ไซมอน ซิเน็ค: ผู้นำที่ยิ่งใหญ่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ตามได้อย่างไร
-
0:01 - 0:03คุณจะอธิบายยังไง
-
0:03 - 0:05เวลาสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามคาด?
-
0:05 - 0:08หรือเอางี้ดีกว่า คุณจะอธิบายยังไง
-
0:08 - 0:10เวลาคนอื่นเขาทำอะไรบางอย่างสำเร็จ
-
0:10 - 0:12ทั้งที่มันที่ผิดไปจากทุกอย่างที่คุณคาดไว้?
-
0:12 - 0:14ตัวอย่างเช่น
-
0:14 - 0:16ทำไมแอปเปิลถึงสร้างสรรค์นวัตกรรมได้มากนัก
-
0:16 - 0:18ปีแล้วปีเล่า
-
0:18 - 0:21ก็ยิ่งมีนวัตกรรมมากกว่าคู่แข่งทุกราย
-
0:21 - 0:23ทั้งที่แอปเปิลก็เป็นบริษัทคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ
-
0:23 - 0:25เหมือนชาวบ้านเขา
-
0:25 - 0:27มีคนเก่งๆ มาทำงานเหมือนๆ กับบริษัทอื่นๆ
-
0:27 - 0:30ใช้เอเจนซี ที่ปรึกษา และสื่อแบบเดียวกัน
-
0:30 - 0:32แล้วทำไม
-
0:32 - 0:35แอปเปิลถึงแตกต่างจากคนอื่น
-
0:35 - 0:37ทำไมมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ถึงนำการเคลื่อนไหว
-
0:37 - 0:39เรียกร้องสิทธิพลเมืองของคนผิวดำได้สำเร็จ?
-
0:39 - 0:41เขาไม่ใช่คนคนเดียว
-
0:41 - 0:43ที่ได้รับผลกระทบของการขาดสิทธิพลเมืองในอเมริกายุคนั้น
-
0:43 - 0:45และเขาก็ไม่ใช่นักพูดที่มีโวหารเป็นยอดคนเดียวในยุคนั้น
-
0:45 - 0:47แล้วทำไมถึงเป็นเขาล่ะ?
-
0:47 - 0:50แล้วทำไมพี่น้องตระกูลไรท์
-
0:50 - 0:53ถึงคิดสร้างเครื่องบินมีคนขับได้
-
0:53 - 0:55ในเมื่อก็มีทีมนักประดิษฐ์อื่นๆ
-
0:55 - 0:58ที่เก่งกว่า มีเงินทุนมากกว่า
-
0:58 - 1:01แต่ทำไม่สำเร็จ
-
1:01 - 1:03ปล่อยให้พี่น้องตระกูลไรท์เอาชนะไปได้
-
1:03 - 1:06มันมีอะไรบางอย่างที่เข้ามามีบทบาทตรงนี้ล่ะ
-
1:06 - 1:08เมื่อสามปีครึ่งที่ผ่านมา
-
1:08 - 1:10ผมค้นพบอะไรอย่างหนึ่ง
-
1:10 - 1:13ซึ่งเปลี่ยนมุมมองของผม
-
1:13 - 1:16ว่าสิ่งต่างๆ ในโลกมันทำงานยังไง
-
1:16 - 1:18และยังเปลี่ยนท่าทีของผม
-
1:18 - 1:20เวลาเข้าไปทำงานเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ด้วย
-
1:22 - 1:25สิ่งที่ผมพบ คือแบบแผนอย่างหนึ่ง
-
1:25 - 1:27ที่ผู้นำและองค์กรที่เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ
-
1:27 - 1:29ที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในโลกนี้
-
1:29 - 1:32ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิล มาร์ติน ลูเธอร์ คิง และพี่น้องตระกูลไรท์
-
1:32 - 1:34ล้วนคิด ทำ และสื่อสาร
-
1:34 - 1:36ในรูปแบบเดียวกันนี้
-
1:36 - 1:38ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
-
1:38 - 1:40กับสิ่งที่คนอื่นทำ
-
1:40 - 1:42ผมแค่มาถอดรหัสพวกนี้
-
1:42 - 1:44มันอาจจะเป็นความคิด
-
1:44 - 1:46ที่เรียบง่ายที่สุดในโลก
-
1:46 - 1:48ผมเรียกมันว่าวงกลมทองคำ
-
1:56 - 1:59ทำไม? อย่างไร? และ อะไร?
-
1:59 - 2:01ความคิดเล็กๆ นี่ล่ะ สามารถอธิบายได้
-
2:01 - 2:03ว่าทำไมบางองค์กร และผู้นำบางคน
-
2:03 - 2:05ถึงสร้างแรงบันดาลใจได้ ในขณะที่คนอื่นทำไม่ได้
-
2:05 - 2:07ผมขอให้นิยามคำพวกนี้นิดหนึ่ง
-
2:07 - 2:10คนทุกคน และองค์กรทุกองค์กรในโลกนี้
-
2:10 - 2:12รู้ว่าตัวเองทำอะไร
-
2:12 - 2:14ร้อยเปอร์เซ็นต์
-
2:14 - 2:16บางคนหรือบางองค์กรรู้ว่าจะทำสิ่งนั้นอย่างไร
-
2:16 - 2:18คุณอาจจะเรียกมันว่าการเสนอคุณค่าที่แตกต่าง
-
2:18 - 2:21หรือกระบวนการผลิตเฉพาะ หรือจุดขายที่แตกต่าง
-
2:21 - 2:24แต่มีคนหรือองค์กรจำนวนน้อยมากๆ
-
2:24 - 2:26ที่รู้ว่าเขาทำสิ่งที่เขาทำอยู่ไปทำไม
-
2:26 - 2:28คำว่า "ทำไม" ในที่นี้ผมไม่ได้หมายถึง "การทำกำไร"
-
2:28 - 2:30นั่นเป็นผลลัพธ์ มันเป็นแค่ผลลัพธ์
-
2:30 - 2:32คำว่า "ทำไม" ในที่นี้ ผมหมายถึง
-
2:32 - 2:34อะไรคือเจตนารมณ์ จุดมุ่งหมาย ความเชื่อของคุณ
-
2:35 - 2:38องค์กรของคุณตั้งขึ้นมาทำไม?
