การฝึกจนเชี่ยวชาญแต่เนิ่น ๆ ไม่ได้ช่วยให้การงานก้าวหน้าเสมอไป
-
0:02 - 0:05ผมอยากจะพูดถึงการพัฒนา
ศักยภาพของมนุษย์ -
0:05 - 0:10และผมขอเริ่มจากเรื่องราว
ที่มีอิทธิพลมากที่สุดของยุคสมัยใหม่ -
0:10 - 0:14หลายท่านในที่นี้คงจะเคยได้ยินเรื่องของ
กฎ 10,000 ชั่วโมง -
0:14 - 0:16หรือบางทีก็กำลังใช้วิธีคิดนี้กับตัวเอง
-
0:16 - 0:18ง่าย ๆ คือ กฎนี้บอกว่า การที่จะเชี่ยวชาญ
ในเรื่องอะไรก็ตาม -
0:18 - 0:21จะต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างจดจ่อ
ถึง 10,000 ชั่วโมง -
0:21 - 0:24เพราะฉะนั้นคุณควรเริ่ม
ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ -
0:24 - 0:28เช่นคนดังอย่าง ไทเกอร์ วูดส์
-
0:28 - 0:31พ่อของเขาได้มอบไม้พัตเตอร์ให้กับเขา
เมื่อตอนอายุ 7 เดือน -
0:31 - 0:35ภายใน 10 เดือน เขาก็เริ่มที่จะเลียนแบบ
การเหวี่ยงไม้ของพ่อ -
0:35 - 0:38เมื่ออายุ 2 ขวบ คุณเข้าไปดูในยูทูบได้เลย
ที่เขาออกรายการโทรทัศน์ -
0:38 - 0:40เมื่ออายุ 21
-
0:40 - 0:42เขาเป็นโปรกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
-
0:42 - 0:44นี่คือผลของกฎ 10,000 ชั่วโมง
-
0:44 - 0:46อีกด้านหนึ่ง
ในบรรดาหนังสือที่ขายดีที่สุด -
0:46 - 0:48คือเรื่องของพี่น้องครอบครัวโพลการ์
-
0:48 - 0:51ที่พ่อของพวกเธอตัดสินใจสอน
การเล่นหมากรุกอย่างจริงจัง -
0:51 - 0:52ตั้งแต่ยังอายุไม่มาก
-
0:52 - 0:54จริง ๆ เขาอยากแสดงให้เห็นว่า
-
0:54 - 0:56ด้วยการออกตัวเร็วในการฝึกฝนอย่างจดจ่อ
-
0:56 - 0:58เด็กทุกคนก็สามารถเป็น
อัจฉริยะในเรื่องอะไรก็ได้ -
0:58 - 1:00และอันที่จริง
-
1:00 - 1:03ลูกสาวสองคนจากสาม
กลายมาเป็นปรมาจารย์ด้านหมากรุก -
1:03 - 1:06เมื่อผมได้เป็นนักเขียนแนววิทยาศาสตร์
ให้กับนิตยสาร Sport Illustrated -
1:06 - 1:07ผมเริ่มสงสัย
-
1:07 - 1:09เพราะหากกฎ 10,000 ชั่วโมงนี้เป็นจริง
-
1:09 - 1:12เราก็น่าจะเห็นนักกีฬาเก่ง ๆ
นำหน้าไปแล้ว -
1:12 - 1:14จากการ "ฝึกฝนแบบเจาะจง"
-
1:14 - 1:16นี่คือการฝึกฝน
ที่เน้นการแก้จุดบกพร่อง -
1:16 - 1:18ไม่ใช่แค่เล่นเฉย ๆ
-
1:18 - 1:20อันที่จริงนักวิทยาศาสตร์
ได้ศึกษานักกีฬาแนวหน้า -
1:20 - 1:23และพบว่านักกีฬาแนวหน้า
ใช้เวลาไปกับการฝึกแบบเจาะจงมากกว่า -
1:23 - 1:24ก็ไม่หน้าแปลกใจอะไร
-
1:24 - 1:28แต่เมื่อนักวิทยาศาสตร์ติดตาม
ความก้าวหน้าของการพัฒนา -
1:28 - 1:29พวกเขาพบรูปแบบดังนี้
-
1:29 - 1:32จริง ๆ แล้วนักกีฬาแนวหน้า
ใช้เวลาน้อยกว่า -
1:32 - 1:35ในการฝึกแบบเจาะจง
ในกีฬาประเภทสุดท้าย -
1:35 - 1:38และมักจะมีช่วงที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า
"ช่วงทดลอง" -
1:38 - 1:40ที่นักกีฬาจะทดลอง
กิจกรรมกีฬาหลากหลายประเภท -
1:40 - 1:42จนมีทักษะทัวไปและรอบด้าน
-
1:42 - 1:44ได้เรียนรู้ความชอบและทักษะของตัวเอง
-
1:44 - 1:48และชะลอการฝึกให้เชี่ยวชาญ
เมื่อเทียบกับคนรอบข้างที่ใช้เวลามากกว่า -
1:49 - 1:51เมื่อผมเห็นข้อเท็จจริงนี้
ผมพูดออกมาว่า -
1:51 - 1:54"เฮ้ย นี่มันขัดแย้งกับ
