-
Not Synced
ช่วงนี้มีการจัดคอร์ส จัดมาหลายวันแล้ว
-
Not Synced
จัดคอร์สมันก็มีข้อดีมีข้อเสีย
-
Not Synced
จัดคอร์สข้อดีก็คือบางคนไม่เคยรู้เรื่องเลย
-
Not Synced
แต่นั่งฟัง จะหาวิธีปฏิบัติ
-
Not Synced
อีกพวกหนึ่งเป็นพวกเรื้อรัง
-
Not Synced
เรียนมานาน ฟังมานาน
-
Not Synced
แต่ทำ ทำบ้างไม่ทำบ้าง
-
Not Synced
นานๆ ก็เฉื่อย ไปเข้าคอร์ส
ก็คึกคักขึ้นมาทีหนึ่ง
-
Not Synced
ก็มีข้อดี
-
Not Synced
ข้อเสียก็มี
-
Not Synced
เข้าคอร์สบางทีเราฟังผู้ช่วยสอนหลายคน
-
Not Synced
แต่ละคนจะสอนในแง่มุมที่ไม่เหมือนกัน
-
Not Synced
เพราะจริงๆ แล้วการปฏิบัตินั้น
-
Not Synced
มันไม่มีมาตรฐาน มันทางใครทางมัน
-
Not Synced
ถ้าอยู่ในหลักของการทำสมถกรรมฐาน
-
Not Synced
วิปัสสนากรรมฐาน ก็ถูกหลัก
-
Not Synced
แต่พอถึงขั้นวิธีการ
-
Not Synced
ไม่มีใครเหมือนใคร ทางใครทางคนนั้น
-
Not Synced
เราฟังหลายๆ ทางเข้า บางทีงง
-
Not Synced
มีตัวอย่างให้เห็นเหมือนกัน
-
Not Synced
บางคนเรียนกับผู้ช่วยสอนคนหนึ่ง
ไม่รู้เรื่อง ฟุ้ง
-
Not Synced
ชอบทำกิจกรรมอย่างเดียว
-
Not Synced
หลวงพ่อทนดูไม่ได้ เรียกให้มาเดินจงกรม
-
Not Synced
เดินอยู่นั่น นั่งสมาธิ เดินจงกรม
-
Not Synced
หามรุ่งหามค่ำเลย
-
Not Synced
จิตก็มีกำลังขึ้นมา
-
Not Synced
ก็ไปเข้าคอร์ส ได้ยินผู้ช่วยสอนบอกว่า
-
Not Synced
จิตมีสมาธิแล้วให้เดินปัญญา
-
Not Synced
รีบเดินปัญญาก็เละเลย
-
Not Synced
พอเริ่มเดินปัญญาปุ๊บ จิตฟุ้งซ่าน
-
Not Synced
แก้แทบจะไม่ได้เลย แก้ไม่ตก
-
Not Synced
บางทีการเรียนกับหลายๆ คน
-
Not Synced
มันก็ทำให้คนที่ยังไม่ได้รากฐานที่แข็งแรง
ก็สับสนเหมือนกัน
-
Not Synced
อันนี้ก็เป็นจุดอ่อน
-
Not Synced
ที่จริงหลวงพ่ออยากให้แต่ละคนมีสมุดคู่มือ
-
Not Synced
จดมา ผู้ช่วยสอนคนนี้เขาสอนอะไร
-
Not Synced
แล้วเราเอาไปถามคนอื่น
ต้องเอาอันนี้ไปให้เขาดูด้วย
-
Not Synced
เหมือนโรงพยาบาล
-
Not Synced
นึกออกไหม ที่โรงพยาบาล
-
Not Synced
หมออาจจะไม่ใช่คนเก่า
-
Not Synced
แต่เขาต้องรู้ว่าคนเก่ารักษามาอย่างไร
-
Not Synced
ไม่อย่างนั้นรักษาดีไม่ดีตาย
-
Not Synced
คนนี้ทำอย่างนี้ คนนี้ทำอย่างนี้ สับสน
-
Not Synced
แต่มันทำยาก
-
Not Synced
ถ้ามันมี Record ได้
มันก็จะสะดวกกับผู้ช่วยสอน
-
Not Synced
แต่ใครจะเป็นคน Record
-
Not Synced
ให้เจ้าตัว Record ผู้ช่วยสอนสอนอย่างนี้
-
Not Synced
มันก็ไปจดอีกอย่างหนึ่ง
-
Not Synced
มันตีความเพี้ยนตลอด
-
Not Synced
เพราะธรรมะพอเข้าไปอยู่ในจิตปุถุชน
กลายเป็นของปลอมทันทีเลย
-
Not Synced
อย่างหลวงพ่อเห็นบ่อยๆ
-
Not Synced
ชอบมาอ้างว่าหลวงพ่อสอนอย่างนี้
หลวงพ่อสอนอย่างนี้
-
Not Synced
มันเก็บประเด็นได้ไม่หมด
-
Not Synced
ไปจับได้จุดเล็กๆ อะไรอย่างนี้
-
Not Synced
บางทีไม่ใช่จุดสำคัญ
-
Not Synced
แล้วไปจดไปจำเอาไว้
แล้วบอกหลวงพ่อสอนอย่างนี้
-
Not Synced
หลวงพ่อเมื่อก่อนมีบ่อย
-
Not Synced
หลวงพ่อบอกไม่ต้องทำสมาธิ
-
Not Synced
สอนอย่างนี้ครูบาอาจารย์ได้ยินตกใจเลย
-
Not Synced
เฮ้ย ปราโมทย์สอนอย่างไร ไม่ให้ทำสมาธิ
-
Not Synced
ไอ้คนนั้นมันทำมิจฉาสมาธิ
-
Not Synced
นั่งเพ่งเอาจนเครียดไปหมดเลย
-
Not Synced
แล้วบอกจะต่อสู้ด้วยความเพียร
-
Not Synced
จะบรรลุมรรคผลได้ด้วยความเพียร
-
Not Synced
เพียรผิดจะไปเพียรทำไม
-
Not Synced
เลยบอก เฮ้ย ที่ทำอยู่ผิด
-
Not Synced
หยุดก่อนเลย ยังไม่ต้องทำ เริ่มต้นใหม่
-
Not Synced
ตรงเริ่มต้นใหม่ไม่จำ
-
Not Synced
ไปจำตรงที่บอกว่าหยุดไปเลย
-
Not Synced
แล้วก็เอาไปเล่าให้ครูบาอาจารย์ฟัง
-
Not Synced
ครูบาอาจารย์ท่านก็งง ปราโมทย์สอนอย่างไร
-
Not Synced
บอกไม่ต้องทำสมาธิ
-
Not Synced
ที่จริงที่หลวงพ่อสอนพวกเรานี้
-
Not Synced
เป็นการทำสมาธิที่เข้มงวดมากเลย
-
Not Synced
ส่วนใหญ่ที่เขาสอนกัน
เป็นแค่รูปแบบของการทำสมาธิ
-
Not Synced
ไปนั่งสมาธิหายใจก็หายใจพร้อมกัน
-
Not Synced
ทำจังหวะก็ทำจังหวะเหมือนกัน
-
Not Synced
ดูท้องพองยุบก็ดูเหมือนๆ กันหมด
-
Not Synced
เดินจงกรมก็เดินพร้อมๆ กัน
-
Not Synced
ส่วนใหญ่เขาสอนอย่างนั้น
-
Not Synced
ว่าไปแล้วสอนอย่างนั้นมันก็ดี
-
Not Synced
พวกขี้เกียจมันจะได้ทำ
-
Not Synced
แต่โอกาสได้ผลไม่มากหรอก
-
Not Synced
เพราะจริตนิสัยคนไม่เหมือนกัน
จะไปสอนเหมือนๆ กัน
-
Not Synced
ไม่ได้ผลหรอก
-
Not Synced
ดีไม่ดีก็เพี้ยนเหมือนกันหมด
-
Not Synced
กรรมฐานต้องรู้หลัก จับหลักให้แม่นก่อน
-
Not Synced
เราต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา
-
Not Synced
ตั้งใจรักษาศีลให้ดี
-
Not Synced
ฝึกสมาธิ สมาธิมี 2 ส่วน
-
Not Synced
มิจฉาสมาธิไม่ประกอบด้วยสติ
-
Not Synced
สัมมาสมาธิประกอบด้วยสติ
-
Not Synced
สัมมาสมาธิก็มีอีก 2 แบบ
-
Not Synced
อารัมมณูปนิชฌาน
จิตสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว
-
Not Synced
มีสมาธิ มีความรู้สึกตัว มีสติ
-
Not Synced
แต่สงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว
เรียกอารัมมณูปนิชฌาน
-
Not Synced
อารัมมะก็คืออารมณ์นั่นล่ะ
-
Not Synced
จิตมันเพ่งแน่วอยู่กับอารมณ์
-
Not Synced
สิ่งที่ได้ก็คือได้ความสุข
ได้ความสงบ ได้กำลังใจ
-
Not Synced
แล้วก็มีเรี่ยวมีแรงที่จะเจริญปัญญาต่อไป
-
Not Synced
แต่อารัมมณูปนิชฌาน
เอาไปเจริญปัญญาไม่ได้
-
Not Synced
มีสมาธิอีกชนิดหนึ่งเรียกลักขณูปนิชฌาน
-
Not Synced
เป็นสมาธิที่สามารถเห็นไตรลักษณ์ได้
-
Not Synced
สภาวะอันนี้ครูบาอาจารย์วัดป่า
-
Not Synced
วัดป่าท่านเรียกว่าจิตผู้รู้
-
Not Synced
จิตที่ทรงสมาธิที่ใช้
เดินปัญญาได้เป็นจิตผู้รู้
-
Not Synced
ไม่ใช่ผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง ผู้แต่ง
-
Not Synced
แต่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
-
Not Synced
จิตผู้รู้นั้นเราไม่ได้ปรุงขึ้นมา
-
Not Synced
เราทำกรรมฐานไป
-
Not Synced
แล้วเราคอยรู้เท่าทันจิตตัวเอง
-
Not Synced
อันนี้ก็เป็นวิธีหนึ่ง
-
Not Synced
