ภาพหลอนเผยให้เห็นอะไรภายในจิตของเรา
-
0:00 - 0:03เรามองด้วยตา
-
0:03 - 0:06แต่ก็ต้องอาศัยสมองด้วยเช่นกัน
-
0:06 - 0:10สิ่งที่มองเห็นด้วยสมอง
มักเรียกกันว่า 'จินตนาการ' -
0:10 - 0:15ซึ่งเราต่างคุ้นเคยกับภาพในจินตนาการเรา
-
0:15 - 0:19ในทัศนะของเราเอง
เพราะอยู่กับมันมาตลอดชีวิต -
0:19 - 0:23แต่มันก็มีสิ่งที่เรียกว่า'ภาพหลอน'ด้วย
-
0:23 - 0:26และภาพหลอนนี่ต่างจากจินตนาการสุดขั้วเลย
-
0:26 - 0:28มันไม่ใช่อะไรที่เราสร้างข้ึน
-
0:28 - 0:30มันอยู่นอกเหนือการควบคุม
-
0:30 - 0:32มันเกิดจากอะไรภายนอก
-
0:32 - 0:35มาเลียนแบบการรับรู้ของเรา
-
0:35 - 0:39ผมเลยว่าจะพูดถึงเรื่องภาพหลอน
-
0:39 - 0:43เป็นภาพหลอนชนิดพิเศษชนิดหนึ่ง
-
0:43 - 0:48ที่ผมเจอกับคนไข้ของผมเอง
-
0:48 - 0:52ไม่กี่เดือนก่อน มีสายโทรมาหาผม
-
0:52 - 0:54จากบ้านพักคนชราซึ่งผมทำงานอยู่
-
0:54 - 0:59เขาบอกผมว่า ผู้อาศัยท่านหนึ่ง
สุภาพสตรีอายุประมาณ 90 ปี -
0:59 - 1:01มองเห็นนู่นเห็นนี่
-
1:01 - 1:04เขาสงสัยกันว่าเธอบ๊องส์ไปแล้วรึเปล่า
-
1:04 - 1:06ไม่ก็คงเพราะอายุเยอะ ไม่งั้นก็
-
1:06 - 1:09หลอดเลือดสมองอาจจะตีบ ไม่ก็อัลไซเมอร์
-
1:09 - 1:14เลยถามผมว่าช่วยมาดูโรซาลีหน่อยได้ไหม
-
1:14 - 1:16หญิงชราท่านนั้นน่ะครับ
-
1:16 - 1:18ผมก็ไปครับ
-
1:18 - 1:20สิ่งที่ชัดเจนเลยก็คือ
-
1:20 - 1:23สติเธอยังดี
-
1:23 - 1:26รู้เรื่องรู้ตัวดี แถมยังฉลาดด้วย
-
1:26 - 1:30แต่เธอกำลังตกใจ และก็กำลังงง
-
1:30 - 1:33ว่าทำไมเธอเห็นนู่นเห็นนี่เต็มไปหมด
-
1:33 - 1:36เธอบอกผม
-
1:36 - 1:38ในสิ่งซึ่งพยาบาลไม่ทันได้บอกผม
-
1:38 - 1:40คือ เธอตาบอด
-
1:40 - 1:45ตาเธอบอดสนิท
จากใจกลางจอประสาทตาเสื่อมมาได้ห้าปีแล้ว -
1:45 - 1:48แต่สองสามวันมานี้ เธอเกิดเห็นนู่นนี่ขึ้นมา
-
1:48 - 1:51ผมเลยถาม "คุณเห็นอะไรเหรอครับ"
-
1:51 - 1:54เธอบอก "ฉันเห็นคนแต่งตัวห่มผ้าแบบชาวตะวันออก
-
1:54 - 1:58เดินขึ้นๆ ลงๆ บันไดค่ะ
-
1:58 - 2:01แล้วชายคนหนึ่งหันมายิ้มให้ฉัน
-
2:01 - 2:05ฟันข้างหนึ่งของเขาใหญ่มากๆ
-
2:05 - 2:07แล้วก็มีสัตว์ด้วยค่ะ
-
2:07 - 2:10เห็นตึกสีขาว หิมะนุ่มๆโปรยปราย
-
2:10 - 2:15ฉันเห็นม้าติดเทียม กำลังลากหิมะ
-
2:15 - 2:19แล้วคืนนึง ฉากก็เปลี่ยนไป
-
2:19 - 2:21ทีนี้ฉันเห็นแมวหมาเดินเข้ามาหา
-
2:21 - 2:24มันเดินมาถึงจุดนึง แล้วก็หยุด
-
2:24 - 2:26แล้วก็เปลี่ยนอีกละ
-
2:26 - 2:29คราวนี้เห็นเป็นเด็กๆ มากมาย
กำลังเดินขึ้นลงบันได -
2:29 - 2:32พวกเขาใส่ชุดสีสด สีชมพูกุหลาบ และสีฟ้า
-
2:32 - 2:35แบบชุดทางตะวันออก
-
2:35 - 2:38บางที เธอว่า ก่อนพวกคนจะโผล่มา
-
2:38 - 2:42เธอเห็นสี่เหลี่ยมจตุรัสสีชมพู สีฟ้าบนพื้น
-
2:42 - 2:45ทอดขึ้นไปจนถึงเพดาน
-
2:45 - 2:49อืม ผมเลยถามว่า "คล้ายๆ กับฝันไปไหมครับ?"
