< Return to Video

สู้กิเลสด้วยการรู้ทัน :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 พ.ค. 2568

  • 0:05 - 0:09
    ข่าวเรื่องพระมีเรื่อยๆ
  • 0:09 - 0:13
    ที่ไม่เป็นข่าวก็คงมีอีกเยอะเหมือนกัน
  • 0:13 - 0:17
    คงมีไปเรื่อยๆ
  • 0:17 - 0:21
    พวกเราภาวนา เราก็จะรู้ว่า
  • 0:21 - 0:24
    กิเลสไม่ใช่เรื่องสู้ง่าย
  • 0:24 - 0:26
    พวกเราสู้กับกิเลส
  • 0:26 - 0:30
    ฉะนั้นเราตั้งอกตั้งใจสู้ มันพลาดง่ายๆ เลย
  • 0:30 - 0:34
    ไม่ใช่สู้ชนะมันง่าย
  • 0:34 - 0:44
    เวลาเราเห็นคนพลาด ก็อย่าไปซ้ำเติม
  • 0:44 - 0:47
    ก็มีเรื่อยๆ
  • 0:47 - 0:51
    พูดให้ฟังหลายที กิเลสไม่กลัวผ้าเหลือง
  • 0:51 - 0:56
    กิเลสไม่กลัวตำแหน่ง
  • 0:56 - 0:59
    มีสมณศักดิ์อะไร มีตำแหน่งอะไร
  • 0:59 - 1:03
    กิเลสไม่ได้กลัวสิ่งเหล่านั้น
  • 1:03 - 1:07
    เป็นเรื่องธรรมดา
  • 1:07 - 1:11
    เหมือนคนมาบวช
  • 1:11 - 1:16
    เหมือนนักรบเข้าสนามรบสู้กิเลส
  • 1:16 - 1:20
    ไม่ได้รบกับคนอื่น
  • 1:20 - 1:27
    ในสนามรบก็มีคนล้มหายตายจากกลางทาง
    เรื่องธรรมดา
  • 1:27 - 1:33
    อย่างคนมาบวชไปไม่รอดก็สึกไป
    หรือถูกจับสึกไป
  • 1:33 - 1:35
    บางกรณีไม่ต้องสึก
  • 1:35 - 1:42
    อย่างถ้าปาราชิก ขาดจากความเป็นพระทันที
  • 1:42 - 1:46
    เราไม่ได้มีหน้าที่ไปตัดสินคนอื่น
  • 1:46 - 1:51
    เรามีหน้าที่ดูบทเรียน
  • 1:51 - 1:56
    ทำไมเขาพลาด เราก็ดูบทเรียนของเขา
  • 1:56 - 2:03
    ก็น่าสงสาร บางทีพวกที่บวชพระมา
  • 2:03 - 2:08
    การศึกษาทางโลกอะไร ไม่ค่อยมี มีน้อย
  • 2:08 - 2:11
    ไม่เข้าใจโลกเท่าไร
  • 2:11 - 2:15
    ทำอะไรก็เอาง่ายๆ รู้สึกง่ายๆ
  • 2:15 - 2:20
    ผิดระเบียบ ผิดกฎหมายอะไร บางทีไม่รู้เรื่อง
  • 2:20 - 2:26
    บางทีรู้แต่สู้กิเลสไม่ได้
  • 2:26 - 2:37
    พวกเราก็ยังมีกิเลส เราก็ดูกิเลสของเราไว้
  • 2:37 - 2:41
    ต้องถือเป็นเรื่องที่ดี
  • 2:41 - 2:48
    ที่พระอาบัติอะไรอย่างนี้ แล้วถูกออกไป
  • 2:48 - 2:54
    ศาสนาก็จะได้ดูสะอาดขึ้น
    ขจัดสิ่งสกปรกไปได้ส่วนหนึ่ง
  • 2:54 - 2:59
    ส่วนที่เหลือสัดส่วนมันก็จะดูดีขึ้น
  • 2:59 - 3:05
    อันนี้ก็แง่ดี ไม่ใช่แง่ร้าย
  • 3:05 - 3:11
    ยิ่งปราบอลัชชีออกไปได้หมด
    แหม ศาสนางดงามเลย
  • 3:11 - 3:15
    เพราะฉะนั้นอย่าไปตกใจกับข่าวพวกนี้
  • 3:15 - 3:22
    ข่าวพวกนี้ ดี ไม่ใช่ไม่ดี
  • 3:22 - 3:26
    ถ้าเราภาวนาเราจะรู้
    กิเลสไม่ใช่เรื่องที่สู้ง่าย
  • 3:26 - 3:29
    ไม่อย่างนั้นมันไม่ครองโลกหรอก
  • 3:29 - 3:35
    คนที่ตั้งใจสู้ ส่วนหนึ่งยังสู้ไม่ไหว
  • 3:35 - 3:37
    แล้วคนที่ไม่ตั้งใจสู้
  • 3:37 - 3:40
    อย่างมาบวชเป็นอาชีพอันหนึ่ง
  • 3:40 - 3:44
    ไม่มีอะไรทำ มาบวช
  • 3:44 - 3:47
    คือไม่ได้มุ่งอยากได้พระนิพพาน
  • 3:47 - 3:52
    พวกนี้ไม่คิดสู้ โอกาสแพ้ก็สูง
  • 3:52 - 3:57
    หลวงพ่อก็เคยเจอพระ แรกๆ ก็อยากนิพพาน
  • 3:57 - 4:00
    หลังๆ รู้สึกยากไปก็เลยไม่เอา
  • 4:00 - 4:03
    สะเปะสะปะไปวันๆ หนึ่ง
  • 4:03 - 4:08
    พลาดเข้าวันไหนก็อยู่ไม่ได้
  • 4:08 - 4:12
    ดูกิเลสของเราเอง
  • 4:12 - 4:18
    กิเลสผุดขึ้นกลางอกเรา
    ผุดทั้งวัน เหมือนน้ำผุด
  • 4:18 - 4:23
    เคยเห็นน้ำผุดไหม น้ำมันผุดๆๆ ขึ้นมา
  • 4:23 - 4:27
    ไม่ต่างกันเท่าไร มันผุดอยู่ตลอดวัน
  • 4:27 - 4:30
    ถ้าเราไม่รู้ไม่เห็นว่ากิเลสมันผุดขึ้นมา
  • 4:30 - 4:36
    เราไม่เห็น ก็ครอบงำจิตใจเราได้
  • 4:36 - 4:40
    กระทบเข้ามาถึงจิตใจ
  • 4:40 - 4:43
    พอจิตใจเราเศร้าหมอง ถูกกิเลสครอบงำ
  • 4:43 - 4:47
    ความคิดของเราก็เป็นไปตามอำนาจกิเลส
  • 4:47 - 4:51
    คำพูดของเราก็เป็นไปตามอำนาจกิเลส
  • 4:51 - 4:55
    การกระทำของเราก็เป็นไปตามอำนาจกิเลส
  • 4:55 - 4:57
    มันเสียหมด
  • 4:57 - 5:00
    เสียตั้งแต่จิตของเรา
  • 5:00 - 5:03
    พอจิตเราถูกกิเลสครอบงำ
  • 5:03 - 5:09
    คำพูดของเรา การกระทำของเรา
    ก็พลอยเสียไปหมด
  • 5:09 - 5:14
    ฉะนั้นคอยรู้เท่าทันกิเลสในใจของตัวเอง
  • 5:14 - 5:18
    ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้
  • 5:18 - 5:20
    หลวงปู่ดูลย์ท่านเคยบอกว่า
  • 5:20 - 5:25
    “การดูจิตไม่ใช่เรื่องยาก
    การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องยาก
  • 5:25 - 5:30
    มันยากสำหรับผู้ไม่ปฏิบัติ” ท่านว่าอย่างนี้
  • 5:30 - 5:36
    ผู้ไม่ปฏิบัติกับผู้ปฏิบัติต่างกันนิดเดียว
  • 5:36 - 5:40
    ส่วนที่เหมือนกันระหว่าง
    ผู้ปฏิบัติกับผู้ไม่ปฏิบัติ ก็คือ
  • 5:40 - 5:43
    มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
  • 5:43 - 5:47
    มีเหมือนกัน อายตนะทั้ง 6
  • 5:47 - 5:51
    มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    แล้วก็มีการกระทบอารมณ์
  • 5:51 - 5:53
    ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
  • 5:53 - 5:57
    กระทบรูป กระทบเสียง กระทบกลิ่น กระทบรส
  • 5:57 - 5:59
    กระทบสิ่งที่มาสัมผัสร่างกาย
  • 5:59 - 6:04
    กระทบธัมมารมณ์ คือสิ่งที่รู้ด้วยใจ
  • 6:04 - 6:09
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
  • 6:09 - 6:13
    อย่างละ 6 อย่างละ 6 เป็นอายตนะภายใน 6
  • 6:13 - 6:15
    คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
  • 6:15 - 6:16
    อายตนะภายนอก 6
  • 6:16 - 6:20
    คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์
  • 6:20 - 6:22
    กระทบกัน
  • 6:22 - 6:26
    พอกระทบกัน ก็จะเกิดความรู้สึกตามมา
  • 6:26 - 6:29
    เกิดความปรุงแต่งในใจเรา
  • 6:29 - 6:33
    ความปรุงแต่งบางอย่างไม่ใช่กิเลส
  • 6:33 - 6:37
    อย่างพอจิตมันกระทบอารมณ์
    ที่ไม่ถูกอกถูกใจ
  • 6:37 - 6:44
    มันเกิดความไม่แช่มชื่นในใจ
    เกิดความทุกข์ในใจ
  • 6:44 - 6:47
    ทุกขเวทนาเกิดขึ้น
  • 6:47 - 6:51
    หรือกระทบอารมณ์ที่ดี
    อย่างเราฟังเทศน์ ฟังธรรม
  • 6:51 - 6:54
    ได้กระทบอารมณ์ที่ดี
  • 6:54 - 6:58
    ใจเรามีความสุขขึ้นมา
  • 6:58 - 7:02
    ความสุขความทุกข์อะไรไม่ใช่กิเลส
  • 7:02 - 7:07
    เพราะฉะนั้นไม่จำเป็น
    จะต้องไปหาทางละอะไรมัน
  • 7:07 - 7:10
    มันเป็นเขาเรียกวิบาก
  • 7:10 - 7:14
    มันเป็นผลของกรรมเก่าที่เราสร้างมา
  • 7:14 - 7:17
    เราทำกรรมเก่ามาดี เราก็กระทบแต่เรื่องดีๆ
  • 7:17 - 7:21
    กระทบเรื่องที่ดีเราก็มีความสุข
  • 7:21 - 7:25
    มันเป็นกระบวนการธรรมชาติธรรมดา
  • 7:25 - 7:29
    กรรมเก่าให้ผลมาในทางไม่ดี
    เรากระทบอารมณ์ไม่ดี
  • 7:29 - 7:32
    จิตใจเรามีความทุกข์ขึ้นมา
  • 7:32 - 7:36
    เพราะฉะนั้นจิตใจจะสุข
    จิตใจจะทุกข์ ไม่ต้องไปห้ามมัน
  • 7:36 - 7:41
    มันเป็นวิบาก วิบากต้องรับเอา
    ไม่ใช่วิบากหาทางไปละมัน
  • 7:41 - 7:47
    ที่เราต้องละคือละกิเลส ไม่ใช่ละวิบาก
  • 7:47 - 7:51
    พอจิตใจเรา พอตา หู จมูก
    ลิ้น กาย ใจ กระทบอารมณ์
  • 7:51 - 7:56
    จิตเราก็เกิดความรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์
  • 7:56 - 8:01
    อารมณ์บางอย่างไม่รุนแรง ไม่ชัดเจน
  • 8:01 - 8:04
    จิตใจเราก็ไม่สุขไม่ทุกข์
  • 8:04 - 8:08
    ให้เรารู้ไป จิตใจเรามีความสุขให้รู้
  • 8:08 - 8:11
    จิตใจเรามีความทุกข์ให้รู้
  • 8:11 - 8:15
    จิตใจไม่สุขไม่ทุกข์ก็ให้รู้ไป
  • 8:15 - 8:19
    ฝึกอย่างนี้ ก็เรียกว่าเราดูจิตได้แล้ว
  • 8:19 - 8:21
    เพราะว่า
  • 8:21 - 8:24
    ความสุขความทุกข์อะไรนี้
    มันเกิดอยู่กับจิตของเรา
  • 8:24 - 8:28
    อันนี้พูดถึงความสุขความทุกข์ทางใจ
  • 8:28 - 8:31
    ความสุขความทุกข์ทางกาย
    มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
  • 8:31 - 8:34
    อันนั้นก็เป็นวิบากเหมือนกัน
  • 8:34 - 8:36
    ถูกเขาชกหน้าแล้วเจ็บ
  • 8:36 - 8:40
    ฟันหัก เจ็บ โดนซ้อม
  • 8:40 - 8:44
    อันนั้นก็เป็นวิบาก ถูกซ้อม
  • 8:44 - 8:47