อีกวิธีหนึ่งทำมาด้วยการทำฌานที่ถูกต้อง
-
Not Synced
ประกอบด้วยสติ
-
Not Synced
อันนี้หลวงพ่อไม่ค่อยได้สอน
สอนบางคนเท่านั้น
-
Not Synced
เพราะคนรุ่นนี้เป็นพวกสมาธิสั้น
-
Not Synced
ก็เลยสอนกรรมฐาน
สำหรับสมาธิสั้นเป็นส่วนใหญ่
-
Not Synced
ไปทำกรรมฐานอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง
-
Not Synced
ไม่มีอะไรดีอะไรเลวกว่ากัน
-
Not Synced
แต่ทำแล้วคอยรู้ทันจิตใจตัวเองไป
-
Not Synced
เรียนรู้จิตตัวเองไปเรื่อยๆ
เรียกว่าจิตตสิกขา
-
Not Synced
อย่างเราหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
แล้วจิตเราหนีไปคิด รู้ทัน
-
Not Synced
จิตมันจะตั้งมั่นอัตโนมัติ
-
Not Synced
หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
จิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ มีสติรู้ทัน
-
Not Synced
มันจะสังเกตไป โอ้ มันไหลไปที่ลมหายใจ
-
Not Synced
เพราะมันมีความอยาก
-
Not Synced
มันอยากดี อยากปฏิบัติ
-
Not Synced
พอรู้ทันความอยาก ความอยากดับ การเพ่งก็ดับ
-
Not Synced
จิตก็จะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
-
Not Synced
ฉะนั้นเวลาหลงไปแล้วเรามีสติรู้
-
Not Synced
จิตจะเป็นผู้รู้ทันที
-
Not Synced
แต่ตอนเพ่งอยู่แล้วรู้ว่าเพ่ง บางทีไม่หาย
-
Not Synced
ต้องรู้ลึกลงไปถึงกิเลส
ที่ซ่อนอยู่หลังการเพ่ง
-
Not Synced
ก็คือตัวตัณหา ตัวอยากดีก็เลยไปเพ่ง
-
Not Synced
ถ้ารู้ถึงตัณหา ตัณหาดับปุ๊บ การเพ่งก็ดับ
-
Not Synced
การเพ่งดับ ความอึดอัด
ขัดข้อง แน่น ก็จะหายไป
-
Not Synced
ถ้าเราฝึกชำนิชำนาญในจิตของเรา
-
Not Synced
เราต้องการให้จิตสงบ เราก็ทำได้
-
Not Synced
เราต้องการให้จิตเราตั้งมั่นก็ทำได้
-
Not Synced
ทำได้อย่างไร
-
Not Synced
ที่จริงไม่มีใครทำได้หรอก
-
Not Synced
แต่รู้ทันตรงที่ผิด
-
Not Synced
ตรงที่ผิดของการฝึกสมาธิมี 2 อันหลักๆ
-
Not Synced
อันหนึ่งหลงไป อันหนึ่งถลำลงไปเพ่ง
-
Not Synced
ถ้าหลงไป เรารู้ทันว่าหลง
-
Not Synced
หลงดับ รู้ก็เกิด
-
Not Synced
ถ้าเพ่งอยู่รู้ว่าเพ่ง บางทีไม่หาย
-
Not Synced
ให้รู้ลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง ที่เพ่งเพราะอะไร
-
Not Synced
เพราะอยากปฏิบัติ
-
Not Synced
อยากรู้ อยากเห็น
อยากเป็น อยากได้ อยากดี
-
Not Synced
พอรู้ทันความอยากมันก็ดับ
-
Not Synced
เมื่อความอยากดับ
-
Not Synced
การเพ่งซึ่งเป็นผลผลิตของความอยากก็ดับ
-
Not Synced
เมื่อการเพ่งดับ
-
Not Synced
จิตก็จะกลายเป็น
ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานขึ้นมา
-
Not Synced
อันนี้สำหรับคนไม่ได้เล่นฌาน
-
Not Synced
ถ้าคนเล่นฌานเป็นอีกแบบหนึ่งเลย
-
Not Synced
พูดไปก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก
-
Not Synced
หลวงพ่อไม่ได้ฝึกอย่างนี้
-
Not Synced
แต่เดิมหลวงพ่อฝึกนั่งสมาธิเอา
จนได้ตัวผู้รู้ขึ้นมา
-
Not Synced
ฉะนั้นตัวผู้รู้ของหลวงพ่อ
จะแข็งแรงกว่าพวกเราเยอะ
-
Not Synced
แข็งแรงกว่ากันมาก
-
Not Synced
ครูบาอาจารย์อย่างหลวงปู่สิม
-
Not Synced
ท่านเจอหลวงพ่อ ท่านไม่รู้จักชื่อ
-
Not Synced
ท่านเรียกหลวงพ่อว่าผู้รู้
-
Not Synced
เพราะจิตหลวงพ่อไม่ใช่ผู้หลง
-
Not Synced
เราฝึกของเรามาตั้งแต่เด็ก
-
Not Synced
ของพวกเราทำไม่ได้ ก็ใช้ฝึก
-
Not Synced
สมาธิเป็นขณะๆ เรียกขณิกสมาธิ
-
Not Synced
ทำกรรมฐานไป
-
Not Synced
จิตหลงไปคิด รู้ทัน
จิตหลงไปเพ่ง รู้ทัน
-
Not Synced
ถ้ารู้แล้วหายก็ดี
-
Not Synced
ถ้ารู้แล้วไม่หาย ก็รู้ลึกลงไปอีก
-
Not Synced
มันเพ่งเพราะมันอยากดี มันอยากปฏิบัติ
-
Not Synced
พอรู้ทันอยาก อยากดับ
-
Not Synced
การเพ่งก็ดับ จิตก็ตั้งมั่นขึ้นมา
-
Not Synced
ฉะนั้นสมาธิก็มีหลายแบบ
-
Not Synced
บทเรียนที่หนึ่ง
-
Not Synced
อธิสีลสิกขา ตั้งใจรักษาศีล 5 ข้อไว้ก่อน
-
Not Synced
เป็นพระก็ต้องรักษาศีล 5
-
Not Synced
หลวงปู่ดูลย์ท่านเคยจวกลูกศิษย์บางองค์
-
Not Synced
บอกอวดว่ามีศีล 227 แต่ไม่ถือศีล 5
-
Not Synced
คนนี้ที่ถูกท่านดุ สุดท้ายอยู่ไม่ได้ สึกไป
-
Not Synced
ก่อนจะสึกเที่ยวหลอกลวงผู้คน
-
Not Synced
จนเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่เลย
-
Not Synced
หลอกคนโน้น หลอกคนนี้ไป เติบโตขึ้นไป
-
Not Synced
สุดท้ายกรรมตัดรอนอยู่ไม่ได้ สึก
-
Not Synced
คนนี้หลวงปู่บอกไม่ได้ถือศีล 5
-
Not Synced
เมื่อก่อนหลวงพ่อเข้าใจผิด
-
Not Synced
ตอนหลวงพ่อไปเรียนกับครูบาอาจารย์
-
Not Synced
ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อเข้าไปหา
ล้วนแต่พระดีทั้งนั้นเลย
-
Not Synced
จนเราเกิดความหลงผิด
โอ้ พระกรรมฐานนี้ดีทุกองค์
-
Not Synced
อันนี้เป็นความหลงผิด
-
Not Synced
กว่าจะหายหลงผิดมาบวชอยู่พักใหญ่แล้ว
ถึงรู้ว่าไม่ใช่หรอก
-
Not Synced
บางพวกก็เล่นคุณไสย
บางพวกก็หลอกชาวบ้าน
-
Not Synced
หลอกโน้น หลอกนี้
-
Not Synced
คนก็นึกว่าพระอรหันต์ ที่จริงเป็นพระอรหิว
-
Not Synced
หิวตลอด เราดูให้ดีเถอะ
-
Not Synced
พระอรหันต์ไม่หิว
-
Not Synced
ถ้าหิวไม่ใช่พระอรหันต์หรอก
สังเกตให้ดีเถอะ
-
Not Synced
วิธีดูที่ง่ายๆ
-
Not Synced
อยากได้โน้น อยากได้นี้ ไม่ใช่หรอก
-
Not Synced
พวกเราก็จะโง่ ตกเป็นเหยื่อ
-
Not Synced
อันแรกถือศีล
-
Not Synced
ตั้งใจไว้ก่อนว่าเราจะรักษาศีล 5
-
Not Synced
ตั้งใจไว้ทุกวัน วันละหลายๆ รอบ
-
Not Synced
ได้วันละ 5 ครั้งก็ดี
-
Not Synced
ตอนตื่นนอน ตอนกินข้าวเช้า
-
Not Synced
ข้าวกลางวัน ข้าวเย็น ตอนก่อนนอน
-
Not Synced
ตั้งใจไว้เรื่อยๆ
-
Not Synced
เตือนตัวเองไป ว่าเราจะต้องรักษาศีล 5
-
Not Synced
พอเตือนบ่อยๆ จิตใจมันจำได้
เวลามันจะทำผิดศีล
-
Not Synced
มันจะรู้ตัวขึ้นมา
-
Not Synced
เฮ้ย นี่มันจะผิดศีลแล้ว
-
Not Synced
เสียทั้งอธิษฐานบารมี
-
Not Synced
เสียทั้งสัจจบารมี
-
Not Synced
เสียไปหมดเลย ขันติอะไรไม่มี
-
Not Synced
มันจะค่อยๆ เห็น
-
Not Synced
แล้วต่อไปเวลาอยากทำผิดศีล มันละอายใจ
-
Not Synced
