< Return to Video

รอน กูตมัน: พลังที่ซ่อนเร้นของรอยยิ้ม

  • 0:00 - 0:03
    ตอนผมเด็ก ผมฝันตลอดว่าอยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร่
  • 0:03 - 0:06
    ผมอยากช่วยโลกและทำให้ทุกคนมีความสุข
  • 0:06 - 0:08
    แต่ผมก็รู้ว่ามันจะต้องมีพลังพิเศษประกอบ
  • 0:08 - 0:10
    เพื่อทำให้ฝันของผมเป็นจริง
  • 0:10 - 0:13
    ดังนั้นผมจึงเริ่มต้นจินตนาการการเดินทาง
  • 0:13 - 0:16
    เพื่อเสาะหาวัตถุนอกกาแล็กซีจากดาวเคราะห์คริปตอน
  • 0:16 - 0:18
    ซึ่งเป็นอะไรที่สนุกมาก
  • 0:18 - 0:20
    แต่ผมก็ไม่ได้คำตอบสักเท่าไหร่
  • 0:20 - 0:22
    พอผมโตขึ้น ผมก็รู้ว่า
  • 0:22 - 0:25
    นิยายวิทยาศาสตร์ไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่ดีของพลังพิเศษ
  • 0:25 - 0:28
    ผมจึงตัดสินใจเริ่มเดินทางในโลกความจริงแทน
  • 0:28 - 0:30
    ผมเจอความจริงมากขึ้น
  • 0:30 - 0:33
    ผมเริ่มต้นการเดินทางที่แคลิฟอร์เนีย
  • 0:33 - 0:36
    กับการศึกษาของ ม.แคลิฟอร์เนีย-เบิร์กเลย์ (UC Berkley) ที่ศึกษาย้อนกลับไปร่วม 30 ปี
  • 0:36 - 0:38
    ที่วิเคราะห์รูปภาพนักศึกษา
  • 0:38 - 0:40
    ในหนังสือรุ่น
  • 0:40 - 0:42
    และพยายามวัดระดับความสำเร็จและความเป็นอยู่
  • 0:42 - 0:44
    ตลอดช่วงชีวิตพวกเขา
  • 0:44 - 0:46
    โดยวัดจากรอยยิ้มของเหล่านักศึกษากลุ่มนี้
  • 0:46 - 0:48
    นักวิจัยสามารถพยากรณ์ได้ว่า
  • 0:48 - 0:50
    พวกเขาจะมีความสุขและมีชีวิตยืนยาว
  • 0:50 - 0:53
    ในด้านชีวิตสมรสแค่ไหน
  • 0:53 - 0:55
    เธอจะได้รับคะแนนสักเท่าไหร่
  • 0:55 - 0:57
    ในเรื่องมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี
  • 0:57 - 1:00
    และจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นแค่ไหน
  • 1:01 - 1:04
    ในหนังสือรุ่นอีกเล่มหนึ่ง ผมรู้สึกสะดุดกับรูปของแบรี่ โอบามา
  • 1:04 - 1:06
    ตอนที่ผมมองรูปเขาครั้งแรก
  • 1:06 - 1:09
    ผมคิดว่าพลังพิเศษบางอย่างนี้มาจากปกเสื้อสุดเจ๋งของเขา
  • 1:10 - 1:13
    แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันมาจากรอยยิ้มเขาต่างหาก
  • 1:13 - 1:15
    อีกอันหนึ่งที่ ใช่เลย!
