< Return to Video

เราเข้าใจผิดมาตลอดเรื่องการเสพติด

  • 0:01 - 0:02
    หนึ่งในความทรงจำแรก ๆ ของผม
  • 0:02 - 0:05
    คือการพยายามปลุกญาติผมคนหนึ่งให้ตื่น
    แต่ผมก็ทำไม่สำเร็จ
  • 0:05 - 0:08
    ตอนนั้นผมยังเด็ก
    จึงไม่ค่อยเข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
  • 0:08 - 0:10
    แต่เมื่อผมโตขึ้น
  • 0:10 - 0:12
    ผมก็ตระหนักว่าเรามีปัญหา
    การเสพติดยาภายในครอบครัว
  • 0:12 - 0:14
    และต่อมาก็เสพติดโคเคน
  • 0:14 - 0:19
    ผมคิดถึงเรื่องนี้หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
    ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ นี่นับเป็นเวลาครบ 100 ปี
  • 0:19 - 0:22
    นับตั้งแต่ยาเสพติดกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    ในอเมริกาและอังกฤษ
  • 0:22 - 0:24
    และต่อมาประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
    ก็เจริญรอยตาม
  • 0:24 - 0:28
    หนึ่งศตวรรษที่เราตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
  • 0:28 - 0:32
    ที่จะต้องจับกุมผู้เสพ ลงโทษ
    และสร้างความทรมานแก่พวกเขา
  • 0:32 - 0:36
    เพราะเราเชื่อว่า นั่นจะยับยั้งพวกเขา
    มันจะปรามให้พวกเขาหยุด
  • 0:36 - 0:41
    เมื่อสองสามปีที่แล้ว ผมศึกษาผู้ติดยา
    ที่ผมเคยรู้จัก และเป็นที่รักของผม
  • 0:41 - 0:45
    และพยายามที่จะคิดหาหนทางเพื่อช่วยพวกเขา
  • 0:45 - 0:48
    และผมก็ตระหนักว่า มันมีคำถามพื้น ๆ
    อย่างไม่น่าเชื่อมากมาย
  • 0:48 - 0:50
    ที่ผมไม่รู้คำตอบ
  • 0:50 - 0:52
    เช่น อะไรคือต้นเหตุของการเสพติด
  • 0:52 - 0:56
    ทำไมเราจึงยังคงใช้วิธีจัดการ
    ที่ดูเหมือนจะไร้ผล
  • 0:56 - 0:59
    และมันมีวิธีอื่น ๆ ที่ดีกว่านี้
    ที่เราจะลองหรือไม่
  • 0:59 - 1:00
    ผมจึงอ่านหนังสือเป็นตั้ง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
  • 1:00 - 1:03
    และผมก็ไม่สามารถหาคำตอบที่ต้องการได้
  • 1:03 - 1:07
    ผมจึงคิดว่า เอาล่ะ ผมจะออกไปพบ
    ผู้คนหลากหลายจากทั่วโลก
  • 1:07 - 1:08
    ที่อยู่ในวงการนี้ และศึกษาเรื่องนี้
  • 1:08 - 1:11
    และคุยกับพวกเขา
    ลองดูว่าผมจะเรียนรู้อะไรได้บ้าง
  • 1:11 - 1:14
    ตอนแรกผมไม่ได้ตระหนักว่า
    ผมจะต้องเดินทางกว่า 30,000 ไมล์
  • 1:14 - 1:17
    แต่ท้ายสุดแล้ว ผมได้พบผู้คนหลากหลาย
  • 1:17 - 1:20
    ตั้งแต่กะเทยแปลงเพศนักค้าโคเคน
    ในเมือง บราวส์วิลล์ บรูคลิน
  • 1:20 - 1:24
    ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์ผู้ใช้เวลามากมาย
    ไปกับการป้อนยาหลอนประสาทให้พังพอน
  • 1:24 - 1:25
    เพื่อดูว่าพวกมันชอบหรือเปล่า --
  • 1:25 - 1:28
    ปรากฏว่าพวกมันชอบ
    แต่เฉพาะในบางสถานการณ์เท่านั้น
  • 1:28 - 1:31
    ผมยังเดินทางไปยังประเทศหนึ่งเดียว
    ที่ยกเลิกให้ยาเสพติดทุกประเภทเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
  • 1:31 - 1:33
    ตั้งแต่กัญชาไปจนถึงโคเคน นั่นคือโปรตุเกส
  • 1:33 - 1:36
    และสิ่งที่ผมค้นพบ ซึ่งต้องทำให้ผมประหลาดใจ
  • 1:36 - 1:40
    นั่นคือ เกือบทุกอย่างที่เรารู้มา
    เกี่ยวกับพฤติกรรมเสพติดนั้นผิด
  • 1:40 - 1:43
    และถ้าเรายอมรับหลักฐานใหม่ ๆ
    เกี่ยวกับพฤติกรรมเสพติด
  • 1:43 - 1:46
    ผมคิดว่าเราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
    ไม่เฉพาะแค่กับนโยบายเรื่องยาเสพติดเท่านั้น
  • 1:46 - 1:50
    เรามาเริ่มกับสิ่งที่เราคิดว่าเรารู้
