แคโรลีน สตีล: อาหารก่อร่างสร้างเมืองอย่างไร
-
0:00 - 0:04เราผลิตอาหารป้อนให้เมืองได้อย่างไร
-
0:04 - 0:06นี่เป็นหนึ่งในคำถามสำคัญในสมัยนี้
-
0:06 - 0:08แต่ก็ไม่ค่อยมีใครสนใจตั้งคำถามนี้เท่าไร
-
0:08 - 0:11เราลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปสนิท
เวลาที่เราเดินเข้าร้านชำ -
0:11 - 0:15ร้านอาหาร หรือเดินออกไปที่โถงข้างหน้านี้
ในอีกชั่วโมงข้างหน้า -
0:15 - 0:18แน่นอนว่า จะต้องมีอะไรให้เรากิน
-
0:18 - 0:20โผล่มาจากไหนไม่มีใครรู้
-
0:20 - 0:25แต่ถ้าคุณลองคิดดูว่าในแต่ละวัน
เมืองใหญ่ขนาดลอนดอน -
0:25 - 0:28จะต้องมีการผลิตอาหารให้เพียงพอ
-
0:28 - 0:31ขนส่ง ซื้อและขาย
-
0:31 - 0:35ปรุง บริโภค กำจัด
-
0:35 - 0:37แล้ววงจรแบบนี้จะดำเนินไปทุกวัน
-
0:37 - 0:39ในทุก ๆ เมืองบนโลกใบนี้
-
0:39 - 0:42ที่น่าทึ่งคือ การที่มีอาหาร
มาป้อนเมืองได้แบบนี้ทุกวัน -
0:42 - 0:44เมืองที่เราอาศัยอยู่ หน้าตาเป็นแบบนี้
-
0:44 - 0:47ราวกับว่าการอยู่ในที่แบบนี้
เป็นเรื่องธรรมชาติ -
0:47 - 0:49โดยหลงลืมไปว่า เราเองก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง
-
0:49 - 0:51ที่ต้องกินอาหาร
-
0:51 - 0:55เรามีความจำเป็นต้องพึ่งพิง
อิงอาศัยพื้นที่ธรรมชาติ -
0:55 - 0:57เหมือนกับที่บรรพบุรุษเราทำกันมา
-
0:57 - 0:59แล้วการที่เราอพยพเข้าเมืองกันมากขึ้น
-
0:59 - 1:02พื้นที่ธรรมชาติเองก็ถูกเปลี่ยน
-
1:02 - 1:05ให้มีหน้าตาสุดพิสดาร
เหมือนที่เห็นอยู่ข้างหลังฉันนี่ -
1:05 - 1:08นี่คือทุ่งถั่วเหลือง
ในมาโท กรอสโซ ประเทศบราซิล -
1:08 - 1:11ที่เปลี่ยนให้เป็นแบบนี้
ก็เพื่อผลิตอาหารให้เรา -
1:11 - 1:13พวกนี้คือทิวทัศน์หน้าตาสุดพิลึกพิลั่น
-
1:13 - 1:15แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสได้เห็น
-
1:15 - 1:17มากไปกว่านั้น ทิวทัศน์เหล่านี้ ยิ่งนับวัน
-
1:17 - 1:19ไม่ได้ทำหน้าที่ผลิตอาหาร
ให้กับพวกเราเท่านั้น -
1:19 - 1:21เพราะ ยิ่งเราอพยพกันเข้าเมือง
-
1:21 - 1:23เราก็ยิ่งกินเนื้อสัตว์กันมากขึ้น
-
1:23 - 1:26แต่ละปี ธัญพืชจำนวนหนึ่งในสามจากทั่วโลก
-
1:26 - 1:28ถูกนำไปป้อนเป็นอาหารสัตว์
-
1:28 - 1:30แทนที่จะกลายมาเป็นอาหารมนุษย์
-
1:30 - 1:34และเพราะว่า เราต้องใช้ธัญพืช
มากขึ้นเป็นสามเท่า -
1:34 - 1:36ที่ถูกคือ ต้องใช้เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า
-
1:36 - 1:39ถ้าเราผลิตอาหารให้มนุษย์
โดยต้องเอาธัญพืชพวกนั้นไปป้อนสัตว์ก่อน -
1:39 - 1:44ไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพเลย
ในการผลิตอาหารให้มนุษย์ -
1:44 - 1:46และนี่ทำให้ปัญหายิ่งแย่ลงอีกด้วย
-
1:46 - 1:49มีการประมาณการไว้ว่า
ภายในปี ค.ศ. 2050 จำนวนผู้คน -
1:49 - 1:51ที่อาศัยอยู่ในเมืองจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
-
1:51 - 1:53และมีการประมาณการต่อไปว่า
จะมีการเพิ่มขึ้นสองเท่า -
1:53 - 1:55ของการบริโภคเนื้อและผลิตภัณฑ์นม
-
1:55 - 2:00เนื้อสัตว์และเมืองจึงเติบโตคู่กันไป
