แพทริเซีย คัห์ล: อัจฉริยะภาพทางภาษาของทารก
-
0:00 - 0:03ดิฉันอยากให้พวกคุณลองมองเด็กคนนี้
-
0:03 - 0:06สิ่งที่ดึงดูดความสนใจ คือดวงตาของเธอ
-
0:06 - 0:09และผิวพรรณที่คุณอยากสัมผัส
-
0:09 - 0:12แต่วันนี้ ดิฉันจะพูดถึงสิ่งที่คุณไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
-
0:12 - 0:15นั่นคือสิ่งที่เกิดอะไรขึ้นในสมองน้อยๆของเธอ
-
0:16 - 0:18เครื่องมือสมัยใหม่ทางประสาทวิทยาศาสตร์
-
0:18 - 0:21จะแสดงให้พวกเราเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นบนนั้น
-
0:21 - 0:24เป็นเรื่องที่เรายังจัดว่าค่อนข้างลี้ลับ
-
0:24 - 0:26และสิ่งที่พวกเราศึกษาอยู่
-
0:26 - 0:28กำลังจะเปิดเผยให้พวกเราเห็น
-
0:28 - 0:31ในประเด็นที่นักประพันธ์บทกลอนโรแมนติก
-
0:31 - 0:34ใช้คำบรรยายว่า "การเปิดรับจากสรวงสวรรค์"
-
0:34 - 0:36ของสมองเด็กทารก
-
0:36 - 0:38ที่เราเห็นในภาพนี้
-
0:38 - 0:40เธอเป็นแม่คนหนึ่งในประเทศอินเดีย
-
0:40 - 0:42เธอพูดภาษาโคโร่
-
0:42 - 0:44ซึ่งเป็นภาษาที่เพิ่งค้นพบไม่นาน
-
0:44 - 0:46เธอใช้ภาษานี้กับทายาทของเธอ
-
0:46 - 0:48คุณแม่คนนี้
-
0:48 - 0:51และผู้คนอีกกว่า 800 ชีวิตทั่วโลกที่ใช้ภาษานี้
-
0:51 - 0:54ต่างเข้าใจในแนวทางเดียวกันว่า การที่จะอนุรักษ์ภาษานี้ไว้
-
0:54 - 0:57พวกเขาจำเป็นต้องใช้ภาษาดังกล่าวพูดกับเด็กทารก
-
0:57 - 1:00ทีนี้ ปัญหาที่น่าฉงนใจก็เกิดขึ้น
-
1:00 - 1:02นั่นก็คือ "ทำไมคนเราถึงอนุรักษ์ภาษา
-
1:02 - 1:05ด้วยการสื่อสารกับพวกเรากันเอง หรือผู้ใหญ่ไม่ได้?"
-
1:05 - 1:08เอาล่ะค่ะ นั่นเป็นเพราะการทำงานของสมองคุณ
-
1:08 - 1:10ที่เราเห็นนี้
-
1:10 - 1:13คือ "ภาษา" มีช่วงเวลาเรียนรู้ที่จำกัด
-
1:13 - 1:16สำหรับสไลด์นี้ แนวนอนหมายถึงอายุของพวกคุณ
-
1:16 - 1:19(เสียงหัวเราะ)
-
1:19 - 1:21และในแนวตั้ง คุุณจะเห็นถึง
-
1:21 - 1:23ความสามารถในการเรียนรู้ภาษาที่สองของคุณ
-
1:23 - 1:25ทารกและเด็กถือเป็นอัจฉริยะ
-
1:25 - 1:27จนถึงอายุเจ็ดขวบ
-
1:27 - 1:30แล้วจะค่อยๆลดลงตามลำดับ
-
1:30 - 1:32จะเห็นได้ว่าวัยรุ่นได้หลุดออกจากกรอบนี้ไปแล้ว
-
