แคทรึน ชูลส์:อย่ารู้สึกเสียใจกับความเสียใจ
-
0:00 - 0:03นั่นคือจอห์นนี่ เด็พพ์,ใช่เขาแน่นอน
-
0:04 - 0:07และนั่นคือไหล่ของ จอห์นนี่ เด็พพ์
-
0:07 - 0:10และนั่นคือรอยสักที่มีชื่อเสียงบนไหล่ของจอห์นนี่ เด็พพ์
-
0:11 - 0:13บางท่านคงทราบว่าในปี ค.ศ 1990,
-
0:13 - 0:15เด็พพ์ได้หมั้นกับวิโนน่า ไรเดอร์,
-
0:15 - 0:17และเขาได้สักบนไหล่ข้างขวาของเขาว่า
-
0:17 - 0:20"วิโนน่า ตลอดกาล"
-
0:20 - 0:22แต่แล้วสามปีให้หลัง--
-
0:22 - 0:25พูดอย่างเป็นธรรม, ก็เป็นตลอดกาลตามมาตรฐานของฮอลลีวูด--
-
0:25 - 0:27พวกเขาเลิกกัน,
-
0:27 - 0:29และจอห์นี่ก็ไปทำการปรับเปลี่ยนรอยสักเพียงเล็กน้อย
-
0:29 - 0:33และปัจจุบันบนไหล่เขาบอกว่า,"คนขี้เหล้า ตลอดกาล"
-
0:33 - 0:36(เสียงหัวเราะ)
-
0:36 - 0:38เช่นเดียวกับจอห์นนี่ เด็พพ์
-
0:38 - 0:40และเหมือนกับร้อยละ 25 ของคนอเมริกัน
-
0:40 - 0:44อายุระหว่าง 16 ถึง 50 ปี,
-
0:44 - 0:47ดิฉันก็มีรอยสัก
-
0:47 - 0:50ดิฉันเริ่มคิดที่จะสักเมื่ออายุประมาณ 25 ปี,
-
0:50 - 0:53แต่ได้รอคิดอยู่อย่างรอบคอบเป็นเวลานานทีเดียว
-
0:53 - 0:55เพราะว่าเราทุกคนรู้จักผู้คน
-
0:55 - 0:57ที่ได้ไปสักมาเมื่อตอนอายุ 17
-
0:57 - 0:59หรือเมื่อตอนอายุ 19 หรือ 23
-
0:59 - 1:02แต่เมื่ออายุราว 30 ก็รู้สึกเสียใจที่ไปสัก
-
1:03 - 1:06แต่ดิฉันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
-
1:06 - 1:09ดิฉันได้ไปสักเมื่ออายุ 29 ปี,
-
1:09 - 1:12และในทันทีก็รู้สึกเสียใจที่ไปสัก
-
1:12 - 1:14ที่ว่า"เสียใจที่ไปสัก"
-
1:14 - 1:17ดิฉันหมายถึงว่าเมื่อก้าวออกมาจากสถานที่ที่สัก --
-
1:17 - 1:19สถานที่นี้ห่างจากที่นี่เพียงแค่สองไมล์
-
1:19 - 1:21ตํ่าลงไปทางด้านตะวันออก--
-
1:21 - 1:24และดิฉันก็มีอาการล่มสลายทางอารมณ์อย่างรุนแรงกลางวันแสกๆ
-
1:24 - 1:26อยู่ตรงมุมถนนอีสท์บรอดเวย์กับถนนคาแนล
-
1:26 - 1:28(เสียงหัวเราะ)
-
1:28 - 1:30เป็นที่ๆ ดีเยี่ยมที่จะไปมีอาการที่นั่นเพราะไม่มีใครสนใจ
-
1:30 - 1:32(เสียงหัวเราะ)
-
1:32 - 1:35และเมื่อดิฉันกลับถึงบ้านคืนนั้น ก็เกิดอาการล่มสลายทางอารมณ์มากยิ่งขึ้น
-
1:35 - 1:38ซึ่งดิฉันจะกล่าวเพิ่มเติมในอีกสักครู่
-
1:38 - 1:40ทั้งหมดนี้จริงๆ ดิฉันตกใจอย่างสุดขีดทีเดียว,
-
1:40 - 1:42เพราะว่าก่อนจะถึงจุดนี้,
-
1:42 - 1:44ดิฉันเคยมีความภูมิใจในตนเอง
-
1:44 - 1:46ที่ไม่เคยมีความเสียใจเรื่องใดเลย
-
1:46 - 1:48ดิฉันเคยทำผิดพลาดมามาก
-
1:48 - 1:50และได้ตัดสินใจโง่ๆ มามาก, แน่นอน
-
1:50 - 1:52ทำอยู่ทุกชั่วโมง
-
1:52 - 1:55แต่ดิฉันรู้สึกเสมอ เหมือนกับว่า
-
1:55 - 1:57ดิฉันได้เลือกที่จะทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
-
1:57 - 1:59ถ้าคำนึงถึงว่าดิฉันเป็นใครในตอนนั้น
-