-
2:00 - 2:02และนั่นจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หลวง
-
2:02 - 2:05ต้องป้อนอาหารให้คนกินเนื้อ
ผู้หิวโหยหกพันล้านคน -
2:05 - 2:09ภายในปี ค.ศ. 2050
-
2:09 - 2:11นั่นเป็นปัญหาใหญ่
และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป -
2:11 - 2:14นี่ก็จะเป็นปัญหาที่เราน่าจะแก้กันไม่ตก
-
2:14 - 2:18เราสูญพื้นที่ป่าฝนไป
สิบเก้าล้านเฮกเตอร์ทุกปี -
2:18 - 2:20เพื่อนำไปสร้างพื้นที่เพาะปลูก
-
2:20 - 2:23ในขณะเดียวกัน
เราก็สูญเสียพื้นที่ในปริมาณเท่ากัน -
2:23 - 2:27เป็นพื้นที่เพาะปลูกที่มีการกร่อน
หรือดินเปลี่ยนเป็นดินเค็ม -
2:27 - 2:30เรายังต้องการเชื้อเพลิง
ฟอสซิลกันมากด้วย -
2:30 - 2:33เราใช้พลังงาน 10 แคลอรี
ในการผลิตอาหาร -
2:33 - 2:37แต่ละแคลอรีที่เราบริโภคในตะวันตก
-
2:37 - 2:41และถึงแม้จะมีอาหารบางประเภท
ที่เราทุ่มงบเพื่อการผลิต -
2:41 - 2:43เราก็ไม่ได้ให้คุณค่ากับมันมากนัก
-
2:43 - 2:47อาหารครึ่งหนึ่งที่ผลิตได้ในสหรัฐฯ
ถูกโยนทิ้งไป -
2:47 - 2:50และท้ายที่สุดแล้ว ที่ปลายสุด
ของกระบวนการยาวนานนี้ -
2:50 - 2:53เราก็ไม่สามารถผลิตอาหาร
ป้อนคนทั้งโลกได้อย่างเหมาะสม -
2:53 - 2:58คนเป็นพันล้านคนมีภาวะอ้วนเกิน
ในขณะที่อีกพันล้านคนหิวโซ -
2:58 - 3:00ทั้งหมดนี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลย
-
3:00 - 3:03และเมื่อมาคิดว่า 80 เปอร์เซ็นต์
ของการค้าอาหารระดับโลกในปัจจุบัน -
3:03 - 3:08ถูกควบคุมโดยบริษัทข้ามชาติ
เพียงห้าบริษัท -
3:08 - 3:10นี่เป็นภาพที่โหดร้ายมาก
-
3:10 - 3:13และเมื่อเราย้ายเข้ามาในเมือง
เราก็ยิ่งอ้าแขนรับอาหารตะวันตก -
3:13 - 3:16ถ้าเรามองไปที่อนาคต
-
3:16 - 3:18นี่เป็นอาหารที่ไม่ยั่งยืน
-
3:18 - 3:20แล้วเรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร
-
3:20 - 3:23และที่ยิ่งสำคัญคือ เราจะทำอย่างไร
กับสถานการณ์นี้ได้บ้าง -
3:23 - 3:27เรามาตอบคำถามที่ง่ายกว่านิดหนึ่งกันก่อน
-
3:27 - 3:29ประมาณ 10,000 ปีก่อน
-
3:29 - 3:31คือจุดเริ่มต้นของกระบวนการทั้งหมดนี้
-
3:31 - 3:33ในยุคโบราณใกล้ฝั่งตะวันออก
-
3:33 - 3:35รู้จักกันในชื่อ
ดินแดนวงพระจันทร์เสี้ยวไพบูลย์ -
3:35 - 3:37เพราะอย่างที่คุณเห็น
ดินแดนนี้เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว -
3:37 - 3:39แล้วก็ยังอุดมสมบูรณ์ด้วย
-
3:39 - 3:42และที่ตรงนี้ ประมาณ 10,000 ปีก่อน
-
3:42 - 3:44เป็นที่ที่นวัตกรรมแสนพิเศษสองสิ่งเกิดขึ้น
-
3:44 - 3:47เกษตรกรรมและความเป็นเมืองได้เกิดขึ้น
-
3:47 - 3:50ในที่เดียวกัน ในเวลาไล่เลี่ยกัน
-
3:50 - 3:52นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ
-
3:52 - 3:56เพราะเกษตรกรรมและเมืองถูกร้อยเข้าด้วยกัน
ทั้งสองสิ่งต้องการกันและกัน -
3:56 - 3:58เนื่องจากการค้นพบเมล็ดพันธุ์
-
3:58 - 4:01ของบรรพบุรุษโบราณของเราเป็นครั้งแรกนั้น
-
4:01 - 4:04ได้ช่วยให้เราผลิตแหล่งอาหารที่ใหญ่พอ
-
4:04 - 4:08และมั่นคงพอที่จะสนับสนุน
