< Return to Video

การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567

  • 0:04 - 0:05
    เจริญพร
  • 0:05 - 0:07
    เร็วไปนิดหนึ่ง
  • 0:07 - 0:15
    แต่ว่าทุกคนพร้อมแล้วก็เริ่มเลย
  • 0:15 - 0:18
    เรื่องการปฏิบัติธรรม
  • 0:18 - 0:20
    เราอย่าคิดว่าเป็นเรื่องยาก
  • 0:20 - 0:23
    ส่วนใหญ่เราชอบคิดว่า
  • 0:23 - 0:27
    การปฏิบัติธรรมต้องไปทำอะไรที่มันยากๆ
  • 0:27 - 0:30
    ที่แท้แล้วการปฏิบัติธรรมอยู่ที่ตัวเราเอง
  • 0:30 - 0:33
    ถ้าเราคอยมีสติรู้ทันตัวเองบ่อยๆ
  • 0:33 - 0:35
    รู้ทันร่างกายรู้ทันจิตใจบ่อยๆ
  • 0:35 - 0:39
    สติจะเกิด
  • 0:39 - 0:44
    สติไม่ใช่เป็นของเกิดได้ง่ายๆ
  • 0:44 - 0:48
    เราต้องอาศัยค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ ดู
  • 0:48 - 0:51
    ดูร่างกายบ่อยๆ ดูจิตใจบ่อยๆ
  • 0:51 - 0:53
    ถ้าเราได้เคล็ดลับตัวนี้
  • 0:53 - 0:55
    แล้วการภาวนาจะง่าย
  • 0:55 - 0:57
    เรียกว่าง่ายเพราะมันไม่ได้ทำอะไร
  • 0:57 - 1:00
    เราใช้ชีวิตของเราปกติอย่างนี้
  • 1:00 - 1:02
    หลวงพ่อปราโมทย์ท่านบอกเราบ่อยๆ
  • 1:02 - 1:03
    เวลาจะภาวนา
  • 1:03 - 1:06
    ใช้จิตธรรมดาปกติของมนุษย์นี่ล่ะ
  • 1:06 - 1:07
    แต่เราคอยฝึกสติ
  • 1:07 - 1:09
    คอยรู้ทันร่างกาย
  • 1:09 - 1:12
    รู้ทันจิตใจตัวเองบ่อยๆ
  • 1:12 - 1:14
    ร่างกายที่ตัวเองต้องรู้
  • 1:14 - 1:17
    อย่างคนชอบทำอานาปานสติ
  • 1:17 - 1:19
    ก็ดูร่างกายหายใจออก
  • 1:19 - 1:21
    ดูร่างกายหายใจเข้า
  • 1:21 - 1:22
    คนละอัน
  • 1:22 - 1:25
    ส่วนใหญ่พอเราบอกให้ไปดูร่างกายหายใจออก
  • 1:25 - 1:27
    ไปดูร่างกายหายใจเข้า
  • 1:27 - 1:31
    นักปฏิบัติส่วนใหญ่จะไปเพ่งไปจ้อง
  • 1:31 - 1:33
    จ้องดูลมหายใจ
  • 1:33 - 1:35
    ตัวนี้คือการเพ่ง
  • 1:35 - 1:37
    แต่บางคนพอเราดูลมหายใจออก
  • 1:37 - 1:39
    ดูลมหายใจเข้า
  • 1:39 - 1:40
    ดูไปพักหนึ่งก็ไหลไปคิด
  • 1:40 - 1:42
    ไหลไปฟุ้งซ่าน
  • 1:42 - 1:43
    อันนี้คือหลงขาดสติ
  • 1:43 - 1:46
    ทำอย่างไรเราจะดูร่างกายหายใจออก
  • 1:46 - 1:48
    ร่างกายหายใจเข้าได้บ่อยๆ
  • 1:48 - 1:49
    ถ้าเราดูได้บ่อยๆ
  • 1:49 - 1:52
    ต่อไปร่างกายหายใจออกก็รู้สึกตัว
  • 1:52 - 1:55
    ร่างกายหายใจเข้าก็จะรู้สึกตัว
  • 1:55 - 1:59
    หัดสังเกตสภาวะไป
  • 1:59 - 2:01
    อย่างเราจงใจดูลมหายใจเข้า
  • 2:01 - 2:02
    ดูลมหายใจออก
  • 2:02 - 2:04
    นี่คือการเพ่ง
  • 2:04 - 2:06
    แต่ถ้าเราดูลมหายใจเข้าหายใจออก
  • 2:06 - 2:08
    แล้วใจไหลไปคิดไหลไปฟุ้งซ่าน
  • 2:08 - 2:10
    อันนี้คือขาดสติ
  • 2:10 - 2:12
    แต่ถ้าเรามีสติระลึกรู้
  • 2:12 - 2:14
    เห็นร่างกายหายใจออกก็รู้
  • 2:14 - 2:16
    เห็นร่างกายหายใจเข้าก็รู้
  • 2:16 - 2:17
    อันนี้คือเรามีสติ
  • 2:17 - 2:20
    ถ้าคนชอบอานาปานสติ
  • 2:20 - 2:23
    อย่างหลวงพ่อปราโมทย์ท่านชอบตัวนี้
  • 2:23 - 2:25
    เพราะท่านฝึกของท่านมาแต่เด็ก
  • 2:25 - 2:29
    สมัยที่พระอาจารย์หัดภาวนา
  • 2:29 - 2:31
    ตัวนี้พระอาจารย์ไม่ค่อยชอบหรอก
  • 2:31 - 2:34
    เพราะสมัยก่อนเป็นโรคภูมิแพ้
  • 2:34 - 2:35
    หายใจไม่ค่อยได้
  • 2:35 - 2:37
    ก็เลยไม่ค่อยชอบทำกรรมฐานตัวนี้
  • 2:37 - 2:40
    แต่ว่าตัวที่พระอาจารย์ชอบทำคือ
  • 2:40 - 2:42
    ร่างกายเคลื่อนไหวเรารู้
  • 2:42 - 2:43
    ร่างกายหยุดนิ่งเรารู้
  • 2:43 - 2:45
    ร่างกายกระดุกกระดิกเรารู้
  • 2:45 - 2:48
    ร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลา
  • 2:48 - 2:51
    อย่างบางคนก็กระดุกกระดิก
  • 2:51 - 2:52
    บางคนก็เกาขา
  • 2:52 - 2:54
    บางคนก็ส่ายไปส่ายมา
  • 2:54 - 2:56
    ขยับไปขยับมา
  • 2:56 - 3:00
    คอยรู้สึก รู้สึกบ่อยๆ
  • 3:00 - 3:02
    ร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้สึก
  • 3:02 - 3:04
    ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้สึก
  • 3:04 - 3:07
    เหมือนกันนะถ้าสมมติเรา
  • 3:07 - 3:10
    อย่างบางคนทำกรรมฐานเคลื่อนไหวทำจังหวะ
  • 3:10 - 3:14
    ถ้าเวลาทำจังหวะเราจดจ่อ
  • 3:14 - 3:16
    หรือว่าจงใจทำจังหวะมากเกินไป
  • 3:16 - 3:19
    จงใจดูร่างกายเคลื่อนไหวมากเกินไป
  • 3:19 - 3:20
    นี่คือการเพ่ง
  • 3:20 - 3:23
    หรือว่าเราเคลื่อนไหวไป
  • 3:23 - 3:25
    เคลื่อนไหวจนชำนาญ
  • 3:25 - 3:26
    จำแต่ละรูปได้
  • 3:26 - 3:29
    ทำไปแล้วก็ใจเราเผลอเพลินไป
  • 3:29 - 3:31
    ไหลไปคิดไหลไปฟุ้งซ่าน
  • 3:31 - 3:33
    นี่คือขาดสติ
  • 3:33 - 3:36
    ฉะนั้นเคลื่อนไหวก็คอยรู้สึก
  • 3:36 - 3:38
    ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้สึก
  • 3:38 - 3:40
    ร่างกายกระดุกกระดิกก็รู้สึก
  • 3:40 - 3:42
    เราหัดดูไป ดูไปบ่อยๆ
  • 3:42 - 3:45
    ต่อไปร่างกายเคลื่อนไหวมันจะรู้สึกเอง
  • 3:45 - 3:47
    ร่างกายหยุดนิ่งมันจะรู้สึกเอง
  • 3:47 - 3:49
    ที่รู้สึกเองตัวนี้คือสติ
  • 3:49 - 3:50
    มันระลึกรู้ร่างกาย
  • 3:50 - 3:54
    อีกตัวหนึ่งร่างกายยืนก็รู้
  • 3:54 - 3:55
    ร่างกายเดินก็รู้
  • 3:55 - 3:56
    ร่างกายนั่งก็รู้
  • 3:56 - 3:59
    ร่างกายนอนก็รู้ หัดดูไป
  • 3:59 - 4:03
    เหมือนกันถ้าเราเจตนาจะดู
  • 4:03 - 4:05
    จงใจดูร่างกายยืน ร่างกายเดิน
  • 4:05 - 4:07
    ร่างกายนั่ง ร่างกายนอน
  • 4:07 - 4:09
    อันนี้คือการเพ่ง
  • 4:09 - 4:12
    หรือว่าเวลาเราดูร่างกายยืน
  • 4:12 - 4:16
    ร่างกายเดิน ร่างกายนั่ง หรือร่างกายนอน
  • 4:16 - 4:18
    แต่เวลาเราดูไปดูมา
  • 4:18 - 4:20
    มันไหลไปคิดไหลไปเพลิดเพลิน
  • 4:20 - 4:21
    นี่คือขาดสติ
  • 4:21 - 4:24
    เราต้องมีสติอยู่กับการรู้
  • 4:24 - 4:26
    รูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอน
  • 4:26 - 4:28
    อันนี้ต้องไปค่อยหัดสังเกต
  • 4:28 - 4:30
    เวลาเราหัดดู
  • 4:30 - 4:34
    ถ้าเราจงใจเราเจตนาแรงคือการเพ่ง
  • 4:34 - 4:37
    แต่ว่าถ้าเราดูจนชำนาญ
  • 4:37 - 4:39
    เราคิดว่าเราดูอยู่
  • 4:39 - 4:41
    แต่ว่ามันแอบไปคิดแอบไปฟุ้งซ่าน
  • 4:41 - 4:43
    คือหลงไป ขาดสติ
  • 4:43 - 4:45
    ทำอย่างไรเราจะฝึก
  • 4:45 - 4:47
    ให้มีสติอยู่กับร่างกายบ่อยๆ
  • 4:47 - 4:48
    ถ้าเราฝึกตรงนี้ได้
  • 4:48 - 4:50
    เราไปฝึกเดินจงกรม
  • 4:50 - 4:52
    ก็เห็นร่างกายเดินจงกรม
  • 4:52 - 4:55
    มีสติระลึกรู้อยู่ที่การเดินจงกรม
  • 4:55 - 4:57
    แต่นักปฏิบัติส่วนใหญ่
  • 4:57 - 4:59
    ที่ครูบาอาจารย์ท่านบอก
  • 4:59 - 5:02
    ร้อยทั้งร้อยเวลาเราไปเดินจงกรม
  • 5:02 - 5:03
    เราก็ไปเพ่ง
  • 5:03 - 5:05
    ไม่เพ่งบางทีเดินจงกรมไป
  • 5:05 - 5:08
    เดินจนเพลินๆ ก็ไหลไปคิดไหลไปฟุ้งซ่าน
  • 5:08 - 5:09
    อันนี้คือขาดสติ
  • 5:09 - 5:12
    มันคือว่าทำไมนักปฏิบัติส่วนใหญ่
  • 5:12 - 5:14
    ปฏิบัติแล้วไม่ค่อยได้ผล
  • 5:14 - 5:16
    เพราะปฏิบัติแล้วมันไม่ค่อยมีสติ
  • 5:16 - 5:19
    ปฏิบัติแล้วส่วนใหญ่เพ่งเอา
  • 5:19 - 5:23
    อย่างพวกเราคนจีนที่ส่วนใหญ่ที่มาส่งการบ้าน
  • 5:23 - 5:27
    ส่วนใหญ่เราตั้งใจปฏิบัติกันมาก
