ทำไมผู้นำที่ดีจึงทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย
-
0:01 - 0:03มีชายคนหนึ่งชื่อว่า ร้อยเอก
-
0:03 - 0:06วิลเลี่ยม สเวนสัน
-
0:06 - 0:09ไม่นานมานี้ เขาเพิ่งได้รับ
เหรียญกล้าหาญจากรัฐบาล -
0:09 - 0:14จากการกระทำของเขา
เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2009 -
0:14 - 0:16วันนั้น กองกำลังอเมริกัน
-
0:16 - 0:17และอัฟกานิสถาน
-
0:17 - 0:19กำลังเคลื่อนพล
-
0:19 - 0:22ผ่านดินแดนส่วนหนึ่งของอัฟกานิสถาน
-
0:22 - 0:25เพื่อช่วยปกป้อง
-
0:25 - 0:26กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐบาล
-
0:26 - 0:28เจ้าหน้าที่รัฐบาลอัฟกานิสถาน
-
0:28 - 0:30ที่จะไปพบปะกับผู้สูงอายุ
-
0:30 - 0:32ในหมู่บ้านต่างๆ
-
0:32 - 0:34กองทหารดังกล่าวถูกซุ่มโจมตี
-
0:34 - 0:36และถูกล้อมจากสามทิศทาง
-
0:36 - 0:39และท่ามกลางความวุ่นวายนั้น
-
0:39 - 0:41มีคนเห็นร้อยเอกสเวนสัน
-
0:41 - 0:43วิ่งฝ่าห่ากระสุน
-
0:43 - 0:44เข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ
-
0:44 - 0:48และแบกศพผู้เสียชีวิตออกมา
-
0:48 - 0:51ทหารที่เขาช่วยชีวิตคนหนึ่งเป็นนายสิบ
-
0:51 - 0:54ร้อยเอกสเวนสันกับเพื่อนทหารอีกนายหนึ่ง
-
0:54 - 0:56พาเขาไปที่เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้บาดเจ็บ
-
0:56 - 0:58สิ่งน่าทึ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นก็คือ
-
0:58 - 1:00ด้วยความบังเอิญอย่างยิ่ง
-
1:00 - 1:02ที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพคนหนึ่ง
-
1:02 - 1:04มีกล้องวิดีโอติดอยู่ที่หมวก
-
1:04 - 1:09และจับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้ได้
-
1:09 - 1:12เป็นภาพร้อยเอกสเวนสัน
และเพื่อนทหารอีกคน -
1:12 - 1:13กำลังประคองนายทหารบาดเจ็บ
-
1:13 - 1:18มีแผลถูกยิงที่ลำคอ
-
1:18 - 1:22เขาช่วยกันลำเลียงนายทหาร
ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ -
1:22 - 1:26แล้วเราก็เห็นร้อยเอกสเวนสันโน้มตัวลงไป
-
1:26 - 1:28จูบหน้าผากนายทหารคนนั้น
-
1:28 - 1:33ก่อนที่เขาจะหันกลับออกไป
ช่วยคนอื่นต่อ -
1:33 - 1:36ผมเห็นวิดีโอนี้ และคิดกับตัวเองว่า
-
1:36 - 1:39คนแบบนี้มาจากไหนกันนะ
-
1:39 - 1:42มันคืออะไรกัน มันคืออารมณ์ลึกๆ
-
1:42 - 1:44ที่ทำให้คุณอยากทำแบบนั้น
-
1:44 - 1:46มีความรักอยู่ในนั้น
-
1:46 - 1:48แล้วผมก็สงสัยด้วยว่า
-
1:48 - 1:50ทำไมผมไม่มีเพื่อนร่วมงานแบบนั้นบ้าง
-
1:50 - 1:52ในวงการทหาร เขามอบเหรียญกล้าหาญ
-
1:52 - 1:55แก่คนที่ยินดีเสียสละตนเอง
-
1:55 - 1:56เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น
-