    สิ่งที่ผมเคยคิดว่าผมรู้
  • 1:50 - 1:52
    ลองมาคิดดูกันเล่น ๆ
    กับผู้ฟังที่นั่งแถวกลางตรงนี้
  • 1:52 - 1:55
    จินตนาการว่าพวกคุณทั้งหมด เป็นผู้ใช้เฮโรอีน
    วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันมา 20 วันแล้ว
  • 1:55 - 1:59
    พวกคุณบางคนดูกระตือรือล้นเป็นพิเศษ
    กับเรื่องนี้นะครับ
  • 1:59 - 2:00
    (เสียงหัวเราะ)
  • 2:00 - 2:02
    อย่ากังวลครับ
    นี่เป็นแค่การทดลองเชิงความติด
  • 2:02 - 2:04
    จินตนาการแล้วใช่ไหมครับ
  • 2:04 - 2:05
    แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
  • 2:05 - 2:09
    เราต่างได้ยินเรื่องราวว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    เรื่องซึ่งถูกเล่ากันนานเป็นศตวรรษ
  • 2:09 - 2:12
    เราคิดว่า มันมีสารเคมีเสพติดบางอย่าง
    ในเฮโรอีน
  • 2:12 - 2:14
    ที่เมื่อคุณใช้มันไปสักพัก
  • 2:14 - 2:16
    ร่างกายคุณจะต้องพึ่งสารนั้น
  • 2:16 - 2:18
    ในทางกายภาพ ร่างกายคุณต้องการมัน
  • 2:18 - 2:21
    และหลังจากครบ 20 วัน
    พวกคุณทุกคนจะเสพติดเฮโรอีน ใช่ไหมครับ
  • 2:21 - 2:22
    นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิด
  • 2:22 - 2:26
    สิ่งแรกที่ทำให้ผมเอะใจว่ามีบางอย่าง
    ที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้
  • 2:26 - 2:28
    ก็คือเมื่อมันถูกอธิบายให้ผมฟัง
  • 2:28 - 2:32
    ถ้าผมก้าวลงจากเวที TED วันนี้
    และถูกรถชน จนกระดูกสะโพกหัก
  • 2:32 - 2:35
    ผมจะถูกนำส่งโรงพยาบาล
    และถูกฉีดยาไดอะมอร์ฟีนเป็นปริมาณนมาก
  • 2:35 - 2:37
    ไดอะมอร์ฟีนคือเฮโรอีน
  • 2:37 - 2:40
    มันเป็นเฮโรอีน
    ที่ดีกว่าแบบที่คุณหาซื้อตามข้างถนน
  • 2:40 - 2:43
    เพราะสิ่งที่คุณซื้อจากพ่อค้ายานั้นปนเปื้อน
  • 2:43 - 2:45
    จริง ๆ มันแล้วมีเฮโรอีนอยู่เป็นส่วนน้อยเท่านั้น
  • 2:45 - 2:48
    แต่สิ่งที่คุณได้รับจากหมอนั้นเป็นสารบริสุทธิ์
  • 2:48 - 2:50
    และคุณจะได้รับมันเป็นเวลานานทีเดียว
  • 2:50 - 2:52
    มีคนมากมายในห้องนี้
  • 2:52 - 2:55
    คุณอาจไม่รู้ตัว
    คุณได้เสพเฮโรอีนเข้าไปแล้วเป็นปริมาณมาก
  • 2:55 - 2:59
    และสำหรับผู้ที่กำลังดูวีดีโอนี้อยู่
    ไม่ว่าที่ใดก็ตามในโลก สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น
  • 2:59 - 3:01
    และถ้าความเชื่อของเรา
    เรื่องพฤติกรรมเสพติดนั้นถูกต้อง
  • 3:01 - 3:04
    ผู้คนเหล่านั้นจะได้รับสารเคมีเสพติดที่ว่านั้น
  • 3:04 - 3:06
    อะไรจะเกิดขึ้นตามมา
    พวกเขาควรเป็นผู้เสพติด
  • 3:06 - 3:08
    สิ่งนี้ได้รับการศึกษาอย่างละเอียด
  • 3:08 - 3:12
    มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น คุณคงจะสังเกตเห็น
    หากคุณย่าของคุณต้องเปลี่ยนข้อสะโพก
  • 3:12 - 3:14
    ท่านไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลในสภาพขี้ยา
    (เสียงหัวเราะ)
  • 3:14 - 3:18
    และเมื่อผมรู้เรื่องนี้
    มันฟังดูแปลกมากสำหรับผม
  • 3:18 - 3:21
    มันขัดแย้งกับทุกสิ่งที่ผมเคยได้ยินมา
    ทุกอย่างที่ผมคิดว่าผมรู้
  • 3:21 - 3:25
    ผมคิดว่ามันคงมีอะไรไม่ชอบมาพากล
    จนกระทั่งผมได้พบชายชื่อ บรูซ อเล็กซานเดอร์
  • 3:25 - 3:28
    เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา ในแวนคูเวอร์
  • 3:28 - 3:30
    ผู้ซึ่งได้ทำการทดลองอันน่าที่ง
  • 3:30 - 3:32
    ซึ่งผมคิดว่ามันช่วยให้เราเข้าใจเรื่องนี้ได้
  • 3:32 - 3:34
    ศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์ อธิบายให้ผมฟังว่า