  • 5:27 - 5:30
    ตั้งใจเรียน ตั้งใจภาวนากันมาก
  • 5:30 - 5:32
    พอถึงเวลาเราจงใจเยอะ
  • 5:32 - 5:34
    พอจงใจเยอะ
  • 5:34 - 5:37
    เราจะกลัวหลงกลัวเผลออะไรอย่างนี้
  • 5:37 - 5:38
    เราก็ไปเพ่งไว้
  • 5:38 - 5:40
    จะพุทโธแล้วก็เพ่งพุทโธ
  • 5:40 - 5:43
    จะดูลมหายใจแล้วก็ไปเพ่งลมหายใจ
  • 5:43 - 5:44
    จะไปเดินจงกรม
  • 5:44 - 5:46
    เราก็ไปเพ่งการเดินจงกรม
  • 5:46 - 5:48
    สติเลยไม่เกิด
  • 5:48 - 5:52
    สติตัวนี้ที่ว่าไม่เกิดคือสัมมาสติ
  • 5:52 - 5:53
    ฉะนั้นเราต้องหัด
  • 5:53 - 5:55
    หัดดูให้มันถูก
  • 5:55 - 5:58
    รู้ไปสบายๆ
  • 5:58 - 6:00
    นี่คือส่วนของร่างกาย
  • 6:00 - 6:04
    สภาวะของรูปธรรมที่เราต้องดู
  • 6:04 - 6:05
    ไม่ต้องดูทั้งหมด
  • 6:05 - 6:06
    ดูตัวที่เราถนัด
  • 6:06 - 6:11
    ตัวไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องดูทั้งหมดหรอก
  • 6:11 - 6:14
    แต่ว่าถ้าคนที่ท่านสติไวๆ
  • 6:14 - 6:15
    บางทีดูได้ทั้งหมด
  • 6:15 - 6:19
    อย่างหลวงพ่อปราโมทย์สมัยที่ท่านดู
  • 6:19 - 6:21
    ท่านดูลมหายใจ
  • 6:21 - 6:23
    ตอนหลังท่านไปหัดดู
  • 6:23 - 6:25
    ร่างกายเคลื่อนไหวร่างกายหยุดนิ่ง
  • 6:25 - 6:27
    ร่างกายกระดุกกระดิกอะไรอย่างนี้
  • 6:27 - 6:29
    ท่านก็หัดรู้สึกตัวตรงนี้ได้
  • 6:29 - 6:31
    ท่านบอกว่ารู้สึกตัวตรงนี้
  • 6:31 - 6:33
    แล้วสติของท่านไวสติท่านเยอะ
  • 6:33 - 6:36
    ท่านบอกตอนนอนนี่มันรู้สึกตัวตลอดเลย
  • 6:36 - 6:39
    ร่างกายพลิกซ้ายพลิกขวาก็รู้หมดเลย
  • 6:39 - 6:40
    ร่างกายเคลื่อนไหว
  • 6:40 - 6:41
    ร่างกายกระดุกกระดิกอะไร
  • 6:41 - 6:42
    รู้สึกหมดเลย
  • 6:42 - 6:44
    ท่านเลยบอกเลยนอนไม่ค่อยสนุกเลย
  • 6:44 - 6:47
    เพราะว่าพอร่างกายขยับปุ๊บก็รู้สึกตัว
  • 6:47 - 6:49
    ร่างกายขยับปุ๊บก็รู้สึกตัวอย่างนี้
  • 6:49 - 6:51
    เราไปหัดนะ
  • 6:51 - 6:54
    หัดให้มันรู้สึกตัวขึ้นมา
  • 6:54 - 6:57
    อย่างตอนนั้นพระอาจารย์ที่เล่าให้ฟังวันก่อน
  • 6:57 - 7:00
    พระอาจารย์ก็หัดไปดูร่างกายเคลื่อนไหว
  • 7:00 - 7:01
    ร่างกายหยุดนิ่ง
  • 7:01 - 7:02
    หัดไปอยู่ 3-4 วัน
  • 7:02 - 7:06
    พอร่างกายเคลื่อนไหวตอนนั้นเราขาดสติ
  • 7:06 - 7:08
    ร่างกายเคลื่อนไหวมันรู้สึกตัวขึ้นมาเลย
  • 7:08 - 7:10
    จิตตื่นออกมา
  • 7:10 - 7:14
    ตัวนี้จะว่ายากก็ยาก
  • 7:14 - 7:16
    แต่ว่าถ้าคนที่ค่อยๆฝึก
  • 7:16 - 7:19
    มันจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้
  • 7:19 - 7:24
    เวลาเราฝึกก็คืออย่าจงใจเยอะ
  • 7:24 - 7:27
    ถ้าเราจงใจมันคือการเพ่ง
  • 7:27 - 7:30
    ทีนี้เราไม่จงใจ
  • 7:30 - 7:32
    มันก็จะหลงขาดสติไป
  • 7:32 - 7:36
    แต่ว่าต้องคอยรู้ร่างกายรู้รูปบ่อยๆ
  • 7:36 - 7:38
    รู้ไปจนกว่ามันจะจำสภาวะได้
  • 7:38 - 7:41
    ต่อไปถ้ามันจำสภาวะของรูปธรรมทั้งหลาย
  • 7:41 - 7:43
    ที่พระอาจารย์เล่าให้ฟังได้
  • 7:43 - 7:46
    เวลามันเคลื่อนไหวมันรู้สึกของมันเอง
  • 7:46 - 7:47
    คล้ายๆ รู้สึกว่า
  • 7:47 - 7:49
    ร่างกายมันเคลื่อนไหว มันก็รู้
  • 7:49 - 7:51
    ร่างกายหยุดนิ่งมันก็รู้
  • 7:51 - 7:54
    ร่างกายยืนเดินนั่งนอนก็รู้
  • 7:54 - 7:55
    ร่างกายหายใจออก
  • 7:55 - 7:58
    ร่างกายหายใจเข้าก็จะรู้
  • 7:58 - 8:01
    นี่ล่ะคือการฝึกสติของการดูร่างกาย
  • 8:01 - 8:04
    ส่วนการดูเวทนา
  • 8:04 - 8:06
    บางคนชอบดูเวทนา
  • 8:06 - 8:09
    เวทนาก็มีความสุข ความทุกข์ ความเฉยๆ