-
2:49 - 2:52เธอบอก "ไม่ค่ะๆ ไม่เหมือนฝันๆ
เหมือนดูหนังมากกว่า" -
2:52 - 2:55เธอบอกมันมีสีสัน มันเคลื่อนไปเคลื่อนมา
-
2:55 - 2:59แต่มันเงียบฉี่เลย เหมือนหนังใบ้
-
2:59 - 3:01เธอบอก "แต่เป็นหนังที่น่าเบื๊อน่าเบื่อนะ"
-
3:01 - 3:04เธอบอก "มีแค่คนแต่งตัวแบบชาวตะวันออก
-
3:04 - 3:09เดินขึ้นเดินลง ซ้ำไปซ้ำมา อยู่แค่นั้นน่ะ"
-
3:09 - 3:11(เสียงหัวเราะ)
-
3:11 - 3:13แล้วเธอเป็นคนมีอารมณ์ขัน
-
3:13 - 3:15เธอรู้ว่ามันเป็นแค่ภาพหลอน
-
3:15 - 3:17แต่เธอก็กลัว อยู่มาจนอายุ 95 ปีแล้ว
-
3:17 - 3:20ไม่เคยเห็นภาพหลอนมาก่อนเลย
-
3:20 - 3:23แล้วเธอบอก ภาพหลอนนี่ก็ไม่ปะติดปะต่อเลย
-
3:23 - 3:27ไม่เกี่ยวว่ากำลังคิดอะไร รู้สึกยังไงทำอะไร
-
3:27 - 3:31บทจะมา มันก็มาของมันเอง บทจะไปก็ไป
-
3:31 - 3:33เธอควบคุมอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
-
3:33 - 3:35แล้วเธอก็ไม่รู้จัก
-
3:35 - 3:37คน หรือสถานที่ต่างๆ
-
3:37 - 3:39ที่เห็นในภาพหลอนเลยสักนิด
-
3:39 - 3:41จะคนหรือสัตว์อะไรก็ตาม
-
3:41 - 3:45เธอก็ไม่รู้มันโผล่มาจากไหน ได้ยังไง
-
3:45 - 3:47แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
-
3:47 - 3:49เธอสงสัยว่าเธอคงจะเป็นบ้า
-
3:49 - 3:51คงเสียสติไปแล้ว
-
3:51 - 3:53ผมตรวจเธออย่างละเอียด
-
3:53 - 3:55เธอเป็นหญิงชราที่ทั้งฉลาด
-
3:55 - 3:59และสติสมประกอบทุกอย่าง
ไม่มีโรคประจำตัวอะไร -
3:59 - 4:03ไม่ได้ใช้ยาอะไรที่อาจจะทำให้เกิดภาพหลอน
-
4:03 - 4:05มีแค่ว่า เธอตาบอด
-
4:05 - 4:07ผมบอกเธอว่า
-
4:07 - 4:09"ผมว่าผมรู้ครับว่าคุณเป็นอะไร"
-
4:09 - 4:13ผมว่า "นี่เป็นภาวะภาพหลอนแบบชนิดพิเศษ
-
4:13 - 4:17ที่พบในคนที่การมองเห็นแย่ลงหรือตาบอด
-
4:17 - 4:20ซึ่งมีคนพูดถึงภาวะนี้ครั้งแรก
-
4:20 - 4:22ไว้ตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 18
-
4:22 - 4:25โดยคนที่ชื่อชาร์ลส์ บอนเน (Charles Bonnet)
-
4:25 - 4:28และคุณเป็น Charles Bonnet syndrome ครับ
-
4:28 - 4:30ไม่มีอะไรผิดปกติทางสมอง
ไม่มีอะไรผิดปกติทางจิตด้วย -
4:30 - 4:33คุณเป็น Charles Bonnet syndrome
-
4:33 - 4:36ซึ่งทำให้เธอสบายใจขึ้นมาก
-
4:36 - 4:40ว่าไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรทั้งนั้น
-
4:40 - 4:43แต่เธอออกจะอยากรู้
-
4:43 - 4:45เธอว่า "เออ แล้วใครคือชาร์ลส์ บอนเน"
-
4:45 - 4:48เธอว่า "เขาเป็นเองด้วยรึเปล่า?"