-
2:38 - 2:40ทำไมคุณถึงต้องลุกขึ้นจากเตียงทุกเช้า?
-
2:40 - 2:43แล้วทำไมคนอื่นจึงควรจะสนใจในสิ่งที่คุณทำ?
-
2:43 - 2:45ทีนี้ วิธีคิด การกระทำ และการสื่อสารของเรา
-
2:45 - 2:47มักเริ่มจากข้างนอกเข้ามาข้างใน
-
2:47 - 2:50เห็นได้ชัดเลยว่า เราเริ่มจากสิ่งที่ชัดเจนที่สุดไปหาสิ่งที่คลุมเครือที่สุด
-
2:50 - 2:52แต่ผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน
-
2:52 - 2:54และองค์กรที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
-
2:54 - 2:57ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจอะไร
-
2:57 - 2:59ล้วนคิด ทำ และสื่อสาร
-
2:59 - 3:01จากข้างในออกมาข้างนอก
-
3:02 - 3:04ผมขอยกตัวอย่างให้ฟังเรื่องหนึ่ง
-
3:04 - 3:07ผมจะยกตัวอย่างแอปเปิลเพราะมันเข้าใจง่ายสำหรับทุกคน
-
3:07 - 3:10ถ้าแอปเปิลเป็นเหมือนบริษัทอื่นๆ
-
3:10 - 3:13ข้อความสื่อสารการตลาดคงจะออกมาแบบนี้
-
3:13 - 3:16"เราทำคอมพิวเตอร์ที่สุดยอด
-
3:16 - 3:18การออกแบบสวยงาม ใช้ง่าย
-
3:18 - 3:20และเป็นมิตรกับผู้ใช้
-
3:20 - 3:23อยากซื้อสักเครื่องไหมครับ" ไม่มีทาง
-
3:23 - 3:25แต่นั่นล่ะ เราส่วนใหญ่สื่อสารกันแบบนี้
-
3:25 - 3:27การตลาดก็ทำแบบนี้ การขายก็ทำแบบนี้
-
3:27 - 3:29เวลาสื่อสารกับผู้คน เราก็ทำแบบนี้
-
3:29 - 3:32เราบอกว่าเราทำอะไร เราต่างอย่างไร หรือดีกว่าอย่างไร
-
3:32 - 3:34แล้วก็คาดหวังพฤติกรรมบางอย่างจากผู้บริโภค
-
3:34 - 3:36เช่น อยากให้เขามาซื้อของ มาลงคะแนนเสียงให้
-
3:36 - 3:38นี่คือบริษัทกฎหมายใหม่ของเรา
-
3:38 - 3:40เรามีทนายความที่ดีที่สุด ลูกค้ารายใหญ่ที่สุด
-
3:40 - 3:42และเราทำงานเต็มที่ให้ลูกค้าของเรา
-
3:42 - 3:44นี่คือรถรุ่นใหม่ของเรา
-
3:44 - 3:47ประหยัดน้ำมันสุดๆ เบาะหนังด้วย ซื้อรถเรานะ
-
3:47 - 3:49แต่มันไม่สร้างแรงบันดาลใจ
-
3:49 - 3:52นี่ครับ แอปเปิลเขาสื่อสารแบบนี้
-
3:53 - 3:55"ทุกอย่างที่เราทำ
-
3:55 - 3:58เราทำเพราะเราเชื่อในการท้าทายสิ่งเก่าๆ
-
3:58 - 4:01เราเชื่อในการคิดต่าง
-
4:01 - 4:03และเพื่อท้าทายระบบเก่าๆ นั้น
-
4:03 - 4:06เราสร้างผลิตภัณฑ์ของเราให้มีดีไซน์สวยงาม
-
4:06 - 4:08ใช้งานง่าย และเป็นมิตรกับผู้ใช้
-
4:08 - 4:11และเราก็เลยสร้างคอมพิวเตอร์ที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา
-
4:11 - 4:13อยากซื้อสักเครื่องไหมครับ?"
