คริส บริสส์ (Chris Bliss): เรื่องตลก คือ การแปลความ
-
0:00 - 0:02กาเบรียล การ์เซีย มาเคซ (Gabriel García Márquez)
เป็นหนึ่งในนักเขียนคนโปรดของผม -
0:02 - 0:04เพราะผมชอบสไตล์การเล่าเรื่องของเขา
-
0:04 - 0:06แต่ยิ่งไปกว่านั้น ผมคิดว่า
-
0:06 - 0:08บทร้อยแก้วของเขา
เขียนได้อย่างสละสลวยและถูกต้อง -
0:08 - 0:12ไม่ว่าจะเป็น บทพูดเปิดฉากในเรื่อง
"หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว" -
0:12 - 0:14หรือ กระแสการไหลของจิตใต้สำนึกอันน่าประทับใจ
-
0:14 - 0:16ในเรื่อง "ยุคแห่งความร่วงโรยของผู้นำ"
-
0:16 - 0:18ผมอ่านกำลังตัวหนังสือเหล่านั้นอย่างเร่งรีบ
-
0:18 - 0:20หน้าแล้วหน้าเล่า โดยที่จินตนาการของผมไม่ถูกสะดุดเลย
-
0:20 - 0:22เนื้อหาได้พาอารมณ์ของผู้อ่านให้คล้อยตาม
-
0:22 - 0:24ดั่งสายน้ำในป่ากว้าง
-
0:24 - 0:26ที่เลาะเลี้ยวผ่านป่าในแถบอเมริกาใต้
-
0:26 - 0:29การได้อ่านเรื่องของ มาร์เกซ เปรียบได้กับ
ประสบการณ์ที่ทำให้คุณจะรู้สึกมวนท้องน้อย -
0:29 - 0:31สิ่งที่กระทบใจผมอย่างยิ่ง เกิดขึ้นในคาบการเรียน
-
0:31 - 0:33หนึ่งของการอ่านนวนิยาย
-
0:33 - 0:35ตอนนั้นผมรู้ตัวเลยว่า ผมถูกทำให้เคลิบเคลิ้มไปกับ
-
0:35 - 0:38การเดินทางที่มีชีวิตชีวาเช่นครั้งนี้
-
0:38 - 0:40โดยการแปล
-
0:40 - 0:42ขณะนี้ ผมเรียนเอก
วิชาการเปรียบเทียบวรรณคดีอยู่ในวิทยาลัย -
0:42 - 0:44วิชานี้คล้ายๆกับ การเรียนเอกภาษาอังกฤษ
-
0:44 - 0:46แต่ ผมไม่ต้องถูกจำกัดให้อ่านเฉพาะหนังสือของโชเซอร์ นานถึงสามเดือน
-
0:46 - 0:48พวกเราได้อ่าน บทแปลของสุดยอดวรรณคดีหลายเล่ม
-
0:48 - 0:50จากทั่วโลก
-
0:50 - 0:52และ สิ่งที่สำคัญเท่าๆกับ หนังสือเหล่านี้
-
0:52 - 0:54ซึ่งคุณก็บอกได้ คือ
-
0:54 - 0:56คุณคิดว่า คุณเสมือนกำลังอยู่ในสถานการณ์นั้นๆเอง
-
0:56 - 0:58แต่ ความคิดอย่างนั้น มันนำใช้ไม่ได้กับ มาร์เกซ
-
0:58 - 1:00ผู้ซึ่ง ครั้งหนึ่งเคยกล่าวชม
นักแปลที่แปลงานเวอร์ชั่นแรกๆ ของเขา -
1:00 - 1:03ว่า แปลได้ดีกว่าต้นฉบับของเขาเองเสียอีก
-
1:03 - 1:06ซึ่ง คำชมแบบนี้ ฟังดูแล้วรู้สึกแปลกๆ มากกว่า
-
1:06 - 1:08เพราะอย่างนี้ ตอนที่ผมได้ยินว่า
เกรกอรี่ ราบาสซ่า นักแปลคนหนึ่ง -
1:08 - 1:10ที่เคยเขียนหนังสือของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
-
1:10 - 1:12ฉันแทบจะรอให้ได้อ่านไม่ไหว
-
1:12 - 1:14มันถูกเรียกว่า การอ้างถึงสำนวนอิตาเลี่ยนที่เหมาะสม
-
1:14 - 1:16ที่ผมหยิบยกเอามาจาก บทนำเรื่อง
-
1:16 - 1:18"ถ้านี่คือการก่อกบฏ" ของเขา
-
1:18 - 1:20เรื่องนี้เขียนได้ดี จนคุณวางไม่ลง
-
1:20 - 1:22ผมขอแนะนำให้ทุกคนที่สนใจ
-
1:22 - 1:24ในศิลปะการแปลได้อ่านกัน
-
1:24 - 1:26แต่ เหตุผลจริงๆที่ผมทำให้พูดถึงมัน
-
1:26 - 1:28คือว่า ก่อนหน้านี้ นาย ราบัซซา เคยเกริ่น
-
1:28 - 1:32คมความคิด ที่ว่า
-
1:32 - 1:34"ทุกๆ การแสดงออกของการสื่อสาร
-
1:34 - 1:37มันคือ การแสดงออกของการแปล"
-
1:37 - 1:40เอาล่ะ ทุกคนอาจจะเห็นว่าเรื่องนี้ใครๆก็รู้ ไม่เห็นแปลกเลย
-
1:40 - 1:42แต่ สำหรับผม
-
1:42 - 1:44ที่เผชิญหน้ากับเรื่องยากๆนี้
-
1:44 - 1:46อยู่บ่อยๆในชีวิตประจำวัน
-
1:46 - 1:49ผมยังไม่เคยเห็น สิ่งท้าทายที่ตามมากับการสื่อสาร
-
1:49 - 1:51แบบชัดๆ เลยสักครั้ง
-
1:51 - 1:53ตัวผมเอง นับตั้งแต่จำความได้
