วิทยาศาสตร์ในสลัดมักกะโรนี: มีอะไรอยู่ในโมเลกุล - จอช เคิร์ซ (Josh Kurz)
-
0:07 - 0:10เรารู้กันอยู่แล้วว่าโลกนี้
ประกอบไปด้วยสิ่งต่าง ๆ -
0:10 - 0:11อย่างเช่น แมว
-
0:11 - 0:12และสลัดมักกะโรนี
-
0:12 - 0:14และสลัดมักกะโรนีก็ประกอบด้วยสิ่งต่าง ๆ
-
0:14 - 0:15อย่าง มายองเนส
-
0:15 - 0:16และมัสตาร์ด
-
0:16 - 0:17และคึ่นช่าย
-
0:17 - 0:19ซึ่งล้วนประกอบด้วยโมเลกุล
-
0:19 - 0:20ที่เราจะเห็น โมเลกุลพวกนี้
-
0:20 - 0:22ประกอบขึ้นมาจากสิ่งเดียวกัน
-
0:22 - 0:24แค่ผสมเข้าด้วยกับในแบบที่ต่างกันไป
-
0:24 - 0:25ย้อนไปที่สลัดมักกะโรนีกันเถอะ
-
0:25 - 0:27เราได้แยกส่วนประกอบทางกายภาพออกมา
-
0:27 - 0:28มากที่สุดที่จะทำได้แล้ว
-
0:28 - 0:31ตอนนี้ เราทำมากขึ้น
โดยแยกส่วนประกอบทางเคมี -
0:31 - 0:32โดยการแตกบางพันธะออก
-
0:32 - 0:34โมเลกุลมากมายที่ใหญ่กว่า และซับซ้อน
-
0:34 - 0:36ก็เป็นแค่โมเลกุลเล็ก ๆ ที่ยึดติดกัน
-
0:36 - 0:37เหมือนบล็อกตัวต่อ
-
0:37 - 0:40อีกครั้งที่สลัดมักกะโรนีเป็นตัวอย่างที่ดี
-
0:40 - 0:41หากคุณดูที่พาสต้า
-
0:41 - 0:44คุณจะสังเกตได้ว่ามันประกอบด้วย
สิ่งนี้จำนวนมาก -
0:44 - 0:44แป้ง
-
0:44 - 0:46ซึ่งก็คือโมเลกุลนี้
-
0:46 - 0:47หรือเป็นที่รู้จักว่า อะไมโลส
-
0:47 - 0:49และหากคุณแตกบางพันธะ
-
0:49 - 0:51อะไมโลสก็จะประกอบด้วยโมเลกุลที่เล็กกว่า
-
0:51 - 0:54ก็คือกลูโคส
หรือน้ำตาลโครงสร้างพื้นฐานนี่เอง -
0:54 - 0:56หากคุณนำเอาโมเลกุลกลูโคสที่ว่านี้มาสักกำ
-
0:56 - 0:58แล้วจัดเรียงมันใหม่ในรูปแบบที่ต่างออกไป
-
0:58 - 0:59คุณก็จะได้เซลลูโลส
-
0:59 - 1:01ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพืชนั่นเอง
-
1:01 - 1:04ดังนั้น ในขณะที่พาสต้าชิ้นนี้
ประกอบขึ้นจากอะไมโลส -
1:04 - 1:07และช้อนไม้อันนี้ประกอบด้วยเซลลูโลส
-
1:07 - 1:08มันดูแตกต่างกันอย่างมาก
-
1:08 - 1:10แต่จริง ๆ แล้ว ทั้งสองสิ่งนี้
ประกอบขึ้นมาจากโมเลกุลชนิดเดียวกัน -
1:10 - 1:12แค่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันในแบบที่แตกต่างกัน
-
1:12 - 1:14การแตกออกแล้วต่อเข้าด้วยกันใหม่นี้
-
1:14 - 1:16คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณย่อยอาหาร
-
1:16 - 1:18โปรตีนเชิงซ้อนซึ่งพบได้ในอาหารที่เรากิน
-
1:18 - 1:19อย่างเช่นในแครอทและไข่
-
1:19 - 1:21ไม่สามารถถูกนำไปใช้ได้โดยร่างกายของเรา
-
1:21 - 1:23เพราะเราไม่ใช่แครอทหรือไก่
-
1:23 - 1:25สื่งที่เราเอาไปใช้ได้คือโมเลกุลที่เล็กกว่านั้น
-
1:25 - 1:27ที่ประกอบขึ้นเป็นโปรตีนเหล่านี้