1:59 - 2:01ถ้าคิดถึงข้อมูลที่ดิฉันมีอยู่ในตอนนั้น
-
2:01 - 2:03ดิฉันได้เรียนรู้จากมัน
-
2:03 - 2:05ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มันได้ช่วยให้ชีวิตดิฉันถึงจุดนี้ในปัจจุบัน
-
2:05 - 2:08แต่เอาละ, ดิฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงมัน
-
2:10 - 2:14กล่าวคือ, ดิฉันก็เชื่อตามๆ กันมาเกี่ยวกับความเสียใจ
-
2:14 - 2:17ว่าการคร่ำครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
-
2:17 - 2:19เป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์โดยแท้
-
2:19 - 2:22ว่าเราควรจะมองไปข้างหน้าตลอดเวลา ไม่ใช่มองไปข้างหลัง,
-
2:22 - 2:24และสิ่งหนึ่งซึ่งสูงส่งและดีที่สุดที่เราทำได้
-
2:24 - 2:27ก็คือพยายามอย่างยิ่งที่จะดำรงชีวิตโดยไม่มีความเศร้าเสียใจ
-
2:27 - 2:30แนวคิดนี้สื่อความหมายได้อย่างดีจากถ้อยคำที่ยกมานี้:
-
2:30 - 2:32"สิ่งที่ไม่สามารถจะเยียวยาได้
-
2:32 - 2:35ก็ไม่ควรจะไปเอาใจใส่มัน;
-
2:35 - 2:37สิ่งที่แล้วไปแล้วก็ให้แล้วกันไป"
-
2:37 - 2:40ตอนแรกก็ดูเหมือนจะเป็นแนวปรัชญาที่น่าชื่นชม--
-
2:40 - 2:43เป็นสิ่งที่เราทุกคนอาจจะตกลงยอมรับ...
-
2:43 - 2:46จนเมื่อดิฉันบอกคุณว่าใครเป็นผู้กล่าวถ้อยคำนี้
-
2:47 - 2:49ใช่แล้ว นี่คือคำพูดของเลดี้ แม็กเบ็ท
-
2:49 - 2:52ซึ่งต้องการบอกสามีให้เลิกทำตัวอ่อนแอไม่เอาไหน
-
2:52 - 2:55จากความรู้สึกผิดที่ไปฆาตกรรมผู้คน
-
2:55 - 2:58สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เชคส์เปียร์รู้อะไรดีๆ บางอย่างอยู่แล้ว
-
2:58 - 3:00ตามปกติของเขา
-
3:00 - 3:03เพราะว่าการไม่สามารถรู้สึกเศร้าเสียใจ
-
3:03 - 3:05จริงๆ แล้วเป็นลักษณะอย่างหนึ่งในการวินิจฉัยโรค
-
3:05 - 3:08ของผู้ป่วยทางจิตที่มีอาการก้าวร้าว
-
3:08 - 3:11และยังเป็นลักษณะบางอย่างของความเสียหายทางสมอง
-
3:11 - 3:13ดังนั้นคนที่มีการเสียหาย
-
3:13 - 3:15ของลอนสมองส่วนหน้า
-
3:15 - 3:17ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถรู้สึกเสียใจสำนึกผิดได้
-
3:17 - 3:20เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจที่เห็นได้ชัดว่าแย่มากๆ
-
3:21 - 3:23ดังนั้นถ้าคุณต้องการมีชีวิตที่ไม่มีความเศร้าเสียใจ,
-
3:23 - 3:26มีทางเลือกหนึ่งที่เปิดไว้ให้คุณ
-
3:26 - 3:29คือการผ่าตัดสมองแบบที่เรียกว่า โลโบโตมี่ (lobotomy)
-
3:29 - 3:31แต่ถ้าคุณต้องการทำหน้าที่ให้ได้อย่างเต็มที่
-
3:31 - 3:33และเป็นคนอย่างสมบูรณ์
-
3:33 - 3:36และมีมนุษยธรรมอย่างเต็มเปี่ยม
-
3:36 - 3:39ดิฉันคิดว่าคุณจำต้องเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่กับการสำนึกผิด มิใช่ปราศจากความเสียใจ
-
3:39 - 3:41เอาละ เราจะเริ่มด้วยการให้คำจำกัดความของคำบางคำ
-
3:41 - 3:43ความเสียใจคืออะไร?