1:56 - 1:58ในวงการธุรกิจ เราให้โบนัส
-
1:58 - 2:00แก่คนที่พร้อมยอมทำร้ายคนอื่น
-
2:00 - 2:01เพื่อผลประโยชน์ต่อตัวเอง
-
2:01 - 2:05มันกลับหัวกลับหางกันใช่ไหมครับ
-
2:05 - 2:07ผมเลยถามตัวเองว่า
คนแบบนี้มาจากไหนกัน -
2:07 - 2:10ตอนแรกข้อสรุปของผมคือ
เขาคงเป็นคนที่ดีกว่า -
2:10 - 2:12นั่นทำให้เขาอยากเป็นทหาร
-
2:12 - 2:13คนที่ดีกว่าเหล่านี้ยินดี
-
2:13 - 2:16ที่จะได้บริการผู้อื่น
-
2:16 - 2:17แต่ข้อสรุปนั้นผิดโดยสิ้นเชิง
-
2:17 - 2:20สิ่งที่ผมเรียนรู้คือ
มันเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมต่างหาก -
2:20 - 2:22ถ้าเราสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี
-
2:22 - 2:24พวกเราทุกคนต่างมีศักยภาพ
-
2:24 - 2:25ที่จะทำสิ่งที่น่าทึ่งเหล่านี้ได้
-
2:25 - 2:28ที่สำคัญกว่านั้น
คนอื่นๆ ก็มีศักยภาพเช่นกัน -
2:28 - 2:31ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้พบกับ
-
2:31 - 2:34คนเหล่านี้ ที่เราเรียกว่าวีรบุรุษ
-
2:34 - 2:36คนที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเอง
-
2:36 - 2:37เพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น
-
2:37 - 2:40ผมถามเขาว่า คุณจะทำไปทำไม
-
2:40 - 2:42คุณทำไปทำไมกัน
-
2:42 - 2:44ทุกคนตอบเหมือนกัน คือ
-
2:44 - 2:47"เพราะถ้าเป็นเขา
เขาก็จะทำอย่างนี้เพื่อฉันเหมือนกัน" -
2:47 - 2:50มันคือความร่วมไม้ร่วมมือ
และความรู้สึกไว้วางใจอย่างลึกซึ้ง -
2:50 - 2:52ดังนั้น ความไว้วางใจ
และความร่วมมือจึงสำคัญมาก -
2:52 - 2:55ปัญหาของความไว้วางใจ
และความร่วมมือคือ -
2:55 - 2:58มันเป็นความรู้สึก ไม่ใช่การทำตามคำสั่ง
-
2:58 - 3:01แค่ผมพูดว่า "ไว้ใจผมสิ"
คงไม่อาจทำให้คุณไว้ใจผมได้ -
3:01 - 3:04แค่สั่งให้คนสองคนร่วมมือกัน
และเขาจะทำตาม คงไม่ได้ -
3:04 - 3:06มันทำอย่างนั้นไม่ได้
มันเป็นความรู้สึกต่างหาก -
3:06 - 3:09แล้วความรู้สึกนี้มันมาจากไหนล่ะ
-
3:09 - 3:11ถ้าคุณย้อนกลับไป 50,000 ปี
-
3:11 - 3:12ในยุคหิน
-
3:12 - 3:14ยุคต้นๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์
-
3:14 - 3:16เราจะพบกับโลก
-
3:16 - 3:18ที่เต็มไปด้วยอันตราย
-
3:18 - 3:23แรงกระทำจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้
พยายามเข่นฆ่าเรา -
3:23 - 3:24ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล
-
3:24 - 3:27อาจจะเป็นอากาศ
-
3:27 - 3:28การขาดแคลนทรัพยากร
-
3:28 - 3:30หรือเสือเขี้ยวดาบ
-
3:30 - 3:31อันตรายทุกอย่างเหล่านี้
-
3:31 - 3:33ทำให้อายุขัยเราสั้นลง
-
3:33 - 3:35เราจึงมีวิวัฒนาการมาเป็นสัตว์สังคม
-
3:35 - 3:37ใช้ชีวิตและทำงานร่วมกัน
-
