< Return to Video

อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568

  • 0:04 - 0:15
    ช่วงนี้มีการจัดคอร์ส จัดมาหลายวันแล้ว
  • 0:15 - 0:20
    จัดคอร์สมันก็มีข้อดีมีข้อเสีย
  • 0:20 - 0:33
    จัดคอร์ส
    ข้อดีก็คือบางคนไม่เคยรู้เรื่องเลย
  • 0:33 - 0:41
    แต่นั่งฟัง จะหาวิธีปฏิบัติ
  • 0:41 - 0:47
    อีกพวกหนึ่งเป็นพวกเรื้อรัง
  • 0:47 - 0:51
    เรียนมานาน ฟังมานาน
  • 0:51 - 0:56
    แต่ทำ ทำบ้างไม่ทำบ้าง
  • 0:56 - 1:02
    นานๆ ก็เฉื่อย ไปเข้าคอร์ส
    ก็คึกคักขึ้นมาทีหนึ่ง
  • 1:02 - 1:07
    ก็มีข้อดี
  • 1:07 - 1:11
    ข้อเสียก็มี
  • 1:11 - 1:17
    เข้าคอร์สบางทีเราฟังผู้ช่วยสอนหลายคน
  • 1:17 - 1:23
    แต่ละคนจะสอนในแง่มุมที่ไม่เหมือนกัน
  • 1:23 - 1:26
    เพราะจริงๆ แล้วการปฏิบัตินั้น
  • 1:26 - 1:32
    มันไม่มีมาตรฐาน มันทางใครทางมัน
  • 1:32 - 1:37
    ถ้าอยู่ในหลักของการทำสมถกรรมฐาน
  • 1:37 - 1:41
    วิปัสสนากรรมฐาน ก็ถูกหลัก
  • 1:41 - 1:44
    แต่พอถึงขั้นวิธีการ
  • 1:44 - 1:49
    ไม่มีใครเหมือนใคร ทางใครทางคนนั้น
  • 1:49 - 1:55
    เราฟังหลายๆ ทางเข้า บางทีงง
  • 1:55 - 1:59
    มีตัวอย่างให้เห็นเหมือนกัน
  • 1:59 - 2:07
    บางคนเรียนกับผู้ช่วยสอนคนหนึ่ง
    ไม่รู้เรื่อง ฟุ้ง
  • 2:07 - 2:10
    ชอบทำกิจกรรมอย่างเดียว
  • 2:10 - 2:15
    หลวงพ่อทนดูไม่ได้ เรียกให้มาเดินจงกรม
  • 2:15 - 2:18
    เดินอยู่นั่น นั่งสมาธิ เดินจงกรม
  • 2:18 - 2:22
    หามรุ่งหามค่ำเลย
  • 2:22 - 2:25
    จิตก็มีกำลังขึ้นมา
  • 2:25 - 2:29
    ก็ไปเข้าคอร์ส ได้ยินผู้ช่วยสอนบอกว่า
  • 2:29 - 2:33
    จิตมีสมาธิแล้วให้เดินปัญญา
  • 2:33 - 2:39
    รีบเดินปัญญาก็เละเลย
  • 2:39 - 2:43
    พอเริ่มเดินปัญญาปุ๊บ จิตฟุ้งซ่าน
  • 2:43 - 2:49
    แก้แทบจะไม่ได้เลย แก้ไม่ตก
  • 2:49 - 2:55
    บางทีการเรียนกับหลายๆ คน
  • 2:55 - 3:00
    มันก็ทำให้คน
    ที่ยังไม่ได้รากฐานที่แข็งแรง
  • 3:00 - 3:06
    ก็สับสนเหมือนกัน อันนี้ก็เป็นจุดอ่อน
  • 3:06 - 3:11
    ที่จริงหลวงพ่ออยากให้แต่ละคนมีสมุดคู่มือ
  • 3:11 - 3:14
    จดมา ผู้ช่วยสอนคนนี้เขาสอนอะไร
  • 3:14 - 3:20
    แล้วเราเอาไปถามคนอื่น
    ต้องเอาอันนี้ไปให้เขาดูด้วย
  • 3:20 - 3:23
    เหมือนโรงพยาบาล
  • 3:23 - 3:25
    นึกออกไหม ที่โรงพยาบาล
  • 3:25 - 3:28
    หมออาจจะไม่ใช่คนเก่า
  • 3:28 - 3:32
    แต่เขาต้องรู้ว่าคนเก่ารักษามาอย่างไร
  • 3:32 - 3:36
    ไม่อย่างนั้นรักษาดีไม่ดีตาย
  • 3:36 - 3:41
    คนนี้ทำอย่างนี้ คนนี้ทำอย่างนี้ สับสน
  • 3:41 - 3:43
    แต่มันทำยาก
  • 3:43 - 3:49
    ถ้ามันมี Record ได้
    มันก็จะสะดวกกับผู้ช่วยสอน
  • 3:49 - 3:52
    แต่ใครจะเป็นคน Record
  • 3:52 - 3:55
    ให้เจ้าตัว Record ผู้ช่วยสอนสอนอย่างนี้
  • 3:55 - 3:57
    มันก็ไปจดอีกอย่างหนึ่ง
  • 3:57 - 3:59
    มันตีความเพี้ยนตลอด
  • 3:59 - 4:02
    เพราะธรรมะพอเข้าไปอยู่ในจิตปุถุชน
  • 4:02 - 4:05
    กลายเป็นของปลอมทันทีเลย
  • 4:05 - 4:08
    อย่างหลวงพ่อเห็นบ่อยๆ
  • 4:08 - 4:12
    ชอบมาอ้างว่าหลวงพ่อสอนอย่างนี้
    หลวงพ่อสอนอย่างนี้
  • 4:12 - 4:15
    มันเก็บประเด็นได้ไม่หมด
  • 4:15 - 4:18
    ไปจับได้จุดเล็กๆ อะไรอย่างนี้
  • 4:18 - 4:22
    บางทีไม่ใช่จุดสำคัญ แล้วไปจดไปจำเอาไว้
  • 4:22 - 4:24
    แล้วบอกหลวงพ่อสอนอย่างนี้
  • 4:25 - 4:27
    หลวงพ่อเมื่อก่อนมีบ่อย
  • 4:27 - 4:30
    หลวงพ่อบอกไม่ต้องทำสมาธิ
  • 4:30 - 4:33
    สอนอย่างนี้ครูบาอาจารย์ได้ยินตกใจเลย
  • 4:33 - 4:39
    เฮ้ย ปราโมทย์สอนอย่างไร ไม่ให้ทำสมาธิ
  • 4:39 - 4:45
    ไอ้คนนั้นมันทำมิจฉาสมาธิ
  • 4:45 - 4:47
    นั่งเพ่งเอาจนเครียดไปหมดเลย
  • 4:47 - 4:55
    แล้วบอกจะต่อสู้ด้วยความเพียร
  • 4:55 - 4:58
    จะบรรลุมรรคผลได้ด้วยความเพียร
  • 4:58 - 5:00
    เพียรผิดจะไปเพียรทำไม
  • 5:00 - 5:02
    เลยบอก เฮ้ย ที่ทำอยู่ผิด
  • 5:02 - 5:07
    หยุดก่อนเลย ยังไม่ต้องทำ เริ่มต้นใหม่
  • 5:07 - 5:10
    ตรงเริ่มต้นใหม่ไม่จำ
  • 5:10 - 5:14
    ไปจำตรงที่บอกว่าหยุดไปเลย
  • 5:14 - 5:17
    แล้วก็เอาไปเล่าให้ครูบาอาจารย์ฟัง
  • 5:17 - 5:20
    ครูบาอาจารย์ท่านก็งง ปราโมทย์สอนอย่างไร
  • 5:20 - 5:23
    บอกไม่ต้องทำสมาธิ
  • 5:23 - 5:26
    ที่จริงที่หลวงพ่อสอนพวกเรานี้
  • 5:26 - 5:30
    เป็นการทำสมาธิที่เข้มงวดมากเลย
  • 5:30 - 5:35
    ส่วนใหญ่ที่เขาสอนกัน
    เป็นแค่รูปแบบของการทำสมาธิ
  • 5:35 - 5:38
    ไปนั่งสมาธิหายใจก็หายใจพร้อมกัน
  • 5:38 - 5:41
    ทำจังหวะก็ทำจังหวะเหมือนกัน
  • 5:41 - 5:44
    ดูท้องพองยุบก็ดูเหมือนๆ กันหมด
  • 5:44 - 5:47
    เดินจงกรมก็เดินพร้อมๆ กัน
  • 5:47 - 5:53
    ส่วนใหญ่เขาสอนอย่างนั้น
  • 5:53 - 5:57
    ว่าไปแล้วสอนอย่างนั้นมันก็ดี
  • 5:57 - 6:01
    พวกขี้เกียจมันจะได้ทำ
  • 6:01 - 6:05
    แต่โอกาสได้ผลไม่มากหรอก
  • 6:05 - 6:09
    เพราะจริตนิสัยคนไม่เหมือนกัน
    จะไปสอนเหมือนๆ กัน
  • 6:09 - 6:12
    ไม่ได้ผลหรอก
  • 6:12 - 6:16
    ดีไม่ดีก็เพี้ยนเหมือนกันหมด
  • 6:16 - 6:22
    กรรมฐานต้องรู้หลัก จับหลักให้แม่นก่อน
  • 6:22 - 6:27
    เราต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา
  • 6:27 - 6:31
    ตั้งใจรักษาศีลให้ดี
  • 6:31 - 6:35
    ฝึกสมาธิ สมาธิมี 2 ส่วน
  • 6:35 - 6:39
    มิจฉาสมาธิไม่ประกอบด้วยสติ
  • 6:39 - 6:43
    สัมมาสมาธิประกอบด้วยสติ
  • 6:43 - 6:48
    สัมมาสมาธิก็มีอีก 2 แบบ
  • 6:48 - 6:52
    อารัมมณูปนิชฌาน
    จิตสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว
  • 6:52 - 6:55
    มีสมาธิ มีความรู้สึกตัว มีสติ
  • 6:55 - 6:58
    แต่สงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว
  • 6:58 - 7:00
    เรียกอารัมมณูปนิชฌาน
  • 7:00 - 7:04
    อารัมมะก็คืออารมณ์นั่นล่ะ
  • 7:05 - 7:08
    จิตมันเพ่งแน่วอยู่กับอารมณ์
  • 7:08 - 7:14
    สิ่งที่ได้ก็คือได้ความสุข
    ได้ความสงบ ได้กำลังใจ
  • 7:14 - 7:20
    แล้วก็มีเรี่ยวมีแรงที่จะเจริญปัญญาต่อไป
  • 7:20 - 7:23
    แต่อารัมมณูปนิชฌาน
    เอาไปเจริญปัญญาไม่ได้
  • 7:23 - 7:27
    มีสมาธิอีกชนิดหนึ่งเรียกลักขณูปนิชฌาน
  • 7:27 - 7:32
    เป็นสมาธิที่สามารถเห็นไตรลักษณ์ได้
  • 7:32 - 7:35
    สภาวะอันนี้ครูบาอาจารย์วัดป่า
  • 7:35 - 7:38
    วัดป่าท่านเรียกว่าจิตผู้รู้
  • 7:38 - 7:43
    จิตที่ทรงสมาธิที่ใช้
    เดินปัญญาได้เป็นจิตผู้รู้
  • 7:43 - 7:45
    ไม่ใช่ผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง ผู้แต่ง
  • 7:45 - 7:49
    แต่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
  • 7:49 - 7:53
    จิตผู้รู้นั้นเราไม่ได้ปรุงขึ้นมา
  • 7:53 - 7:56
    เราทำกรรมฐานไป
  • 7:56 - 7:58
    แล้วเราคอยรู้เท่าทันจิตตัวเอง
  • 7:58 - 8:00
    อันนี้ก็เป็นวิธีหนึ่ง
  • 8:00 - 8:03
    อีกวิธีหนึ่งทำมาด้วยการทำฌานที่ถูกต้อง
  • 8:03 - 8:05
    ประกอบด้วยสติ
  • 8:05 - 8:08
    อันนี้หลวงพ่อไม่ค่อยได้สอน
    สอนบางคนเท่านั้น
  • 8:08 - 8:11
    เพราะคนรุ่นนี้เป็นพวกสมาธิสั้น
  • 8:11 - 8:17
    ก็เลยสอนกรรมฐาน
    สำหรับสมาธิสั้นเป็นส่วนใหญ่
  • 8:17 - 8:20
    ไปทำกรรมฐานอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง
  • 8:20 - 8:22
    ไม่มีอะไรดีอะไรเลวกว่ากัน
  • 8:22 - 8:25
    แต่ทำแล้วคอยรู้ทันจิตใจตัวเองไป
  • 8:25 - 8:32
    เรียนรู้จิตตัวเองไปเรื่อยๆ
    เรียกว่าจิตตสิกขา
  • 8:32 - 8:36
    อย่างเราหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
    แล้วจิตเราหนีไปคิด รู้ทัน
  • 8:36 - 8:39
    จิตมันจะตั้งมั่นอัตโนมัติ
  • 8:39 - 8:45
    หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
    จิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ มีสติรู้ทัน
  • 8:45 - 8:48
    มันจะสังเกตไป โอ้ มันไหลไปที่ลมหายใจ
  • 8:48 - 8:50
    เพราะมันมีความอยาก
  • 8:50 - 8:52
    มันอยากดี อยากปฏิบัติ
  • 8:52 - 8:56
    พอรู้ทันความอยาก ความอยากดับ การเพ่งก็ดับ
  • 8:56 - 9:01
    จิตก็จะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