-
4:13 - 4:16แตกต่างสุดๆ เลยใช่ไหมครับ? คุณอยากซื้อคอมพิวเตอร์จากผมแล้ว
-
4:16 - 4:18ผมแค่สลับลำดับการนำเสนอข้อมูลเท่านั้นเอง
-
4:18 - 4:21สิ่งที่ผมค้นพบก็คือ คนเขาไม่ได้ซื้อสิ่งที่คุณทำ
-
4:21 - 4:23เขาซื้อเพราะเหตุผลที่คุณทำมัน
-
4:23 - 4:25คนเขาไม่ได้ซื้อสิ่งที่คุณทำ เขาซื้อเหตุผลที่คุณทำ
-
4:25 - 4:27นี่เป็นคำอธิบายว่า
-
4:27 - 4:29ทำไมทุกคนในห้องนี้
-
4:29 - 4:32รู้สึกดีที่จะซื้อคอมพิวเตอร์จากแอปเปิล
-
4:32 - 4:34แต่นอกจากนั้น เรายังยินดีที่จะซื้อ
-
4:34 - 4:37เครื่องเล่นเอ็มพีสามจากแอปเปิล โทรศัพท์จากแอปเปิล
-
4:37 - 4:39หรือเครื่องบันทึกดีวีดีจากแอปเปิล
-
4:39 - 4:41แต่อย่างที่ผมบอก แอปเปิลก็เป็นแค่บริษัทคอมพิวเตอร์
-
4:41 - 4:43ไม่มีความแตกต่างเชิงโครงสร้าง
-
4:43 - 4:45จากคู่แข่งรายใดเลย
-
4:45 - 4:48คู่แข่งของแอปเปิลล้วนมีศักยภาพที่จะผลิตสินค้าแบบเดียวกันได้หมด
-
4:48 - 4:50และที่จริงก็พยายามแล้วด้วย
-
4:50 - 4:53ไม่กี่ปีก่อน บริษัทเกทเวย์ผลิตทีวีจอแบนออกมา
-
4:53 - 4:55บริษัทนี้มีศักยภาพสูงมากในการผลิตทีวีจอแบน
-
4:55 - 4:58แล้วก็ผลิตมาเรื่อย ตั้งหลายปี
-
4:58 - 5:00แต่ไม่มีใครซื้อเลย
-
5:05 - 5:08เดลผลิตเครื่องเล่นเอ็มพีสามและพีดีเอออกมา
-
5:08 - 5:10ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าคุณภาพสูง
-
5:10 - 5:13พร้อมการออกแบบที่สมบูรณ์แบบ
-
5:13 - 5:15แต่ก็ไม่มีใครซื้อ
-
5:15 - 5:17ที่จริง ให้นึกตอนนี้ เราก็จินตนาการตัวเราเอง
-
5:17 - 5:19ซื้อเครื่องเล่นเอ็มพีสามจากเดลไม่ออกแล้ว
-
5:19 - 5:21ทำไมเราต้องซื้อเครื่องเล่นเอ็มพีสามจากบริษัทคอมพิวเตอร์?
-
5:21 - 5:23แต่เราก็ซื้อแล้วใช่ไหมครับ
-
5:23 - 5:25คนเขาไม่ได้ซื้อสิ่งที่คุณทำ เขาซื้อเหตุผลที่คุณทำมัน
-
5:25 - 5:27เป้าหมายไม่ใช่การทำธุรกิจ
-
5:27 - 5:30กับใครก็ได้ ที่อยากได้สิ่งที่คุณมี
-
5:31 - 5:33เป้าหมายอยู่ที่การทำธุรกิจ
-
5:33 - 5:36กับคนที่เขาเชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อ
-
5:36 - 5:38ที่เด็ดที่สุดเลยก็คือ
-
5:38 - 5:40สิ่งที่ผมพูดมาไม่ใช่ความคิดเห็นของผมคนเดียวนะ
-
5:40 - 5:43มันมีรากฐานอยู่ในหลักการของชีววิทยา
-
5:43 - 5:45ไม่ใช่จิตวิทยานะ ชีววิทยาเลย
-
5:45 - 5:48ถ้าคุณดูภาพตัดขวางของสมองมนุษย์ มองจากด้านบนลงไป
-
5:48 - 5:50คุณจะเห็นว่าสมองมนุษย์
-
5:50 - 5:52แบ่งเป็นสามส่วนหลักๆ
-
5:52 - 5:55ที่สอดคล้องกับวงกลมทองคำนี้เลย
-
5:55 - 5:58สมองส่วนใหม่ของเรา ของมนุษย์โฮโมเซเปียน
-
5:58 - 6:00สมองส่วนนีโอคอร์เท็กซ์
-
6:00 - 6:02คือส่วนที่ตอบคำถามว่า "อะไร"
-
6:02 - 6:04สมองส่วนนีโอคอร์เท็กซ์ทำหน้าที่เกี่ยวกับ
-
6:04 - 6:06เหตุผลและการคิดวิเคราะห์
-
6:06 - 6:08และภาษา
-
6:08 - 6:11สมองส่วนกลางสองส่วนเรียกว่าลิมบิก
-
6:11 - 6:14สมองส่วนลิมบิกของเราทำหน้าที่เกี่ยวกับความรู้สึก
-
6:14 - 6:17เช่นความไว้วางใจและจงรักภักดี
-
6:17 - 6:19และยังทำหน้าที่เกี่ยวกับพฤติกรรมทั้งหลายของมนุษย์
-
6:19 - 6:21และการตัดสินใจทั้งหมด
-
6:21 - 6:24และมันไม่มีศักยภาพด้านภาษา
-
6:24 - 6:27นั่นหมายความว่า เวลาเราสื่อสารจากข้างนอกเข้าไปข้างใน
-
6:27 - 6:30ใช่ คนเราเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้เยอะมาก
-
6:30 - 6:33เช่นคุณสมบัติ ประโยชน์ ข้อเท็จจริง และตัวเลข
-
6:33 - 6:35แต่มันไม่สามารถขับเคลื่อนพฤติกรรมได้
-
6:35 - 6:37ถ้าเราสามารถสื่อสารจากข้างในออกมาข้างนอกได้
-
6:37 - 6:39เรากำลังสื่อสารโดยตรงกับสมอง
-
6:39 - 6:41ส่วนที่ควบคุมพฤติกรรม
-
6:41 - 6:43แล้วเราก็ให้ผู้ฟังหาเหตุผลมาสนันสนุน
-
6:43 - 6:45โดยใช้ข้อมูลที่เป็นรูปธรรมจากสิ่งที่เราพูดและทำ
-
6:45 - 6:47นี่แหละที่มาของการตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณ
-
6:47 - 6:49คุณอาจจะให้ข้อมูลและตัวเลขมากมาย
-
6:49 - 6:51กับใครบางคน
-
6:51 - 6:53แล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า "ผมรู้ข้อมูลและรายละเอียดพวกนี้แล้ว
-
6:53 - 6:55แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อยู่ดี"
-
6:55 - 6:58ทำไมเราถึงใช้คำว่า "รู้สึก" ว่ามันไม่ใช่?