ให้เราตั้งรกรากได้ถาวร -
4:08 - 4:10และถ้าเรามองดูว่า
การตั้งรกรากเป็นไปอย่างไร -
4:10 - 4:12เราก็จะเห็นว่ามันเล็กกะทัดรัด
-
4:12 - 4:14พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วย
พื้นที่การเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ -
4:14 - 4:17และถูกปกครองโดย
วัดที่รวมกลุ่มกันขนาดใหญ่ -
4:17 - 4:19อย่างที่อูร์แห่งนี้
-
4:19 - 4:21และที่จริงแล้ว ที่แห่งนั้น
ก็มีประสิทธิภาพมาก -
4:21 - 4:24ในการเป็นศูนย์กลางกระจายอาหาร
ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางจิตวิญญาณ -
4:24 - 4:27เพราะวัดทำหน้าที่จัดระเบียบ
ในการเก็บเกี่ยว -
4:27 - 4:29รวบรวมพืชผลเข้าด้วยกัน
นำไปถวายแด่พระเจ้า -
4:29 - 4:33จากนั้นก็นำพืชผลที่พระเจ้าไม่เสวย
มามอบให้ประชาชน -
4:33 - 4:35เพราะฉะนั้น
-
4:35 - 4:37ชีวิตทั้งทางด้านจิตวิญญาณและด้านกายภาพ
ของเมืองเหล่านี้ -
4:37 - 4:40จึงอยู่ใต้การควบคุมของ
พืชพรรณและการเก็บเกี่ยว -
4:40 - 4:43ที่ทำให้ชีวิตพวกเขายั่งยืน
-
4:43 - 4:46ที่จริง เมืองในยุคโบราณทุกแห่ง
ก็เป็นแบบนี้ -
4:46 - 4:48แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกเมือง
จะเล็กเท่านี้ทั้งหมด -
4:48 - 4:51ที่โด่งดังคือโรม
มีประชากรประมาณหนึ่งล้าน -
4:51 - 4:53ตั้งแต่ศตวรรษแรกของคริสต์ศักราช
-
4:53 - 4:57แล้วเมืองลักษณะนี้
ผลิตอาหารป้อนตัวเองได้อย่างไร -
4:57 - 5:00คำตอบคือสิ่งที่ฉันเรียกว่า
"การเดินทางของอาหารในยุคโบราณ" -
5:00 - 5:03หลัก ๆ แล้ว โรมมีทางออกทางทะเล
-
5:03 - 5:06ซึ่งทำให้โรมนำอาหารเข้าเมือง
จากที่ไกลแสนไกลได้ -
5:06 - 5:09นี่เป็นหนทางเดียวที่ทำได้
ในยุคโบราณ -
5:09 - 5:12เพราะการขนส่งอาหารทางถนน
ทำได้ยากมาก -
5:12 - 5:14ถนนขรุขระ
-
5:14 - 5:16และทำให้อาหารเน่าเสียไวมาก
-
5:16 - 5:18โรมจึงทำสงครามจริงจัง
-
5:18 - 5:21กับเมืองอย่างคาร์เธจและอียิปต์
-
5:21 - 5:23เพื่อให้ได้แตะเสบียงพืชพรรณของพวกเขา
-
5:23 - 5:26และที่จริง อาจพูดได้ว่า
การขยายตัวของจักรวรรดิ -
5:26 - 5:29เป็นการขยายตัวอย่างยืดยาวของ
-
5:29 - 5:31การช้อปปิ้งแหลก
ทางการทหาร -
5:31 - 5:33(เสียงหัวเราะ)
-
5:33 - 5:35และที่จริง...ฉันชอบข้อเท็จจริง
เลยต้องพูดเรื่องนี้ -
5:35 - 5:38ที่จริงโรมนำเข้า
หอยนางรมจากลอนดอน -
5:38 - 5:40มุมหนึ่ง ฉันคิดว่าเรื่องนี้พิเศษมากๆ
-
5:40 - 5:43โรมก่อร่างสร้างเมืองหลวง
-
5:43 - 5:45โดยใช้ความอยากอาหารเป็นตัวนำ
-
5:45 - 5:47แต่ที่น่าสนใจคือ
มีอีกสิ่งหนึ่ง -
5:47 - 5:49ที่เกิดขึ้นในโลกก่อนยุคอุตสาหกรรม
-
5:49 - 5:52ถ้าเราดูแผนที่ลอนดอนในศตวรรษที่ 17
-
5:52 - 5:55เราจะเห็นว่าธัญพืชถูกส่งมาจากแม่น้ำเธมส์
-
5:55 - 5:57ยาวตลอดแนวตอนล่างของแผนที่
-
5:57 - 6:00ตลาดค้าธัญพืชจึงอยู่ตอนใต้ของเมือง
-
6:00 - 6:02และถนนที่ทอดตัวจากตลาดขึ้นไป
-
6:02 - 6:04ยังย่านชีปไซด์ ซึ่งเป็นตลาดหลัก
-
6:04 - 6:06และเป็นตลาดค้าธัญพืชด้วย
-
6:06 - 6:08ถ้าเราลองมาดูชื่อถนนสายหนึ่งในย่านนั้น