  • 9:01 - 9:03
    ฉะนั้นเวลาหลงไปแล้วเรามีสติรู้
  • 9:03 - 9:05
    จิตจะเป็นผู้รู้ทันที
  • 9:05 - 9:11
    แต่ตอนเพ่งอยู่แล้วรู้ว่าเพ่ง บางทีไม่หาย
  • 9:11 - 9:15
    ต้องรู้ลึกลงไปถึงกิเลส
    ที่ซ่อนอยู่หลังการเพ่ง
  • 9:15 - 9:18
    ก็คือตัวตัณหา ตัวอยากดีก็เลยไปเพ่ง
  • 9:18 - 9:22
    ถ้ารู้ถึงตัณหา ตัณหาดับปุ๊บ การเพ่งก็ดับ
  • 9:22 - 9:28
    การเพ่งดับ ความอึดอัด
    ขัดข้อง แน่น ก็จะหายไป
  • 9:28 - 9:33
    ถ้าเราฝึกชำนิชำนาญในจิตของเรา
  • 9:33 - 9:37
    เราต้องการให้จิตสงบ เราก็ทำได้
  • 9:37 - 9:41
    เราต้องการให้จิตเราตั้งมั่นก็ทำได้
  • 9:41 - 9:42
    ทำได้อย่างไร
  • 9:42 - 9:45
    ที่จริงไม่มีใครทำได้หรอก
  • 9:45 - 9:48
    แต่รู้ทันตรงที่ผิด
  • 9:48 - 9:52
    ตรงที่ผิดของการฝึกสมาธิมี 2 อันหลักๆ
  • 9:52 - 9:56
    อันหนึ่งหลงไป อันหนึ่งถลำลงไปเพ่ง
  • 9:56 - 9:58
    ถ้าหลงไป เรารู้ทันว่าหลง
  • 9:58 - 10:00
    หลงดับ รู้ก็เกิด
  • 10:00 - 10:04
    ถ้าเพ่งอยู่รู้ว่าเพ่ง บางทีไม่หาย
  • 10:04 - 10:08
    ให้รู้ลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง ที่เพ่งเพราะอะไร
  • 10:08 - 10:10
    เพราะอยากปฏิบัติ
  • 10:10 - 10:13
    อยากรู้ อยากเห็น
    อยากเป็น อยากได้ อยากดี
  • 10:13 - 10:16
    พอรู้ทันความอยากมันก็ดับ
  • 10:16 - 10:17
    เมื่อความอยากดับ
  • 10:17 - 10:22
    การเพ่งซึ่งเป็นผลผลิตของความอยากก็ดับ
  • 10:22 - 10:25
    เมื่อการเพ่งดับ
  • 10:25 - 10:29
    จิตก็จะกลายเป็น
    ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานขึ้นมา
  • 10:29 - 10:32
    อันนี้สำหรับคนไม่ได้เล่นฌาน
  • 10:32 - 10:34
    ถ้าคนเล่นฌานเป็นอีกแบบหนึ่งเลย
  • 10:34 - 10:38
    พูดไปก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก
  • 10:38 - 10:40
    หลวงพ่อไม่ได้ฝึกอย่างนี้
  • 10:40 - 10:45
    แต่เดิมหลวงพ่อฝึกนั่งสมาธิเอา
    จนได้ตัวผู้รู้ขึ้นมา
  • 10:45 - 10:48
    ฉะนั้นตัวผู้รู้ของหลวงพ่อ
    จะแข็งแรงกว่าพวกเราเยอะ
  • 10:48 - 10:50
    แข็งแรงกว่ากันมาก
  • 10:50 - 10:52
    ครูบาอาจารย์อย่างหลวงปู่สิม
  • 10:52 - 10:54
    ท่านเจอหลวงพ่อ ท่านไม่รู้จักชื่อ
  • 10:54 - 10:57
    ท่านเรียกหลวงพ่อว่าผู้รู้
  • 10:57 - 11:00
    เพราะจิตหลวงพ่อไม่ใช่ผู้หลง
  • 11:00 - 11:04
    เราฝึกของเรามาตั้งแต่เด็ก
  • 11:04 - 11:07
    ของพวกเราทำไม่ได้ ก็ใช้ฝึก
  • 11:07 - 11:12
    สมาธิเป็นขณะๆ เรียกขณิกสมาธิ
  • 11:12 - 11:14
    ทำกรรมฐานไป
  • 11:14 - 11:18
    จิตหลงไปคิด รู้ทัน
    จิตหลงไปเพ่ง รู้ทัน
  • 11:18 - 11:20
    ถ้ารู้แล้วหายก็ดี
  • 11:20 - 11:22
    ถ้ารู้แล้วไม่หาย ก็รู้ลึกลงไปอีก
  • 11:22 - 11:26
    มันเพ่งเพราะมันอยากดี มันอยากปฏิบัติ
  • 11:26 - 11:28
    พอรู้ทันอยาก อยากดับ
  • 11:28 - 11:31
    การเพ่งก็ดับ จิตก็ตั้งมั่นขึ้นมา
  • 11:31 - 11:36
    ฉะนั้นสมาธิก็มีหลายแบบ
  • 11:36 - 11:38
    บทเรียนที่หนึ่ง
  • 11:38 - 11:42
    อธิสีลสิกขา ตั้งใจรักษาศีล 5 ข้อไว้ก่อน
  • 11:42 - 11:45
    เป็นพระก็ต้องรักษาศีล 5
  • 11:45 - 11:48
    หลวงปู่ดูลย์ท่านเคยจวกลูกศิษย์บางองค์
  • 11:48 - 11:52
    บอกอวดว่ามีศีล 227 แต่ไม่ถือศีล 5
  • 11:52 - 11:58
    คนนี้ที่ถูกท่านดุ สุดท้ายอยู่ไม่ได้ สึกไป
  • 11:58 - 12:00
    ก่อนจะสึกเที่ยวหลอกลวงผู้คน
  • 12:00 - 12:03
    จนเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่เลย
  • 12:03 - 12:08
    หลอกคนโน้น หลอกคนนี้ไป เติบโตขึ้นไป
  • 12:08 - 12:14
    สุดท้ายกรรมตัดรอนอยู่ไม่ได้ สึก
  • 12:14 - 12:19
    คนนี้หลวงปู่บอกไม่ได้ถือศีล 5
  • 12:19 - 12:22
    เมื่อก่อนหลวงพ่อเข้าใจผิด
  • 12:22 - 12:25
    ตอนหลวงพ่อไปเรียนกับครูบาอาจารย์
  • 12:25 - 12:30
    ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อเข้าไปหา
    ล้วนแต่พระดีทั้งนั้นเลย
  • 12:30 - 12:36
    จนเราเกิดความหลงผิด
    โอ้ พระกรรมฐานนี้ดีทุกองค์
  • 12:36 - 12:38
    อันนี้เป็นความหลงผิด
  • 12:38 - 12:44
    กว่าจะหายหลงผิดมาบวชอยู่พักใหญ่แล้ว
    ถึงรู้ว่าไม่ใช่หรอก
  • 12:44 - 12:48
    บางพวกก็เล่นคุณไสย
    บางพวกก็หลอกชาวบ้าน
  • 12:48 - 12:51
    หลอกโน้น หลอกนี้
  • 12:51 - 12:56
    คนก็นึกว่าพระอรหันต์ ที่จริงเป็นพระอรหิว
  • 12:56 - 12:59
    หิวตลอด เราดูให้ดีเถอะ
  • 12:59 - 13:01
    พระอรหันต์ไม่หิว
  • 13:01 - 13:04
    ถ้าหิวไม่ใช่พระอรหันต์หรอก
    สังเกตให้ดีเถอะ
  • 13:04 - 13:06
    วิธีดูที่ง่ายๆ
  • 13:06 - 13:10
    อยากได้โน้น อยากได้นี้ ไม่ใช่หรอก
  • 13:10 - 13:14
    พวกเราก็จะโง่ ตกเป็นเหยื่อ
  • 13:14 - 13:16
    อันแรกถือศีล
  • 13:16 - 13:20
    ตั้งใจไว้ก่อนว่าเราจะรักษาศีล 5
  • 13:20 - 13:24
    ตั้งใจไว้ทุกวัน วันละหลายๆ รอบ
  • 13:24 - 13:26
    ได้วันละ 5 ครั้งก็ดี
  • 13:26 - 13:28
    ตอนตื่นนอน ตอนกินข้าวเช้า
  • 13:28 - 13:31
    ข้าวกลางวัน ข้าวเย็น ตอนก่อนนอน
  • 13:31 - 13:32
    ตั้งใจไว้เรื่อยๆ
  • 13:32 - 13:36
    เตือนตัวเองไป ว่าเราจะต้องรักษาศีล 5
  • 13:36 - 13:40
    พอเตือนบ่อยๆ จิตใจมันจำได้
    เวลามันจะทำผิดศีล
  • 13:40 - 13:42
    มันจะรู้ตัวขึ้นมา
  • 13:42 - 13:45
    เฮ้ย นี่มันจะผิดศีลแล้ว
  • 13:45 - 13:48
    เสียทั้งอธิษฐานบารมี
  • 13:48 - 13:51
    เสียทั้งสัจจบารมี
  • 13:51 - 13:54
    เสียไปหมดเลย ขันติอะไรไม่มี
  • 13:54 - 13:55
    มันจะค่อยๆ เห็น
  • 13:55 - 14:00
    แล้วต่อไปเวลาอยากทำผิดศีล มันละอายใจ
  • 14:00 - 14:03
    แล้วมันก็กลัวผลของการที่จะทำผิดศีล
  • 14:03 - 14:05
    เราเกิดหิริโอตัปปะ
  • 14:05 - 14:09
    นี้เป็นธรรมโลกบาล ธรรมคุ้มครองโลก
  • 14:09 - 14:13
    ถ้าเราทำได้ มีหิริโอตัปปะได้ ถือศีล 5 ไว้
  • 14:13 - 14:18
    โอกาสไปเป็นเทวดาสูงมาก
  • 14:18 - 14:20
    ฉะนั้นตั้งใจ
  • 14:20 - 14:22
    นอกจากเรื่องศีล ก็เรื่องสมาธิ
  • 14:22 - 14:26
    แยกแยะให้ออก มิจฉาสมาธิไม่มีสติ
  • 14:26 - 14:29
    รู้โน้นรู้นี้ เห็นโน้นเห็นนี้
  • 14:29 - 14:32
    ไม่เห็นอันเดียวคือใจตัวเอง
  • 14:32 - 14:37
    สัมมาสมาธิ เป็นสมาธิที่มีสติ
  • 14:37 - 14:40
    มี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งทำไปเพื่อความสงบ
  • 14:40 - 14:44
    น้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์อันเดียว
    ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง
  • 14:44 - 14:47
    สงบก็ช่าง ไม่สงบก็ช่าง
  • 14:47 - 14:49
    แต่พอเราอยู่ในอารมณ์อันเดียว
    ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง
  • 14:49 - 14:52
    จิตมันสงบเอง
  • 14:52 - 14:57
    เพราะความสุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ
  • 14:57 - 15:01
    สมาธิอีกอันหนึ่งที่ถูกต้อง มีสติอยู่
  • 15:01 - 15:06
    เป็นสมาธิที่จะเห็นไตรลักษณ์ได้
  • 15:06 - 15:09
    ไม่ได้น้อมจิตไปอยู่ที่อารมณ์
  • 15:09 - 15:12
    แต่มีอารมณ์เป็นเครื่องสังเกตจิต
  • 15:12 - 15:17
    อันที่ 1 นั้นน้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์
  • 15:17 - 15:20
    อย่างรู้ลมหายใจ
  • 15:31 - 15:32
    รู้ลมหายใจ
  • 15:32 - 15:36
    แล้วจิตไปแนบอยู่กับลมหายใจ สงบ สบาย
  • 15:36 - 15:38
    นี้อันหนึ่ง
  • 15:38 - 15:40
    ลมหายใจเป็นตัวหลัก
  • 15:40 - 15:45
    สมาธิที่ถูกอันที่ 2 จิตเป็นตัวหลัก
  • 15:45 - 15:47
    เพราะฉะนั้นเราทำกรรมฐานไป
  • 15:47 - 15:49
    มีอารมณ์กรรมฐานเหมือนเดิมนั่นล่ะ
  • 15:49 - 15:50
    แต่รู้ทันจิตตัวเอง
  • 15:50 - 15:53
    ไม่ใช่น้อมจิตไปอยู่ที่อารมณ์
  • 15:53 - 15:55
    อย่างหลวงพ่อใช้หายใจเอา
  • 15:55 - 15:58
    พอหายใจไปแล้ว จิตหนีไปคิดเรื่องอื่น รู้ทัน
  • 15:58 - 16:01
    จิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ รู้ทัน
  • 16:01 - 16:06
    จิตเป็นตัวเอก ถึงเรียกว่าอธิจิตตสิกขา
  • 16:06 - 16:10
    ทำได้อย่างนี้ถึงจะใช้ได้
  • 16:10 - 16:13
    พอจิตเราขยับเขยื้อน เราเห็น