-
6:58 - 7:00เพราะสมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจ
-
7:00 - 7:02ไม่ได้ทำงานด้านภาษา
-
7:02 - 7:05อย่างดีที่สุดที่เราจะบรรยายออกมาได้คือ "ไม่รู้สิ แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่น่ะ"
-
7:05 - 7:07คุณอาจจะพูดว่า คุณนำด้วยใจ
-
7:07 - 7:09หรือนำด้วยจิตวิญญาณ
-
7:09 - 7:11แต่ขอโทษทีครับ นั่นมันก็ไม่ใช่อวัยวะอีกส่วนหนึ่งของร่างกาย
-
7:11 - 7:13ที่ทำหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมของคุณนะ
-
7:13 - 7:15ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในสมองส่วนลิมบิก
-
7:15 - 7:18สมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจ ไม่ใช่การใช้ภาษา
-
7:18 - 7:21ถ้าคุณไม่รู้ว่าทำไมคุณจึงทำสิ่งที่คุณทำอยู่
-
7:21 - 7:24ทั้งที่คนเขาตอบสนองต่อเหตุผลของสิ่งที่คุณทำ
-
7:24 - 7:27แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไง ที่คุณจะทำให้ผู้คน
-
7:27 - 7:29โหวตให้คุณ หรือซื้อของจากคุณ
-
7:29 - 7:31หรือที่สำคัญกว่านั้น ทำให้เขาจงรักภักดีต่อคุณ
-
7:31 - 7:34และอยากมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสิ่งที่คุณทำ
-
7:34 - 7:37นี่ไง เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การขายของให้คนที่เขาต้องการสิ่งที่คุณมี
-
7:37 - 7:40เป้าหมายคือการขายไอเดียให้คนเชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อ
-
7:40 - 7:42เป้าหมายไม่ใช่แค่จ้างคน
-
7:42 - 7:44ที่ต้องการได้งาน
-
7:44 - 7:47แต่เราต้องจ้างคนที่เชื่อในสิ่งที่เราเชื่อ
-
7:47 - 7:50ผมพูดแบบนี้เสมอเลยครับ
-
7:52 - 7:55ถ้าคุณจ้างคนเพียงเพราะเขาทำงานได้ เขาก็จะทำงานเพื่อเงินของคุณ
-
7:55 - 7:57แต่ถ้าคุณจ้างคนที่เขาเชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อ
-
7:57 - 7:59เขาจะทำงานให้คุณชนิดถวายหัว
-
7:59 - 8:01ไม่มีตัวอย่างไหนดีเท่ากับ
-
8:01 - 8:03เรื่องของพี่น้องตระกูลไรท์อีกแล้ว
-
8:03 - 8:06คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักแซมมวล เพียร์พอนท์ แลงค์ลีย์
-
8:06 - 8:09ย้อนไปตอนต้นศตวรรษที่ 20
-
8:09 - 8:12การคิดค้นเครื่องบินที่คนบังคับได้ก็เหมือนธุรกิจดอทคอมสมัยนี้
-
8:12 - 8:14ใครๆ ก็พยายามคิดค้นวิธีสร้างเครื่องบิน
-
8:14 - 8:17แซมมวล เพียร์พอนท์ แลงค์ลีย์
-
8:17 - 8:20มีสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นสูตรของความสำเร็จ
-
8:20 - 8:22คือ แม้แต่ในปัจจุบันนี้ ถ้าคุณถามใครสักคนว่า
-
8:22 - 8:24"ทำไมสินค้าหรือบริษัทของคุณจึงล้มเหลว?"
-
8:24 - 8:26เขาก็จะให้เหตุผลหลากหลาย แต่สรุปได้ว่า
-
8:26 - 8:28เป็นสามอย่างเดิมๆ เสมอ นั่นคือ
-
8:28 - 8:31ทุนน้อย บุคลากรไม่เก่ง และภาวะตลาดไม่ดี
-
8:31 - 8:34สามเรื่องนี้แหละ ตลอดเลย เอาละ ลองมาดูกัน
-
8:34 - 8:36แซมมวล เพียร์พอนท์ แลงค์ลีย์
-
8:36 - 8:39ได้เงิน 50,000 ดอลลาร์ จากกรมการสงคราม
-
8:39 - 8:41ให้คิดเครื่องจักรกลที่บินได้
-
8:41 - 8:43ดังนั้น เงินไม่ใช่ปัญหา
-
8:43 - 8:45เขามีตำแหน่งที่ฮาร์วาร์ด
-
8:45 - 8:48และทำงานที่สมิธโซเนียน และรู้จักคนกว้างขวาง
-
8:48 - 8:50เขารู้จักคนเก่งๆ ทุกคนในยุคนั้น
-
8:50 - 8:52เขาจ้างแต่คนระดับสุดยอดหัวกะทิ
-
8:52 - 8:54ด้วยเงินที่มีอยู่
-
8:54 - 8:56และสภาวะตลาดก็เยี่ยมมาก
-
8:56 - 8:59หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์ติดตามเขาทุกฝีก้าว
-
8:59 - 9:01ใครๆ ก็ติดตามแลงค์ลีย์
-
9:01 - 9:04แล้วทำไมคุณถึงไม่รู้จักแซมมวล เพียร์พอนท์ แลงค์ลีย์ล่ะ
-
9:04 - 9:07สองสามร้อยไมล์ห่างออกไปในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ
-
9:07 - 9:09ออร์วิล กับวิลเบอร์ ไรท์
-
9:09 - 9:11ไม่มีอะไรที่เราจะเรียกว่าเป็น
-
9:11 - 9:13ส่วนผสมของความสำเร็จเลย
-
9:13 - 9:15เขาไม่มีเงิน
-
