ตัวตนที่แท้จริง มีจริงหรือเปล่า?
-
0:00 - 0:02ตัวตนที่แท้จริง มีจริงหรือเปล่า?
-
0:02 - 0:04มันอาจจะเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกๆ
-
0:04 - 0:07เพราะ คุณอาจจะเคยถามว่า
-
0:07 - 0:09เราจะหาตัวตนของเราได้อย่างไร
-
0:09 - 0:11จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวตนของเราคืออะไร
-
0:11 - 0:12เป็นต้น
-
0:12 - 0:16ความคิดว่าตัวตนที่แท้มีจริง
-
0:16 - 0:17ดูชัดเจน
-
0:17 - 0:20ถ้าจะมีอะไรที่แท้ในโลกนี้
มันก็คือตัวคุณนั่นแหล่ะ -
0:20 - 0:22ผมไม่ค่อยแน่ใจนัก
-
0:22 - 0:24อย่างน้อย เราเข้าใจมันมากขึ้นหน่อย
-
0:24 - 0:28แน่นอนว่า สิ่งต่างๆ รอบตัวเรา
-
0:28 - 0:30หล่อหลอมความคิดให้เราเชื่อมั่น
-
0:30 - 0:34ว่าแต่ละคนมีแก่นความเชื่อ
-
0:34 - 0:38มีบางอย่างที่บอกตัวตน ให้คำจำกัดความ
ความเป็นตัวเรา -
0:38 - 0:40เหมือนจะดูแน่แท้ และไม่เปลี่ยนแปลง
-
0:40 - 0:42ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น
-
0:42 - 0:43ดวงชะตาราศี
-
0:43 - 0:46คนทั่วไปยึดถือกับเรื่องนี้มากๆ
-
0:46 - 0:48บางคนก็ใส่ราศีเกิดไว้ในเฟซบุ๊ก
-
0:48 - 0:50ราวกับมันมีความหมาย
-
0:50 - 0:52เรารู้กระทั่งปีนักษัตรจีน
-
0:52 - 0:55แล้วยังมีการทำนายแบบวิทยาศาสตร์
-
0:55 - 0:58หลายหลากวิธี เช่นการประเมินบุคลิกตัวตน
-
0:58 - 1:00เช่น การทดสอบของไมเออร์ส-บริกส์
-
1:00 - 1:02ผมไม่รู้ว่าคุณเคยลองทดสอบไหม
-
1:02 - 1:04บริษัทมากมายใช้แบบทดสอบนี้ในการรับสมัครงาน
-
1:04 - 1:07ด้วยการตอบคำถามมากมาย
-
1:07 - 1:11ซึ่งมันจะบ่งบอกบุคลิกนิสัยตัวตนของคุณ
-
1:11 - 1:14แน่นอน มันเป็นที่นิยมมาก
-
1:14 - 1:16ตามนิตยสาร จะเห็นได้ว่า
-
1:16 - 1:19ตรงมุมซ้ายของเล่ม จะมีโฆษณาไว้เกือบทุกเล่ม
-
1:19 - 1:21การทำนายบุคลิกนิสัย
-
1:21 - 1:23แล้วเราก็ชอบหยิบมันขึ้นมา
-
1:23 - 1:24มันยากจะห้ามใจ
-
1:24 - 1:27ที่จะลองทำแบบทดสอบเพื่อประเมินว่า
เรามีสไตล์การเรียนแบบไหน -
1:27 - 1:30ลักษณะความรัก หรือ สไตล์การทำงานเป็นอย่างไร?