    เจ็บขึ้นมาก็เป็นวิบากก็ต้องรับ
  • 8:47 - 8:52
    อย่างเราไม่สบายทางร่างกาย ก็ต้องรับไป
  • 8:52 - 8:55
    หาทางแก้ไขไป
  • 8:55 - 9:01
    โรคบางอย่างรักษาได้ บางอย่างก็รักษาไม่ได้
  • 9:01 - 9:04
    ถ้าใจเรารับสภาพ
  • 9:04 - 9:09
    ความเจ็บปวดมันอยู่ที่ร่างกาย
    ไม่เข้ามาที่จิต
  • 9:09 - 9:16
    ความเจ็บปวดในร่างกายเป็นโผฏฐัพพะ
    เรารู้ด้วยร่างกาย
  • 9:16 - 9:20
    พอกระทบอารมณ์ตรงนี้ ทางร่างกายกระทบ
  • 9:20 - 9:23
    มันก็ส่งต่อเข้าไปที่ใจ
  • 9:23 - 9:25
    พอร่างกายเราเจ็บปวด
  • 9:25 - 9:32
    ใจเราก็เกิดความทุกข์ทางใจเกิดขึ้น
  • 9:32 - 9:36
    เวลาเราสบายดี หรือเราเห็นรูปที่พอใจ
  • 9:36 - 9:40
    ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัสที่ดี
  • 9:40 - 9:43
    พออกพอใจ จิตใจเราก็มีความสุข
  • 9:43 - 9:48
    เราจะได้อารมณ์ที่พอใจไม่พอใจ มันเป็นวิบาก
  • 9:48 - 9:53
    เป็นผลของกรรมที่เราเคยสร้างมา
  • 9:53 - 9:58
    อย่างในสภาวะอันเดียวกัน หลวงพ่อเคยเจอ
  • 9:58 - 10:04
    อย่างไปตามถนนเห็นรถชนกัน
  • 10:04 - 10:09
    คนที่นั่งรถไปด้วยกันเขาบอก
    โอ้ ตายเลย คนนี้ตาย
  • 10:09 - 10:12
    ศพน่ากลัวมาก
  • 10:12 - 10:14
    คนนี้ไม่อยากดู ไม่อยากเห็น
  • 10:14 - 10:20
    ก็เบือนหน้าหนีไปอยู่บนฟุตบาทข้างทาง
  • 10:20 - 10:23
    กะว่าจะไม่ดูตรงที่เขาชนกัน
  • 10:23 - 10:26
    ปรากฎว่าเขายกศพมาไว้ตรงนี้แล้ว
  • 10:26 - 10:31
    อีกคนหนึ่งมันไม่กลัว
    มันไปดูตรงที่รถชน ไม่มีศพแล้ว
  • 10:31 - 10:37
    มันเลือกไม่ได้ว่า
    ตาจะเห็นรูปที่ดี หรือรูปที่ไม่ดี
  • 10:37 - 10:41
    หูจะได้ยินเสียงที่ถูกใจหรือไม่ถูกใจ
    เลือกไม่ได้
  • 10:41 - 10:47
    จมูกจะได้กลิ่นที่ถูกใจหรือไม่ถูกใจ
    เลือกไม่ได้
  • 10:47 - 10:53
    อย่างบางคนมี คนในวัดนี้ล่ะ
  • 10:53 - 10:55
    คนอื่นเขาได้กลิ่นเหม็น
  • 10:55 - 11:01
    คนนี้มีบุญเยอะ
    อะไรที่เหม็นๆ ไม่ค่อยได้กลิ่น
  • 11:01 - 11:04
    ได้แต่กลิ่นหอมๆ
  • 11:04 - 11:09
    มีวิบากที่ดี ไม่มีวิบากที่เลว
  • 11:09 - 11:13
    ก็เลยไม่ได้กลิ่นที่ไม่ดี
  • 11:13 - 11:16
    อยู่แถวนี้ในห้อง อยู่ในห้องนี้ตอนนี้
  • 11:16 - 11:22
    คือคุณแม่ อะไรที่เหม็นๆ ไม่ค่อยได้กลิ่น
  • 11:22 - 11:24
    จะได้กลิ่นหอมๆ
  • 11:24 - 11:28
    เราเลือกไม่ได้ว่าจะได้กลิ่นอะไร
  • 11:28 - 11:29
    เพราะฉะนั้นเวลา
  • 11:29 - 11:31
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบอารมณ์
  • 11:31 - 11:35
    เราเลือกไม่ได้ เลือกอารมณ์ไม่ได้
  • 11:35 - 11:39
    เพราะฉะนั้นกระทบแล้ว มันเกิดปฏิกิริยา
  • 11:39 - 11:41
    เกิดความรู้สึกสุข รู้สึกทุกข์
  • 11:41 - 11:46
    รู้สึกไม่สุขไม่ทุกข์ขึ้นในใจ
    เราก็เลือกไม่ได้
  • 11:46 - 11:48
    อย่างถูกเขาชก
  • 11:48 - 11:52
    เป็นผัสสะทางกาย เรียกโผฏฐัพพะ
  • 11:52 - 11:57
    แล้วมันก็ พอร่างกายเจ็บปวด ใจไม่ชอบ
  • 11:57 - 11:59
    เป็นอารมณ์ที่ใจไม่ชอบ
  • 11:59 - 12:02
    ใจมีความทุกข์ขึ้นมา
  • 12:02 - 12:08
    จากร่างกายที่เจ็บ
    มันเข้ามาสู่จิตใจที่มีความทุกข์
  • 12:08 - 12:12
    คนที่ไม่เคยภาวนา
  • 12:12 - 12:17
    เวลาร่างกายเจ็บปวด
    ใจก็จะมีความทุกข์ไปด้วย
  • 12:17 - 12:23
    พระพุทธเจ้าบอกว่าสาวกของท่าน
    ที่ตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ
  • 12:23 - 12:28
    เวลาร่างกายมีความทุกข์
    ความทุกข์อยู่เฉพาะร่างกาย
  • 12:28 - 12:33
    เข้ามาไม่ถึงจิตใจ จิตใจมันพ้นออกไปแล้ว
  • 12:33 - 12:37
    ฉะนั้นที่เราฝึก เราฝึก
  • 12:37 - 12:41
    ไม่ใช่เพื่อว่าร่างกายเราจะมีแต่ความสุข
  • 12:41 - 12:44
    หรือว่าเราจะต้องเห็นแต่รูปที่ดี
  • 12:44 - 12:47
    เราไม่ได้ฝึกเพื่อจะเห็นรูปที่ดี
  • 12:47 - 12:51
    เพื่อได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัสที่ดี
  • 12:51 - 12:56
    คิดนึกอะไรก็คิดแต่เรื่องดีๆ
    เราไม่ได้ฝึกเพื่อสิ่งเหล่านั้น
  • 12:56 - 12:59
    เราฝึกเพื่อจะเรียนรู้ลงไปอีก
  • 12:59 - 13:03
    เวลาตา หู จมูก ลิ้น กายใจกระทบอารมณ์
  • 13:03 - 13:04
    ที่พอใจ
  • 13:04 - 13:08
    จิตใจเรามีความสุขให้เรารู้ทัน
  • 13:08 - 13:10
    เราเลือกไม่ได้
  • 13:10 - 13:12
    มันจะมีความสุขก็ห้ามมันไม่ได้
  • 13:12 - 13:17
    กระทบอารมณ์ที่ไม่ดี
    จิตใจมีความทุกข์ให้เรารู้ทัน
  • 13:17 - 13:22
    ถ้าเราไม่รู้ทันความรู้สึก
    สุข ทุกข์ เฉยๆ ในใจเรา
  • 13:22 - 13:25
    จิตใจมันจะทำงานต่อไปอีก
  • 13:25 - 13:27
    พอมีความสุข
  • 13:27 - 13:31
    ความยินดีพอใจคือราคะก็จะแทรก
  • 13:31 - 13:34
    แทรกอยู่ในความสุข อย่างเราสบายใจ
  • 13:34 - 13:40
    เราก็จะมีความสุข มีความสุข สบายใจ
  • 13:40 - 13:43
    ความยินดีพอใจก็จะเกิดขึ้น
  • 13:43 - 13:46
    ราคะแทรกตามความสุข
  • 13:46 - 13:49
    เวลาจิตใจเราไม่มีความสุข
  • 13:49 - 13:52
    โทสะมันจะแทรกตามเข้ามา
  • 13:52 - 13:56
    เวลาอารมณ์ไม่ชัดเจน บางทีโมหะก็แทรก
  • 13:56 - 14:02
    โมหะเป็นปรมาจารย์ของกิเลส
  • 14:02 - 14:05
    จะมีราคะได้ก็ต้องมีโมหะด้วย
  • 14:05 - 14:08
    จะมีโทสะได้ก็ต้องมีโมหะด้วย
  • 14:08 - 14:11
    แล้วโมหะอยู่เดี่ยวๆ ก็ได้ด้วย
  • 14:11 - 14:14
    เกิดร่วมกับราคะก็ได้ เกิดร่วมกับโทสะก็ได้
  • 14:14 - 14:18
    เพราะฉะนั้นกิเลสเกิดเมื่อไร
    จะต้องมีโมหะทุกคราวไป
  • 14:18 - 14:21
    โมหะคือความหลง
  • 14:21 - 14:25
    ความไม่รู้ความจริง ความไม่มีปัญญา
  • 14:25 - 14:30
    ไม่เห็นความจริงของรูปนามกายใจ
  • 14:30 - 14:37
    พอความสุขในใจเกิดขึ้น ราคะก็แทรกเข้ามา
  • 14:37 - 14:41
    ความทุกข์ในใจเกิดขึ้น โทสะก็แทรกเข้ามา
  • 14:41 - 14:43
    ที่จริงก็คือ
  • 14:43 - 14:45
    เวลามีความสุขในใจ
  • 14:45 - 14:48
    ราคะและโมหะก็แทรกอยู่
  • 14:48 - 14:50
    เวลามีความทุกข์ในใจ
  • 14:50 - 14:54
    โทสะกับโมหะก็แทรกอยู่
  • 14:54 - 14:57
    จะเกิดร่วมกันอย่างนี้
  • 14:57 - 15:01
    โมหะคือความหลง
    ถ้าเราไม่หลง กิเลสเกิดไม่ได้
  • 15:01 - 15:03
    จับหลักตัวนี้ให้แม่นเลย
  • 15:03 - 15:07
    ถ้าเราไม่หลง เรามีสติอยู่
    กิเลสจะมีไม่ได้เด็ดขาดเลย
  • 15:07 - 15:09
    เพราะฉะนั้นเรามาพัฒนาสติ
  • 15:09 - 15:14
    ไม่ใช่พัฒนาว่าทำอย่างไร จะเอาชนะกิเลสได้
  • 15:14 - 15:16
    เราพัฒนาสติของเรา
  • 15:16 - 15:21
    พอเรามีสติขึ้นมา กิเลสจะไม่มีอัตโนมัติ
  • 15:21 - 15:25
    ฉะนั้นเราไม่ภาวนาเพื่อละกิเลส
  • 15:25 - 15:28
    แต่เราภาวนาเพื่อเจริญสติ
  • 15:28 - 15:32
    ทันทีที่สติเกิด กิเลสดับอัตโนมัติ
  • 15:32 - 15:35
    ฉะนั้นไม่มีกิเลสจะให้ละ
  • 15:35 - 15:41
    กิเลสมันดับอัตโนมัติ เมื่อเราเกิดสติ
    ฉะนั้นที่ฝึก ฝึกสติ
  • 15:41 - 15:44
    หลักสูตรในการฝึกสติเรียกสติปัฏฐาน
  • 15:44 - 15:48
    เราฝึกตามหลักนี้ สติของเราก็จะดีขึ้น
  • 15:48 - 15:53
    พอสติดีขึ้น สมาธิก็จะดีขึ้น
  • 15:53 - 15:56
    เมื่อสติและสมาธิทำงานคู่กันได้อย่างดี
  • 15:56 - 15:59
    ปัญญาก็จะเกิดขึ้น
  • 15:59 - 16:01
    จะรู้แจ้งเห็นจริง
  • 16:01 - 16:04
    ในกองขันธ์ 5 รูปนามกายใจนี้
  • 16:04 - 16:07
    พอรู้แจ้งเห็นจริงแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
  • 16:07 - 16:12
    จิตจะปล่อยวางความยึดมั่น
    ถือมั่นในร่างกายจิตใจนี้
  • 16:12 - 16:14
    พอปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น
  • 16:14 - 16:19
    เราก็จะไม่ทุกข์เพราะกาย
    เพราะใจของเราอีกต่อไป
  • 16:19 - 16:22
    ใจมันก็อยู่เหนือขันธ์ ไม่ทุกข์ด้วยแล้ว
  • 16:22 - 16:25
    เราฝึกสติ
  • 16:25 - 16:30
    ถ้าเราไม่มีสติ พอเกิดความรู้สึกสุข
  • 16:30 - 16:32
    ราคะกับโมหะก็แทรก
  • 16:32 - 16:37
    เกิดความรู้สึกทุกข์