9:15 - 9:18เงินที่เอามาลงทุนกับความฝันของเขา คือกำไรที่ได้จากร้านจักรยานของเขา
-
9:18 - 9:20ทุกคนในทีมของสองพี่น้องตระกูลไรท์
-
9:20 - 9:22ไม่มีใครมีปริญญาสักคน
-
9:22 - 9:24รวมทั้งออร์วิลและวิลเบอร์เองด้วย
-
9:24 - 9:27หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์ไม่ได้แยแสพี่น้องคู่นี้สักนิด
-
9:27 - 9:29สิ่งที่แตกต่างคือ
-
9:29 - 9:31ออร์วิลกับวิลเบอร์ทำไปด้วยแรงผลักดัน
-
9:31 - 9:33จากเป้าหมายที่มีความหมาย ด้วยความเชื่อ
-
9:33 - 9:35เขาเชื่อว่าถ้าเขาสามารถ
-
9:35 - 9:37คิดค้นวิธีสร้างเครื่องบินขึ้นมาได้
-
9:37 - 9:40มันจะเปลี่ยนโลกได้
-
9:40 - 9:42แซมมวล เพียร์พอนท์ แลงค์ลีย์ไม่คิดอย่างนั้น
-
9:42 - 9:45เขาอยากรวย อยากดัง
-
9:45 - 9:47เขาไขว่คว้าหาผลลัพธ์อย่างอื่น
-
9:47 - 9:49เขาแสวงหาเงินทอง ความร่ำรวย
-
9:49 - 9:52แล้วดูสิครับ เกิดอะไรขึ้น
-
9:52 - 9:54คนที่เชื่อในความฝันของสองพี่น้องตระกูลไรท์
-
9:54 - 9:57ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำร่วมกับเขา
-
9:57 - 9:59ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งทำงานเพื่อค่าจ้าง
-
9:59 - 10:02แล้วพวกเขาก็มักจะเล่าว่า ทุกครั้งที่พี่น้องตระกูลไรท์ออกไปทดสอบเครื่องบิน
-
10:02 - 10:04พวกเขาต้องเอาอะไหล่ไปด้วยห้าชุด
-
10:04 - 10:06เพราะเขาจะทดลองแล้วทดลองอีก จนเครื่องพังถึงห้าครั้ง
-
10:06 - 10:08แล้วถึงจะยอมกลับมากินข้าวมื้อเย็น
-
10:09 - 10:12แล้วในที่สุด วันที่ 17 ธันวาคม 1903
-
10:12 - 10:15พี่น้องตระกูลไรท์ก็ออกบินได้สำเร็จ
-
10:15 - 10:17ไม่มีใครอยู่ร่วมรับรู้กับเขาเลยด้วยซ้ำ
-
10:17 - 10:20กว่าโลกจะรู้ข่าวก็สองสามวันหลังจากนั้น
-
10:21 - 10:23ข้อพิสูจน์อีกอย่างว่าแลงค์ลีย์
-
10:23 - 10:25ทำงานด้วยแรงจูงใจที่ผิด
-
10:25 - 10:28ก็คือ วันที่พี่น้องตระกูลไรท์ทำสำเร็จ เขาก็เลิกเลย
-
10:28 - 10:30เขาน่าจะพูดว่า
-
10:30 - 10:32"สิ่งที่คุณคิดค้นได้มันเจ๋งจริงๆ เลย
-
10:32 - 10:35ผมจะพัฒนาต่อยอดจากเทคโนโลยีของคุณ" แต่เขาไม่พูดอย่างนั้น
-
10:35 - 10:37เมื่อเขาไม่ได้เป็นคนแรก ไม่ได้เงินทอง
-
10:37 - 10:39ไม่ได้ชื่อเสียง เขาก็เลิกเลย
-
10:39 - 10:42นี่แหละครับ คนไม่ได้ซื้อของที่คุณทำ เขาซื้อเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง
-
10:42 - 10:44ถ้าคุณพูดถึงสิ่งที่คุณเชื่อ
-
10:44 - 10:47คุณจะดึงดูดคนที่เขาเชื่อในสิ่งเดียวกับคุณ
-
10:47 - 10:50ทำไมการดึงดูดคนที่คิดเหมือนคุณจึงสำคัญล่ะครับ?
-
10:52 - 10:54มันมีกฎที่เรียกว่ากฎการกระจายนวัตกรรม
-
10:54 - 10:57ถึงคุณไม่รู้ว่ากฎที่ว่ามันเป็นยังไง แต่คุณก็รู้คำศัพท์พวกนี้ใช่ไหมครับ
-
10:57 - 11:00กฎนี้มีอยู่ว่า 2.5% ของประชากรทั้งหมด
-
11:00 - 11:02จะเป็นพวกนิยมนวัตกรรม
-
11:02 - 11:05อีก 13.5% ของประชากร
-
11:05 - 11:07จะเป็นพวกแรกๆ ที่รับเอานวัตกรรมมาใช้
-
11:07 - 11:09อีก 34% ต่อมาจะเป็นคนอีกกลุ่มใหญ่ที่เริ่มใช้บ้าง
-
11:09 - 11:12แล้วก็มีคนอีกกลุ่มใหญ่ที่ใช้ตามในเวลาต่อมา แล้วก็พวกล้าหลัง
-
11:12 - 11:15เหตุผลที่พวกนี้ซื้อโทรศัพท์แบบกดปุ่มมาใช้
-
11:15 - 11:17เพราะเขาหาซื้อแบบแป้นหมุนไม่ได้แล้ว
-
11:17 - 11:19(เสียงหัวเราะ)
-
11:19 - 11:22เราทุกคนต่างก็เคยอยู่ในกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ในต่างกรรมต่างวาระ
-
11:22 - 11:25แต่ข้อคิดที่เราได้จากกฎการกระจายนวัตกรรมก็คือ
-
11:25 - 11:28ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในตลาดขนาดใหญ่
-
11:28 - 11:30หรืออยากให้คนหมู่มากยอมรับความคิดของคุณ
-
11:30 - 11:32คุณจะประสบความสำเร็จไปไม่ได้
-
11:32 - 11:34จนกว่าคุณจะมาถึงจุดเปลี่ยน
-
11:34 - 11:37ที่คุณเจาะตลาดได้ 15-18%
-
11:37 - 11:40แล้วสินค้าก็จะเริ่มติดตลาด
-
11:40 - 11:43ผมชอบถามคนทำธุรกิจว่า "อัตราความสำเร็จในการเสนอขายสินค้าใหม่ของคุณเป็นยังไง?"