แล้วมันก็กลัวผลของการที่จะทำผิดศีล
-
Not Synced
เราเกิดหิริโอตัปปะ
-
Not Synced
นี้เป็นธรรมโลกบาล ธรรมคุ้มครองโลก
-
Not Synced
ถ้าเราทำได้ มีหิริโอตัปปะได้ ถือศีล 5 ไว้
-
Not Synced
โอกาสไปเป็นเทวดาสูงมาก
-
Not Synced
ฉะนั้นตั้งใจ
-
Not Synced
นอกจากเรื่องศีล ก็เรื่องสมาธิ
-
Not Synced
แยกแยะให้ออก มิจฉาสมาธิไม่มีสติ
-
Not Synced
รู้โน้นรู้นี้ เห็นโน้นเห็นนี้
-
Not Synced
ไม่เห็นอันเดียวคือใจตัวเอง
-
Not Synced
สัมมาสมาธิ เป็นสมาธิที่มีสติ
-
Not Synced
มี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งทำไปเพื่อความสงบ
-
Not Synced
น้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์อันเดียว
ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง
-
Not Synced
สงบก็ช่าง ไม่สงบก็ช่าง
-
Not Synced
แต่พอเราอยู่ในอารมณ์อันเดียว
ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง
-
Not Synced
จิตมันสงบเอง
-
Not Synced
เพราะความสุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ
-
Not Synced
สมาธิอีกอันหนึ่งที่ถูกต้อง มีสติอยู่
-
Not Synced
เป็นสมาธิที่จะเห็นไตรลักษณ์ได้
-
Not Synced
ไม่ได้น้อมจิตไปอยู่ที่อารมณ์
-
Not Synced
แต่มีอารมณ์เป็นเครื่องสังเกตจิต
-
Not Synced
อันที่ 1 นั้นน้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์
-
Not Synced
อย่างรู้ลมหายใจ
-
Not Synced
รู้ลมหายใจ
-
Not Synced
แล้วจิตไปแนบอยู่กับลมหายใจ สงบ สบาย
-
Not Synced
นี้อันหนึ่ง
-
Not Synced
ลมหายใจเป็นตัวหลัก
-
Not Synced
สมาธิที่ถูกอันที่ 2 จิตเป็นตัวหลัก
-
Not Synced
เพราะฉะนั้นเราทำกรรมฐานไป
-
Not Synced
มีอารมณ์กรรมฐานเหมือนเดิมนั่นล่ะ
-
Not Synced
แต่รู้ทันจิตตัวเอง
-
Not Synced
ไม่ใช่น้อมจิตไปอยู่ที่อารมณ์
-
Not Synced
อย่างหลวงพ่อใช้หายใจเอา
-
Not Synced
พอหายใจไปแล้ว จิตหนีไปคิดเรื่องอื่น รู้ทัน
-
Not Synced
จิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ รู้ทัน
-
Not Synced
จิตเป็นตัวเอก
-
Not Synced
ถึงเรียกว่าอธิจิตตสิกขา
-
Not Synced
ทำได้อย่างนี้ถึงจะใช้ได้
-
Not Synced
พอจิตเราขยับเขยื้อน เราเห็น
-
Not Synced
เคลื่อนไปคิดก็รู้ เคลื่อนไปเพ่งก็รู้
-
Not Synced
ฝึกให้ชำนิชำนาญ
-
Not Synced
จนกระทั่งสามารถเห็นได้อัตโนมัติ
-
Not Synced
เมื่อเราสามารถเห็น
จิตมันทำงานได้อัตโนมัติแล้ว
-
Not Synced
การภาวนาจะง่ายแล้ว
-
Not Synced
จิตเราตั้งมั่นแล้ว
-
Not Synced
เมื่อก่อนหลวงพ่อเข้าใจผิด
-
Not Synced
เพราะหลวงพ่อทำ
จิตให้ตั้งมั่นได้ตั้งแต่ 10 ขวบ
-
Not Synced
แล้วก็คิดว่าคนทั้งโลก จิตเขาก็เหมือนเรา
-
Not Synced
ก็เลยภาวนา รู้สึก แหม มันง่าย
-
Not Synced
ไม่เห็นทำอะไรเลย
-
Not Synced
รู้กายรู้ใจ เห็นกายเห็นใจมันทำงานไปเรื่อยๆ
-
Not Synced
ไม่เข้าไปแทรกแซง
-
Not Synced
ไม่เห็นยากตรงไหนเลย
-
Not Synced
อย่างโกรธ
-
Not Synced
ใจเราโกรธ เรารู้ว่าใจเราโกรธ ไม่เห็นยากเลย
-
Not Synced
แต่พอมาเห็นพวกเรามากเข้าๆ รู้สึก โอ้
-
Not Synced
มันยากตรงที่จิตมันไม่ตั้งมั่น
-
Not Synced
เวลาโกรธ ใจไปอยู่ที่คนที่ทำให้โกรธ
-
Not Synced
เวลารัก ใจไปอยู่ที่คนที่เรารัก
-
Not Synced
ไม่เห็นว่าใจกำลังรัก
-
Not Synced
มันผิดกันนิดเดียวเท่านี้เอง
-
Not Synced
ผิดกันนิดเดียว
-
Not Synced
แต่หน้ามือเป็นหลังเท้าเลย
เปลี่ยนคนละโลกเลย
-
Not Synced
เหมือนเหวกับท้องฟ้าเลย
-
Not Synced
ระหว่างหลงกับรู้
-
Not Synced
ทั้งๆ ที่มันนิดเดียว คาบเส้นนิดเดียวเอง
-
Not Synced
แล้วตัวรู้เราก็ไม่รักษา
-
Not Synced
เราพบว่าตัวรู้นี้ไร้น้ำหนัก
บางเฉียบ เงียบกริบ
-
Not Synced
ถ้าเราบอกเรามีตัวรู้ แต่ใจเราหนักๆ
-
Not Synced
อันนี้ไม่ใช่หรอก
-
Not Synced
ถ้ามีตัวรู้แล้วก็รู้สึก แหม รู้ยาว
-
Not Synced
ไม่ใช่หรอก
-
Not Synced
มันรู้บางเฉียบนิดเดียว ชั่วขณะเดียว
-
Not Synced
เป็นขณะๆๆ ไป
-
Not Synced
แล้วบอกมีสมาธิอยู่ ข้างในพูดจ๋อยๆๆๆ
-
Not Synced
ไม่เงียบเลย พูดไม่เลิกเลย
-
Not Synced
ฉะนั้นตัวจิตผู้รู้จริงๆ
-
Not Synced
ไร้น้ำหนัก บางเฉียบ เงียบกริบ
-
Not Synced
ไม่พูด ไม่วิพากษ์วิจารณ์
-
Not Synced
รู้สภาวธรรมที่กำลังมีกำลังเป็น
-
Not Synced
อย่างที่มันมี อย่างที่มันเป็น
-
Not Synced
ตรงตัวจิตผู้รู้นี้ มีองค์ธรรมประกอบหลายตัว
-
Not Synced
1 มีสัมมาสมาธิ
ความตั้งมั่นโดยที่ไม่ได้รักษา
-
Not Synced
อันที่สอง มีสัมมาสติ
-
Not Synced
สติระลึกรู้อะไร เราเลือกไม่ได้
-
Not Synced
สติก็เป็นอนัตตา
-
Not Synced
บางทีก็รู้รูป รู้เสียง
รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัส
-
Not Synced
รู้ธรรมารมณ์ เรื่องราวต่างๆ ในใจ
-
Not Synced
แต่สติระลึกรู้อะไรก็ไม่เป็นไร
-
Not Synced
แต่จิตตั้งมั่นไม่ไหลไปในสิ่งที่เรารู้
-
Not Synced
ตัวนี้ล่ะที่พวกเราทำไม่ค่อยได้
-
Not Synced
เห็นดอกไม้ จิตไหลไปอยู่ที่ดอกไม้
-
Not Synced
ได้ยินเสียง จิตไหลไปฟังเสียง
-
Not Synced
ไม่เคยเห็นว่าจิตไหลไป
แล้วจะเอาดีได้อย่างไร
-
Not Synced
เพราะจิตไม่ตั้งมั่น
-
Not Synced
ถ้าอยากให้จิตตั้งมั่น
-
Not Synced
ทำกรรมฐานไป แล้วคอยรู้ทันจิตที่ไหล
-
Not Synced
ไม่ใช่ทำกรรมฐานแล้ว ห้ามไม่ให้จิตไหล
-
Not Synced
ห้ามไม่ให้จิตไหล
-
Not Synced
จะเพ่ง เพ่งจิต
-
Not Synced
จิตที่เราไปเพ่งไว้ มันไหลเรียบร้อยแล้ว
-
Not Synced
มันไหลไปไหน มันไหลไปจ้องจิต
-
Not Synced
ยังมีการไปการมา การเคลื่อนที่
-
Not Synced
ยังไม่ได้เรื่อง
-
Not Synced
เราต้องฝึก ทุกวันตั้งใจถือศีล 5 ไว้
-
Not Synced
วันหนึ่งตั้งใจไว้ 5 รอบได้ยิ่งดี
-
Not Synced
มุสลิมเขาละหมาดวันละ 5 ครั้ง
-
Not Synced
เราตั้งใจถือศีล 5 วันละ 5 ครั้ง
มันจะตายให้มันรู้ไป
-
Not Synced
ทุกวันทำในรูปแบบ
-
Not Synced
ฝึกจิตใจของเราเข้มแข็ง
-
Not Synced
ขี้เกียจ ขี้เกียจได้ไหม ได้
-
Not Synced
ท้อได้ไหม ได้
-
Not Synced
แต่ขี้เกียจก็ไม่เลิก ท้อก็ไม่เลิก
-
Not Synced