  • 16:13 - 16:16
    เคลื่อนไปคิดก็รู้ เคลื่อนไปเพ่งก็รู้
  • 16:16 - 16:18
    ฝึกให้ชำนิชำนาญ
  • 16:18 - 16:22
    จนกระทั่งสามารถเห็นได้อัตโนมัติ
  • 16:22 - 16:25
    เมื่อเราสามารถเห็น
    จิตมันทำงานได้อัตโนมัติแล้ว
  • 16:25 - 16:28
    การภาวนาจะง่ายแล้ว
  • 16:28 - 16:34
    จิตเราตั้งมั่นแล้ว
  • 16:34 - 16:37
    เมื่อก่อนหลวงพ่อเข้าใจผิด
  • 16:37 - 16:40
    เพราะหลวงพ่อทำ
    จิตให้ตั้งมั่นได้ตั้งแต่ 10 ขวบ
  • 16:40 - 16:44
    แล้วก็คิดว่าคนทั้งโลก จิตเขาก็เหมือนเรา
  • 16:44 - 16:47
    ก็เลยภาวนา รู้สึก แหม มันง่าย
  • 16:47 - 16:50
    ไม่เห็นทำอะไรเลย
  • 16:50 - 16:54
    รู้กายรู้ใจ เห็นกายเห็นใจมันทำงานไปเรื่อยๆ
  • 16:54 - 16:56
    ไม่เข้าไปแทรกแซง
  • 16:56 - 16:58
    ไม่เห็นยากตรงไหนเลย
  • 16:58 - 17:01
    อย่างโกรธ
  • 17:01 - 17:04
    ใจเราโกรธ เรารู้ว่าใจเราโกรธ ไม่เห็นยากเลย
  • 17:04 - 17:08
    แต่พอมาเห็นพวกเรามากเข้าๆ รู้สึก โอ้
  • 17:08 - 17:12
    มันยากตรงที่จิตมันไม่ตั้งมั่น
  • 17:12 - 17:17
    เวลาโกรธ ใจไปอยู่ที่คนที่ทำให้โกรธ
  • 17:17 - 17:20
    เวลารัก ใจไปอยู่ที่คนที่เรารัก
  • 17:20 - 17:23
    ไม่เห็นว่าใจกำลังรัก
  • 17:23 - 17:25
    มันผิดกันนิดเดียวเท่านี้เอง
  • 17:25 - 17:27
    ผิดกันนิดเดียว
  • 17:27 - 17:31
    แต่หน้ามือเป็นหลังเท้าเลย
    เปลี่ยนคนละโลกเลย
  • 17:31 - 17:34
    เหมือนเหวกับท้องฟ้าเลย
  • 17:34 - 17:37
    ระหว่างหลงกับรู้
  • 17:37 - 17:41
    ทั้งๆ ที่มันนิดเดียว คาบเส้นนิดเดียวเอง
  • 17:41 - 17:44
    แล้วตัวรู้เราก็ไม่รักษา
  • 17:44 - 17:53
    เราพบว่าตัวรู้นี้ไร้น้ำหนัก
    บางเฉียบ เงียบกริบ
  • 17:53 - 17:56
    ถ้าเราบอกเรามีตัวรู้ แต่ใจเราหนักๆ
  • 17:56 - 17:59
    อันนี้ไม่ใช่หรอก
  • 17:59 - 18:03
    ถ้ามีตัวรู้แล้วก็รู้สึก แหม รู้ยาว
  • 18:03 - 18:05
    ไม่ใช่หรอก
  • 18:05 - 18:08
    มันรู้บางเฉียบนิดเดียว ชั่วขณะเดียว
  • 18:08 - 18:12
    เป็นขณะๆๆ ไป
  • 18:12 - 18:18
    แล้วบอกมีสมาธิอยู่ ข้างในพูดจ๋อยๆๆๆ
  • 18:18 - 18:22
    ไม่เงียบเลย พูดไม่เลิกเลย
  • 18:22 - 18:25
    ฉะนั้นตัวจิตผู้รู้จริงๆ
  • 18:25 - 18:29
    ไร้น้ำหนัก บางเฉียบ เงียบกริบ
  • 18:29 - 18:32
    ไม่พูด ไม่วิพากษ์วิจารณ์
  • 18:32 - 18:35
    รู้สภาวธรรมที่กำลังมีกำลังเป็น
  • 18:35 - 18:37
    อย่างที่มันมี อย่างที่มันเป็น
  • 18:37 - 18:43
    ตรงตัวจิตผู้รู้นี้ มีองค์ธรรมประกอบหลายตัว
  • 18:43 - 18:49
    1 มีสัมมาสมาธิ
    ความตั้งมั่นโดยที่ไม่ได้รักษา
  • 18:49 - 18:52
    อันที่สอง มีสัมมาสติ
  • 18:52 - 18:55
    สติระลึกรู้อะไร เราเลือกไม่ได้
  • 18:55 - 18:57
    สติก็เป็นอนัตตา
  • 18:57 - 19:01
    บางทีก็รู้รูป รู้เสียง
    รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส
  • 19:01 - 19:05
    รู้ธรรมารมณ์ เรื่องราวต่างๆ ในใจ
  • 19:05 - 19:09
    แต่สติระลึกรู้อะไรก็ไม่เป็นไร
  • 19:09 - 19:13
    แต่จิตตั้งมั่นไม่ไหลไปในสิ่งที่เรารู้
  • 19:13 - 19:16
    ตัวนี้ล่ะที่พวกเราทำไม่ค่อยได้
  • 19:16 - 19:19
    เห็นดอกไม้ จิตไหลไปอยู่ที่ดอกไม้
  • 19:19 - 19:23
    ได้ยินเสียง จิตไหลไปฟังเสียง
  • 19:23 - 19:26
    ไม่เคยเห็นว่าจิตไหลไป
    แล้วจะเอาดีได้อย่างไร
  • 19:26 - 19:29
    เพราะจิตไม่ตั้งมั่น
  • 19:29 - 19:31
    ถ้าอยากให้จิตตั้งมั่น
  • 19:31 - 19:35
    ทำกรรมฐานไป แล้วคอยรู้ทันจิตที่ไหล
  • 19:35 - 19:39
    ไม่ใช่ทำกรรมฐานแล้ว ห้ามไม่ให้จิตไหล
  • 19:39 - 19:41
    ห้ามไม่ให้จิตไหล
  • 19:41 - 19:44
    จะเพ่ง เพ่งจิต
  • 19:44 - 19:48
    จิตที่เราไปเพ่งไว้ มันไหลเรียบร้อยแล้ว
  • 19:48 - 19:51
    มันไหลไปไหน มันไหลไปจ้องจิต
  • 19:51 - 19:55
    ยังมีการไปการมา การเคลื่อนที่
  • 19:55 - 19:58
    ยังไม่ได้เรื่อง
  • 19:58 - 20:02
    เราต้องฝึก ทุกวันตั้งใจถือศีล 5 ไว้
  • 20:02 - 20:05
    วันหนึ่งตั้งใจไว้ 5 รอบได้ยิ่งดี
  • 20:05 - 20:08
    มุสลิมเขาละหมาดวันละ 5 ครั้ง
  • 20:08 - 20:14
    เราตั้งใจถือศีล 5 วันละ 5 ครั้ง
    มันจะตายให้มันรู้ไป
  • 20:14 - 20:17
    ทุกวันทำในรูปแบบ
  • 20:17 - 20:20
    ฝึกจิตใจของเราเข้มแข็ง
  • 20:20 - 20:24
    ขี้เกียจ ขี้เกียจได้ไหม ได้
  • 20:24 - 20:25
    ท้อได้ไหม ได้
  • 20:25 - 20:29
    แต่ขี้เกียจก็ไม่เลิก ท้อก็ไม่เลิก
  • 20:29 - 20:33
    ถึงเวลาต้องปฏิบัติทำในรูปแบบ
  • 20:33 - 20:35
    เมื่อวานหรือวานซืน
  • 20:35 - 20:40
    ฝากคุณแม่ไป คุณแม่ไปสอนที่คอร์ส
  • 20:40 - 20:43
    คุณแม่บอกพวกนี้พวกเก่าๆ ให้ทำอะไร
  • 20:43 - 20:48
    บอกไปบอกเลยว่า
    ให้เดินจงกรมวันละ 3 ชั่วโมง
  • 20:48 - 20:51
    ทำได้แล้วค่อยมาว่ากัน
  • 20:51 - 20:56
    ทำไม่ได้ ไปเกิดชาติหน้าเอา
  • 20:56 - 20:57
    ไม่มีทางหรอก
  • 20:57 - 21:04
    แค่นี้ก็ไม่กล้าแล้ว แค่นี้ก็กลัวแล้ว
  • 21:04 - 21:09
    บางคนได้ยินหลวงพ่อพูดอย่างนี้ สำนึก
  • 21:09 - 21:13
    แล้วใจนี้อ่อนยวบลงไปเลย
  • 21:13 - 21:17
    แต่ใจอ่อนยวบเฉยๆ ยังไม่ได้คิดสู้
  • 21:17 - 21:22
    ต้องสู้
  • 21:22 - 21:25
    ถึงเวลาแบ่งเวลาไว้เลย
  • 21:25 - 21:29
    สมมติเราไม่มีเวลา ภาวนาวันละ 3 ชั่วโมง
  • 21:29 - 21:33
    ตื่นนอนมาเอามันเสีย 1 ชั่วโมง
  • 21:33 - 21:35
    กลางวันเก็บมันทุก 5 นาที
  • 21:35 - 21:37
    5 นาทีทุกๆ ชั่วโมง
  • 21:37 - 21:41
    1 ชั่วโมงเก็บ 5 นาที ได้ชั่วโมงแล้ว
  • 21:41 - 21:46
    กลางคืนภาวนาอีกสักชั่วโมง
    ชั่วโมงครึ่งอะไรอย่างนี้
  • 21:46 - 21:50
    เท่ากับวันหนึ่งเราภาวนาได้ 3 ชั่วโมงกว่า
  • 21:50 - 21:54
    เอาให้ได้ ฝึก
  • 21:54 - 21:58
    ถ้าแค่นี้ไม่ได้จะไปข้ามวัฏฏะได้อย่างไร
  • 21:58 - 22:03
    ข้ามวัฏฏะได้ บอกดีไหม
  • 22:03 - 22:06
    เดี๋ยวจะฝ่อเสียอีก
  • 22:06 - 22:10
    ต้องเอาชีวิตเข้าแลก
  • 22:10 - 22:14
    ครูบาอาจารย์สอนนิพพานอยู่ฟากตาย
  • 22:14 - 22:18
    ถ้ายังรักตัวกลัวตายอยู่
  • 22:18 - 22:21
    ก็ได้ธรรมะขั้นต้นๆ ก็ยังดี สะสมไป
  • 22:21 - 22:27
    ได้โสดาบัน สกทาคามีอะไรอย่างนี้
  • 22:27 - 22:31
    ฉะนั้นถึงเวลาทำในรูปแบบ
  • 22:31 - 22:34
    สังเกตตัวเอง วันนี้ใจฟุ้งซ่าน
  • 22:34 - 22:40
    น้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์อันเดียว
    ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง
  • 22:40 - 22:42
    วันนี้ฟุ้งซ่านก็พักผ่อน
  • 22:42 - 22:46
    ให้จิตไปพักอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุข
  • 22:46 - 22:49
    อย่างหลวงพ่อหายใจเข้าพุทออกโธแล้วมีความสุข
  • 22:49 - 22:51
    หลวงพ่อเวลาจะพัก
  • 22:51 - 22:55
    หลวงพ่อก็ไปอยู่กับหายใจเข้าพุทออกโธ
  • 22:55 - 22:58
    เมื่อก่อนเวลาหลวงพ่อจะเดินปัญญา
  • 22:58 - 23:01
    หลวงพ่อเห็นความไหวที่กลางอก
  • 23:01 - 23:06
    เกิดดับๆ อยู่ที่กลางอก ยิบยับๆๆ
  • 23:06 - 23:08
    บางทีถ้าแรงก็เคลื่อน
  • 23:08 - 23:12
    ถ้าไม่แรงก็ไหวยิบยับๆ อยู่อย่างนี้
  • 23:12 - 23:14
    หลวงพ่อก็ดูตัวนี้เอง
  • 23:14 - 23:17
    ก็เห็นมันเกิดดับตลอดเวลา เห็น โอ้
  • 23:17 - 23:21
    ตาเห็นรูปจิตก็ไหว หูได้ยินเสียงจิตก็ไหว
  • 23:21 - 23:24
    จมูกได้กลิ่น ลิ้นกระทบรส
  • 23:24 - 23:27
    กายกระทบสัมผัส
    ใจกระทบความคิด จิตก็ไหว
  • 23:27 - 23:31
    เห็นมันไหวๆๆ ที่ไหวๆ นี้
  • 23:31 - 23:34
    บางทีก็ปรุงดี บางทีก็ปรุงชั่ว
  • 23:34 - 23:36
    บางทีก็ปรุงสุข บางทีก็ปรุงทุกข์
  • 23:36 - 23:39
    มันเริ่มมาจากที่ไหวๆ อยู่กลางอกนี่ล่ะ
  • 23:39 - 23:42
    แล้วก็ผุดขึ้นมา
  • 23:42 - 23:44
    เหมือนกับมันเป็นราก
  • 23:44 - 23:47
    เป็นราก เป็นหัวของต้นไม้
  • 23:47 - 23:51
    มันมีหัวอยู่ใต้ดิน ฝังอยู่
  • 23:51 - 23:55
    ถึงเวลาที่เหมาะที่ควร ก็งอกขึ้นมา
  • 23:55 - 23:59
    งอกขึ้นมาเป็นราคะ เป็นโทสะ เป็นโมหะ
  • 23:59 - 24:01
    พองอกขึ้นมา
  • 24:01 - 24:06
    มีใบ มีกิ่งก้าน หากินได้
  • 24:06 - 24:12
    หัวมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น หัวมันยิ่งโตขึ้น
  • 24:12 - 24:15
    แต่ถ้าราคะหรือโทสะ
  • 24:15 - 24:19
    มันงอกต้นขึ้นมาจากกลางอกเรานี้
  • 24:19 - 24:24
    ตัวนี้เป็นอนุสัย มันงอกขึ้นมา
  • 24:24 - 24:27
    พอออกใบเล็กๆ สติเราเห็น
  • 24:27 - 24:30
    เหมือนเราตัดยอดมัน
  • 24:30 - 24:32
    ตัดมันไปเรื่อยๆ
  • 24:32 - 24:34
    หัวมันจะค่อยๆ ฝ่อ
  • 24:34 - 24:38
    มันสูญเสียพลังงาน
    เสียอาหารของมันไปเรื่อยๆ
  • 24:38 - 24:40
    ในการที่จะงอกแต่ละครั้ง
  • 24:40 - 24:45
    สุดท้ายมันงอกไม่ได้ มันตาย
  • 24:45 - 24:49
    เมื่อปี 2527
  • 24:49 - 24:54
    หลวงพ่อไปกราบเรียนหลวงปู่เทสก์
  • 24:54 - 24:58
    “หลวงปู่ครับ ผมเห็นจิตต้นกำเนิดแล้ว
  • 24:58 - 25:01
    มันผุดขึ้นมาอย่างนี้”
  • 25:01 - 25:03
    หลวงปู่ก็คึกคักแอคทีฟ
  • 25:03 - 25:07
    ยุคนั้นพวกเรายังไม่เคยได้ยิน
  • 25:07 - 25:09
    หลวงพ่อยังไม่เคยรู้เลย
  • 25:09 - 25:11
    ภาวนาแล้วมันมาเจอเอง
  • 25:11 - 25:13
    ก็ไปบอกท่านเราเห็นแล้ว
  • 25:13 - 25:17
    จุดต้นกำเนิดมันอยู่ที่ตรงนี้เอง
  • 25:17 - 25:20
    อยู่ที่หทยะ หทยรูป
  • 25:20 - 25:23
    เป็นจุดกำเนิดของนามธรรม
  • 25:23 - 25:27
    ทั้งกุศล ทั้งอกุศลทั้งหลาย มันผุดขึ้นมา
  • 25:27 - 25:30
    บอก “ผมเห็นจิตต้นกำเนิดแล้ว”
  • 25:30 - 25:34
    แต่มันยังมีเชื้อเกิด นี่เห็นหัว
  • 25:34 - 25:38
    หัวของพืชที่อยู่ในใต้ดินนี้
  • 25:38 - 25:40
    มันยังมีเชื้อเกิดอยู่
  • 25:40 - 25:43
    “ทำอย่างไรผมจะทำลายเชื้อเกิดได้”
  • 25:43 - 25:48
    นี่ที่ไปถามท่าน ถามอย่างนี้เมื่อปี 2527
  • 25:48 - 25:52
    ท่านก็ยิ้มหวานเลย ท่านก็ตอบให้
  • 25:52 - 25:56
    “ให้ภาวนาไป ทำไปเรื่อยๆ
  • 25:56 - 26:04
    ถึงวันหนึ่งก็จะทำลายเชื้อเกิดได้ ต้องอดทน”
  • 26:04 - 26:06
    ครูบาอาจารย์สอนหลวงพ่อภาวนา
  • 26:06 - 26:10
    สอนครั้งเดียว หลวงพ่อทำไม่เลิก
  • 26:10 - 26:16
    ของพวกเราสอนปุ๊บทำปั๊บ เลิกปั๊บ
  • 26:16 - 26:20
    พอฟังเทศน์เสร็จ เอาแล้วฟุ้งซ่านแล้ว
  • 26:20 - 26:23
    ไม่คิดเรื่องธรรมะอะไร ไม่เอาแล้ว
  • 26:23 - 26:27
    เอาแต่เรื่องฟุ้งซ่าน เรื่องหลงโลก
  • 26:27 - 26:29
    แล้วมันจะดีได้อย่างไร
  • 26:29 - 26:33
    ถึงเวลามาเข้าคอร์ส
  • 26:33 - 26:35
    เดี๋ยวคอร์สนั้น เดี๋ยวคอร์สนี้
  • 26:35 - 26:38
    พอเข้าคอร์สแล้วก็อิ่มเอม โอ้ ดีจังเลย
  • 26:38 - 26:41
    ได้สะสม
  • 26:41 - 26:43
    ถามว่าดีไหม ก็ดีเหมือนกัน
  • 26:43 - 26:46
    ก็ได้สะสมบารมีไป
  • 26:46 - 26:50
    การที่เราจะไปหาพระศรีอริยเมตไตรยนั้น
  • 26:50 - 26:57
    เราต้องเดินทางไกล สะสมไป มีเสบียง
  • 26:57 - 27:01
    แต่ถ้าอยากพ้นทุกข์เร็วๆ เข้มแข็งกว่านี้
  • 27:01 - 27:05
    ไม่ใช่เส้นทางของคนอ่อนแอ
  • 27:05 - 27:07
    กล้าไหม
  • 27:07 - 27:13
    ที่จะละทิ้งความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
  • 27:13 - 27:17
    หลวงพ่อกล้าตั้งแต่เป็นโยม
  • 27:17 - 27:23
    เลิกงานปุ๊บ ไม่มีธุระ
    กลับบ้านทันทีเลย ไม่เที่ยว
  • 27:23 - 27:29
    วันหยุด วันพักผ่อน เก็บไว้หมดเลย
  • 27:29 - 27:32
    ถึงจังหวะเหมาะๆ มีวันหยุดราชการ
  • 27:32 - 27:35
    อย่างช่วงธันวาคมมีหลายวัน
  • 27:35 - 27:39
    หลวงพ่อก็เอาวันลามาใช้ลาแทรกเข้าไป
  • 27:39 - 27:41
    แทรกหัว แทรกท้าย แทรกตรงกลาง
  • 27:41 - 27:44
    ได้ช่วงยาว 10 กว่าวัน
  • 27:44 - 27:47
    เก็บวันลาไว้ทั้งหมดเลย
  • 27:47 - 27:50
    เพื่อไปภาวนาอยู่ตามวัดป่า
  • 27:50 - 27:55
    สมัยโน้นวัดป่าน่าภาวนา
  • 27:55 - 27:58
    วัดป่าสมัยโน้นเป็นที่สัปปายะ
  • 27:58 - 28:04
    ที่สัปปายะเพราะมีครูบาอาจารย์ที่เลิศเลอ
  • 28:04 - 28:12
    ที่ใด ใช้คำไหนดี ในพระไตรปิฎก
  • 28:12 - 28:19
    ท่านบอกพระอรหันต์อยู่ตรงไหน
    ที่นั้นสัปปายะ
  • 28:19 - 28:23
    ทุกวันนี้หาครูบาอาจารย์ยาก
  • 28:23 - 28:26
    ก็เริ่มไม่สัปปายะแล้ว
  • 28:26 - 28:31
    ที่ไหนก็เต็มไปด้วยกิเลสท่วมทุกหนทุกแห่ง
  • 28:31 - 28:35
    เมื่ออาทิตย์ก่อนมีพระองค์หนึ่งมา
  • 28:35 - 28:41
    พระองค์นี้ท่านเวียนมาเรียน
    กับหลวงพ่อนานหลายปีแล้ว
  • 28:41 - 28:45
    เรียนแล้วก็ไม่รู้เรื่อง
  • 28:45 - 28:50
    เมื่อวันเสาร์ก่อน หรือวันอาทิตย์
  • 28:50 - 28:51
    วันเสาร์หรืออาทิตย์ ท่านมา
  • 28:51 - 28:55
    หลวงพ่อ เอ๊ะ ท่านไปทำอะไรมา
  • 28:55 - 28:58
    ท่านภาวนารู้เรื่องแล้ว
  • 28:58 - 29:01
    ท่านบอก ท่านไม่ทำอะไรเยอะหรอก
  • 29:01 - 29:05
    ท่านเดินจงกรมอยู่ 4 ปี
  • 29:05 - 29:06
    เดินไปอยู่นั่นล่ะ
  • 29:06 - 29:11
    เดินไปรู้สึกตัวบ้าง หลงบ้าง แต่ทำไม่เลิก
  • 29:11 - 29:15
    ท่านบอกท่านเดินจงกรม 4 ปี
  • 29:15 - 29:19
    อยู่ๆ อย่างเคยได้ยินได้ฟังหลวงพ่อพูด
  • 29:19 - 29:22
    ไปเดินจงกรมไปเรื่อยๆ ตอนเดินไม่คิด
  • 29:22 - 29:24
    ลืมทุกอย่างหมด
  • 29:24 - 29:27
    เห็นร่างกายเดิน ใจเป็นคนดูไปเรื่อยๆ
  • 29:27 - 29:32
    ถึงจุดหนึ่งธรรมะมันผุดขึ้นมา เข้าใจขึ้นมา
  • 29:32 - 29:35
    จิตตื่นโพลงขึ้นมา
  • 29:35 - 29:40
    ถามท่านอยู่ที่ไหน
  • 29:40 - 29:44
    ท่านก็บอก อยู่ที่วัดทางจันทบุรี
  • 29:44 - 29:47
    เป็นวัดครูบาอาจารย์
  • 29:47 - 29:50
    บอก โอ้ เขายังปฏิบัติกันเยอะหรือ
  • 29:50 - 29:52
    ไม่มี
  • 29:52 - 29:56
    บอกท่านเดินจงกรม พวกพระยังมาถามท่านเลย
  • 29:56 - 29:58
    ว่าหลวงตาทำอะไร
  • 29:58 - 30:01
    เดินไปเดินมา ไม่เห็นทำอะไรสักอย่าง
  • 30:01 - 30:04
    นี่วัดกรรมฐาน วัด
  • 30:04 - 30:07
    พอสิ้นครูบาอาจารย์ไปนานๆ
  • 30:07 - 30:11
    ไม่รู้จักเดินจงกรม
  • 30:11 - 30:17
    ถ้าเราไปอยู่ในที่ๆ คนเหลวไหล
  • 30:17 - 30:18
    แล้วเราไม่มีหลัก
  • 30:18 - 30:20
    ไม่มีความเข้มแข็งของเราเอง
  • 30:20 - 30:25
    เราก็จะถูกดูดให้เหลวไหล
  • 30:25 - 30:28
    ทุกวันนี้ไม่รู้จะไปภาวนาที่ไหนแล้ว
  • 30:28 - 30:32
    ที่ดีๆ ยังมี
  • 30:32 - 30:35
    แต่ส่วนใหญ่ท่านไม่รับโยม
  • 30:35 - 30:42
    มีน้อยแต่ไม่รับโยม หายากที่จะภาวนา
  • 30:42 - 30:48
    เพราะฉะนั้นเราต้อง
    ทำบ้านเราให้เป็นวัดให้ได้
  • 30:48 - 30:52
    อะไรที่พะรุงพะรัง หมายถึง
  • 30:52 - 30:55
    รกรุงรังในใจเรา วางเสีย
  • 30:55 - 30:59
    หลวงพ่อก็เป็นคนเมืองเหมือนพวกเรา
  • 30:59 - 31:03
    หลวงพ่อเลิกงาน หลวงพ่อกลับบ้าน
  • 31:03 - 31:07
    อาบน้ำ กินข้าว ใจยังเหนื่อยอยู่
  • 31:07 - 31:10
    ก็ไม่รีบไปนั่งสมาธิ เดินจงกรม ใจล้า
  • 31:10 - 31:13
    ทำงานมาทั้งวัน คิดทั้งวัน
  • 31:13 - 31:16
    หลวงพ่อเปลี่ยนอารมณ์
  • 31:16 - 31:19
    ซื้อหนังสือการ์ตูนมาอ่าน
  • 31:19 - 31:24
    แนะนำว่าถ้าจะซื้อการ์ตูนอ่าน
    ให้ซื้อการ์ตูนเด็ก
  • 31:24 - 31:27
    อย่าซื้อการ์ตูนลามก
  • 31:27 - 31:29
    อ่านแล้วสมาธิไม่เกิดหรอก
  • 31:29 - 31:32
    หลวงพ่ออ่าน
  • 31:32 - 31:36
    ต่วยตูน ขายหัวเราะ มหาสนุก อ่านพวกนี้
  • 31:36 - 31:39
    ยังมีขายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่มีแล้วมัง
  • 31:39 - 31:40
    เขาไม่พิมพ์หนังสือกันแล้ว
  • 31:40 - 31:43
    เมื่อก่อนไปอ่านพวกนี้
  • 31:43 - 31:45
    อ่านแล้วก็ขำบ้าง ไม่ขำบ้าง
  • 31:45 - 31:49
    มันก็แก๊กเดิมล่ะ
    ติดเกาะมันก็ติดอยู่อย่างนั้น
  • 31:49 - 31:51
    ทั้งเกาะมีต้นมะพร้าวอยู่ต้นเดียว
  • 31:51 - 31:55
    วาดอยู่อย่างนั้น
    โจรมุมตึก มันก็อยู่มุมนั้น
  • 31:55 - 31:57
    ขำบ้าง ไม่ขำบ้าง
  • 31:57 - 32:00
    ส่วนใหญ่ไม่ค่อยขำ ดูๆ ไปอย่างนั้นล่ะ
  • 32:00 - 32:04
    ทำไมไม่ขำ เพราะมันแก๊กมันซ้ำๆๆ
  • 32:04 - 32:08
    ใครมันจะไปคิดมุขใหม่ได้ตลอด
  • 32:08 - 32:11
    แต่เราดูเปลี่ยนอารมณ์
  • 32:11 - 32:16
    เปลี่ยนอารมณ์ วันไหนไม่มีการ์ตูนดู
  • 32:16 - 32:18
    เอาพระมาส่อง ดูพระ
  • 32:18 - 32:21
    องค์นี้เนื้ออย่างนี้ๆ
  • 32:21 - 32:24
    เวลาจับพระ หลวงพ่อเป็นมาแต่เด็ก