-
11:43 - 11:45เขามักจะตอบอย่างภาคภูมิใจว่า "โอ้ ประมาณ 10% ครับ"
-
11:45 - 11:47แต่ว่า ถ้าคุณดึงดูดลูกค้าได้ 10%
-
11:47 - 11:49เรามีคน 10% ที่เริ่ม "ซื้อ" ไอเดียของเรา
-
11:49 - 11:51เราเรียกคนกลุ่มนี้อย่างนี้ใช่ไหมครับ
-
11:51 - 11:53เหมือนมันมาจากความรู้สึกลึกๆ ว่า "โอ้ มีคนเข้าใจเราแล้ว"
-
11:53 - 11:56ทีนี้ เราจะทำยังไงจึงจะหาคนที่เข้าใจเราเจอ
-
11:56 - 11:59เพื่อทำธุรกิจกับคนพวกนี้ แทนที่จะไปเสียเวลากับคนที่ไม่เข้าใจ
-
11:59 - 12:01มันมีช่องโหว่เล็กๆ ตรงนี้
-
12:01 - 12:03ที่คุณต้องปิดให้ได้
-
12:03 - 12:05เหมือนที่เจฟฟรีย์ มัวร์เรียกว่า "กระโดดข้ามเหว"
-
12:05 - 12:07เพราะว่า คุณเห็นใช่ไหม คนกลุ่มใหญ่
-
12:07 - 12:09จะไม่ลองใช้อะไร
-
12:09 - 12:11จนกว่าจะเห็นคนอื่น
-
12:11 - 12:13ลองไปก่อนแล้ว
-
12:13 - 12:16และคนพวกนี้ พวกนิยมนวัตกรรมกับพวกชอบลองของใหม่
-
12:16 - 12:18พวกนี้โอเคกับการตัดสินใจโดยใช้ความรู้สึก
-
12:18 - 12:21กล้าตัดสินใจโดยใช้สัญชาตญาณ
-
12:21 - 12:24ทำอะไรด้วยแรงผลักดันจากความเชื่อของตัวเอง
-
12:25 - 12:27ไม่ใช่ว่ามีสินค้าอะไรให้ซื้อบ้าง
-
12:27 - 12:29คนพวกนี้คือคนที่ยอมยืนต่อคิวหกชั่วโมง
-
12:29 - 12:31เพื่อซื้อไอโฟนตอนที่มันออกมาครั้งแรก
-
12:31 - 12:33ในขณะที่อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาคุณสามารถเดินเข้าไปในร้าน
-
12:33 - 12:35แล้วหยิบจากชั้นได้สบายๆ
-
12:35 - 12:37คนเหล่านี้คือคนที่ยอมจ่าย 40,000 ดอลลาร์
-
12:37 - 12:40ซื้อทีวีจอแบนตอนที่มันออกมาครั้งแรก
-
12:40 - 12:43ทั้งที่เทคโนโลยีก็ยังไม่ได้มาตรฐาน
-
12:43 - 12:45อ้อ ที่จริงเขาไม่ได้ซื้อเพราะว่า
-
12:45 - 12:47เพราะว่าเทคโนโลยีมันดีนะ
-
12:47 - 12:49เขาซื้อเพื่อตอบสนองความต้องการตัวเอง
-
12:49 - 12:51เพราะว่าเขาอยากจะเป็นคนแรก
-
12:51 - 12:53เขาไม่ได้ซื้อสิ่งที่คุณทำ เขาซื้อเพราะเหตุผลเบื้องหลังที่คุณทำมัน
-
12:53 - 12:55สิ่งที่คุณทำมันเป็นแค่
-
12:55 - 12:57หลักฐานที่พิสูจน์สิ่งที่คุณเชื่อ
-
12:57 - 12:59และที่จริง คนเราก็จะทำอะไร
-
12:59 - 13:01เพื่อพิสูจน์สิ่งที่ตัวเองเชื่อนั่นแหละ
-
13:01 - 13:03เหตุผลที่คนซื้อไอโฟน
-
13:03 - 13:06ภายในหกชั่วโมงแรก
-
13:06 - 13:08ยอมยืนต่อแถวหกชั่วโมง
-
13:08 - 13:10มันมาจากความเชื่อของเขาว่าเขาเชื่ออะไร
-
13:10 - 13:12และอยากให้คนอื่นมองเขาอย่างไร
-
13:12 - 13:14เขาอยากได้ชื่อว่าเป็นคนแรก
-
13:14 - 13:16คนเขาไม่ได้ซื้อสิ่งที่คุณทำครับ เขาซื้อเหตุผลที่คุณทำมัน
-
13:16 - 13:18ผมขอยกตัวอย่างที่โด่งดังอีกอันหนึ่ง
-
13:18 - 13:20ความล้มเหลวและความสำเร็จที่โด่งดัง
-
13:20 - 13:22ของกฎการกระจายนวัตกรรม
-
13:22 - 13:24เรื่องแรก ความล้มเหลวที่โด่งดังไปทั่ว