ถึงเวลาต้องปฏิบัติทำในรูปแบบ
-
Not Synced
เมื่อวานหรือวานซืน
-
Not Synced
ฝากคุณแม่ไป คุณแม่ไปสอนที่คอร์ส
-
Not Synced
คุณแม่บอกพวกนี้พวกเก่าๆ ให้ทำอะไร
-
Not Synced
บอกไปบอกเลยว่า
ให้เดินจงกรมวันละ 3 ชั่วโมง
-
Not Synced
ทำได้แล้วค่อยมาว่ากัน
-
Not Synced
ทำไม่ได้ ไปเกิดชาติหน้าเอา
-
Not Synced
ไม่มีทางหรอก
-
Not Synced
แค่นี้ก็ไม่กล้าแล้ว แค่นี้ก็กลัวแล้ว
-
Not Synced
บางคนได้ยินหลวงพ่อพูดอย่างนี้ สำนึก
-
Not Synced
แล้วใจนี้อ่อนยวบลงไปเลย
-
Not Synced
แต่ใจอ่อนยวบเฉยๆ ยังไม่ได้คิดสู้
-
Not Synced
ต้องสู้
-
Not Synced
ถึงเวลาแบ่งเวลาไว้เลย
-
Not Synced
สมมติเราไม่มีเวลา ภาวนาวันละ 3 ชั่วโมง
-
Not Synced
ตื่นนอนมาเอามันเสีย 1 ชั่วโมง
-
Not Synced
กลางวันเก็บมันทุก 5 นาที
-
Not Synced
5 นาทีทุกๆ ชั่วโมง
-
Not Synced
1 ชั่วโมงเก็บ 5 นาที ได้ชั่วโมงแล้ว
-
Not Synced
กลางคืนภาวนาอีกสักชั่วโมง
ชั่วโมงครึ่งอะไรอย่างนี้
-
Not Synced
เท่ากับวันหนึ่งเราภาวนาได้ 3 ชั่วโมงกว่า
-
Not Synced
เอาให้ได้ ฝึก
-
Not Synced
ถ้าแค่นี้ไม่ได้จะไปข้ามวัฏฏะได้อย่างไร
-
Not Synced
ข้ามวัฏฏะได้ บอกดีไหม
-
Not Synced
เดี๋ยวจะฝ่อเสียอีก
-
Not Synced
ต้องเอาชีวิตเข้าแลก
-
Not Synced
ครูบาอาจารย์สอนนิพพานอยู่ฟากตาย
-
Not Synced
ถ้ายังรักตัวกลัวตายอยู่
-
Not Synced
ก็ได้ธรรมะขั้นต้นๆ ก็ยังดี สะสมไป
-
Not Synced
ได้โสดาบัน สกทาคามีอะไรอย่างนี้
-
Not Synced
ฉะนั้นถึงเวลาทำในรูปแบบ
-
Not Synced
สังเกตตัวเอง วันนี้ใจฟุ้งซ่าน
-
Not Synced
น้อมจิตไปอยู่ในอารมณ์อันเดียว
ที่มีความสุขอย่างต่อเนื่อง
-
Not Synced
วันนี้ฟุ้งซ่านก็พักผ่อน
-
Not Synced
ให้จิตไปพักอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุข
-
Not Synced
อย่างหลวงพ่อหายใจเข้าพุทออกโธแล้วมีความสุข
-
Not Synced
หลวงพ่อเวลาจะพัก
-
Not Synced
หลวงพ่อก็ไปอยู่กับหายใจเข้าพุทออกโธ
-
Not Synced
เมื่อก่อนเวลาหลวงพ่อจะเดินปัญญา
-
Not Synced
หลวงพ่อเห็นความไหวที่กลางอก
-
Not Synced
เกิดดับๆ อยู่ที่กลางอก ยิบยับๆๆ
-
Not Synced
บางทีถ้าแรงก็เคลื่อน
-
Not Synced
ถ้าไม่แรงก็ไหวยิบยับๆ อยู่อย่างนี้
-
Not Synced
หลวงพ่อก็ดูตัวนี้เอง
-
Not Synced
ก็เห็นมันเกิดดับตลอดเวลา เห็น โอ้
-
Not Synced
ตาเห็นรูปจิตก็ไหว หูได้ยินเสียงจิตก็ไหว
-
Not Synced
จมูกได้กลิ่น ลิ้นกระทบรส
-
Not Synced
กายกระทบสัมผัส
ใจกระทบความคิด จิตก็ไหว
-
Not Synced
เห็นมันไหวๆๆ ที่ไหวๆ นี้
-
Not Synced
บางทีก็ปรุงดี บางทีก็ปรุงชั่ว
-
Not Synced
บางทีก็ปรุงสุข บางทีก็ปรุงทุกข์
-
Not Synced
มันเริ่มมาจากที่ไหวๆ อยู่กลางอกนี่ล่ะ
-
Not Synced
แล้วก็ผุดขึ้นมา
-
Not Synced
เหมือนกับมันเป็นราก
-
Not Synced
เป็นราก เป็นหัวของต้นไม้
-
Not Synced
มันมีหัวอยู่ใต้ดิน ฝังอยู่
-
Not Synced
ถึงเวลาที่เหมาะที่ควร ก็งอกขึ้นมา
-
Not Synced
งอกขึ้นมาเป็นราคะ เป็นโทสะ เป็นโมหะ
-
Not Synced
พองอกขึ้นมา
-
Not Synced
มีใบ มีกิ่งก้าน หากินได้
-
Not Synced
หัวมันก็ยิ่งใหญ่ขึ้น หัวมันยิ่งโตขึ้น
-
Not Synced
แต่ถ้าราคะหรือโทสะ
-
Not Synced
มันงอกต้นขึ้นมาจากกลางอกเรานี้
-
Not Synced
ตัวนี้เป็นอนุสัย มันงอกขึ้นมา
-
Not Synced
พอออกใบเล็กๆ สติเราเห็น
-
Not Synced
เหมือนเราตัดยอดมัน
-
Not Synced
ตัดมันไปเรื่อยๆ
-
Not Synced
หัวมันจะค่อยๆ ฝ่อ
-
Not Synced
มันสูญเสียพลังงาน
เสียอาหารของมันไปเรื่อยๆ
-
Not Synced
ในการที่จะงอกแต่ละครั้ง
-
Not Synced
สุดท้ายมันงอกไม่ได้ มันตาย
-
Not Synced
เมื่อปี 2527
-
Not Synced
หลวงพ่อไปกราบเรียนหลวงปู่เทสก์
-
Not Synced
“หลวงปู่ครับ ผมเห็นจิตต้นกำเนิดแล้ว
-
Not Synced
มันผุดขึ้นมาอย่างนี้”
-
Not Synced
หลวงปู่ก็คึกคักแอคทีฟ
-
Not Synced
ยุคนั้นพวกเรายังไม่เคยได้ยิน
-
Not Synced
หลวงพ่อยังไม่เคยรู้เลย
-
Not Synced
ภาวนาแล้วมันมาเจอเอง
-
Not Synced
ก็ไปบอกท่านเราเห็นแล้ว
-
Not Synced
จุดต้นกำเนิดมันอยู่ที่ตรงนี้เอง
-
Not Synced
อยู่ที่หทยะ หทยรูป
-
Not Synced
เป็นจุดกำเนิดของนามธรรม
-
Not Synced
ทั้งกุศล ทั้งอกุศลทั้งหลาย มันผุดขึ้นมา
-
Not Synced
บอก “ผมเห็นจิตต้นกำเนิดแล้ว”
-
Not Synced
แต่มันยังมีเชื้อเกิด นี่เห็นหัว
-
Not Synced
หัวของพืชที่อยู่ในใต้ดินนี้
-
Not Synced
มันยังมีเชื้อเกิดอยู่
-
Not Synced
“ทำอย่างไรผมจะทำลายเชื้อเกิดได้”
-
Not Synced
นี่ที่ไปถามท่าน ถามอย่างนี้เมื่อปี 2527
-
Not Synced
ท่านก็ยิ้มหวานเลย ท่านก็ตอบให้
-
Not Synced
“ให้ภาวนาไป ทำไปเรื่อยๆ
-
Not Synced
ถึงวันหนึ่งก็จะทำลายเชื้อเกิดได้ ต้องอดทน”
-
Not Synced
ครูบาอาจารย์สอนหลวงพ่อภาวนา
-
Not Synced
สอนครั้งเดียว หลวงพ่อทำไม่เลิก
-
Not Synced
ของพวกเราสอนปุ๊บทำปั๊บ เลิกปั๊บ
-
Not Synced
พอฟังเทศน์เสร็จ เอาแล้วฟุ้งซ่านแล้ว
-
Not Synced
ไม่คิดเรื่องธรรมะอะไร ไม่เอาแล้ว
-
Not Synced
เอาแต่เรื่องฟุ้งซ่าน เรื่องหลงโลก
-
Not Synced
แล้วมันจะดีได้อย่างไร
-
Not Synced
ถึงเวลามาเข้าคอร์ส
-
Not Synced
เดี๋ยวคอร์สนั้น เดี๋ยวคอร์สนี้
-
Not Synced
พอเข้าคอร์สแล้วก็อิ่มเอม โอ้ ดีจังเลย
-
Not Synced
ได้สะสม
-
Not Synced
ถามว่าดีไหม ก็ดีเหมือนกัน
-
Not Synced
ก็ได้สะสมบารมีไป
-
Not Synced
การที่เราจะไปหาพระศรีอริยเมตไตรยนั้น
-
Not Synced
เราต้องเดินทางไกล สะสมไป มีเสบียง
-
Not Synced
แต่ถ้าอยากพ้นทุกข์เร็วๆ เข้มแข็งกว่านี้
-
Not Synced
ไม่ใช่เส้นทางของคนอ่อนแอ
-
Not Synced
กล้าไหม
-
Not Synced
ที่จะละทิ้งความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
-
Not Synced
หลวงพ่อกล้าตั้งแต่เป็นโยม
-
Not Synced
เลิกงานปุ๊บ ไม่มีธุระ
กลับบ้านทันทีเลย ไม่เที่ยว
-
Not Synced
วันหยุด วันพักผ่อน เก็บไว้หมดเลย
-
Not Synced
ถึงจังหวะเหมาะๆ มีวันหยุดราชการ
-
Not Synced
อย่างช่วงธันวาคมมีหลายวัน
-
Not Synced
หลวงพ่อก็เอาวันลามาใช้ลาแทรกเข้าไป
-
Not Synced
แทรกหัว แทรกท้าย แทรกตรงกลาง
-
Not Synced