-
1:30 - 1:33คุณเป็นคนลักษณะแบบไหน
-
1:33 - 1:37ผมว่า เราต่างมีความเข้าใจโดยสามัญสำนึกว่า
-
1:37 - 1:40มันเป็นสิ่งที่บอกแก่นแท้ตัวตน
-
1:40 - 1:41ที่เราค้นหา
-
1:41 - 1:44และความจริงแท้เกี่ยวกับตัวเรานี้
-
1:44 - 1:47จะเป็นเช่นนี้ไป ไม่เปลี่ยนตลอดชีวิต
-
1:47 - 1:51และนี่เป็นสิ่งที่ผมไม่เชื่อนัก
-
1:51 - 1:52แต่ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่า
-
1:52 - 1:55ผมไม่เชื่อแนวคิดนี้ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนแปลก
-
1:55 - 1:59แต่มันมีเรื่องราวที่ยาวนาน
-
1:59 - 2:01นี่คือแนวคิดแบบพื้นๆ
-
2:01 - 2:02คุณมีตัวตนของคุณ
-
2:02 - 2:06มีความเป็นปัจเจกบุคคล
-
2:06 - 2:10ในชีวิตของคุณ สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณก็คือ
-
2:10 - 2:12คุณสะสมประสบการณ์ต่าง ๆ
-
2:12 - 2:15มีความทรงจำ
-
2:15 - 2:17และความทรงจำก็ช่วยสร้างความเป็นคุณ
-
2:17 - 2:20สมมติ คุณอยากทานคุ้กกี้
-
2:20 - 2:22หรือจะเป็นสิ่งอื่นที่เราไม่อยากพูดถึงก็ตาม
-
2:22 - 2:24ตอน 11 โมงเช้า ที่โรงเรียน
-
2:24 - 2:26คุณจะมีความเชื่อ
-
2:26 - 2:28นี่คือหมายเลขทะเบียน
จากคนในอเมริกา -
2:28 - 2:31ผมไม่ทราบว่าหมายเลขทะเบียน
ที่เขียนว่า "messiah 1" -
2:31 - 2:33เป็นการบอกได้ว่าคนขับศรัทธาในพระเมสสิยาห์
-
2:33 - 2:35หรือว่าคนขับคือพระเมสสิยาห์
-
2:35 - 2:38ทั้งสองแบบ ก็คือเชื่อว่ามีพระเมสสิยาห์จริง ๆ
-
2:38 - 2:40เรามีความรู้
-
2:40 - 2:42เรามีความรู้สึกและประสบการณ์
-
2:42 - 2:44ไม่ใช่เพียงแค่ความฉลาดทางปัญญา
-
2:44 - 2:47ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นที่มาของสามัญสำนึก
-
2:47 - 2:48ของบุคคลนั้น
-
2:48 - 2:54คนที่เข้ามาในชีวิตเราก็มาเป็น
ส่วนหนึ่งในประสบการณ์ของเรา -
2:54 - 2:57ผมอยากจะบอกว่า
-
2:57 - 3:00มันมีความผิดพลาดที่กับความคิดเช่นนี้
-
3:00 - 3:03และผมจะแสดงให้เห็นด้วยสไลด์แผ่นเดียว
-
3:03 - 3:10มันไม่ใช่ตัวตนของคุณเป็นศูนย์กลาง
ประสบการณ์ทั้งหลายเหล่านี้หรอก -
3:10 - 3:11ผมคิดแปลกใช่ไหม
-
3:11 - 3:13ถ้าไม่ใช่แล้วอะไรล่ะ
-
3:13 - 3:16ความทรงจำ ความต้องการ เจตนา การรับรู้ต่างๆ
-
3:16 - 3:18เป็นต้น
-
3:18 - 3:21สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือ เพราะมีสิ่งเหล่านี้
-
3:21 - 3:23เป็นองค์ประกอบรวมกันขึ้น
-
3:23 - 3:26มันหล่อรวมกันในหลายรูปแบบ
-
3:26 - 3:29มันรวมกันเป็นบางส่วน หรือว่า เกือบทุกส่วน
-
3:29 - 3:32เพราะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
และสมอง -
3:32 - 3:35แต่ยังมีการเล่าเรื่อง
เรื่องราวที่เราบอกเกี่ยวกับตัวเอง -
3:35 - 3:38บอกเล่าประสบการณ์ เวลาเรานึกถึงอดีต