-
1:53 - 1:55ก็คอยพิจารณาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น อย่างมีสติ
-
1:55 - 1:57การสื่อสารได้กลายมาเป็น จุดศูนย์รวมของสิ่งที่ผมรัก
-
1:57 - 1:59แม้กระทั่ง ตอนยังเป็นเด็ก
-
1:59 - 2:02ผมจำได้ ผมเคยคิดว่า สิ่งที่ผมต้องการจริงๆในชีวิต
-
2:02 - 2:05คือ ความสามารถในการเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง
-
2:05 - 2:08จากนั้น ก็สามารถสื่อสารต่อให้คนอื่นๆได้รู้ด้วย
-
2:08 - 2:11ผมไม่ได้พูดถึงปัญหาเรื่องปัจเจกบุคคลนะครับ
-
2:11 - 2:13จะบอกให้ มันตลกสิ้นดี เมื่อ เดซี่ ภรรยาของผม
-
2:13 - 2:15ผู้ซึ่งมาจากครอบครัวที่มีคนเป็นโรคจิตเภท เต็มไปหมด ---
-
2:15 - 2:18ผมพูดจริงๆ
-
2:18 - 2:22เธอเคยพูดกับผมว่า
"คริส ฉันน่ะมีพี่ชายที่คิดว่าตัวเองพระเจ้าคนนึง -
2:22 - 2:24ก็พอแล้วนะ อย่าให้ต้องมีสามีที่คิดอย่างนั้น อีกเลย "
-
2:24 - 2:26(เสียงหัวเราะ)
-
2:26 - 2:28อย่างไรก็ตาม พอผมอายุย่างเข้า 20 กว่า
-
2:28 - 2:30ผมก็ยิ่งตระหนักได้มากขึ้น ว่าความทะเยอทะยาน
-
2:30 - 2:33ส่วนแรกที่ผมวาดไว้ในวัยเด็ก ถึงทำไม่ได้สักที
-
2:33 - 2:35ซึ่งคำตอบน่าจะมาจากส่วนที่สอง ซึ่งก็คือ
-
2:35 - 2:37การที่ผมไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่น ๆให้เข้าใจถึง
-
2:37 - 2:39ความรู้ ใดๆก็ตาม ที่ผมมีได้
-
2:39 - 2:42นั่นแหละผมว่า
-
2:42 - 2:44ไม่ว่าจะครั้งไหนก็ตาม
-
2:44 - 2:46ที่ผมเล่าเรื่อง ความเป็นจริงต่างๆอันยิ่งใหญ่
-
2:46 - 2:48แบ่งปันให้กับผู้ฟัง
ที่ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะอยากขอบคุณผมทีหลัง -
2:48 - 2:51ผมกลับได้รับผลลัพธ์ตรงกันข้าม
-
2:51 - 2:53สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ
เมื่อไรก็ตามที่คุณเริ่มพูดคุย ด้วยคำว่า -
2:53 - 2:55"พวกเธอ ฟังดีๆนะ
-
2:55 - 2:59ผมกำลังจะให้ความรู้ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดกับพวกคุณล่ะนะ"
-
2:59 - 3:01มันจะงงมาก ว่า คุณกลับรู้สึกได้ทันที
-
3:01 - 3:04ถึงความเย็นยะเยือก พร้อมๆกันกับ
โทสะที่เดือดพล่าน จากคนกลุ่มนั้น -
3:05 - 3:07ในที่สุด หลังจาก 10 ปี
-
3:07 - 3:10ที่ผมถูกแปลกแยกจากเพื่อนๆและ
จากคนแปลกหน้าสำหรับผม -
3:10 - 3:12ในที่สุดผมก็เข้าใจ
-
3:12 - 3:15ได้เองถึง ความจริงส่วนบุคคล
-
3:15 - 3:19ว่า เมื่อไรก็ตามที่ผมอยากจะสื่อสารกับคนอื่น
-
3:19 - 3:21ให้รับรู้ถึงความคิดของผม
-
3:21 - 3:23ผมจะต้องใช้วิธีอื่น
-
3:23 - 3:26และ ตอนนั้นแหละที่ผมคิดถึง
การเล่าเป็นเรื่องตลก -
3:26 - 3:29เพราะ พอทำให้เป็นเรื่องตลก
คนจะรับรู้ได้ในคลื่นที่ต่างออกไป -
3:29 - 3:31ซึ่งได้จาก การใช้ภาษาในรูปแบบที่ต่างออกไป
-
3:31 - 3:33ถ้าจะให้ผมอธิบายใหม่
-
3:33 - 3:35ผมขอบอกว่า มันจะเป็นการสื่อสารในรูประหว่าง
-
3:35 - 3:38การท่องบทกวี และ การเล่าเรื่องโกหก
-
3:39 - 3:41เอ่อ ผมไม่ได้หมายถึง เรื่องตลกทุกประเภทนะครับ
-
3:41 - 3:43ทุกคนรู้ว่า มีเรื่องขำขันมากมาย
-
3:43 - 3:46ที่ถูกปรับแต่งสีสันให้ปลอดภัย
และให้อยู่ในกรอบของสิ่งที่เราคิดและรู้สึก -
3:46 - 3:48สิ่งที่ผมต้องการจะพูดถึง
-
3:48 - 3:51คือ การใช้ลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของ
เรื่องตลก และ การประชดประชัน -