ได้ช่วงยาว 10 กว่าวัน
-
Not Synced
เก็บวันลาไว้ทั้งหมดเลย
-
Not Synced
เพื่อไปภาวนาอยู่ตามวัดป่า
-
Not Synced
สมัยโน้นวัดป่าน่าภาวนา
-
Not Synced
วัดป่าสมัยโน้นเป็นที่สัปปายะ
-
Not Synced
ที่สัปปายะเพราะมีครูบาอาจารย์ที่เลิศเลอ
-
Not Synced
ที่ใด ใช้คำไหนดี
-
Not Synced
ในพระไตรปิฎก
-
Not Synced
ท่านบอกพระอรหันต์อยู่ตรงไหน
ที่นั้นสัปปายะ
-
Not Synced
ทุกวันนี้หาครูบาอาจารย์ยาก
-
Not Synced
ก็เริ่มไม่สัปปายะแล้ว
-
Not Synced
ที่ไหนก็เต็มไปด้วยกิเลสท่วมทุกหนทุกแห่ง
-
Not Synced
เมื่ออาทิตย์ก่อนมีพระองค์หนึ่งมา
-
Not Synced
พระองค์นี้ท่านเวียนมาเรียน
กับหลวงพ่อนานหลายปีแล้ว
-
Not Synced
เรียนแล้วก็ไม่รู้เรื่อง
-
Not Synced
เมื่อวันเสาร์ก่อน หรือวันอาทิตย์
-
Not Synced
วันเสาร์หรืออาทิตย์ ท่านมา
-
Not Synced
หลวงพ่อ เอ๊ะ ท่านไปทำอะไรมา
-
Not Synced
ท่านภาวนารู้เรื่องแล้ว
-
Not Synced
ท่านบอก ท่านไม่ทำอะไรเยอะหรอก
-
Not Synced
ท่านเดินจงกรมอยู่ 4 ปี
-
Not Synced
เดินไปอยู่นั่นล่ะ
-
Not Synced
เดินไปรู้สึกตัวบ้าง หลงบ้าง แต่ทำไม่เลิก
-
Not Synced
ท่านบอกท่านเดินจงกรม 4 ปี
-
Not Synced
อยู่ๆ อย่างเคยได้ยินได้ฟังหลวงพ่อพูด
-
Not Synced
ไปเดินจงกรมไปเรื่อยๆ ตอนเดินไม่คิด
-
Not Synced
ลืมทุกอย่างหมด
-
Not Synced
เห็นร่างกายเดิน ใจเป็นคนดูไปเรื่อยๆ
-
Not Synced
ถึงจุดหนึ่งธรรมะมันผุดขึ้นมา เข้าใจขึ้นมา
-
Not Synced
จิตตื่นโพลงขึ้นมา
-
Not Synced
ถามท่านอยู่ที่ไหน ท่านก็บอก
-
Not Synced
อยู่ที่วัดทางจันทบุรี
-
Not Synced
เป็นวัดครูบาอาจารย์
-
Not Synced
บอก โอ้ เขายังปฏิบัติกันเยอะหรือ
-
Not Synced
ไม่มี
-
Not Synced
บอกท่านเดินจงกรม พวกพระยังมาถามท่านเลย
-
Not Synced
ว่าหลวงตาทำอะไร
-
Not Synced
เดินไปเดินมา ไม่เห็นทำอะไรสักอย่าง
-
Not Synced
นี่วัดกรรมฐาน วัด
-
Not Synced
พอสิ้นครูบาอาจารย์ไปนานๆ
-
Not Synced
ไม่รู้จักเดินจงกรม
-
Not Synced
ถ้าเราไปอยู่ในที่ๆ คนเหลวไหล
-
Not Synced
แล้วเราไม่มีหลัก
-
Not Synced
ไม่มีความเข้มแข็งของเราเอง
-
Not Synced
เราก็จะถูกดูดให้เหลวไหล
-
Not Synced
ทุกวันนี้ไม่รู้จะไปภาวนาที่ไหนแล้ว
-
Not Synced
ที่ดีๆ ยังมี
-
Not Synced
แต่ส่วนใหญ่ท่านไม่รับโยม
-
Not Synced
มีน้อยแต่ไม่รับโยม หายากที่จะภาวนา
-
Not Synced
เพราะฉะนั้นเราต้องทำ
บ้านเราให้เป็นวัดให้ได้
-
Not Synced
อะไรที่พะรุงพะรัง หมายถึง
-
Not Synced
รกรุงรังในใจเรา วางเสีย
-
Not Synced
หลวงพ่อก็เป็นคนเมืองเหมือนพวกเรา
-
Not Synced
หลวงพ่อเลิกงาน หลวงพ่อกลับบ้าน
-
Not Synced
อาบน้ำ กินข้าว ใจยังเหนื่อยอยู่
-
Not Synced
ก็ไม่รีบไปนั่งสมาธิ เดินจงกรม ใจล้า
-
Not Synced
ทำงานมาทั้งวัน คิดทั้งวัน
-
Not Synced
หลวงพ่อเปลี่ยนอารมณ์
-
Not Synced
ซื้อหนังสือการ์ตูนมาอ่าน
-
Not Synced
แนะนำว่าถ้าจะซื้อการ์ตูนอ่าน
ให้ซื้อการ์ตูนเด็ก
-
Not Synced
อย่าซื้อการ์ตูนลามก
-
Not Synced
อ่านแล้วสมาธิไม่เกิดหรอก
-
Not Synced
หลวงพ่ออ่าน
-
Not Synced
ต่วยตูน ขายหัวเราะ มหาสนุก อ่านพวกนี้
-
Not Synced
ยังมีขายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่มีแล้วมัง
-
Not Synced
เขาไม่พิมพ์หนังสือกันแล้ว
-
Not Synced
เมื่อก่อนไปอ่านพวกนี้
-
Not Synced
อ่านแล้วก็ขำบ้าง ไม่ขำบ้าง
-
Not Synced
มันก็แก๊กเดิมล่ะ
ติดเกาะมันก็ติดอยู่อย่างนั้น
-
Not Synced
ทั้งเกาะมีต้นมะพร้าวอยู่ต้นเดียว
-
Not Synced
วาดอยู่อย่างนั้น
โจรมุมตึก มันก็อยู่มุมนั้น
-
Not Synced
ขำบ้าง ไม่ขำบ้าง
-
Not Synced
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยขำ ดูๆ ไปอย่างนั้นล่ะ
-
Not Synced
ทำไมไม่ขำ เพราะมันแก๊กมันซ้ำๆๆ
-
Not Synced
ใครมันจะไปคิดมุขใหม่ได้ตลอด
-
Not Synced
แต่เราดูเปลี่ยนอารมณ์
-
Not Synced
เปลี่ยนอารมณ์ วันไหนไม่มีการ์ตูนดู
-
Not Synced
เอาพระมาส่อง ดูพระ
-
Not Synced
องค์นี้เนื้ออย่างนี้ๆ
-
Not Synced
เวลาจับพระ หลวงพ่อเป็นมาแต่เด็ก
-
Not Synced
จับพระแล้วมันมีความรู้สึกขึ้นในใจ
-
Not Synced
ตอนเด็กๆ เห็นที่บ้าน
พ่อ เขามีพระองค์หนึ่งยาวแค่นี้
-
Not Synced
พระอะไรก็ไม่รู้โตดี เอาไปถือเล่น
-
Not Synced
ถือเล่นใจเราคึกคัก ถือเล่น
-
Not Synced
สุดท้ายพ่อเห็นบอกเอามาเถอะองค์นี้
เปลี่ยนเอาอีกองค์ เดี๋ยวคอหัก
-
Not Synced
องค์นั้นเป็น เขาเรียกพระงั่ง
-
Not Synced
พ่อเขาเคยบวชอยู่วัดสุทัศน์ฯ
-
Not Synced
กับพระสังฆราชแพ ท่านให้มา
-
Not Synced
แล้วก็องค์นี้ขอคืน เอาพระชินราชไปถือแทน
-
Not Synced
เวลาถือมันมีความรู้สึกไม่เหมือนกัน
-
Not Synced
รู้สึกเอง ก็ชอบ ไปไหนก็ถือพระไปเรื่อย
-
Not Synced
จนพระนั้นลอก จมูกลอกหมดเลย
-
Not Synced
ทั้งๆ ที่เป็นโลหะ
-
Not Synced
ใจมันจดจ่ออยู่กับเรื่องอย่างนี้ จดจ่อ
-
Not Synced
ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นการทำสมาธิ
-
Not Synced
มันเล็กๆ ตอนนั้น
-
Not Synced
พอทำสมาธิ ไปเรียนกับท่านพ่อลี 7 ขวบ
-
Not Synced
ทำทุกวัน ทำไปเรื่อยๆ จิตมันตั้งมั่น
-
Not Synced
พวกเราอยากดี ต้องเข้มแข็ง
-
Not Synced
อะไรที่จะทำให้เราอ่อนแอลงหลีกเลี่ยงเสีย
-
Not Synced
สิ่งที่ต้องเลี่ยงมากที่สุดเลย คือการผิดศีล
-
Not Synced
อย่าผิดศีล
-
Not Synced
ต้องเข้มแข็งอย่างนั้น
-
Not Synced
เคยมีพระองค์หนึ่งท่านบอกว่า
-
Not Synced
ในอดีตชาติท่านเกิดเป็นคนยากจนที่เมืองจีน
-
Not Synced
ฝนแล้งทั้ง 3 ปี ทำนาไม่ได้
-
Not Synced
พวกเพื่อนบ้านเขาก็ออกไปล่าสัตว์
-
Not Synced
ท่านไม่ยอมทำ พยายามจะปลูกพืชปลูกอะไร
-
Not Synced
ขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง ทำ
-
Not Synced
ชาวบ้านหัวเราะเยาะว่าเป็นคนโง่
ไม่รู้จักทำมาหากิน
-
Not Synced
ขนาดมีลูกเล็กๆ ก็ไม่ไปฆ่าสัตว์
-
Not Synced
เพื่อจะเอามาไปขาย ไปเลี้ยงลูก ไม่ทำ
-
Not Synced
ยอม ถึงขนาดยอมตาย
ยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง
-
Not Synced
เพื่อรักษาศีล
-
Not Synced