1:32 - 1:35ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนแย้งในจุดนี้
-
1:35 - 1:37ห้องทดลองทั่วทุกมุมโลก
-
1:37 - 1:40ต่างพยายามหาเหตุผลให้ได้ว่า ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้
-
1:40 - 1:42สำหรับในห้องทดลองดิฉัน
-
1:42 - 1:44จะมุ่งเน้นในระยะพัฒนาการแรกๆของช่วงวิกฤต
-
1:44 - 1:46ซึ่งเป็นช่วงที่
-
1:46 - 1:49ทารกพยายามแยกแยะว่าเสียงไหนใช้ในภาษาแม่ของพวกเขา
-
1:49 - 1:52เราเชื่อว่า ด้วยการศึกษาวิธีที่ทารกเหล่านี้ใช้เรียนรู้เรื่องเสียง
-
1:52 - 1:54จะทำให้เรามีต้นแบบของส่วนที่เหลือของภาษา
-
1:54 - 1:57และอาจได้ข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาเรียนรู้จำกัดที่อาจมีอยู่ในวัยเด็ก
-
1:57 - 1:59สำหรับการพัฒนาการทางด้านสังคม ด้านอารมณ์
-
1:59 - 2:01และด้านการคิด
-
2:01 - 2:03พวกเราจึงได้ศึกษาในตัวทารก
-
2:03 - 2:05โดยใช้เทคนิคที่พวกเราใช้กันทั่วโลก
-
2:05 - 2:07และเสียงในทุกๆภาษา
-
2:07 - 2:09เด็กๆจะนั่งบนตักพ่อแม่
-
2:09 - 2:11แล้วเราก็ฝึกให้พวกเขาหันหน้าหาเมื่อเสียงเปลี่ยน
-
2:11 - 2:13เช่นจากเสียง "ah..." ไปเป็น "ee..."
-
2:13 - 2:15เมื่อพวกเขาตอบสนองในเวลาที่เหมาะสม
-
2:15 - 2:17กล่องสีดำจะเปล่งแสง
-
2:17 - 2:19ตามด้วยหมีแพนด้าจะตีกลองรัว
-
2:19 - 2:21เด็ก 6 ขวบชอบกิจกรรมนี้ทีเดียว
-
2:21 - 2:23ว่าแต่...เราได้ข้อมูลอะไรบ้างล่ะ?
-
2:23 - 2:25เอาล่ะค่ะ...ทารกทั่วทุกมุมโลก
-
2:25 - 2:27เป็นสิ่งที่ดิฉันอยากจะเปรียบเป็น
-
2:27 - 2:29"พลเมืองของโลก"
-
2:29 - 2:32พวกเขาสามารถแบ่งแยกความแตกต่างของเสียงในทุกๆภาษา
-
2:32 - 2:35จากการทดสอบในทุกๆประเทศและทุกๆภาษาที่เราใช้
-
2:35 - 2:38นี่ถือเป็นสิ่งที่น่าคิด เพราะดิฉันและพวกคุณทำไม่ได้
-
2:38 - 2:40พวกเราเป็นผู้ฟังที่ผูกกับวัฒนธรรมไปแล้ว
-
2:40 - 2:42จะสามารถแยกความต่างของเสียงได้เฉพาะในภาษาของพวกเราเอง
-
2:42 - 2:44ไม่สามารถแยกในภาษาอื่นได้
-
2:44 - 2:46ฉะนั้น คำถามก็ตามมาอีกว่า :
-
2:46 - 2:48"แล้วเมื่อไหร่ล่ะ? ที่พลเมืองของโลกเหล่านี้
-
2:48 - 2:51จะแปลงสถานะเป็นผู้ฟังที่ผูกกับภาษาเหมือนเราๆ?"