  • 3:34 - 3:37
    แนวคิดเรื่องพฤติกรรมเสพติดที่เราถูกปลูกฝังมา
  • 3:37 - 3:39
    เรื่องเล่าดังกล่าวนั้น
    ส่วนหนึ่งมาจากการทดลองชุดหนึ่ง
  • 3:39 - 3:41
    ซึ่งถูกทดลองเมื่อต้นศตวรรษที่ 20
  • 3:41 - 3:42
    มันเป็นการทดลองที่ง่ายมาก
  • 3:42 - 3:45
    คุณสามารถเอากลับไปทดลองที่บ้านคืนนี้ได้
    ถ้าคุณเป็นพวกซาดิสอะนะ
  • 3:45 - 3:49
    ให้คุณเอาหนูตัวหนึ่ง เอาใส่ไว้ในกรง
    แล้วเอาขวดน้ำสองขวดให้มัน
  • 3:49 - 3:52
    ขวดหนึ่งเป็นน้ำเปล่า ส่วนอีกขวดหนึ่ง
    เป็นน้ำผสมเฮโรอีน หรือโคเคน
  • 3:52 - 3:55
    ถ้าคุณทำเช่นนั้น หนูมักจะกินน้ำ
    ที่มียาผสมอยู่แทบทุกครั้ง
  • 3:55 - 3:58
    และมักจะตายอย่างรวดเร็วเสมอ
  • 3:58 - 4:00
    นั่นไงล่ะ ข้อสรุป
    นั่นคือสิ่งที่เราคิดว่ากลไกมันเป็น
  • 4:00 - 4:04
    ในทศวรรษที่ 70 ศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์
    ได้ศึกษาการทดลองนี้
  • 4:04 - 4:05
    และเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
  • 4:05 - 4:07
    เขากล่าวว่า เราเอาหนูไปขังไว้ในกรงเปล่า
  • 4:07 - 4:10
    มันไม่มีอะไรจะทำ นอกเสียจาก
    การเสพยาเสพติดเหล่านี้
  • 4:10 - 4:11
    เรามาทดลองบางอย่าง
    ที่แตกต่างออกไปสักหน่อย
  • 4:11 - 4:14
    ศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์จึงสร้างกรง
    ซึ่งเขาเรียกมันว่า "สวนสำหรับหนู"
  • 4:14 - 4:17
    ง่ายๆ คือ มันเป็นสวรรค์ของเหล่าหนู
  • 4:17 - 4:20
    พวกมันมีชีสมากมาย
    พวกมันมีลูกบอลหลากสี
  • 4:20 - 4:21
    และมีอุโมงค์มากมาย
  • 4:21 - 4:24
    ที่สำคัญ พวกมันมีเพื่อนเยอะแยะ
    และพวกมันจะมีเซ็กซ์ได้บ่อย ๆ
  • 4:24 - 4:29
    และพวกมันก็มีน้ำสองขวด
    น้ำเปล่า และน้ำผสมยา
  • 4:29 - 4:32
    สิ่งที่น่าตื่นเต้นก็คือ
  • 4:32 - 4:36
    ในสวนสำหรับหนู
    พวกมันไม่ชอบน้ำผสมยา
  • 4:36 - 4:37
    พวกมันแทบไม่เคยดื่มมันเลย
  • 4:37 - 4:40
    และไม่มีหนูตัวไหนที่ใช้มันจนเป็นนิสัย
  • 4:40 - 4:41
    ไม่มีหนูตัวไหนได้รับยาเกินขนาด
  • 4:41 - 4:45
    อัตราการตายจากการได้รับยาเกินขนาด
    ลดลงจาก 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อมันถูกขังแยก
  • 4:45 - 4:48
    เหลือศูนย์เปอร์เซ็นต์
    เมื่อมันมีชีวิตที่มีความสุขและมีสังคม
  • 4:48 - 4:51
    เมื่อศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์
    เห็นผลการทดลองนี้ เขาคิดว่า
  • 4:51 - 4:55
    นี่อาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะกับหนู
    พวกมันแตกต่างจากเรามาก
  • 4:55 - 4:57
    บางทีอาจไม่แตกต่างมากเท่าที่เราต้องการ
  • 4:57 - 4:59
    แต่นับเป็นโชคดี
    ที่เคยมีการทดลองในมนุษย์
  • 4:59 - 5:02
    ตั้งอยู่บนหลักการเดียวกัน
    และเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน
  • 5:02 - 5:04
    การทดลองนี้มีชื่อว่า สงครามเวียตนาม
  • 5:04 - 5:09
    ในเวียตนาม 20 เปอร์เซ็นต์ ของทหารอเมริกัน
    ใช้เฮโรอีนจำนวนมาก
  • 5:09 - 5:12
    และถ้าคุณดูรายงานข่าวจากช่วงเวลานั้น
  • 5:12 - 5:15
    พวกเขาเป็นกังวลกันมาก
    เพราะพวกเขาคิดว่า พระเจ้า
  • 5:15 - 5:18
    นี่เรากำลังจะมีขี้ยาเป็นแสน ๆ คน
    ตามท้องถนนในสหรัฐฯ
  • 5:18 - 5:20
    เมื่อสงครามสิ้นสุดลง
    และมันก็ฟังดูมีเหตุผล
  • 5:20 - 5:24
    เมื่อกลับมายังบ้านเกิด ทหารผู้ใช้เฮโรอีน
    จำนวนมากเหล่านั้นถูกติดตามเฝ้าสังเกต