  • 32:24 - 32:28
    จับพระแล้วมันมีความรู้สึกขึ้นในใจ
  • 32:28 - 32:34
    ตอนเด็กๆ เห็นที่บ้านพ่อ
    เขามีพระองค์หนึ่งยาวแค่นี้
  • 32:34 - 32:38
    พระอะไรก็ไม่รู้โตดี เอาไปถือเล่น
  • 32:38 - 32:43
    ถือเล่นใจเราคึกคัก ถือเล่น
  • 32:43 - 32:49
    สุดท้ายพ่อเห็นบอกเอามาเถอะองค์นี้
    เปลี่ยนเอาอีกองค์ เดี๋ยวคอหัก
  • 32:49 - 32:55
    องค์นั้นเป็น เขาเรียกพระงั่ง
  • 32:55 - 33:00
    พ่อเขาเคยบวชอยู่วัดสุทัศน์ฯ
  • 33:00 - 33:03
    กับพระสังฆราชแพ ท่านให้มา
  • 33:03 - 33:07
    แล้วก็องค์นี้ขอคืน เอาพระชินราชไปถือแทน
  • 33:07 - 33:12
    เวลาถือมันมีความรู้สึกไม่เหมือนกัน
  • 33:12 - 33:15
    รู้สึกเอง ก็ชอบ ไปไหนก็ถือพระไปเรื่อย
  • 33:15 - 33:20
    จนพระนั้นลอก จมูกลอกหมดเลย
  • 33:20 - 33:22
    ทั้งๆ ที่เป็นโลหะ
  • 33:22 - 33:26
    ใจมันจดจ่ออยู่กับเรื่องอย่างนี้ จดจ่อ
  • 33:26 - 33:30
    ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นการทำสมาธิ
  • 33:30 - 33:32
    มันเล็กๆ ตอนนั้น
  • 33:32 - 33:35
    พอทำสมาธิ ไปเรียนกับท่านพ่อลี 7 ขวบ
  • 33:35 - 33:41
    ทำทุกวัน ทำไปเรื่อยๆ จิตมันตั้งมั่น
  • 33:41 - 33:47
    พวกเราอยากดี ต้องเข้มแข็ง
  • 33:47 - 33:52
    อะไรที่จะทำให้เราอ่อนแอลงหลีกเลี่ยงเสีย
  • 33:52 - 33:58
    สิ่งที่ต้องเลี่ยงมากที่สุดเลย คือการผิดศีล
  • 33:58 - 34:00
    อย่าผิดศีล
  • 34:00 - 34:06
    ต้องเข้มแข็งอย่างนั้น
  • 34:06 - 34:09
    เคยมีพระองค์หนึ่งท่านบอกว่า
  • 34:09 - 34:19
    ในอดีตชาติท่านเกิดเป็นคนยากจนที่เมืองจีน
  • 34:19 - 34:23
    ฝนแล้งทั้ง 3 ปี ทำนาไม่ได้
  • 34:23 - 34:27
    พวกเพื่อนบ้านเขาก็ออกไปล่าสัตว์
  • 34:27 - 34:31
    ท่านไม่ยอมทำ พยายามจะปลูกพืชปลูกอะไร
  • 34:31 - 34:34
    ขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง ทำ
  • 34:34 - 34:39
    ชาวบ้านหัวเราะเยาะว่าเป็นคนโง่
    ไม่รู้จักทำมาหากิน
  • 34:39 - 34:44
    ขนาดมีลูกเล็กๆ ก็ไม่ไปฆ่าสัตว์
  • 34:44 - 34:50
    เพื่อจะเอามาไปขาย ไปเลี้ยงลูก ไม่ทำ
  • 34:50 - 34:56
    ยอม ถึงขนาดยอมตาย
    ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง
  • 34:56 - 35:00
    เพื่อรักษาศีล
  • 35:00 - 35:04
    ถ้าคนอย่างนี้เขาภาวนา เขาจะไม่ยาก
  • 35:04 - 35:07
    ใจของเขาเด็ดเดี่ยว
  • 35:07 - 35:11
    ฉะนั้นพวกเราต้องเด็ดเดี่ยว
  • 35:11 - 35:15
    ศีล ตั้งใจสู้ตาย ให้เด็ดเดี่ยวไว้
  • 35:15 - 35:18
    สมาธิฝึกทุกวัน
  • 35:18 - 35:20
    วันหนึ่งมากๆ ยิ่งดี
  • 35:20 - 35:22
    มีเวลาเมื่อไรก็ทำ
  • 35:22 - 35:27
    ตื่นนอนให้เร็วขึ้นหน่อย
    นั่งสมาธิ เดินจงกรมอะไรก็ทำ
  • 35:27 - 35:30
    ก่อนนอนก็ต้องทำ
  • 35:30 - 35:32
    ทำทุกวัน แต่ทำด้วยความมีสติ
  • 35:32 - 35:36
    ถ้าขาดสติเมื่อไรเป็นมิจฉาสมาธิ
  • 35:36 - 35:40
    พอฝึกเรื่อยๆ จิตมันจะมีแรง
  • 35:41 - 35:44
    ทำความสงบ จิตมันจะได้กำลัง
  • 35:44 - 35:47
    รู้เท่าทันจิต จิตจะปราดเปรียว
  • 35:47 - 35:50
    พร้อมที่เดินปัญญา
  • 35:50 - 35:55
    ถัดจากนั้นก็ถึงงานสุดท้าย การเจริญปัญญา
  • 35:55 - 36:01
    ทันทีที่จิตเรามีพลังมากพอ ขันธ์มันจะแยก
  • 36:01 - 36:04
    อย่างเวลาพวกเราฟังหลวงพ่อเทศน์
  • 36:04 - 36:06
    จิตมันจะมีพลัง
  • 36:06 - 36:08
    เพราะหลวงพ่อไม่ได้ท่องมาเทศน์
  • 36:08 - 36:11
    หลวงพ่อเทศน์ด้วยจิตของหลวงพ่อจริงๆ
  • 36:11 - 36:15
    ด้วยกำลังของสมาธิ
  • 36:15 - 36:18
    ถึงบอกอย่ามาถ่ายรูป
  • 36:18 - 36:21
    ปิดมือถือเสีย มันกวนสมาธิ
  • 36:21 - 36:23
    ธรรมะจะสะดุด
  • 36:23 - 36:25
    ฉะนั้นเวลาพวกเราฟังหลวงพ่อเทศน์
  • 36:25 - 36:27
    รับรองไม่เหมือนที่อื่นฟัง
  • 36:27 - 36:29
    ไม่เหมือนไปฟังที่อื่นหรอก
  • 36:29 - 36:31
    ฟังที่อื่นก็หลับบ้างอะไรบ้าง
  • 36:31 - 36:34
    ของที่ ฟังที่หลวงพ่อไม่ค่อยมีคนหลับ
  • 36:34 - 36:37
    นอกจากพวกผิดปกติจริงๆ
  • 36:37 - 36:40
    เวลาที่ฟังเทศน์หลวงพ่อ
  • 36:40 - 36:43
    จิตมันจะมีกำลัง
  • 36:43 - 36:46
    มันจะมีความห้าวหาญขึ้นมา
  • 36:46 - 36:50
    ลองระลึกลงในร่างกาย
    ลองนึกถึงร่างกายของตัวเอง
  • 36:50 - 36:51
    ไม่ต้องใช้คำระลึก
  • 36:51 - 36:55
    ลองนึกถึงร่างกายสิ
  • 36:55 - 37:00
    รู้สึกไหมร่างกายเป็นของถูกรู้
  • 37:00 - 37:03
    ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
  • 37:03 - 37:07
    ถ้าจิตมีกำลังพอ สติระลึกรู้กาย
  • 37:07 - 37:11
    ก็เห็นว่ากายกับจิตไม่ใช่อันเดียวกัน
    นี่แยกขันธ์ได้
  • 37:11 - 37:14
    แล้วจะเห็นร่างกายก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์
  • 37:14 - 37:17
    จิตที่ไปรู้กายก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์
  • 37:17 - 37:20
    นี่ขึ้นวิปัสสนาแล้ว
  • 37:20 - 37:24
    ถ้าจิตมีกำลังเกิดเวทนาทางกาย
  • 37:24 - 37:26
    ก็เห็นว่าร่างกายก็อันหนึ่ง
  • 37:26 - 37:30
    เวทนาทางกายก็อันหนึ่ง จิตก็อันหนึ่ง
  • 37:30 - 37:31
    เมื่อวานมีผู้หญิงคนหนึ่ง
  • 37:31 - 37:34
    ผู้หญิงคนที่หลวงพ่อเล่าว่า
  • 37:34 - 37:38
    เดินปัญญาแล้วเละเทะ สมาธิไม่พอ
  • 37:38 - 37:43
    ให้ทำสมาธิแล้วก็จะไปรีบเดินปัญญา
  • 37:43 - 37:45
    เขามาส่งการบ้านว่า เขาจะทำอย่างไรดี
  • 37:45 - 37:49
    เขานั่งสมาธิ นั่งจนปวดมากเลย
  • 37:49 - 37:51
    แล้วเขาก็ดูไปที่ความปวด
  • 37:51 - 37:53
    ดูอยู่อย่างนั้น
  • 37:53 - 37:56
    มันก็หายบ้าง ไม่หายบ้าง ดูอยู่อย่างนั้น
  • 37:56 - 37:59
    แล้วมันทำไมไม่เจริญ
  • 37:59 - 38:02
    บอกไปสังเกตให้ดี
  • 38:02 - 38:05
    เวลาเห็นเวทนา
    เห็นความปวดในร่างกาย
  • 38:05 - 38:08
    จิตมันไหลไปที่ความปวด
  • 38:08 - 38:11
    จิตมันไม่ได้ตั้งมั่น
  • 38:11 - 38:13
    เมื่อจิตไม่ตั้งมั่น ก็เรียกไม่มีสัมมาสมาธิ
  • 38:13 - 38:15
    สัมมาสมาธินั่นล่ะ
  • 38:15 - 38:17
    เป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา
  • 38:17 - 38:21
    อันนั้นจิตมันถลำลงไปจมอยู่กับความเจ็บปวด
  • 38:21 - 38:23
    มันไม่ตั้งมั่น
  • 38:23 - 38:24
    ปัญญาไม่เกิดหรอก
  • 38:24 - 38:27
    มันก็ทรมานไปอย่างนั้นเอง
  • 38:27 - 38:30
    เป็นอัตตกิลมถานุโยคเฉยๆ
  • 38:30 - 38:32
    เพราะฉะนั้นก่อนที่จะไปเดินปัญญา
  • 38:32 - 38:35
    จิตต้องตั้งมั่น ต้องฝึก
  • 38:35 - 38:36
    ถ้าจิตตั้งมั่นจริง
  • 38:36 - 38:40
    สติระลึกรู้กาย เห็นกายไม่ใช่เราแล้ว
  • 38:40 - 38:43
    สติระลึกรู้เวทนา เวทนาไม่ใช่เรา
  • 38:43 - 38:45
    ไม่ต้องคิดเลย
    มันเห็นเลยว่าไม่ใช่เราหรอก
  • 38:45 - 38:48
    สติระลึกรู้สังขาร ก็เห็นสังขาร
  • 38:48 - 38:51
    ปรุงดีปรุงชั่วไม่ใช่เราหรอก
  • 38:51 - 38:55
    มันจะเรียนรู้พวกนี้แล้วค่อยวางๆๆๆ
  • 38:55 - 38:57
    จากของหยาบเข้ามาที่ละเอียด
  • 38:57 - 38:59
    ที่ละเอียดที่สุดก็คือจิต
  • 38:59 - 39:01
    สุดท้ายมันจะเห็นว่าจิตไม่ใช่เรา
  • 39:01 - 39:03
    จิตเองก็เกิดดับ
  • 39:03 - 39:07
    จิตเกิดดับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนั่นเอง
  • 39:07 - 39:08
    แล้วก็เลือกไม่ได้
  • 39:08 - 39:12
    จิตเกิดดับคือเห็นอนิจจัง
  • 39:12 - 39:14
    เลือกไม่ได้ว่าจิตจะไปเกิดที่ไหน
  • 39:14 - 39:17
    อันนี้คืออนัตตา
  • 39:17 - 39:21
    ถ้าเข้ามาถึงตรงนี้
    จิตมันยอมรับอย่างแจ่มแจ้ง
  • 39:21 - 39:23
    จิตไม่ใช่เรา
  • 39:23 - 39:25
    ขันธ์ 5 ทั้งหมดไม่ใช่เราแล้ว
  • 39:25 - 39:29
    นั่นคือภูมิจิตภูมิธรรมของพระโสดาบัน
  • 39:29 - 39:32
    อยากเป็นพระโสดาบัน
    แล้วไปนั่งทรมานไปเรื่อยๆ
  • 39:32 - 39:36
    ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
    ทางที่จะเป็นพระโสดาบันเลย
  • 39:36 - 39:39
    มันเป็นทางของพวกนิครนถ์
  • 39:39 - 39:41
    ทรมานตัวเองไปเรื่อยๆ
  • 39:41 - 39:44
    แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะบรรลุมรรคผลนิพพาน
  • 39:44 - 39:47
    ไม่ใช่เส้นของพุทธ