3:51 - 3:54ในการหาทางเลี่ยงให้คนรับรู้เรื่องๆหนึ่ง
ในแง่มุมที่ต่างออกไปจากการรับรู้แบบเดิมๆได้ -
3:54 - 3:57นี่คือ การใช้เรื่องตลก
เสมือนเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ นั่นเอง -
3:57 - 4:00คือ การที่เราใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมของเรา
ให้เป็นสารโลหะพื้นฐาน -
4:00 - 4:02แล้ว แปลงความรู้นั้นให้เป็นเรื่องล้อเลียน
-
4:02 - 4:04ให้กลายเป็น การมองเรื่องนั้นๆในมุมมองที่ต่างออกไป
-
4:04 - 4:06และ เพื่อให้ท้ายที่สุด สามารถใช้ชีวิตบนโลกนี้ได้
-
4:06 - 4:08นี่แหละ คือ สิ่งที่ผมได้มา
-
4:08 - 4:11จากหัวข้อของการประชุมนี้:
สิ่งที่ได้รับ จากการแปล -
4:11 - 4:13สิ่งนี้ เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร
-
4:13 - 4:15ที่ไม่เพียง แต่ทำให้ผู้คนเข้าใจกันดียิ่งขึ้น
-
4:15 - 4:17แต่ มันเป็นสิ่งที่
-
4:17 - 4:19จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
-
4:19 - 4:21ซึ่งจากประสบการณ์ของผม
มันหมายถึง การสื่อสาร -
4:21 - 4:24ที่เราจัดการได้ว่า เราจะคุยเพื่อที่จะขยายความ
-
4:24 - 4:27แนวคิดของสิ่งที่เราสนใจออกไป
-
4:27 - 4:29ตอนนี้ ใครๆก็รู้จักผม ในฐานะผมพูดเรื่องต่างๆ
ที่อยู่ในความสนใจของสังคม -
4:29 - 4:31ก็เพราะเราทุกคนสนใจที่จะรู้
-
4:31 - 4:33มันเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีพให้อยู่รอด
-
4:33 - 4:36และนั่นก็อธิบายว่า
ทำไมสิ่งนี้ถึงกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา -
4:36 - 4:39และ ทำไมเรามักจะฟังเรื่องแบบนี้
-
4:39 - 4:42และ ก็เพราะนั่นคือจุดที่
-
4:42 - 4:44เวลาพูดถึงสิ่งที่ตัวเองสนใจ
-
4:44 - 4:46เราจะเริ่มใช้ความสามารถทีี่มีอยู่ตอบสนอง
-
4:46 - 4:49ใช้ความรับผิดชอบของเรา
-
4:49 - 4:51ยื่นให้กับโลก
-
4:51 - 4:54มาต่อกัน เรื่องที่พูดไปว่า การเล่าเรื่องตลก
และ การประชดประชัน ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั้น -
4:54 - 4:56ผมหมายถึง งานที่ให้ความสำคัญที่สุด
-
4:56 - 4:59กับความซื่อสัตย์ และ ความมีคุณธรรม
-
4:59 - 5:01คุณลองนึกย้อนไปถึง
-
5:01 - 5:04การแสดงล้อเลียน โดย ทิน่า เฟ (Tina Fey)
ในรายการ Saturday Night Live -
5:04 - 5:06โดยเลียนแบบผู้ได้รับการเสนอชื่อ
เข้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี -
5:06 - 5:08ซาร่าห์ แพลิน (Sarah Palin)
-
5:08 - 5:10การแสดงพวกนั้นสุดยอดมาก
-
5:10 - 5:13เฟ บรรยายได้เหมือนกว่าพวกที่ชอบ
แสดงความคิดเห็นทางการเมืองคนอื่นๆเสียอีก -
5:13 - 5:16เธอแสดงทำให้คนดูเห็นว่า ตัวผู้ท้าชิงเอง
ยังขาดพื้นฐานของการทำงานอย่างจริงจัง -
5:16 - 5:18ตอกย้ำให้ คนดูประทับใจในสิ่ง
-
5:18 - 5:21ที่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังคงยึดถืออยู่ จนวันนี้
-
5:21 - 5:23และ รายละเอียดสำคัญของเรื่องนี้
-
5:23 - 5:25คือ เฟ ไม่ได้เป็น คนเขียนบทพูดพวกนั้นๆเอง
-
5:25 - 5:27และก็ไม่ได้เขียนโดย นักเขียนบท ของ SNL ซะด้วย
-
5:27 - 5:29บทเหล่านั้น ถูกหยิบยกมาใข้
-
5:29 - 5:31จากคำกล่าวของ ซาร์ร่า แพลิน เองทั้งสิ้น
-
5:31 - 5:35(เสียงหัวเราะ)
-
5:35 - 5:37นี่คือ การล้อเลียนบทบาทการเป็น ซาร์ร่า แพลิน
-
5:37 - 5:39ที่ก๊อปปี้คำพูด ทีละคำ จากปากของ แพลิน เอง
-