-
3:43 - 3:45ความเสียใจคืออารมณ์ที่เกิดกับเรา
-
3:45 - 3:47เมื่อเราคิดว่าสถานการณ์ของเราในปัจจุบัน
-
3:47 - 3:49อาจจะดีกว่าหรือมีความสุขมากกว่า
-
3:49 - 3:51ถ้าเราได้ทำบางอย่างต่างไปจากที่ได้เกิดขึ้นแล้ว
-
3:51 - 3:53พูดอีกอย่างหนึ่ง, ความเสียใจต้องมีสองสิ่ง
-
3:53 - 3:56สิ่งแรกต้องมี, ตัวกระทำ -- เราต้องตัดสินใจก่อนเป็นอันดับแรก
-
3:56 - 3:59และสิ่งที่สอง ต้องมีการจินตนาการ
-
3:59 - 4:02เราต้องสามารถจินตนาการย้อนกลับไปและตัดสินใจเลือกต่างไปจากเดิม,
-
4:02 - 4:05รวมถึงต้องกดปุ่มเดินหน้าเวลาในจินตนาการ
-
4:05 - 4:09และนึกภาพว่า สิ่งต่างๆ จะเป็นอย่างไรบ้างในปัจจุบัน
-
4:09 - 4:11ความจริงแล้ว,ยิ่งเรามีสิ่งที่ว่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งมากขึ้นเท่าไร--
-
4:11 - 4:14ยิ่งมีตัวกระทำมากขึ้นและยิ่งมีจินตนาการมากขึ้น
-
4:14 - 4:16เกี่ยวกับความเสียใจดังกล่าวนั้น,
-
4:16 - 4:19ความเสียใจก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
-
4:19 - 4:21เอาละ ยกตัวอย่างเช่น
-
4:21 - 4:23คุณกำลังเดินทางไปงานแต่งงานของเพื่อนรักที่สุดของคุณ
-
4:23 - 4:26คุณพยายามไปให้ถึงสนามบินและคุณติดอยู่ในการจราจรที่คับคั่ง
-
4:26 - 4:28ในที่สุดคุณก็ไปจนถึงทางออกขึ้นเครื่อง
-
4:28 - 4:30แต่คุณก็พลาดเที่ยวบินนั้น
-
4:30 - 4:32คุณจะรู้สึกเสียใจเพิ่มมากขึ้นในสถานการณ์นั้น
-
4:32 - 4:34ถ้าคุณพลาดเที่ยวบินไปราวสามนาที
-
4:34 - 4:37มากกว่าถ้าหากคุณพลาดไปราว 20 นาที
-
4:37 - 4:39ทำไมหรือ?
-
4:39 - 4:41เพราะว่า, ถ้าเราพลาดเที่ยวบินไปราวสามนาที
-
4:41 - 4:43มันง่ายมากๆ ที่จะจินตนาการได้
-
4:43 - 4:45ว่าคุณน่าจะตัดสินใจทำอย่างอื่น
-
4:45 - 4:47ที่อาจจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
-
4:47 - 4:49"ฉันน่าจะมาทางสะพาน ไม่ควรใช้อุโมงค์
-
4:49 - 4:52ฉันน่าจะขับฝ่าไฟเหลืองตรงแยกนั้น"
-
4:52 - 4:55เหล่านี้เป็นตัวอย่างดีเยี่ยมของเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความเสียใจ
-
4:55 - 4:58เรารู้สึกเสียใจเมื่อเราคิดว่าเราเป็นผู้รับผิดชอบ
-
4:58 - 5:00ในการตัดสินใจที่เกิดผลเสีย,
-
5:00 - 5:03แต่อีกนิดเดียวมันก็น่าจะดีได้
-
5:03 - 5:05ในกรอบความคิดนี้,
-
5:05 - 5:08เรารู้สึกถึงความเสียใจได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งต่างๆมากมาย
-
5:08 - 5:11วันนี้การบรรยายเป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม
-
5:11 - 5:14แต่ส่วนใหญ่สิ่่งที่เรารู้เกี่ยวกับความเสียใจ
-
5:14 - 5:16มาถึงเราจากขอบเขตสาขาวิชานั้น
-
5:16 - 5:19เรามีงานเขียนมากมาย
-
5:19 - 5:21เรื่องการตัดสินใจด้านผู้บริโภคและการเงิน
-
5:21 - 5:23และความเสียใจที่เกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องเหล่านั้น--
-
5:23 - 5:25หลักๆ แล้วก็เป็นความเสียใจของผู้ซื้อ
-
5:25 - 5:28แต่แล้วในที่สุด, ผู้วิจัยบางคนก็คิดได้ว่าควรถอยออกมา
-
5:28 - 5:30และพูดว่า,เอาละ,แต่โดยรวมแล้ว,
-
5:30 - 5:33เราเสียใจมากที่สุดในชีวิตเรื่องอะไร?
