้
-
18:46 - 18:48เราต้องเริ่มถามตัวเราเองว่าอะไรที่เราสามารถทำเพื่อตัวเราเองได้บ้าง
-
18:48 - 18:50และนี่คือหนึ่งในแนวทางที่ผมพูดถึง
-
18:50 - 18:52ถ้าเราสามารถทำ
-
18:52 - 18:54ในสิ่งที่หมอไม่สามารถทำให้เราได้
-
18:54 - 18:56นั่นคือใช้องค์ความรู้ที่มีและเริ่มทำเลย
-
18:56 - 18:59และถ้าธรรมชาติได้ชี้ทางแก่พวกเราแล้ว
-
18:59 - 19:01เราคิดว่ามันอาจมีอนาคตใหม่
-
19:01 - 19:03ในคุณค่าของสิ่งที่เรากินเข้าไป
-
19:03 - 19:06และสิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นจริงๆืแล้วก็คือ เคมีบำบัดวันละสามเวลา
-
19:06 - 19:08จูน: ค่ะ และตามแนวทางเหล่านี้
-
19:08 - 19:11สำหรับคนที่อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
-
19:11 - 19:14คุณจะแนะนำอย่างไรให้ปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง
-
19:14 - 19:16หรือง่ายๆ เพียงแค่กินให้ถูกต้อง
-
19:16 - 19:18โดยใส่ซ๊อสมะเขือเทศเยอะๆ ?
-
19:18 - 19:21วิลเลี่ยม ลี: คุณก็รู้่ว่า มันมีหลักฐานอย่างมากมาย
-
19:21 - 19:23และผมคิดว่าในยุคของข้อมูลข่าวสาร
-
19:23 - 19:25มันไม่เป็นการเสียเวลามาก ในการเข้าไปสู่แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
-
19:25 - 19:27เช่น Pubmed, the National Library of Medicine
-
19:27 - 19:29เพื่อที่จะหารายงานการศึกษา
-
19:29 - 19:31ที่เกี่ยวกับการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
-
19:31 - 19:34โดยพื้นฐานจากการกินอาหารและการใช้ยาทั่วไป
-
19:34 - 19:36และนั่นเป็นอะไรที่แน่นอนที่ใครก็ได้สามารถจะเข้าไปดูได้
-
19:36 - 19:38จูน: โอเค ขอบคุณมากค่ะ
-
19:38 - 19:40(เสียงปรบมือ)
- Title:
- เราจะกินเพื่อที่จะทำให้มะเร็งอดตายได้หรือไม่ ?
- Speaker:
- วิลเลี่ยม ลี (William Li)
- Description:
-
วิลเลี่ยม ลี นำเสนอแนวคิดใหม่ที่เกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็ง: แองจิโอเจนนีสิส (angiogenesis) กระบวนการที่มุ่งเป้าไปที่หลอดเลือดที่ให้อาหารกับเนื้องอก ขั้นตอนแรก (และเป็นขั้นตอนที่ดีที่สุด): โดยการกินอาหารที่ต้านมะเร็ง เพื่อเอาชนะมะเร็งโดยใช้วิธีเดียวกับที่เราให้อาหารมัน
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 19:41
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Can we eat to starve cancer? | |
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Can we eat to starve cancer? | |
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Can we eat to starve cancer? | |
![]() |
Mongkut Piantanakulchai added a translation |