5:39 - 5:41เกี่ยวเนื่องมากับความซื่อสัตย์ ความมีคุณธรรม
-
5:41 - 5:43และ นั่นคือ สิ่งที่บอกเราว่า ทำไม ใครๆก็ยัง
-
5:43 - 5:45ประทับใจกับการแสดงของ เฟ มิรู้ลืม
-
5:45 - 5:48เมื่อเราการเมืองจากอีกแง่มุมหนึ่ง
-
5:48 - 5:50ครั้งแรกที่ผมได้ยิน รัช ลิมบอจฮ์
-
5:50 - 5:54เรียก จอห์น เอ็ดเวิร์ด ตัวเต็งว่าที่ประธานาธิบดีว่า
Breck girl (นายแบบโฆษณาแชมพู Breck ) -
5:54 - 5:57ผมรู้ในทันทีว่า รัช จะดังข้ามคืนด้วยคำพูดนี้
-
5:57 - 5:59ไม่บ่อยนักที่ผมจะโยงคำว่า
-
5:59 - 6:02ความซื่อสัตย์ และ ความมีคุณธรรมให้เข้ากับ ลิมบอจฮ์
-
6:02 - 6:05แต่มันยากมากที่จะโต้แย้งกับคำพูดนี้
-
6:05 - 6:07คำบรรยาย จับใจความไว้ครบ
-
6:07 - 6:09ว่าจริงๆแล้วเอดเวิร์ดเป็นคนรักสวยรักงาม
-
6:09 - 6:11ทายซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น
-
6:11 - 6:13เรื่องนี้ ได้กลายเป็น ข้อบ่งชี้ถึงบุคลิกภาพที่กลายเป็น
-
6:13 - 6:16เรื่องอื้อฉาวสำคัญนี้ทำให้เขาต้องจบชืวิตทางการเมืองไป
-
6:18 - 6:20ตอนนี้ รายการ The Daily Show กับ จอห์น สจ๊วต
-
6:20 - 6:22คือ ที่สุดของ ---
-
6:22 - 6:27(เสียงปรบมือ)
-
6:29 - 6:31(เสียงหัวเราะ)
-
6:31 - 6:34ที่สุดของ ตัวอย่างบันทึกเรื่องราว
ที่ดีที่สุดในรูปแบบการเล่าเรื่องตลก -
6:34 - 6:37ของประสิทธิผลของเรื่องตลกชนิดนี้
-
6:37 - 6:39ผลการสำรวจหลายครั้ง
-
6:39 - 6:42ทั้งจาก ผลวิจัยพิว จนถึง
ศูนย์อันเนนเบริ์ก เพื่อการนโยบายสาธารณะ -
6:42 - 6:45พบว่า ผู้ชมรายการ Daily Show
รับรู้ถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน ดีกว่า -
6:45 - 6:49ผู้ชมรายการของเครือข่ายทีวี
และช่องข่าวเคเบิลทีวีรายใหญ่อื่นๆทั้งหมด -
6:49 - 6:52(เลียงปรบมือ)
-
6:52 - 6:54เอาล่ะ ไม่ว่า เรื่องนี้จะ
-
6:54 - 6:57กล่าวโยงถึงความไม่ลงรอยระหว่างความซื่อสัตย์
กับการทำกำไร -
6:57 - 6:59ขององค์กรสื่อสารมวลชน
-
6:59 - 7:01มากกว่า การบอกเล่าถึงจำนวนผู้ชมรายการของสจ๊วต
หรือไม่ ก็ตาม -
7:01 - 7:03ประเด็นที่ใหญ่กว่านั้น ยังคงอยู่ที่
-
7:03 - 7:05เนื้อหารายการของ สจ๊วต
-
7:05 - 7:08ที่ยึดมั่นกับการนำเสนอรายการตามข้อเท็จจริง
-
7:08 - 7:10ไม่ใช่ว่า เขาต้องการรายงาน ไม่ใช่เลย
-
7:10 - 7:12ความตั้งใจของเขา คือ ทำให้สนุกสนาน
-
7:12 - 7:15มันแค่เผอิญว่า ด้วยยี่ห้อชวนขำขันของสจ๊วต นั้น
-
7:15 - 7:18คนดูจะไม่ตลกเลย เว้นเสียแต่ว่า ความจริงนั้นๆเป็นเรื่องจริง
-
7:18 - 7:20แล้วคุณก็ได้ชม รายการตลกที่ฮาสุดๆ
-
7:20 - 7:23ทั้งยังเป็นระบบการนำส่งข้อมูล
-
7:23 - 7:26ที่ได้รับคะแนนนิยมสูง ทั้งในแง่ความน่าเชื่อถือ
และ จำนวนผู้ชม -
7:26 - 7:29มากกว่า สื่อการข่าวมืออาชีพใดๆ
-
7:29 - 7:31จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ถือเป็น เรื่องตลกร้ายสองเด้ง
-
7:31 - 7:34เมื่อคุณคิดได้ว่า สิ่งที่ทำให้เรื่องตลก
-
7:34 - 7:36สามารถทะลุผ่านกำแพงใจของผู้ชมได้
-
7:36 - 7:39คือ การใช้วิธีบิดเบือนเรื่องอย่างจงใจ
-
7:39 - 7:42เรื่องตลกที่ดีมากชิ้นหนึ่ง
ซึ่งเป็น มายากลที่ใช้คำพูดเป็นเทคนิคพิเศษ -
7:42 - 7:44เมื่อคุณคิดว่า มันจะไปทางนั้น
-
7:44 - 7:47ทันใดนั้น ตัวคุณเองกลับถูกส่งมาทางนี้
-
7:47 - 7:49ที่ซึ่งนำเสนอความสุขทางจิตใจ
-
7:49 - 7:51และตามมาด้วยการตอบสนองทางกายโดยการหัวเราะ
-