-
5:33 - 5:35และนี่ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ได้
-
5:35 - 5:37ความเสียใจมากสุดหกอันดับ--
-
5:37 - 5:39สิ่งที่เราเสียใจมากที่สุดในชีวิต:
-
5:39 - 5:41อันดับหนึ่ง แบบทิ้งห่าง การศึกษา
-
5:41 - 5:43ร้อยละ 33 ของความเสียใจของเราทั้งหมด
-
5:43 - 5:45เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเรื่องการศึกษา
-
5:45 - 5:47เราหวังว่าเราน่าจะได้การศึกษามากกว่านี้
-
5:47 - 5:50เราหวังว่าเราน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าจากการศึกษาที่เรามีอยู่
-
5:50 - 5:53เราหวังว่าเราน่าจะเลือกเรียนเนื้อหาวิชาอื่น
-
5:53 - 5:55ความเสียใจอื่นๆ ที่อยู่ในระดับที่สูงในรายการ
-
5:55 - 5:58ได้แก่ อาชีพ, ความรัก, การเลี้ยงดูบุตร,
-
5:58 - 6:01การตัดสินใจและตัวเลือกต่างๆ เกี่ยวกับความรู้สึกต่อตัวเองของเรา
-
6:01 - 6:03และการใช้เวลาว่างของเรา--
-
6:03 - 6:05หรือจริงๆ ถ้าเจาะจงลงไป,
-
6:05 - 6:07การที่เราล้มเหลวในการใช้เวลาว่างของเรา
-
6:07 - 6:09ความเสียใจอื่นๆ ที่เหลือ
-
6:09 - 6:11มีเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านี้:
-
6:11 - 6:14การเงิน, ปัญหาครอบครัวที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องรักใคร่หรือการเลี้ยงดูบุตร
-
6:14 - 6:16สุขภาพ, เพื่อน
-
6:16 - 6:19จิตวิญญาณและชุมชน
-
6:19 - 6:22ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่า เราเรียนรู้เรื่องความเสียใจ ได้มากที่สุด
-
6:22 - 6:24จากการศึกษาด้านการเงิน
-
6:24 - 6:26แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อคุณดูสิ่งที่ผู้คนเสียใจในชีวิตโดยรวมแล้ว
-
6:26 - 6:29การตัดสินใจเรื่องการเงินไม่ได้ติดอันดับเลย
-
6:29 - 6:33มันมีน้อยกว่าร้อยละสามของความเสียใจทั้งหมด
-
6:33 - 6:35ดังนั้นถ้ายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นมัวแต่เครียดอยู่กับ
-
6:35 - 6:37แต่เรื่องหุ้นขนาดใหญ่ หรือหุ้นขนาดเล็ก,
-
6:37 - 6:39หรือบริษัทเอ กับบริษัทบี,
-
6:39 - 6:41หรือคุณควรจะซื้อซูบารุหรือพริอุส,
-
6:41 - 6:44คุณรู้ไหม, ปล่อยมันไปเถอะ
-
6:44 - 6:47เป็นไปได้ว่า ในอีกห้าปีคุณจะไม่ใส่ใจกับมันอีก
-
6:47 - 6:50แต่สำหรับสิ่งที่เราใส่ใจกับมันจริงๆ
-
6:50 - 6:52และได้ผ่านความเสียใจรอบด้านอย่างลึกซึ้ง,
-
6:52 - 6:55ประสบการณ์นั้นให้ความรู้สึกอย่างไร?
-
6:56 - 6:58เราทุกคนรู้คำตอบสั้นๆนั้น
-
6:58 - 7:00มันรู้สึกแย่มาก ความเสียใจให้ความรู้สึกที่น่ากลัว
-
7:00 - 7:02กลายเป็นว่าความเสียใจเป็นความรู้สึกที่น่ากลัว
-
7:02 - 7:05ในแบบที่เจาะจงและสม่ำเสมอมากๆ สี่รูปแบบ
-
7:05 - 7:07องค์ประกอบสำคัญอย่างแรกของความเสียใจ
-
7:07 - 7:10คือ การปฏิเสธ
-
7:10 - 7:13เมื่อดิฉันกลับบ้านคืนนั้นหลังจากได้สักไปแล้ว,
-
7:13 - 7:15ดิฉันนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
-
7:15 - 7:17และในช่วงหลายชั่วโมงแรกนั้น
-
7:17 - 7:19มีความคิดเพียงอย่างเดียวในหัวของดิฉัน
-
7:19 - 7:21และความคิดนั้นก็คือ,
-
7:21 - 7:24"เอามันออกไปเสีย!"
-
7:24 - 7:28มันเป็นปฎิกิริยาทางอารมณ์พื้นฐานง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
-
7:28 - 7:31หมายถึงว่า,อาการเหมือนกับ,"ฉันจะหาแม่"
-
7:31 - 7:33เราไม่ได้พยายามแก้ปัญหา
-
7:33 - 7:36เราไม่ได้พยายามทำความเข้าใจว่าปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร
-
7:36 - 7:39เราแค่ต้องการให้มันหายไป
-
7:39 - 7:41ลักษณะองค์ประกอบอย่างที่สองของความเสียใจ
-
7:41 - 7:43คือความรู้สึกสับสน
-
7:43 - 7:46ดังนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันคิดขณะอยู่บนเตียงคืนนั้น
-
7:46 - 7:49คือ,"ฉันทำไปได้อย่างไร?
-
7:49 - 7:52ฉันคิดอะไรอยู่ตอนนั้น?"