-
2:51 - 2:54และคำตอบก็คือ "ก่อนครบรอบวันเกิดปีแรกของพวกเขา"
-
2:54 - 2:57และนี่คือ ผลของสมรรธภาพใน "ภารกิจหันหน้า"
-
2:57 - 2:59ของทารกที่เราทดสอบในโตเกียวและสหรัฐฯ
-
2:59 - 3:01ณ ที่แห่งนี้ ซีแอตเทิล
-
3:01 - 3:03เมื่อได้ลองให้พวกเขาฟังเสียง "ra" และ "la" --
-
3:03 - 3:06ความต่างของสองเสียงมีผลในภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีผลในภาษาญี่ปุ่น
-
3:06 - 3:09ณ ช่วงอายุ 6-8 เดือน ความสามารถของทารกเหล่านี้ไม่ต่างกันมาก
-
3:09 - 3:12แต่สองเดือนถัดมาสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็ปรากฏ
-
3:12 - 3:14ทารกในสหรัฐฯดีขึ้นกว่าเดิมมาก
-
3:14 - 3:16แต่ทารกในญี่ปุ่นแย่ลงๆ
-
3:16 - 3:18ทั้งที่ทารกทั้งสองกลุ่มต่างกำลัง
-
3:18 - 3:21เตรียมตัวเพื่อเรียนรู้ภาษาแม่ของตัวเองเหมือนๆกัน
-
3:21 - 3:24ทีนี้คำถามก็คือ "เกิดอะไรขึ้น
-
3:24 - 3:26กับช่วงวิกฤตสองเดือนนี้?"
-
3:26 - 3:28นี่เป็นช่วงวิกฤตของการพัฒนาทางด้านเสียง
-
3:28 - 3:30แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
-
3:30 - 3:32คำตอบคือ มีสองปัจจัย
-
3:32 - 3:35อย่างแรก เนื่องจากทารกจะฟังเราอย่างตั้งใจ
-
3:35 - 3:38และเก็บข้อมูลในขณะที่พวกเราพูดคุยกัน
-
3:38 - 3:40พวกเขาเก็บสถิติในหัว
-
3:40 - 3:43เราลองมาฟังคุณแม่สองคนพูดกับลูก
-
3:43 - 3:46โดยใช้ภาษาเด็กๆที่เราใช้เหมือนๆกัน
-
3:46 - 3:49อันแรกเป็นภาษาอังกฤษ ต่อด้วยญี่ปุ่น
-
3:49 - 3:52(วีดีโอ) คุณแม่ที่ใช้ภาษาอังกฤษ: "โอ๋...แม่ล่ะชอบตาสีฟ้าโตๆของลูกจังเลย
-
3:52 - 3:55น่ารักน่าชังดีจริงๆ"
-
3:56 - 4:02คุณแม่ที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น: [ภาษาญี่ปุ่น]
-
4:02 - 4:04แพทริเซีย คัห์ล: ตลอดการพูดเหล่านี้
-
4:04 - 4:06เมื่อทารกเหล่านี้ได้ฟัง
-
4:06 - 4:08พวกเขาจะเก็บสถิติ
-
4:08 - 4:11จากภาษาที่พวกเขาได้ยิน
-
4:11 - 4:14ความสามารถด้านการแยกแยะเสียงก็จะดีขึ้น
-
4:14 - 4:16และสิ่งที่พวกเราเรียนรู้
-
4:16 - 4:19ก็คือ ทารกจะอ่อนไหวกับสถิติมาก
-
4:19 - 4:22และสถิติของภาษาญี่ปุ่นกับอังกฤษต่างกันมากทีเดียว
-
4:22 - 4:25ในภาษาอังกฤษ จะมีเสียง R และ L เยอะมาก
-
4:25 - 4:27สังเกตได้จากภาพนี้
-
4:27 - 4:29และการแยกเสียงในภาษาญี่ปุ่นก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
-