  • 8:09 - 8:11
    อันนี้เวทนาทางใจ
  • 8:11 - 8:12
    เวทนาทางกายก็มี
  • 8:12 - 8:15
    สุขเวทนากับทุกขเวทนา
  • 8:15 - 8:17
    แต่ส่วนใหญ่ดูเวทนาทางกายมันดูยาก
  • 8:17 - 8:20
    ต้องอาศัยสมาธิสูงๆ หน่อย
  • 8:20 - 8:23
    แต่ว่าตัวที่ดูง่ายดูเวทนาทางใจ
  • 8:23 - 8:26
    เวทนาทางใจเกิดตลอดเวลา
  • 8:26 - 8:28
    อย่างตอนนี้เรามีความสุข
  • 8:28 - 8:32
    หรือเรามีความทุกข์หรือว่าเราเฉยๆ
  • 8:32 - 8:33
    เราก็รู้ไป
  • 8:33 - 8:37
    รู้ไปจนกว่ามันจะจำสภาวะของเวทนาพวกนี้ได้
  • 8:37 - 8:39
    สติก็จะเกิดขึ้นมาเอง
  • 8:39 - 8:42
    จริงๆ ครูบาอาจารย์บางท่าน
  • 8:42 - 8:45
    ก็บอกตัวเวทนานี่ดูง่าย
  • 8:45 - 8:47
    แต่จริงๆ มันแล้วแต่คนถนัด
  • 8:47 - 8:49
    ถ้าเราถนัดเราก็ดู
  • 8:49 - 8:51
    ถ้าเราไม่ถนัดเราก็ไปดูตัวอื่น
  • 8:51 - 8:55
    ตัวอีกตัวหนึ่งคือตัวความปรุงแต่ง
  • 8:55 - 8:58
    ปรุงจิต ปรุงกุศล ปรุงอกุศล
  • 8:58 - 8:59
    เราหัดดูไป
  • 8:59 - 9:01
    จิตมีความโกรธเราก็รู้ทัน
  • 9:01 - 9:03
    จิตไม่โกรธเราก็รู้ทัน
  • 9:03 - 9:06
    จิตมีความโลภเราก็รู้ทัน
  • 9:06 - 9:07
    จิตไม่มีความโลภเราก็รู้ทัน
  • 9:07 - 9:10
    หรือจิตหลงเราก็รู้ทัน
  • 9:10 - 9:12
    จิตไม่หลงเราก็รู้
  • 9:12 - 9:16
    แต่ส่วนใหญ่จิตหลงจิตไม่หลงจะดูยาก
  • 9:16 - 9:19
    จิตหลงนี่มีหลายตัว
  • 9:19 - 9:22
    อย่างตัวฟุ้งซ่าน ตัวหดหู่
  • 9:22 - 9:25
    เราค่อยๆ สังเกตไป
  • 9:25 - 9:26
    เราหัดดูสภาวะไป
  • 9:26 - 9:28
    อย่างตัวความโกรธนี่มีเยอะแยะเลย
  • 9:28 - 9:30
    ถ้าเราค่อยๆ สังเกต
  • 9:30 - 9:32
    โกรธแรงๆ โกรธเบาๆ
  • 9:32 - 9:34
    หรือว่าหงุดหงิดอะไรอย่างนี้
  • 9:34 - 9:37
    อย่างรำคาญอะไรอย่างนี้
  • 9:37 - 9:38
    เราหัดดูไป
  • 9:38 - 9:41
    ถ้าเราค่อยๆ สังเกต
  • 9:41 - 9:44
    ค่อยๆ ดูสภาวะของนามธรรมเหล่านี้ไปเรื่อยๆ
  • 9:44 - 9:47
    ต่อไปจิตมันจำสภาวะ
  • 9:47 - 9:49
    ของนามธรรมทั้งหลายเหล่านี้ได้
  • 9:49 - 9:51
    จิตจะตื่นออกมาเอง
  • 9:51 - 9:54
    ถ้าเราจำสภาวะ
  • 9:54 - 9:56
    ของรูปของนามธรรมทั้งหลาย
  • 9:56 - 9:58
    ที่เราฝึกดูสภาวะตัวนี้บ่อยๆ
  • 9:58 - 10:01
    ถ้ามันจำรูปจำนามธรรมพวกนี้บ่อยๆ
  • 10:01 - 10:03
    จิตจะตื่นออกมาเอง
  • 10:03 - 10:06
    แล้วพอมันตื่นออกมาเราจะรู้สึกเลย
  • 10:06 - 10:08
    เราไม่ได้ทำอะไร
  • 10:08 - 10:10
    มันแค่รู้ของมันเฉยๆ
  • 10:10 - 10:14
    แต่ว่าถ้าเรายังบังคับร่างกายบังคับจิตใจ
  • 10:14 - 10:16
    หรือว่ายังไหลไปคิดเรื่องกรรมฐาน
  • 10:16 - 10:18
    ไหลไปคิดเรื่องร่างกาย
  • 10:18 - 10:21
    ไหลไปคิดเรื่องนามธรรมเรื่องจิตใจ
  • 10:21 - 10:22
    สติไม่เกิด
  • 10:22 - 10:24
    ใจไม่ตื่นออกมา
  • 10:24 - 10:26
    ฝึกตัวนี้บ่อยๆ
  • 10:26 - 10:28
    ถ้าเราฝึกพวกนี้ได้บ่อยๆ
  • 10:28 - 10:30
    ใจจะตื่นออกมา
  • 10:30 - 10:32
    ต่อไปร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้สึก
  • 10:32 - 10:35
    นามธรรมเกิดก็รู้สึก
  • 10:35 - 10:38
    เราค่อยๆ ฝึกสติอยู่กับร่างกาย
  • 10:38 - 10:40
    อยู่กับจิตใจบ่อยๆ
  • 10:40 - 10:42
    ถ้าเรามีสติตัวนี้ได้
  • 10:42 - 10:44
    มันเกิดสัมมาสติขึ้นมาได้
  • 10:44 - 10:47
    ที่เราระลึกรู้รูปธรรมนามธรรม
  • 10:47 - 10:50
    ในร่างกายในจิตใจของเราตัวนี้ได้บ่อยๆ
  • 10:50 - 10:52
    สัมมาสมาธิจะเกิดขึ้นมาเอง
  • 10:52 - 10:57
    สมัยที่พระอาจารย์ฝึกไม่ได้ว่า...