-
3:38 - 3:41เราทำสิ่งนี้เพราะสิ่งนั้น
-
3:41 - 3:44ดังนั้นสิ่งที่เราโหยหา
ส่วนหนึ่งก็มาจากสิ่งที่เราเชื่อถือ ศรัทธา -
3:44 - 3:48และสิ่งที่เราจำได้ ก็บอกเราว่าเรารู้
-
3:48 - 3:50มันมีหลายสิ่งหลายอย่าง
-
3:50 - 3:53เช่น ความเชื่อ ความต้องการ
การรับรู้ความรู้สึก ประสบการณ์ -
3:53 - 3:56มันเกี่ยวโยงซึ่งกันและกัน
-
3:56 - 3:59และมันก็คือคุณ
-
3:59 - 4:04มองในมุมหนึ่ง มันก็เป็นแตกต่างจาก
แนวคิดแบบพื้นๆ เล็กน้อย -
4:04 - 4:06ในอีกมุม มันก็ต่างกันมากมาย
-
4:06 - 4:09การสลับสับเปลี่ยนระหว่างความคิดของตัวเอง
-
4:09 - 4:12ว่ามันคือ
ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมด -
4:12 - 4:15หรือเป็นแค่การรวบรวม
-
4:15 - 4:17เอาทุกๆ ประสบการณ์ไว้ด้วยกัน
-
4:17 - 4:20คุณก็เป็นผลรวมจากทุกๆ ส่วน
-
4:20 - 4:22ทุกส่วนเหล่านั้นก็เป็นส่วนทางกายภาพ
-
4:22 - 4:24สมอง ร่างกาย ขา แขน
-
4:24 - 4:26แต่มันไม่ได้สำคัญอะไรหรอก
-
4:26 - 4:29ต่อให้คุณผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
คุณก็ยังเป็นคนเดิม -
4:29 - 4:31แต่ถ้าคุณผ่าตัดเปลี่ยนความทรงจำ
คุณจะยังเป็นคนเดิมอยู่ไหม -
4:31 - 4:35ถ้าคุณผ่าตัดเปลี่ยนความเชื่อ
คุณจะเป็นคนเดิมอยู่ไหม -
4:35 - 4:40มันเป็นวิธีที่เราเข้าใจว่าอะไรคือตัวเราเอง
-
4:40 - 4:44ไม่ใช่กายภาพที่ถาวรที่มีประสบการณ์
-
4:44 - 4:46แต่เป็นการสะสมประสบการณ์ต่างๆ ทั้งหมด
-
4:46 - 4:49อาจจะฟังดูแปลกนะ
-
4:49 - 4:51แต่ผมว่ามันไม่แปลก
-
4:51 - 4:53ฟังดูธรรมดาเข้าใจได้นะ
-
4:53 - 4:57เพราะผมเพียงอยากให้คุณ
คิดโดยการเปรียบเทียบ -
4:57 - 5:00คิดถึงสิ่งไหนก็ได้ในจักรวาล
-
5:00 - 5:03เว้นจากแรงโน้มถ่วงหรือพลังงานพื้นฐาน ก่อนนะ
-
5:03 - 5:06ลองคิดถึงน้ำดูสิ
-
5:06 - 5:08ผมไม่เก่งวิทยาศาสตร์หรอก
-
5:08 - 5:11เราอาจจะบอกได้ว่าน้ำมีไฮโดรเจนสองส่วน
-
5:11 - 5:13และออกซิเจนหนึ่งส่วน
-
5:13 - 5:15ใครๆ ก็คงรู้จักดี
-
5:15 - 5:18ผมหวังว่าคงไม่มีใครในห้องนี้
เวลานึกถึงน้ำแล้ว -
5:18 - 5:22มองเห็นว่าน้ำ
-
5:22 - 5:25เป็นอะตอมของไฮโดรเจน และ ออกซิเจน
-
5:25 - 5:26ซึ่งมันก็เป็นส่วนประกอบของน้ำ
-
5:26 - 5:27แน่นอน ไม่มีใครคิด
-
5:27 - 5:30เราก็รู้และเข้าใจว่า
-
5:30 - 5:32น้ำก็มาจาก
-
5:32 - 5:37การรวมตัวของไฮโดรเจนและออกซิเจน
-
5:37 - 5:39ทุกๆ สิ่งในจักรวาลก็เหมือนกัน
-
5:39 - 5:43ลองดูตัวอย่างเช่น นาฬิการผมก็ได้
-
5:43 - 5:47มันมีหน้าปัด มีเข็มนาฬิกา
-
5:47 - 5:48มีกลไก และ แบตเตอรี
-
5:48 - 5:50แต่ชิ้นส่วนเหล่านี้
-
5:50 - 5:51เราไม่คิดว่า
สิ่งนี้เรียกว่านาฬิกา -
5:51 - 5:54จากการเอาส่วนประกอบเหล่านี้มารวมกัน
-
5:54 - 5:57แต่เรารู้ชัดว่าถ้าเราเอา