ถ้าคนอย่างนี้เขาภาวนา เขาจะไม่ยาก
-
Not Synced
ใจของเขาเด็ดเดี่ยว
-
Not Synced
ฉะนั้นพวกเราต้องเด็ดเดี่ยว
-
Not Synced
ศีล ตั้งใจสู้ตาย ให้เด็ดเดี่ยวไว้
-
Not Synced
สมาธิฝึกทุกวัน
-
Not Synced
วันหนึ่งมากๆ ยิ่งดี
-
Not Synced
มีเวลาเมื่อไรก็ทำ
-
Not Synced
ตื่นนอนให้เร็วขึ้นหน่อย
นั่งสมาธิ เดินจงกรมอะไรก็ทำ
-
Not Synced
ก่อนนอนก็ต้องทำ
-
Not Synced
ทำทุกวัน แต่ทำด้วยความมีสติ
ถ้าขาดสติเมื่อไรเป็นมิจฉาสมาธิ
-
Not Synced
พอฝึกเรื่อยๆ จิตมันจะมีแรง ทำความสงบ จิตมันจะได้กำลัง รู้เท่าทันจิต จิตจะปราดเปรียว พร้อมที่เดินปัญญา ถัดจากนั้นก็ถึงงานสุดท้าย การเจริญปัญญา ทันทีที่จิตเรามีพลังมากพอ ขันธ์มันจะแยก อย่างเวลาพวกเราฟังหลวงพ่อเทศน์ จิตมันจะมีพลัง เพราะหลวงพ่อไม่ได้ท่องมาเทศน์ หลวงพ่อเทศน์ด้วยจิตของหลวงพ่อจริงๆ ด้วยกำลังของสมาธิ ถึงบอกอย่ามาถ่ายรูป ปิดมือถือเสีย มันกวนสมาธิ ธรรมะจะสะดุด
-
Not Synced
ฉะนั้นเวลาพวกเราฟังหลวงพ่อเทศน์ รับรองไม่เหมือนที่อื่นฟัง ไม่เหมือนไปฟังที่อื่นหรอก ฟังที่อื่นก็หลับบ้างอะไรบ้าง ของที่ ฟังที่หลวงพ่อไม่ค่อยมีคนหลับ นอกจากพวกผิดปกติจริงๆ เวลาที่ฟังเทศน์หลวงพ่อ จิตมันจะมีกำลัง มันจะมีความห้าวหาญขึ้นมา ลองระลึกลงในร่างกาย ลองนึกถึงร่างกายของตัวเอง ไม่ต้องใช้คำระลึก ลองนึกถึงร่างกายสิ รู้สึกไหมร่างกายเป็นของถูกรู้ ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา
-
Not Synced
ถ้าจิตมีกำลังพอ สติระลึกรู้กาย ก็เห็นว่ากายกับจิตไม่ใช่อันเดียวกัน นี่แยกขันธ์ได้ แล้วจะเห็นร่างกายก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ จิตที่ไปรู้กายก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ นี่ขึ้นวิปัสสนาแล้ว ถ้าจิตมีกำลังเกิดเวทนาทางกาย ก็เห็นว่าร่างกายก็อันหนึ่ง เวทนาทางกายก็อันหนึ่ง จิตก็อันหนึ่ง
-
Not Synced
เมื่อวานมีผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนที่หลวงพ่อเล่าว่า เดินปัญญาแล้วเละเทะ สมาธิไม่พอ ให้ทำสมาธิแล้วก็จะไปรีบเดินปัญญา เขามาส่งการบ้านว่า เขาจะทำอย่างไรดี เขานั่งสมาธิ นั่งจนปวดมากเลย แล้วเขาก็ดูไปที่ความปวด ดูอยู่อย่างนั้น มันก็หายบ้าง ไม่หายบ้าง ดูอยู่อย่างนั้น แล้วมันทำไมไม่เจริญ บอกไปสังเกตให้ดี เวลาเห็นเวทนา เห็นความปวดในร่างกาย จิตมันไหลไปที่ความปวด จิตมันไม่ได้ตั้งมั่น เมื่อจิตไม่ตั้งมั่น ก็เรียกไม่มีสัมมาสมาธิ สัมมาสมาธินั่นล่ะ เป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา อันนั้นจิตมันถลำลงไปจมอยู่กับความเจ็บปวด มันไม่ตั้งมั่น ปัญญาไม่เกิดหรอก มันก็ทรมานไปอย่างนั้นเอง เป็นอัตตกิลมถานุโยคเฉยๆ
-
Not Synced
เพราะฉะนั้นก่อนที่จะไปเดินปัญญา จิตต้องตั้งมั่น ต้องฝึก ถ้าจิตตั้งมั่นจริง สติระลึกรู้กาย เห็นกายไม่ใช่เราแล้ว สติระลึกรู้เวทนา เวทนาไม่ใช่เรา ไม่ต้องคิดเลย มันเห็นเลยว่าไม่ใช่เราหรอก สติระลึกรู้สังขาร ก็เห็นสังขาร ปรุงดีปรุงชั่วไม่ใช่เราหรอก มันจะเรียนรู้พวกนี้แล้วค่อยวางๆๆๆ จากของหยาบเข้ามาที่ละเอียด ที่ละเอียดที่สุดก็คือจิต สุดท้ายมันจะเห็นว่าจิตไม่ใช่เรา จิตเองก็เกิดดับ จิตเกิดดับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนั่นเอง แล้วก็เลือกไม่ได้
จิตเกิดดับคือเห็นอนิจจัง เลือกไม่ได้ว่าจิตจะไปเกิดที่ไหน อันนี้คืออนัตตา ถ้าเข้ามาถึงตรงนี้ จิตมันยอมรับอย่างแจ่มแจ้ง จิตไม่ใช่เรา ขันธ์ 5 ทั้งหมดไม่ใช่เราแล้ว นั่นคือภูมิจิตภูมิธรรมของพระโสดาบัน อยากเป็นพระโสดาบัน แล้วไปนั่งทรมานไปเรื่อยๆ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางที่จะเป็นพระโสดาบันเลย มันเป็นทางของพวกนิครนถ์ ทรมานตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วหวังว่าวันหนึ่งจะบรรลุมรรคผลนิพพาน ไม่ใช่เส้นของพุทธ มันเป็นเส้นของนิครนถ์
-
Not Synced
ฉะนั้นพวกเราจริงๆ เราไม่ใช่พุทธเท่าไรหรอก เป็นฮินดูบ้าง เป็นศาสนาผีบ้าง เป็นศาสนานิครนถ์บ้าง พวกเชน แล้วก็เป็นศาสนาพระเจ้า แทบไม่มีคนที่เป็นพุทธจริงๆ เลย มีแต่พุทธปนเปื้อน แล้วเมื่อไรจะได้ เมื่อไรจะได้ ทำไปเถอะ เดี๋ยวเจอพระศรีอาริย์แล้วก็อาจจะได้ ทำไป สะสมความดีไป เล่าให้ฟังขนาดนี้ เข้มแข็งนะ ต้องเข้มแข็ง เส้นทางนี้เส้นทางของคนกล้า ไม่ใช่เส้นทางอ่อนแอ ถ้าอ่อนแอก็เรียกร้องให้คนช่วย ให้ช่วยโน้นช่วยนี้ ไม่ทำมาหากินแต่อยากรวย ก็ไปไหว้เทวดา ขอให้รวย เทวดาไม่ได้พิมพ์แบงก์ได้ บอกให้เทวดาช่วยให้รวย ไม่มีบุญตัวเองอย่างไรก็ไม่รวย
-
Not Synced
แล้วความอยากรวยมันทำให้เราตกเป็นเหยื่อ คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ ตกเป็นเหยื่อที่บอกมาไหว้เทวรูปของวัดนี้ดี มีคนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ติดต่อกัน 10 กว่างวดแล้ว เป็นไปได้ไหม ถ้าเรียนคณิตศาสตร์จะรู้ มันเป็นไปไม่ได้เลย สมมติว่า 15 งวด 1,000,000 ใบ มันมีที่ 1 ใบหนึ่ง เท่ากับ 1,000,000 ยกกำลัง 15 มันเท่าไร มันเป็นไปได้ไหม เป็นไปไม่ได้ ในทางสถิติเป็นไปไม่ได้เลย คนหนึ่งจะถูกรางวัลที่ 1 ติดต่อกัน 10 กว่าครั้ง ถ้าถูกอย่างนั้นก็คือล็อกเลขแล้ว ถึงจะถูก
-
Not Synced
ไม่เป็นพุทธ ไม่ได้คิดจะพึ่งตัวเอง คิดแต่พึ่งอะไรลมๆ แล้งๆ หลอกตัวเองไปวันๆ หนึ่งแล้วก็มีความสุข ชาวพุทธไม่หลอกตัวเอง ชาวพุทธเรียนรู้ความจริงของตัวเอง เรียนรู้ความจริงได้ สุดท้ายก็ปล่อยวางได้ ปล่อยวางได้ก็พ้นทุกข์ได้ ก็แค่นั้นล่ะ
-
Not Synced
วันนี้เทศน์แบบดุเดือด เป็นการให้รางวัลพวกไปเข้าคอร์ส ได้ยินเสียงไหม คอร์ส เข้าอยู่นั่นล่ะ ไม่เห็นจะดีขึ้นสักเท่าไรเลย แต่ถามว่ามีข้อดีไหม ดี ไม่หลุดออกนอกวงโคจร ยังมีพรรคมีพวก คอยดึงกันไปดึงกันมา ดึงกันเข้าคอร์ส ดึงกันปฏิบัติ พอเลิกแล้วก็ดึงกันไปเที่ยว มันประเภทนั้นล่ะ พวกดาวหาง หางยาว พอเข้าใกล้ดวงอาทิตย์แล้วหางหด หางยาวใช่ไหม หรือหางหด ผลุบๆ โผล่ๆ คนที่ได้ประโยชน์เวลาเข้าคอร์สคือคนจัด เขาได้บุญ คนสอน เวลาสอน สิ่งที่เขาได้ เขาได้ปัญญามากขึ้นเรื่อยๆ อันนั้นเป็นประโยชน์ ส่วนคนเข้าคอร์สจะได้ประโยชน์หรือเปล่า อยู่ที่ตัวเองแล้ว ได้โอกาสแล้วก็ทำประโยชน์ให้มันเต็มที่