กฎ 10,000 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ" -
1:54 - 1:56ผมจึงเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสาขาอื่น ๆ
-
1:56 - 2:00ที่เกี่ยวโยงกับความจำเป็น
ในการฝึกให้เชี่ยวชาญตั้งแต่แรกเริ่ม -
2:00 - 2:01อย่างดนตรี
-
2:01 - 2:03ผลออกมากลับพบว่ามีรูปแบบที่คล้ายกัน
-
2:03 - 2:05นี่คืองานวิจัยจากสถาบันดนตรีระดับโลก
-
2:05 - 2:08และสิ่งที่ผมอยากให้ทุกท่านให้ความสนใจ
คือเรื่องนี้ -
2:08 - 2:12นักดนตรีชั้นยอดไม่ได้เริ่ม
โดยการใช้เวลาฝึกฝนอย่างเจาะจง -
2:12 - 2:13มากกว่านักดนตรีทั่วไป
-
2:13 - 2:14จนกว่าจะถึงเครื่องดนตรีที่ 3
-
2:14 - 2:16พวกเขาก็เหมือนกัน
ที่มีแนวโนมจะมีช่วงทดลอง -
2:16 - 2:19ไม่เว้นนักดนตรีที่เราคิดว่า
เก่งตั้งแต่ยังเล็ก -
2:19 - 2:20อย่าง โหยว โหยว หม่า
-
2:20 - 2:21เขาก็มีช่วงทดลองเหมือนกัน
-
2:21 - 2:24เขาเพียงแค่ผ่านช่วงทดลองนั้น
เร็วกว่านักดนตรีทั่ว ๆ ไป -
2:24 - 2:27อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้
ก็แทบไม่ได้รับความสนใจ -
2:27 - 2:29และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น
-
2:29 - 2:32คือหน้าแรกของหนังสือ
"แม่เสือสอนลูก" -
2:32 - 2:35ที่ผู้เขียนเล่าถึง
การให้ลูกสาวไปเรียนไวโอลิน -
2:35 - 2:37มักไม่มีใครจำได้ว่า
ในตอนหลัง ๆ ของหนังสือ -
2:37 - 2:40ที่ลูกสาวเธอมาหาเธอแล้วบอกว่า
"แม่เลือกเอง ไม่ใช่หนู" -
2:40 - 2:42และก็เลิกเล่นไปเลย
-
2:42 - 2:45การที่ได้เห็นรูปแบบที่คล้ายกัน
อย่างหน้าประหลาดใจ ของกีฬาและดนตรี -
2:45 - 2:48ผมเริ่มสงสัยเกี่ยวกับแวดวง
ที่ส่งผลต่อคนจำนวนมาก -
2:48 - 2:49อย่างการศึกษา
-
2:49 - 2:51นักเศรษฐศาสตร์ได้ทำการทดลองแบบธรรมชาติ
-
2:51 - 2:53ในสถาบันอุดมศึกษาที่อังกฤษและสก็อตแลนด์
-
2:53 - 2:56ระหว่างที่เขาศึกษา
ระบบการศึกษาของทั้งสองแห่งคล้ายกัน -
2:56 - 2:59เว้นแต่ว่าในอังกฤษ นักเรียนจะต้อง
ฝึกเฉพาะทางในช่วงกลางวัยรุ่น -
2:59 - 3:01โดยเลือกเรียนวิชาเฉพาะ
-
3:01 - 3:05และในสก็อตแลนด์ นักเรียนสามารถ
ทดลองเรียนได้จนถึงระดับมหาวิทยาลัย -
3:05 - 3:06หากพวกเขาต้องการ
-
3:06 - 3:07คำถามของเขาคือ
-
3:07 - 3:10ระหว่างการฝึกเฉพาะทางแต่เนิ่น ๆ
หรือชะลอไปก่อน ดีกว่ากัน -
3:10 - 3:13และเขาก็พบว่าคนที่ฝึกเฉพาะทางแต่เนิ่น ๆ
มีรายได้ที่สูงกว่า -
3:13 - 3:16เพราะว่ามีทักษะเฉพาะ และตรงสาขา
-
3:16 - 3:18คนที่ฝึกเฉพาะทางทีหลัง
ได้โอกาสทดลองหลาย ๆ สิ่ง -
3:18 - 3:20และพวกเขาก็เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง
-
3:20 - 3:22หรือที่เรียกว่า
"การจับคู่ที่ตรงกัน" -
3:22 - 3:25เพราะฉะนั้น อัตราการเติบโตจึงเร็วกว่า
-
3:25 - 3:26และใน 6 ปี
-
3:26 - 3:28พวกเขาก็มีรายได้มากกว่า
-
3:28 - 3:31ในขณะเดียวกัน คนที่ฝึกฝนเฉพาะทาง
แต่เนิ่นเริ่มออกจากสายงานที่ทำ -
3:31 - 3:32ในตัวเลขที่ค่อนข้างสูง
-
3:32 - 3:35เหตุผลสำคัญคือ พวกเขา
ถูกบีบให้เลือกเร็วเกินไป -
3:35 - 3:37พวกเขาจึงเลือกตัวเลือกที่ไม่ดี
-
3:37 - 3:39คนที่ฝึกฝนเฉพาะทางทีหลัง