  • 5:24 - 5:27
    วารสาร Archives of General Psychiatry
    ตีพิมพ์ผลศึกษาโดยละเอียด
  • 5:27 - 5:29
    และเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาน่ะหรือ
  • 5:29 - 5:32
    ปรากฏว่าพวกเขาไม่ได้เข้ารับการบำบัด
    พวกเขาไม่มีอาการถอนยา
  • 5:32 - 5:35
    เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของพวกเขา
    เลิกใช้ยาเอาเสียเฉย ๆ
  • 5:35 - 5:38
    ทีนี้ ถ้าคุณเชื่อในเรื่องสารเคมีเสพติด
  • 5:38 - 5:41
    เรื่องนี้มันจะฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหล
    แต่ศาสตราจารย์ อเล็กซานเดอร์ กลับเริ่มคิดว่า
  • 5:41 - 5:44
    มันอาจมีเรื่องราวที่ต่างออกไป
    ที่อธิบายเรื่องพฤติกรรมเสพติด
  • 5:44 - 5:47
    เขากล่าวว่า หากการเสพติด
    ไม่ได้เกิดจากสารเคมี
  • 5:47 - 5:49
    หากแต่เกิดจากสภาพแวดล้อมของคุณล่ะ
  • 5:49 - 5:52
    หากการเสพติด
    คือการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
  • 5:52 - 5:53
    ลองดูทางนี้
  • 5:53 - 5:56
    มีศาสตราจารย์อีกท่านหนึ่ง ชื่อ ปีเตอร์ โคเฮน
    จากเนเธอแลนด์
  • 5:56 - 5:59
    ผู้กล่าวไว้ว่า บางทีเราไม่ควรเรียกมันว่า
    การเสพติด ด้วยซ้ำ
  • 5:59 - 6:01
    บางทีเราควรเรียกมันว่า ความผูกพัน
  • 6:01 - 6:04
    มนุษย์นั้น โดยธรรมชาติแล้วมีความต้องการลึก ๆ
    ที่จะสร้างความผูกพัน
  • 6:04 - 6:07
    และเมื่อเรามีความสุข มีสุขภาพดี
    เราจะผูกพัน และสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
  • 6:07 - 6:10
    แต่ถ้าคุณทำแบบนั้นไม่ได้
  • 6:10 - 6:14
    เพราะคุณบาดเจ็บ หรือถูกโดดเดี่ยว
    หรือผิดหวังกับชีวิต
  • 6:14 - 6:17
    คุณจะผูกพันกับบางอย่าง
    ซึ่งจะมอบความรู้สึกปลดปล่อยให้กับคุณ
  • 6:17 - 6:20
    มันอาจเป็นการพนัน อาจเป็นหนังโป๊
  • 6:20 - 6:22
    อาจเป็นโคเคน อาจเป็นกัญชา
  • 6:22 - 6:26
    แต่คุณจะต้องผูกพันกับบางอย่าง
    เพราะนั่นคือธรรมชาติของเรา
  • 6:26 - 6:28
    นั่นคือสิ่งที่เราต้องการในฐานะมนุษย์
  • 6:28 - 6:32
    ในตอนแรก มันยากสำหรับผม
    ที่จะทำความเข้าใจเรื่องนี้
  • 6:32 - 6:34
    แต่ทางหนึ่งที่ช่วยให้ผมเข้าใจมัน ก็คือ
  • 6:34 - 6:38
    ผมเห็นว่า ผมมีขวดน้ำวางอยู่ข้างๆ เก้าอี้ของผม
    ใช่ไหมครับ
  • 6:38 - 6:41
    และผมก็เห็นว่าพวกคุณหลาย ๆ คน
    ก็มีขวดน้ำเช่นกัน
  • 6:41 - 6:43
    ลืมเรื่องยาเสพติด
    ลืมเรื่องสงครามต่อสู้กับยาเสพติด
  • 6:43 - 6:48
    และขวดเหล่านั้นอาจเป็นขวดวอดก้า
    โดยไม่ผิดกฏหมายก็ได้ ถูกไหมครับ
  • 6:48 - 6:52
    เราทุกคนอาจจะเมากันหมด ผมก็คงจะเมาด้วย
    หลังบรรยายเสร็จ (เสียงหัวเราะ)
  • 6:52 - 6:53
    แต่เราก็ไม่เมา
  • 6:53 - 6:56
    ถ้าพวกคุณต่างสามารถจ่ายเงินมหาศาล
  • 6:56 - 6:59
    เพื่อเข้าร่วมฟังการบรรยาย TED
    ผมก็เดาว่าคุณคงจะสามารถจ่ายเงิน
  • 6:59 - 7:02
    ซื้อวอดก้ามาดื่มได้สัก 6 เดือน
  • 7:02 - 7:04
    คุณคงไม่กลายเป็นคนจรจัด
  • 7:04 - 7:08
    คุณคงไม่ทำเช่นนั้น
    และสาเหตุที่คุณไม่ทำเช่นนั้น
  • 7:08 - 7:09
    ก็ไม่ใช่เพราะมีใครมาห้ามคุณ
  • 7:09 - 7:12
    นั่นเป็นเพราะคุณมีพันธะผูกพัน
    และความสัมพันธ์
  • 7:12 - 7:13
    ที่คุณอยากจะได้รับ
  • 7:13 - 7:16
    คุณมีงานที่คุณรัก คุณมีผู้คนที่คุณรัก
  • 7:16 - 7:18
    คุณมีความสัมพันธ์ที่ดี
  • 7:18 - 7:20
    และหลักสำคัญของพฤติกรรมเสพติด
  • 7:20 - 7:23
    ที่ผมคิดได้ และผมเชื่อว่า
    หลักฐานต่างๆ ได้ชี้ให้เห็น