-
6:08 - 6:11ถนนเบรดสตรีท คุณก็บอกได้เลย
-
6:11 - 6:14ว่าถนนสายนั้นขายอะไรเมื่อ 300 ปีก่อน
-
6:14 - 6:16เรื่องของปลาก็เหมือนกัน
-
6:16 - 6:19ปลาเองก็ถูกนำเข้ามาจากแม่น้ำเช่นกัน
-
6:19 - 6:22และแน่นอน ย่านบิลลิงส์เกตที่โด่งดัง
ก็เป็นตลาดค้าปลาของลอนดอน -
6:22 - 6:26ทำการค้าอยู่ที่นี่จนถึง
กลางคริสต์ทศวรรษ 1980 -
6:26 - 6:28เป็นเรื่องที่พิเศษมาก ถ้าคุณลองมานึกดู
-
6:28 - 6:30มีคนเดินไปเดินมารอบ ๆ
-
6:30 - 6:32ถือโทรศัพท์มือถือขนาดเท่าก้อนอิฐ
-
6:32 - 6:35แล้วก็มีปลาส่งกลิ่นโชยอยู่ที่ท่า
-
6:35 - 6:38นี่ก็เป็นอีกเรื่องเกี่ยวกับอาหารในเมือง
-
6:38 - 6:41เมื่อไรที่อาหารเริ่มตั้งรกรากในเมือง
-
6:41 - 6:43ก็จะไม่ค่อยเปลี่ยนที่อีกแล้ว
-
6:43 - 6:45แต่เนื้อสัตว์แตกต่างออกไปมาก
-
6:45 - 6:47เพราะว่าสัตว์สามารถเดินเข้าเมืองได้
-
6:47 - 6:49เนื้อสัตว์ในลอนดอนจำนวนมาก
-
6:49 - 6:51จึงมาจากตะวันตกเฉียงเหนือ
-
6:51 - 6:53จากสกอตแลนด์และเวลส์
-
6:53 - 6:56เดินทางเข้ามาถึงในเมือง
ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือ -
6:56 - 6:58เพราะอย่างนั้นสมิธฟิลด์
-
6:58 - 7:01ตลาดค้าเนื้อที่โด่งดังมากในลอนดอน
จึงตั้งอยู่แถบด้านบนนี้ -
7:01 - 7:05สัตว์ปีกก็เข้ามาทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ผ่านทางอีสต์แองเกลียแถวนั้น -
7:05 - 7:06ทำแบบนี้รู้สึกเหมือน
นักพยากรณ์อากาศเลย -
7:06 - 7:10พวกสัตว์ปีกเดินทางเข้ามา
-
7:10 - 7:13ใส่รองเท้าผ้าใบคู่เล็ก ๆ ปกป้องเท้าไว้
-
7:13 - 7:15และพอมาถึงชายแดนตะวันออก
-
7:15 - 7:17ของย่านชีปไซด์ ก็ถูกนำมาขาย
-
7:17 - 7:19ถนนเส้นนั้นจึงชื่อโพลทรี
(สัตว์ปีก) -
7:19 - 7:22และที่จริง ถ้าคุณดูแผนที่เมืองใดก็ตาม
-
7:22 - 7:26ที่เกิดขึ้นก่อนยุคอุตสาหกรรม
-
7:26 - 7:28ก็จะย้อนรอยได้ว่ามีอาหารประเภทไหน
เข้ามาในเมืองบ้าง -
7:28 - 7:31จะเห็นได้เลยว่าอาหาร
ก่อร่างสร้างเมืองได้อย่างไร -
7:31 - 7:34ทำได้ทั้งการอ่านชื่อถนน
ที่ช่วยให้เบาะแสคุณได้มาก -
7:34 - 7:36ถนนฟรายเดย์สตรีท
อาจเป็นที่ที่ชาติก่อน -
7:36 - 7:38คุณไปซื้อปลาในวันศุกร์
-
7:38 - 7:40นอกจากนี้คุณอาจลองจินตนาการ
สถานที่ที่เต็มไปด้วยอาหาร -
7:40 - 7:43เพราะถนนและพื้นที่สาธารณะ
-
7:43 - 7:46เป็นที่เดียวที่มีการซื้อขายอาหารกัน
-
7:46 - 7:49ถ้าเราลองดูรูปย่านสมิธฟิลด์ในปี 1830
-
7:49 - 7:52จะเห็นได้เลยว่าแทบจะเป็นไปได้ยาก
ที่จะอาศัยอยู่ในเมืองแบบนี้ -
7:52 - 7:54แล้วไม่รู้ว่าอาหารที่คุณกินมาจากไหน
-
7:54 - 7:56ที่จริง ถ้าคุณกำลังกินมื้อเที่ยง
ในวันอาทิตย์ -
7:56 - 7:58มีโอกาสที่อาหารในจาน
ร้องมอ ๆ หรือแบ๊ะ ๆ -
7:58 - 8:00อยู่นอกหน้าต่างประมาณสามวันก่อนหน้านี้
-
8:00 - 8:03เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเมืองอาหารอินทรีย์
-
8:03 - 8:06เป็นส่วนหนึ่งของวงจรอาหารอินทรีย์
-
8:06 - 8:09และจากนั้น 10 ปีต่อมา
ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป -
8:09 - 8:12นี่เป็นภาพทางรถไฟสายเกรทเวสเทิร์น
ในปี ค.ศ. 1840 -
8:12 - 8:14อย่างที่เห็น ผู้โดยสาร
ในยุคแรก ๆ ส่วนหนึ่ง -
8:14 - 8:16คือสุกรและแกะ
-
8:16 - 8:20ฉับพลันทันใด สัตว์ก็ไม่เดินเข้าตลาดอีกแล้ว
-
8:20 - 8:22พวกมันถูกเชือดในที่ไกลตา
ไกลความรับรู้เรา -
8:22 - 8:24ที่ใดที่หนึ่งในชนบท
-
8:24 - 8:26แล้วก็เดินทางเข้าเมืองโดยรถไฟ
-
8:26 - 8:29จุดนี้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
-
8:29 - 8:31เริ่มจากที่ เหตุการณ์นี้ทำให้
มีความเป็นไปได้ -
8:31 - 8:32ในการขยายเมืองให้เติบโตเป็นครั้งแรก
-
8:32 - 8:34ขนาดเท่าใด หรือที่ไหนก็ได้
-
8:34 - 8:38เมืองเคยถูกจำกัดด้วย
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ -
8:38 - 8:41เมืองเคยต้องหาอาหาร
ผ่านวิธีที่ยากลำบากทางกายภาพ -
8:41 - 8:45ทันใดนั้น เมืองก็ถูกปลดปล่อย
จากข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ -
8:45 - 8:48และอย่างที่เห็นจากแผนที่ลอนดอน
-
8:48 - 8:50ผ่านไป 90 ปีหลังจากที่มีรถไฟ
-
8:50 - 8:54ลอนดอนเปลี่ยนจากกลุ่มก้อนเล็กๆ
ที่ผลิตอาหารป้อนได้ง่าย -
8:54 - 8:56จากสัตว์ที่เดินเท้าเข้ามา
และอะไรพวกนั้น -
8:56 - 8:58ไปเป็นการกระจายตัวขนาดใหญ่
-
8:58 - 9:01ที่ผลิตอาหารป้อนได้ยากมาก ๆ
ผ่านการเดินเท้า -
9:01 - 9:04ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือคนที่เดินเท้าเข้ามา
-
9:04 - 9:07และแน่นอนว่านั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
หลังจากรถไฟก็มีรถยนต์ -
9:07 - 9:11และนี่ก็เป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการนี้
-
9:11 - 9:13เป็นครั้งสุดท้ายของการปลดปล่อยเมือง
-
9:13 - 9:16ออกจากความสัมพันธ์กับธรรมชาติ
อย่างชัดเจนและโดยสิ้นเชิง -
9:16 - 9:19นี่เป็นเมืองที่ปราศจากกลิ่น
-
9:19 - 9:21ปราศจากความยุ่งเหยิง
และแน่นอนว่าปราศจากคน -
9:21 - 9:24เพราะไม่มีใครฝันอยาก
เดินอยู่ในทัศนียภาพแบบนี้ -
9:24 - 9:27ที่จริง สิ่งที่พวกเขาทำเพื่อ
ให้ได้อาหารมาก็คือเข้าไปนั่งในรถ -
9:27 - 9:30ขับรถไปที่อาคารสักแห่งนอกเมือง
-
9:30 - 9:32กลับมาพร้อมกับอาหาร
ที่กินได้ตลอดสัปดาห์ -
9:32 - 9:34แล้วก็มานั่งสงสัยว่าเอาไปทำอะไรกินได้บ้าง
-
9:34 - 9:37และนี่เป็นช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของเรา
-
9:37 - 9:40ทั้งกับอาหารและกับเมือง
เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง -
9:40 - 9:43อาหารทุกวันนี้... อาหารที่เคยเป็นศูนย์กลาง
-
9:43 - 9:46เคยเป็นส่วนสำคัญในสังคม
ตอนนี้อยู่ชายขอบ -
9:46 - 9:48การซื้อขายอาหารเคยเป็น
กิจกรรมสำคัญทางสังคม -
9:48 - 9:50ตอนนี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
-
9:50 - 9:52เราเคยทำอาหารกัน
ทุกวันนี้แค่เติมน้ำ -
9:52 - 9:57หรืออาจตอกไข่ใส่ลงไปหน่อย
ถ้าจะทำเค้กอะไรอย่างนั้น -
9:57 - 10:01เราไม่ดมกลิ่นอาหาร
เพื่อเช็คว่ายังกินได้ไหม -
10:01 - 10:04เราแค่อ่านฉลากหลังห่อ
-
10:04 - 10:07เราไม่ได้ให้คุณค่าอาหาร