  • 39:47 - 39:50
    มันเป็นเส้นของนิครนถ์
  • 39:50 - 39:55
    ฉะนั้นพวกเราจริงๆ เราไม่ใช่พุทธเท่าไรหรอก
  • 39:55 - 39:59
    เป็นฮินดูบ้าง เป็นศาสนาผีบ้าง
  • 39:59 - 40:04
    เป็นศาสนานิครนถ์บ้าง พวกเชน
  • 40:04 - 40:07
    แล้วก็เป็นศาสนาพระเจ้า
  • 40:07 - 40:11
    แทบไม่มีคนที่เป็นพุทธจริงๆ เลย
  • 40:11 - 40:13
    มีแต่พุทธปนเปื้อน
  • 40:13 - 40:16
    แล้วเมื่อไรจะได้ เมื่อไรจะได้
  • 40:16 - 40:20
    ทำไปเถอะ
    เดี๋ยวเจอพระศรีอาริย์แล้วก็อาจจะได้
  • 40:20 - 40:25
    ทำไป สะสมความดีไป
  • 40:25 - 40:29
    เล่าให้ฟังขนาดนี้ เข้มแข็งนะ
  • 40:29 - 40:31
    ต้องเข้มแข็ง
  • 40:31 - 40:35
    เส้นทางนี้เส้นทางของคนกล้า
  • 40:35 - 40:37
    ไม่ใช่เส้นทางอ่อนแอ
  • 40:37 - 40:40
    ถ้าอ่อนแอก็เรียกร้องให้คนช่วย
  • 40:40 - 40:42
    ให้ช่วยโน้นช่วยนี้
  • 40:42 - 40:45
    ไม่ทำมาหากินแต่อยากรวย
  • 40:45 - 40:49
    ก็ไปไหว้เทวดา ขอให้รวย
  • 40:49 - 40:52
    เทวดาไม่ได้พิมพ์แบงก์ได้
  • 40:52 - 40:54
    บอกให้เทวดาช่วยให้รวย
  • 40:54 - 40:57
    ไม่มีบุญตัวเองอย่างไรก็ไม่รวย
  • 40:57 - 41:00
    แล้วความอยากรวยมันทำให้เราตกเป็นเหยื่อ
  • 41:00 - 41:03
    คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ
  • 41:03 - 41:08
    ตกเป็นเหยื่อที่บอกมาไหว้เทวรูปของวัดนี้ดี
  • 41:08 - 41:14
    มีคนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1
    ติดต่อกัน 10 กว่างวดแล้ว
  • 41:14 - 41:17
    เป็นไปได้ไหม
  • 41:17 - 41:21
    ถ้าเรียนคณิตศาสตร์จะรู้
    มันเป็นไปไม่ได้เลย
  • 41:21 - 41:27
    สมมติว่า 15 งวด
    1,000,000 ใบ มันมีที่ 1 ใบหนึ่ง
  • 41:27 - 41:30
    เท่ากับ 1,000,000 ยกกำลัง 15
  • 41:30 - 41:34
    มันเท่าไร มันเป็นไปได้ไหม
  • 41:34 - 41:37
    เป็นไปไม่ได้
  • 41:37 - 41:40
    ในทางสถิติเป็นไปไม่ได้เลย
  • 41:40 - 41:45
    คนหนึ่งจะถูกรางวัลที่ 1
    ติดต่อกัน 10 กว่าครั้ง
  • 41:45 - 41:50
    ถ้าถูกอย่างนั้นก็คือล็อกเลขแล้ว ถึงจะถูก
  • 41:50 - 41:55
    ไม่เป็นพุทธ ไม่ได้คิดจะพึ่งตัวเอง
  • 41:55 - 41:57
    คิดแต่พึ่งอะไรลมๆ แล้งๆ
  • 41:57 - 42:01
    หลอกตัวเองไปวันๆ หนึ่งแล้วก็มีความสุข
  • 42:01 - 42:04
    ชาวพุทธไม่หลอกตัวเอง
  • 42:04 - 42:07
    ชาวพุทธเรียนรู้ความจริงของตัวเอง
  • 42:07 - 42:12
    เรียนรู้ความจริงได้ สุดท้ายก็ปล่อยวางได้
  • 42:12 - 42:15
    ปล่อยวางได้ก็พ้นทุกข์ได้ ก็แค่นั้นล่ะ
  • 42:15 - 42:22
    วันนี้เทศน์แบบดุเดือด
  • 42:22 - 42:23
    เป็นการให้รางวัลพวกไปเข้าคอร์ส
  • 42:23 - 42:29
    ได้ยินเสียงไหม คอร์ส
  • 42:29 - 42:33
    เข้าอยู่นั่นล่ะ
    ไม่เห็นจะดีขึ้นสักเท่าไรเลย
  • 42:33 - 42:35
    แต่ถามว่ามีข้อดีไหม ดี
  • 42:35 - 42:38
    ไม่หลุดออกนอกวงโคจร
  • 42:38 - 42:42
    ยังมีพรรคมีพวก คอยดึงกันไปดึงกันมา
  • 42:42 - 42:45
    ดึงกันเข้าคอร์ส ดึงกันปฏิบัติ
  • 42:45 - 42:48
    พอเลิกแล้วก็ดึงกันไปเที่ยว
  • 42:48 - 42:52
    มันประเภทนั้นล่ะ พวกดาวหาง หางยาว
  • 42:52 - 42:55
    พอเข้าใกล้ดวงอาทิตย์แล้วหางหด
  • 42:55 - 42:59
    หางยาวใช่ไหม หรือหางหด
  • 42:59 - 43:04
    ผลุบๆ โผล่ๆ
  • 43:04 - 43:10
    คนที่ได้ประโยชน์เวลาเข้าคอร์สคือคนจัด
  • 43:10 - 43:12
    เขาได้บุญ
  • 43:12 - 43:16
    คนสอน เวลาสอน สิ่งที่เขาได้
  • 43:16 - 43:21
    เขาได้ปัญญามากขึ้นเรื่อยๆ
  • 43:21 - 43:24
    อันนั้นเป็นประโยชน์
  • 43:24 - 43:25
    ส่วนคนเข้าคอร์ส
  • 43:25 - 43:28
    จะได้ประโยชน์หรือเปล่าอยู่ที่ตัวเองแล้ว
  • 43:28 - 43:35
    ได้โอกาสแล้วก็ทำประโยชน์ให้มันเต็มที่
  • 43:35 - 43:41
    เบอร์ 1
  • 43:41 - 43:44
    ระหว่างวันหลงนาน
  • 43:44 - 43:47
    ส่วนใหญ่อยู่ในโลกของความคิด
  • 43:47 - 43:50
    ทำในรูปแบบมักจะเพ่ง
  • 43:50 - 43:52
    เดินจงกรมเป็นส่วนใหญ่
  • 43:52 - 43:57
    มีวิหารธรรมเป็น
    “เมตตาคุณัง อะระหังเมตตา”
  • 43:57 - 44:00
    เพราะโมโหร้าย จึงสอนตัวเอง
  • 44:00 - 44:04
    ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อลดโทสะ
  • 44:04 - 44:07
    ควรปรับแก้ไขตรงไหนคะ
  • 44:07 - 44:10
    ทำไปเถอะ มันก็ค่อยๆ ดีขึ้น
  • 44:10 - 44:14
    มันไม่ดีปุ๊บปั๊บหรอก ใช้เวลา
  • 44:14 - 44:17
    ภาวนาเราไม่ใจร้อน
  • 44:17 - 44:21
    ค่อยๆ ทำของเราไปเรื่อยๆ
    แต่ไม่ขี้เกียจเท่านั้นล่ะ
  • 44:21 - 44:25
    แล้วมันก็จะดีขึ้นๆ
  • 44:25 - 44:28
    ถ้าทำบ้างไม่ทำบ้าง ไม่ดี
  • 44:28 - 44:38
    เบอร์ 1 ยังฟุ้งซ่านอยู่
  • 44:38 - 44:43
    หัดทำความสงบ หัดบ้าง
  • 44:43 - 44:47
    ไม่อย่างนั้นใจมันจะแรงไม่พอ
  • 44:47 - 44:50
    ไหว้พระ สวดมนต์ไปเรื่อยๆ ก็ได้
  • 44:50 - 44:53
    ให้ใจจดจ่ออยู่กับพระพุทธเจ้า
  • 44:53 - 44:57
    นึกถึงพระพุทธเจ้าไปเรื่อยๆ ก็ได้
  • 44:57 - 45:00
    หลวงพ่อใช้หลายอย่างเวลาทำสมถะ
  • 45:00 - 45:03
    บางทีจิตมันฟุ้ง
  • 45:03 - 45:07
    จิตมันฟุ้งจะไปทำให้มันไม่ฟุ้ง ทำยาก
  • 45:07 - 45:10
    พามันใช้ความคิดพิจารณา
  • 45:10 - 45:12
    กำหนดหัวข้อธรรมะ
  • 45:12 - 45:16
    ให้มันพิจารณาธรรมะเรื่องนี้ หมวดนี้
  • 45:16 - 45:21
    ใจมันมีความสุขในการพิจารณาธรรมะ
  • 45:21 - 45:25
    ใจมันก็สงบได้ ได้แรง
  • 45:25 - 45:28
    พวกเราบางคนก็ใช้วิธีนี้
  • 45:28 - 45:31
    ใช้วิธีคิดพิจารณาธรรมะ
  • 45:31 - 45:35
    ใจมีความสุข ได้แรงขึ้นมา
  • 45:35 - 45:37
    แล้วก็เคยชิน ติด
  • 45:37 - 45:41
    เอะอะก็จะไปคิดให้มีความสุขเรื่อยๆ
  • 45:41 - 45:46
    ตรงนั้นทำผิดแล้ว ไปติด ติดสมาธิ
  • 45:46 - 45:53
    ไปทำสมถะ ไปเลือกดู ไปสังเกตดู
  • 45:53 - 45:56
    สมถะอะไรเหมาะกับเรา
  • 45:56 - 45:58
    ไม่ต้องเหมือนคนอื่นก็ได้
  • 45:58 - 46:00
    เอาที่เหมาะกับตัวเอง
  • 46:00 - 46:04
    ทำแล้วจิตใจสงบสุข ไม่วอกแวกไปที่อื่น
  • 46:04 - 46:08
    สังเกตอย่างนั้น
  • 46:08 - 46:13
    สมาธิมันยังไม่พอ ใจมันยังฟุ้ง
  • 46:13 - 46:23
    เบอร์ 2 เพ่งอยู่ รู้สึกไหม มันแน่น
  • 46:23 - 46:27
    เบอร์ 2
  • 46:27 - 46:32
    ตั้งใจภาวนาทุกวัน แบ่งเวลาทำในรูปแบบ
  • 46:32 - 46:35
    นิสัยยังไม่ดี เอาแต่ใจตัวเอง
  • 46:35 - 46:38
    มีโทสะและขี้หงุดหงิด
  • 46:38 - 46:40
    มีเป้าหมายอยากพ้นทุกข์
  • 46:40 - 46:43
    เห็นร่างกายมีแต่ทุกข์
  • 46:43 - 46:46
    ไม่ได้อยากได้สมาธิเหมือนเมื่อก่อน
  • 46:46 - 46:49
    หวังเพียงความผ่อนคลาย
  • 46:49 - 46:52
    จะคอยรู้สึกตัว หลงให้สั้นลง
  • 46:52 - 46:54
    เพ่งก็คอยรู้ทัน
  • 46:54 - 46:58
    จะตั้งใจรักษาศีลและทำปัจจุบันให้ดี
  • 46:58 - 47:00
    มาถูกทางไหมคะ
  • 47:00 - 47:04
    ถูกแล้ว คอยทำไปเรื่อยๆ
  • 47:04 - 47:07
    อย่าใจร้อนก็แล้วกัน
  • 47:07 - 47:11
    ธรรมะมันก็เหมือนเรากินข้าว
  • 47:11 - 47:14
    กินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบมูมมาม
  • 47:14 - 47:17
    แล้วถึงเวลามันก็อิ่ม
  • 47:17 - 47:21
    ครูบาอาจารย์ท่านเปรียบเหมือนคนตั้งท้อง
  • 47:21 - 47:23
    ท่านบอกไม่ต้องรีบออกลูกหรอก
  • 47:23 - 47:25
    เดี๋ยวมันก็ออกเอง
  • 47:25 - 47:28
    เรามีหน้าที่ดูแลไม่ให้มันตายไปเท่านั้น
  • 47:28 - 47:31
    ไม่ให้มันแท้ง
  • 47:31 - 47:35
    ไปฝึกอีก ฝึกอีก
  • 47:35 - 47:38
    ขี้โมโหก็รู้เอา
  • 47:38 - 47:42
    โมโหมันเป็นกิเลสที่ดูง่าย โทสะ
  • 47:42 - 47:46
    กิเลสอะไรเกิดก็รู้เอา ดีแล้วเบอร์ 2
  • 47:46 - 47:50
    แต่ตอนนี้จิตไม่ถึงฐาน สังเกตออกไหม
  • 47:50 - 47:53
    มันยังอยู่ข้างนอกนิดหนึ่ง
  • 47:53 - 47:58
    ไม่ต้องไปหามัน อย่าไปหามัน
  • 47:58 - 48:00
    ลองกำหนดจิต
  • 48:00 - 48:04
    เหมือนกับความรู้สึกตัวเราอยู่ข้างนอกตรงนี้
  • 48:04 - 48:08
    แล้วหายใจเอาความรู้สึกตัว เข้าไปในร่างกาย
  • 48:08 - 48:11
    อันนี้เป็นอุบาย
  • 48:11 - 48:15
    หายใจเอาความรู้สึกตัวเข้าไป
  • 48:34 - 48:39
    สังเกตไหมจิตตอนนี้กับเมื่อกี้ไม่เหมือนกัน