  • 7:23 - 7:27
    คือการไม่สามารถทนต่อสิ่งต่างๆ
    ที่เข้ามาในชีวิตได้
  • 7:27 - 7:29
    นี่มันมีนัยยะที่สำคัญ
  • 7:29 - 7:32
    นัยยะที่ชัดเจนที่สุด
    ก็คือโครงการสงครามยาเสพติด
  • 7:32 - 7:36
    ในอริโซนา ผมได้เดินทางไปกับผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง
  • 7:36 - 7:40
    ผู้ซึ่งถูกให้สวมใส่เสื้อยีดที่มีข้อความเขียนว่า
    "ฉันเคยติดยา"
  • 7:40 - 7:44
    และถูกล่ามโซ่เข้าด้วยกันและส่งไปขุดศพในป่าช้า
    ในขณะที่ผู้คนต่างถากถางพวกเธอ
  • 7:44 - 7:48
    และเมื่อหญิงเหล่านั้นพ้นคุกออกมา
    พวกเธอก็จะมีประวัติอาชญากร
  • 7:48 - 7:51
    นั่นหมายความว่าพวกเธอจะไม่สามารถ
    ทำงานที่ถูกฎหมายได้อีกต่อไป
  • 7:51 - 7:55
    นั่นคงเป็นตัวอย่างแบบสุดโต่ง
    ในกรณีของการล่ามโซ่แล้วส่งไปทำงานหนัก
  • 7:55 - 7:57
    แต่จริงๆ แล้ว แทบทุกที่ในโลก
  • 7:57 - 7:59
    เราปฏิบัติต่อผู้ติดยา ในลักษณะคล้ายๆ กัน
  • 7:59 - 8:02
    เราลงโทษพวกเขา ทำให้อับอาย
    เราบันทึกประวัติอาชญากร
  • 8:02 - 8:04
    เราสร้างกำแพงกั้นไม่ให้เขาเชื่อมสัมพันธ์
  • 8:04 - 8:07
    ในแคนาดา มีหมอที่ยอดเยี่ยมมากอยู่ท่านหนึ่ง
    ดร.กาบอร์ มาเท (Dr.Gabor Maté)
  • 8:07 - 8:11
    เขากล่าวกับผมว่า ถ้าคุณจะออกแบบระบบ
    ที่ทำให้พฤติกรรมเสพติดนั้นแย่ลงกว่าเก่า
  • 8:11 - 8:13
    คุณคงออกแบบระบบนั้น
  • 8:13 - 8:16
    แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่ตัดสินใจจะทำในสิ่งตรงกันข้าม
  • 8:16 - 8:18
    และผมก็ไปยังที่นั่น
    เพื่อศึกษาว่ามันได้ผลอย่างไร
  • 8:18 - 8:21
    ในปี ค.ศ. 2000 โปรตุเกสเป็นประเทศ
    ที่มีปัญหายาเสพติดเลวร้ายที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
  • 8:21 - 8:25
    หนึ่งเปอร์เซ็นต์ของประชากรเสพติดเฮโรอีน
    ฟังดูแล้วอาจน่าตกใจ
  • 8:25 - 8:28
    ทุก ๆ ปี พวกเขาทดลอง
    ใช้วิธีแบบชาวอเมริกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • 8:28 - 8:31
    พวกเขาลงโทษผู้คน ตีตราบาปให้พวกเขา
    และทำให้อับอายยิ่งขึ้นไปอีก
  • 8:31 - 8:33
    และทุก ๆ ปี ปัญหาก็แย่ลง
  • 8:33 - 8:36
    แล้ววันหนึ่ง นายกรัฐมนตรี
    และหัวหน้าฝ่ายค้านก็มานั่งคุยกัน
  • 8:36 - 8:38
    และกล่าวทำนองว่า
    ดูสิ ประเทศเราจะดำเนินต่อไปไม่ได้
  • 8:38 - 8:42
    ถ้าผู้คนในประเทศเสพติดเฮโรอีนมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • 8:42 - 8:44
    เรามาจัดตั้งคณะกรรมการ
    ที่ประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์และแพทย์
  • 8:44 - 8:46
    เพื่อที่จะค้นหาวิธีแก้ปัญหาอย่างแท้จริง
  • 8:46 - 8:50
    และพวกเขาก็ตั้งคณะกรรมการ นำโดย
    ดร. ฮัว กูลาว (Dr. João Goulão)
  • 8:50 - 8:51
    เพื่อศึกษาหลักฐานใหม่ ๆ เหล่านี้
  • 8:51 - 8:53
    พวกเขากลับมาพร้อมกล่าวว่า
  • 8:53 - 8:57
    "ให้ยาเสพติดทุกประเภทให้เป็นสิ่งถูกกฏหมาย
    ตั้งแต่กัญชาไปจนถึงโคเคน แต่" --
  • 8:57 - 9:00
    และนี่เป็นขั้นต่อไปที่สำคัญ
  • 9:00 - 9:03
    "เอางบประมาณที่เคยใช้เพื่อปิดกั้นผู้ติดยา
  • 9:03 - 9:05
    เพื่อตัดพวกเขาออกจากสังคม
  • 9:05 - 9:08
    ไปใช้เพื่อเชื่อมพวกเขากลับเข้าสู่สังคม
  • 9:08 - 9:13
    และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราคิด
    เกี่ยวกับการรักษาผู้ติดยา
  • 9:13 - 9:15
    ในสหรัฐฯ และอังกฤษ
  • 9:15 - 9:17
    พวกเขามีศูนย์บำบัดยาเสพติด
  • 9:17 - 9:19