  • 10:57 - 11:00
    ช่วงแรกไม่ได้ว่าฝึกยากเย็นอะไร
  • 11:00 - 11:02
    ฝึกหัดดูสภาวะอย่างนี้
  • 11:02 - 11:05
    ร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้สึก
  • 11:05 - 11:06
    ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้สึก
  • 11:06 - 11:09
    ตอนที่ฝึกมันมีเจตนา
  • 11:09 - 11:11
    แต่ไม่ได้เจตนาแรง
  • 11:11 - 11:14
    เจตนาแรงๆ คือการเพ่งร่างกาย
  • 11:14 - 11:18
    ตัวนี้จะทำให้สัมมาสติไม่เกิด
  • 11:18 - 11:20
    เราหัดดูไปสบายๆ อย่างนี้ล่ะ
  • 11:20 - 11:22
    ดูร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้
  • 11:22 - 11:24
    ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้
  • 11:24 - 11:26
    ตามดูร่างกายไปบ่อยๆ
  • 11:26 - 11:28
    พอมันจำรูปของร่างกาย
  • 11:28 - 11:30
    รูปร่างกายตอนนั้นที่พระอาจารย์
  • 11:30 - 11:32
    ดูรูปของร่างกายคือ
  • 11:32 - 11:34
    รูปเคลื่อนไหว รูปหยุดนิ่ง
  • 11:34 - 11:36
    รูปกระดุกกระดิก
  • 11:36 - 11:38
    พอมันจำรูปของพวกนี้ได้
  • 11:38 - 11:40
    ต่อไปเราเคลื่อนไหว
  • 11:40 - 11:42
    สติมันเกิดของมันเอง
  • 11:42 - 11:44
    ตอนสติมันเกิดของมันเองเรายังรู้สึก
  • 11:44 - 11:46
    เออ แปลกดี
  • 11:46 - 11:49
    ไม่คิดว่าตอนที่เราหลงๆ
  • 11:49 - 11:51
    แล้วเราเคลื่อนไหว สติมันจะเกิด
  • 11:51 - 11:54
    อย่างหลวงพ่อปราโมทย์ท่านเคยเล่า
  • 11:54 - 11:56
    ตอนนั้นท่านไปดูสายหลวงพ่อเทียน
  • 11:56 - 11:59
    ทำกรรมฐานเคลื่อนไหวหยุดนิ่งอะไรอย่างนี้
  • 11:59 - 12:00
    ทำจังหวะ
  • 12:00 - 12:03
    ท่านไปดูแล้วตอนแรกท่านเป็นคนโทสะ
  • 12:03 - 12:05
    ให้ไปทำครบทั้งเซ็ตของจังหวะนั้น
  • 12:05 - 12:08
    14 หรืออะไรนั่น
  • 12:08 - 12:11
    ท่านบอกว่าทำแล้วมันเยอะไป
  • 12:11 - 12:14
    ท่านไม่ชอบ อะไรที่เยอะๆ
  • 12:14 - 12:15
    ดูแล้วมันรำคาญ
  • 12:15 - 12:17
    ท่านก็เลยไปขยับมือ
  • 12:17 - 12:19
    มือเคลื่อนไหวก็รู้สึก
  • 12:19 - 12:22
    มือกำก็รู้สึก มือแบก็รู้สึก
  • 12:22 - 12:24
    ทำขยับมือแล้วรู้สึกไป
  • 12:24 - 12:26
    ท่านบอกทำอยู่ไม่กี่วันหรอก
  • 12:26 - 12:30
    วันหนึ่งเดินไปที่ถนน
  • 12:30 - 12:31
    เห็นเพื่อน
  • 12:31 - 12:34
    เพื่อนสนิท เพื่อนเก่า
  • 12:34 - 12:36
    ไม่ได้เจอกันนานอยู่ตรงข้ามถนน
  • 12:36 - 12:39
    ตอนที่เห็นดีใจ
  • 12:39 - 12:41
    แต่ว่าไม่เห็นจิต
  • 12:41 - 12:44
    พอขาก้าวจะข้ามถนนไปนี่
  • 12:44 - 12:48
    ด้วยความที่ท่านเคยฝึกขยับมือจนสติเกิดแล้ว
  • 12:48 - 12:50
    พอขาก้าวปุ๊บ
  • 12:50 - 12:51
    สติมันเกิดเลย
  • 12:51 - 12:52
    มันรู้ทัน
  • 12:52 - 12:54
    นี่คือสติที่เกิดอัตโนมัติ
  • 12:54 - 12:58
    เราต้องฝึกจนกว่าสติมันจะเกิดอัตโนมัติ
  • 12:58 - 13:01
    สติอัตโนมัติเป็นเรื่องที่ทำเอาไม่ได้
  • 13:01 - 13:03
    แต่มันรู้สึกตัวของมันเอง
  • 13:03 - 13:07
    ถ้าเรายังบังคับให้มันเกิดมันไม่เกิด
  • 13:07 - 13:08
    ส่วนใหญ่มันจะเพ่ง
  • 13:08 - 13:11
    หรือไปคิดจะให้มันเกิดก็ไม่เกิด
  • 13:11 - 13:12
    ส่วนใหญ่มันจะฟุ้งซ่าน
  • 13:12 - 13:14
    เราค่อยๆ ฝึกนะ
  • 13:14 - 13:18
    ตัวนี้มันต้องเห็นทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม
  • 13:18 - 13:20
    เห็นตัวสภาวะจริงๆ
  • 13:20 - 13:23
    แล้วมีสติคอยระลึกรู้บ่อยๆ
  • 13:23 - 13:26
    จะดูร่างกายหายใจออกก็ได้
  • 13:26 - 13:28
    จะดูร่างกายหายใจเข้าก็ได้
  • 13:28 - 13:30
    หรือดูรูปหายใจออก
  • 13:30 - 13:31
    ดูรูปหายใจเข้า
  • 13:31 - 13:35
    ดูรูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอน
  • 13:35 - 13:38
    รูปเคลื่อนไหว รูปหยุดนิ่ง