3:37 - 3:41ในวงล้อมของความปลอดภัย
-
3:41 - 3:43ในเผ่าพันธ์ุที่เราเป็นสมาชิก
-
3:43 - 3:46และเมื่อเรารู้สึกปลอดภัย
-
3:46 - 3:49ปฏิกิริยาธรรมชาติที่เกิดขึ้น
คือความไว้วางใจและการร่วมมือ -
3:49 - 3:50ซึ่งมีประโยชน์มหาศาล
-
3:50 - 3:52นั่นคือผมจะนอนหลับตอนกลางคืน
-
3:52 - 3:55โดยวางใจได้ว่าบางคนในเผ่า
จะเฝ้าระวังภัยให้ -
3:55 - 3:58ถ้าเราไม่ไว้วางใจกัน ถ้าผมไม่ไว้ใจคุณ
-
3:58 - 3:59นั่นหมายความถึง
คุณคงไม่ระวังเฝ้าภัยให้ผม -
3:59 - 4:01เป็นระบบที่แย่มากต่อการอยู่รอด
-
4:01 - 4:04ในโลกสมัยใหม่ก็เหมือนกัน
-
4:04 - 4:05โลกเต็มไปด้วยอันตราย
-
4:05 - 4:07สิ่งที่คอยขัดขวางชีวิตเรา
-
4:07 - 4:08หรือลดทอนความสำเร็จ
-
4:08 - 4:10ลดอกาสประสบความสำเร็จ
-
4:10 - 4:12อาจจะเป็นความผันผวนทางเศรษฐกิจ
-
4:12 - 4:15ความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น
-
4:15 - 4:16หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้
-
4:16 - 4:18โมเดลธุรกิจของคุณล้าสมัยในชั่วข้ามคืน
-
4:18 - 4:20หรืออาจจะเป็นคู่แข่งของคุณ
-
4:20 - 4:22ที่บางทีพยายามจะฆ่าคุณ
-
4:22 - 4:24ทำให้บริษัทคุณเจ๊ง
-
4:24 - 4:26หรืออย่างน้อยที่สุด
-
4:26 - 4:28ก็พยายามอย่างหนัก
ที่จะขัดขวางไม่ให้คุณเจริญ -
4:28 - 4:31และแย่งส่วนแบ่งทางธุรกิจไปจากคุณ
-
4:31 - 4:32เราไม่มีอำนาจความคุมสิ่งเหล่านี้
-
4:32 - 4:34มันเป็นค่าคงที่
-
4:34 - 4:36ซึ่งจะไม่หายไปไหน
-
4:36 - 4:38ตัวแปรเดียวที่เราเปลี่ยนได้
-
4:38 - 4:40คือสภาพแวดล้อมในองค์กร
-
4:40 - 4:42และนั่นคือจุดที่ผู้นำมีบทบาทสำคัญมาก
-
4:42 - 4:45เพราะผู้นำคือผู้สร้างบรรยายกาศในองค์กร
-
4:45 - 4:47เมื่อผู้นำเลือกให้ความสำคัญ
-
4:47 - 4:49แก่ความปลอดภัยและชีวิต
-
4:49 - 4:51ของคนในองค์กรเป็นอันดับต้น
-
4:51 - 4:54ยอมสละความสบาย
-
4:54 - 4:58และผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม
เพื่อให้คนอื่น -
4:58 - 4:59รู้สึกปลอดภัย
และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม -
4:59 - 5:02สิ่งที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้นได้
-
5:02 - 5:05มีอยู่ครั้งหนึ่ง
ผมเดินทางโดยเครื่องบิน -
5:05 - 5:07ผมได้เห็นเหตุการณ์
-
5:07 - 5:09ที่ผู้โดยสารคนหนึ่งพยายามจะขึ้นเครื่อง
-
5:09 - 5:13ก่อนที่พนักงานจะเรียกหมายเลขแถวของเขา
-
5:13 - 5:15ผมเห็นเจ้าหน้าที่หน้าประตู
-
5:15 - 5:18ปฏิบัติต่อเขาราวกับเขาทำผิดกฎหมาย
-
5:18 - 5:19เหมือนอาชญากร
-
5:19 - 5:21เขาถูกตะคอกที่พยายามขึ้นเครื่อง
-
5:21 - 5:23ก่อนถึงคิวของแถวที่เขานั่ง
-
5:23 - 5:25ผมเลยพูดขึ้นมาว่า
-
5:25 - 5:27"ทำไมคุณต้องทำเหมือนเราเป็นวัวควาย