    พวกเขาทำการฟื้นฟูสภาพจิตใจ
    ซึ่งพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
  • 9:19 - 9:23
    แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเขาทำ
    กลับเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับที่เราทำ
  • 9:23 - 9:25
    นั่นคือโครงการขนาดใหญ่
    เพื่อสร้างงานแก่ผู้ติดยา
  • 9:25 - 9:28
    และสินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ติดยา
    เพื่อตั้งธุรกิจขนาดย่อม
  • 9:28 - 9:30
    สมมติว่าคุณเคยเป็นช่างเครื่องยนต์
  • 9:30 - 9:32
    เมื่อคุณพร้อม พวกเขาจะไปหาอู่รถสักแห่ง
    และบอกกับเจ้าของอู่ว่า
  • 9:32 - 9:35
    ถ้าคุณจ้างหมอนี่เป็นเวลาหนึ่งปี
    เราจะช่วยคุณจ่ายเงินเดือนให้เขาครึ่งหนึ่ง
  • 9:35 - 9:38
    เป้าหมายคือความมั่นใจ
    ว่าผู้ติดยาทุกคนในโปรตุเกส
  • 9:38 - 9:40
    มีอะไรให้ทำในทุกเช้าที่เขาตื่นนอน
  • 9:40 - 9:44
    และเมื่อผมไปยังโปรตุเกส
    และพบกับผู้ติดยา
  • 9:44 - 9:46
    สิ่งที่พวกเขาพูดก็คือ ในขณะที่พวกเขา
    กลับมาค้นพบเป้าหมายในชีวิต
  • 9:46 - 9:49
    พวกเขาได้ค้นพบความผูกพัน
    และความสัมพันธ์กับสังคมในวงกว้างขึ้น
  • 9:49 - 9:52
    มันจะครบรอบ 15 ปีในปีนี้
    นับตั้งแต่การทดลองได้เริ่มขึ้น
  • 9:52 - 9:53
    และผลการทดลองก็คือ
  • 9:53 - 9:55
    การใช้ยาเสพติด
    ประเภทใช้เข็มฉีดในโปรตุเกสลดลง
  • 9:55 - 9:58
    ตามวารสารอาชญาวิทยาแห่งอังกฤษ
    (British Journal of Criminology)
  • 9:58 - 10:00
    ลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์
  • 10:00 - 10:04
    การใช้ยาเกินขนาดลดฮวบ
    เช่นเดียวกับการติดเชื้อ HIV ระหว่างผู้เสพ
  • 10:04 - 10:07
    การเสพติดในทุก ๆ การศึกษา
    ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • 10:07 - 10:10
    ทางหนึ่งที่คุณจะรู้ว่ามันได้ผล
    ก็คือ แทบไม่มีใครในโปรตุเกส
  • 10:10 - 10:12
    อยากกลับไปใช้ระบบแบบเก่า
  • 10:12 - 10:14
    นั่นมีความหมายในเชิงการเมือง
  • 10:14 - 10:17
    จริง ๆ แล้วผมคิดว่ามันมีนัยแฝงอยู่หลายชั้น
  • 10:17 - 10:19
    สำหรับงานวิจัยเหล่านี้
  • 10:19 - 10:22
    เราอาศัยอยู่ในวัฒนธรรมที่ซึ่งผู้คน
    กำลังรู้สึกอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
  • 10:22 - 10:25
    ต่อการเสพติดทุก ๆ อย่าง
    ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน
  • 10:25 - 10:26
    การช้อปปิ้ง หรือการกิน
  • 10:26 - 10:29
    ก่อนที่จะเริ่มการบรรยายนี้ --
    พวกคุณก็รู้เรื่องเหล่านี้ --
  • 10:29 - 10:31
    พวกเราถูกห้ามไม่ให้เปิดโทรศัพท์
  • 10:31 - 10:34
    และผมขอบอกว่า
    พวกคุณหลายคนทำท่าทางเหมือนกับ
  • 10:34 - 10:37
    คนติดยาที่ได้ข่าวมาว่า
    พ่อค้ายาของพวกคุณจะไม่ว่าง
  • 10:37 - 10:39
    เป็นเวลาอีก 2-3 ชั่วโมง
    (เสียงหัวเราะ)
  • 10:39 - 10:42
    พวกเราหลายคนรู้สึกเช่นนั้น
    และมันอาจฟังดูแปลกที่จะพูดว่า
  • 10:42 - 10:45
    ผมได้พูดเกี่ยวกับการตัดขาดจากสังคม
    ว่าเป็นสาเหตุใหญ่ของการเสพติด
  • 10:45 - 10:47
    และมันอาจฟังดูแปลก
    ที่พูดว่าปัญหากำลังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ
  • 10:47 - 10:50
    เพราะคุณคงติดว่าเราเป็นสังคม
    ที่เชื่อมโยงกันมากที่สุด แน่นอนล่ะ
  • 10:50 - 10:53
    แต่ผมเริ่มคิดว่า เรามีการเชื่อโยงเหล่านั้น
  • 10:53 - 10:56
    หรือที่เราคิดว่าเรามี
    เป็นแค่การล้อเลียนการเชื่อมโยงของมนุษย์