  • 13:38 - 13:39
    เราหัดดูไป
  • 13:39 - 13:42
    จริงๆ รูปมีมากกว่านี้
  • 13:42 - 13:44
    แต่ว่าอันนี้คือเหมาะกับพวกเรา
  • 13:44 - 13:48
    เหมาะกับพวกเราที่ไม่ได้ทรงสมาธิ
  • 13:48 - 13:49
    จิตไม่ได้ทรงฌาน
  • 13:49 - 13:52
    จริงๆ อย่างรุ่นครูบาอาจารย์ท่านดูกัน
  • 13:52 - 13:55
    ท่านดูกันถึงธาตุ 4 อย่างนี้
  • 13:55 - 13:57
    ในร่างกายแต่ละอวัยวะ
  • 13:57 - 14:00
    พอแยกๆ ออกไปกลายเป็นธาตุ
  • 14:00 - 14:02
    ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ
  • 14:02 - 14:04
    แต่ตัวนี้มันยาก
  • 14:04 - 14:07
    ถ้าให้เราไปภาวนาส่วนใหญ่ก็จะคิดเอา
  • 14:07 - 14:09
    ทีนี้รูปที่เราดูได้ง่ายๆ
  • 14:09 - 14:11
    อย่างที่พระอาจารย์เล่า
  • 14:11 - 14:13
    รูปร่างกายหายใจออก
  • 14:13 - 14:15
    ร่างกายหายใจเข้า
  • 14:15 - 14:17
    อันนี้รูปที่เราดูได้
  • 14:17 - 14:21
    หรือรูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอน
  • 14:21 - 14:22
    อันนี้เราดูได้
  • 14:22 - 14:24
    รูปเคลื่อนไหว รูปหยุดนิ่ง
  • 14:24 - 14:25
    อันนี้เราดูได้
  • 14:25 - 14:31
    นามธรรมอย่างจิตมีความสุขเรารู้
  • 14:31 - 14:33
    จิตมีความทุกข์เรารู้
  • 14:33 - 14:35
    จิตเฉยๆ เรารู้
  • 14:35 - 14:37
    จิตเรามีความโกรธเรารู้
  • 14:37 - 14:40
    จิตเราไม่มีความโกรธเรารู้
  • 14:40 - 14:42
    จิตเรามีความโลภเราก็รู้
  • 14:42 - 14:44
    จิตไม่มีความโลภเราก็รู้
  • 14:44 - 14:46
    จิตหลงเราก็รู้
  • 14:46 - 14:47
    จิตไม่หลงเราก็รู้
  • 14:47 - 14:52
    จิตฟุ้งซ่านจิตหดหู่เราก็หัดรู้ไป
  • 14:52 - 14:54
    นี่คือสภาวธรรมที่เราดูได้
  • 14:54 - 14:56
    ถ้าเราดูตัวนี้ได้บ่อยๆ
  • 14:56 - 14:58
    สัมมาสติจะเกิดเอง
  • 14:58 - 15:01
    ฝึกไปมันไม่ยากหรอก
  • 15:01 - 15:04
    เราอย่าไปคร่ำเคร่งกับการภาวนา
  • 15:04 - 15:06
    หรืออย่าไปคิดธรรมะเอา
  • 15:06 - 15:08
    แต่ดูให้เห็นเนื้อแท้
  • 15:08 - 15:11
    ให้เห็นแก่นสารของการปฏิบัติ
  • 15:11 - 15:13
    คือต้องเห็นสภาวะ
  • 15:13 - 15:15
    แล้วมีตามรู้ตามดูบ่อยๆ
  • 15:15 - 15:19
    จนจิตจำสภาวะของรูปธรรมนามธรรมได้
  • 15:19 - 15:22
    ต่อไปสัมมาสติจะเกิดขึ้นเอง
  • 15:22 - 15:25
    สมัยก่อนพระอาจารย์ฝึก
  • 15:25 - 15:27
    ไม่ได้คิดว่ามันจะเกิด
  • 15:27 - 15:29
    ตอนนั้นเรียนกับหลวงพ่อ
  • 15:29 - 15:31
    ไม่เข้าใจหรอกเรื่องสติ
  • 15:31 - 15:32
    พอไม่เข้าใจ
  • 15:32 - 15:35
    เราก็ไปหัดทำเลยง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ
  • 15:35 - 15:41
    บางทีเราเดินอยู่เห็นของที่เราชอบ
  • 15:41 - 15:45
    ก็เห็นราคะมันพุ่งขึ้นมา
  • 15:45 - 15:49
    สติระลึกรู้ทันราคะก็ดับไปได้
  • 15:49 - 15:52
    เออ เขาดูกันอย่างนี้เอง
  • 15:52 - 15:55
    ตอนที่ดูนี่ไม่ได้เจตนาจะเห็นมันเลย
  • 15:55 - 15:56
    เพราะว่าจริงๆ
  • 15:56 - 15:58
    ตาเรามองสิ่งภายนอก
  • 15:58 - 16:00
    แต่กิเลสมันพุ่งขึ้นมาจากในใจเรา
  • 16:00 - 16:03
    เห็นราคะมันพุ่งขึ้นมา
  • 16:03 - 16:06
    สติมันเห็น เป็นแค่คนเห็น
  • 16:06 - 16:08
    เป็นแค่คนรู้คนดูเอง
  • 16:08 - 16:09
    ราคะดับไปเลย
  • 16:09 - 16:13
    ใจก็เบิกบาน ใจก็มีความสุข
  • 16:13 - 16:15
    ใจเบิกบานเราก็เห็น
  • 16:15 - 16:17
    ใจเรามีความสุขเราก็เห็น
  • 16:17 - 16:19
    ก็ยังอัศจรรย์เลย
  • 16:19 - 16:22
    แค่เราฝึกจนสติมันเกิด
  • 16:22 - 16:26
    กิเลสมันดับไปต่อหน้าต่อตาเลย
  • 16:26 - 16:27
    โดยเราไม่ได้ทำอะไรเลย
  • 16:27 - 16:32
    บางทีอย่างตอนทำงานคนมาพูดขัดใจ
  • 16:32 - 16:34
    เห็นโทสะมันพุ่ง
  • 16:34 - 16:37
    ตอนที่คุยกับเขาจิตก็ยังส่งออกนอก