-
Not Synced
คำถาม 1: ระหว่างวันหลงนาน ส่วนใหญ่อยู่ในโลกของความคิด ทำในรูปแบบมักจะเพ่ง เดินจงกรมเป็นส่วนใหญ่ มีวิหารธรรมเป็น “เมตตาคุณัง อะระหังเมตตา” เพราะโมโหร้าย จึงสอนตัวเอง ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อลดโทสะ ควรปรับแก้ไขตรงไหนคะ
-
Not Synced
หลวงปู่: ทำไปเถอะ มันก็ค่อยๆ ดีขึ้น มันไม่ดีปุ๊บปั๊บหรอก ใช้เวลา ภาวนาเราไม่ใจร้อน ค่อยๆ ทำของเราไปเรื่อยๆ แต่ไม่ขี้เกียจเท่านั้นล่ะ แล้วมันก็จะดีขึ้นๆ ถ้าทำบ้างไม่ทำบ้าง ไม่ดี เบอร์ 1 ยังฟุ้งซ่านอยู่ หัดทำความสงบ หัดบ้าง ไม่อย่างนั้นใจมันจะแรงไม่พอ ไหว้พระ สวดมนต์ไปเรื่อยๆ ก็ได้ ให้ใจจดจ่ออยู่กับพระพุทธเจ้า นึกถึงพระพุทธเจ้าไปเรื่อยๆ ก็ได้ หลวงพ่อใช้หลายอย่างเวลาทำสมถะ
-
Not Synced
บางทีจิตมันฟุ้ง จิตมันฟุ้งจะไปทำให้มันไม่ฟุ้ง ทำยาก พามันใช้ความคิดพิจารณา กำหนดหัวข้อธรรมะ ให้มันพิจารณาธรรมะเรื่องนี้ หมวดนี้ ใจมันมีความสุขในการพิจารณาธรรมะ ใจมันก็สงบได้ ได้แรง พวกเราบางคนก็ใช้วิธีนี้ ใช้วิธีคิดพิจารณาธรรมะ ใจมีความสุข ได้แรงขึ้นมา แล้วก็เคยชิน ติด เอะอะก็จะไปคิดให้มีความสุขเรื่อยๆ ตรงนั้นทำผิดแล้ว ไปติด ติดสมาธิ ไปทำสมถะ ไปเลือกดู ไปสังเกตดู สมถะอะไรเหมาะกับเรา ไม่ต้องเหมือนคนอื่นก็ได้ เอาที่เหมาะกับตัวเอง ทำแล้วจิตใจสงบสุข ไม่วอกแวกไปที่อื่น สังเกตอย่างนั้น สมาธิมันยังไม่พอ ใจมันยังฟุ้ง
-
Not Synced
เบอร์ 2 เพ่งอยู่ รู้สึกไหม มันแน่น
-
Not Synced
คำถาม 2: ตั้งใจภาวนาทุกวัน แบ่งเวลาทำในรูปแบบ นิสัยยังไม่ดี เอาแต่ใจตัวเอง มีโทสะและขี้หงุดหงิด มีเป้าหมายอยากพ้นทุกข์ เห็นร่างกายมีแต่ทุกข์ ไม่ได้อยากได้สมาธิเหมือนเมื่อก่อน หวังเพียงความผ่อนคลาย จะคอยรู้สึกตัว หลงให้สั้นลง เพ่งก็คอยรู้ทัน จะตั้งใจรักษาศีลและทำปัจจุบันให้ดี มาถูกทางไหมคะ
-
Not Synced
หลวงปู่: ถูกแล้ว คอยทำไปเรื่อยๆ อย่าใจร้อนก็แล้วกัน ธรรมะมันก็เหมือนเรากินข้าว กินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบมูมมาม แล้วถึงเวลามันก็อิ่ม ครูบาอาจารย์ท่านเปรียบเหมือนคนตั้งท้อง ท่านบอกไม่ต้องรีบออกลูกหรอก เดี๋ยวมันก็ออกเอง เรามีหน้าที่ดูแลไม่ให้มันตายไปเท่านั้น ไม่ให้มันแท้ง ไปฝึกอีก ฝึกอีก ขี้โมโหก็รู้เอา โมโหมันเป็นกิเลสที่ดูง่าย โทสะ กิเลสอะไรเกิดก็รู้เอา ดีแล้วเบอร์ 2 แต่ตอนนี้จิตไม่ถึงฐาน สังเกตออกไหม มันยังอยู่ข้างนอกนิดหนึ่ง ไม่ต้องไปหามัน อย่าไปหามัน
-
Not Synced
ลองกำหนดจิต เหมือนกับความรู้สึกตัวเราอยู่ข้างนอกตรงนี้ แล้วหายใจเอาความรู้สึกตัว เข้าไปในร่างกาย อันนี้เป็นอุบาย หายใจเอาความรู้สึกตัวเข้าไป สังเกตไหมจิตตอนนี้กับเมื่อกี้ไม่เหมือนกัน ดูออกแล้วใช่ไหม ว่าเมื่อกี้มันออกนอก ดูออกก็ดีแล้ว ต่อไปมันง่าย มันรู้ว่าออกนอก มันก็วางเข้ามาเอง เบอร์ 2 ดีแล้ว ดูไปเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าให้จิตมันตั้งมั่นจริงๆ
เบอร์ 3 ก็ดีอยู่ ใช้ได้
-
Not Synced
คำถาม 3: เป็นคนคิดมาก ขี้กังวล เวลาไม่มีทุกข์หนักๆ มากระทบ รู้สึกว่าปฏิบัติได้ดี จิตหลงรู้ มีกำลังเห็นไตรลักษณ์ พอมีเรื่องกลุ้มใจก็ดูความกลุ้มใจ เห็นทุกข์มากทุกข์น้อยสลับกัน ทุกข์เพราะอยากให้มันหาย แต่ก็ยังทุกข์ มันหนักอยู่ในใจ รู้สึกว่ายังสอบไม่ผ่าน ยังถูกครอบงำ ขอการบ้านเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไปค่ะ
หลวงปู่: ดูให้ลึกไปอีกชั้นหนึ่ง เวลาทุกข์เกิด ให้เห็นใจที่ไม่ชอบ ใจเราไม่เป็นกลาง ถ้าใจเราเป็นกลาง ทุกข์มันกระเด็นไปเลย เบอร์ 3 ทำได้ดี ทำได้ดีแล้ว แต่จิตมันไม่เป็นกลางต่อทุกข์ ฉะนั้นเวลาทุกข์ขึ้นมาอย่าอยากหาย ทุกข์ขึ้นมาให้รู้ว่าไม่ชอบ
-
Not Synced
อากาศชื้นๆ หลวงพ่อจะกระแอมกระไอ ที่จริงไม่อยากกระแอมกระไอเลย หมอนั่งอยู่หลายคน คนที่ทำให้หลวงพ่อเจ็บปวดมากที่สุด คือพวกหมอนี่ล่ะ มีเรื่องมาทำให้เจ็บอยู่เรื่อยๆ ด้วยความหวังดี
เบอร์ 4 อย่าไปแต่งจิตให้มันนิ่ง
-
Not Synced
คำถาม 4: ในชีวิตประจำวันใช้กายเป็นวิหารธรรม คอยรู้ทันจิตที่หลงคิด ในรูปแบบใช้นั่งสมาธิดูร่างกายหายใจแบบลืมตา เพราะหลับตาแล้วมักติดซึม บางครั้งรู้สึกแยกขันธ์ได้ เห็นอนัตตาของจิต แต่พอเผลอขาดสติ ขันธ์ก็รวมกัน หลวงปู่: ถูก จิตกลับมาเป็นตัวเราใหม่อยู่บ่อยๆ ขอหลวงปู่แนะนำ เพื่อต่อยอดการปฏิบัติด้วยครับ
-
Not Synced
หลวงปู่: จุดที่เป็นปัญหามากที่สุดคือความซึม ถีนมิทธะ เพราะฉะนั้นพยายามทำกรรมฐานที่เคลื่อนไหวไว้ ร่างกายเรานี้มันเคลื่อนไหว คอยรู้สึกไว้ ถ้าเราดูอารมณ์ที่ละเอียดไป มันจะเคลิ้มลืมเนื้อลืมตัวง่าย พยายามทำงาน ใช้ร่างกายทำงาน แล้วเห็นร่างกายมันทำงานบ่อยๆ อย่างเห็นร่างกายมันกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า อะไรอย่างนี้ เห็นร่างกายมันทำงาน ยกเว้นตอนขับรถ ไม่ต้องไปดู ตอนขับรถไปดูเดี๋ยวจิตรวม จิตรวมแล้วไปชนใครเขาเข้า พยายามเคลื่อนไหวไว้ถึงจะดี เพราะว่าถีนมิทธะเยอะ เบอร์ 4 ภาวนาดี ในพื้นฐานดี แต่จุดอ่อนมีนิดเดียว คือมันเซื่องซึมง่าย เพราะฉะนั้นกระดุกกระดิก
-
Not Synced
คำถาม 5: ปฏิบัติโดยการรู้กายที่เคลื่อนไหว รู้จิตที่นึกคิดปรุงแต่ง ระหว่างวันทำในรูปแบบ นั่งสมาธิ เดินจงกรม เป็นราคจริต รักสวยรักงาม จิตมีมานะมาก บางทีอยากสอนธรรมะคนอื่น เข้าใจธรรมชาติของจิต ที่มันคิดนึกและปรุงแต่ง ไม่เชื่อเรื่องความงมงายหรืออะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ เพราะเคยเห็นโทษของมันแล้ว กราบขอคำแนะนำเพิ่มเติมค่ะ
-
Not Synced
หลวงปู่: จุดที่ยังพลาดอยู่ คือการไปดึงจิตเอาไว้ ไปรั้งจิตเอาไว้ ตั้งไว้อย่างนี้ อย่าไปตั้งไว้ ตรงนี้มันก็เป็นภพๆ หนึ่งของนักปฏิบัตินั่นล่ะ ถ้าไปทำแล้วมันก็ติดอยู่อย่างนั้น ไม่หายหรอก ที่มันมาตั้งอย่างนี้ เพราะมันอยากดี อยากรู้สึกตัว อยากดี อยากไม่เผลอ เห็นไหมมันมีความอยากซ่อนอยู่ ให้รู้ทันความอยากทั้งหลายนี้ แล้วมันจะไม่ไปตั้งจิตนิ่งไว้อย่างนี้ ตั้งนิ่งๆ อย่างนี้ ไปต่อไม่ได้จริงหรอก ไปแก้จุดนี้ แก้ผ่านจุดนี้ก็ไปได้ง่ายแล้ว สติปัญญาอะไรแข็งแรง ใช้ได้ ดี ไม่โง่หรอก
-
Not Synced