ส่วนประกอบของนาฬิกา -
5:57 - 5:59มารวมกัน
เราก็ประกอบเป็นนาฬิกาได้ -
5:59 - 6:02ทุกสิ่งในจักรวาล
ก็เป็นเช่นนี้ -
6:02 - 6:04เราก็ไม่ต่างกันหรอก
-
6:04 - 6:06ทำไมถึงมองว่า
-
6:06 - 6:09เราไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดจากการรวมตัวของส่วนต่าง ๆ
-
6:09 - 6:14แต่เป็นสิ่งถาวร
ที่ประกอบไปด้วยส่วนๆ ต่างๆ -
6:14 - 6:17ความคิดนี้ไม่ใช่ของใหม่หรอก
-
6:17 - 6:19มันสืบทอดมายาวนาน
-
6:19 - 6:20คุณพบความคิดนี้ในศาสนาพุทธ
-
6:20 - 6:23พบในปรัชญาศตวรรษที่ 17 และ 18
-
6:23 - 6:27ในปัจจุบัน คนชอบคิด
แบบล็อค และ ฮูม (Locke and Hume) -
6:27 - 6:29แต่ก็น่าสนใจว่า ยังมีความคิดหนึ่ง
-
6:29 - 6:33ที่ได้รับการยืนยันจากวิชาประสาทวิทยา
-
6:33 - 6:36อย่าง พอล บร็อคส์ (Paul Broks)
เขาเป็นนักจิตวิทยาคลินิกด้านประสาท -
6:36 - 6:38เขากล่าวว่า
-
6:38 - 6:40"เรามีสัญชาตญาณอยู่ลึก ๆ
ว่ามี เรามีตัวตน, -
6:40 - 6:43มี แก่นสารสำคัญ
และยากที่จะแปรเปลี่ยน" -
6:43 - 6:46ผมคิดว่า
อาจจะขจัดออกไปไม่ได้ด้วย -
6:46 - 6:49แต่ความรู้ทางประสาทวิทยา
ได้ชี้ให้เห็นว่าไม่มีศูนย์สั่งการของสมอง -
6:49 - 6:52ที่เชื่อมโยงมันเข้าด้วยกัน
-
6:52 - 6:54ถ้าคุณสำรวจสมองดู
-
6:54 - 6:58ว่าสมองรับรู้เกี่ยวกับ
ตัวตนของตัวเองอย่างไร -
6:58 - 7:02คุณจะพบว่ามันไม่มี
ส่วนใดส่วนหนึ่งในสมอง -
7:02 - 7:05ไม่มีศูนย์กลางการสั่งงาน
-
7:05 - 7:08มันเป็นกระบวนการต่าง ๆ
มากมายในสมองเรา -
7:08 - 7:11ที่ทำงานของแต่ละส่วน ๆ ไปอย่างอิสระ
-
7:11 - 7:14แต่เพราะมันเชื่อมโยงกัน
-
7:14 - 7:17เราถึงรับรู้เกี่ยวกับตัวตนตัวเอง
-
7:17 - 7:20ผมใช้ศัพท์ว่ากลอุบายของอีโก้
(Ego trick) -
7:20 - 7:25เช่นเดียวกับกลไกของจักรกล
-
7:25 - 7:28มันไม่ใช่ว่าเราไม่มีอยู่
-
7:28 - 7:31มันเป็นเพียงกลลวง
ที่ทำให้เรารู้สึกถึงข้างในตัวเองว่า -
7:31 - 7:34มันอะไรบางอย่างที่ทำงานประสานกัน
-
7:34 - 7:37คุณอาจจะคิดว่า
ความคิดนี้ไม่ถูกต้อง -
7:37 - 7:40หรือคุณคิดว่าถ้ามันถูก
-
7:40 - 7:44ว่าแต่ละคนมีตัวตน
-
7:44 - 7:46เป็นสิ่งไม่เที่ยง
-
7:46 - 7:49หรือมันหมายความว่าตัวตน
เป็นเพียงภาพมายา -
7:49 - 7:52มันหมายถึงเราไม่มีอยู่จริงเช่นนั้นหรือ
-
7:52 - 7:54ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
-
7:54 - 7:57หลายคนก็พูดถึงมันว่าเป็นเพียงภาพมายา
-
7:57 - 8:01นักจิตวิทยาสามท่าน
โทมัส เมทซิงเกอร์, บรูซ ฮูด -
8:01 - 8:03ซูซาน แบล็คมอร์
-
8:03 - 8:06ต่างกล่าวถึงภาษามายา
-
8:06 - 8:08ตัวตนเป็นภาพลวงตา มันเรื่องไม่มีอยู่จริง
-
8:08 - 8:11แต่ผมว่ามันเปล่าประโยชน์
ที่จะคิดแบบนี้ -
8:11 - 8:12กลับมาที่นาฬิกา
-