เราไม่เชื่อใจอาหาร -
10:07 - 10:09แทนที่จะเชื่อใจ เรากลัว
-
10:09 - 10:13และแทนที่จะให้คุณค่ากับมัน
เราโยนมันทิ้งไป -
10:13 - 10:16เรื่องตลกร้ายเรื่องหนึ่ง
ของระบบอาหารสมัยใหม่ -
10:16 - 10:18คือเขาทำให้สิ่งที่เขาสัญญาว่า
-
10:18 - 10:20มันจะง่ายขึ้นกลับยากลง
-
10:20 - 10:24ด้วยความเป็นไปได้ที่จะสร้างเมือง
ที่ไหนหรือตำแหน่งใดก็ได้ -
10:24 - 10:28สิ่งนี้ทำให้เราห่างออกจาก
ความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุด -
10:28 - 10:31คือความสัมพันธ์ของเรากับธรรมชาติ
-
10:31 - 10:34และยังทำให้เราต้องพึ่งพิงกับระบบ
ที่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่ตอบสนองได้ -
10:34 - 10:36อย่างที่เราเห็นกันว่ามันไม่ยั่งยืน
-
10:36 - 10:39แล้วเราจะทำอะไรกับมันได้บ้าง
-
10:39 - 10:41นี่ไม่ใช่คำถามใหม่
-
10:41 - 10:45500 ปีก่อน นี่ก็เป็นคำถาม
ที่เซอร์โธมัส มอร์ถามตัวเอง -
10:45 - 10:48นี่เป็นภาพจากหนังสือ "ยูโทเปีย"
-
10:48 - 10:51ซึ่งเป็นเรื่องของนครรัฐกึ่งอิสระ
ที่มารวมเข้าด้วยกัน -
10:51 - 10:53ถ้าฟังดูแล้วไม่ค่อยคุ้น
-
10:53 - 10:56เดินไปอีกนครรัฐได้ภายในหนึ่งชั่ววัน
แต่ละคนต่างวุ่นกับการเกษตร -
10:56 - 10:58ปลูกผักที่สวนหลังบ้าน
-
10:58 - 11:00ทานอาหารร่วมกันแบบชุมชน
อะไรทำนองนั้น -
11:00 - 11:02ฉันว่าคุณอ้างได้ว่า
-
11:02 - 11:05อาหารเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน
ที่เป็นโครงสร้างของยูโทเปีย -
11:05 - 11:08แม้มอร์ไม่เคยตั้งใจให้เป็นแบบนั้น
-
11:08 - 11:11และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิดแบบ
"ยูโทเปีย" ที่โด่งดัง -
11:11 - 11:13ของเอเบเนสเซอร์ เฮาเวิร์ด
"ขบวนการอุทยานนคร" -
11:13 - 11:16แนวคิดเดียวกัน
คือการรวมตัวกันของนครรัฐอิสระ -
11:16 - 11:20เมืองหลวงรวมตัวกัน
มีพื้นที่เพาะปลูกล้อมรอบ -
11:20 - 11:22เชื่อมกันด้วยทางรถไฟ
-
11:22 - 11:24และเช่นเคยที่อาหารถูกมองว่า
-
11:24 - 11:27เป็นองค์ประกอบพื้นฐาน
-
11:27 - 11:29มีคนพยายามสร้างเมืองนี้
แต่ก็ไม่ได้เกี่ยว -
11:29 - 11:31กับแนวคิดของเฮาเวิร์ด
-
11:31 - 11:34นั่นล่ะคือปัญหาของแนวคิด
แบบยูโทเปีย -
11:34 - 11:36เพราะว่ามันคือยูโทเปียนั่นเอง
-
11:36 - 11:39ยูโทเปียเป็นคำที่เซอร์โธมัส
ไตร่ตรองมาแล้ว -
11:39 - 11:43ออกจะเป็นการล้อเล่น
เป็นคำภาษากรีกสองความหมาย -
11:43 - 11:45หมายความว่าสถานที่ดี
หรือที่ที่ไม่มีจริง -
11:45 - 11:49เพราะมันเป็นอุดมคติ เรื่องจินตนาการ
เราสร้างขึ้นไม่ได้ -
11:49 - 11:51และฉันว่า นี่เป็นเครื่องมือทางความคิด
-
11:51 - 11:54ให้เราคิดถึงปัญหาที่ลึกซึ้ง
ของการดำรงอยู่ -
11:54 - 11:56เลยทำให้ใช้ไม่ได้จริง
-
11:56 - 11:59ฉันเลยเสนอทางเลือกใหม่
-
11:59 - 12:02เรียกว่า Sitopia จากภาษากรีกโบราณ
-
12:02 - 12:04"sitos" หมายถึงอาหาร
"topos" คือสถานที่ -
12:04 - 12:06ฉันเชื่อว่าเราอยู่ใน sitopia กันอยู่แล้ว
-
12:06 - 12:09เราอยู่ในโลกที่ถูกก่อร่างด้วยอาหาร