-
4:48 - 4:51เธอบอก "ไปบอกพวกพยาบาลด้วยนะ"
-
4:51 - 4:54"ว่าฉันเป็น Charles Bonnet Syndrome"
-
4:54 - 4:56(เสียงหัวเราะ)
-
4:56 - 5:00"ฉันไม่ได้บ้า สมองฉันไม่ได้เสื่อม
ฉันเป็น Charles Bonnet Syndrome" -
5:00 - 5:02ผมก็เลยบอกพยาบาลไปตามนั้น
-
5:02 - 5:05ซึ่งผมเจอเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยๆ ครับ
-
5:05 - 5:07ส่วนมากผมทำงานที่บ้านคนชรา
-
5:07 - 5:09ผมเจอคนชราหลายคน
-
5:09 - 5:13ที่มีปัญหาเรื่องการได้ยิน ไม่ก็การมองเห็น
-
5:13 - 5:15ประมาณ 10% ของคนที่มีปัญหาด้านการได้ยิน
-
5:15 - 5:18ได้ยินเสียงเพลงทั้งที่ไม่มีอยู่จริง
-
5:18 - 5:21และประมาณ 10% ของคนที่มีปัญหาการมองเห็น
-
5:21 - 5:23มองเห็นอะไรที่ไม่มีอยู่จริง
-
5:23 - 5:25ไม่ต้องถึงขั้นตาบอดสนิท
-
5:25 - 5:27แค่ผิดปกติประมาณหนึ่งก็พบได้
-
5:27 - 5:31ตามคำบรรยายแรกที่บันทึกไว้ช่วงศตวรรษที่ 18
-
5:31 - 5:33ชาร์ลส์ บอนเนไม่ได้เป็นเองครับ
-
5:33 - 5:36ปู่ของเขาเป็นคนเห็นภาพหลอนพวกนี้
-
5:36 - 5:39ปู่ของเขาเป็นประมาณผู้พิพากษา อายุเยอะแล้ว
-
5:39 - 5:42เข้ารับการผ่าตัดต้อกระจก
-
5:42 - 5:44การมองเห็นไม่ค่อยจะดีนัก
-
5:44 - 5:49ในปี 1759 เขาเล่าให้หลานชายฟัง
-
5:49 - 5:51ถึงอะไรนู่นนี่ที่เขามองเห็น
-
5:51 - 5:53อย่างแรกเขาว่าเขาเห็น
-
5:53 - 5:55ผ้าเช็ดหน้าลอยอยู่กลางอากาศ
-
5:55 - 5:57ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่สีฟ้า
-
5:57 - 5:59และวงกลมๆ สีส้มๆ สี่วง
-
5:59 - 6:02แล้วเขาก็รู้ว่ามันเป็นภาพหลอน
-
6:02 - 6:04เป็นไปได้ไง ผ้าเช็ดหน้าลอยกลางอากาศ
-
6:04 - 6:08จากนั้นเขาก็เห็นล้อยักษ์ลอยกลางอากาศ
-
6:08 - 6:13แต่บางที เขาไม่แน่ใจว่า
นี่มันใช่ภาพหลอนหรือไม่ใช่กันแน่ -
6:13 - 6:15เพราะบางทีมันก็เข้ากับ
-
6:15 - 6:17บริบทอะไรอื่นๆ ที่เห็น
-
6:17 - 6:20มีอยู่คราวนึง ตอนที่หลานสาวมาเยี่ยมเขา
-
6:20 - 6:25เขาถาม"พ่อหนุ่มรูปหล่อที่มาด้วยกันเป็นใคร"
-
6:25 - 6:29หลานก็บอก "โธ่ คุณปู่คะ
มีหนุ่มรูปหล่อซะที่ไหนกัน" -
6:29 - 6:33แล้วพ่อหนุ่มรูปหล่อก็อันตรธานไป
-
6:33 - 6:36มันเป็นเรื่องปกติที่ภาพหลอน
-
6:36 - 6:39จะมาแบบแว่บมาแล้วก็แว่บหายไป
-
6:39 - 6:41มักไม่เป็นแบบค่อยๆ มาค่อยๆ ไป
-
6:41 - 6:44ออกจะค่อนข้างฉับพลัน แล้วก็เปลี่ยนปุปปับด้วย
-
6:44 - 6:47คุณปู่ชาร์ลส์ ลูแลนด์ (Charles Louland)
-
6:47 - 6:50เห็นนั่นนี่ต่างๆ ไป เป็นร้อยๆ ชิ้น
-
6:50 - 6:52ภาพสถานที่ต่างๆ ทุกรูปแบบ
-
6:52 - 6:56มีคราวหนึ่ง
เขาเห็นชายนุ่งผ้าอาบน้ำ สูบไปป์ -
6:56 - 6:59แล้วก็นึกได้ว่าเป็นตัวเขาเอง
-
6:59 - 7:02นั่นเป็นภาพหลอนหนึ่งเดียวที่เขารู้จัก
-
7:02 - 7:06มีอีกคราวหนึ่ง
เขากำลังเดินอยู่บนถนนที่ปารีส -
7:06 - 7:09เขาเห็นนั่งร้าน ซึ่งอันนี้เห็นจริงๆ
-
7:09 - 7:12พอกลับถึงบ้าน เขาเห็นนั่งร้านแบบจิ๋ว
-
7:12 - 7:16สูงประมาณ 6 นิ้ว อยู่บนโต๊ะทำงานเขา
-
7:16 - 7:19การเห็นภาพซ้ำเช่นนี้
-
7:19 - 7:21บางทีเราเรียกว่าพาลินอพเซีย (Palinopsia)
-
7:21 - 7:26ในกรณีชาร์ลส์ และโรซาลี
-
7:26 - 7:28สิ่งที่เกิดขึ้น
-
7:28 - 7:30สิ่งที่โรซาลีถามว่า "มันเกิดอะไรขึ้น?"