8:12 - 8:16นาฬิกาไม่ใช่ภาพลวงตา
-
8:16 - 8:18แต่เป็นการรวมตัวของส่วนต่างๆ
-
8:18 - 8:20เช่นกัน
เราก็ไม่ใช่ภาพมายา -
8:20 - 8:26จริงๆแล้ว เราคือการรวมกัน
ของส่วนประกอบอันซับซ้อน -
8:26 - 8:27จากส่วนต่างๆ รวมกัน
-
8:27 - 8:29ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีอยู่จริง
-
8:29 - 8:32ผมขอเปรียบเปรยอย่างนี้
-
8:32 - 8:35ลองคิดถึงน้ำตก
-
8:35 - 8:38ในอาร์เจนตินา มีน้ำตก อิกัวซู (Iguazu)
-
8:38 - 8:41ตัวอย่างเช่นนี้
-
8:41 - 8:44สามารถบอกได้หลายอย่าง
-
8:44 - 8:46ว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้
-
8:46 - 8:47มันมองได้ว่ามันเปลี่ยนแปลงตลอด
-
8:47 - 8:50น้ำก็เซาะไหลไปตามช่องทางใหม่ ๆ
-
8:50 - 8:53ตามกระแสและสภาพอากาศ
-
8:53 - 8:57บางที่อาจจะแห้งไป น้ำก็ไหลไปที่ใหม่
-
8:57 - 9:01น้ำในน้ำตก
-
9:01 - 9:03ก็ต่างกันไปในแต่ละหยด
-
9:03 - 9:06น้ำตกอิกัวซูก็ไม่ใช่ภาพมายา
-
9:06 - 9:08ไม่ใช่ว่ามันไม่มีอยู่จริง
-
9:08 - 9:11เราต้องพยายามเข้าใจมัน
-
9:11 - 9:13อย่างเป็นสิ่งที่มีประวัติศาสตร์
-
9:13 - 9:16ที่ทำให้มันคงอยู่
-
9:16 - 9:19แต่มันเป็น กระบวนการ เป็นของไหล
ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา -
9:19 - 9:23ผมคิดว่า กรอบความเข้าใจนี้
ทำให้เราเข้าใจตัวเอง -
9:23 - 9:24เป็นแบบจำลองอิสระ
-
9:24 - 9:27เพราะถ้าคุณคิดว่าคุณเป็น
อะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลง -
9:27 - 9:30และเหมือนเดิมตลอด
ชีวิตคุณแล้วละก็ -
9:30 - 9:33คุณอาจจะติดกับดักมันอยู่
-
9:33 - 9:35คุณเกิดมาพร้อมแก่นแท้
-
9:35 - 9:38คุณจะเป็นเช่นนั้นจนกว่าจะตาย
-
9:38 - 9:41ถ้าเชื่อในชีวิตหลังความตาย
บางทีก็อาจจะคงมีต่อไป -
9:41 - 9:44ถ้าคุณคิดแบบนั้น
-
9:44 - 9:48ไม่ใช่เป็นสิ่ง แต่เป็น กระบวนการ
-
9:48 - 9:49ที่เปลี่ยนแปลงได้
-
9:49 - 9:51ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะเป็นอิสระ
-
9:51 - 9:54ต่างจากน้ำตกนะ
-
9:54 - 9:56พวกเรามีความสามารถ
-
9:56 - 10:00ในการพัฒนาตัวเอง
-
10:00 - 10:02ตอนนี้ เราต้องใคร่ครวญซักหน่อย
-
10:02 - 10:05ถ้าเราดู X-factor มากไป
เราอาจจะเข้าใจไปว่า -
10:05 - 10:08เราสามารถป็นอะไรก็ได้ที่อยากเป็น
-
10:08 - 10:09มันไม่จริงเลย
-
10:09 - 10:11เมื่อเช้านี้ ผมเจอนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมมาก
-
10:11 - 10:15ผมมั่นใจว่า ผมไม่สามารถเล่นได้แบบเขา
-
10:15 - 10:17ถ้าผมฝึกฝนมากๆ บางทีก็คงจะเก่งขึ้น
-
10:17 - 10:20แต่มันไม่มีความสามารถนี้ตั้งแต่เกิด
-
10:20 - 10:23มันมีขอบเขตที่เราจะฝึกฝนได้
-
10:23 - 10:25มันมีขอบเขตที่เราจะสร้างตัวเราได้
-
10:25 - 10:28แต่ยังไงเราก็มีความสามารถ