คำถาม 6: ถ้าวันไหนไม่ได้ฟังหลวงพ่อจะรู้สึกผิด ชอบอยู่บ้านนั่งสมาธิ เฉลี่ยเกือบวันละ 2 - 3 ชั่วโมง ชอบใช้พุทโธถี่ๆ มากกว่าดูลมหายใจ ยังฟุ้งซ่าน และหลงโลกอยู่มาก ยังเดินปัญญาไม่เป็น พยายามจะเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่บางทีก็ยังทำไม่ค่อยได้ แต่ไม่ท้อ จะปฏิบัติต่อไปเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า อยากทราบว่าปฏิบัติถูกทางไหมคะ
-
Not Synced
หลวงปู่: ถูกอย่างยิ่งเลย แล้วจิตก็พัฒนาขึ้นมาเยอะเลย รู้สึกไหมจิตเราเดี๋ยวนี้กับแต่ก่อนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ขันธ์มันก็แยกได้แล้ว รู้สึกไหมกายกับจิตมันคนละอันกัน สุขทุกข์ ดีชั่ว เป็นแค่ของผ่านมาผ่านไป ไม่ใช่จิตหรอก จิตเองก็ทำงานของมันได้เอง อย่างขณะนี้จิตมันก็ปรุงปีติขึ้นมา เห็นไหมมันปรุงปีติขึ้นมาได้เอง เราอย่าไปปรุงต่อ ปรุงต่อ เช่น หาทางละปีติ หาทางรักษาปีติ อันนี้เราปรุงต่อ เมื่อจิตของเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตเราจะใส สว่าง กระจ่าง แล้วต่อมามีความปรุงแต่งอะไรเกิดขึ้น แม้แต่เล็กแต่น้อยในจิต มันจะเห็นชัด
เพราะจิตของเรานั้นมันสบาย มันว่างอยู่แล้ว มันผ่องใส ประภัสสร พอมีอะไรแปลกปลอมขึ้นนิดหนึ่ง มันจะเห็น อันนี้จิตมันจะรู้ทันความปรุงแต่งที่เกิดขึ้น แล้วเราก็แค่ว่ารู้แล้วจบลงที่รู้ เราไม่ปรุงแต่งต่อ ไม่ใช่ความสุขผุดขึ้นมา จิตมันปรุงความสุขขึ้นมา ทีแรกจิตมันว่าง เฉยๆ สบาย โล่ง มันปรุงความสุขหรือปรุงความทุกข์ขึ้นมา เราไปแต่งต่อ เช่น ปรุงความสุขก็หาทางรักษา ปรุงความทุกข์ก็หาทางละอะไรอย่างนี้ อันนี้เราแทรกแซงจิตแล้ว
-
Not Synced
เราจะรู้ทันความปรุงแต่งของจิต โดยที่เราไม่เข้าไปปรุงแต่งจิตเสียเอง เราจะรู้ทันความปรุงแต่งของจิตได้ เมื่อจิตของเราตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ครูบาอาจารย์วัดป่าจะเรียกว่าจิตผู้รู้ หรือจิตประภัสสร พระพุทธเจ้าบอกว่า เดิมนั้นจิตมันประภัสสร คือจิตปกติของเรานั่นล่ะ มันประภัสสร แต่เศร้าหมองเพราะกิเลสมันจรมา นี้เราพยายามฝึกจนกระทั่งจิตของเราตั้งมั่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมา สว่าง ผ่องใส สบาย เงียบๆ แล้วพอมันปรุงอะไรขึ้นแม้แต่เล็กๆ เราก็จะเห็น ตรงนี้ที่เรารู้ทันความปรุงแต่งได้ เพราะจิตของเรามีกำลังตั้งมั่นขึ้นมา
-
Not Synced
ฉะนั้นจิตที่ตั้งมั่นถึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่หลวงพ่อพยายามเคี่ยวเข็ญพวกเรา จนกระทั่งตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มีความประภัสสร มีความสงบ มีความสว่างเกิดขึ้น มีความเบา มีความอ่อนโยน นุ่มนวล มีความคล่องแคล่ว ว่องไว ไม่ขี้เกียจ แล้วก็อะไรเกิดขึ้นสักว่ารู้ว่าเห็นไป เราจะต้องพัฒนาให้ได้จิตผู้รู้อย่างนี้ขึ้นมา เมื่อเรามีจิตผู้รู้ เบอร์ 6 มีนะ แล้วทำมาได้ดีมากๆ เลย จิตผู้รู้ของหนูงดงามมาก ดี
-
Not Synced
เห็นไหมมีปีติแทรกเข้ามาอีกแล้ว พอจิตเราว่างๆ อยู่ แล้วมีอะไรแปลกปลอม เราจะเห็น มันเหมือนเราคลีนโต๊ะของเราสะอาดแล้ว มดตัวเล็กเดินมา เรายังเห็นเลย ถ้าโต๊ะของเรารกๆ อย่างนี้ มีขวดยาดม ยาหม่องอะไรมากมาย จิ้งจกมาตัวหนึ่งเรายังไม่เห็นเลย เพราะฉะนั้นถ้าใจเราว่าง สบาย ความปรุงแต่งเล็กน้อยมา เราก็เห็น เราจะเห็นว่าความปรุงแต่งมาเอง ไปเอง ความปรุงแต่งทั้งหลายไม่ใช่จิตหรอก แต่ถ้าจิตหลงเข้าไปปรุงแต่งเมื่อไร ความทุกข์มันจะเกิดขึ้นที่จิตทันที เก่ง วันนี้เพิ่งจะบอกคนนี้เก่ง
-
Not Synced
เบอร์ 7 ตื่นได้แล้ว
-
Not Synced
คำถาม 7: จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมาเอง ในระหว่างวัน แยกรูปแยกนามเอง เห็นแสงและความสุขเกิดดับ เกิดปัญญา ตัวเราไม่มี มีแต่จิตมาอาศัยธาตุ 4 อยู่ ผัสสะกระทบระหว่างวัน เห็นโทสะเกิดและดับ เห็นโทสะแยกจากจิต เกิดความร่มเย็นไปทั้งธาตุและขันธ์ เห็นความขัดเคืองใจเกิดแล้วดับลง เกิดความสงบร่มเย็นขึ้นมา ขอหลวงพ่อเมตตาแนะนำค่ะ
-
Not Synced
หลวงปู่: ทำอีก จิตมันยังเป็นเราอยู่ มันไม่เป็นเราเป็นคราวๆ เรายังละความเห็นผิด ว่าจิตเป็นตัวเราไม่ขาดทีเดียว ทำอีก ทำไปเรื่อยๆ สะสมไป แล้วก็จุดสำคัญ อย่ายกจิตสูงเกินไป อย่าเอาจิตขึ้นมาสูงเกินไป ลงมาอยู่ในระนาบปกติ จิตปกติ ยกมากๆ เดี๋ยวหลุดไปพรหมโลก เออ ลงมา จิตตรงนี้ดี จิตอย่างนี้ถึงจะดี จิตที่เราไปดันเอาไว้ ให้มันห่างกิเลสออกไป ไม่ดีหรอก มันมีคำแปลอยู่อันหนึ่ง “อะระหะโต” แปลว่าผู้ไกลจากกิเลส เราก็เลยพยายามดันจิตให้ไกลกิเลส อย่างนี้ผิด อันนั้นทำด้วยกิเลส จิตที่ดีคือจิตธรรมดา จิตปกติ เราใช้จิตปกตินี้เรียนรู้กายรู้ใจ เรียนรู้ไป ดี ดีเหมือนกัน แค่อย่ายกจิตให้สูงเกินไป
-
Not Synced
คำถาม 8: ใช้การเดินจงกรมเป็นรูปแบบ ในชีวิตประจำวัน ใช้การเคาะนิ้วเป็นจังหวะ เป็นเครื่องอยู่แทน มีบ่อยครั้งที่รู้ว่าหลงไปแล้ว และช็อตถัดมาคือเห็นความคิด ที่บอกให้กลับไปที่เครื่องอยู่ จึงพยายามเริ่มต้นใหม่ ให้กลับไปที่เครื่องอยู่ แต่จิตไม่ยอมเข้าบ้าน แข็งทื่อ ไม่ปกติเป็นเวลานาน ควรทำอย่างไรคะ
-
Not Synced
หลวงปู่: รู้อย่างที่มันเป็น ที่อยากแก้ มีตัณหาซ่อนอยู่ อยากให้มันอย่างโน้น อยากให้มันอย่างนี้ ถ้าเราไม่รู้ทันตัณหาตัวนี้ ก็ถูกมันครอบไปเรื่อยๆ ฉะนั้นจิตสงบรู้ว่าสงบ จิตไม่สงบรู้ว่าไม่สงบ จิตเข้าฐานรู้ว่าเข้าฐาน จิตออกนอกฐาน รู้ว่าออกนอกฐาน รู้อย่างที่เขาเป็น ไม่ต้องอยากให้เขาดี
-
Not Synced
เบอร์ 8 จุดอ่อน ยังดิ้นรนเยอะไป ใจมันยังดิ้นจะเอาธรรมะให้ได้ รู้ รู้สบายๆ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ช่างมัน ถ้าได้ก็เป็นความดีของจิต ถ้าไม่ได้ก็เป็นความไม่ดีของจิต ไม่เกี่ยวกับเรา กล้าๆ หน่อย กล้าไหม กล้าแบบแหยๆ มันทำยาก เพราะว่าเรารักจิต เรารักว่าจิตนี้คือตัวเรา เห็นปีติที่เกิดขึ้นไหม อาการของปีติมีหลายอย่าง เราไม่รู้ว่าอันนี้เรียกว่าปีติเท่านั้นเอง รู้สึกใจไม่ปกติไหม ตรงนี้ มันมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาไหม ไปฝึกอีกไป มาได้ดีแล้ว มาได้ถูกทางแล้ว ค่อยๆ ฝึก อันไหนยังไม่ถูกก็ค่อยๆ รู้ทันไป อย่าอยากดี อย่าอยากบรรลุเร็วๆ