-
7:30 - 7:33ผมอธิบายว่า
เพราะดวงตาของคุณเสียการมองเห็นไป -
7:33 - 7:36สมองส่วนการมองเห็น
เลยไม่ได้รับสัญญาณใดๆ เข้าไป -
7:36 - 7:39สมองเลยเกิดทำงานมากขึ้น มันตื่นตัวขึ้น
-
7:39 - 7:41แล้วก็เริ่มจะส่งสัญญาณขึ้นมาเอง
-
7:41 - 7:44ทำให้เกิดเห็นเป็นภาพขึ้นมา
-
7:44 - 7:47สิ่งที่เห็นอาจจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆ
-
7:47 - 7:51เช่นคนไข้ของผมอีกคนหนึ่ง
-
7:51 - 7:53ซึ่งก็มีปัญหาการมองเห็นเช่นกัน
-
7:53 - 7:57สิ่งที่เธอเห็น ค่อนข้างจะรบกวนใจเธอ
-
7:57 - 8:00มีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอว่า
-
8:00 - 8:03เธอเห็นชายใส่เสื้อลายทางอยู่ในภัตตาคาร
-
8:03 - 8:05แล้วเขาก็หันมา
-
8:05 - 8:08แล้วก็แยกร่างออกเป็นหกร่าง
-
8:08 - 8:11แล้วก็เดินรี่เข้ามาหาเธอ ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว
-
8:11 - 8:14แล้วหกส่วนก็เข้ามารวมร่างกันใหม่
-
8:14 - 8:16มีครั้งหนึ่ง เธอกำลังขับรถ
-
8:16 - 8:18จริงๆ คือ สามีเธอกำลังขับรถอยู่
-
8:18 - 8:20อยู่ดีๆ ถนนก็แยกเป็นสี่แฉก
-
8:20 - 8:24แล้วเหมือนเธอกำลังวิ่งอยู่บนสี่ถนนพร้อมๆ กัน
-
8:24 - 8:29ภาพหลอนของเธอค่อนข้างเป็นแบบเคลื่อนไหวได้
-
8:29 - 8:32ส่วนมากมักจะไปเกี่ยวอะไรสักอย่างกับรถ
-
8:32 - 8:34บางทีเธอจะเห็นเด็กหนุ่ม
-
8:34 - 8:37นั่งอยู่บนกระโปรงหน้ารถ
-
8:37 - 8:39ท่าทางเอาเรื่อง
และเอนตัวตามรถได้อย่างเนียนเลย -
8:39 - 8:41เวลารถเลี้ยว
-
8:41 - 8:44แล้วพอหยุดรถ
-
8:44 - 8:47เด็กนั่นก็กระโดดพุ่งขึ้นฟ้าสูงเป็นร้อยฟุต
-
8:47 - 8:50แล้วก็หายไปเลย
-
8:50 - 8:55คนไข้ผมอีกคนมีภาพหลอนแบบอื่น
-
8:55 - 8:58คนนี้ไม่มีปัญหาที่ตา
-
8:58 - 9:00แต่เป็นที่สมองส่วนการมองเห็น
-
9:00 - 9:03มีเนื้องอกอยู่ตรงนั้น
-
9:03 - 9:08เรื่องก็คือ เธอเห็นภาพการ์ตูน
-
9:08 - 9:13แล้วภาพการ์ตูนเนี่ยมันโปร่งใส
-
9:13 - 9:16อยู่แค่ครึ่งเดียวของลานสายตา
เหมือนเป็นจอ -
9:16 - 9:22โดยเฉพาะ กบเขียวเคอร์มิต (Kermit) นี่
เห็นบ่อยเลย -
9:22 - 9:23(เสียงหัวเราะ)
-
9:23 - 9:26ทีนี้ ผมไม่เคยดู Sesame Street
-
9:26 - 9:29แต่เธอพูดประเด็นน่าสนใจ
-
9:29 - 9:33"ทำไมต้องเป็นกบเขียวนี่?" เธอบอก
"กบนั่นไม่ได้มีความหมายอะไรเลยกับฉัน" -
9:33 - 9:36ผมกำลังคิดอยู่ว่า มันอธิบายด้วย
ทฤษฎีของฟรอยด์ (Freud) ได้ไหมนะ -
9:36 - 9:38ทำไม ทำไมต้องกบเขียว
-
9:38 - 9:40"กบเขียวนี่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับฉันเลย"
-
9:40 - 9:42เธอไม่ได้สนใจอะไรกับการ์ตูนมากนัก
-
9:42 - 9:46แต่ที่ทำให้เธอรำคาญใจคือ ภาพที่เห็นซ้ำๆ
-
9:46 - 9:49คือภาพหลอนของใบหน้า
-
9:49 - 9:52เหมือนกรณีของโรซาลี
หน้าที่เห็นมักจะบิดเบี้ยว -
9:52 - 9:56ฟันใหญ่เกินไปบ้าง ตาใหญ่เกินไปบ้าง
-
9:56 - 9:59ไอ้นี่แหละที่ทำให้เธอกลัว
-
9:59 - 10:03ทีนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้
-