-
12:09 - 12:12และถ้าเรารู้ว่า เราสามารถใช้อาหาร
เป็นเครื่องมีที่มีอิทธิพล -
12:12 - 12:16เป็นเครื่องมือทางความคิด การออกแบบ
เพื่อกำหนดทิศทางของโลกให้ต่างออกไป -
12:16 - 12:21ถ้าเราจะทำอย่างนั้น
Sitopia ควรมีหน้าตาอย่างไร -
12:21 - 12:23ฉันว่าหน้าตาคล้ายแบบนี้
-
12:23 - 12:25ฉันต้องใช้รูปนี้
เพราะสุนัขหน้ายิ้มเลย -
12:25 - 12:28แต่เอาเถอะ นี่คือ (เสียงหัวเราะ)
-
12:28 - 12:30คืออาหารที่เป็นศูนย์กลางของชีวิต
-
12:30 - 12:32ศูนย์กลางของครอบครัว
เพื่อเฉลิมฉลอง -
12:32 - 12:34เพื่อความพอใจ คนให้เวลากับมัน
-
12:34 - 12:37นี่คือที่ทางที่เหมาะสม
ของอาหารในสังคม -
12:37 - 12:42แต่เราจะมีภาพแบบนี้ไม่ได้
ถ้าไม่มีคนแบบนี้ -
12:42 - 12:44แต่คนในภาพอาจเป็นผู้ชายก็ได้
-
12:44 - 12:47คือคนที่คิดเรื่องอาหาร
-
12:47 - 12:49คนที่คิดล่วงหน้า วางแผน
-
12:49 - 12:51คนที่จ้องดูผักสดกองใหญ่
-
12:51 - 12:53แล้วรู้จักผักดี
-
12:53 - 12:56เราต้องการคนแบบนี้
เราเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย -
12:56 - 12:59เพราะถ้าไม่มีคนแบบนี้
เราก็จะไม่มีที่แบบนี้ -
12:59 - 13:02ฉันตั้งใจเลือกรูปนี้มาเลย
เพราะเป็นผู้ชายซื้อผัก -
13:02 - 13:06เป็นเครือข่าย
ตลาดที่อาหารมาจากในท้องถิ่น -
13:06 - 13:08หาได้ทั่วไป สดใหม่
-
13:08 - 13:10เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสังคมเมือง
-
13:10 - 13:13ถ้าไม่มีที่แบบนั้น ก็จะไม่มีที่แบบนี้
-
13:13 - 13:16อาหารที่โตในท้องถิ่น
และเป็นภูมิทัศน์หนึ่งของเมือง -
13:16 - 13:18นี่ไม่ใช่วิถีที่มีใครได้ใครเสีย
-
13:18 - 13:20หรือมีการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
-
13:20 - 13:22วัวเลี้ยงอิสระ
-
13:22 - 13:24ดินกองสูงมีไอน้ำพวยพุ่ง
-
13:24 - 13:27ทำให้ทุกอย่างผนึกกำลัง
รวมกันเป็นหนึ่ง -
13:27 - 13:29และนี่เป็นโครงการของชุมชน
-
13:29 - 13:31ที่ฉันเพิ่งไปดูมาที่โตรอนโต
-
13:31 - 13:33นี่เป็นเรือนกระจก
ที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ -
13:33 - 13:36เรื่องอาหารทุกอย่าง
และได้ปลูกกินเอง -
13:36 - 13:39นี่เป็นผักที่ชื่อเควิน
หรืออาจเป็น -
13:39 - 13:41ผักที่เควินเป็นคนปลูก
ฉันก็ไม่รู้ -
13:41 - 13:44แต่โครงการแบบนี้
-
13:44 - 13:48ที่พยายามดึงเรากลับสู่ธรรมชาติ
เป็นงานที่สำคัญ -
13:48 - 13:50Sitopia สำหรับฉัน
จีงเป็นมุมมอง -
13:50 - 13:54คือการตระหนักรู้ว่า Sitopia
-
13:54 - 13:56เกิดขึ้นแล้วตามซอกมุมเล็กๆ
ทุกหนทุกแห่ง -
13:56 - 13:58เคล็ดลับคือ
การเชื่อมทุกที่เข้าด้วยกัน -
13:58 - 14:01เพื่อใช้อาหารเป็นสื่อ
ในการมองโลก -
14:01 - 14:04ถ้าเราทำเช่นนั้น
เราจะไม่มองเมือง -
14:04 - 14:07ว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ วุ่นวาย
ไม่มีประโยชน์เช่นนี้ -
14:07 - 14:09แต่เราจะมองว่าเป็นแบบนี้
-
14:09 - 14:12ว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอินทรีย์