7:51 - 7:53ซึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
-
7:53 - 7:55ที่ร่างกายได้หลั่งเอ็นโดฟิน ในสมอง
-
7:55 - 7:57ก็แค่นั้นแหล่ะ คุณได้ถูกชักจูงให้
-
7:57 - 7:59มองสิ่งต่างๆด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไป
-
7:59 - 8:02นั่นเป็นเพราะ เอ็นโดฟินลดความรู้สึกต่อต้านของคุณลง
-
8:02 - 8:04สิ่งนี้ตรงข้ามสุดขั้ว
-
8:04 - 8:06กับปฎิกิริยาของร่างกาย
ต่ออาการ โกรธ กลัว และตื่นตระหนก -
8:06 - 8:09และ สัญชาติญาณดิบทั้งหมดของมนุษย์
-
8:09 - 8:12สัญชาติญาณดิบหลั่งอะดรีนาลิน,
-
8:12 - 8:14ที่ก่อให้กำแพงอารมณ์ของเรายิ่งสูงขึ้นไปอีก
-
8:14 - 8:16และ เมื่อเราได้ยินเรื่องตลก
-
8:16 - 8:18ที่ไปจับจุด เล่นกับหลายๆหัวข้อ
-
8:18 - 8:20ที่คนมักออกอาการต่อต้านมากที่สุด -
-
8:20 - 8:23เชื้อชาติ ศาสนา การเมือง เพศ -
-
8:23 - 8:26เพียงแค่เข้าถึงโดยใช้อารมณ์ขัน
แทนการทำให้ร่างกายหลั่งอะตรีนาลิน -
8:26 - 8:28ผลที่ได้รับ คือ เอ็นดอร์ฟิน
-
8:28 - 8:31และ การใข้เสียงหัวเราะได้เปลี่ยนกำแพงทึบ
ให้กลายเป็นหน้าต่าง -
8:31 - 8:34ที่เปิดออกให้เห็น แนวคิดใหม่ๆ
และในมุมมองที่คาดไม่ถึง -
8:34 - 8:37ผมขอ ยกตัวอย่างการแสดงของผม
-
8:37 - 8:39ผมมีข้อมูล
-
8:39 - 8:41เกี่ยวกับ วาระการประชุมเกย์
-
8:41 - 8:43ซึ่งเริ่มโดยถามว่า
-
8:43 - 8:45วาระการประชุมนี้ น่าเชื่อถือแค่ไหน
-
8:45 - 8:48เพราะจากที่ฉันพอจะบอกได้
สามสิ่งที่เกย์ชาวอเมริกันอยากได้มากที่สุด -
8:48 - 8:51คือ เข้าร่วมในกองทัพ ได้แต่งงาน และ สร้างครอบครัว
-
8:51 - 8:55(เสียงหัวเราะ)
-
8:55 - 8:59ซึ่งเป็นสามเรื่องที่ผมหลีกเลี่ยงมาตลอดชีวิต
-
8:59 - 9:01(เสียงหัวเราะ)
-
9:01 - 9:04เอาไปเลยไอ้พวกหน่อมแน้ม
เอาสนามรบไปเลย -
9:04 - 9:07(เสียงหัวเราะ)
-
9:07 - 9:09และ ตามมาด้วยประโยคเหล่านี้
-
9:09 - 9:11เกี่ยวกับเรื่องเกย์รับบุตรบุญธรรม
-
9:11 - 9:13มีปัญหาอะไรกับการที่เกย์อยากรับลูกบุญธรรม
-
9:13 - 9:15ทำไมถึงต้องเห็นไม่เห็นด้วยกันขนาดนี้
-
9:15 - 9:18หากคุณมีลูก และ คุณคิดว่าลูกคุณเป็นเกย์
-
9:18 - 9:20คุณควรมีสิทธิ์ ยกลูกให้คนอื่นไปเลี้ยงได้สิ
-
9:20 - 9:22(เสียงหัวเราะ)
-
9:22 - 9:24คุณให้กำเนิด สิ่งที่น่ารังเกียจออกมา
-
9:24 - 9:27ก็เอามันออกไปจากบ้านของคุณสิ
-
9:28 - 9:31การที่เรานำคำว่า "สิ่งที่น่ารังเกียจ" จากไบเบิล
-
9:31 - 9:35มาแปะติดไปกับสิ่งบริสุทธ์ที่สุด
ซึ่งก็คือ เด็กนี่ -
9:35 - 9:37มุขนี้ ลัดวงจรอารมณ์ของผู้คนที่
-
9:37 - 9:39กำลังโต้เถียงกัน
-
9:39 - 9:42และสิ่งที่มันทิ้งให้แก่ผู้ชม ผ่านเสียงหัวเราะ
คือ โอกาส -
9:42 - 9:44ที่ได้ตั้งคำถามกับตัวเอง
-
9:44 - 9:46เทคนิคเบี่ยงเบนทิศทาง ไม่ได้ กลเม็ดเดียวที่
-
9:46 - 9:48มีการใช้กันในการแสดงตลก
-
9:48 - 9:50เศรษฐกิจของภาษา
-
9:50 - 9:52เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ดีมากกับการแสดงตลกเจ๋งๆ
-
9:52 - 9:54มีเพียงไม่กี่วลี
-
9:54 - 9:57ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาของ ชื่อเรื่อง และ สัญลักษณ์
-
9:57 - 9:59ที่ดียิ่งกว่า มุขตลกที่สมบูรณ์แบบ
-
9:59 - 10:01บิล ฮิกส์ -- ถ้าคุณไม่รู้จักงานของเขาคนนี้
-
10:01 - 10:03คุณควรไปใช้กูเกิ้ลซะนะ -
-
10:03 - 10:05ฮิกส์มีกิจวัตรประจำวัน
-