4:29 - 4:32ที่เห็นกันนี้ คือกลุ่มเสียงที่อยู่่กึ่งกลาง
-
4:32 - 4:35ทั้งหมดนี้คือ "R" ในภาษาญี่ปุ่น
-
4:35 - 4:37ฉะนั้นทารกจะค่อยๆซึมซับ
-
4:37 - 4:39สถิติของภาษานั้นๆ
-
4:39 - 4:41และมันสร้างความเปลี่ยนแปลงกับสมองพวกเขา
-
4:41 - 4:43โดยผันจากพลเมืองของโลก
-
4:43 - 4:46ไปเป็นผู้ฟังที่ผูกกับวัฒนธรรมเหมือนพวกเรา
-
4:46 - 4:48แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราๆ
-
4:48 - 4:50ไม่ได้ซึมซับสถิติเหล่านั้นอีกแล้ว
-
4:50 - 4:53พวกเราถูกควบคุมโดยความจำ
-
4:53 - 4:56ที่ถูกสร้างมาในช่วงพัฒนาแรกๆ
-
4:56 - 4:58สิ่งที่เห็นในนี้
-
4:58 - 5:01คือการเปลี่ยนแปลงแม่แบบว่าช่วงวิกฤตการเรียนรู้มีผลอย่างไร
-
5:01 - 5:04พวกเราถกเถียงจากมุมมองทางคณิตศาสตร์
-
5:04 - 5:07ว่าความไวในการเรียนรู้ภาษาจะค่อยๆลดลง
-
5:07 - 5:09เมื่อการกระจายของข้อมูลคงที่
-
5:09 - 5:12ซึ่งก็สร้างความคาใจกับหลายคนที่ใช้สองภาษา
-
5:12 - 5:16เพราะคนเหล่านี้ต้องเก็บข้อมูลสองชุดในเวลาเดียวกัน
-
5:16 - 5:19และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างสองภาษานั้นๆ
-
5:19 - 5:21ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาพูดกับใคร
-
5:21 - 5:23เราเลยเกิดข้อสงสัยว่า
-
5:23 - 5:26เด็กทารกจะเก็บสถิติจากภาษาที่ไม่เคยได้ยินได้หรือเปล่า?
-
5:26 - 5:28เราได้ลองทดสอบกับเด็กอเมริกัน
-
5:28 - 5:30ที่ไม่เคยได้ยินภาษาที่สองเลย
-
5:30 - 5:33มาฟังจีนแมนดารินเป็นครั้งแรกในช่วงวิกฤต
-
5:33 - 5:35เราได้ข้อมูลว่า เมื่อทดสอบเด็กที่ใช้ภาษาเดียว
-
5:35 - 5:38กับจีนแมนดารินที่ไทเปและซีแอตเทิล
-
5:38 - 5:40ผลที่ออกมาก็เหมือนกัน
-
5:40 - 5:42ในช่วง 6-8 เดือน พวกเขาได้พอๆกัน
-
5:42 - 5:45แต่สองเดือนถัดไป สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
-
5:45 - 5:48แต่คราวนี้เด็กไต้หวันจะดีกว่า ไม่ใช่อเมริกัน
-
5:48 - 5:51และในช่วงวิกฤตนี้ เราก็ได้ลองให้ทารกอเมริกัน
-
5:51 - 5:53ลองฟังจีนแมนดาริน
-
5:53 - 5:56ประหนึ่งว่ามีญาติคนจีนมาเยี่ยมประมาณหนึ่งเดือน
-
5:56 - 5:58แล้วย้ายมาอยู่ในบ้านเดียวกัน
-
5:58 - 6:00แล้วพูดกับทารกช่วงหนึ่ง เป็นเวลา 12 ครั้ง
-
6:00 - 6:02นี่คือหน้าตาห้องทดลอง
-
6:02 - 6:24(วีดีโอ) : [ภาษาจีนแมนดาริน]
-
6:24 - 6:26แล้วเกิดอะไรขึ้นในสมองน้อยๆของพวกเขาล่ะ?