  • 48:39 - 48:42
    ดูออกแล้วใช่ไหม ว่าเมื่อกี้มันออกนอก
  • 48:42 - 48:45
    ดูออกก็ดีแล้ว ต่อไปมันง่าย
  • 48:45 - 48:50
    มันรู้ว่าออกนอก มันก็วางเข้ามาเอง
  • 48:50 - 48:52
    เบอร์ 3
  • 48:52 - 48:55
    เบอร์ 2 ดีแล้ว ดูไปเรื่อยๆ
  • 48:55 - 48:59
    เพียงแต่ว่าให้จิตมันตั้งมั่นจริงๆ
  • 48:59 - 49:03
    เบอร์ 3 ก็ดีอยู่ ใช้ได้
  • 49:03 - 49:07
    เบอร์ 3: เป็นคนคิดมาก ขี้กังวล
  • 49:07 - 49:12
    เวลาไม่มีทุกข์หนักๆ มากระทบ
    รู้สึกว่าปฏิบัติได้ดี
  • 49:12 - 49:14
    จิตหลงรู้
  • 49:14 - 49:16
    มีกำลังเห็นไตรลักษณ์
  • 49:16 - 49:20
    พอมีเรื่องกลุ้มใจก็ดูความกลุ้มใจ
  • 49:20 - 49:23
    เห็นทุกข์มากทุกข์น้อยสลับกัน
  • 49:23 - 49:26
    ทุกข์เพราะอยากให้มันหาย
  • 49:26 - 49:29
    แต่ก็ยังทุกข์ มันหนักอยู่ในใจ
  • 49:29 - 49:31
    รู้สึกว่ายังสอบไม่ผ่าน
  • 49:31 - 49:33
    ยังถูกครอบงำ
  • 49:33 - 49:36
    ขอการบ้านเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไปค่ะ
  • 49:36 - 49:41
    ดูให้ลึกไปอีกชั้นหนึ่ง เวลาทุกข์เกิด
  • 49:41 - 49:45
    ให้เห็นใจที่ไม่ชอบ
  • 49:45 - 49:47
    ใจเราไม่เป็นกลาง
  • 49:47 - 49:54
    ถ้าใจเราเป็นกลาง ทุกข์มันกระเด็นไปเลย
  • 49:54 - 49:58
    เบอร์ 4
  • 49:58 - 50:02
    เบอร์ 3 ทำได้ดี ทำได้ดีแล้ว
  • 50:03 - 50:07
    แต่จิตมันไม่เป็นกลางต่อทุกข์
  • 50:07 - 50:10
    ฉะนั้นเวลาทุกข์ขึ้นมาอย่าอยากหาย
  • 50:10 - 50:17
    ทุกข์ขึ้นมาให้รู้ว่าไม่ชอบ
  • 50:17 - 50:22
    อากาศชื้นๆ หลวงพ่อจะกระแอมกระไอ
  • 50:22 - 50:25
    ที่จริงไม่อยากกระแอมกระไอเลย
  • 50:25 - 50:30
    หมอนั่งอยู่หลายคน
  • 50:30 - 50:37
    คนที่ทำให้หลวงพ่อ เจ็บปวดมากที่สุด
    คือพวกหมอนี่ล่ะ
  • 50:37 - 50:45
    มีเรื่องมาทำให้เจ็บอยู่เรื่อยๆ
    ด้วยความหวังดี
  • 50:54 - 50:59
    เบอร์ 4 อย่าไปแต่งจิตให้มันนิ่ง
  • 50:59 - 51:01
    เบอร์ 4
  • 51:01 - 51:05
    ในชีวิตประจำวันใช้กายเป็นวิหารธรรม
  • 51:05 - 51:08
    คอยรู้ทันจิตที่หลงคิด
  • 51:08 - 51:16
    ในรูปแบบใช้นั่งสมาธิ
    ดูร่างกายหายใจแบบลืมตา
  • 51:16 - 51:17
    เพราะหลับตาแล้วมักติดซึม
  • 51:17 - 51:22
    บางครั้งรู้สึกแยกขันธ์ได้ เห็นอนัตตาของจิต
  • 51:22 - 51:26
    แต่พอเผลอขาดสติ ขันธ์ก็รวมกัน
  • 51:26 - 51:27
    ถูก
  • 51:27 - 51:29
    จิตกลับมาเป็นตัวเราใหม่อยู่บ่อยๆ
  • 51:29 - 51:33
    ขอหลวงปู่แนะนำ
    เพื่อต่อยอดการปฏิบัติด้วยครับ
  • 51:33 - 51:38
    จุดที่เป็นปัญหามากที่สุด
    คือความซึม ถีนมิทธะ
  • 51:38 - 51:43
    เพราะฉะนั้นพยายามทำกรรมฐานที่เคลื่อนไหวไว้
  • 51:43 - 51:48
    ร่างกายเรานี้มันเคลื่อนไหว คอยรู้สึกไว้
  • 51:48 - 51:54
    ถ้าเราดูอารมณ์ที่ละเอียดไป
    มันจะเคลิ้มลืมเนื้อลืมตัวง่าย
  • 51:54 - 51:57
    พยายามทำงาน ใช้ร่างกายทำงาน
  • 51:57 - 52:00
    แล้วเห็นร่างกายมันทำงานบ่อยๆ
  • 52:00 - 52:04
    อย่างเห็นร่างกายมันกวาดบ้าน
    ถูบ้าน ซักผ้า อะไรอย่างนี้
  • 52:04 - 52:06
    เห็นร่างกายมันทำงาน
  • 52:06 - 52:09
    ยกเว้นตอนขับรถ ไม่ต้องไปดู
  • 52:09 - 52:12
    ตอนขับรถไปดูเดี๋ยวจิตรวม
  • 52:12 - 52:16
    จิตรวมแล้วไปชนใครเขาเข้า
  • 52:16 - 52:20
    พยายามเคลื่อนไหวไว้ถึงจะดี
  • 52:20 - 52:24
    เพราะว่าถีนมิทธะเยอะ
  • 52:24 - 52:27
    เบอร์ 5
  • 52:27 - 52:32
    เบอร์ 4 ภาวนาดี ในพื้นฐานดี
    แต่จุดอ่อนมีนิดเดียว
  • 52:32 - 52:35
    คือมันเซื่องซึมง่าย
  • 52:35 - 52:37
    เพราะฉะนั้นกระดุกกระดิก
  • 52:37 - 52:41
    เบอร์ 5
  • 52:41 - 52:45
    ปฏิบัติโดยการรู้กายที่เคลื่อนไหว
  • 52:45 - 52:48
    รู้จิตที่นึกคิดปรุงแต่ง
  • 52:48 - 52:50
    ระหว่างวันทำในรูปแบบ
  • 52:50 - 52:53
    นั่งสมาธิ เดินจงกรม
  • 52:53 - 52:55
    เป็นราคะจริต รักสวยรักงาม
  • 52:55 - 52:59
    จิตมีมานะมาก
  • 52:59 - 53:02
    บางทีอยากสอนธรรมะคนอื่น
  • 53:02 - 53:06
    เข้าใจธรรมชาติของจิต
    ที่มันคิดนึกและปรุงแต่ง
  • 53:06 - 53:11
    ไม่เชื่อเรื่องความงมงาย
    หรืออะไรที่พิสูจน์ไม่ได้
  • 53:12 - 53:14
    เพราะเคยเห็นโทษของมันแล้ว
  • 53:14 - 53:16
    กราบขอคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ
  • 53:16 - 53:21
    จุดที่ยังพลาดอยู่ คือการไปดึงจิตเอาไว้
  • 53:21 - 53:24
    ไปรั้งจิตเอาไว้ ตั้งไว้อย่างนี้
  • 53:24 - 53:26
    อย่าไปตั้งไว้
  • 53:26 - 53:29
    ตรงนี้มันก็เป็นภพๆ
    หนึ่งของนักปฏิบัตินั่นล่ะ
  • 53:29 - 53:33
    ถ้าไปทำแล้วมันก็ติดอยู่อย่างนั้น
    ไม่หายหรอก
  • 53:33 - 53:37
    ที่มันมาตั้งอย่างนี้ เพราะมันอยากดี
  • 53:37 - 53:40
    อยากรู้สึกตัว อยากดี อยากไม่เผลอ
  • 53:40 - 53:42
    เห็นไหมมันมีความอยากซ่อนอยู่
  • 53:42 - 53:45
    ให้รู้ทันความอยากทั้งหลายนี้
  • 53:45 - 53:48
    แล้วมันจะไม่ไปตั้งจิตนิ่งไว้อย่างนี้
  • 53:48 - 53:52
    ตั้งนิ่งๆ อย่างนี้ ไปต่อไม่ได้จริงหรอก
  • 53:52 - 53:56
    ไปแก้จุดนี้ แก้ผ่านจุดนี้ก็ไปได้ง่ายแล้ว
  • 53:56 - 53:59
    สติปัญญาอะไรแข็งแรง ใช้ได้
  • 53:59 - 54:04
    ดี ไม่โง่หรอก
  • 54:04 - 54:09
    เบอร์ 6
  • 54:09 - 54:19
    ถ้าวันไหนไม่ได้ฟังหลวงพ่อ จะรู้สึกผิด
  • 54:19 - 54:23
    ชอบอยู่บ้านนั่งสมาธิ
  • 54:23 - 54:27
    เฉลี่ยเกือบวันละ 2 - 3 ชั่วโมง
  • 54:27 - 54:31
    ชอบใช้พุทโธถี่ๆ มากกว่าดูลมหายใจ
  • 54:31 - 54:34
    ยังฟุ้งซ่าน และหลงโลกอยู่มาก
  • 54:34 - 54:37
    ยังเดินปัญญาไม่เป็น
  • 54:37 - 54:41
    พยายามจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน
  • 54:41 - 54:45
    แต่บางทีก็ยังทำไม่ค่อยได้ แต่ไม่ท้อ
  • 54:45 - 54:49
    จะปฏิบัติต่อไปเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า
  • 54:49 - 54:51
    อยากทราบว่าปฏิบัติถูกทางไหมคะ
  • 54:51 - 54:54
    ถูกอย่างยิ่งเลย
  • 54:54 - 54:57
    แล้วจิตก็พัฒนาขึ้นมาเยอะเลย
  • 54:57 - 55:01
    รู้สึกไหมจิตเราเดี๋ยวนี้กับ
    แต่ก่อนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว
  • 55:01 - 55:03
    มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว
  • 55:03 - 55:06
    ขันธ์มันก็แยกได้แล้ว
  • 55:06 - 55:10
    รู้สึกไหมกายกับจิตมันคนละอันกัน
  • 55:10 - 55:13
    สุขทุกข์ ดีชั่ว เป็นแค่ของผ่านมาผ่านไป
  • 55:13 - 55:15
    ไม่ใช่จิตหรอก
  • 55:15 - 55:19
    จิตเองก็ทำงานของมันได้เอง อย่างขณะนี้
  • 55:19 - 55:22
    จิตมันก็ปรุงปีติขึ้นมา
  • 55:22 - 55:26
    เห็นไหมมันปรุงปีติขึ้นมาได้เอง
  • 55:26 - 55:28
    เราอย่าไปปรุงต่อ
  • 55:28 - 55:31
    ปรุงต่อ เช่น หาทางละปีติ
  • 55:31 - 55:35
    หาทางรักษาปีติ อันนี้เราปรุงต่อ
  • 55:35 - 55:41
    เมื่อจิตของเราตั้งมั่น
    เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
  • 55:41 - 55:44
    จิตเราจะใส สว่าง กระจ่าง
  • 55:44 - 55:47
    แล้วต่อมา
    มีความปรุงแต่งอะไรเกิดขึ้น
  • 55:47 - 55:52
    แม้แต่เล็กแต่น้อยในจิต มันจะเห็นชัด
  • 55:52 - 55:56
    เพราะจิตของเรานั้นมันสบาย มันว่างอยู่แล้ว
  • 55:56 - 55:59
    มันผ่องใส ประภัสสร
  • 55:59 - 56:03
    พอมีอะไรแปลกปลอมขึ้นนิดหนึ่ง มันจะเห็น
  • 56:03 - 56:08
    อันนี้จิตมันจะรู้ทัน
    ความปรุงแต่งที่เกิดขึ้น
  • 56:08 - 56:12
    แล้วเราก็แค่ว่ารู้แล้วจบลงที่รู้
  • 56:12 - 56:15
    เราไม่ปรุงแต่งต่อ
  • 56:15 - 56:20
    ไม่ใช่ความสุขผุดขึ้นมา
    จิตมันปรุงความสุขขึ้นมา
  • 56:20 - 56:24
    ทีแรกจิตมันว่าง เฉยๆ สบาย โล่ง
  • 56:24 - 56:27
    มันปรุงความสุขหรือปรุงความทุกข์ขึ้นมา
  • 56:27 - 56:31
    เราไปแต่งต่อ เช่น ปรุงความสุขก็หาทางรักษา
  • 56:31 - 56:34
    ปรุงความทุกข์ก็หาทางละอะไรอย่างนี้
  • 56:34 - 56:36
    อันนี้เราแทรกแซงจิตแล้ว
  • 56:36 - 56:40
    เราจะรู้ทันความปรุงแต่งของจิต
  • 56:40 - 56:44
    โดยที่เราไม่เข้าไปปรุงแต่งจิตเสียเอง
  • 56:44 - 56:46
    เราจะรู้ทันความปรุงแต่งของจิตได้