10:05 - 10:08อย่างหนึ่ง คือ ไปร่วมเป็นหนึ่งในการแข่งขันคุยโม้
ของพวกเด็กๆในสนามเด็กเล่น -
10:08 - 10:10ที่ซึ่ง เด็กๆจะมาพูดกับเขาว่า
-
10:10 - 10:13" พ่อของฉันจะชกพ่อแกให้กองลงไปเลย"
-
10:13 - 10:15ซึ่งฮิกส์ ก็ตอบออกไปว่า
-
10:15 - 10:17"จริงเหรอ? เมื่อไรละ"
-
10:17 - 10:22(เสียงหัวเราะ)
-
10:22 - 10:24นี่แหละการเล่าเรื่องสมัยเด็กๆ
-
10:24 - 10:26ในสามคำ
-
10:26 - 10:29(เสียงหัวเราะ)
-
10:29 - 10:31ไม่ได้พูดถึงว่า มันสามารถเผยให้เรารู้เกี่ยวกับ
-
10:31 - 10:33ผู้ใหญ่คนที่กำลังพูดเรื่องนี้
-
10:33 - 10:35และ ตัวแปรสุดท้ายที่ทรงประสิทธิภาพ
-
10:35 - 10:37เพื่อให้เรื่องตลกมีการสื่อสารกันได้
-
10:37 - 10:39คือ มันสามารถถูกเล่าถึงกันปากต่อปาก
-
10:39 - 10:41คนจะไม่มัวรอ
-
10:41 - 10:43ที่จะแชร์มุขตลกใหม่ๆขำๆหรอก
-
10:43 - 10:46นี่ ไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ในโลกที่เชื่อมโยงกัน อะไรเลย
-
10:46 - 10:48เรื่องตลก ถูกส่งผ่านไปอีกประเทศหนึ่งได้
-
10:48 - 10:50ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล่บ
-
10:50 - 10:52มานาน มาก่อนยุคอินเทอร์เนต โซเชียลมีเดีย
-
10:52 - 10:54แม้แต่ เคเบิลทีวี เสียอีก
-
10:54 - 10:56กลับใปปี 1980
-
10:56 - 10:59เมื่อ ริชาร์ด ไพรเออร์ นักแสดงตลก
เผอิญจุดไฟเผาตัวเอง -
10:59 - 11:01ระหว่างอุบัติเหตุตอนที่เขากำลังสูดโคเคน
-
11:01 - 11:03ผมอยู่ที่ลอสแองเจลิส หนึีงวันหลังเกิดเรื่อง
-
11:03 - 11:07ต่อมา ผมย้ายไปกรุงวอชิงตัน ดีซี
ในอีกสองวันหลังจากนั้น -
11:07 - 11:10ผมก็ยังได้ยินมุขเดียวกัน จากทั้งสองฝั่งประเทศ -
-
11:10 - 11:14คนพูดกันเรื่อง
การจุดไฟเผากองทุน Negro College Fund -
11:14 - 11:18เห็นได้ชัดว่า มันไม่ได้ออกมาจากบทพูด
ของรายการ Tonight Show -
11:18 - 11:20และ ผมเดา- โดยที่ผมไม่ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้-
-
11:20 - 11:23ว่า ถ้าคุณสนใจจะมองย้อนกลับไปและทำวิจัยเรื่องนี้ได้
-
11:23 - 11:25คุณจะพบว่า การเล่าเรื่องตลก
-
11:25 - 11:27เป็นอาชีพเก่าแก่ที่ฮิตกันที่สุดอันดับสอง
-
11:27 - 11:29เริ่มจาก การรัวกลอง
-
11:29 - 11:31แล้ว มุขตลกเคาะประตู (Knock-knock)
-
11:31 - 11:33(เสียงหัวเราะ)
-
11:33 - 11:36แต่ เมื่อใดที่คุณรวมองค์ประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกัน -
-
11:36 - 11:39เมื่อนั้น ตลกเรื่องนั้นจะได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย
-
11:39 - 11:41ด้วยมุขตลกสุดเจ๋ง
-
11:41 - 11:43ที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นจากความซื่อสัตย์และ ความมีคุณธรรม
-
11:43 - 11:46มันสามารถสร้างผลกระทบได้จริง
-
11:46 - 11:48ต่อการเปลี่ยนอารมณ์การสนทนา
-
11:48 - 11:50ฉันมีเพื่อนสนิทชื่อ โจเอล เพทท์( Joel Pett)
-
11:50 - 11:52เขาเป็น นักวาดการ์ตูนตลก
-
11:52 - 11:54ให้กับ เล็กซิงตัน เฮอราลด์-ลีดเดอร์ (Lexington HeraldLeader)
-
11:54 - 11:57ก่อนหน้านี้ เขาเคยทำงานกับ
รายการ USA Today Monday morning -
11:57 - 11:59ผมไปเยี่ยมโจเอล
-
11:59 - 12:02วันสุดสัปดาห์ก่อนที่ การประชุมในหัวข้อการเปลี่ยนแปลง
ของสภาพอากาศโลกที่โคเปนเฮเกน จะเริ่มมีขึ้น -
12:02 - 12:04ในเดือนธันวาคมของปี 2009
-
12:04 - 12:06โจเอล อธิบายให้ผมฟังว่า