-
10:28 - 10:32ที่จะหล่อหลอมตัวเราเอง
-
10:32 - 10:34ตัวเราที่แท้จริง
-
10:34 - 10:38มันไม่ใช่อะไรที่เราต้องไปค้นพบ
-
10:38 - 10:42คุณไม่ต้องไปมองวิญญาณ แล้วจะเจอตัวเอง
-
10:42 - 10:44อย่างน้อย ส่วนที่คุณกำลังทำอยู่
-
10:44 - 10:46ก็เป็นการสร้างตัวตนคุณเอง
-
10:46 - 10:48และนี่เป็นสิ่งที่สำคัญ
-
10:48 - 10:50โดยเฉพาะในแต่ละช่วงชีวิตที่กำลังเป็น
-
10:50 - 10:52คุณจะตระหนักว่า
-
10:52 - 10:54คุณเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดในช่วงไม่กี่ปี
-
10:54 - 10:57ถ้าคุณมีวีดิโอของตัวเองในช่วงสามสี่ปี
-
10:57 - 11:01คุณอาจจะรู้สึกอาย เพราะคุณจำตัวเองไม่ได้
-
11:01 - 11:04ผมอยากฝากบอกว่า สิ่งที่เราควรทำ
-
11:04 - 11:07คือคิดว่าพวกเรา สามารถเปลี่ยนแปลง
-
11:07 - 11:08แก้ไขตัวเราเอง
-
11:08 - 11:09จากพุทธวจนะนี้
-
11:09 - 11:11"คนขุดบ่อน้ำสร้างทางน้ำ
-
11:11 - 11:13คนทำลูกธนูทำลูกธนูงอ
-
11:13 - 11:15ช่างไม้ทำให้ท่อนไม้งอ
-
11:15 - 11:19คนฉลาดพัฒนาตัวเอง"
-
11:19 - 11:20นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากฝากไว้
-
11:20 - 11:28ว่าตัวตนที่แท้ไม่ใช่สิ่งที่ คุณต้องไปค้นหา
-
11:28 - 11:31ไม่ใช่สิ่งลี้ลับที่คุณจะหาไม่เจอ
-
11:31 - 11:33สิ่งที่คุณเป็นอยู่
-
11:33 - 11:35คือบางส่วนที่คุณได้ค้นเจอ
-
11:35 - 11:38และสิ่งที่คุณสร้างขึ้น
-
11:38 - 11:42ผมคิดว่ามันเป็นแง่มุมที่น่าสนใจนะครับ
-
11:42 - 11:44ขอบคุณมากครับ
- Title:
- ตัวตนที่แท้จริง มีจริงหรือเปล่า?
- Speaker:
- จูเลียน แบกกินิ
- Description:
-
อะไรทำที่ทำให้คุณเป็นคุณ? มันใช่ส่ิงที่คุณมองตัวเองไว้ สิ่งที่คนอื่นคิดถึงคุณ หรือจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย? ในการบรรยายนี้ จูเลียน แบกกินิ จะนำความรู้จากทั้งปรัชญาและประสาทวิทยามาเป็นคำตอบที่จะทำให้คุณประหลาดใจ
(ถ่ายทำที่ TEDxYouth แมนเชสเตอร์)
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 11:59
Kanawat Senanan approved Thai subtitles for Is there a real you? | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Is there a real you? | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Is there a real you? | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Is there a real you? | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Is there a real you? | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Is there a real you? | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Is there a real you? | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Is there a real you? |