-
5:27 - 5:30คุณปฏิบัติต่อเราเหมือนมนุษย์
ไม่ได้หรือไงครับ" -
5:30 - 5:33และนี่คือคำตอบของเธอ
-
5:33 - 5:35เธอบอกว่า "คุณคะ ถ้าฉันไม่ทำตามกฎ
-
5:35 - 5:38ฉันก็จะเจอปัญหา หรือตกงานได้"
-
5:38 - 5:40สิ่งที่เธอบอกผมคือ
-
5:40 - 5:42เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย
-
5:42 - 5:44สิ่งที่เธอบอกผมมันแปลว่า
-
5:44 - 5:47เธอไม่ไว้วางใจผู้นำของเธอ
-
5:47 - 5:50เหตุผลที่เราชอบบินกับ
สายการบินเซาธ์เวสต์ แอร์ไลน์ส -
5:50 - 5:52ไม่ใช่เพราะเขาจ้างคนที่ดีกว่ามาทำงาน
-
5:52 - 5:55แต่เพราะคนเหล่านี้เขาไม่กลัวผู้นำของเขา
-
5:55 - 5:57คุณเห็นไหม ถ้าเงื่อนไขในสภาพแวดล้อมไม่ดี
-
5:57 - 6:00เราก็ถูกบังคับให้ใช้เวลาและพลังงาน
-
6:00 - 6:02เพื่อปกป้องตัวเราเองจากคนอื่น
-
6:02 - 6:06และการทำอย่างนั้นเอง
ก็ทำให้องค์กรอ่อนแอลง -
6:06 - 6:07เมื่อเรารู้สึกว่าอยู่ในองค์กรแล้วปลอดภัย
-
6:07 - 6:10เราจะผนวกพรสวรรค์
และจุดแข็งของเรา -
6:10 - 6:12เข้าด้วยกันและทำงาน
อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย -
6:12 - 6:13เพื่อร่วมกันเผชิญหน้ากับอันตรายภายนอก
-
6:13 - 6:17และคว้าโอกาสดีๆ ต่างๆ
-
6:17 - 6:18อุปมาที่ใกล้เคียงที่สุด
-
6:18 - 6:21ที่นำมาเปรียบกับผู้นำที่ดี ก็คือพ่อแม่
-
6:21 - 6:23ถ้าคุณคิดดูว่าพ่อแม่ที่ดีเป็นอย่างไร
-
6:23 - 6:25คุณต้องการอะไร อะไรทำให้คุณเป็นพ่อแม่ที่ดี
-
6:25 - 6:26เราต้องการให้โอกาสแก่ลูกๆ ของเรา
-
6:26 - 6:29ให้การศึกษา
การอบรมและลงโทษเมื่อจำเป็น -
6:29 - 6:31ทั้งหมดก็เพื่อให้เขาเติบโตขึ้น
-
6:31 - 6:33และประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเรา
-
6:33 - 6:35ผู้นำที่ดีก็ต้องการสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
-
6:35 - 6:37เขาให้โอกาสคนของเขา
-
6:37 - 6:38ให้การศึกษา
การอบรมและลงโทษเมื่อจำเป็น -
6:38 - 6:41สร้างให้เขามีความเชื่อมั่นในตนเอง
และให้โอกาสเขาได้ทดลองและล้มเหลว -
6:41 - 6:43ทั้งหมดก็เพื่อให้คนของเรา
-
6:43 - 6:48ประสบความสำเร็จ
ยิ่งกว่าที่เราเคยคิดว่าเราทำได้ -
6:48 - 6:51ชาร์ลี คิม ซีอีโอของบริษัทชื่อเน็กซ์ จัมพ์
-
6:51 - 6:53ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี
-
6:53 - 6:55กล่าวไว้ว่า
-
6:55 - 6:57ถ้าครอบครัวคุณเกิดปัญหาทางการเงิน
-
6:57 - 7:00คุณจะคิดไล่ลูกสักคนหนึ่ง
ออกจากครอบครัวไหม -
7:00 - 7:02เราไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก
-
7:02 - 7:04แล้วทำไมเราถึงคิดจะ
-
7:04 - 7:05ไล่คนในบริษัทเราออก
-
7:05 - 7:08ชาร์ลีใช้นโยบาย
-
7:08 - 7:10การจ้างงานตลอดชีวิต
-