    โทสะกับโมหะก็แทรกเข้ามาในใจ
  • 16:37 - 16:42
    ไม่สุขไม่ทุกข์ ก็หลงๆ
    เผลอๆ เพลินๆ โมหะก็ครอบเอา
  • 16:42 - 16:47
    เข้าใจอะไรต่ออะไรคลาดเคลื่อนไป
  • 16:47 - 16:51
    พอจิตเราถูกกิเลสแทรก
  • 16:51 - 16:55
    สิ่งที่จะตามมาคือความอยาก
  • 16:55 - 16:58
    มันจะมีความอยากแล้ว
  • 16:58 - 17:02
    อย่างเรากระทบอารมณ์ที่พออกพอใจ
    เรามีความสุข
  • 17:02 - 17:06
    จิตใจมันจะอยากให้ความสุขนั้นอยู่นานๆ
  • 17:06 - 17:09
    อยู่ตลอดไปได้ยิ่งดี
  • 17:09 - 17:14
    หรือเวลาความสุขมันหายไป จิตมันจำได้
  • 17:14 - 17:16
    มันมีสัญญา มันจำความสุขนั้นได้
  • 17:16 - 17:19
    มันจะหิวความสุข
  • 17:19 - 17:21
    อยากให้ความสุขนั้นกลับมา
  • 17:21 - 17:26
    ตรงที่อยากได้อารมณ์ที่ชอบอกชอบใจ
  • 17:26 - 17:29
    เรียกกามตัณหา มีกามตัณหา
  • 17:29 - 17:32
    อยากได้อารมณ์ที่พอใจ
  • 17:32 - 17:35
    พอได้อารมณ์ที่พอใจแล้ว อยากให้มันคงอยู่
  • 17:35 - 17:39
    เรียกว่าภวตัณหา
  • 17:39 - 17:44
    ถ้ากระทบอารมณ์แล้ว
    มีความทุกข์เกิดขึ้น โทสะแทรก
  • 17:44 - 17:49
    อยากให้อารมณ์นั้นหมดไปสิ้นไป
    เขาเรียกมีวิภวตัณหาเกิดขึ้น
  • 17:49 - 17:51
    มีความอยากตามมา
  • 17:51 - 17:55
    เพราะฉะนั้นตอนที่ตา หู จมูก ลิ้น
    กาย กระทบอารมณ์ เรียกว่าผัสสะ
  • 17:55 - 17:59
    เราห้ามไม่ได้ เลือกไม่ได้
    ว่าจะกระทบอารมณ์อะไร
  • 17:59 - 18:05
    กระทบแล้วจะเกิดเวทนา
    ที่เป็นสุข หรือทุกข์ หรือไม่สุขไม่ทุกข์
  • 18:05 - 18:08
    เราก็เลือกไม่ได้ มันเป็นวิบาก
  • 18:08 - 18:12
    พอเกิดเวทนาแล้ว จิตเรามีอนุสัยอยู่
  • 18:12 - 18:15
    มีกรรม ความเคยชินที่จะชั่วอยู่
  • 18:15 - 18:17
    กิเลสมันก็จะปรุงขึ้นมา
  • 18:17 - 18:19
    มันจะแทรกตัวเข้ามา
  • 18:19 - 18:23
    ราคะ โทสะ โมหะ มันก็แทรกเข้ามา
  • 18:23 - 18:28
    เมื่อกิเลสมันทำงานขึ้นมา
    ก็ผลักดันจิตให้ดิ้นรน
  • 18:28 - 18:31
    มันจะเกิดความอยากขึ้นมา
  • 18:31 - 18:35
    อยากได้อารมณ์ที่ดี
    อยากรักษาอารมณ์ที่ดีเอาไว้
  • 18:35 - 18:40
    อยากให้อารมณ์ที่ไม่ดีหมดไปสิ้นไป
  • 18:40 - 18:46
    ทันทีที่ความอยากเกิด
    ความดิ้นรนในใจจะเกิดขึ้น
  • 18:46 - 18:49
    ความดิ้นรนในใจเรียกว่าภพ
  • 18:49 - 18:51
    ความดิ้นรนของจิตใจ
  • 18:51 - 18:54
    ตัณหาเป็นผู้สร้างภพ พูดย่อๆ
  • 18:54 - 18:57
    ถ้ารายละเอียดมันจะแตกแขนงออกไปอีก
  • 18:57 - 19:02
    ตัณหาทำให้เกิดอุปาทาน อะไรคืออุปาทาน
  • 19:02 - 19:05
    อุปาทานคือตัณหาที่มีกำลังแรง
  • 19:05 - 19:09
    ก็คือตัวโลภะตัวเดียวกัน แต่มันแรง
  • 19:09 - 19:13
    มันเข้าไปจับอย่างรุนแรง
  • 19:13 - 19:17
    เพราะฉะนั้นเวลาเกิดความอยากขึ้นมา
    ใจมันจะดิ้น
  • 19:17 - 19:23
    อย่างเราอยากได้มือถือรุ่นใหม่ ใจเราดิ้นไหม
  • 19:23 - 19:26
    ลองนึกย้อนดู เวลาเรา
  • 19:26 - 19:30
    เห็นกระเป๋าสวยๆ อยากได้ ใจเราดิ้นไหม
  • 19:30 - 19:36
    ใจมันหิว ใจมันหิวอารมณ์ มันอยากได้
  • 19:36 - 19:39
    มันดิ้นรน ด้วยอำนาจของกามตัณหา
  • 19:39 - 19:43
    อยากได้อารมณ์ที่พอใจ
  • 19:43 - 19:46
    เห็นคนที่เราเกลียด
  • 19:46 - 19:48
    อยากให้มันหายไปจากโลกไหม
  • 19:48 - 19:51
    อยากให้มันไปให้พ้นเราไหม
  • 19:51 - 19:57
    พอความอยากเกิด ใจมันก็เต้นเลย ดิ้นๆๆๆ
  • 19:57 - 20:00
    ถ้าถีบมันได้จะถีบเลย ใจมันดิ้นไป
  • 20:00 - 20:02
    ด้วยกำลังของโทสะ
  • 20:02 - 20:05
    ด้วยกำลังของราคะ
  • 20:05 - 20:07
    ด้วยกำลังของโมหะ
  • 20:07 - 20:09
    ใจมันก็ดิ้นๆ
  • 20:09 - 20:13
    ทันทีที่ใจเราดิ้น
  • 20:13 - 20:16
    ตรงนี้เรียกว่ามันสร้างภพแล้ว
  • 20:16 - 20:19
    สิ่งที่ตามมาคือความทุกข์
  • 20:19 - 20:21
    นี่พูดย่อๆ
  • 20:21 - 20:24
    ที่จริงจากทุกข์จะไปสู่ชาติ
  • 20:24 - 20:29
    ชาติคือการที่จิตหยิบฉวย
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมา
  • 20:29 - 20:33
    ทีแรกตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย
  • 20:33 - 20:37
    เป็นวิบาก เป็นของเก่า ได้มาด้วยกรรมเก่า
  • 20:37 - 20:40
    แต่พอจิตใจเราดิ้นรนขึ้นมา
  • 20:40 - 20:43
    มันจะมีการตะครุบเอา หยิบฉวย
  • 20:43 - 20:46
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมา
  • 20:46 - 20:50
    ไม่ได้หยิบทีละ 6 อันหรอก
    มันก็หยิบทีละอันนั่นล่ะ
  • 20:50 - 20:55
    เวลาอยากเห็นรูป มันก็ใช้ยึดตาขึ้นมา
  • 20:55 - 20:58
    หยิบฉวยตาขึ้นมาใช้งาน
  • 20:58 - 21:01
    ตรงนี้หลวงพ่อไม่อธิบายละเอียด
    มันละเอียดเกิน
  • 21:01 - 21:04
    ถ้าเราภาวนายังไม่ถึง เราจะไม่เห็น
  • 21:04 - 21:10
    การที่จิตหยิบฉวย
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมา
  • 21:10 - 21:14
    ตัวที่ดูยากที่สุด
    คือการที่จิตหยิบฉวยจิตขึ้นมา
  • 21:14 - 21:20
    ตราบใดที่ไม่ใช่พระอรหันต์
    จิตยังหยิบฉวยจิตขึ้นมา
  • 21:20 - 21:24
    การที่จิตหยิบฉวย
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมา
  • 21:24 - 21:27
    หรือจิตหยิบฉวยใจ หยิบฉวยจิตขึ้นมา
  • 21:27 - 21:29
    เรียกว่าชาติ
  • 21:29 - 21:33
    ชาติก็คือการที่จิตมันไปหยิบฉวย
  • 21:33 - 21:36
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมา
  • 21:36 - 21:37
    เรียกว่าชาติ
  • 21:37 - 21:40
    ทันทีที่มันหยิบฉวยขึ้นมา
  • 21:40 - 21:45
    ความทุกข์ก็จะเข้ามาสู่จิตใจเรียบร้อยแล้ว
  • 21:45 - 21:48
    ฉะนั้นชาติเป็นปัจจัยให้เกิดความทุกข์
  • 21:48 - 21:51
    ในจิตใจของเรา
  • 21:51 - 21:55
    ธรรมะของพระพุทธเจ้าละเอียดลึกซึ้ง
  • 21:55 - 21:58
    พิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติ
  • 21:58 - 21:59
    ถึงไปท่องตำรา
  • 21:59 - 22:05
    เรียนนักธรรมเอก
    เรียนเปรียญเท่านั้นเท่านี้
  • 22:05 - 22:09
    แต่ถ้าไม่เคยเห็นสภาวะ สู้กิเลสไม่ได้หรอก
  • 22:09 - 22:14
    เห็นคนแพ้กิเลส สงสาร อย่าไปด่าเขา
  • 22:14 - 22:17
    ทุกวันนี้สังคมเราเลวร้าย
  • 22:17 - 22:21
    พอเห็นคนไหนพลาด ด่าเอาๆ
  • 22:21 - 22:25
    มันไปกระตุ้นให้คนอื่นอยากด่าตาม
  • 22:25 - 22:29
    อันนี้เป็นมุสาวาทชนิดหนึ่ง
  • 22:29 - 22:31
    เป็นการพูดส่อเสียด
  • 22:31 - 22:33
    ทำให้เขาเกลียดชังกันมากขึ้น
  • 22:33 - 22:37
    ทำกิเลสของคนอื่นที่ยังไม่เกิดให้เกิด
  • 22:37 - 22:41
    ทำกิเลสของคนอื่นที่มีอยู่แล้วให้รุนแรงขึ้น
  • 22:41 - 22:44
    ทำกุศลที่เขามีอยู่ให้เสื่อมไป
  • 22:44 - 22:48
    แล้วก็ปิดกั้นกุศลใหม่ของเขาไม่ให้เกิดขึ้น
  • 22:48 - 22:53
    ขณะนั้นใจเขาดิ้นเร่าๆๆๆ ไปด้วย
  • 22:53 - 23:00
    ฉะนั้นเรา หน้าที่เราก็
    ดูแลรักษาจิตใจของเราให้ดี
  • 23:00 - 23:02
    ถ้าเราดูแลรักษาจิตใจของเราได้ดี
  • 23:02 - 23:06
    เราก็จะรู้ โอ้ ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนนี้
  • 23:06 - 23:09
    เป็นระเบียบ เป็นระบบ งดงามมาก
  • 23:09 - 23:13
    มีเหตุมีผล มีเหตุอย่างนี้ มีผลอย่างนี้
  • 23:13 - 23:18
    ผลอย่างนี้กลายเป็นเหตุ
    ให้เกิดผลอีกอย่างหนึ่ง
  • 23:18 - 23:19
    เป็นเหตุกับผล
  • 23:19 - 23:22
    เหตุกับผลนี้คาบเกี่ยวซับซ้อนไปเรื่อยๆ
  • 23:22 - 23:26
    สังสารวัฏถึงฝ่าออกไปยาก
  • 23:26 - 23:29
    มันละเอียด มันลึกซึ้งมาก
  • 23:29 - 23:33
    ฉะนั้นหัดสังเกตใจตัวเองบ่อยๆ
  • 23:33 - 23:35
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กระทบอารมณ์
  • 23:35 - 23:38
    จิตใจเรามีความสุขให้รู้
  • 23:38 - 23:40
    จิตใจเรามีความทุกข์ให้รู้
  • 23:40 - 23:42
    จิตใจไม่สุขไม่ทุกข์ให้รู้
  • 23:42 - 23:47
    หัดอย่างนี้ไป พอไหวไหมแค่นี้
  • 23:47 - 23:53
    หลวงปู่ดูลย์บอกไม่ยาก
    ยากเฉพาะผู้ไม่ปฏิบัติ
  • 23:53 - 23:56
    เราเห็นดอกไม้สวย