-
13:24 - 13:26เรื่องนี้มาจากแวดวงการตลาด
-
13:26 - 13:28อย่างที่ผมพูดไปเมื่อกี้
-
13:28 - 13:31สูตรสำเร็จซึ่งประกอบด้วยเงิน คนเก่ง และภาวะตลาดที่เหมาะสม
-
13:31 - 13:33ถ้ามีครบคุณน่าจะประสบความสำเร็จใช่ไหมครับ
-
13:33 - 13:35ลองมาดูกรณี TiVo
-
13:35 - 13:37เมื่อตอน TiVo ออกมาใหม่ๆ แปดเก้าปีก่อน
-
13:37 - 13:39จนกระทั่งวันนี้
-
13:39 - 13:42มันก็ยังเป็นยี่ห้อเดียวที่คุณภาพดีที่สุดในตลาด
-
13:42 - 13:45ไม่มีใครคัดค้าน
-
13:45 - 13:47บริษัทที่ผลิต TiVo ก็ทุนหนา
-
13:47 - 13:49ภาวะตลาดก็เยี่ยมมาก
-
13:49 - 13:51คือ เราใช้คำว่า TiVo เป็นคำกิริยากันเลย
-
13:51 - 13:54เช่น ฉัน TiVo ขยะในดีวีดีของไทม์วอร์เนอร์ตลอดเลย
-
13:57 - 13:59แต่ TiVi ล้มเหลวในทางการตลาด
-
13:59 - 14:01มันไม่ทำเงินเลย
-
14:01 - 14:03พอบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
-
14:03 - 14:05เขาขายหุ้นได้ราคา 30-40 ดอลล่าร์เท่านั้นเอง
-
14:05 - 14:07แล้วราคาก็ตกลง และไม่เคยซื้อขายกันสูงกว่า 10 ดอลลาร์อีกเลย
-
14:07 - 14:10ที่จริง ผมว่ามันไม่เคยซื้อขายเกิน 6 ดอลลาร์ด้วยซ้ำ
-
14:10 - 14:12ยกเว้นช่วงขาขึ้นสุดๆ ไม่กี่ครั้ง
-
14:12 - 14:14เพราะอะไร คุณเห็นไหม ตอน TiVo ออกวางตลาด
-
14:14 - 14:17เขาบอกเราว่าเขามีสินค้าอะไร
-
14:17 - 14:20"เรามีอุปกรณ์ที่หยุดรายการทีวีที่กำลังถ่ายทอดสดได้
-
14:20 - 14:23ข้ามโฆษณาได้ ย้อนกลับไปดูใหม่ก็ได้
-
14:23 - 14:25แล้วก็บันทึกรายการโปรดของคุณไว้ให้
-
14:25 - 14:28โดยที่คุณไม่ต้องสั่งเลย"
-
14:28 - 14:30คนส่วนใหญ่ที่ขี้ระแวงบอกว่า
-
14:30 - 14:32"เราไม่เชื่อหรอก
-
14:32 - 14:34เราไม่อยากได้ เราไม่ชอบไอ้เครื่องนี้
-
14:34 - 14:36น่ากลัวออก"
-
14:36 - 14:38สมมุติถ้าบริษัทพูดว่า
-
14:38 - 14:40"ถ้าคุณเป็นคนประเภทที่
-
14:40 - 14:43ชอบมีอำนาจควบคุม
-
14:43 - 14:46ทุกด้านในชีวิตของตัวเอง
-
14:46 - 14:49เรามีสินค้าที่เหมาะกับคุณ
-
14:49 - 14:51มันหยุดรายการทีวีได้ ข้ามโฆษณาได้
-
14:51 - 14:54บันทึกรายการโปรดของคุณได้ และอื่นๆ อีกมากมาย"
-
14:54 - 14:56คนเขาไม่ได้ซื้อสิ่งที่คุณทำครับ เขาซื้อเหตุผลเบื้องหลังสิ่งที่คุณทำ
-
14:56 - 14:58สิ่งที่คุณทำมันแค่ทำหน้าที่
-
14:58 - 15:00เป็นหลักฐานยืนยันสิ่งที่คุณเชื่อ
-
15:00 - 15:03ทีนี้ ผมจะเล่าตัวอย่างอีกเรื่อง
-
15:03 - 15:06เกี่ยวกับกฎการกระจายนวัตกรรม
-
15:06 - 15:09ในฤดูร้อนปี 1963
-
15:09 - 15:11คน 250,000 คนมารวมตัวกัน
-
15:11 - 15:13ที่ย่านการค้าในเมืองวอชิงตัน
-
15:13 - 15:15เพื่อฟัง ดร. มาร์ติน ลูเธอร์ คิง พูด
-
15:16 - 15:19ไม่มีการส่งบัตรเชิญ
-
15:19 - 15:22ไม่มีเว็บไซต์ให้เช็ควันเวลา
-
15:22 - 15:24แล้วท่านทำได้อย่างไร?