10:03 - 10:06ในฐานะแพทย์
ผมต้องพยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น -
10:06 - 10:08และทำให้พวกเขาสบายใจ
-
10:08 - 10:12โดยเฉพาะให้ความมั่นใจว่า เขาไม่ได้เป็นบ้า
-
10:12 - 10:15อย่างที่ผมบอก ประมาณ 10%
-
10:15 - 10:18ของผู้มีปัญหาด้านการมองเห็นจะพบภาวะนี้
-
10:18 - 10:22แต่มีไม่ถึง 1% ยอมเล่าให้คนอื่นฟัง
-
10:22 - 10:25เพราะกลัวว่าคนจะหาว่าเป็นบ้าหรืออะไร
-
10:25 - 10:27พอเขาตัดสินใจเล่าให้หมอฟัง
-
10:27 - 10:30เขาก็ถูกวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นไปอีก
-
10:30 - 10:32โดยเฉพาะ เมื่อคุณเห็นนั่นนี่
-
10:32 - 10:35ได้ยินนู่นนี่ เขาก็จะคิดว่าคุณกำลังเป็นบ้า
-
10:35 - 10:38แต่อาการหลอนที่เกิดในโรคทางจิตเวช
จะแตกต่างไป -
10:38 - 10:41อาการหลอนจากโรคทางจิตเวช จะภาพหรือเสียง
-
10:41 - 10:43มันจะสื่อสารโดยตรง จะมาว่าร้ายคุณ
-
10:43 - 10:45หลอกล่อคุณ มันจะมาทำให้รู้สึกอับอาย
-
10:45 - 10:48จะมาทำโวยวายใส่
-
10:48 - 10:50แล้วคุณก็จะมีปฏิกริยาตอบสนองมัน
-
10:50 - 10:53แต่เราจะไม่พบลักษณะที่ว่าไปเหล่านี้
-
10:53 - 10:56ในภาพหลอนแบบ Charles Bonnet syndrome
-
10:56 - 11:00มันจะเป็นเหมือนหนัง คุณแค่เข้าไปดูหนัง
ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ -
11:00 - 11:03เหมือนคนทั่วไปที่ดูหนังคิดอย่างนั้น
-
11:03 - 11:07อีกโรคคือโรคลมชักจากสมองส่วน temporal
-
11:07 - 11:10ซึ่งหาได้ยาก บางครั้งใครที่เป็นโรคนี้
-
11:10 - 11:12อาจจะรู้สึกคล้ายกับตัวเองย้อนกลับไป
-
11:12 - 11:15ในเวลาหรือสถานที่ในอดีต
-
11:15 - 11:17อาจจะเป็นทางแยกสักแห่งในอดีต
-
11:17 - 11:19อาจจะได้กลิ่นคั่วเกาลัด
-
11:19 - 11:22ได้ยินเสียงรถราจราจร
กระทบไปหมดทุกประสาทสัมผัส -
11:22 - 11:24คุณอาจจะรู้สึกเหมือนกำลังรอแฟน
-
11:24 - 11:28ในเย็นวันอังคารวันหนึ่งของปี 1982
-
11:28 - 11:30อาการหลอนที่เกิดจากสมองส่วน temporal นี้
-
11:30 - 11:32จะเกิดกับทุกประสาทสัมผัส
-
11:32 - 11:35เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
เปี่ยมไปด้วยความคุ้นเคย -
11:35 - 11:37ในช่วงเวลาและสถานที่ ณ จุดใดจุดหนึ่ง
-
11:37 - 11:39เชื่อมโยงเป็นเรื่องเป็นราว
ชัดเจนราวกับเป็นจริง -
11:39 - 11:42แต่กรณี Charles Bonnet ไม่ได้เป็นแบบนั้น
-
11:42 - 11:46ภาพหลอนแบบ Charles Bonnet
-
11:46 - 11:48อาจจะเป็นได้หลายระดับ
-
11:48 - 11:50ตั้งแต่เห็นเป็นแค่รูปทรงเรขาคณิตพื้นฐาน
-
11:50 - 11:53เช่น สี่เหลื่ยมจัตุรัสสีชมพู สีน้ำเงิน
แบบที่หญิงชราเห็น -
11:53 - 11:57ไปจนถึงแบบที่มีรายละเอียด
-
11:57 - 12:00เป็นตัวเป็นตน โดยเฉพาะกับส่วนใบหน้า
-
12:00 - 12:03ใบหน้า ซึ่งบางทีเป็นแบบบิดเบี้ยวด้วย
-
12:03 - 12:06เป็นอย่างเดียวที่คนไข้มักเห็นเหมือนๆ กัน
-
12:06 - 12:08ในภาพหลอนชนิดนี้
-
12:08 - 12:11ส่วนอันดับรองลงมาคือ ภาพการ์ตูน
-
12:11 - 12:14แล้วจะอธิบายยังไง?