  • 23:56 - 24:00
    คนที่เขาไม่ปฏิบัติ เขาก็ไปเพลินดูดอกไม้
  • 24:00 - 24:02
    จิตเกิดราคะแล้วไม่เห็น
  • 24:02 - 24:07
    เกิดสุขเวทนา แล้วก็เกิดราคะ มองไม่เห็น
  • 24:07 - 24:10
    ของเราผู้ปฏิบัติเห็นดอกไม้สวย
  • 24:10 - 24:13
    เราก็เห็นเหมือนที่คนอื่นเห็นนั่นล่ะ
  • 24:13 - 24:18
    แต่พอเห็นแล้วจิตใจเรามีความสุข
  • 24:18 - 24:21
    เรารู้ว่าจิตใจเรามีความสุข
  • 24:21 - 24:24
    จิตใจเราชอบ มีราคะเกิดขึ้น
  • 24:24 - 24:28
    เรารู้ว่าจิตใจเรามีราคะเกิดขึ้น
  • 24:28 - 24:31
    แค่นี้ล่ะ มันจะยากอะไรนักหนา
  • 24:31 - 24:33
    มันยากเพราะไม่ยอมดู
  • 24:33 - 24:37
    มัวแต่ดูของข้างนอก
    ดูรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
  • 24:37 - 24:41
    หรือคิดนึกไปสะเปะสะปะไปเรื่อยๆ
  • 24:41 - 24:47
    แทนที่จะย้อนมาดูปฏิกิริยาในจิตในใจของเรา
  • 24:47 - 24:50
    ฉะนั้นต่อไปนี้ มีผัสสะ ไม่ห้าม
  • 24:50 - 24:55
    แต่ว่าบางทีก็ต้องสำรวมสำหรับมือใหม่
  • 24:55 - 24:59
    มือใหม่หัดปฏิบัติต้องสำรวม
  • 24:59 - 25:03
    อะไรที่ดูแล้วเกิดกิเลส ก็อย่าไปดูมัน
  • 25:03 - 25:08
    อะไรที่ดูแล้วเกิดกุศลก็ดูมันบ่อยๆ
  • 25:08 - 25:12
    อะไรที่ได้ยินแล้วเกิดกิเลส ก็อย่าไปฟังมัน
  • 25:12 - 25:16
    อย่างคนเขาด่ากัน อย่าไปฟัง เสียเวลา
  • 25:16 - 25:20
    อะไรที่ได้ยินแล้วเกิดกุศลก็ฟังไป
  • 25:20 - 25:24
    ค่อยๆ เลือก ค่อยๆ ดูไป สังเกตไป
  • 25:24 - 25:27
    เรื่องอะไรที่คิดแล้วกิเลสเกิด
    ก็อย่าไปคิดมัน
  • 25:27 - 25:30
    เปลี่ยนมาคิดเรื่องที่เป็นกุศลแทน
  • 25:30 - 25:34
    ฝึกตัวเอง ฝึกไปเรื่อยๆ
  • 25:34 - 25:37
    สุดท้ายเราจะแตกต่างกับคนทั่วไป
  • 25:37 - 25:40
    คนทั่วไปมันก็ติดอยู่กับโลกเท่านั้น
  • 25:40 - 25:43
    ติดอยู่ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส
  • 25:43 - 25:47
    ในเรื่องราวที่มันติดอกติดใจไป
  • 25:47 - 25:51
    ในขณะที่ใจเราเป็นอิสระมากขึ้นๆ
  • 25:51 - 25:53
    ยิ่งใจเราเป็นอิสระเมื่อไร
  • 25:53 - 25:57
    ใจมันจะโปร่ง โล่ง เบา มีความสุข
  • 25:57 - 25:59
    มีความสุขที่ไม่มีอะไรเหมือน
  • 25:59 - 26:01
    คนในโลกอยากได้ความสุข
  • 26:01 - 26:08
    ก็เลยวิ่งหารูป เสียง กลิ่น รส
    โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์ที่พอใจ
  • 26:08 - 26:10
    วิ่งหาแทบเป็นแทบตาย
  • 26:10 - 26:14
    ทั้งๆ ที่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
  • 26:14 - 26:18
    ที่เราจะหามาได้ จะดีหรือจะไม่ดี
  • 26:18 - 26:22
    อยู่ที่กรรมของเรา
    วิบากเก่าของเราให้ผลมา
  • 26:22 - 26:29
    ไม่ใช่เลือกได้ ไม่ใช่เลือกได้
  • 26:29 - 26:33
    แต่ต้องสำรวม พยายามสำรวมไว้
  • 26:33 - 26:38
    อะไรที่ยุ่งด้วยแล้วยั่วกิเลส เลี่ยงๆ เสีย
  • 26:38 - 26:43
    อะไรที่เข้าไปสัมผัสแล้วกุศลเจริญ
    กิเลสเสื่อมไป เอาอันนั้น
  • 26:43 - 26:45
    สัมผัสบ่อยๆ
  • 26:45 - 26:51
    แค่คุยกับเพื่อน คุยกันแล้วก็เมาท์ มอย มัน
  • 26:51 - 26:58
    มีทั้งเมาท์ เมาท์มอย
    มัน แล้วก็มั่ว แล้วก็มึน
  • 26:58 - 27:00
    สุดท้ายลงไปที่มึน
  • 27:00 - 27:05
    มึนคือหัวหมุนไปเลย บ้าๆ บอๆ ไร้สาระ
  • 27:05 - 27:10
    อย่างนี้ ถ้าใครมาชวนเราคุยเรื่องไร้สาระ
  • 27:10 - 27:12
    เลี่ยงได้ให้เลี่ยงเลย
  • 27:12 - 27:17
    ใครมาชวนเราคุยเรื่อง
    ที่กุศลเราจะเจริญ เราก็ฟัง
  • 27:17 - 27:20
    คุยกับเขาอย่างนั้น
  • 27:20 - 27:26
    พวกพระที่อยู่กับหลวงพ่อมานานๆ
    หรือโยมที่อยู่กับหลวงพ่อมานานๆ
  • 27:26 - 27:29
    จะรู้อย่างหนึ่ง
  • 27:29 - 27:32
    หลวงพ่อไม่คุยเรื่องอื่น
  • 27:32 - 27:35
    จะมาชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้
  • 27:35 - 27:41
    มาเล่าอะไรให้หลวงพ่อฟัง ไม่เอา เสียเวลา
  • 27:41 - 27:45
    หลวงพ่อพูดแต่เรื่องธรรมะ
    ฉะนั้นเรื่องอื่นไม่พูดเลย
  • 27:45 - 27:48
    มันเป็นนิสัยเลย ฝึกตัวเองมาอย่างนั้น
  • 27:48 - 27:53
    เรื่องอกุศลไปยุ่งกับมันทำไม
  • 27:53 - 27:57
    อย่างพระอาจารย์อ๊า รู้เลย
  • 27:57 - 28:01
    เวลาสาธุชน อันนี้สุภาพ
  • 28:01 - 28:05
    เวลาสาธุชนมาขอพบ
    มาชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้
  • 28:05 - 28:09
    หลวงพ่อก็จะฟังแกนๆ ไปอย่างนั้น เฉยๆ
  • 28:09 - 28:14
    เสียเวลา ไม่ฟังก็ไม่ได้ เสียมารยาท
  • 28:14 - 28:16
    เลยต้องยอมเสียเวลา
  • 28:16 - 28:20
    ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาอารมณ์เสีย
  • 28:20 - 28:22
    เขาอารมณ์เสีย ไม่ดีกับเขาเอง
  • 28:22 - 28:25
    จิตเขาเป็นอกุศล
  • 28:25 - 28:33
    เราก็ฟังไป เลี่ยงได้เราก็เลี่ยง เสียเวลา
  • 28:33 - 28:37
    หลวงพ่อเลยมีข้อจำกัดอย่างหนึ่ง
  • 28:37 - 28:41
    หลวงพ่อไม่เก่งเรื่องปฏิสันถาร
  • 28:41 - 28:46
    ทักทายพูดคุย ซักโน่นซักนี่อะไร ไม่มี
  • 28:46 - 28:50
    บางทีพวกเรามาเล่า
    เรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง ฟัง
  • 28:50 - 28:53
    ฟังเสร็จแล้วลืม
  • 28:53 - 28:56
    มีคนมาถามหลวงพ่อว่า
    เขามาเล่าเรื่องนี้แล้วเป็นอย่างไร
  • 28:56 - 29:00
    ไม่รู้ รู้แต่แค่ที่เขาเล่า แล้วก็จบแค่นั้น
  • 29:00 - 29:04
    ไม่คิดต่อ ไม่ถามต่อ
  • 29:04 - 29:07
    สู้กับกิเลสของเราคนเดียวก็แย่แล้ว
  • 29:07 - 29:10
    ยังไปยุ่งกับกิเลสคนอื่นอีก มันเรื่องอะไร
  • 29:10 - 29:14
    ฝึกนิสัยอย่างนี้ไว้ใช้ แล้วดี
  • 29:14 - 29:16
    จิตใจเราจะไม่สกปรก
  • 29:16 - 29:20
    ถ้าเราทำใจเหมือนถังขยะสาธารณะ
  • 29:20 - 29:22
    มันก็แย่
  • 29:22 - 29:25
    เดี๋ยวคนเขาเอาหนูตายมาทิ้ง
  • 29:25 - 29:28
    เดี๋ยวเอาเศษอาหารบูดๆ มาทิ้ง
  • 29:28 - 29:30
    เดี๋ยวเอาแมวตายมาทิ้ง
  • 29:30 - 29:33
    บางทีหมาตายตัวใหญ่ๆ พาดเอาไว้
  • 29:33 - 29:37
    ใส่ถังไม่ได้ เอาวางไว้ข้างๆ ถัง
  • 29:37 - 29:41
    เรื่องอะไรทำใจของเราให้เป็นถังขยะสาธารณะ
  • 29:41 - 29:45
    แค่ขยะในบ้านเราคนเดียวก็แย่อยู่แล้ว
  • 29:45 - 29:48
    จะไปหาขยะนอกมาเพิ่มทำไม
  • 29:48 - 29:53
    อย่างเรื่องวัดไร่ขิงอะไรนี้ ขยะข้างนอก
  • 29:53 - 29:58
    อย่าให้ใจเราเศร้าหมองไป
  • 29:58 - 30:02
    หลวงพ่อวัดไร่ขิง ท่านดี
  • 30:02 - 30:05
    บอกเลยว่าจริงๆ ท่านดีมาก
  • 30:05 - 30:08
    คนไหว้ท่านมาหลายร้อยปีแล้ว
  • 30:08 - 30:14
    ไปพูดอะไรให้ท่านฟัง
    ท่านก็อุเบกขา นิ่ง เงียบ ไม่พูดอะไร
  • 30:14 - 30:17
    ใครเคยไปหาท่านไหม
  • 30:17 - 30:22
    หลวงพ่อเคยเข้าไปกราบ 2 - 3 ครั้ง ท่านดี
  • 30:22 - 30:25
    คนไปวุ่นวายทั้งวัดเลย
    เข้าไปหาท่านเยอะแยะเลย
  • 30:25 - 30:30
    ท่านเฉย อุเบกขา
    หน้าท่านก็ยิ้มอยู่อย่างนั้น
  • 30:30 - 30:34
    ดีๆ ไม่เสื่อม
  • 30:34 - 30:38
    ใครไปทำอะไรไม่ดีๆ ใกล้ท่านนี้เสื่อม
  • 30:38 - 30:42
    เทวดาไม่ชอบ
  • 30:42 - 30:45
    ฉะนั้นจะไปไหว้พระได้ไหม ได้
  • 30:45 - 30:47
    เรื่องของคน
  • 30:47 - 30:52
    ไม่เกี่ยวกับหลวงพ่อวัดไร่ขิง
  • 30:52 - 30:57
    หลวงพ่อโสธรอย่างนี้ พระชินราชอย่างนี้
  • 30:57 - 31:02
    ไปไหว้แล้วมีความสุข แต่ละองค์
  • 31:02 - 31:05
    ก็รู้จักเลือกก็แล้วกัน
  • 31:05 - 31:10
    จะเอาขยะเข้าบ้าน
    หรือจะเอาดอกไม้หอมๆ เข้าบ้าน
  • 31:17 - 31:22
    อากาศชื้นๆ เสียงจะไม่ค่อยดีเท่าไร
  • 31:38 - 31:41
    พอไหวไหม
  • 31:41 - 31:44
    ให้การบ้านง่ายๆ
  • 31:44 - 31:47
    ต่อไปนี้เมื่อตา หู จมูก
    ลิ้น กาย ใจกระทบอารมณ์
  • 31:47 - 31:49
    ใจกระทบอารมณ์ เช่น ใจเราคิด
  • 31:49 - 31:56
    คิดเรื่องนี้เกิดสุข เกิดทุกข์ ให้รู้ทัน
  • 31:56 - 32:02
    หรือถ้าเกิดกุศล อกุศล
    รู้ทันด้วยยิ่งดีใหญ่เลย
  • 32:02 - 32:04
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย
  • 32:04 - 32:10
    อันนี้เป็นส่วนของรูปธรรม
    ใจเป็นส่วนของนามธรรม
  • 32:10 - 32:12
    พอกระทบอารมณ์แล้ว
  • 32:12 - 32:14
    เกิดความรู้สึกสุขทุกข์
  • 32:14 - 32:18
    ไม่สุขไม่ทุกข์ขึ้นในใจ อันนี้เป็นนามธรรม
  • 32:18 - 32:22
    ตรงตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นรูปธรรม
  • 32:22 - 32:29
    การที่เรามีสติรู้รูปธรรมอยู่
    เห็นมันไม่ใช่ตัวเราของเรา
  • 32:29 - 32:34
    นั่นเรากำลังเดินเจริญสติเจริญปัญญา
  • 32:34 - 32:38
    ในหมวดกายานุปัสสนา
  • 32:38 - 32:41
    การที่เราเห็นความรู้สึกสุขทุกข์
  • 32:41 - 32:44
    ไม่สุขไม่ทุกข์เกิดขึ้นในใจเรา
  • 32:44 - 32:50
    เราเจริญเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานอยู่
  • 32:50 - 32:53
    เราจะได้ทั้งสติ ได้ทั้งปัญญา
  • 32:53 - 32:56
    การที่เราเห็นกุศลอกุศลเกิดขึ้นในใจเรา
  • 32:56 - 32:59
    มันแทรกตามเวทนามา
  • 32:59 - 33:02
    เห็นกุศลอกุศลที่เกิด
  • 33:02 - 33:08
    ตรงนั้นเราเจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานอยู่
  • 33:08 - 33:10
    แล้วตรงที่เราเห็นว่า
  • 33:10 - 33:13
    ทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
  • 33:13 - 33:18
    ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งเฉยๆ
    ทั้งกุศล ทั้งอกุศล
  • 33:18 - 33:20
    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
  • 33:20 - 33:25
    เราเขยิบขึ้นมา
    เห็นกระบวนการทำงานของมัน
  • 33:25 - 33:30
    นี่เรามาเรียนถึงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
  • 33:30 - 33:33
    ตรงที่ตาเราสัมผัสอารมณ์ มีผัสสะ
  • 33:33 - 33:37
    หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น
    ลิ้นกระทบรส กายกระทบสัมผัส
  • 33:37 - 33:41
    ใจกระทบความคิดนึกปรุงแต่ง
  • 33:41 - 33:44
    แล้วเกิดสุขเวทนา ทุกขเวทนา
  • 33:44 - 33:48
    อุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น เรามีสติรู้
  • 33:48 - 33:52
    เรากำลังเจริญอยู่ในขั้นธัมมานุปัสสนา
  • 33:52 - 33:57
    เรากำลังเรียนปฏิจจสมุปบาทอยู่
  • 33:57 - 34:00
    แล้วเห็นกิเลสที่แทรกตามเวทนา
  • 34:00 - 34:05
    เห็นตัณหาคือความอยาก
    ที่เป็นไปตามอำนาจของกิเลส
  • 34:05 - 34:10
    เห็นความปรุงแต่งดิ้นรนของจิต นั่นคือภพ
  • 34:10 - 34:12
    ถ้าละเอียดก็จะเห็นชาติ
  • 34:12 - 34:16
    คือการที่จิตหยิบฉวย
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจขึ้นมา
  • 34:16 - 34:20
    ถ้าไม่เห็นชาติ ไม่เป็นไร
    เห็นเท่าที่เห็นได้
  • 34:20 - 34:21
    เราก็จะเห็น
  • 34:21 - 34:24
    พอมีความอยากเกิดขึ้น ใจเราก็ดิ้นรน
  • 34:24 - 34:26
    ใจดิ้นรนทีไร ใจไม่มีความสุข
  • 34:26 - 34:28
    ความทุกข์ก็เกิด
  • 34:28 - 34:35
    เรากำลังเดินอยู่ในธัมมานุปัสสนา
  • 34:35 - 34:37
    ค่อยๆ ฝึก
  • 34:37 - 34:40
    แล้วจิตมันจะอัปเกรดขึ้นไปเรื่อยๆ
  • 34:40 - 34:44
    เริ่มต้น บางคนเริ่มจากกาย กายานุปัสสนา
  • 34:44 - 34:46
    บางคนเริ่มที่เวทนาก็ได้
  • 34:46 - 34:49
    บางคนเริ่มที่จิตตานุปัสสนาก็ได้
  • 34:49 - 34:53
    แต่สุดท้ายทุกคนจะไปลงที่ธัมมานุปัสสนา
  • 34:53 - 34:59
    จะไปรู้ว่ากุศลเกิดเพราะอะไร
    อกุศลอย่างนิวรณ์นี้เกิดเพราะอะไร
  • 34:59 - 35:02
    กุศลอย่างโพชฌงค์ 7 เกิดเพราะอะไร
  • 35:02 - 35:06
    ทำอย่างไรเกิด ทำอะไรไม่เกิด จะรู้
  • 35:06 - 35:09
    ค่อยๆ เรียน ค่อยๆ สะสมไป
  • 35:09 - 35:13
    จะรู้ขันธ์ 5 ไม่ใช่รู้แต่รูป
  • 35:13 - 35:16
    ไม่รู้เฉพาะเวทนา สัญญา สังขารแต่ละอย่าง
  • 35:16 - 35:18
    แต่จะรู้ขันธ์ 5
  • 35:18 - 35:23
    จะรู้อายตนะ 6 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22
  • 35:23 - 35:27
    มันรู้ประณีตๆ เลย รู้ละเอียดขึ้นไปด้วย
  • 35:27 - 35:35
    สุดท้ายจะรู้อริยสัจ รู้ปฏิจจสมุปบาท
  • 35:35 - 35:38
    ไม่ต้องตกใจ
  • 35:38 - 35:42
    ตอนนี้แค่ว่ามีความสุขก็รู้
    มีความทุกข์ก็รู้
  • 35:42 - 35:45
    เฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ก็รู้
  • 35:45 - 35:49
    ทำตัวนี้ให้ชำนิชำนาญ
  • 35:49 - 35:52
    สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ เฉยๆ ก็รู้
  • 35:52 - 35:56
    เราจะรู้ได้ถ้าใจเราไม่ฟุ้งซ่าน
  • 35:56 - 36:00
    เราอ่านใจเราออก เราถึงจะรู้
  • 36:00 - 36:02
    ฉะนั้นเราต้องฝึก
  • 36:02 - 36:06
    ทุกวันทำในรูปแบบ
  • 36:06 - 36:10
    ทำกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งที่เราถนัด
  • 36:10 - 36:13
    แล้วคอยรู้เท่าทันจิตใจตนเองไว้
  • 36:13 - 36:15
    ทำไปเรื่อยๆ
  • 36:15 - 36:18
    ต่อไปใจเราสุขหรือทุกข์ เราก็ดูออก
  • 36:18 - 36:21
    ใจเรามีกิเลสอะไร เราก็ดูออก
  • 36:21 - 36:26
    ใจเราไหลไปทางตา หู จมูก
    ลิ้น กาย ใจ เราก็ดูออก
  • 36:26 - 36:29
    พอดูออก ใจเราจะตั้งมั่นขึ้นมา
  • 36:29 - 36:31
    แล้วปัญญามันจะเกิด
  • 36:31 - 36:37
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิด ล้วนแต่ดับทั้งสิ้น
  • 36:37 - 36:41
    ต้องฝึกให้จิตตั้งมั่น
  • 36:41 - 36:42
    จิตตั้งมั่นแล้ว
  • 36:42 - 36:46
    เราก็จะอ่านจิตใจตัวเองสบายๆ
  • 36:46 - 36:48
    ถ้าจิตมันยังไม่ตั้งมั่น
  • 36:48 - 36:51
    ดูได้แวบเดียวก็หนีไปแล้ว หลงไปแล้ว
  • 36:51 - 36:56
    วิธีฝึกให้จิตตั้งมั่น
    ทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง
  • 36:56 - 36:59
    แล้วคอยรู้ทันจิตตนเอง
  • 36:59 - 37:03
    คือการฝึกอ่านจิตตัวเองนั่นเอง
  • 37:03 - 37:07
    อย่างเราหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
  • 37:07 - 37:09
    จิตเราฟุ้งซ่านให้รู้ว่าฟุ้งซ่าน
  • 37:09 - 37:13
    นี่เรากำลังหัดเรียนสภาวะฟุ้งซ่านแล้ว
  • 37:13 - 37:16
    หายใจไปจิตเราสงบ รู้ว่าสงบ
  • 37:16 - 37:20
    นี่เรากำลังเรียนเรื่องสภาวะสงบแล้ว
  • 37:20 - 37:22
    หายใจไปๆ หงุดหงิด
  • 37:22 - 37:24
    ไม่สงบเสียที หงุดหงิด
  • 37:24 - 37:26
    มีโทสะ รำคาญใจ
  • 37:26 - 37:31
    เรากำลังเรียนรู้ถึงโทสะ ถึงความรำคาญใจ
  • 37:31 - 37:35
    มันคือการหัดเรียนรู้สภาวะ
  • 37:35 - 37:36
    ฉะนั้นทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง
  • 37:36 - 37:40
    แล้วคอยอ่านใจตัวเองเรื่อยๆ
  • 37:40 - 37:44
    หรือทำกรรมฐานไป ใจหนีไปคิด
  • 37:44 - 37:48
    รู้ว่าใจหนีไปคิด
    นี่เราเรียนรู้คำว่าฟุ้งซ่านแล้ว
  • 37:48 - 37:51
    อุทธัจจะ จิตไหล หลงไปแล้ว
  • 37:51 - 37:56
    เราทำกรรมฐานไปแล้วหงอย ซึมกระทือ
  • 37:56 - 38:01
    นี่เราเรียนรู้เรื่องถีนมิทธะ ความเซื่องซึม
  • 38:01 - 38:03
    เพราะฉะนั้นไปทำกรรมฐาน
  • 38:03 - 38:07
    แล้วเราจะรู้จักสภาวะต่างๆ
  • 38:07 - 38:09
    แล้วพอเรารู้สภาวะ
  • 38:09 - 38:14
    พอสภาวะอันไหนเกิด สติจะเกิดเอง
  • 38:14 - 38:16
    สติจะเกิดได้เองเลย
  • 38:16 - 38:19
    เพราะจิตเราจำสภาวะอันนั้นได้แล้ว
  • 38:19 - 38:21
    สติจะเกิดเอง
  • 38:21 - 38:24
    ฉะนั้นเบื้องต้นทำกรรมฐานไป
  • 38:24 - 38:26
    ไม่ต้องห่วงจะสงบหรือไม่สงบ
  • 38:26 - 38:29
    จะสุขหรือไม่สุข
  • 38:29 - 38:33
    หรือว่าจะดีหรือไม่ดี ไม่ต้องห่วง
  • 38:33 - 38:38
    สงบรู้ว่าสงบ เรียนรู้สภาวะสงบ
  • 38:38 - 38:40
    ทำกรรมฐานแล้วไม่สงบ รู้ว่าไม่สงบ
  • 38:40 - 38:44
    นี่เราเรียนสภาวะไม่สงบแล้ว
  • 38:44 - 38:48
    เรียนไป ทำกรรมฐานไปแล้วมีความสุข
  • 38:48 - 38:50
    เรารู้ว่ามีความสุข
  • 38:50 - 38:54
    เรากำลังเรียนสภาวะของความสุข
  • 38:54 - 38:56
    ทำกรรมฐานไปแล้วมีความทุกข์
  • 38:56 - 38:59
    อึดอัด เบื่อหน่าย
  • 38:59 - 39:02
    ใจมีโทสะแล้ว เบื่อหน่าย
  • 39:02 - 39:08
    ขี้เกียจ สภาวะแต่ละอย่าง ทำไปแล้วขี้เกียจ