  • 1:15 - 1:18
    มาจากโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัย เวนน์ สเตท (Wayne State) ในปี 2010 (พ.ศ.2553)
  • 1:18 - 1:21
    ที่ศึกษาบัตรเบสบอลที่ออกก่อนปี 1950 (พ.ศ.2493)
  • 1:21 - 1:23
    ของผู้เล่น เมเจอร์ ลีค
  • 1:23 - 1:25
    ทีมนักวิจัยค้นพบว่า
  • 1:25 - 1:27
    รอยยิ้มของผู้เล่น
  • 1:27 - 1:30
    สามารถใช้พยากรณ์ช่วงชีวิตของเขาได้
  • 1:30 - 1:33
    ผู้เล่นที่ไม่ได้ยิ้มในรูป
  • 1:33 - 1:36
    มีอายุประมาณ 72.9 ปี
  • 1:36 - 1:38
    แต่กับผู้เล่นที่ยิ้มกว้าง
  • 1:38 - 1:41
    มีอายุถึงเกือบ 80 ปีทีเดียว
  • 1:41 - 1:43
    (เสียงหัวเราะ)
  • 1:43 - 1:46
    ข่าวดีคือพวกเราเกิดมาพร้อมรอยยิ้ม
  • 1:46 - 1:48
    ใช้เทคโนโลยีอุลตาซาว 3 มิติ
  • 1:48 - 1:51
    เราจะเห็นได้ว่าเด็กทารกกำลังยิ้มอยู่
  • 1:51 - 1:53
    แม้เขาจะอยู่ในครรภ์
  • 1:53 - 1:55
    และเมื่อพวกเขาคลอดออกมา
  • 1:55 - 1:57
    เด็กก็ยังคงยิ้มต่อไป
  • 1:57 - 1:59
    โดยส่วนมากตอนนอน
  • 1:59 - 2:01
    หรือแม้แต่เด็กที่ตาบอดก็ยิ้ม
  • 2:01 - 2:04
    ให้กับเสียงคนที่เขาได้ยิน
  • 2:04 - 2:07
    การยิ้มเป็นระบบพื้นฐานที่สุดที่เป็นเอกภาพในเชิงชีววิทยา
  • 2:07 - 2:09
    ในการแสดงความรู้สึกของมนุษย์
  • 2:09 - 2:11
    ในการศึกษาที่ ปาปัว นิว กีนี
  • 2:11 - 2:13
    พอล เอ็คมัน (Paul Ekman)
  • 2:13 - 2:16
    นักวิจัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกเรื่องการแสดงออกของใบหน้า
  • 2:16 - 2:19
    พบว่าแม้แต่ชนเผ่าโฟร์ (Fore)
  • 2:19 - 2:22
    ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมตะวันตกเลย
  • 2:22 - 2:26
    และยังเป็นที่รู้จักในพิธีกรรมกินคนแบบแปลกประหลาดอีก
  • 2:26 - 2:29
    ใช้รอยยิ้มประกอบคำอธิบายในสถานการณ์ต่างๆ
  • 2:29 - 2:31
    เหมือนกับที่คุณและผมทำกัน
  • 2:31 - 2:34
    ดังนั้น จากปาปัว นิว กีนี
  • 2:34 - 2:36
    มาถึงฮอล์ลีวูด
  • 2:36 - 2:39
    จนถึงงานศิลปะร่วมสมัยในปักกิ่ง
  • 2:39 - 2:41
    พวกเรายิ้มกันบ่อยๆ
  • 2:41 - 2:43
    เรายิ้มแสดงออกว่ามีความสุข
  • 2:43 - 2:45
    และพึงพอใจ
  • 2:45 - 2:47
    มีกี่คนในห้องนี้ครับที่
  • 2:47 - 2:49
    ยิ้มมากกว่า 20 ครั้งต่อวัน
  • 2:49 - 2:52
    ยกมือขึ้นหน่อยครับ โอ้ ว้าว
  • 2:52 - 2:54
    นอกเหนือไปจากพวกเราในห้องนี้
  • 2:54 - 2:57
    คนมากกว่าหนึ่งในสามยิ้มกว่า 20 ครั้งต่อวัน
  • 2:57 - 3:00
    ในขณะที่ไม่ถึงร้อยละ 14
  • 3:00 - 3:02
    ที่ยิ้มน้อยกว่าห้าครั้ง
  • 3:02 - 3:05
    อันที่จริง คนส่วนใหญ่ที่มีพลังพิเศษนี้
  • 3:05 - 3:08
    คือเด็กๆ
  • 3:08 - 3:11
    ซึ่งยิ้มมากถึง 400 ครั้งต่อวัน
  • 3:11 - 3:13
    คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาอยู่กับเด็กๆ
  • 3:13 - 3:15
    ที่ยิ้มกันบ่อยๆ
  • 3:15 - 3:18
    ทำให้พวกเราพลอยยิ้มบ่อยตามไปด้วย
  • 3:19 - 3:21
    งานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยอุพพ์ซาลา (Uppsala) ในสวีเดน
  • 3:21 - 3:24
    พบว่า เป็นเรื่องยากที่จะทำหน้าบึ้ง
  • 3:24 - 3:26
    เวลาที่เรามองหน้ายิ้มๆของใครบางคน
  • 3:26 - 3:28
    คุณอาจสงสัยว่า ทำไม?