จึงเสียเปรียบในระยะแรก -
3:39 - 3:40แต่ได้เปรียบในระยะยาว
-
3:40 - 3:43ผมคิดว่า หากเรามองการเลือกงาน
เหมือนการออกเดท -
3:43 - 3:46เราคงจะไม่บีบบำคับให้ผู้คน
รีบตัดสินใจเร็วเกินไป -
3:46 - 3:48การพบรูปแบบดังกล่าวอีกครั้ง
ทำให้ผมเริ่มสนใจ -
3:48 - 3:52ที่จะศึกษาพื้นฐานการพัฒนา
ของผู้คนที่ผมนับถือ -
3:52 - 3:55อย่าง ดุค เอลลิงตัน
ผู้ที่ขยาดการเรียนดนตรี -
3:55 - 3:57แต่หันมาสนใจเบสบอล
และการวาดภาพระบายสี -
3:57 - 4:00หรือ มาเรียม มีร์ซาคานี
ผู้ที่ตอนเด็ก ๆ ไม่เคยสนใจคณิตศาสตร์เลย -
4:00 - 4:02ใฝ่ฝันที่จะเป็นนักเขียนนวนิยาย
-
4:02 - 4:04แต่กลับได้กลายเป็น
ผู้หญิงคนเดียว -
4:04 - 4:05ที่ได้รับเหรียญฟิลด์ส์
-
4:05 - 4:08รางวัลที่ทรงเกียรติที่สุด
ในโลกของคณิตศาสตร์ -
4:08 - 4:10หรือ วินเซนต์ แวน โก
ที่มี 5 อาชีพที่แตกต่างกัน -
4:10 - 4:13และเขาก็คิดว่าเป็นงานในฝันของตัวเอง
ก่อนที่เขาจะเปล่งประกาย -
4:13 - 4:18และในช่วง 20 ปลาย ๆ เขาได้หยิบ
หนังสือชื่อ "คู่มือวาดเขียนเบื้องต้น" -
4:18 - 4:19และผลก็ออกมาอย่างที่เห็น
-
4:20 - 4:23คล้อด แชนนอน วิศวกรไฟฟ้า
ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน -
4:23 - 4:26เขาได้ลงเรียนวิชาปรัชญา
เพื่อที่จะเรียนให้ครบตามหลักสูตร -
4:26 - 4:30และในชั้นเรียนนั้นเขาได้เรียนเรื่องตรรกะ
ที่มีมานานเกือบศตวรรษ -
4:30 - 4:33ว่าประโยคที่เป็นจริงหรือเท็จนั้น
สามารถแทนด้วย 1 หรือ 0 -
4:33 - 4:35เหมือนการแก้โจทย์คณิตศาสตร์
-
4:35 - 4:37สิ่งนี่นำไปสู่การพัฒนาระบบเลขฐานสอง
-
4:37 - 4:40ที่เป็นพื้นฐานของ
คอมพิวเตอร์ในทุกวันนี้ -
4:40 - 4:43คนสุดท้าย แบบอย่างของผม
ฟรานเซส แฮสเซิลไบน์ -
4:43 - 4:44นี่รูปผมกับเธอ
-
4:44 - 4:47เธอเริ่มทำงานอย่างมืออาชีพ
ตอนอายุ 54 -
4:47 - 4:50และได้เติบโตเป็นซีอีโอ
ขององค์กรลูกเสือหญิง -
4:50 - 4:51ที่เธอได้ให้การช่วยเหลือ
-
4:51 - 4:53เธอเพิ่มสมาชิก
ที่เป็นคนกลุ่มน้อย -
4:53 - 4:55อาสาสมัครกว่า 130,000 คน
-
4:55 - 4:59และนี่คือเครื่องหมายวิชาพิเศษ
ขณะที่เธอดำรงตำแหน่ง -
4:59 - 5:02ตราระบบเลขฐานสอง
สำหรับลูกเสือหญิงที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์ -
5:02 - 5:04ทุกวันนี้ ฟรานเซสบริหารองค์กรพัฒนาผู้นำ
-
5:04 - 5:06ที่เธอทำงานทุก ๆ วันธรรมดา
ในแมนแฮตตัน -
5:06 - 5:07และเธอก็อายุเพียง 104 ปี
-
5:07 - 5:09ใครจะรู้ว่า ต่อไปเธอจะทำอะไร
-
5:09 - 5:10(เสียงหัวเราะ)
-
5:11 - 5:14เราไม่ค่อยจะได้ยินเรื่องราว
ของการพัฒนาแบบนี้ใช่ไหมครับ -
5:14 - 5:15เรามักไม่ค่อยได้ยินงานวิจัย
-
5:15 - 5:18ที่พบว่านักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล
มีความเป็นไปได้กว่า 22 เท่า -
5:18 - 5:20ที่จะมีงานอดิเรกนอกเหนือจากงาน
-
5:20 - 5:21เหมือนนักวิทยาศาสตร์ทั่วไป
-
5:21 - 5:22เราไม่เคยได้ยินเลย
-
5:22 - 5:25แม้นักดนตรีที่มีชื่อเสียง
หรือผลงานที่โด่งดัง -
5:25 - 5:27เราก็มักจะไม่ได้ยิน
เกี่ยวกับการพัฒนา -
5:27 - 5:29ยกตัวอย่างเช่น
นักกีฬาคนนี้ ที่ผมติดตาม -