-
7:52 - 7:54ความรู้สึกจริงของความห่างเหิน
-
7:54 - 7:56จากตัวเราส่วนที่ตัดสินใจทำให้เกิดความเสียใจนี้
-
7:56 - 7:58เราไม่สามารถยอมรับส่วนนั้นของเราได้
-
7:58 - 8:00เราไม่เข้าใจส่วนนั้น
-
8:00 - 8:02และเราไม่มีความรู้สึกเห็นใจกับส่วนนั้นของเรา--
-
8:02 - 8:05ซึ่งสิ่งนี้อธิบายส่วนประกอบของความเสียใจอย่างที่สาม,
-
8:05 - 8:07ซึ่งก็คือความต้องการอย่างรุนแรงที่จะลงโทษตนเอง
-
8:07 - 8:09นี่แหละทำไม, เมื่อเผชิญกับความเสียใจ,
-
8:09 - 8:12สิ่งที่เราพูดอยู่ตลอดเวลาก็คือ,"ฉันน่าจะเตะตัวเอง"
-
8:13 - 8:15ส่วนประกอบอย่างที่สี่ตรงนี้
-
8:15 - 8:17คือ ความเสียใจเป็นสิ่งซึ่งนักจิตวิทยาเรียกว่า เพอเซะเวอเรทีพ(perseverative)
-
8:17 - 8:20แปลว่าหมกมุ่นและยํ้าซํ้าซาก
-
8:20 - 8:22กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างเดียว
-
8:22 - 8:24ผลของเพอเซะเวอเรทีพ
-
8:24 - 8:26ก็คือ การได้นำเอาส่วนประกอบสามอย่างแรกของความเสียใจ
-
8:26 - 8:29ไปอยู่ในวังวนที่ไม่มีที่จุดจบ
-
8:29 - 8:32ดังนั้นมันไม่ใช่ว่าดิฉันนั่งอยู่ตรงนั้นในห้องนอนคืนนั้น,
-
8:32 - 8:35คิดว่า, "เอามันออกไป"
-
8:35 - 8:37แต่เป็นว่า ดิฉันนั่งอยู่ตรงนั้นและดิฉันคิด,
-
8:37 - 8:39"เอามันออกไป เอามันออกไป
-
8:39 - 8:42เอามันออกไป เอามันออกไป"
-
8:42 - 8:44ดังนั้นถ้าคุณดูที่ข้อเขียนทางจิตวิทยา,
-
8:44 - 8:48สิ่งเหล่านี้คือส่วนประกอบที่ให้คำจำกัดความของความเสียใจ
-
8:48 - 8:51แต่ดิฉันอยากจะเสนอว่ายังมีส่วนประกอบที่ห้าอีก
-
8:51 - 8:53และดิฉันคิดว่าสิ่งนี้
-
8:53 - 8:56เป็นคล้ายกับสัญญาณเตือนภัยเกี่ยวกับการคงอยู่ของมนุษยชาติ
-
8:56 - 8:58คืนนั้นในห้องพักของดิฉัน,
-
8:58 - 9:01หลังจากดิฉันได้ลงโทษตนเองและอื่นๆ,
-
9:01 - 9:03ดิฉันนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน,
-
9:03 - 9:07และก็คิดถึงการปลูกถ่ายผิวหนัง
-
9:07 - 9:09แล้วก็คิดว่าจะทำได้อย่างไร,
-
9:09 - 9:12ก็เหมือนกับที่ประกันการเดินทาง ไม่ได้ครอบคลุมอุบัติภัยทางธรรมชาติ
-
9:12 - 9:16เป็นไปได้ว่าการประกันสุขภาพของดิฉันไม่ได้ครอบคลุมการกระทำที่โง่เขลา
-
9:17 - 9:20ความจริงแล้ว ไม่มีการประกันใดที่ครอบคลุมการกระทำที่โง่เขลา
-
9:20 - 9:22สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวของการกระทำที่โง่เขลา
-
9:22 - 9:24ก็คือมันให้เราไร้ซึ่งการประกันอย่างสิ้นเชิง;
-
9:24 - 9:26มันปล่อยให้เราออกสู่โลกโดยปราศจากการป้องกัน
-
9:26 - 9:29และเปิดสู่ความอ่อนแอทางใจและความพลาดพลั้งของตนเอง
-
9:29 - 9:33ต่อหน้าจักรวาลที่ไม่ใยดีกับคนเรานัก
-
9:34 - 9:37สิ่งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อ
-
9:37 - 9:40และดิฉันคิดว่าปัจจุบันมันเจ็บปวดเฉพาะกับพวกเราในโลกตะวันตก
-
9:40 - 9:42ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของบางสิ่งที่บางครั้งดิฉันคิดว่า
-
9:42 - 9:45เหมือนกับวัฒนธรรมแบบคอนโทรล-ซี (Control-Z)--
-
9:45 - 9:47เหมือนกับคำสั่งที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์,