  • 39:08 - 39:12
    รู้ลงไป ใจมันขี้เกียจก็รู้ว่าขี้เกียจ
  • 39:12 - 39:14
    เพราะฉะนั้นทำกรรมฐาน
  • 39:14 - 39:18
    แล้วคอยอ่านความรู้สึกของตัวเองเรื่อยๆ ไป
  • 39:18 - 39:20
    อ่านจิตอ่านใจตัวเองเรื่อยๆ ไป
  • 39:20 - 39:24
    เราจะรู้จักสภาวะมากขึ้นๆ
  • 39:24 - 39:28
    และรู้จักสภาวะได้แม่นมากขึ้นเรื่อยๆ
  • 39:28 - 39:31
    ต่อไปจิตมันจำสภาวะได้แม่น
  • 39:31 - 39:35
    ทันทีที่สภาวะอันนั้นเกิด สติจะเกิดเอง
  • 39:35 - 39:38
    ไม่มีใครสั่งสติให้เกิดได้
  • 39:38 - 39:41
    สติเป็นอนัตตา สั่งให้เกิดไม่ได้
  • 39:41 - 39:46
    เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ทำกรรมฐาน
  • 39:46 - 39:50
    แล้วก็คอยรู้เท่าทันจิตใจของตัวเอง
  • 39:50 - 39:53
    สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ ดีก็รู้ ชั่วก็รู้
  • 39:53 - 39:57
    หลงไปก็รู้ รู้ไปเรื่อยๆ
  • 39:57 - 40:00
    พอจิตจำสภาวะได้แม่น
    พอสภาวะอันนั้นเกิด
  • 40:00 - 40:03
    สติเกิดอัตโนมัติ
  • 40:03 - 40:05
    ถ้ายังต้องเคี่ยวเข็ญให้สติเกิด
  • 40:05 - 40:08
    ยังห่างไกลมากเลย ยังใช้ไม่ได้
  • 40:08 - 40:13
    ยังอ่อนเกินไป ต้องสติอัตโนมัติเกิด
  • 40:13 - 40:16
    แล้วทันทีที่สติอัตโนมัติเกิด
  • 40:16 - 40:19
    สัมมาสมาธิอัตโนมัติก็จะเกิดควบคู่กันมา
  • 40:19 - 40:23
    เกิดร่วมกับสติอัตโนมัติเลย
  • 40:23 - 40:26
    มาเองเลยสมาธิตัวนี้
  • 40:26 - 40:28
    สมาธิตัวนี้สำคัญมาก
  • 40:28 - 40:32
    มันไม่ใช่นั่งสมาธิ
    แล้วก็หลับเคลิ้มเห็นโน่นเห็นนี่
  • 40:32 - 40:35
    อันนั้นมิจฉาสมาธิ
  • 40:35 - 40:39
    สัมมาสมาธิจะต้องประกอบด้วยสติเสมอ
  • 40:39 - 40:42
    ฉะนั้นต้องฝึก อยู่ๆ สติไม่เกิดหรอก
  • 40:42 - 40:45
    สติเกิดจากเราเห็นสภาวะบ่อยๆ
  • 40:45 - 40:48
    ฉะนั้นทำกรรมฐาน ทุกวันต้องทำ
  • 40:48 - 40:51
    จะนั่งสมาธิ หรือจะเดินจงกรมก็ได้
  • 40:51 - 40:54
    ทำไป
  • 40:54 - 40:57
    แล้วจิตใจเราสุข ทุกข์ ดีชั่วอะไร
    ก็คอยรู้ไป
  • 40:57 - 41:01
    หลงไปก็รู้ ถลำลงไปเพ่งจ้องก็รู้
  • 41:01 - 41:04
    หัดรู้อย่างที่มันเป็น ไม่ต้องไปแทรกแซง
  • 41:04 - 41:05
    ไม่ต้องไปแก้ไข
  • 41:05 - 41:09
    ต่อไปสัมมาสติก็เกิด สัมมาสมาธิก็เกิด
  • 41:09 - 41:11
    แล้วต่อไปจะเห็นไตรลักษณ์
  • 41:11 - 41:13
    ตรงที่สัมมาสมาธิเกิด
  • 41:13 - 41:18
    ทันทีที่สัมมาสมาธิเกิด ขันธ์มันจะแยกตัวเลย
  • 41:18 - 41:21
    กายกับจิตคนละอันกัน
  • 41:21 - 41:25
    เวทนากับร่างกายกับจิต คนละอันกัน
  • 41:25 - 41:29
    สังขารกับร่างกาย กับเวทนา กับจิต
    เป็นคนละอันกัน
  • 41:29 - 41:34
    จิตกับรูป เวทนา สัญญา
    สังขาร กับจิต คนละอันกัน
  • 41:34 - 41:37
    ก็ค่อยแยกๆๆๆ ออกไป
  • 41:37 - 41:41
    แล้วแต่ละอันล้วนแต่แสดงไตรลักษณ์ทั้งสิ้น
  • 41:41 - 41:45
    มีแต่ของไม่เที่ยง
    มีแต่ของที่ถูกบีบคั้นให้แตกสลาย
  • 41:45 - 41:46
    มีแต่ของที่ไม่ใช่ตัวเรา
  • 41:46 - 41:50
    ปัญญาเกิด ไม่ใช่คิดเอา ต้องเห็นเอา
  • 41:50 - 41:55
    วิปัสสนาปัญญาเกิดจากการเห็นถูก
  • 41:55 - 41:59
    ฉะนั้นตัวสัมมาทิฏฐิก็คือความรู้ถูก
    ความเข้าใจถูก
  • 41:59 - 42:04
    รู้ถูก เห็นถูก
  • 42:04 - 42:08
    พอได้หลักที่จะเอาไปทำต่อไหม
  • 42:08 - 42:10
    ไปฝึกให้เกิดสติ
  • 42:10 - 42:15
    โดยการทำกรรมฐาน ทำในรูปแบบ ต้องทำ
  • 42:15 - 42:20
    สมัยแรกๆ หลวงพ่อก็บอกลูกศิษย์รุ่นแรก
  • 42:20 - 42:26
    ต้องปฏิบัติในรูปแบบให้ได้
    อย่างน้อยวันละ 15 นาที
  • 42:26 - 42:28
    ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว
  • 42:28 - 42:30
    ผ่านมา 20 ปี ตอนนี้บอก
  • 42:30 - 42:33
    ไปทำให้ได้ 3 ชั่วโมง
  • 42:33 - 42:36
    ถ้าเริ่มต้นบอกทำ 3 ชั่วโมง
    พวกเราวิ่งหนีหมดเลย
  • 42:36 - 42:40
    หัดใหม่ๆ ไม่ต้อง 3 ชั่วโมง เอาเท่าที่ได้
  • 42:40 - 42:42
    แต่อย่าขี้เกียจ ทำทุกวันๆ
  • 42:42 - 42:47
    แล้วต่อไปนั่งสมาธิก็ได้นาน เดินก็ได้นาน
  • 42:47 - 42:51
    สติต่อเนื่อง นานไม่ได้นับที่ชั่วโมงหรอก
  • 42:51 - 42:55
    นับที่สติมันต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ
  • 42:55 - 42:57
    ฝึกนะ อดทนเข้า
  • 42:57 - 43:00
    อยากได้ของดีก็ต้องอดทนเอา
  • 43:00 - 43:02
    ไปทำกรรมฐานสักอย่างหนึ่ง
  • 43:02 - 43:05
    แล้วคอยรู้ทันจิตใจตัวเองไป
  • 43:05 - 43:07
    จิตใจสุข จิตใจทุกข์
  • 43:07 - 43:09
    จิตใจเป็นกุศล
  • 43:09 - 43:12
    จิตใจโลภ โกรธ หลง
  • 43:12 - 43:16
    จิตใจฟุ้งซ่าน จิตใจหดหู่
  • 43:16 - 43:18
    คอยรู้เรื่อยๆ
  • 43:18 - 43:21
    แล้วต่อไปสติเกิด สมาธิเกิด
  • 43:21 - 43:24
    แล้วต่อไปปัญญามันจะเกิด
  • 43:24 - 43:27
    วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้
  • 44:24 - 44:28
    เบอร์ 1: ทำในรูปแบบ
  • 44:28 - 44:31
    โดยนั่งเจริญสติแบบลืมตา
  • 44:31 - 44:35
    เห็นร่างกายหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
  • 44:35 - 44:37
    หลงแล้วรู้
  • 44:37 - 44:41
    ในชีวิตประจำวัน ดูกายเคลื่อนไหวแล้วรู้
  • 44:41 - 44:45
    ยังหลงบ่อย จึงใช้บริกรรมพุทโธกำกับ
  • 44:45 - 44:48
    เห็นสภาวะทุกอย่างเกิดแล้วดับ
  • 44:48 - 44:50
    ใจยังไม่เป็นกลาง
  • 44:50 - 44:51
    ขอคำแนะนำค่ะ
  • 44:51 - 44:56
    ไปทำต่อไป ทำถูกแล้ว
  • 44:56 - 44:59
    แต่ตอนนี้จิตไม่ถึงฐาน
  • 44:59 - 45:02
    จิตยังอยู่ข้างนอกนิด ดูออกไหม
  • 45:02 - 45:09
    จิตมันอยู่ข้างนอก มันไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง
  • 45:09 - 45:11
    ไม่ต้องไปดึงมัน
  • 45:11 - 45:12
    แค่รู้ว่าตอนนี้มันอยู่ข้างนอก
  • 45:12 - 45:17
    ถ้าเราเห็นจริงๆ ว่ามันอยู่ข้างนอก
    เดี๋ยวมันเข้ามาเอง
  • 45:17 - 45:21
    เบอร์2
  • 45:21 - 45:26
    เบอร์2 ในรูปแบบนั่งสมาธิและเดินจงกรม
  • 45:26 - 45:28
    ตั้งใจรักษาศีล 5
  • 45:28 - 45:34
    ระหว่างวันใช้หายใจเข้าพุท
    หายใจออกโธเป็นเครื่องอยู่
  • 45:34 - 45:37
    เคยเห็นจิตพุ่งออกไปจับอารมณ์
  • 45:37 - 45:39
    เห็นกิเลสตัวเองได้บ่อยขึ้น
  • 45:39 - 45:42
    จิตไม่เป็นกลางต่อสภาวะ
  • 45:42 - 45:46
    ควรปฏิบัติอย่างไรต่อ
    เพื่อการเจริญปัญญาที่ถูกต้องครับ
  • 45:46 - 45:50
    ถ้าเห็นจิตพุ่งออกไปได้ ดี
  • 45:50 - 45:53
    แต่ไม่ต้องดึงคืน
  • 45:53 - 45:58
    แล้วถ้าจิตมันเข้ามาแล้ว ก็อย่ารักษามัน
  • 45:58 - 46:03
    จิตตรงนี้เซื่องซึม รู้สึกไหม
  • 46:03 - 46:05
    ไปน้อมจิตให้ซึมไว้ ไม่ดี
  • 46:05 - 46:11
    เราคิดว่าซึมๆ นี้คือสงบ
    คือสมาธิตั้งมั่น ไม่ใช่
  • 46:11 - 46:12
    อย่าน้อมให้มันซึม
  • 46:12 - 46:15
    จิตไหลแล้วรู้ ไหลแล้วรู้
  • 46:15 - 46:19
    ไม่ต้องมารักษาให้มันนิ่งๆ ซึมๆ อยู่
  • 46:19 - 46:22
    ตัวนี้มีโมหะแทรก
  • 46:28 - 46:33
    จิตไหลไปเห็นไหมตรงนี้
  • 46:33 - 46:35
    จิตไหลแล้วรู้ไป ไม่ห้าม
  • 46:35 - 46:42
    พอรู้แล้วจิตตื่น จิตตื่นแล้วก็ไม่รักษา
  • 46:42 - 46:46
    จิตไหลไปคิดเห็นไหม
  • 46:46 - 46:48
    รู้เฉยๆ ว่าไหลไปคิด
  • 46:48 - 46:52
    ยังติดที่จะน้อมใจให้นิ่ง ไปปรับตัวนี้เสีย
  • 46:52 - 46:55
    อย่าน้อมใจเข้าหาความนิ่งๆ
  • 46:55 - 46:58
    ยังเคยชินตัวนี้อยู่
  • 46:58 - 47:03
    เบอร์ 3
  • 47:03 - 47:07
    เห็นจิตเป็นสุขได้เอง บางครั้งเฉยๆ
  • 47:07 - 47:12
    เคยติดตัวรู้ ต่อมาเห็นตัวรู้ไม่เที่ยง
  • 47:12 - 47:18
    บางทีตัวรู้ก็หาย พึ่งพาตัวรู้ไม่ได้เลย
  • 47:18 - 47:22
    สติเห็นจิตเคลื่อนปุ๊บจะทุกข์ปั๊บ
  • 47:22 - 47:25
    เมื่อทุกข์ จิตจะดึงกลับทันที
  • 47:25 - 47:28
    ยิ่งเห็นทุกข์กลับยิ่งสุขมากขึ้น
  • 47:28 - 47:31
    ล่าสุดจิตพลิกเป็นทุกข์