  • 3:28 - 3:30
    ก็เพราะว่าการยิ้มมีวิวัฒนาการที่เชื่อมโยงแพร่ไปถึงกันได้
  • 3:30 - 3:32
    และมันยับยั้งการควบคุม
  • 3:32 - 3:35
    กล้ามเนื่อบนใบหน้าของพวกเรา
  • 3:35 - 3:37
    การยิ้มเลียนแบบตามผู้อื่น
  • 3:37 - 3:39
    และการยิ้มที่เกิดขึ้นเองทางกายภาพ
  • 3:39 - 3:43
    ช่วยให้เข้าใจว่ายิ้มที่เกิดขึ้นเป็นรอยยิ้มแบบเสแสร้งหรือรอยยิ้มแบบจริงใจ
  • 3:43 - 3:45
    จึงทำให้เราสามารถเข้าใจความรู้สึก
  • 3:45 - 3:47
    ของผู้ยิ้มได้
  • 3:47 - 3:49
    การศึกษาเกี่ยวกับการเลียนแบบ
  • 3:49 - 3:52
    ที่มหาวิทยาลัยเคร์มองต์ เฟอร์รานด์ (Clermont-Ferrand) ในประเทศฝรั่งเศส
  • 3:52 - 3:54
    ผู้ร่วมการทดสอบจะต้องบอกว่า
  • 3:54 - 3:56
    อันไหนเป็นยิ้มแบบจริงใจ อันไหนยิ้มแบบเสแสร้ง
  • 3:56 - 3:58
    ในขณะที่คาบดินสอไว้ที่ปากด้วย
  • 3:58 - 4:00
    เพื่อรั้งกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม
  • 4:00 - 4:03
    ถ้าไม่มีดินสอ ผู้ร่วมทดสอบคงตัดสินได้ดีเยี่ยม
  • 4:03 - 4:05
    แต่เมื่อมีดินสอในปาก
  • 4:05 - 4:08
    พวกเขาไม่สามารถเลียนแบบการยิ้มที่พวกเขาเห็นได้
  • 4:08 - 4:10
    ความสามารถในการตัดสินของพวกเขาเลยเดี๊ยง
  • 4:10 - 4:12
    (เสียงหัวเราะ)
  • 4:12 - 4:15
    นอกจากทฤษฎีวิวัฒนาการในหนังสือ "กำเนิดสปีชีส์" (The Origin of Species)
  • 4:15 - 4:17
    ชาร์ล ดาร์วิน (Charles Darwin) ยังได้เขียน
  • 4:17 - 4:19
    ทฤษฎีการตอบโต้ย้อนกลับทางใบหน้า
  • 4:19 - 4:21
    ทฤษฎีของเขากล่าวว่า
  • 4:21 - 4:23
    กิริยาอาการยิ้มนั้น ด้วยตัวมันเอง
  • 4:23 - 4:25
    ตามความเป็นจริงแล้ว จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
  • 4:25 - 4:27
    มากกว่าการยิ้มที่เป็นผลพวง
  • 4:27 - 4:29
    ของความรู้สึกดีที่เกิดขึ้น
  • 4:29 - 4:31
    ในการค้นคว้าของเขา
  • 4:31 - 4:34
    ดาร์วินได้อ้างถึงนักประสาทวิทยาชาวฝรั่งเศส กูเลียม ดูแชนน์ (Guillaume Duchenne)
  • 4:34 - 4:37
    ที่ใช้ไฟฟ้าช๊อตกล้ามเนื้อบนใบหน้า
  • 4:37 - 4:39
    เพื่อกระตุ้นให้เกิดรอยยิ้ม
  • 4:39 - 4:41
    กรุณาอย่าได้ลองทำเองที่บ้านนะครับ
  • 4:41 - 4:43
    (เสียงหัวเราะ)
  • 4:43 - 4:45
    ในการศึกษาที่เกี่ยวเนื่องกันของเยอรมัน
  • 4:45 - 4:47
    นักวิจัยใช้การสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็กเชิงฟังชั่น (fMRI)
  • 4:47 - 4:49
    เพื่อประเมินกิจกรรมทางสมอง
  • 4:49 - 4:52
    ก่อนและหลังฉีดการฉีดโบท๊อกซ์ (Botox)
  • 4:52 - 4:55
    เพื่อรั้งกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม
  • 4:55 - 4:57
    ผลการศึกษาสนับสนุนทฤษฎีของดาร์วิน
  • 4:57 - 4:59
    โดยแสดงให้เห็นว่าการโต้ตอบของใบหน้า
  • 4:59 - 5:01
    เปลี่ยนแปลงการประมวลผลของประสาท
  • 5:01 - 5:03
    ของข้อมูลอารมณ์ที่อยู่ในสมอง
  • 5:03 - 5:06
    ในทางที่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นเวลาที่เรายิ้ม
  • 5:07 - 5:09
    การยิ้มช่วยกระตุ้นกลไกการให้รางวัลของสมอง
  • 5:09 - 5:11
    ในทางที่แม้แต่ช็อกโกแลต
  • 5:11 - 5:14
    ตัวลดความเครียดชั้นดี
  • 5:14 - 5:16
    ไม่สามารถเทียบเท่าได้
  • 5:16 - 5:19
    นักวิจัยชาวอังกฤษได้พบว่าการยิ้มหนึ่งครั้ง