5:29 - 5:31นี่คือตอนที่เขาอายุ 6 ขวบ
ใส่ชุดรักบี้ทีมสก็อตติช -
5:31 - 5:34เขาลองทั้งเทนนิส
สกี มวยปล้ำ -
5:34 - 5:37แม่ของเขาจริง ๆ แล้วเป็นผู้ฝึกสอนเทนนิส
แต่เธอปฏิเสธที่จะสอนเขา -
5:37 - 5:39เพราะเขามักจะไม่ยอม
เขวี้ยงลูกบอลกลับมาดี ๆ -
5:39 - 5:41เขาเล่นบาสเกตบอล
ปิงปอง ว่ายน้ำ -
5:41 - 5:43เมื่อผู้ฝึกสอนต้องการให้เขา
เข้าพัฒนามากขึ้น -
5:44 - 5:45เพื่อจะได้เล่นกับเด็กโต
-
5:45 - 5:48เขาปฏิเสธ เพราะเขาต้องการ
พูดคุยเล่นเรื่องนักมวยปล้ำมือโปร -
5:48 - 5:49กับเพื่อน ๆ หลังการฝึกซ้อม
-
5:49 - 5:51และเขาก็ยังคงลองเล่นกีฬาอื่น ๆ
-
5:51 - 5:54แฮนด์บอล วอลเล่บอล ฟุตบอล
แบตมินตัน สเกตบอร์ด -
5:54 - 5:56เด็กที่ไม่จริงจังอะไรคนนี้เป็นใครกัน
-
5:57 - 5:59นี่คือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์
-
5:59 - 6:02ที่โด่งดังในทุก ๆ ด้าน
เหมือนกับไทเกอร์ วูดส์ -
6:02 - 6:05แม้แต่แฟนเทนนิสก็ไม่ค่อยรู้
-
6:05 - 6:07เรื่องราวการพัฒนาของเขาหรอก
-
6:07 - 6:09ทำไมล่ะ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องธรรมดาก็เถอะ
-
6:09 - 6:12ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ
เรื่องของไทเกอร์นั้นซับซ้อน -
6:12 - 6:15แต่ก็เป็นเพราะมันดูเป็นเรื่องที่
เล่าแล้วเข้าใจง่าย -
6:15 - 6:18และเราสามารถนำไปใช้กับอะไรก็ได้
ที่เราอยากพัฒนา -
6:18 - 6:19ในชีวิตของเรา
-
6:19 - 6:21แต่ผมคิดว่าความคิดแบบนี้มีปัญหา
-
6:21 - 6:24เพราะปรากฏว่าจากหลายแง่มุม
กอล์ฟเป็นแบบอย่างที่แย่มาก -
6:24 - 6:27สำหรับอะไรก็ตามที่มนุษย์ต้องการเรียนรู้
-
6:27 - 6:28(เสียงหัวเราะ)
-
6:28 - 6:29กอล์ฟเป็นตัวอย่างที่ดี
-
6:29 - 6:33ของ "สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอ่อนโยน"
ตามที่นักจิตวิทยาโรบิน โฮกาธ เรียก -
6:33 - 6:36สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอ่อนโยน
จะมีขั้นตอนและเป้าหมายที่ชัดเจน -
6:36 - 6:38กฎที่ชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลง
-
6:38 - 6:41เมื่อคุณทำอะไรคุณจะได้ผลตอบรับ
ที่เร็ว และตรงไปตรงมา -
6:41 - 6:43หากคุณทำอีกในปีหน้า
ก็เหมือนที่คุณทำปีที่แล้ว -
6:43 - 6:46หมากรุก ก็เป็น
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบอ่อนโยน -
6:46 - 6:47ขอได้เปรียบของปรมาจารย์
-
6:47 - 6:50คือการการใช้ความรู้
ของรูปแบบที่เกิดซ้ำ ๆ -
6:50 - 6:52นั้นก็เป็นเหตุผลว่า
ทำไมหุ่นยนต์ถึงเล่นได้ -
6:52 - 6:55ที่ขั้วตรงข้าม คือ
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบบิดเบี้ยว -
6:55 - 6:57ที่ขั้นตอนและเป้าหมาย
อาจจะไม่ชัดเจน -
6:57 - 6:59กฎอาจเปลี่ยน
-
6:59 - 7:01คุณอาจได้หรือไม่ได้รับผลตอบรับ
เมื่อคุณทำอะไร -
7:01 - 7:03มันอาจจะถูกเลื่อน หรือไม่ถูกต้องแม่นยำ
-
7:03 - 7:06งานในปีหน้า อาจจะไม่เหมือนปีที่แล้ว
-
7:06 - 7:10แล้วสภาพแบบไหนกัน
ที่ดูเหมือนโลกที่เรากำลังอยู่ตอนนี้ -
7:10 - 7:13อันที่จริง ความจำเป็นในการคิด
เพื่อที่จะปรับตัวได้ -