-
12:14 - 12:16น่าสนใจว่า ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
-
12:16 - 12:20เราสามารถถ่ายภาพการทำงานของสมอง
-
12:20 - 12:24ด้วยการทำ fMRI คนเหล่านั้น
ขณะที่กำลังเห็นภาพหลอน -
12:24 - 12:28แล้วพบว่าสมองส่วนต่างๆ
-
12:28 - 12:31ที่ใช้ในการมองเห็น
-
12:31 - 12:33ถูกกระตุ้นขณะที่เห็นภาพหลอน
-
12:33 - 12:36เช่นในคนที่เห็นเป็นแค่รูปทรงพื้นฐาน
-
12:36 - 12:40ก็พบว่าสมองส่วนด้านหลังสุดถูกกระตุ้น
-
12:40 - 12:43ส่วนที่เวลาปกติมันจะตอบสนอง
ตอนเราเห็นขอบมุมหรือลักษณะของพื้นผิว -
12:43 - 12:47คุณยังไม่ได้สร้างภาพเป็นรูปร่าง
ที่สมองส่วนการมองเห็นขั้นต้นนี้ -
12:47 - 12:50แต่จะไปประกอบกัน
-
12:50 - 12:52ที่สมองส่วนการมองเห็นในลำดับขั้นสูงต่อๆ ไป
-
12:52 - 12:54คือ สมองส่วน temporal
-
12:54 - 12:59โดยเฉพาะบริเวณเฉพาะแห่งหนึ่ง
-
12:59 - 13:01ที่เรียกว่า fusiform gyrus
-
13:01 - 13:05เป็นที่ทราบกันว่า ถ้าสมองบริเวณนี้เสียหาย
-
13:05 - 13:09เวลาเห็นหน้าแล้วก็จะจำไม่ได้ว่าเป็นใคร
-
13:09 - 13:13พอ fusiform gyrus เกิดทำงานแบบผิดปกติ
-
13:13 - 13:15อาจจะทำให้เห็นภาพหลอนเป็นใบหน้า
-
13:15 - 13:18ซึ่งเราก็พบว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ในบางราย
-
13:18 - 13:22ส่วนด้านหน้าของ gyrus นี้ คือบริเวณที่
-
13:22 - 13:27ประมวลผลภาพของฟันและดวงตา
-
13:27 - 13:30ซึ่งพบว่า บริเวณนี้ทำงานมากเป็นพิเศษ
-
13:30 - 13:34ในตอนที่คนเห็นภาพหลอนเป็นหน้าบิดเบี้ยว
-
13:34 - 13:36นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนของสมอง
-
13:36 - 13:38ที่ทำงานมากเป็นพิเศษ
-
13:38 - 13:40เวลาเราดูการ์ตูน
-
13:40 - 13:43หรือตอนที่เราเห็นการ์ตูนแล้วจำได้
-
13:43 - 13:47หรือตอนที่วาดการ์ตูน
และเห็นภาพหลอนเป็นการ์ตูน -
13:47 - 13:50น่าสนใจว่า มันจะจำเพาะอะไรขนาดนั้น
-
13:50 - 13:53ยังมีสมองบางส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นพิเศษ
-
13:53 - 13:55กับการจำได้หรือการเห็นภาพหลอน
-
13:55 - 13:58ของตึกรามบ้านช่องและภาพวิวทิวทัศน์
-
13:58 - 14:01ในปี 1970 เราพบว่า ไม่ได้มีแค่
สมองบางส่วนเท่านั้นที่ทำหน้าที่เฉพาะ -
14:01 - 14:03แต่จะมีกลุ่มเซลล์ที่ประมวลผลเฉพาะบางอย่าง
-
14:03 - 14:08เซลล์จำเพาะกับใบหน้า พบราวปี 1970
-
14:08 - 14:10แล้วตอนนี้
-
14:10 - 14:12เราพบว่ามีเซลล์เฉพาะทางอีกเป็นร้อยๆ ชนิด
-
14:12 - 14:14ซึ่งอาจจะจำเพาะมากๆๆๆ
-
14:14 - 14:16เช่นว่า เราอาจจะไม่ได้มีแค่
-
14:16 - 14:18เซลล์จำเพาะต่อรถยนต์
-
14:18 - 14:21แต่มีเซลล์สำหรับรับรู้รถ Aston Martin
-
14:21 - 14:23(เสียงหัวเราะ)
-
14:23 - 14:25นี่ผมเห็น Aston Martin เมื่อเช้านี้
-
14:25 - 14:27เลยต้องพูดถึงซะหน่อย
-
14:27 - 14:30ตอนนี้เลยถูกเก็บไว้ในนี้ละ ที่ไหนสักแห่ง
-
14:30 - 14:33(เสียงหัวเราะ)
-
14:33 - 14:37พอมาถึงระดับนี้แล้ว
ในสมองส่วน inferotemporal -
14:37 - 14:40จะเป็นระดับที่ประกอบกันขึ้นเป็นภาพแล้ว
-
14:40 - 14:43หรือเป็นเศษเสี้ยว หรือ ชิ้นส่วนของภาพ
-
14:43 - 14:46ต้องในระดับที่ซับซ้อนขึ้นนี้เท่านั้น
-
14:46 - 14:48ที่ประสาทสัมผัสต่างๆ จะเริ่มมารวมกัน
-