-
6:26 - 6:29(เสียงหัวเราะ)
-
6:29 - 6:31พวกดิฉันต้องกำหนดกลุ่มทดลอง
-
6:31 - 6:33เพื่อให้แน่ใจว่า เพียงแค่เข้ามาเยี่ยมห้องทดลองของเรานั้น
-
6:33 - 6:35ไม่ได้ช่วยให้ภาษาจีนของคุณให้ดีขึ้นเลย
-
6:35 - 6:37ดังนั้นจึงมีทารกอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาและฟังภาษาอังกฤษ
-
6:37 - 6:39ในกราฟนี้แสดงให้เห็นว่า
-
6:39 - 6:41การเปิดรับภาษาอังกฤษไม่ได้ทำให้ภาษาจีนของพวกเขาดีขึ้นเลย
-
6:41 - 6:43แต่เราลองมาดูว่าทารกที่
-
6:43 - 6:45ได้ฟังจีนแมนดารินเป็น 12 ครั้ง
-
6:45 - 6:47ปรากฏว่าพวกเขาทำได้ดีพอๆกับทารกที่อยู่ในไต้หวัน
-
6:47 - 6:50ที่ได้ฟังมา 10 เดือนครึ่ง
-
6:50 - 6:52ผลที่ออกมา
-
6:52 - 6:54คือ ทารกจะเก็บสถิติในภาษาใหม่ๆ
-
6:54 - 6:58อะไรก็ตามที่คุณป้อนเข้าไป พวกเขาก็จะนับทั้งหมด
-
6:58 - 7:00แต่พวกเราสงสัยว่า
-
7:00 - 7:02มนุษย์เราสวมบทบาทอะไร
-
7:02 - 7:04ในเรื่องฝึกฝนการเรียนรู้
-
7:04 - 7:06พวกเราก็เลยทดลองกับทารกอีกกลุ่มหนึ่ง
-
7:06 - 7:09ในจำนวนรอบที่เท่ากันคือ 12 ครั้ง
-
7:09 - 7:11แต่ทำผ่านทางโทรทัศน์
-
7:11 - 7:14ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมีเพียงได้ฟังเพียงเสียง
-
7:14 - 7:16และดูหมีเท็ดดี้บนจอ
-
7:16 - 7:19แล้ว เราได้ทำอะไรกับสมองพวกเขา
-
7:19 - 7:22ที่เห็นนี้คือ ผลจากการทดสอบฟังเสียงออดิโอ
-
7:22 - 7:24ไม่มีการเรียนรู้ใดๆเกิดขึ้น
-
7:24 - 7:27ผลของวีดีโอ
-
7:27 - 7:29ไม่มีการเรียนรู้เกิดขึ้นเช่นกัน
-
7:29 - 7:31ฉะนั้นทารกจะเก็บข้อมูลได้จาก
-
7:31 - 7:33การฟังจากคนจริงๆเท่านั้น
-
7:33 - 7:35เพราะตอนที่เก็บข้อมูลเหล่านั้น
-
7:35 - 7:37ทารกจะใช้สมองส่วนปฏิสัมพันธ์มาควบคุม
-
7:37 - 7:39พวกเราต้องการเข้าถึงสมอง
-
7:39 - 7:41เพื่อศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น
-
7:41 - 7:43และมีอะไรที่ไม่เหมือนกันระหว่างที่ทารกอยู่หน้าโทรทัศน์
-
7:43 - 7:45กับตอนที่อยู่หน้าผู้คน
-
7:45 - 7:47โชคดี ที่เรามีเครื่องมือตัวใหม่
-
7:47 - 7:49ชื่อเครื่องสแกน "MEG"
-
7:49 - 7:51ที่ช่วยให้ความหวังกลายเป็นจริง
-
7:51 - 7:53หน้าตามันเหมือนไดร์เป่าผมที่มาจากดาวอังคาร
-
7:53 - 7:55แต่มันปลอดภัยทีเดียวเลยล่ะค่ะ
-
7:55 - 7:58ไม่อันตราย แล้วก็ไม่ส่งเสียงรบกวน
-
7:58 - 8:00พวกเราใช้หน่วยมิลลิเมตร
-
8:00 - 8:02และมิลลิวินาที
-
8:02 - 8:04เพื่อให้ผลที่ได้ออกมาแม่นยำ
-
8:04 - 8:06โดยใช้เครื่อง 306 SQUIDs
-
8:06 - 8:08หรือ Superconducting Quantum Interference Devices--
-
8:08 - 8:10เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดคลื่นสนามแม่เหล็ก
-
8:10 - 8:12ที่แผ่ออกมาในสมอง
-
8:12 - 8:14เครื่่องจะจับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตอนเราคิด
-
8:14 - 8:16พวกเราถือเป็นกลุ่มแรกในโลกนี้
-
8:16 - 8:18ที่ใช้เครื่องแสกน MEG
-
8:18 - 8:20บันทึกข้อมูลของทารก
-
8:20 - 8:22ขณะที่พวกเขาเรียนรู้
-
8:22 - 8:24และนี่คือ น้องเอ็มม่า
-
8:24 - 8:26อายุหกเดือน
-
8:26 - 8:28และเธอฟังเสียงของหลายภาษามาแล้ว
-
8:28 - 8:31โดยผ่านหูฟังที่ใส่อยู่
-
8:31 - 8:33พวกคุณจะเห็นว่า เธอเคลื่อนไหวไปมาได้
-
8:33 - 8:35พวกเรากำลังตามรอยสมองเธอ
-
8:35 - 8:37ด้วยเครื่องมือที่ครอบอยู่บนหัว
-
8:37 - 8:40ฉะนั้นเธอจะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
-
8:40 - 8:42นี่เป็นผลงานที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อมากพอควร
-
8:42 - 8:44แล้วพวกเราเห็นอะไรบ้าง?