-
9:47 - 9:49ยกเลิก
-
9:49 - 9:52เราเคยชินอย่างไม่น่าเชื่อกับการไม่ต้องเผชิญหน้า
-
9:52 - 9:54กับความเป็นจริงที่ยากลำบากในชีวิต,ในแบบหนึ่ง
-
9:54 - 9:56เราคิดว่าเราโยนเงินไปแก้ปัญหาได้
-
9:56 - 9:58หรือโยนเทคโนโลยี่ไปแก้ปัญหาได้--
-
9:58 - 10:00เราสามารถเลิกทำและเลิกเป็นมิตร
-
10:00 - 10:03และเลิกตาม
-
10:03 - 10:06ปัญหาก็คือว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต
-
10:06 - 10:09ที่เราต้องการจะเปลี่ยนแปลงอย่างที่สุด
-
10:09 - 10:11แต่เราทำไม่ได้
-
10:11 - 10:13บางครั้งแทนที่จะเป็นคำสั่งคอนโทรน-ซี,
-
10:13 - 10:15จริงๆ แล้วเราควบคุมไม่ได้เลย
-
10:15 - 10:19และสำหรับพวกเราที่บ้าการควบคุมและพวกคลั่งความสมบูรณ์แบบ
-
10:19 - 10:21และดิฉันรู้ดีในเรื่องที่ฉันพูด--
-
10:21 - 10:23เรื่องนี้ยากจริงๆ,
-
10:23 - 10:26เพราะว่าเราต้องการจะทำทุกอย่างเองและต้องการทำให้ถูกต้อง
-
10:27 - 10:29ตรงนี้มีข้อโต้แย้ง
-
10:29 - 10:32ว่าพวกบ้าการควบคุมและพวกคลั่งความสมบูรณ์แบบ ไม่ควรจะไปสัก,
-
10:32 - 10:35และดิฉันจะย้อนกลับไปพูดเรื่องนั้นในอีกสองสามนาที
-
10:35 - 10:37แต่อันดับแรกดิฉันขอพูด
-
10:37 - 10:39ว่าความรุนแรงและความยือเยื้อ
-
10:39 - 10:42ที่เราได้ประสบกับองค์ประกอบต่างๆ ของความเสียใจด้านอารมณ์นั้น
-
10:42 - 10:44เห็นได้ชัดว่าจะแตกต่างกันออกไป
-
10:44 - 10:47ขึ้นอยู่กับเฉพาะสิ่งที่เรารู้สึกเสียใจ
-
10:47 - 10:49ตัวอย่างเช่น, นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ดิฉันชอบ
-
10:49 - 10:53เครื่องสร้างอัตโนมัติในชีวิตสมัยใหม่
-
10:53 - 10:55(เสียงหัวเราะ)
-
10:55 - 10:57ข้อความ:ตอบทั้งหมด
-
10:57 - 10:59และสิ่งที่น่าอัศจรรย์
-
10:59 - 11:02ของเจ้านวัตกรรมทางเทคโนโลยีเจ้าปัญหานี้
-
11:02 - 11:04ก็คือแค่เพียงสิ่งนี้อย่างเดียว
-
11:04 - 11:07เราสามารถจะรู้สึกเสียใจได้หลายอย่าง
-
11:07 - 11:10คุณบังเอิญไปกด"ตอบทั้งหมด"ที่อีเมลหนึ่ง
-
11:10 - 11:13แล้วก็ไปทำลายความสัมพันธ์ที่มีอยู่
-
11:13 - 11:16หรือคุณก็แค่มีวันทำงานหนึ่งวันที่คุณรู้สึกอับอายอย่างไม่น่าเชื่อ
-
11:16 - 11:20หรือคุณก็อาจจะได้มีวันสุดท้ายของการทำงานของคุณ
-
11:20 - 11:22และนี่ไม่ได้แม้แต่ไปแตะ
-
11:22 - 11:25เรื่องของความเสียใจที่ลึกซึ้งจริงๆในชีวิต
-
11:25 - 11:27เพราะว่าบางครั้งเราตัดสินใจไป
-
11:27 - 11:31ซึ่งมีผลที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้และแย่มากๆ
-
11:31 - 11:34ทั้งกับตัวเองหรือกับผู้อื่น
-
11:34 - 11:36ทางด้านสุขภาพ ความสุขและการดำรงชีวิต
-
11:36 - 11:40และในกรณีเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้,แม้ถึงแก่ชีวิต
-
11:40 - 11:43เห็นได้ชัดว่า,ความเสียใจแบบนั้น
-
11:43 - 11:47มันเจ็บรุนแรงและยาวนาน
-
11:47 - 11:50ดิฉันหมายถึง,แม้แต่ความเสียใจงี่เง่า "ตอบทั้งหมด"
-
11:50 - 11:54อาจทำให้เราตกอยู่ในความทุกข์รุนแรงอย่างเฉียบพลันไปหลายวัน
-
11:55 - 11:58แล้วเราจะอยู่กับมันได้อย่างไร?