14:48 - 14:50แล้วเชื่อมต่อกับความทรงจำและอารมณ์
-
14:50 - 14:53ซึ่งใน Charles Bonnet syndrome
-
14:53 - 14:55จะไม่เชื่อมต่อไปไกลถึงระดับนั้น
-
14:55 - 14:58จะอยู่เพียงระดับของสมองส่วน
inferior visual cortex -
14:58 - 15:00ที่ซึ่งเต็มไปด้วยภาพหลายพันหลายหมื่น
-
15:00 - 15:03หลายล้านภาพ
-
15:03 - 15:05หรือส่วนย่อยของภาพ
หรือเศษของส่วนย่อยของภาพ -
15:05 - 15:07ทั้งหมดถูกบันทึกอยู่
-
15:07 - 15:11ในเซล์ หรือกลุ่มเซลล์สมองเล็กๆ
เฉพาะด้านนั้นๆ -
15:11 - 15:14ปกติแล้ว ทุกๆ ส่วน คือส่วนหนึ่งของ
-
15:14 - 15:18กระบวนการแบบองค์รวมเพื่อการรับรู้โลกภายนอก
หรือจินตนาการโลกภายใน -
15:18 - 15:21ซึ่งเราไม่รู้สึกตัวหรอก
ว่ามีกระบวนการนี้เกิดขึ้น -
15:21 - 15:25เว้นแต่ถ้าเกิดมีปัญหาด้านการมองเห็นขึ้น
-
15:25 - 15:27เมื่อกระบวนการนั้นถูกรบกวน
-
15:27 - 15:30แทนที่จะเกิดเป็นการรับรู้ตามปกติ
-
15:30 - 15:32จะกลายเป็นความสับสนอลหม่าน
-
15:32 - 15:35ควบคุมไม่ได้ เกิดการกระตุ้นหรือปลดปล่อย
-
15:35 - 15:37ของกลุ่มเซลล์ด้านการมองเห็นเหล่านี้
-
15:37 - 15:39ในสมองส่วน inferotemporal
-
15:39 - 15:42อยู่ๆ ก็เห็นเป็นภาพหน้า อยู่ๆ ก็เป็นภาพรถ
-
15:42 - 15:45อยู่ๆ ก็เห็นนู่น อยู่ๆ ก็เห็นนี่
-
15:45 - 15:47สมองของเราก็จะพยายามจัดการกับข้อมูลเต็มที่
-
15:47 - 15:50ให้สอดรับกับความเป็นไปได้
-
15:50 - 15:52แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ
-
15:52 - 15:54ในช่วงที่ค้นพบปรากฏการณ์นี้แรกๆ
-
15:54 - 15:58คนคิดกันว่า
มันอาจจะเป็นอะไรคล้ายๆ กับความฝัน -
15:58 - 16:00แต่เอาจริงๆ คนบอกว่า
-
16:00 - 16:03"ฉันไม่รู้จักคนพวกนั้น
ฉันไม่เห็นความเกี่ยวข้องอะไรเลย" -
16:03 - 16:06"กบเคอร์มิตไม่เห็นจะมีความหมายอะไรกับฉัน"
-
16:06 - 16:11จะว่าเป็นความฝัน ก็คงเห็นจะไม่เข้าที
-
16:11 - 16:16ผมว่าผมได้พูดสิ่งที่อยากจะบอก
ตามที่ตั้งใจไว้แล้ว -
16:16 - 16:19ผมแค่จะขอย้ำว่า
-
16:19 - 16:21นี่เป็นอะไรที่พบได้บ่อย
-
16:21 - 16:23ลองนึกว่ามีคนที่มีปัญหาด้านสายตามากแค่ไหน
-
16:23 - 16:25ผมว่าต้องมีถึงหลักแสนคน
-
16:25 - 16:27ที่เห็นภาพหลอนนี้
-
16:27 - 16:29แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยถึง
-
16:29 - 16:32เรื่องนี้ก็เลยจำเป็นที่จะต้อง
-
16:32 - 16:38นำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อประโยชน์แก่คนไข้
ให้คนเป็นหมอได้รู้ ให้คนทั่วไปได้ทราบ -
16:38 - 16:40ท้ายที่สุด ผมว่าเรื่องนี้
-
16:40 - 16:43น่าสนใจและมีความหมายอย่างยิ่ง
-
16:43 - 16:47ในแง่ที่ช่วยให้เราเข้าใจการทำงานของสมอง
-
16:47 - 16:50ชาร์ลส์ บอนเนพูดไว้เมื่อ 250 ปีก่อน
-
16:50 - 16:54เขาสงสัยว่าภาพเหล่านี้เกิดขึ้นได้ยังไง
-
16:54 - 16:57สิ่งที่เขาเรียกว่า 'โรงมหรสพทางวิญญาณ'
-
16:57 - 17:00ถูกสร้างขึ้นจากการทำงานของสมองได้อย่างไร
-
17:00 - 17:03ณ ตอนนี้ 250 ปีให้หลัง
-
17:03 - 17:06ผมว่าเราเริ่มที่จะเข้าใจนิดๆ แล้วว่า
สมองทำได้ยังไง -
17:06 - 17:08ขอบคุณมากครับ
-
17:08 - 17:11(เสียงปรบมือ)
-
17:11 - 17:14คริส แอนเดอร์สัน : สุดยอดมากครับ ขอบคุณมาก
-
17:14 - 17:16คุณเล่าเรื่องนี้ได้อย่างลึกซึ้งมากๆ