  • 47:31 - 47:33
    ทุกข์นานเป็น 1 – 2 วัน
  • 47:33 - 47:36
    ตอนนี้เริ่มคลายทุกข์ในจิต
  • 47:36 - 47:38
    แต่จิตยังหยิบฉวยอยู่
  • 47:38 - 47:40
    ขอการบ้านไปทำต่อค่ะ
  • 47:40 - 47:42
    อย่าใจร้อน
  • 47:42 - 47:45
    บางทีฟังหลวงพ่อเทศน์เยอะไป
  • 47:45 - 47:48
    ก็จะหาทางปล่อยวางจิตบ้างอะไรบ้าง
  • 47:48 - 47:52
    ไม่ต้อง มันถึงเวลา มันเป็นของมันเอง
  • 47:52 - 47:56
    แล้วจิตหยิบฉวยจิตก็ไม่เป็นไร
  • 47:56 - 47:59
    เพราะเราไม่ใช่พระอรหันต์
  • 47:59 - 48:01
    มันก็หยิบฉวยเป็นเรื่องปกติ
  • 48:01 - 48:04
    รู้สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราเป็น
  • 48:04 - 48:09
    ไม่ต้องคาดหวังสิ่งซึ่งยังไม่มีไม่เป็น
  • 48:09 - 48:12
    ดูปัจจุบัน เอาปัจจุบันไว้
  • 48:12 - 48:16
    ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
  • 48:16 - 48:20
    จิตขณะนี้นิ่งกว่าปกติ รู้สึกไหม
  • 48:20 - 48:23
    อย่าไปแต่งมันไว้
  • 48:23 - 48:26
    เราไปแต่งจิตให้มันนิ่งๆ ผิดปกติ
  • 48:26 - 48:28
    จิตที่ดีคือจิตธรรมดา
  • 48:28 - 48:34
    จิตธรรมดาประภัสสร ผ่องใส
  • 48:34 - 48:39
    เราแต่ละคนมีจิตประภัสสร ทุกคน
  • 48:39 - 48:42
    แต่เราทำลายมันเรียบร้อยเลย
  • 48:42 - 48:46
    ถ้ากิเลสเกิด จิตประภัสสรก็หาย
  • 48:46 - 48:55
    อยากปฏิบัติ จิตประภัสสรก็หาย
  • 48:55 - 48:59
    จิตไหลไปแล้วเห็นไหม
  • 48:59 - 49:02
    เออ แค่นี้พอ ไม่ต้องทำอะไรต่อ
  • 49:02 - 49:06
    เบอร์ 3 ดีที่ทำอยู่
  • 49:06 - 49:09
    แต่มันยังติดการประคองจิตให้นิ่งอยู่
  • 49:09 - 49:14
    อาจจะเพราะตื่นเต้น จะคุยกับหลวงพ่อ
  • 49:14 - 49:15
    เบอร์ 4
  • 49:15 - 49:19
    ไปทำอีกไป ทำไม่ผิดหรอก
  • 49:19 - 49:22
    แต่อย่าทำจิตให้นิ่งๆ ก็แล้วกัน
  • 49:22 - 49:25
    เบอร์ 4
  • 49:25 - 49:31
    นั่งสมาธิดูลมหายใจและฟังหลวงพ่อ ทำให้สงบ
  • 49:31 - 49:34
    เมื่อลมละเอียดจะเห็นแสงวูบวาบ
  • 49:34 - 49:36
    เห็นแล้วรู้
  • 49:36 - 49:39
    พอไม่คิดอะไร ก็ดูไหวๆ ตรงหน้า
  • 49:39 - 49:42
    พอนิ่งแล้วก็ดูกายหายใจ
  • 49:42 - 49:46
    เห็นกายเคลื่อนไหว เห็นโทสะ
  • 49:46 - 49:49
    เห็นว่าเกิดจากความคิดมีตัวเรา
  • 49:49 - 49:53
    เห็นกายไม่ใช่เรา รู้สึกว่าไม่พัฒนา
  • 49:53 - 49:56
    จึงดูไตรลักษณ์ ก็คงจะปล่อยเอง
  • 49:56 - 50:00
    แต่มีเสียงสวนขึ้นมาว่าไม่ปล่อย
  • 50:00 - 50:02
    ที่เห็นถูกต้องหรือไม่คะ
  • 50:07 - 50:10
    ถูกแล้ว มันบอกถูก ยังไม่ปล่อย
  • 50:10 - 50:14
    ไม่ปล่อยก็ไม่ปล่อย
  • 50:14 - 50:17
    เดินปัญญาได้ดี
  • 50:17 - 50:22
    แต่กำลังของจิตมันยังไม่แข็งแรง
  • 50:22 - 50:26
    มันเลยยังไม่ล้างกิเลส
  • 50:26 - 50:27
    ต้องทำในรูปแบบ
  • 50:27 - 50:33
    ทำในรูปแบบจิตจะได้มีแรง ทำไปเรื่อยๆ
  • 50:33 - 50:34
    พอจิตมันมีกำลัง
  • 50:34 - 50:39
    เราจะเดินปัญญาแล้วถึงจะสู้กับกิเลสได้
  • 50:39 - 50:42
    ถ้ากำลังเราไม่พอ เราเดินปัญญาไปเรื่อยๆ
  • 50:42 - 50:46
    มันจะมีสภาวะอย่างที่มีอย่างนี้
  • 50:46 - 50:49
    มันจะไม่ มันเหมือนมีดทื่อ
  • 50:49 - 50:56
    มันไปฟันกิ่งไม้ไม่ขาด
  • 50:56 - 51:00
    ทำในรูปแบบ ทำความสงบเข้ามาเป็นระยะๆ
  • 51:00 - 51:05
    เบอร์ 5
  • 51:05 - 51:07
    ตามดูขันธ์ทำงาน
  • 51:07 - 51:12
    จิตมีกุศลอกุศล เกิดดับสลับกันไป
  • 51:12 - 51:15
    วันหนึ่งเห็นอะไรพริ้วไหวกลางอก
  • 51:15 - 51:18
    จิตรวมลงไป
  • 51:18 - 51:22
    เห็นอะไรบางอย่างขยุกขยิกเป็นกลุ่มก้อน
  • 51:22 - 51:24
    มีจิตมองอยู่ห่างๆ
  • 51:24 - 51:29
    รู้สึกว่าก้อนนี้มีความวุ่นวายและเป็นทุกข์
  • 51:29 - 51:31
    สภาวะนั้นจิตเข้าใจว่า
  • 51:31 - 51:35
    ถ้าจิตไม่เข้าไปจับก็ไม่ทุกข์
  • 51:35 - 51:39
    ทุกวันนี้ตามดูขันธ์ทำงานนับหนึ่งใหม่ทุกวัน
  • 51:39 - 51:41
    ขอหลวงปู่ชี้แนะด้วยครับ
  • 51:41 - 51:45
    ดี ปัญญาเยอะ
  • 51:50 - 51:56
    อย่าไปติดตัวช่างคิดก็แล้วกัน
  • 51:56 - 52:00
    ถ้าเรายึดถือความคิดความเห็นของตัวเราเยอะๆ
  • 52:00 - 52:04
    มันกลุ้มใจ
  • 52:04 - 52:10
    เราไม่ยึดกระทั่งความคิดความเห็นของเรา
  • 52:10 - 52:13
    อ่านใจตัวเองไปเรื่อยๆ
  • 52:13 - 52:22
    มีกิเลสอะไรก็รู้ สักว่ารู้ว่าเห็นไป
  • 52:22 - 52:28
    ของเบอร์ 5 ต้องสังเกต
    ตัวมานะ ตัวมานะ
  • 52:28 - 52:31
    มันจะรู้สึกกูเก่ง อะไรต่ออะไรนี้
  • 52:31 - 52:35
    ไม่รู้ตอนนี้เกิดหรือยัง
    แต่อีกหน่อยคงเกิด
  • 52:35 - 52:39
    มันจะรู้สึกว่าเราเก่ง
  • 52:39 - 52:42
    รู้สึกอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ก็รู้ทันมัน
  • 52:42 - 52:46
    เหมือนถ้าเรารู้ราคะ โทสะ ปกตินั่นล่ะ
  • 52:46 - 52:50
    ถ้าเราเห็นความไม่ดีของเรา อันนั้นดี
  • 52:50 - 52:56
    ถ้าเราเห็นว่าเราดีกว่าคนอื่น
    อันนั้นเราจะแพ้
  • 52:56 - 52:57
    ของเบอร์ 5 ปัญญาเยอะ
  • 52:57 - 53:04
    ปัญญาเยอะบางทีพาเอา
    ยึดถือความคิดความเห็นง่าย
  • 53:04 - 53:07
    ยึดหรือเปล่าหลวงพ่อไม่รู้ด้วยหรอก แต่ว่า
  • 53:07 - 53:12
    โอกาสจะยึดมันมี
  • 53:12 - 53:15
    ที่ฝึกอยู่ดี ทำไป
  • 53:15 - 53:23
    แล้วก็อ่านใจให้ออก
    กิเลสอะไรแทรกเข้ามา รู้ทัน
  • 53:23 - 53:25
    เบอร์ 6
  • 53:25 - 53:29
    วันนี้ภาวนากันเก่งๆ หลายคน
  • 53:29 - 53:37
    มีเบอร์ 2 นั่งไปๆ โมหะครอบ ซึมไปเลย
  • 53:37 - 53:41
    เบอร์ 3 ก็ยังเพ่งไม่เลิก
  • 53:41 - 53:46
    ยังแต่งจิต อย่างนี้
    เออ นั่นของปลอม
  • 53:56 - 54:00
    เบอร์ 5 ทำในรูปแบบด้วย
    จิตจะได้มีแรงเยอะๆ
  • 54:00 - 54:05
    สงบก็ช่าง ไม่สงบก็ช่าง
    แต่ต้องทำในรูปแบบด้วย
  • 54:05 - 54:12
    แล้วการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    จะทำได้คล่องแคล่ว
  • 54:12 - 54:17
    เก่ง เบอร์ 5 เห็นสภาวะได้ละเอียดดี
  • 54:17 - 54:23
    เห็นตัวขยุกขยิกได้แล้ว
  • 54:23 - 54:25
    ตัวนี้เห็นบ่อยๆ มันจะเห็น
  • 54:25 - 54:29
    ในโลกนี้ไม่มีอะไรนอกจากทุกข์
  • 54:29 - 54:34
    ต้องระวังเรื่องปัญญามันล้ำ
    อย่าทิ้งการทำสมถะ
  • 54:34 - 54:38
    เบอร์ 6
  • 54:38 - 54:42
    ใช้กายและคำบริกรรมเป็นเครื่องอยู่
  • 54:42 - 54:44
    ดูจิตหลงไปคิด
  • 54:44 - 54:48
    ในรูปแบบฝึกนั่งดูร่างกายหายใจ
  • 54:48 - 54:53
    สลับกับนั่งถักหมวกไหมพรม หรือเดินจงกรม
  • 54:53 - 54:57
    ฝึกเจริญเมตตาและอนุโมทนาบุญ
  • 54:57 - 55:02
    ฝึกดูสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการกระทำ ดูกิเลส
  • 55:02 - 55:05
    ชักชวนคนรอบข้างให้ฟังธรรม
  • 55:05 - 55:07
    ให้ภาวนาได้บ้าง
  • 55:07 - 55:10
    หลวงพ่อสอนให้ดูอนิจจัง อนัตตา
  • 55:10 - 55:14
    ไม่แน่ใจว่า เห็นเองได้บ้างแล้วใช่ไหมคะ
  • 55:14 - 55:16
    ใช่ เห็นได้บ้างแล้ว
  • 55:16 - 55:19
    แต่ถ้าเราไปชวนคนอื่นเขาฟังธรรม ภาวนา
  • 55:19 - 55:23
    แล้วเขาไม่ทำ อย่าไปโมโหเขาก็แล้วกัน
  • 55:23 - 55:29
    รู้สึกพวกนี้สอนยาก
  • 55:29 - 55:31
    ดีแล้ว ไปทำอีก
  • 55:31 - 55:35
    ฝึกไปเรื่อยๆ สะสมของเราไป
  • 55:35 - 55:39
    มันพอมันก็ชนะกิเลสไป
  • 55:39 - 55:44
    สะสมแต้มไปทุกวันๆ
  • 55:44 - 55:49
    ที่ทำอยู่ก็ดี ใช้ได้อยู่
  • 55:49 - 55:55
    ตอนนี้จิตไปข้างนอกทราบไหมเบอร์ 6
  • 55:55 - 55:59
    จิตยังอยู่ข้างนอก
  • 55:59 - 56:05
    หายใจแล้วรู้สึกตัว หายใจแล้วรู้สึกตัวไป
  • 56:05 - 56:08
    เก่ง
  • 56:08 - 56:14
    จิตตรงนี้กับเมื่อกี้ไม่เหมือนกัน ดูออกไหม
  • 56:14 - 56:16
    เก่ง ใช้ได้
  • 56:16 - 56:19
    ฉะนั้นจิตออกข้างนอก รู้ทัน
  • 56:19 - 56:22
    รู้ทันไม่ต้องไปแก้มัน
    เราก็รู้สึกตัวเอาใหม่
  • 56:22 - 56:25
    เริ่มต้นนับ 1 ใหม่ รู้สึกตัวไว้
  • 56:25 - 56:32