7:10 - 7:12ถ้าคุณได้งานที่เน็กซ์ จัมพ์
-
7:12 - 7:15คุณจะไม่มีวันถูกไล่ออกด้วยเรื่องผลงาน
-
7:15 - 7:17ที่จริง ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องผลงาน
-
7:17 - 7:20เขาจะฝึก สอน และให้การสนับสนุนคุณ
-
7:20 - 7:22เหมือนกับที่เราทำกับลูกของเรา
-
7:22 - 7:24เมื่อกลับจากโรงเรียนมาพร้อมเกรด C
-
7:24 - 7:25นี่ตรงกันข้ามกับบริษัทต่างๆ เลย
-
7:25 - 7:27เป็นเหตุผลที่คนจำนวนมาก
-
7:27 - 7:31รู้สึกโกรธแค้นฝังใจ
-
7:31 - 7:33ต่อพวกซีอีโอของสถาบันการเงินต่างๆ
-
7:33 - 7:36ที่มีโครงสร้างได้รายได้และโบนัสไม่สมสัดส่วน
-
7:36 - 7:38ไม่ใช่เพราะตัวเลขของเงินที่เขาได้
-
7:38 - 7:41แต่เพราะเขาทำผิดต่อ
คำนิยามของความเป็นผู้นำ -
7:41 - 7:43ซีอีโอพวกนี้
ละเมิดข้อตกลงทางสังคมที่หยั่งรากลึก -
7:43 - 7:45เราเห็นว่าเขายอมให้คนของเขาถูกสังเวย
-
7:45 - 7:48เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเขาเอง
-
7:48 - 7:51หรือที่แย่กว่านั้น เขาเองนั่นแหละ
ที่สังเวยคนของตัวเอง -
7:51 - 7:52เพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตน
-
7:52 - 7:55นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราโกรธแค้น
ไม่ใช่จำนวนเงินที่เขาได้รับ -
7:55 - 7:57จะมีใครไม่พอใจไหม
-
7:57 - 7:59ถ้าเรามอบเงินโบนัสให้คานธี
150 ล้านดอลลาร์ -
7:59 - 8:02หรือ 250 ล้านดอลลาร์แก่แม่ชีเทเรซา
-
8:02 - 8:05เราจะมีปัญหาไหม ไม่เลย
-
8:05 - 8:06ไม่เลยสักนิด
-
8:06 - 8:09ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะไม่มีวันสังเวย
-
8:09 - 8:10คนของตัวเองเพื่อปกป้องตัวเลขการเงิน
-
8:10 - 8:12เขาจะยอมเสียสละตัวเลขการเงิน
-
8:12 - 8:15เพื่อรักษาคนของเขาเอาไว้
-
8:15 - 8:16บ๊อบ แชพแมน
-
8:16 - 8:19เจ้าของบริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่
ในแถบมิดเวสต์ของอเมริกา -
8:19 - 8:21ชื่อบริษัทแบรี่ เวห์มิลเลอร์
-
8:21 - 8:26ในปี ค.ศ. 2008 บริษัทของเขาถูกกระทบ
อย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย -
8:26 - 8:30คำสั่งซื้อลดลง 30 เปอร์เซ็นด์ในชั่วข้ามคืน
-
8:30 - 8:32สำหรับบริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่
-
8:32 - 8:33นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก
-
8:33 - 8:36บริษัทไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างให้พนักงานทั้งหมด
-
8:36 - 8:38เขาต้องประหยัดเงินให้ได้ 10 ล้านดอลลาร์
-
8:38 - 8:40เช่นเดียวกับบริษัททั่วไปในปัจจุบัน
-
8:40 - 8:43บอร์ดบริหารมาคุยกันเรื่องการเลิกจ้าง
-
8:43 - 8:45บ๊อบปฏิเสธ
-
8:45 - 8:49คุณเห็นไหม บ๊อบไม่เชื่อ