-
11:58 - 12:00ดิฉันอยากจะแนะว่ามีอยู่สามวิธี
-
12:00 - 12:03ที่ช่วยเราให้ทำใจให้สงบได้แม้จะมีความเสียใจอยู่
-
12:03 - 12:05และวิธีแรก
-
12:05 - 12:08ก็คือให้สบายใจได้เพราะเป็นเรื่องที่ใครๆก็เป็นกัน
-
12:09 - 12:13ถ้าคุณเข้าไปในกูเกิ้ลดูคำว่าเสียใจและคำว่าสัก,
-
12:13 - 12:15คุณจะได้ 11.5 ล้านเว็บไซต์
-
12:15 - 12:17(เสียงหัวเราะ)
-
12:17 - 12:19องค์การอาหารและยาประมาณว่า
-
12:19 - 12:21คนอเมริกันทุกคนที่มีรอยสัก,
-
12:21 - 12:24ร้อยละ 17 ของพวกเราเสียใจที่มีรอยสัก
-
12:24 - 12:26ก็คือทั้งจอห์นนี่ เด็พพ์และดิฉัน
-
12:26 - 12:28และพรรคพวกเราอีกเจ็ดล้านคน
-
12:28 - 12:31และนั่นเป็นเพียงความเสียใจเกี่ยวกับรอยสัก
-
12:31 - 12:34เราทั้งหมดอยู่ในเรือลำเดียวกัน
-
12:35 - 12:37วิธีที่สองที่เราจะช่วยให้เกิดความสงบสุขได้แม้จะมีความเสียใจ
-
12:37 - 12:40ก็คือหัวเราะกับตัวเอง
-
12:40 - 12:42ในกรณีของดิฉัน,การทำแบบนี้จริงๆไม่ใช่ปัญหา,
-
12:42 - 12:45เพราะว่าจริงๆ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง
-
12:45 - 12:47เมื่อคุณอายุ 29 และคุณร้องหาแม่
-
12:47 - 12:50เพราะว่าคุณไม่ชอบรอยสักที่คุณไปสักมา
-
12:50 - 12:54แต่อาจจะดูเหมือนกับว่าเป็นคำแนะนำที่โหดร้ายและเล่นลิ้น
-
12:54 - 12:57เมื่อมันมาถึงเรื่องความเสียใจที่ลึกซึ้งมากกว่า
-
12:57 - 13:00อย่างไรก็ตามดิฉันไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น
-
13:00 - 13:03พวกเราทุกคนที่ได้ผ่านความรู้สึกเสียใจ
-
13:03 - 13:07ที่มีความเจ็บปวดและความเศร้าโศรกจริงๆ
-
13:07 - 13:10เราเข้าใจว่าอารมณ์ขันแม้ว่าจะเป็นแนวเสียดสีเหน็บแนม
-
13:10 - 13:13มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เรามีชีวิตรอด
-
13:13 - 13:15มันช่วยเชื่อมเสาหลักของชีวิตเราให้กลับคืนมารวมกัน,
-
13:15 - 13:17ทั้งด้านบวกและด้านลบ,
-
13:17 - 13:21อารมณ์ขันส่งกระแสชีวิตน้อยๆ กลับคืนสู่เรา
-
13:21 - 13:24วิธีที่สามที่ดิฉันคิดว่าจะช่วยทำให้เราสงบลงได้แม้จะมีความเสียใจ
-
13:24 - 13:27ก็คือให้เวลาผ่านไป,
-
13:27 - 13:29ซึ่งอย่างที่เราทราบ,รักษาบาดแผลต่างๆได้--
-
13:29 - 13:32ยกเวันรอยสัก,ซึ่งคงทนถาวร
-
13:33 - 13:35ดังนั้นจึงใช้เวลาหลายปี
-
13:35 - 13:38ตั้งแต่ดิฉันได้ไปสัก
-
13:39 - 13:43พวกคุณอยากจะเห็นมันไม๊คะ?
-
13:43 - 13:45ได้คะ
-
13:45 - 13:48จริงๆแล้ว,คุณรู้ไหม, ดิฉันควรจะเตือนคุณว่า,
-
13:48 - 13:50คุณจะผิดหวัง
-
13:50 - 13:53เพราะว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้น่าเกลียดนัก
-
13:53 - 13:56ดิฉันไม่ได้สักเป็นรูปใบหน้าของมารีลิน แมนสัน
-
13:56 - 13:58บนร่างกายบางส่วนที่ไม่สมควรหรืออะไร
-
13:58 - 14:00เมื่อคนอื่นเห็นรอยสักของดิฉัน,
-
14:00 - 14:02ส่วนใหญ่พวกเขาชอบรอยสักที่เห็น
-
14:02 - 14:04เพียงแค่ว่าดิฉันไม่ชอบรอยสักที่เป็นอยู่
-
14:04 - 14:07และอย่างที่ดิฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้,ดิฉันเป็นผูู้ที่พอใจแต่สิ่งที่สมบูรณ์แบบ
-
14:07 - 14:10แต่อย่างไรก็ตามดิฉันจะให้คุณดู
-
14:14 - 14:17นี่คือรอยสักของดิฉัน
-
14:18 - 14:21ดิฉันเดาได้ว่าบางท่านกำลังคิดอะไรอยู่
-
14:21 - 14:24ดังนั้น ดิฉันขอให้คุณมั่นใจได้บางอย่าง
-
14:24 - 14:26ความเสียใจบางอย่างของคุณเอง
-
14:26 - 14:30ก็ไม่ได้น่าเกลียดมากอย่างที่คุณคิดหรอก
-
14:30 - 14:32ดิฉันได้รอยสักนี้