  • 56:46 - 56:52
    เมื่อจิตของเราตั้งมั่น
    เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
  • 56:52 - 56:55
    ครูบาอาจารย์วัดป่าจะเรียกว่าจิตผู้รู้
  • 56:55 - 56:57
    หรือจิตประภัสสร
  • 56:57 - 57:01
    พระพุทธเจ้าบอกว่า เดิมนั้นจิตมันประภัสสร
  • 57:01 - 57:04
    คือจิตปกติของเรานั่นล่ะ มันประภัสสร
  • 57:04 - 57:07
    แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสมันจรมา
  • 57:07 - 57:12
    นี้เราพยายามฝึก
    จนกระทั่งจิตของเราตั้งมั่นขึ้นมา
  • 57:12 - 57:14
    ตื่นขึ้นมา
  • 57:14 - 57:17
    สว่าง ผ่องใส สบาย เงียบๆ
  • 57:17 - 57:20
    แล้วพอมันปรุงอะไรขึ้นแม้แต่เล็กๆ
  • 57:20 - 57:21
    เราก็จะเห็น
  • 57:21 - 57:24
    ตรงนี้ที่เรารู้ทันความปรุงแต่งได้
  • 57:24 - 57:27
    เพราะจิตของเรามีกำลังตั้งมั่นขึ้นมา
  • 57:27 - 57:30
    ฉะนั้นจิตที่ตั้งมั่นถึงเป็นเรื่องสำคัญ
  • 57:30 - 57:32
    ที่หลวงพ่อพยายามเคี่ยวเข็ญพวกเรา
  • 57:32 - 57:36
    จนกระทั่งตั้งมั่น
    เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
  • 57:36 - 57:37
    มีความประภัสสร
  • 57:37 - 57:41
    มีความสงบ มีความสว่างเกิดขึ้น
  • 57:41 - 57:44
    มีความเบา มีความอ่อนโยน นุ่มนวล
  • 57:44 - 57:47
    มีความคล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ขี้เกียจ
  • 57:47 - 57:51
    แล้วก็อะไรเกิดขึ้นสักว่ารู้ว่าเห็นไป
  • 57:51 - 57:55
    เราจะต้องพัฒนา
    ให้ได้จิตผู้รู้อย่างนี้ขึ้นมา
  • 57:55 - 57:58
    เมื่อเรามีจิตผู้รู้ เบอร์ 6 มีนะ
  • 57:58 - 58:00
    แล้วทำมาได้ดีมากๆ เลย
  • 58:00 - 58:04
    จิตผู้รู้ของหนูงดงามมาก ดี
  • 58:04 - 58:07
    เห็นไหมมีปีติแทรกเข้ามาอีกแล้ว
  • 58:07 - 58:11
    พอจิตเราว่างๆ อยู่
    แล้วมีอะไรแปลกปลอม เราจะเห็น
  • 58:11 - 58:16
    มันเหมือนเราคลีนโต๊ะของเราสะอาดแล้ว
  • 58:16 - 58:18
    มดตัวเล็กเดินมา เรายังเห็นเลย
  • 58:18 - 58:20
    ถ้าโต๊ะของเรารกๆ อย่างนี้
  • 58:20 - 58:25
    มีขวดยาดม ยาหม่องอะไรมากมาย
  • 58:25 - 58:29
    จิ้งจกมาตัวหนึ่งเรายังไม่เห็นเลย
  • 58:29 - 58:32
    เพราะฉะนั้นถ้าใจเราว่าง สบาย
  • 58:32 - 58:34
    ความปรุงแต่งเล็กน้อยมา เราก็เห็น
  • 58:34 - 58:37
    เราจะเห็นว่าความปรุงแต่งมาเอง ไปเอง
  • 58:37 - 58:40
    ความปรุงแต่งทั้งหลายไม่ใช่จิตหรอก
  • 58:40 - 58:42
    แต่ถ้าจิตหลงเข้าไปปรุงแต่งเมื่อไร
  • 58:42 - 58:46
    ความทุกข์มันจะเกิดขึ้นที่จิตทันที
  • 58:46 - 58:53
    เก่ง วันนี้เพิ่งจะบอกคนนี้เก่ง
  • 58:53 - 58:57
    เบอร์ 7 ตื่นได้แล้ว
  • 58:57 - 59:00
    เบอร์ 7
  • 59:00 - 59:04
    จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมาเอง
  • 59:04 - 59:08
    ในระหว่างวัน แยกรูปแยกนามเอง
  • 59:08 - 59:11
    เห็นแสงและความสุขเกิดดับ
  • 59:11 - 59:14
    เกิดปัญญา ตัวเราไม่มี
  • 59:14 - 59:17
    มีแต่จิตมาอาศัยธาตุ 4 อยู่
  • 59:17 - 59:20
    ผัสสะกระทบระหว่างวัน
  • 59:20 - 59:22
    เห็นโทสะเกิดและดับ
  • 59:22 - 59:24
    เห็นโทสะแยกจากจิต
  • 59:24 - 59:28
    เกิดความร่มเย็นไปทั้งธาตุและขันธ์
  • 59:28 - 59:32
    เห็นความขัดเคืองใจเกิดแล้วดับลง
  • 59:32 - 59:34
    เกิดความสงบร่มเย็นขึ้นมา
  • 59:34 - 59:37
    ขอหลวงพ่อเมตตาแนะนำค่ะ
  • 59:37 - 59:38
    ทำอีก
  • 59:38 - 59:40
    จิตมันยังเป็นเราอยู่
  • 59:40 - 59:45
    มันไม่เป็นเราเป็นคราวๆ
  • 59:45 - 59:51
    เรายังละความเห็นผิด
    ว่าจิตเป็นตัวเราไม่ขาดทีเดียว
  • 59:51 - 59:55
    ทำอีก ทำไปเรื่อยๆ สะสมไป
  • 59:55 - 60:00
    แล้วก็จุดสำคัญ อย่ายกจิตสูงเกินไป
  • 60:00 - 60:05
    อย่าเอาจิตขึ้นมาสูงเกินไป
  • 60:05 - 60:09
    ลงมาอยู่ในระนาบปกติ จิตปกติ
  • 60:09 - 60:15
    ยกมากๆ เดี๋ยวหลุดไปพรหมโลก
  • 60:15 - 60:19
    เออ ลงมา จิตตรงนี้ดี
  • 60:19 - 60:20
    จิตอย่างนี้ถึงจะดี
  • 60:20 - 60:24
    จิตที่เราไปดันเอาไว้
  • 60:24 - 60:27
    ให้มันห่างกิเลสออกไป ไม่ดีหรอก
  • 60:27 - 60:29
    มันมีคำแปลอยู่อันหนึ่ง
  • 60:29 - 60:31
    “อะระหะโต” แปลว่าผู้ไกลจากกิเลส
  • 60:31 - 60:34
    เราก็เลยพยายามดันจิตให้ไกลกิเลส
  • 60:34 - 60:38
    อย่างนี้ผิด อันนั้นทำด้วยกิเลส
  • 60:38 - 60:41
    จิตที่ดีคือจิตธรรมดา จิตปกติ
  • 60:41 - 60:45
    เราใช้จิตปกตินี้เรียนรู้กายรู้ใจ
  • 60:45 - 60:47
    เรียนรู้ไป
  • 60:47 - 60:49
    ดี ดีเหมือนกัน
  • 60:49 - 60:53
    แค่อย่ายกจิตให้สูงเกินไป
  • 60:53 - 60:58
    เบอร์ 8
  • 60:58 - 61:01
    ใช้การเดินจงกรมเป็นรูปแบบ
  • 61:01 - 61:03
    ในชีวิตประจำวัน
  • 61:03 - 61:07
    ใช้การเคาะนิ้วเป็นจังหวะ
    เป็นเครื่องอยู่แทน
  • 61:07 - 61:11
    มีบ่อยครั้งที่รู้ว่าหลงไปแล้ว
  • 61:11 - 61:14
    และช็อตถัดมาคือเห็นความคิด
  • 61:14 - 61:16
    ที่บอกให้กลับไปที่เครื่องอยู่
  • 61:16 - 61:19
    จึงพยายามเริ่มต้นใหม่
  • 61:19 - 61:21
    ให้กลับไปที่เครื่องอยู่
  • 61:21 - 61:23
    แต่จิตไม่ยอมเข้าบ้าน
  • 61:23 - 61:26
    แข็งทื่อ ไม่ปกติเป็นเวลานาน
  • 61:26 - 61:28
    ควรทำอย่างไรคะ
  • 61:28 - 61:32
    รู้อย่างที่มันเป็น
  • 61:32 - 61:34
    ที่อยากแก้ มีตัณหาซ่อนอยู่
  • 61:34 - 61:37
    อยากให้มันอย่างโน้น อยากให้มันอย่างนี้
  • 61:37 - 61:39
    ถ้าเราไม่รู้ทันตัณหาตัวนี้
  • 61:39 - 61:43
    ก็ถูกมันครอบไปเรื่อยๆ
  • 61:43 - 61:48
    ฉะนั้นจิตสงบรู้ว่าสงบ
    จิตไม่สงบรู้ว่าไม่สงบ
  • 61:48 - 61:49
    จิตเข้าฐานรู้ว่าเข้าฐาน
  • 61:49 - 61:52
    จิตออกนอกฐาน รู้ว่าออกนอกฐาน
  • 61:52 - 61:58
    รู้อย่างที่เขาเป็น ไม่ต้องอยากให้เขาดี
  • 61:58 - 62:04
    เบอร์ 8 จุดอ่อน ยังดิ้นรนเยอะไป
  • 62:04 - 62:09
    ใจมันยังดิ้นจะเอาธรรมะให้ได้
  • 62:09 - 62:12
    รู้ รู้สบายๆ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ช่างมัน
  • 62:12 - 62:16
    ถ้าได้ก็เป็นความดีของจิต
  • 62:16 - 62:21
    ถ้าไม่ได้ก็เป็นความไม่ดีของจิต
  • 62:21 - 62:26
    ไม่เกี่ยวกับเรา กล้าๆ หน่อย
  • 62:26 - 62:31
    กล้าไหม กล้าแบบแหยๆ
  • 62:31 - 62:34
    มันทำยาก เพราะว่าเรารักจิต
  • 62:34 - 62:37
    เรารักว่าจิตนี้คือตัวเรา
  • 62:37 - 62:42
    เห็นปีติที่เกิดขึ้นไหม
  • 62:42 - 62:47
    อาการของปีติมีหลายอย่าง
  • 62:47 - 62:51
    เราไม่รู้ว่าอันนี้เรียกว่าปีติเท่านั้นเอง
  • 62:51 - 62:54
    รู้สึกใจไม่ปกติไหม ตรงนี้
  • 62:54 - 63:01
    มันมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาไหม
  • 63:01 - 63:04
    ไปฝึกอีกไป
  • 63:04 - 63:07
    มาได้ดีแล้ว มาได้ถูกทางแล้ว
  • 63:07 - 63:08
    ค่อยๆ ฝึก
  • 63:08 - 63:12
    อันไหนยังไม่ถูกก็ค่อยๆ รู้ทันไป
  • 63:12 - 63:20
    อย่าอยากดี อย่าอยากบรรลุเร็วๆ
  • 63:27 - 63:31
    เชิญกลับ
Title:
อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568
Description:

more » « less
Video Language:
Thai
Duration:
01:06:17
Nipapun Lerdskunakorn edited Thai subtitles for อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568
Nipapun Lerdskunakorn edited Thai subtitles for อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568
Nipapun Lerdskunakorn edited Thai subtitles for อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568
Nipapun Lerdskunakorn edited Thai subtitles for อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568
Suwattanee edited Thai subtitles for อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568
Suwattanee edited Thai subtitles for อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568
Suwattanee edited Thai subtitles for อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568
Suwattanee edited Thai subtitles for อยากได้ดีต้องเด็ดเดี่ยว :: หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช 3 พ.ค. 2568

Thai subtitles

Incomplete

Revisions Compare revisions