-
15:24 - 15:26ดร. คิงไม่ใช่คนคนเดียวในอเมริกา
-
15:26 - 15:28ที่เป็นนักปาฐกถาที่ยอดเยี่ยม
-
15:28 - 15:30ท่านไม่ใช่คนเดียวในอเมริกาที่ได้รับผลกระทบ
-
15:30 - 15:32จากสภาพสังคมอเมริกันก่อนที่สิทธิพลเมืองจะเบ่งบาน
-
15:32 - 15:35ที่จริง ความคิดบางอย่างของท่านก็เป็นความคิดที่แย่
-
15:35 - 15:37แต่ท่านมีพรสวรรค์
-
15:37 - 15:40ท่านไม่ได้ไปคอยบอกชาวบ้านว่าเราต้องทำอะไรเพื่อเปลี่ยนอเมริกา
-
15:40 - 15:42แต่ท่านออกไปพบปะและบอกกับผู้คนว่า
-
15:42 - 15:44"ผมเชื่อ ผมเชื่อ ผมเชื่อ"
-
15:44 - 15:46ท่านบอกประชาชนอย่างนั้น
-
15:46 - 15:48และคนที่เชื่ออย่างเดียวกับท่าน
-
15:48 - 15:50ก็เข้ามาร่วมวง และรู้สึกว่ามันเป็นเป้าหมายของตัวเอง
-
15:50 - 15:52แล้วก็บอกต่อๆ กันไป
-
15:52 - 15:54คนเหล่านี้ บางคนก็สร้างระบบ
-
15:54 - 15:56สำหรับกระจายข่าวสารไปยังคนในวงกว้างขึ้นอีก
-
15:56 - 15:58ไม่น่าเชื่อครับ
-
15:58 - 16:00ปรากฏว่าคน 250,000 มาชุมนุมกัน
-
16:00 - 16:03พร้อมเพรียงในวันและเวลาเดียวกัน
-
16:03 - 16:05เพื่อฟัง ดร.คิงพูด
-
16:05 - 16:08ในจำนวนนี้มีกี่คนครับ ที่มาเพื่อ ดร.คิง?
-
16:09 - 16:11ไม่มีเลย
-
16:11 - 16:13เขามาเพราะเหตุผลของเขาเอง
-
16:13 - 16:15เพราะสิ่งที่เขาเชื่อเกี่ยวกับอเมริกา
-
16:15 - 16:18ที่ทำให้เขากระโดดขึ้นรถโดยสาร เดินทางมาแปดชั่วโมง
-
16:18 - 16:21เพื่อยืนตากแดดกลางเดือนสิงหาคมที่วอชิงตัน
-
16:21 - 16:24เขามาเพื่อสิ่งที่เขาเชื่อ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของคนดำหรือคนขาวด้วย
-
16:24 - 16:2725% ของคนที่มาวันนั้นเป็นคนขาว
-
16:27 - 16:29ดร.คิงเชื่อว่า
-
16:29 - 16:31โลกนี้มีกฎหมายอยู่สองประเภท
-
16:31 - 16:33แบบที่เขียนโดยคนมีอำนาจ
-
16:33 - 16:35กับแบบที่เขียนโดยประชาชน
-
16:35 - 16:38เราต้องทำให้กฎหมายทุกอย่างที่เขียนด้วยประชาชน
-
16:38 - 16:40กับกฎหมายที่เขียนโดยผู้มีอำนาจสอดคล้องกันเสียก่อน
-
16:40 - 16:42เราถึงจะได้อยู่ในโลกที่ยุติธรรมอย่างแท้จริง
-
16:42 - 16:44กลุ่มการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง
-
16:44 - 16:47เป็นกลุ่มที่ช่วยสนับสนุน ดร.คิง
-
16:47 - 16:49ในการทำความคิดนี้ให้เป็นจริง
-
16:49 - 16:52เราเดินตามท่าน ไม่ใช่เพื่อตัวท่าน แต่เพื่อตัวเราเอง
-
16:52 - 16:54อ้อ แล้วปาฐกถาที่ท่านพูดน่ะครับ ชื่อว่า "ผมมีความฝัน"
-
16:54 - 16:56ไม่ใช่ "ผมมีแผน" นะครับ
-
16:56 - 17:00(เสียงหัวเราะ)
-
17:00 - 17:03ลองฟังนักการเมืองเดี๋ยวนี้พูดถึงแผน 12 ยุทธศาสตร์สิครับ
-
17:03 - 17:05ไม่เห็นสร้างแรงบันดาลใจให้ใครได้เลย
-
17:05 - 17:08โลกนี้มี "คนในตำแหน่งผู้นำ" กับ "คนที่เป็นผู้นำ"
-
17:08 - 17:10คน "ในตำแหน่งผู้นำ" เขามีอำนาจ
-
17:10 - 17:12ตามตำแหน่งหน้าที่
-
17:12 - 17:15แต่คนที่ "เป็นผู้นำ" เขาสร้างแรงบันดาลใจให้เรา
-
17:16 - 17:18ไม่ว่าจะเป็นระดับบุคคลหรือในองค์กร
-
17:18 - 17:20เราเดินตามคนที่ "เป็นผู้นำ"
-
17:20 - 17:22ไม่ใช่เพราะเราจำเป็นต้องทำ
-
17:22 - 17:25แต่เพราะเราอยากทำ
-
17:25 - 17:28เราเดินตามคนที่ "เป็นผู้นำ" ไม่ใช่เพื่อเขา
-
17:28 - 17:30แต่เพื่อตัวเราเอง
-
17:30 - 17:33คนที่เริ่มต้นด้วยคำถามว่า "ทำไม"
-
17:33 - 17:35นั่นแหละคือคนที่มีความสามารถ
-
17:35 - 17:37ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง
-
17:37 - 17:40หรือค้นพบคนที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้
-
17:40 - 17:42ขอบคุณมากครับ
-
17:42 - 17:44(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ไซมอน ซิเน็ค: ผู้นำที่ยิ่งใหญ่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ตามได้อย่างไร
- Speaker:
- Simon Sinek
- Description:
-
ไซมอน ซิเน็คเสนอโมเดลง่ายๆ แต่ทรงพลังสำหรับผู้นำนักสร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งเริ่มจากหัวใจหลักคือคำถามว่า "ทำไม?" ไซมอนยกแอปเปิล มาร์ติน ลูเธอร์ คิง และพี่น้องตระกูลไรท์เป็นตัวอย่าง และเปรียบเทียบกับกรณี TiVo ซึ่งประสบปัญหาลุ่มๆ ดอนๆ ในการบริหาร (ก่อนหน้าที่จะชนะคดีซึ่งทำให้มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นสามเท่าในภายหลัง)
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 17:44