  • 16:37 - 16:40
    แต่เขาพูดแล้วเราโมโห
  • 16:40 - 16:43
    เห็นโทสะมันพุ่งขึ้นมา
  • 16:43 - 16:46
    สติระลึกรู้ ก็แค่เห็นนะ
  • 16:46 - 16:50
    เห็นโทสะมันพุ่งขึ้นมานี่โทสะก็ดับไปเลย
  • 16:50 - 16:52
    เราไม่ได้ทำอะไรเลย
  • 16:52 - 16:54
    สติระลึกรู้ของมันเอง
  • 16:54 - 16:56
    โทสะก็ดับไปเลยต่อหน้าต่อตา
  • 16:56 - 16:57
    ใจก็มีความสุข
  • 16:57 - 16:59
    มีความเบิกบานขึ้นมาแทน
  • 16:59 - 17:03
    นี่คือฝึกจนได้สัมมาสติอย่างนี้
  • 17:03 - 17:05
    หรืออย่างเราดูร่างกาย
  • 17:05 - 17:06
    เราขาดสติอยู่
  • 17:06 - 17:09
    ร่างกายเคลื่อนไหวมันรู้สึกตัวของมันเองเลย
  • 17:09 - 17:10
    หรืออย่างหลวงพ่อ
  • 17:10 - 17:13
    ชอบยกตัวอย่างเรื่องอานาปานสติ
  • 17:13 - 17:16
    อย่างเราหายใจออกก็รู้
  • 17:16 - 17:17
    เราหายใจเข้าก็รู้
  • 17:17 - 17:19
    ร่างกายหายใจออกเราก็รู้สึก
  • 17:19 - 17:21
    ร่างกายหายใจเข้าเราก็รู้สึก
  • 17:21 - 17:23
    อย่างพอคนมายั่วให้เราโกรธ
  • 17:23 - 17:27
    ลมหายใจมันผิดจังหวะ
  • 17:27 - 17:28
    พอผิดจังหวะปุ๊บ
  • 17:28 - 17:30
    สติมันก็เกิดของมันเองเลย
  • 17:30 - 17:32
    มันรู้ตอนนี้โกรธแล้วนี่
  • 17:32 - 17:35
    เราฝึกไปนะแล้วถ้าเรามีสตินี่
  • 17:35 - 17:38
    ชีวิตเราก็จะดีขึ้นเยอะเลย
  • 17:38 - 17:41
    กิเลสก็จะค่อยๆ ลดลงไป
  • 17:41 - 17:43
    ถ้าเราฝึกสัมมาสติของเราได้
  • 17:43 - 17:47
    ทีนี้พอเรามีสัมมาสติบ่อยๆ
  • 17:47 - 17:49
    ถ้าเราฝึกได้จนดูได้บ่อยๆ
  • 17:49 - 17:51
    ดูได้แทบทั้งวัน
  • 17:51 - 17:54
    ใจก็จะมีสัมมาสมาธิขึ้นมา
  • 17:54 - 17:56
    อย่างที่พระอาจารย์เล่าให้ฟัง
  • 17:56 - 17:59
    อย่างตอนที่เราเห็นโทสะมันพุ่งขึ้นมา
  • 17:59 - 18:02
    เรามีสติระลึกรู้ทัน
  • 18:02 - 18:03
    โทสะมันดับไป
  • 18:03 - 18:05
    โทสะมันดับไป
  • 18:05 - 18:07
    เกิดจิตตั้งมั่นขึ้นมาขณะหนึ่ง
  • 18:07 - 18:09
    จิตที่รู้ตื่นเบิกบานขึ้นมาขณะหนึ่ง
  • 18:09 - 18:13
    แล้วเราเห็นสภาวะอะไรต่อไปอีกนี่
  • 18:13 - 18:16
    บางทีเราเห็นจิต
  • 18:16 - 18:19
    ที่รู้ตื่นเบิกบานขึ้นมาขณะหนึ่ง
  • 18:19 - 18:21
    บางทีเราเห็นใจมันไหลไป
  • 18:21 - 18:23
    จิตที่ไหลก็คือจิตที่มันหลงนั่นล่ะ
  • 18:23 - 18:24
    เรามีสติรู้ทัน
  • 18:24 - 18:26
    จิตที่หลงมันดับไป
  • 18:26 - 18:27
    เกิดจิตที่รู้สึกตัว
  • 18:27 - 18:29
    จิตที่รู้ตื่นเบิกบาน
  • 18:29 - 18:31
    หรือว่าจิตที่ไม่หลงขึ้นมาขณะหนึ่ง
  • 18:31 - 18:33
    เดี๋ยวมันก็ไหลไปที่ร่างกายได้
  • 18:33 - 18:34
    เรามีสติรู้ทัน
  • 18:34 - 18:36
    จิตที่ไหลไปที่ร่างกายก็ดับไป
  • 18:36 - 18:38
    เกิดจิตที่รู้สึกตัวตั้งมั่นขึ้นมา
  • 18:38 - 18:43
    นี่มันจะรู้สึกตัวตั้งมั่นได้ทีละขณะๆๆ
  • 18:43 - 18:45
    แต่ถ้าเราฝึกบ่อยๆ
  • 18:45 - 18:49
    ทีละขณะนี่มันเหมือนจะทรงจิตผู้รู้ขึ้นมาได้
  • 18:49 - 18:52
    หลวงพ่อใช้บอกว่ามีจิตผู้รู้
  • 18:52 - 18:56
    แบบรู้แบบเด่นดวงขึ้นมา
  • 18:56 - 18:58
    คือจริงๆ มันไม่ได้เด่นดวงอะไรหรอก
  • 18:58 - 19:00
    แต่ว่าจิตผู้รู้มันต่อเนื่อง
  • 19:00 - 19:02
    มันก็เหมือนกับทรงจิตผู้รู้ไว้ได้
  • 19:02 - 19:05
    แล้วมันก็จะเห็นร่างกายเคลื่อนไหวก็รู้สึก
  • 19:05 - 19:07
    จิตใจทำงานก็รู้สึก
  • 19:07 - 19:12
    ถ้าเราฝึกจนมีใจที่ตั้งมั่นขึ้นมาได้แล้วนี่
  • 19:12 - 19:16
    เรื่องทำวิปัสสนาจะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
  • 19:16 - 19:19
    การทำวิปัสสนาก็ทำไปเหมือนเดิมล่ะ
  • 19:19 - 19:21
    ก็ดูสภาวะเกิดดับไปเหมือนเดิมล่ะ
  • 19:21 - 19:23
    แต่ทีนี้จิตมันจะหมาย
  • 19:23 - 19:26