  • 10:56 - 10:59
    ถ้าคุณมีวิกฤตในชีวิตคุณ
    คุณจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
  • 10:59 - 11:02
    จะไม่มีคนที่ติดตามทวิตเตอร์ของคุณ
    คนไหนมานั่งข้างคุณ
  • 11:02 - 11:05
    จะไม่มีเพื่อเฟซบุ๊คคนไหนมาช่วยแก้วิกฤตนั้น
  • 11:05 - 11:08
    จะมีก็แต่เพื่อตัวเป็น ๆ ของคุณ
    ที่คุณรู้จักกับเขา แบบคุ้นหน้าค่าตา
  • 11:08 - 11:11
    รู้จักกันดี อย่างแน่นแฟ้น ลึกซึ้ง
  • 11:11 - 11:15
    มีการศึกษาหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จาก
    บิล แม็คคิบเบน นักเขียนเพื่อสิ่งแวดล้อม
  • 11:15 - 11:17
    ที่ผมคิดว่ามันบอกอะไรเราหลาย ๆ อย่าง
  • 11:17 - 11:21
    การศึกษานี้พิจารณาที่
    จำนวนเพื่อนสนิท ที่คนอเมริกันโดยเฉลี่ย
  • 11:21 - 11:23
    เชื่อว่าพวกเขาสามารถโทรหาได้ในยามวิกฤต
  • 11:23 - 11:26
    จำนวนที่ว่านั้นค่อย ๆ ลดลง
    อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุค 1950
  • 11:26 - 11:29
    เนื้อที่ที่ผู้คนมีในบ้านของเขา
  • 11:29 - 11:31
    มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • 11:31 - 11:33
    ผมคิดว่านั่นมันเป็นเหมือนอุปมาอุปมัย
  • 11:33 - 11:34
    สิ่งที่เราเลือกเป็นวัฒนธรรมของเรา
  • 11:34 - 11:39
    เราแลกที่ว่างในบ้านกับเพื่อน
    เราแลกข้าวของต่าง ๆ กับความสัมพันธ์
  • 11:39 - 11:43
    และผลก็คือ เรากลายเป็นสังคมที่โดดเดี่ยวที่สุด
    เท่าที่เคยมีมา
  • 11:43 - 11:46
    และ บรูซ อเล็กซานเดอร์
    ผู้ทำการทดลองเรื่องสวนสำหรับหนู กล่าวว่า
  • 11:46 - 11:50
    เราพูดกันตลอด ในเรื่องปัญหาการเสพติด
    เกี่ยวกับการฟื้นฟูระดับบุคคล
  • 11:50 - 11:52
    และมันก็ถูกต้องที่จะคุยกันเรื่องนั้น
  • 11:52 - 11:54
    แต่เราต้องคุยกันมากขึ้น
    เกี่ยวกับเรื่องการฟื้นฟูสังคม
  • 11:54 - 11:58
    เกิดความผิดพลาดบางอย่างกับพวกเรา
    ไม่ใช่แค่ในระดับบุคคล แต่เป็นในระดับกลุ่ม
  • 11:58 - 12:00
    เราได้สร้างสังคม
    ที่สำหรับพวกเราแล้ว
  • 12:00 - 12:03
    ชีวิตยิ่งคล้ายกับกรงขังเดี่ยวมากขึ้นทุกวัน
  • 12:03 - 12:05
    และนับวันยิ่งออกห่าง
    จากสภาพสวนสำหรับหนู
  • 12:05 - 12:08
    ผมต้องสารภาพว่า
    จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่เหตุผลที่ผมศึกษาเรื่องนี้
  • 12:08 - 12:11
    ผมไม่ได้อยากค้นพบ
    เรื่องทางการเมืองและสังคมพวกนี้
  • 12:11 - 12:14
    ผมต้องการจะรู้ว่าผมจะช่วยผู้คน
    อันเป็นที่รักได้อย่างไร
  • 12:14 - 12:17
    และเมื่อผมกลับมาจากการเดินทาง
    อันแสนยาวนาน ผมก็ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้
  • 12:17 - 12:20
    ผมย้อนกลับมามองคนติดยาที่ผมรู้จัก
  • 12:20 - 12:24
    และถ้าจะพูดตรง ๆ แล้วล่ะก็
    มันยากที่จะรักคนติดยา
  • 12:24 - 12:27
    และอีกหลายคนในห้องนี้
    ก็คงจะรู้เช่นกัน
  • 12:27 - 12:29
    คุณรู้สึกโมโหแทบตลอดเวลา
  • 12:29 - 12:33
    และผมคิดว่าสาเหตุหนึ่งว่าทำไมการโต้เถียงกันเรื่องนี้
    ต้องเต็มไปด้วยอารมณ์
  • 12:33 - 12:36
    นั่นก็เพราะปัญหานี้
    มันเสียดแทงใจพวกเราทุกคน ใช่ไหมครับ
  • 12:36 - 12:39
    ทุก ๆ คนคงเคยรู้สึกแบบนี้
    ที่เมื่อมองเห็นผู้ติดยา และคิดในใจว่า
  • 12:39 - 12:41
    ฉันอยากให้ใครสักคนมาหยุดเธอ
  • 12:41 - 12:45
    และบทแบบนี้แหละที่เราถูกปลูกฝัง
    ว่าควรจัดการกับผู้ติดยาอย่างไร
  • 12:45 - 12:46
    มันกลายเป็นสูตรสำเร็จไปแล้ว
  • 12:46 - 12:49