-
17:16 - 17:19แล้วดูจะเข้าใจความรู้สึกคนไข้มากๆ
-
17:19 - 17:24ตัวคุณเองเคยมีอาการนี้เองไหมครับ
-
17:24 - 17:26โอลิเวอร์ แซคส์: ผมกำลังกลัวว่าคุณจะถามอยู่เลยครับ
-
17:26 - 17:27(เสียงหัวเราะ)
-
17:27 - 17:30ใช่ครับ เห็นหลายอย่างเหมือนกัน
-
17:30 - 17:33จริงๆ ผมก็มีปัญหาการมองเห็นเล็กน้อยด้วย
-
17:33 - 17:36ตาข้างหนึ่งผมบอด อีกข้างก็ไม่ค่อยจะดี
-
17:36 - 17:40ผมเห็นภาพหลอนเป็นแบบรูปทรงพื้นฐาน
-
17:40 - 17:42แต่ไม่มากไปกว่านั้น
-
17:42 - 17:44คริส: แต่มันไม่รบกวนคุณใช่ไหมครับ
-
17:44 - 17:46เพราะคุณก็เข้าใจว่ามันคืออะไร คงไม่กังวล
-
17:46 - 17:50โอลิเวอร์: มันไม่ได้กวนผมมากไปกว่า
เสียงในหูผมหรอกครับ -
17:50 - 17:53ซึ่งผมก็ช่างมัน
-
17:53 - 17:55บางคราวมันก็น่าสนใจเหมือนกัน
-
17:55 - 17:58แล้วผมก็มีรูปมันเยอะเลยในสมุดโน๊ตผม
-
17:58 - 18:01ผมไปทำ fMRI ตัวเองมาด้วย
-
18:01 - 18:04อยากรู้ว่าสมองส่วนมองเห็นผมทำอะไรอยู่
-
18:04 - 18:08แล้วตอนที่ผมเห็นพวกรูปหกเหลี่ยม
-
18:08 - 18:10และอะไรซับซ้อนๆ ซึ่งผมก็เห็นเหมือนกัน
-
18:10 - 18:12ตอนเป็นไมเกรน
-
18:12 - 18:14ผมอยากรู้ว่า
คนอื่นเขาเห็นอย่างที่ผมเห็นไหม -
18:14 - 18:17และอาจจะเป็นได้ว่า
พวกจิตรกรรมผนังถ้ำหรือเครื่องประดับ -
18:17 - 18:20อาจประยุกต์มาจากภาพพวกนี้หรือเปล่า
-
18:20 - 18:22คริส: เป็นการพูดที่ช่างน่าประทับใจ
สุดจะบรรยายจริงๆ ครับ -
18:22 - 18:24ขอบคุณที่มาร่วมแบ่งปันครับ
-
18:24 - 18:26โอลิเวอร์: ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
-
18:26 - 18:28(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ภาพหลอนเผยให้เห็นอะไรภายในจิตของเรา
- Speaker:
- โอลิเวอร์ แซคส์
- Description:
-
โอลิเวอร์ แซคส์ ประสาทแพทย์และนักประพันธ์ พาเราไปรู้จัก Charles Bonnett syndrome -- เมื่อผู้มีปัญหาทางสายตามองเห็นภาพหลอนที่ชัดเจนประดุจภาพจริง คุณหมอได้บรรยายอาการของคนไข้ที่คุณหมอดูแลด้วยความใส่ใจไว้อย่างละเอียด และอธิบายถึงที่มาที่ไปของกลุ่มอาการที่ถูกมองข้ามนี้
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 18:32
![]() |
Thipnapa Huansuriya approved Thai subtitles for What hallucination reveals about our minds | |
![]() |
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for What hallucination reveals about our minds | |
![]() |
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for What hallucination reveals about our minds | |
![]() |
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for What hallucination reveals about our minds | |
![]() |
Chaipat Chunharas accepted Thai subtitles for What hallucination reveals about our minds | |
![]() |
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for What hallucination reveals about our minds | |
![]() |
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for What hallucination reveals about our minds | |
![]() |
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for What hallucination reveals about our minds |