ที่อุดมสมบูรณ์ -
14:12 - 14:14ซึ่งเมืองเป็นส่วนหนึ่ง
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ -
14:14 - 14:16เชื่อมโยงกันแบบ
ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ -
14:16 - 14:18แต่นี่ก็ไม่ใช่ภาพที่ดีเท่าไหร่
-
14:18 - 14:21เพราะเราต้องเลิกผลิตอาหาร
แบบนี้ได้แล้ว -
14:21 - 14:23เราต้องมาคิดเรื่องเกษตรยั่งยืน
-
14:23 - 14:25ซึ่งฉันคิดว่ารูปนี้
-
14:25 - 14:27สรุปสิ่งที่เราต้องทำได้เป็นอย่างดี
-
14:27 - 14:29เป็นการวางโครงสร้างแนวคิดใหม่
-
14:29 - 14:32ของวิถีที่อาหารก่อร่างชีวิตเรา
-
14:32 - 14:35ภาพที่ดีที่สุดที่ฉันรู้จัก
คือภาพเมื่อ 650 ปีที่แล้ว -
14:35 - 14:38งานของอัมบริจิโอ ลอเร็นเซ็ตติ
"อุปมานิทัศน์ของรัฐบาลที่ดี" -
14:38 - 14:41เป็นเรื่องความสัมพันธ์
ระหว่างเมืองกับชนบท -
14:41 - 14:44และฉันคิดว่าสารของมันชัดเจนมาก
-
14:44 - 14:46ถ้าเมืองดูแลชนบทดี
-
14:46 - 14:48ชนบทก็จะดูแลเมือง
-
14:48 - 14:50ฉันอยากให้เราตั้งคำถาม
-
14:50 - 14:53ว่าอัมบริจิโอ ลอเร็นเซ็ตติ
จะวาดภาพนี้แบบไหน -
14:53 - 14:55ถ้าเขาวาดขึ้นในปัจจุบัน
-
14:55 - 14:58"อุปมานิทัศน์ของรัฐบาลที่ดี"
จะเป็นอย่างไร -
14:58 - 15:00เพราะฉันคิดว่านี่เป็นคำถามเร่งด่วน
-
15:00 - 15:02เป็นคำถามที่เราควรใคร่ครวญ
-
15:02 - 15:04และเราควรเริ่มหาคำตอบ
-
15:04 - 15:07เรารู้ว่ากินอะไร
เราก็จะเป็นอย่างนั้น -
15:07 - 15:09เราต้องตระหนักได้แล้วว่า
กินอะไรโลกก็จะเป็นแบบนั้น -
15:09 - 15:11ถ้าเรายึดถือแนวคิดนี้
เราจะใช้อาหาร -
15:11 - 15:15เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ
ในการก่อร่างโลกนี้ให้ดีขึ้น -
15:15 - 15:17ขอบคุณมากค่ะ
-
15:17 - 15:20(เสียงปรบมือ)
- Title:
- แคโรลีน สตีล: อาหารก่อร่างสร้างเมืองอย่างไร
- Speaker:
- แคโรลีน สตีล (Carolyn Steel)
- Description:
-
ในเมืองที่มีขนาดใหญ่อย่างลอนดอน มีการเสิร์ฟอาหาร 30 ล้านรายการในแต่ละวัน แต่อาหารเหล่านี้มาจากไหน สถาปนิก แคโรลีน สตีลจะมาถกเรื่องความมหัศจรรย์ในการผลิตอาหารป้อนเมืองในแต่ละวัน และสาธิตให้เห็นว่าเส้นทางเก่าแก่โบราณส่งผลต่อโลกในปัจจุบันอย่างไร
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 15:25
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for How food shapes our cities | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for How food shapes our cities | ||
Pitipa Chongwatpol accepted Thai subtitles for How food shapes our cities | ||
Bongkot Charoensak edited Thai subtitles for How food shapes our cities | ||
Pitipa Chongwatpol declined Thai subtitles for How food shapes our cities | ||
Pitipa Chongwatpol edited Thai subtitles for How food shapes our cities | ||
Bongkot Charoensak edited Thai subtitles for How food shapes our cities | ||
Bongkot Charoensak edited Thai subtitles for How food shapes our cities |