  • 5:19 - 5:22
    สามารถกระตุ้นสมองในระดับเดียวกับ
  • 5:22 - 5:25
    ช็อกโกแลต 2,000 แท่ง
  • 5:25 - 5:27
    (เสียงหัวเราะ)
  • 5:27 - 5:30
    เดี๋ยวครับ ในการวิจัยอันเดียวกันพบว่า
  • 5:30 - 5:32
    การยิ้มกระตุ้นความรู้สึกในระดับเดียวกับ
  • 5:32 - 5:37
    ได้รับเงินสด 16,000 ปอนด์สเตอริงเลยทีเดียว
  • 5:37 - 5:39
    นี่เหมือนกับว่า ยิ้มครั้งหนึ่งได้ 25,000 ดอลลาร์
  • 5:39 - 5:41
    ไม่เลวเลยครับ
  • 5:41 - 5:43
    คิดแบบนี้แล้วกัน
  • 5:43 - 5:45
    25,000 ดอลลาร์ คูณ 400
  • 5:45 - 5:47
    มีเด็กจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว
  • 5:47 - 5:50
    ที่จะรู้สึกเหมือนกับ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ในแต่ละวัน
  • 5:50 - 5:52
    และไม่เหมือนกับช็อกโกแลตเยอะๆ
  • 5:52 - 5:55
    ยิ้มเยอะๆ ช่วยให้สุขภาพคุณดีขึ้นได้
  • 5:55 - 5:57
    การยิ้มช่วยลดระดับ
  • 5:57 - 5:59
    การสร้างฮอร์โมนความเครียดได้
  • 5:59 - 6:02
    เหมือนกับ คอร์ทิโซล (cortisol) อะดรีนาลีน (adrenaline) และโดปามีน (dopamine)
  • 6:02 - 6:04
    ที่เพิ่มระดับการสร้างฮอร์โมนอารมณ์ดี
  • 6:04 - 6:06
    เหมือนกับเอนโดร์ฟีน (endorphin)
  • 6:06 - 6:08
    และช่วยลดความดันเลือดโดยรวม
  • 6:08 - 6:10
    และถ้าแค่นี้ยังไม่พอละก็
  • 6:10 - 6:12
    การยิ้มทำให้เราดูดี
  • 6:12 - 6:14
    ในสายตาของคนอื่น
  • 6:14 - 6:16
    ในการศึกษาของมหาวิทยาลัย เพน สเตท (Penn State)
  • 6:16 - 6:18
    พบว่าตอนที่เรายิ้ม
  • 6:18 - 6:21
    เราไม่เพียงดูสุภาพและอัธยาศัยดีเท่านั้น
  • 6:21 - 6:25
    แต่เรายังดูเป็นคนเก่งมีความสามารถมากขึ้นด้วย
  • 6:25 - 6:27
    ดังนั้นเวลาที่คุณอยากดูดีและดูเก่ง
  • 6:27 - 6:29
    ลดความเครียด
  • 6:29 - 6:31
    หรือยกระดับการใช้ชีวิตคู่
  • 6:31 - 6:34
    หรืออยากรู้สึกเหมือนกันเราเพิ่งได้กินช็อกโกแลตชั้นเลิศเข้าไปเป็นถุง
  • 6:34 - 6:37
    โดยไม่ต้องกังวลถึงแคลอรี่นะ
  • 6:37 - 6:39
    หรือราวกับว่าเราล้วงไปเจอเงิน 25,000 ดอลลาร์ในกระเป๋า
  • 6:39 - 6:42
    เสื้อแจ๊กเก็ตที่คุณไม่ได้ใส่มาหลายปี
  • 6:42 - 6:46
    หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณอยากจะมีพลังพิเศษ
  • 6:46 - 6:49
    ที่จะช่วยคุณและผู้คนรอบข้าง
  • 6:49 - 6:52
    ให้มีชีวิตยืินยาวขึ้น สุขภาพดีขึ้น และมีความสุขขึ้น
  • 6:52 - 6:54
    ยิ้มกันเถิดครับ
  • 6:54 - 7:05
    (เสียงปรบมือ)
Title:
รอน กูตมัน: พลังที่ซ่อนเร้นของรอยยิ้ม
Speaker:
Ron Gutman
Description:

รอน กูตมัน (Ron Gutman) ได้แสดงความคิดเห็นของการศึกษาเกี่ยวกับรอยยิ้มและแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ชวนให้ประหลาดใจ คุณทราบหรือไม่ว่ารอยยิ้มของคุณสามารถทำนายอายุขัยของคุณได้ -- และการยิ้มง่ายมีผลกระทบที่วัดได้โดยรวมเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีของคุณหรือไม่ เตรียมกล้ามเนื้อหน้าของคุณแล้วเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพัฒนาการต่อเนื่องของพฤติกรรมนี้ได้

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TEDTalks
Duration:
07:06
Sritala Dhanasarnsombut added a translation

Thai subtitles

Revisions