เรื่องการนับ "หัว" พนักงาน -
8:49 - 8:53เขาเชื่อในการนับ "หัวใจ"
-
8:53 - 8:55และมันก็ยากที่อยู่ดีๆ จะไปตัดลด
-
8:55 - 8:57จำนวนหัวใจลง
-
8:57 - 9:00เขาเลยคิดโครงการพักงานขึ้นมา
-
9:00 - 9:02พนักงานทุกคน ตั้งแต่เลขาถึงซีอีโอ
-
9:02 - 9:05ต้องลาพักร้อนโดยไม่รับเงินเดือน
เป็นเวลารวมสี่สัปดาห์ -
9:05 - 9:07แต่ละคนจะเลือกลาเมื่อไหร่ก็ได้
-
9:07 - 9:10ไม่จำเป็นต้องลาติดต่อกัน
-
9:10 - 9:12แต่วิธีการอธิบายของบ๊อบ
เมื่อเขาประกาศใช้โครงการนี้ -
9:12 - 9:14มีความหมายสูงมาก
-
9:14 - 9:16เขาพูดว่า เราทุกคนลำบากกันคนละนิด
-
9:16 - 9:19ดีกว่าให้ใครบางคน
ต้องลำบากแสนสาหัสอยู่คนเดียว -
9:19 - 9:22ขวัญกำลังใจของพนักงานเพิ่มขึ้น
-
9:22 - 9:25บริษัทประหยัดเงินได้ 20 ล้านดอลลาร์
-
9:25 - 9:27ที่สำคัญที่สุด ซึ่งเราคงคาดเดาได้
-
9:27 - 9:31เมื่อคนรู้สึกปลอดภัยและได้รับการปกป้อง
โดยผู้นำและองค์การ -
9:31 - 9:33ปฏิกิริยาธรรมชาติที่ตามมาคือ
การไว้วางใจและร่วมมือ -
9:33 - 9:36แล้วสิ่งที่เกิดตามมาโดยไม่มีใครคาดคิด
-
9:36 - 9:38คือผู้คนเริ่มแลกวันลากันเอง
-
9:38 - 9:39ใครที่ไม่เดือดร้อนมาก
-
9:39 - 9:41ก็จะแลกวันลากับคนที่เดือดร้อนมากกว่า
-
9:41 - 9:43โดยยอมลาห้าสัปดาห์
-
9:43 - 9:47เพื่อให้บางคนลาแค่สามสัปดาห์
-
9:47 - 9:50การเป็นผู้นำคือทางเลือก ไม่ใช่ตำแหน่ง
-
9:50 - 9:52ผมรู้จักคนหลายคนที่อยู่ในตำแหน่ง
-
9:52 - 9:53สูงสุดในองค์การ
-
9:53 - 9:54แต่ไม่ได้มีความเป็นผู้นำเลย
-
9:54 - 9:57เขาเป็นผู้มีอำนาจ
และเราต้องทำตามคำสั่งเขา -
9:57 - 10:00เพราะเขามีอำนาจเหนือเรา
-
10:00 - 10:02แต่เราไม่อยากเดินตามเขา
-
10:02 - 10:04และผมก็รู้จักคนอีกหลายคน
-
10:04 - 10:05ที่มีตำแหน่งล่างๆ ในองค์กร
-
10:05 - 10:07ซึ่งไม่มีอำนาจ
-
10:07 - 10:09แต่มีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง
-
10:09 - 10:10เพราะว่าเขาเลือกที่จะดูแล
-
10:10 - 10:12คนที่อยู่ทางซ้ายของเขา
-
10:12 - 10:13และเลือกที่จะดูแล
-
10:13 - 10:15คนที่อยู่ทางขวาของเขา
-
10:15 - 10:20นั่นแหละคือผู้นำ
-
10:20 - 10:23ผมเคยได้ยินเรื่องเล่า
-
10:23 - 10:24เกี่ยวกับทหารเรือกลุ่มหนึ่ง
-
10:24 - 10:28ที่จะออกไปทำสงคราม
-
10:28 - 10:30และตามธรรมเนียมทหารเรือ
-
10:30 - 10:32หัวหน้าจะกินอาหารทีหลัง
-
10:32 - 10:35ให้ผู้ใต้บังคับบัญชากินก่อน
-
10:35 - 10:37เมื่อทุกคนกินเสร็จ
-
10:37 - 10:41ปรากฏว่าไม่มีอาหารเหลือแล้ว
-
10:41 - 10:44เมื่อพวกเขากลับออกไปรบในสนามรบ
-
10:44 - 10:47ผู้ใต้บังคับบัญชาพากันเอาอาหารของตัวเอง
-
10:47 - 10:49มาให้หัวหน้ากิน
-