    โดยรายการเรียลลิตี้โชว์ชื่อ
    "การแทรกแซง" (Intervention)
  • 12:49 - 12:51
    ผมคิดว่าทุกอย่างในชีวิตเราได้ถูกกำหนด
    โดยรายการเรียลลิตี้ไปเสียแล้ว
  • 12:51 - 12:53
    แต่นั่นคงเป็นการบรรยาย TED
    อีกเรื่องหนึ่งนะครับ
  • 12:53 - 12:55
    ถ้าคุณเคยดูรายการที่ว่านี้
  • 12:55 - 12:57
    โครงเรื่องมีง่าย ๆ
  • 12:57 - 13:00
    เอาผู้ติดยามาสักคนหนึ่ง
    พร้อมด้วยคนรอบข้างของบุคคลนั้น
  • 13:00 - 13:03
    ให้มาเผชิญหน้ากัน โดยคนรอบข้างจะพูดทำนองว่า
    ถ้าคุณไม่ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น
  • 13:03 - 13:05
    พวกเราจะตัดหางคุณ
  • 13:05 - 13:08
    สิ่งที่พวกเขาทำก็คือ
    พวกเขาหยิบเอาความสัมพันธ์ขึ้นมา
  • 13:08 - 13:10
    แล้วขู่จะตัดความสัมพันธ์นั้นทิ้ง
    พวกเขายกมันมาเป็นเงื่อนไข
  • 13:10 - 13:12
    เพื่อให้ผู้ติดยาประพฤติตัว
    ตามที่พวกเขาต้องการ
  • 13:12 - 13:16
    และผมเริ่มเห็นแล้วว่า
    ทำไมวิธีแบบนั้นจึงใช้ไม่ได้ผล
  • 13:16 - 13:20
    นั่นมันเหมือนการเอาแนวคิด
    จากสงครามยาเสพติด
  • 13:20 - 13:22
    เอามาใช้กับชีวิตส่วนตัวของเรา
  • 13:22 - 13:26
    ผมเริ่มคิดว่า ทำอย่างไร
    จึงจะเป็นได้อย่างชาวโปรตุเกส
  • 13:26 - 13:29
    และสิ่งที่ผมพยามทำอยู่ตอนนี้
    ผมต้องบอกว่าผมไม่ได้ทำเป็นประจำ
  • 13:29 - 13:31
    และมันไม่ง่ายนัก
  • 13:31 - 13:34
    คือการบอกกับผู้ติดยาในครอบครัวผม
  • 13:34 - 13:36
    ว่าผมอยากเชื่อมความสัมพันธ์
    กับเขาให้แน่นแฟ้นขึ้น
  • 13:36 - 13:40
    บอกพวกเขาว่า ผมรักคุณ
    ไม่ว่าคุณจะเสพยาหรือไม่ก็ตาม
  • 13:40 - 13:43
    ผมรักคุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสภาพไหน
  • 13:43 - 13:45
    และถ้าคุณต้องการผม
    ผมจะคอยอยู่ข้าง ๆ
  • 13:45 - 13:48
    เพราะผมรักคุณและไม่ต้องการ
    ให้คุณโดดเดี่ยว
  • 13:48 - 13:50
    หรือรู้สึกโดดเดี่ยว
  • 13:50 - 13:52
    และผมคิดว่าใจความสำคัญของข้อความ
  • 13:52 - 13:55
    ก็คือ คุณไม่ได้อยู่ลำพัง เรารักคุณ
  • 13:55 - 13:58
    หลักนี้ต้องอยู่ในทุกระดับ
    ของมาตรการที่เราใช้กับผู้ติดยา
  • 13:58 - 14:00
    ไม่ว่าจะเป็นในระดับสังคม
    การเมือง หรือระดับบุคคล
  • 14:00 - 14:05
    เป็นเวลา 100 ปีแล้ว
    ที่เราลั่นกลองรบกับผู้ติดยา
  • 14:05 - 14:09
    ผมกลับคิดว่า
    นเราควรจะร้องเพลงรักให้พวกเขาแทน
  • 14:09 - 14:13
    เพราะสิ่งที่ตรงข้ามกับการเสพติด
    ไม่ใช่การทำตัวสงบเสงี่ยม
  • 14:13 - 14:17
    แต่สิ่งที่ตรงข้ามกับการเสพติด
    คือความสัมพันธ์
  • 14:17 - 14:19
    ขอบคุณครับ
  • 14:19 - 14:27
    (เสียงปรบมือ)
Title:
เราเข้าใจผิดมาตลอดเรื่องการเสพติด
Speaker:
โจฮัน แฮรี (Johan Hari)
Description:

อะไรคือสาเหตุของการเสพติด -- ในทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นโคเคน หรือสมาร์ทโฟน และเราจะเอาชนะมันได้อย่างไร โจฮัน แฮรี ได้สัมผัสใกล้ชิดว่าวิธีการจัดการของเรานั้นล้มเหลว เมื่อเขาเฝ้าดูผู้คนที่เขารักต้องทุกข์ทรมานจากผลของยาเสพติด เขาเริ่มสงสัยว่าทำไมเราจึงปฏิบัติต่อผู้ติดยาแบบที่เป็นอยู่ และมันมีทางที่ดีกว่านี้หรือไม่ ในขณะที่เขาเล่าเรื่องสะเทือนใจของเขาในการบรรยายนี้ คำถามของเขาได้พาเขาไปรอบโลก และค้นพบวิธีการอันน่าทึ่ง และเต็มไปด้วยความหวัง ที่จะแก้ปัญหาที่มีมายาวนานนี้

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
14:42

Thai subtitles

Revisions Compare revisions