-
8:44 - 8:46พวกเราเห็นสมองของเด็ก เช่น
-
8:46 - 8:49ถ้าเธอได้ยินคำในภาษาของตัวเอง
-
8:49 - 8:51ส่วนการฟังจะเปล่งแสงขึ้น
-
8:51 - 8:53และส่วนอื่นๆใกล้เคียงก็เปล่งตามกันมา
-
8:53 - 8:56ซึ่งพวกเราเชื่อว่ามีความเกี่ยวเนื่องกัน
-
8:56 - 8:58ทำให้สมองเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ
-
8:58 - 9:00ตามที่ควรจะเป็น
-
9:00 - 9:03สมองส่วนหนึ่งปลุกให้อีกส่วนหนึ่งทำงาน
-
9:03 - 9:05พวกเราเป็นผู้บุกเบิก
-
9:05 - 9:08ในยุคทองของ
-
9:08 - 9:11ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาสมองของทารก
-
9:11 - 9:13และเราก็จะเห็นสมองของเด็ก
-
9:13 - 9:15ขณะที่พวกเขาเกิดอารมณ์ต่างๆขึ้น
-
9:15 - 9:17ขณะที่พวกเขาเรียนรู้ที่จะพูดและอ่าน
-
9:17 - 9:19ขณะที่พวกเขาไขโจทย์คณิตศาสตร์
-
9:19 - 9:21ขณะที่พวกเขามีความคิดใหม่ๆ
-
9:21 - 9:24และด้วยสิ่งนี้ พวกเราก็จะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่
-
9:24 - 9:27เพื่อช่วยเด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้
-
9:27 - 9:30เหมือนอย่างที่นักประพันธ์กลอนและนักเขียนได้อธิบายไว้
-
9:30 - 9:32พวกเรากำลังจะมองเห็น
-
9:32 - 9:34การเปิดรับที่มหัศจรรย์
-
9:34 - 9:36การเปิดรับที่เต็มเปี่ยม
-
9:36 - 9:39ในความนึกคิดของเด็ก
-
9:39 - 9:41ด้วยการศึกษาสมองของทารกเหล่านี้
-
9:41 - 9:43พวกเราจะค้นพบความจริง
-
9:43 - 9:45ว่าสิ่งนี้มีความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์อย่างไร
-
9:45 - 9:47อีกทั้งในกระบวนการนี้
-
9:47 - 9:49อาจสามารถช่วยให้สมองของพวกเรา
-
9:49 - 9:51เปิดรับการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิตไปเลยก็ได้
-
9:51 - 9:53ขอบคุณค่ะ
-
9:53 - 9:56(เสียงปรบมือ)
- Title:
- แพทริเซีย คัห์ล: อัจฉริยะภาพทางภาษาของทารก
- Speaker:
- Patricia Kuhl
- Description:
-
ณ TEDxRainier "แพทริเซีย คัห์ล" ได้มาแบ่งปันการค้นพบอันน่าอัศจรรย์ว่าเด็กทารกเรียนรู้ภาษาได้โดยการฟังจากบทสนทนาของคนรอบข้างและในขณะเดียวกันก็เก็บสถิติเสียงในภาษานั้นๆไปด้วย นอกจากนี้การทดลองอันชาญฉลาดและผลสแกนสมองจะเผยให้เห็นว่าทารก 6 เดือนใช้การให้เหตุผลซับซ้อนเพื่อเข้าใจความเป็นไปต่างๆอย่างไร
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 09:57