10:49 - 10:51นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น
-
10:51 - 10:54เราเรียกเขาว่าผู้นำ
เพราะเขานำไปก่อนเป็นคนแรก -
10:54 - 10:55เราเรียกเขาว่าผู้นำ
เพราะเขายอมรับความเสี่ยง -
10:55 - 10:57ก่อนใครอื่นทั้งหมด
-
10:57 - 10:59เราเรียกเขาว่าผู้นำ
เพราะเขาจะเลือก -
10:59 - 11:01เสียสละ เพื่อให้คนของเขา
-
11:01 - 11:03ปลอดภัย ได้รับการปกป้อง
-
11:03 - 11:04และได้ประโยชน์
-
11:04 - 11:07เมื่อผู้นำทำสิ่งเหล่านี้
การตอบสนองตามธรรมชาติ -
11:07 - 11:11ก็คือ คนของเราก็จะยอมเสียสละเพื่อเรา
-
11:11 - 11:14พวกเขาจะยอมทำงานด้วยเลือด
หยาดเหงื่อ และน้ำตา -
11:14 - 11:17เพื่อให้ได้เห็นวิสัยทัศน์ของผู้นำเป็นจริงขึ้นมา
-
11:17 - 11:20และเมื่อเราถามว่า "คุณทำไปทำไม
-
11:20 - 11:22ทำไมคุณจึงทุ่มเทเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตา
-
11:22 - 11:27เพื่อคนคนนั้น"
พวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า -
11:27 - 11:30"เพราะถ้าเป็นเขา
เขาก็จะทำอย่างนั้นเพื่อฉันเหมือนกัน" -
11:30 - 11:31และนั่นคือองค์กร
-
11:31 - 11:34แบบที่เราทุกคนอยากทำงานด้วย
ไม่ใช่หรือครับ -
11:34 - 11:36ขอบคุณมากครับ
-
11:36 - 11:40ขอบคุณ (เสียงปรบมือ)
-
11:40 - 11:42ขอบคุณ (เสียงปรบมือ)
- Title:
- ทำไมผู้นำที่ดีจึงทำให้คุณรู้สึกปลอดภัย
- Speaker:
- ไซมอน ซิเน็ค
- Description:
-
ผู้นำที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร นักทฤษฎีการจัดการ ไซมอน ซิเน็ค เสนอว่า ผู้นำที่ดีคือคนที่ทำให้ลูกน้องรู้สึกมั่นคง และดึงลูกน้องเข้ามาในวงของความไว้วางใจ แต่การสร้างความไว้วางใจและความรู้สึกปลอดภัย โดยเฉพาะในสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวนนั้น ย่อมหมายถึงการยอมแบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 11:59
Bank Light approved Thai subtitles for Why good leaders make you feel safe | ||
Bank Light edited Thai subtitles for Why good leaders make you feel safe | ||
Bank Light edited Thai subtitles for Why good leaders make you feel safe | ||
Bank Light edited Thai subtitles for Why good leaders make you feel safe | ||
Payungsak Kaenchan accepted Thai subtitles for Why good leaders make you feel safe | ||
Payungsak Kaenchan commented on Thai subtitles for Why good leaders make you feel safe | ||
Payungsak Kaenchan edited Thai subtitles for Why good leaders make you feel safe | ||
Payungsak Kaenchan edited Thai subtitles for Why good leaders make you feel safe |
Payungsak Kaenchan
very good translation