7:13 - 7:15และการเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ
เข้าด้วยกัน -
7:15 - 7:17เป็นพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลง
รูปแบบการคิดของเรา -
7:17 - 7:19เมื่อคุณมองที่แผนภาพนี้
-
7:19 - 7:23วงกลมตรงกลางด้านขวา
อาจดูใหญ่สำหรับคุณ -
7:23 - 7:24และสมองของคุณถูกถึงดูด
-
7:24 - 7:26ไปที่ความสัมพันธ์
ระหว่างองค์ประกอบและภาพรวม -
7:26 - 7:29ในขณะที่คนที่ไม่เคยเห็นภาพ
ของยุคสมัยใหม่ -
7:29 - 7:32ที่ต้องใช้ความสามารถในการปรับตัว
ทางความคิด -
7:32 - 7:35ก็จะสามารถมองเห็นได้ทันทีว่า
วงกลมตรงกลางทั้งสองมีขนาดเท่ากัน -
7:35 - 7:38เราอยู่ในโลกที่มีสภาพบิดเบี้ยว
-
7:38 - 7:42และการมุ่งพัฒนาความเชี่ยวชาญ
อาจะไม่เป็นอย่างที่คาดไว้ -
7:42 - 7:44ยกตัวเอย่างเช่น
งานวิจัยในหลายประเทศ -
7:44 - 7:47ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง
จำนวนปีของพ่อแม่ในการศึกษา -
7:47 - 7:48คะแนนสอบของตัวเอง
-
7:48 - 7:49และจำนวนปีในการศึกษา
ของตัวเอง -
7:50 - 7:52ความแตกต่างคือ
บางคนเรียนโดยมุ่งอาชีพเฉพาะทาง -
7:52 - 7:54บางคนเรียนแบบกว้างไม่เจาะจง
-
7:54 - 7:57รูปแบบที่พบคือ คนที่เรียนมาตรงกับสายงาน
-
7:57 - 8:00มักจะได้งานหลังเรียนจบ
-
8:00 - 8:02และจะทำเงินได้มากกว่าในทันที
-
8:02 - 8:04แต่ไม่สามารถปรับตัวได้
กับโลกที่เปลี่ยนแปลง -
8:04 - 8:07พวกเขาเลยใช้เวลาน้อยกว่า
ในการทำงานโดยภาพรวม -
8:07 - 8:10ทำให้พวกเขาชนะในช่วงสั้น ๆ
แต่ต้องแพ้ในระยะยาว -
8:10 - 8:13ลองพิจารณาการศึกษา
ที่ใช้เวลา 20 ปี ที่ผู้เชี่ยวชาญ -
8:13 - 8:16ทำนายเรื่องภูมิรัฐศาสตร์
และเศรษฐศาสตร์ -
8:16 - 8:20คนที่ทำนายสิ่งต่าง ๆ ได้แย่ที่สุด
คือพวกผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย -
8:20 - 8:23ผู้ที่ใช้เวลาทั้งชีวิต ไปกับการแก้ปัญหา
เพียงหนึ่งหรือสองปัญหา -
8:23 - 8:26และมองโลกทั้งโลก
ด้วยตาข้างเดียว หรือติ๊ต่างเอา -
8:26 - 8:28บางคนคือแย่จริง ๆ
-
8:28 - 8:30แม้ว่าจะสั่งสมประสบการณ์และคุณวุฒิมามาก
-
8:30 - 8:35คนที่ทำนายได้ดีที่สุด คือคนที่มี
ความคิดใหม่ ๆ และมีความสนใจรอบด้าน -
8:36 - 8:38ในบางสาขาอย่างการแพทย์
-
8:38 - 8:41การพัฒนาความเชี่ยวชาญ
เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้และจำเป็น -
8:41 - 8:42ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร
-
8:42 - 8:44ที่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นดาบสองคม
-
8:44 - 8:48ไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการผ่าตัด
เพื่อแก้ไขอาการปวดเข่า -
8:48 - 8:50และมีการศึกษาควบคุมด้วยยาหลอก
-
8:50 - 8:52มีคนไข้บางรายถูก "ผ่าตัดแบบหลอก ๆ"
-
8:52 - 8:54นั่นหมายความว่า แพทย์ลงมีดแล้ว
-
8:54 - 8:56ทำเสียงนั่นนี่ให้เหมือนว่ากำลังผ่าตัด
-
8:56 - 8:58และก็เย็บปิดเหมือนเดิม
-
8:58 - 8:59และก็ได้ผลดีทีเดียว
-
8:59 - 9:02แม้ว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก็ยังคงทำแบบเดิมต่อไป -
9:02 - 9:03เป็นล้าน ๆ
-