-
12:06 - 12:08เพราะ หนังสือพิมพ์ ยูเอสเอ ทูเดย์
-
12:08 - 12:10เป็นหนึ่งในสี่ฉบับที่แจกให้
-
12:10 - 12:14ให้ผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ได้อ่าน
ใครๆก็สแกนดูมันได้หมด -
12:14 - 12:17ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าการ์ตูนของเขาได้รับการตีพิมพ์
-
12:17 - 12:19ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันแรกของการประชุม
-
12:19 - 12:21มันจะถูกส่งผ่านไปทั่ว
-
12:21 - 12:24ไปจนถึง ระดับคนที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดจริงๆ-
-
12:24 - 12:27เราเริ่มคุยกันเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
-
12:27 - 12:29แต่ กลับกลายเป็นว่า โจเอล และ ผม
-
12:29 - 12:31ถูกทำให้รู้สึกเบื่อเพราะเรื่องเดียวกัน
-
12:31 - 12:33ซึ่งก็คือ เรื่องที่ว่า การอภิปราย
-
12:33 - 12:35เน้นอยู่แต่เรื่องทางวิทยาศาสตร์
-
12:35 - 12:37และ ว่าแนวคิดที่ว่า เรื่องนั้นๆจะสำเร็จได้หรือไม่
-
12:37 - 12:39ซึ่ง สำหรับเราทั้งสองคนแล้ว
-
12:39 - 12:42มันดูตั้งใจจะหลุดประเด็น ไปหน่อย
-
12:42 - 12:45เพราะ เรื่องแรกเลย คือ การเริ่มด้วยสันนิษฐานผิดๆที่ว่า
-
12:45 - 12:49วิทยาศาสตร์ที่สมบูรณ์มีอยู่จริง
-
12:49 - 12:52ตอนนี้ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เพอร์รี่ ของผม ที่เพิ่งรับตำแหน่ง
-
12:52 - 12:55ในช่วงหน้าร้อนปีที่แล้ว ก็ผลักดันในแนวทางเดียวกัน
-
12:55 - 12:59ตั้งแต่ต้นของการรณรงค์หาเสียงที่ค่อนข้างโชคร้าย
(oops-fated campaign) -
12:59 - 13:02เพื่อการสมัครเป็นตัวแทน
ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน -
13:02 - 13:05เขาประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ว่าวิทยาศาสตร์ยังไม่สมบูรณ์ -
13:05 - 13:08ในเวลาเดียวกันกับที่ 250 เขต
-
13:08 - 13:11จาก 254 เขตในมณฑลรัฐเท็กซัส
-
13:11 - 13:14กำลังถูกไฟไหม้ป่าโหม
-
13:14 - 13:16และ นโยบายการแก้ปัญหาของ เพอร์รี่
-
13:16 - 13:18คือ การขอให้คนเท็กซัส
-
13:18 - 13:21ภาวนาให้ฝนตก
-
13:21 - 13:23โดยส่วนตัว ผมสวดให้ไฟไหม้เพิ่มอีก 4 เขต
-
13:23 - 13:26เราจะได้จบกันทีกับหลักวิทยาศาสตร์ห่วยๆนั่น
-
13:26 - 13:31(เสียงหัวเราะ)
-
13:31 - 13:33แต่เมื่อย้อนไปในปี 2009
-
13:33 - 13:36คำถามที่โจเอล และผม นำกลับมาคุยกันเรื่อยๆ
-
13:36 - 13:38คือ ทำไมมันถึงสายขนาดนี้
-
13:38 - 13:41กับความพยายามอย่างมากที่จะพูดเรื่องวิทยาศาสตร์
-
13:41 - 13:44ในขณะที่ นโยบายที่จำเป็น
ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ -
13:44 - 13:48ที่จะมีผลต่อมนุษยชาติในระยะยาว
อย่างหาความสำคัญเทียบเท่ามิได้ -
13:48 - 13:50โดยไม่ต้องสนใจเลยว่าวิทยาศาสตร์จะเป็นอย่างไร
-
13:50 - 13:53เราคุยเรื่องนี้กลับมากลับไป จนกระทั่งโจเอลเสนอสิ่งนี้
-
13:53 - 14:01รูปการ์ตูน: " ถ้าหากว่าทั้งหมดเป็นเรื่องที่กุขึ้นมา
ให้เราสร้างโลกที่ดีกว่าที่จะไม่ได้ประโยชน์เลย" -
14:01 - 14:04(เสียงหัวเราะ)
-
14:04 - 14:06คุณต้องรักไอเดียนี้มาก
-
14:06 - 14:13(เสียงปรบมือ)
-
14:13 - 14:17คุณคิดว่ายังไงกับการให้เรามาสร้างโลกที่ดีกว่า
เพื่อที่จะไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย -
14:17 - 14:20พระเจ้าก็ไม่ได้ ประเทศก็ไม่ได้ ผลกำไรก็ไม่มี --
-
14:20 - 14:24ซึ่งก็คือ การใช้ตัวชี้วัดพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจทั่วๆไป
-
14:24 - 14:27แล้ว การ์ตูนเรื่องนี้ก็ยิงเข้าเป้า
-
14:27 - 14:29เพียงไม่นาน หลังจากที่การประชุมยุติ
-
14:29 - 14:31โจเอล ได้รับการแจ้งขอสำเนาพร้อมลายเซ็นต์
-
14:31 - 14:33จาก หัวหน้าหน่วย EPA ใน กรุงวอชิงตัน
-
14:33 - 14:35ที่แขวนมันไว้บนผนังห้อง
-
14:35 - 14:38และไม่นานหลังจากนั้น เขาได้รับการแจ้งขอสำเนาอีก
-
14:38 - 14:40จาก หัวหน้าหน่วย EPA ใน แคลิฟอร์เนีย
-
14:40 - 14:43ที่เธอใส่มันเป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนองาน
-
14:43 - 14:46ที่ วาระการประชุมนานาชาติ เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
-
14:46 - 14:48ใน แซคราเมนโต เมื่อปีที่ผ่านมา
-
14:48 - 14:50และ ไม่จบเพียงแค่นั้น
-
14:50 - 14:53ถึงวันนี้ โจเอลก็ยังได้รับการแจ้ง
ขอสำเนาจากกลุ่มสิ่งแวดล้อม กว่า 40 แห่ง -
14:53 - 14:56ทั้งใน อเมริกา แคนาดา และยุโรป
-
14:56 - 14:58และ เมื่อต้นปีนี้
-
14:58 - 15:00เขาได้รับการแจ้งขอจากพรรคอนุรักษ์ในออสเตรเลีย
(Green Party in Australia) -
15:00 - 15:02ที่ใช้มันในการรณรงค์หาเสียงของพวกเขา
-
15:02 - 15:04มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของการอภิปราย
-
15:04 - 15:07ที่ส่งผลให้รัฐสภาออสเตรเลีย
-
15:07 - 15:09มีมติรับในที่ประชุม ให้ข้อบังคับเรื่องภาษีคาร์บอนที่เข้มงวด
-
15:09 - 15:12ที่สุดในโลก มีผลบังคับใช้
-
15:12 - 15:17(เสียงปรบมือ)
-
15:17 - 15:19หมัดนี้หนักจริงๆ
-
15:19 - 15:22กับตัวหนังสือเพียง 14 คำ
-
15:22 - 15:24คำแนะนำของผม ที่ให้แก่ คุณๆทั้งหลายที่
-
15:24 - 15:27มุ่งมั่น จริงจัง กับการสร้างโลกที่ดีกว่านี้
-
15:27 - 15:29คือ ให้สละเวลาเพียงเล็กน้อยในแต่ละวัน
-
15:29 - 15:32ไปหัดคิดอะไรที่มันตลกๆซะบ้าง
-
15:32 - 15:35เพราะ คุณอาจเจอคำถามที่คุณกำลังมองหาอยู่ก็ได้นะ
-
15:35 - 15:37ขอบคุณครับ
-
15:37 - 15:39(เสียงปรบมือ)
- Title:
- คริส บริสส์ (Chris Bliss): เรื่องตลก คือ การแปลความ
- Speaker:
- Chris Bliss
- Description:
-
การแสดงบทสื่อสารแต่ละท่วงท่า ในบางแง่นั้น เราอาจมองได้ว่ามันเป็นการแปลความ
บนเวที TEDxRainier นักเขียนนาม คริส บริสส์ ครุ่นคิดอย่างหนัก เกี่ยวกับ เรื่องที่ว่า เรื่องขำขันเจ๋งๆ สามารถแปลสัจธรรมที่ลึกซึ้ง ออกมาให้ผู้ชมจำนวนมากเข้าใจได้ - Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 15:39
Duangpenh Wattanaphradorn commented on Thai subtitles for Comedy is translation | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Comedy is translation | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for Comedy is translation | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Comedy is translation | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Comedy is translation | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Comedy is translation | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Comedy is translation | ||
Duangpenh Wattanaphradorn accepted Thai subtitles for Comedy is translation |