-
1:27 - 1:28มันคือกรดอะมิโน
-
1:28 - 1:31ระหว่างการย่อยอาหาร
ร่างกายของเราสลายโปรตีนเหล่านี้ -
1:31 - 1:32ให้กลายเป็นกรดอะมิโน
-
1:32 - 1:34เพื่อที่พวกมันจะสามารถถูกจัดเรียงใหม่
และประกอบกลับเข้าด้วยกัน -
1:34 - 1:36เพื่อสร้างเป็นโปรตีนของมนุษย์
-
1:36 - 1:38แต่เรามาตัดพันธะกันต่อกันเถอะ
-
1:38 - 1:41โมเลกุลทั้งหมดนั้นประกอบขึ้นจาก
อะตอมที่ถูกยึดเข้าด้วยกัน -
1:41 - 1:43หากโมเลกุลเป็นบล็อกตัวต่อแล้ว
-
1:43 - 1:44อะตอมก็จะเป็นบล็อกตัวต่อ
-
1:44 - 1:46ของบล็อกตัวต่ออีกที
-
1:46 - 1:48และคุณจะสังเกตว่าด้วยโมเลกุล
-
1:48 - 1:49จากสลัดมักกะโรนี
-
1:49 - 1:52เราจะพบอะตอมหกชนิดซ้ำ ๆ กัน
-
1:52 - 1:53คาร์บอน
-
1:53 - 1:53ไฮโดรเจน
-
1:53 - 1:54ออกซิเจน
-
1:54 - 1:55ไนโตรเจน
-
1:55 - 1:55ฟอสฟอรัส
-
1:55 - 1:56และซัลเฟอร์
-
1:56 - 1:58หรือ ชอนพ์ส์
-
1:58 - 1:59ยังมีนอกเหนือจากนี้อีกบ้าง
-
1:59 - 2:03แต่ธาตุหลักทั้งหกนั้น
เป็นส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นมักกะโรนี -
2:03 - 2:04หากเราก้าวไปให้ไกลกว่านั้น
-
2:04 - 2:06เราก็จะสามารถใช้อะตอมที่ซ้ำ ๆ กันเหล่านี้
-
2:06 - 2:07ประกอบกลับเข้าด้วยกัน
-
2:07 - 2:08และสร้างเป็นสิ่งอื่น ๆ
-
2:08 - 2:09อย่างเช่น น้ำมันเบนซิน
-
2:09 - 2:10หรือกรดกำมะถัน
-
2:10 - 2:11มีเธน
-
2:11 - 2:13และไนลอน
-
2:13 - 2:14ทั้งหมดล้วนประกอบมา
จากธาตุองค์ประกอบเดิม ๆ -
2:14 - 2:16ที่ประกอบขึ้นมาเป็นสลัดมักกะโรนี
-
2:16 - 2:17ดังนั้น เพื่อเป็นการสรุปโดยย่อ
-
2:17 - 2:19ทุกอย่างล้วนประกอบขึ้นมาจากอะตอม
-
2:19 - 2:22มันเป็นส่วนประกอบของสิ่งต่าง ๆ
-
2:22 - 2:24อะตอมถูกจัดให้อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม
ในรูปแบบต่าง ๆ -
2:24 - 2:25เพื่อเกิดเป็นโมเลกุล
-
2:25 - 2:28โมเลกุลเหล่านี้ถูกผสมเข้าด้วยกัน
-
2:28 - 2:28แยกออกจากกัน
-
2:28 - 2:29และประกอบเข้าด้วยกันใหม่
เป็นเช่นนี้อยู่ตลอด -
2:29 - 2:31พวกมันถูกโยนเข้าไปในส่วนผสม
-
2:31 - 2:32ถูกแยกออก
-
2:32 - 2:32ผสมเข้าไปใหม่
-
2:32 - 2:34ครั้งแล้วครั้งเล่า
-
2:34 - 2:36สิ่งที่เป็นส่วนประกอบของสิ่งต่าง ๆ
-
2:36 - 2:38มีการถ่ายเทเคลื่อนย้ายเสมอ
-
2:38 - 2:39มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ
-
2:39 - 2:42สลัดมักกะโรนีก็เป็นสลัดมักกะโรนี
แค่เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ -
2:42 - 2:43คุณกินมันเข้าไป
-
2:43 - 2:45บางส่วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณ
-
2:45 - 2:47ที่เหลือในที่สุดก็ไหลลงทะเล
-
2:47 - 2:49และถูกบริโภคโดยสัตว์อื่น
ที่ตายในเวลาต่อมา -
2:49 - 2:51และเมื่อเวลาผ่านไปหลายล้านปี
พวกมันจะกลายเป็นน้ำมัน -
2:51 - 2:53ซึ่งเรานำมาผลิตเป็นน้ำมันเบนซิน
-
2:53 - 2:55จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม
เบนซินและสลัดมักกะโรนี -
2:55 - 2:56จึงไม่ต่างกันเท่าไร
-
2:56 - 2:58ทั้งคู่นั้นประกอบขึ้นมาจากสิ่งเดียวกัน
-
2:58 - 2:59แค่อย่างหนึ่งมีรสชาติดีกว่า
- Title:
- วิทยาศาสตร์ในสลัดมักกะโรนี: มีอะไรอยู่ในโมเลกุล - จอช เคิร์ซ (Josh Kurz)
- Description:
-
ชมบทเรียนเต็มได้ที่: http://ed.ted.com/lessons/the-science-of-macaroni-salad-what-s-in-a-molecule-josh-kurz
อะไรเอ่ยที่ทำให้สลัดมักกะโรนีและน้ำมันเบนซินมีความคล้ายกัน พวกมันมีส่วนประกอบอย่างเดียวกันเป๊ะอย่างไรล่ะ -- โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันเป็นอะตอมอย่างเดียวกัน แค่ถูกจัดเรียงใหม่ ดังนั้นเมื่อเราเอาอย่างแรกเข้าปาก และอย่างหลังเติมใส่รถของเรา พวกมันก็แค่ภาคต่างของชุดอะตอมเดียวกัน จอช เคิร์ซ ย่อยสลัดมักกะโรนีลงจนถึงองค์ประกอบทางเคมีที่เล็กที่สุด
บทเรียนและแอนิเมชันโดย Josh Kurz
- Video Language:
- English
- Team:
closed TED
- Project:
- TED-Ed
- Duration:
- 03:15
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The science of macaroni salad: What's in a molecule? - Josh Kurz | |
![]() |
Rawee Ma accepted Thai subtitles for The science of macaroni salad: What's in a molecule? - Josh Kurz | |
![]() |
Rawee Ma edited Thai subtitles for The science of macaroni salad: What's in a molecule? - Josh Kurz | |
![]() |
siriporn chatratana edited Thai subtitles for The science of macaroni salad: What's in a molecule? - Josh Kurz | |
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut declined Thai subtitles for The science of macaroni salad: What's in a molecule? - Josh Kurz | |
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The science of macaroni salad: What's in a molecule? - Josh Kurz | |
![]() |
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The science of macaroni salad: What's in a molecule? - Josh Kurz | |
![]() |
siriporn chatratana edited Thai subtitles for The science of macaroni salad: What's in a molecule? - Josh Kurz |