9:04 - 9:08หากการฝึกให้เชี่ยวชาญ
ไม่ใช่กลเม็ดในโลกที่บิดเบี้ยว แล้วอะไรล่ะ -
9:08 - 9:10นี่เป็นเรื่องที่ยากที่จะพูดถึง
-
9:10 - 9:12เพราะมันไม่ได้เป็นเส้นตรงแบบนี้
-
9:12 - 9:15บางครั้งมันก็ดูคดเคี้ยว วนไปวนมา
-
9:15 - 9:16หรือมองเห็นเป็นภาพกว้าง ๆ
-
9:16 - 9:18มันอาจจะดูเหมือนว่าอยู่รั้งท้าย
-
9:18 - 9:20แต่ผมอยากจะพูดถึงกลเม็ดที่ได้ผล
-
9:20 - 9:24หากเราดูงานวิจัยทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม
จะพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของจำนวน -
9:24 - 9:27สิทธิบัตรที่มีผลในวงกว้าง
ไม่ได้ถือครองโดยบุคคล -
9:27 - 9:30ที่มีความสามารถแบบลึกมาก ๆ
ในด้านใดด้านหนึ่งของเทคโนโลยี -
9:30 - 9:32ที่สำนักงานสิทธิบัตรอเมริกา
จัดประเภท -
9:32 - 9:35และถือโดยกลุ่มบุคคล หรือบุคคล
-
9:35 - 9:38ที่ทำงานข้ามสาขาทางเทคโนโลยี
-
9:38 - 9:40และมักจะผสานหลาย ๆ สิ่ง
จากหลายแวดวงเข้าด้วยกัน -
9:40 - 9:44บุคคลหนึ่งที่ผมชื่นชมผลงานของเขา
เป็นคนที่อยู่แถวหน้าของวงการ -
9:44 - 9:46คือชายญี่ปุ่นนาม กุนเป โยโคอิ
-
9:46 - 9:48โยโคอิ ทำคะแนนได้ไม่ดี
ในการสอบวิชาอิเล็กทรอนิกส์ -
9:48 - 9:52เขาจึงต้องหันไปทำงานที่ไม่ยากมาก
อย่างการเป็นช่างซ่อมบำรุง -
9:52 - 9:54ที่บริษัทเกมไพ่ในเกียวโต
-
9:54 - 9:57เขารู้ตัวดีว่าตัวเอง
ไม่มีทักษะการทำงานที่ทันสมัย -
9:57 - 10:00แต่ก็มีข้อมูลบางอย่าง
ที่เขาสามารถเข้าถึงได้ -
10:00 - 10:03ที่ทำให้เขาสามารถผสมผสานบางสิ่ง
ที่มีอยู่แล้วเข้ากัน -
10:03 - 10:05ในแบบที่ผู้เชี่ยวชาญ
มองไม่ได้จากมุมมองแคบ ๆ นั้น -
10:05 - 10:09เขาจึงผสานเทคโนโลยีที่เด่น ๆ
จากอุตสาหกรรมเครื่องคิดเลข -
10:09 - 10:12เข้ากับเทคโนโลยีจากอุตสาหกรรม
การผลิตนามบัตร -
10:12 - 10:13และเขาก็ได้พัฒนาเกมพกพา
-
10:13 - 10:14และมันได้สะเทือนวงการ
-
10:14 - 10:17จนได้เปลี่ยนบริษัทเกมไพ่
-
10:17 - 10:20ที่ก่อตั้งบนอาคารไม้ชั้นล่าง
ในศตวรรษที่ 19 -
10:20 - 10:22สู่องค์กรที่ผลิตของเล่นและเกม
-
10:22 - 10:24คุณคงจะเคยได้ยินชื่อของบริษัทนี้
บริษัทนินเทนโด -
10:24 - 10:26ปรัชญาการสร้างสรรค์
ของเขา -
10:26 - 10:29คือ "การมองรอบ ๆ
กับเทคโนโลยีที่คนทิ้งแล้ว" -
10:29 - 10:32ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว
และใช้มันในรูปแบบใหม่ -
10:32 - 10:34ผลงานที่โดงดังที่สุดของเขาคือ
-
10:34 - 10:35เกมบอย
-
10:35 - 10:37เทคโนโลยีที่ถูกล้อเลียนอยู่บ่อย ๆ
-
10:37 - 10:41ที่ปล่อยออกมาพร้อมกับคู่แข่งที่มีสี
อย่าง ซากา และ อาตาริ -
10:41 - 10:43และก็ชนะขาดลอย
-
10:43 - 10:46เพราะโยโคอิรู้ดีว่า
ลูกค้าต้องการอะไร -
10:46 - 10:47ไม่ใช่สี
-
10:47 - 10:51แต่คือ ความทนทาน สะดวกพกพา
ราคาไม่แพง แบตเตอรี่อึด -
10:51 - 10:52การมีเกมให้เลือก
-
10:52 - 10:55นี่คือเกมบอยของผม
ที่ผมเจอในห้องเก็บของ -
10:55 - 10:56(เสียงหัวเราะ)
-
10:56 - 10:57คิดถึงวันวานเหมือนกัน
-
10:57 - 10:59แต่คุณก็เห็นหนิ ว่าไฟยังติด
-
10:59 - 11:01ผมลองเปิดและเล่นเกมเตอตริส