-
14:32 - 14:34เพราะว่าดิฉันได้ใช้เวลามากที่สุดในช่วงอายุ 20 กว่าๆ
-
14:34 - 14:36อยู่นอกประเทศและท่องเที่ยวไป
-
14:36 - 14:38และเมื่อดิฉันกลับมาตั้งหลักฐานในกรุงนิวยอร์กหลังจากนั้น
-
14:38 - 14:40ดิฉันกังวลใจว่าดิฉันอาจจะลืม
-
14:40 - 14:43บทเรียนที่สำคัญมากที่สุดที่ดิฉันได้เรียนรู้ในช่วงเวลานั้น
-
14:43 - 14:46โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองเรื่องที่ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง
-
14:46 - 14:48ที่ดิฉันไม่ต้องการจะลืมเป็นอย่างยิ่ง
-
14:48 - 14:51ก็คือมันรู้สึกสำคัญอย่างไรที่ต้องสำรวจกันต่อไป
-
14:51 - 14:54และ,ในเวลาเดียวกัน,มันสำคัญอย่างไร
-
14:54 - 14:57ที่ต้องจับตามองทิศเหนือจริงของตัวคุณเอง
-
14:57 - 14:59และสิ่งที่ดิฉันเคยรักเกี่ยวกับรูปเข็มทิศนี้
-
14:59 - 15:01ก็คือดิฉันรู้สึกเหมือนว่ามันแสดงแนวคิดทั้งสองนี้
-
15:01 - 15:04ในภาพที่เรียบง่ายภาพหนึ่ง
-
15:04 - 15:07และดิฉันเคยคิดว่ามันอาจจะใช้เป็นคล้ายกับครื่องมือสำหรับใช้เตือนความจำที่ถาวร
-
15:08 - 15:10ใช่มันใช้ได้
-
15:10 - 15:13แต่กลับกลายเป็นว่า,มันไม่ได้เตือนความจำถึงสิ่งที่ดิฉันได้คิดไว้
-
15:13 - 15:17มันกลับเตือนดิฉันตลอดเวลาถึงสิ่งอื่นแทน
-
15:17 - 15:19จริงๆ แล้วมันเตือนดิฉัน
-
15:19 - 15:22ถึงบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่ความเสียใจสามารถสอนเราได้,
-
15:22 - 15:25ซึ่งก็เป็นบทเรียนหนึ่งที่สำคัญที่สุดที่ชีวิตสอนเราด้วย
-
15:25 - 15:28พูดอย่างประชด,ดิฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพียงสิ่งเดียว
-
15:28 - 15:31ที่ดิฉันอาจบังเอิญสักลงไปบนร่างกาย--
-
15:31 - 15:33ส่วนหนึ่งในฐานะนักเขียน,
-
15:33 - 15:35แต่ในแค่ฐานะคนธรรมดาด้วย
-
15:35 - 15:39นี่คือสิ่งที่กล่าวถึง,
-
15:39 - 15:41ถ้าเรามีเป้าหมาย
-
15:41 - 15:43และความฝัน,
-
15:43 - 15:47และเราต้องการทำให้ดีที่สุด,
-
15:47 - 15:49และถ้าเรารักเพื่อนมนุษย์
-
15:49 - 15:51และเราไม่ต้องการทำให้เขาเจ็บปวดหรือสูญเสียเขาไป,
-
15:51 - 15:55เราควรจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น
-
15:55 - 15:59จุดสำคัญไม่ใช่มีชีวิตอยู่โดยไม่มีความเสียใจเลย
-
15:59 - 16:03จุดสำคัญอยู่ที่ไม่เกลียดตัวเองที่มีความเสียใจ
-
16:03 - 16:05บทเรียนที่ในที่สุดดิฉันได้เรียนรู้จากรอยสักของดิฉัน
-
16:05 - 16:07และที่ดิฉันต้องการฝากคุณไว้ในวันนี้
-
16:07 - 16:09คือสิ่งนี้:
-
16:09 - 16:11เราต้องเรียนรู้ที่จะรัก
-
16:11 - 16:13สิ่งที่บกพร่อง ไม่สมบูรณ์แบบ
-
16:13 - 16:15ที่เราทำขึ้นมา
-
16:15 - 16:18และยกโทษให้กับตัวเองที่ได้ทำมันขึ้นมา
-
16:19 - 16:22ความเสียใจไม่ได้เตือนเราว่าเราทำสิ่งที่ไม่ดี
-
16:22 - 16:25แต่มันเตือนเราว่า เรารู้ว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านี้
-
16:25 - 16:27ขอบคุณคะ
-
16:27 - 16:30(เสียงปรบมือ)
- Title:
- แคทรึน ชูลส์:อย่ารู้สึกเสียใจกับความเสียใจ
- Speaker:
- Kathryn Schulz
- Description:
-
more » « less
เราได้รับการสั่งสอนให้พยายามดำเนินชีวิตโดยไม่มีเรื่องเศร้าเสียใจ แต่เพราะเหตุใดเล่า? แคทรีน ซูลส์ ได้ใช้เรื่องการสักของตัวเธอเองเป็นตัวอย่าง เพื่อนำเสนอแนวคิดที่ทรงพลังและซึ้งใจกับการอยู่กับความเสียใจของเรา
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 16:30