    ไม่ต้องไปนั่งแก้
    เวลาจิตมันออกข้างนอกไป
  • 56:32 - 56:37
    เบอร์ 7 อย่ากลุ้มใจนักเลยเบอร์ 7
    กลุ้มมากแล้ว
  • 56:37 - 56:38
    เบอร์ 7
  • 56:38 - 56:41
    รู้สึกกิเลสเบาบางลง
  • 56:41 - 56:45
    เห็นจิตทำงาน เอากิเลสออกอยู่เรื่อยๆ
  • 56:45 - 56:48
    แต่ช่วงนี้เหมือนเห็นว่ามีจิตอื่น
  • 56:48 - 56:52
    หรือความรู้สึกแปลกปลอมข้างนอกเข้ามา
  • 56:52 - 56:55
    บางครั้งเห็นจิตคุยกันเอง
  • 56:55 - 57:01
    บางครั้งมีความคิดผุดขึ้นมากลางอก
    โดยที่เราไม่ได้คิด
  • 57:01 - 57:04
    พยายามตามรู้ตามดูอย่างเป็นกลาง
  • 57:04 - 57:07
    ไม่สนใจหรือยึดมั่นถือมั่น
  • 57:07 - 57:10
    แต่ยังค่อนข้างยาก
  • 57:10 - 57:14
    ควรทำอย่างไรเพื่อให้ผ่านจุดนี้ไปได้ดีคะ
  • 57:14 - 57:17
    ร่างกายเคลื่อนไหวคอยรู้สึก
  • 57:17 - 57:20
    ร่างกายขยับคอยรู้สึก รู้สึกบ่อยๆ
  • 57:20 - 57:24
    จิตจะได้มีกำลังตั้งมั่นขึ้นมา
  • 57:24 - 57:27
    ถ้าจิตเราตั้งมั่นจริงๆ
  • 57:27 - 57:31
    ของภายนอกที่
    แปลกปลอมทั้งหลายเข้ามาไม่ถึง
  • 57:31 - 57:36
    ไม่อย่างนั้นเราจะคอยวอกแวกอะไรมาอะไรไป
  • 57:36 - 57:39
    จะฟุ้งซ่าน
  • 57:39 - 57:41
    ทำกรรมฐานของเราไป
  • 57:41 - 57:46
    ร่างกายเคลื่อนไหว รู้สึก
    ร่างกายเคลื่อนไหว รู้สึกไปเรื่อยๆ
  • 57:46 - 57:51
    สมาธิมันจะเกิด เราจะไม่สนใจสิ่งภายนอก
  • 57:51 - 57:54
    หรือจะเห็นธรรมภายในมันทำงาน
  • 57:54 - 57:56
    แต่มันก็ทำงานสัมพันธ์กับข้างนอกล่ะ
  • 57:56 - 57:59
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย มันของข้างนอก
  • 57:59 - 58:02
    เรื่องราวที่คิดก็ของข้างนอก
  • 58:02 - 58:08
    พอมากระทบแล้วใจมันก็ทำงาน
    แล้วก็ค่อยๆ ดูไป
  • 58:08 - 58:12
    ที่สำคัญคือใจเราต้องตั้งมั่น
  • 58:12 - 58:18
    ไม่อย่างนั้น
    จะเห็นโน้นเห็นนี้ รู้โน่นรู้นี่ไป
  • 58:18 - 58:21
    เบอร์ 8
  • 58:21 - 58:24
    เป็นคนมีมานะอัตตามาก
  • 58:24 - 58:26
    อ๋อ เป็นคน
  • 58:26 - 58:29
    มีมานะอัตตามาก
  • 58:29 - 58:35
    ระหว่างวันจะรู้สึกตัวได้บ้าง
    เวลามีโทสะเกิดขึ้น
  • 58:35 - 58:40
    ในรูปแบบใช้ลมหายใจเข้าพุทออกโธ
  • 58:40 - 58:44
    บางวันนั่งไปแล้วรู้สึกมัวๆ
  • 58:44 - 58:46
    จนรู้สึกตัวอีกที
  • 58:46 - 58:49
    เห็นความสว่างเหมือนตื่นจากหลับ
  • 58:49 - 58:51
    ไม่รู้ว่าเคลิ้มหรือไม่
  • 58:51 - 58:54
    บางทีเห็นร่างกายหายใจได้ต่อเนื่อง
  • 58:54 - 58:58
    แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเพ่งหรือไม่ค่ะ
  • 58:58 - 59:01
    วิธีดูว่าเพ่งหรือไม่ง่ายนิดเดียว
  • 59:01 - 59:04
    ถ้าใจเรามีน้ำหนักขึ้นมา แน่นๆ ขึ้นมา
  • 59:04 - 59:05
    แสดงว่าเพ่ง
  • 59:05 - 59:09
    ถ้าใจเราเป็นปกติธรรมดา ไม่หนัก ไม่แน่น
  • 59:09 - 59:14
    ก็ไม่ได้เพ่ง ดูง่ายๆ แค่นี้ล่ะ
  • 59:21 - 59:24
    ดูทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา
  • 59:24 - 59:26
    เป็นของชั่วคราวทั้งหมด
  • 59:26 - 59:31
    คอยดูตัวนี้ด้วย ดูบ่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ
  • 59:31 - 59:34
    ใจเราจะได้ไม่หวั่นไหว
  • 59:34 - 59:37
    ไม่อย่างนั้นใจเรา
  • 59:37 - 59:40
    ความทุกข์มันจะเข้ามาถึงใจได้
  • 59:40 - 59:46
    ดูว่าทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
  • 59:46 - 59:52
    ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดกาล ดูบ่อยๆ
  • 59:52 - 59:54
    สอนมันไปเรื่อยๆ
  • 59:54 - 60:00
    ใจเราก็จะสบายกว่านี้
  • 60:00 - 60:07
    อย่าไปเสียอกเสียใจ ฝึกไป
  • 60:07 - 60:13
    พระพุทธเจ้าบอก
    คนเราแต่ละคน กว่าจะพ้นทุกข์
  • 60:13 - 60:19
    เสียน้ำตาไปมากกว่าน้ำในมหาสมุทรอีก
    แต่ละคน
  • 60:19 - 60:23
    ฉะนั้นอย่าไปเสียอกเสียใจ
  • 60:23 - 60:27
    มีสติไป อย่าให้ความรู้สึกมันครอบงำ
  • 60:27 - 60:32
    ตัวนี้ความรู้สึกครอบงำจิต
  • 60:32 - 60:35
    แล้วทำอย่างไร
  • 60:35 - 60:39
    ความเศร้าครอบงำจิต ก็เห็นมัน
  • 60:39 - 60:43
    แล้วเห็นใจที่ไม่ชอบ
  • 60:43 - 60:47
    ใจที่อยากหาย อยากหายเศร้า
  • 60:47 - 60:51
    อยากดีอะไรอย่างนี้ อยากไม่ทุกข์
  • 60:51 - 60:54
    ให้รู้ทันใจที่อยากบ่อยๆ
  • 60:54 - 60:56
    แล้วก็สอนมันไปเรื่อยๆ
  • 60:56 - 61:03
    ทุกอย่างในชีวิตเราเป็นของชั่วคราว
    สอนมันไปเรื่อยๆ
  • 61:03 - 61:07
    แล้วเวลาความอยากอะไรเกิดก็รู้ทันมัน
  • 61:07 - 61:13
    วันนี้เทศน์ให้ฟังเท่านี้
  • 61:13 - 61:16
    พรุ่งนี้หลวงพ่อไม่อยู่
  • 61:16 - 61:19
    ไปเทศน์ที่บ้านจิตสบาย
  • 61:19 - 61:22
    จิตสบายแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
  • 61:22 - 61:26
    ใครตอบได้บ้าง
  • 61:26 - 61:29
    สมาธิจะเกิดขึ้น
  • 61:29 - 61:34
    เดี๋ยวตีตายเลยสอนตั้งนาน มานั่งงง
  • 61:34 - 61:40
    จิตเรามีความสุขมีความสบาย
    สิ่งที่ตามมาคือสมาธิ
  • 61:40 - 61:44
    แต่ถ้าสบายอย่างโลกๆ
    อันนั้นไม่เรียกสบายจริง
  • 61:44 - 61:47
    อันนั้นมันหลอกตัวเองว่าสบาย
  • 61:47 - 61:49
    จิตสบายมันสงบ
  • 61:49 - 61:54
    สงบ สบาย มีความสุข
  • 62:01 - 62:05
    ฝึกนะ จิตที่เข้าถึงความสุขความสงบตัวนี้
  • 62:05 - 62:08
    จากการปฏิบัติ
  • 62:08 - 62:13
    เป็นมงคลในชีวิตที่ยิ่งใหญ่มาก
  • 62:13 - 62:17
    เข้าถึงความสงบภายในของเรา
  • 62:17 - 62:23
    โลกไม่เคยหยุดนิ่ง
    โลกวุ่นวายอย่างนี้ไม่เคยจบ
  • 62:23 - 62:26
    ปัญหาในชีวิตเราไม่เคยจบ
  • 62:26 - 62:32
    หมดปัญหาหนึ่งก็มาอีก 2 ปัญหา
    เรื่องธรรมดา
  • 62:32 - 62:35
    มีสติไว้
  • 62:35 - 62:40
    อย่าให้ความอยากมันนำหน้าปัญญาของเราไป
  • 62:40 - 62:43
    เราก็จะแก้ปัญหาชีวิตของเราได้
  • 62:43 - 62:46
    ถ้าความอยากมันนำหน้าสติปัญญา
  • 62:46 - 62:49
    มันก็ทุกข์แน่นอน
  • 62:56 - 63:04
    ช่วงนี้โลกมันทุกข์เยอะ วุ่นวาย
  • 63:04 - 63:11
    อะไรที่ไม่จำเป็นอย่าไปแบกมัน
  • 63:11 - 63:19
    อย่าไปแบกทุกข์ อย่าไปแบกปัญหาอะไรไว้
  • 63:19 - 63:21
    โลกไม่เคยว่างจากปัญหา
  • 63:21 - 63:24
    ปัญหาเป็นของประจำโลก
  • 63:24 - 63:29
    จิตที่ฝึกดีแล้ว
    มีปัญหาอยู่ แต่ไม่มีความทุกข์
  • 63:29 - 63:33
    ความทุกข์กับปัญหาเป็นคนละส่วนกัน
  • 63:33 - 63:37
    ปัญหาเป็นของประจำโลก ไม่หมดหรอก
  • 63:37 - 63:39
    อย่างเรื่องพระไม่ดี ไม่หมดหรอก
  • 63:39 - 63:43
    อย่างไรก็มี มันของธรรมดา
  • 63:43 - 63:45
    แล้วใจเรามีความอยากขึ้นมาเมื่อไร
  • 63:45 - 63:51
    ใจเราก็จะมีความทุกข์เมื่อนั้น
  • 63:51 - 63:54
    รักษาใจของเรา
  • 63:54 - 64:02
    บางคนทำกิจการแล้วมีปัญหาล้มเหลว
  • 64:02 - 64:06
    ฐานะแย่ลง
  • 64:06 - 64:09
    รักษาไว้เต็มที่แล้วทำไม่ไหว
  • 64:09 - 64:12
    มันถอย เสื่อมถอยลง
  • 64:12 - 64:16
    ยังไม่มีช่องทางใหม่ๆ ที่จะทำมาหากิน
  • 64:16 - 64:18
    อย่างน้อยรักษาใจไว้ให้ได้
  • 64:18 - 64:22
    อย่าให้ใจจมอยู่ในความทุกข์ เศร้าหมอง
  • 64:22 - 64:25
    ใจที่เศร้าหมองจมในความทุกข์
  • 64:25 - 64:30
    ไม่มีสติปัญญาที่จะไปแก้ปัญหาหรอก
  • 64:30 - 64:33
    ฉะนั้นรักษาใจไว้ให้ดี
  • 64:33 - 64:35
    ไม่รู้จะอวยพรอย่างไรแล้ว
  • 64:35 - 64:38
    หันไปทางไหนก็เห็นแต่ทุกข์
  • 64:38 - 64:42
    พวกที่ยิ้มๆ ข้างในมันก็ทุกข์
  • 64:42 - 64:46
    เห็น น่าสงสาร
  • 64:46 - 64:50
    สงสารแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
    อุเบกขาก็แล้วกัน
  • 64:50 - 64:53
    เชิญ กลับบ้าน
Title:
สู้กิเลสด้วยการรู้ทัน :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 17 พ.ค. 2568
Description:

more » « less
Video Language:
Thai
Duration:
01:07:08

Thai subtitles

Incomplete

Revisions Compare revisions