-
11:01 - 11:03ซึ่งผมประทับใจมาก
-
11:03 - 11:06เพราะถ่านหมดอายุไปแล้ว
ในปี 2007 และ 2013 -
11:06 - 11:07(เสียงหัวเราะ)
-
11:07 - 11:11ข้อได้เปรียบนี้ ก็เอาไปใช้ได้
กับวงการอื่น ๆ เหมือนกัน -
11:11 - 11:15ในการศึกษาที่น่าประหลาดใจ
เกี่ยวกับเหตุผลที่นักเขียนการ์ตูน -
11:15 - 11:17สามารถสร้างการ์ตูน
ที่ดังกระฉ่อนได้ -
11:17 - 11:19มีงานวิจัยสองชิ้นที่พบว่า
-
11:19 - 11:22มันไม่เกี่ยวกับจำนวนปีของประสบการณ์
-
11:22 - 11:25ไม่เกี่ยวกับทรัพยากรของสำนักพิมพ์
-
11:25 - 11:27ไม่เกี่ยวกับจำนวนการ์ตูนที่เคยตีพิมพ์
-
11:27 - 11:32แต่เป็นจำนวนประเภทของหนังสือ
ที่ผู้สร้างได้ทำงานมา -
11:32 - 11:33และสิ่งที่น่าสนใจคือ
-
11:33 - 11:37บุคคลที่มีความสนใจรอบด้าน
ไม่สามารถแทนที่ได้ -
11:37 - 11:39ด้วยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
-
11:39 - 11:42เราอาจไม่สามารถทำแบบนั้นได้
-
11:42 - 11:45เพราะก่อนหน้านี้
พวกเขาดูเหมือนรั้งท้าย -
11:45 - 11:49และเรามักไม่สนับสนุน
คนที่ไม่น่าจะก้าวหน้าได้เร็ว -
11:49 - 11:50หรือไม่มีความเชี่ยวชาญ
-
11:50 - 11:53อันที่จริงเจตนาดี
ของการสนับสนุนคนที่หัวไว -
11:53 - 11:56เรามักจะลดขั้นตอน
ซึ่งกลับทำให้ได้ผลที่ตรงข้าม -
11:56 - 11:57รวมถึงวิธีการเรียนสิ่งใหม่
-
11:57 - 11:59ในระดับพื้นฐาน
-
11:59 - 12:02ในงานวิจัยเมื่อปีที่แล้ว
นักเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เกรด 7 ในสหรัฐฯ -
12:02 - 12:05ได้ถูกสุ่ม และให้เรียนรู้
ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน -
12:05 - 12:08บางคนก็ได้เรียนด้วย "การฝึกที่ละประเภท"
-
12:08 - 12:10เหมือนกับเวลาคุณได้โจทย์ประเภท A
-
12:10 - 12:13คุณจะได้ AAAA BBBB ไปเรื่อย ๆ
-
12:13 - 12:14การพัฒนาเร็วมาก
-
12:14 - 12:15เด็ก ๆ มีความสุข
-
12:15 - 12:16ทุกอย่างเรียบร้อยดี
-
12:16 - 12:20แต่เด็กอีกกลุ่มได้เรียนแบบ
"การฝึกเว้นช่วง" -
12:21 - 12:24นั่นหมายถึง คุณจะได้
โจทย์ทุกรูปแบบในคราวเดียว -
12:24 - 12:25และมาจากการสุ่ม
-
12:25 - 12:28การพัฒนาเกิดขึ้นช้า
เด็ก ๆ หงุดหงิด -
12:28 - 12:31แต่แทนที่จะเรียนรู้
แค่กระบวนการทำงาน -
12:31 - 12:35เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การใช้กลวิธี
เพื่อจัดการโจทย์ประเภทต่าง ๆ -
12:35 - 12:36และเมื่อถึงเวลาสอบ
-
12:36 - 12:40กลุ่มที่เรียนแบบเว้นช่วง
นำโด่งกลุ่มที่เรียนแบบฝึกที่ละประเภท -
12:40 - 12:41ไม่ได้ใกล้กันเลย
-
12:42 - 12:45ผมมองว่าผลงานวิจัยนี้
นั้นขัดต่อความเข้าใจ -
12:45 - 12:47แนวคิดของการเริ่มได้เร็วในช่วงแรก
-
12:47 - 12:49ไม่ว่าจะทำงานอะไรหรือเรียนอะไร
-
12:49 - 12:51หรือแต่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
-
12:51 - 12:53บางที่ก็สามารถส่งผลเสียในระยะยาวได้เช่นกัน
-
12:54 - 12:56และโดยธรรมชาติแล้ว
มีวิธีการมากมายที่จะประสบความสำเร็จ -
12:56 - 12:58เพราะยังมีผู้คน
-
12:58 - 13:02และผมคิดว่าเรายังคงมักจะสนับสนุน
แต่คนที่จะเดินไปตามเส้นทางแบบไทเกอร์ -
13:02 - 13:04ในขณะที่โลกก็บิดเบี้ยวมากขึ้น
-
13:04 - 13:07และเราต้องการคนที่จะเดินไปในเส้นทาง
แบบโรเจอร์เหมือนกัน -
13:07 - 13:09หรือนักฟิสิกส์หรือนักคณิตศาสตร์
ที่มีชื่อเสียง -
13:09 - 13:13และนักเขียนที่เก่งกาจอย่าง
ฟรีแมน ไดสันกล่าวไว้ -
13:13 - 13:16และไดสันได้เสียชีวิตลงเมื่อวานนี้
-
13:16 - 13:18และผมหวังว่าจะพูดเพื่อให้เกียรติเขา
-
13:18 - 13:23เขากล่าวว่า สำหรับระบบนิเวศที่สมดุล
เราต้องการทั้งนกและกบ -
13:23 - 13:24กบที่อยู่ข้างล่างในโคลน
-
13:24 - 13:26มองเห็นสิ่งเล็ก ๆ
-
13:26 - 13:29นกที่บินสูงอยู่ข้างบน
มองไม่เห็นรายละเอียดเหล่านั้น -
13:29 - 13:31แต่ด้วยการผสานความรู้จากกบ
-
13:31 - 13:32เราต้องการทั้งคู่
-
13:33 - 13:34ไดสันกล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่
-
13:34 - 13:37เราเอาแต่พร่ำบอกให้ทุกคนเป็นกบ
-
13:37 - 13:38และผมคิดว่า
-
13:38 - 13:40ในโลกที่บิดเบี้ยวนี้
-
13:40 - 13:42หลายสิ่งก็เริ่มไม่ชัดเจน
-
13:42 - 13:43ขอบคุณมากครับ
-
13:43 - 13:46(เสียงปรบมือ)
- Title:
- การฝึกจนเชี่ยวชาญแต่เนิ่น ๆ ไม่ได้ช่วยให้การงานก้าวหน้าเสมอไป
- Speaker:
- เดวิด เอ็ปสไตน์
- Description:
-
การที่หัวไวไม่ได้หมายความว่า...แบบ ทำให้คุณไปเร็วกว่าคนอื่น ด้วยตัวอย่างจากกีฬา เทคโนโลยี และเศรษฐศาสตร์ เดวิด เอปสไตน์ นักข่าว ได้แบ่งปันความรู้ที่ว่า การฝึกให้เชี่ยวชาญในทักษะใดทักษะหนึ่งเร็วเกินไปในช่วงชีวิต อาจส่งผลเสียต่อการพัฒนาในระยะยาว และได้อธิบายประโยชน์ของ "ช่วงทดลอง" ที่คุณสามารถทดลองสิ่งต่าง ๆ และมุ่งพัฒนาทักษะหลาย ๆ ด้าน มาเรียนรู้ว่า ความคิดที่ขัดแย้งกับความรู้สึก (และเส้นทางชีวิตที่ดีกว่า) จะทำไปสู่ชีวิตที่เติมเต็มมากขึ้น ทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องการงาน
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 14:00
![]() |
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for Why specializing early doesn't always mean career success | |
![]() |
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for Why specializing early doesn't always mean career success | |
![]() |
Sakunphat Jirawuthitanant approved Thai subtitles for Why specializing early doesn't always mean career success | |
![]() |
Sakunphat Jirawuthitanant accepted Thai subtitles for Why specializing early doesn't always mean career success | |
![]() |
Sakunphat Jirawuthitanant edited Thai subtitles for Why specializing early doesn't always mean career success | |
![]() |
Retired user edited Thai subtitles for Why specializing early doesn't always mean career success | |
![]() |
Retired user edited Thai subtitles for Why specializing early doesn't always mean career success | |
![]() |
Retired user edited Thai subtitles for Why specializing early doesn't always mean career success |