    ลงไปรู้ว่าทุกสภาวะที่เราดูนี่มันไม่เที่ยง
  • 19:26 - 19:29
    หรือว่าเห็นทุกสภาวะนี่มันถูกบีบคั้น
  • 19:29 - 19:31
    ทนอยู่ในสภาวะเดียวไม่ได้
  • 19:31 - 19:34
    หรือว่าเห็นสภาวธรรมทั้งหลาย
  • 19:34 - 19:37
    มันไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเรา
  • 19:37 - 19:38
    มันเป็นอนัตตา
  • 19:38 - 19:40
    ถ้าเราดูไปบ่อยๆ
  • 19:40 - 19:42
    ปัญญาจะค่อยๆ เกิดขึ้น
  • 19:42 - 19:46
    ตัวนี้มันเกิดจาก
  • 19:46 - 19:50
    เราเริ่มต้นจากการที่เรามีสติหัดดูสภาวะ
  • 19:50 - 19:52
    แต่ถ้าเราไปทำวิธีอื่น
  • 19:52 - 19:54
    เราไม่เห็นสภาวะ
  • 19:54 - 19:55
    ไม่มีสัมมาสติเกิดขึ้น
  • 19:55 - 19:58
    ไม่มีสัมมาสมาธิเกิดขึ้น
  • 19:58 - 20:00
    เรื่องเดินปัญญาจะเป็นเรื่องยาก
  • Not Synced
    ส่วนใหญ่สายที่เขาทำ
  • Not Synced
    แล้วไม่เกิดจิตผู้รู้ขึ้นมานี่แล้วจะไปเดินปัญญา
  • Not Synced
    ส่วนใหญ่จะไปคิดเอา
  • Not Synced
    พอไปคิดเอา
  • Not Synced
    แล้วได้ความรู้ความเห็นอะไรเกิดขึ้นมา
  • Not Synced
    ก็คิดว่าเข้าใจธรรมะ
  • Not Synced
    แต่จริงๆ ไม่ได้เข้าใจธรรมะหรอก
  • Not Synced
    เพราะว่าจิตมันผิด
  • Not Synced
    ส่วนใหญ่ไปเห็นอะไรแล้วก็จะ
  • Not Synced
    ...ถ้าภาษาในธรรมะเรียกว่าเกิดวิปัสสนู
  • Not Synced
    ฉะนั้นเราค่อยๆ ฝึกไป
  • Not Synced
    อย่าไปอยากได้ผล
  • Not Synced
    ถ้าเราอยากได้ผลส่วนใหญ่จะจงใจ
  • Not Synced
    จะทำด้วยความอยาก
  • Not Synced
    ผลที่ทำด้วยความอยากนี่มันเป็นโลภะ
  • Not Synced
    ทำให้เราทุกข์
  • Not Synced
    ไม่ได้ทำให้เราเกิดปัญญา
  • Not Synced
    แต่ว่าเรามีสติรู้กายรู้ใจบ่อยๆ
  • Not Synced
    ฝึกให้มีฉันทะที่จะดูตัวนี้ได้บ่อยๆ
  • Not Synced
    ถ้าเราฝึกให้ดูร่างกายดูจิตใจได้บ่อยๆ
  • Not Synced
    เดี๋ยวสัมมาสติมันเกิด
  • Not Synced
    สัมมาสมาธิมันเกิด
  • Not Synced
    แล้วปัญญามันจะเกิดตามมา
  • Not Synced
    พวกเราต้องจับหลักตรงนี้ให้แม่นๆ
  • Not Synced
    ถ้าเราจับหลักตรงนี้ได้แม่น
  • Not Synced
    เราจะไปทำรูปแบบ
  • Not Synced
    เราจะทำได้เลย
  • Not Synced
    ทำได้อย่างสบายๆ
  • Not Synced
    อย่างเวลาทำกรรมฐานเวลาทำรูปแบบ
  • Not Synced
    หรือว่าเรียกว่าทำสมาธิก็ได้
  • Not Synced
    เวลาเราไปฝึกรูปแบบฝึกสมาธินี่
  • Not Synced
    จะมีสภาวะ 3 อัน
  • Not Synced
    อย่างเราไปฝึกที่เล่าให้ฟัง
  • Not Synced
    สมมติเราทำกรรมฐานที่เราทำ
  • Not Synced
    ถ้าเราจงใจเยอะมันคือการเพ่ง
  • Not Synced
    แต่ว่าถ้าเราทำกรรมฐาน
  • Not Synced
    อย่างเช่นเรานึกพุทโธๆๆ
  • Not Synced
    ถ้าเราจงใจเยอะมันคือการเพ่งพุทโธ
  • Not Synced
    ตัวนี้ไม่ได้สติที่ดีไม่ได้สมาธิที่ดี
  • Not Synced
    แต่ถ้าเราพุทโธๆ ไปสบายๆ
  • Not Synced
    แล้วจิตก็อยู่กับพุทโธ
  • Not Synced
    ตัวนี้ได้สมาธิ
  • Not Synced
    แต่เป็นสมาธิแบบอารัมมณูปนิชฌาน
  • Not Synced
    แต่ถ้าเราพุทโธๆ ไป
  • Not Synced
    แล้วใจก็ไหลไปคิดอื่นๆ
  • Not Synced
    ฟุ้งซ่านคือขาดสติคือการหลง
  • Not Synced
    อย่างเวลาเราเดินจงกรมเราเห็นร่างกายมันเดิน
  • Not Synced
    เรามีสติรู้ร่างกายมันเดิน
  • Not Synced
    เห็นร่างกายเดินจงกรมไป
  • Not Synced
    แต่ถ้าเราเจตนาแรงจงใจแรง
  • Not Synced
    นี่คือการเพ่ง
  • Not Synced
    เพ่งร่างกายที่เดินจงกรม
  • Not Synced
    ถ้าเพ่งร่างกายที่เดินจงกรม
  • Not Synced
    สมาธิที่ดีก็จะไม่เกิด
  • Not Synced
    จะเป็นสมาธิแบบเพ่งซึ่งเอาไปทำอะไรต่อไม่ได้
  • Not Synced
    แต่ถ้าเราดูร่างกายเดินจงกรม
  • Not Synced
    เห็นร่างกายมันเดินจงกรมไปสบายๆ
  • Not Synced
    จิตอยู่กับการเดินจงกรม อันนี้ได้สมาธิ
  • Not Synced
    สมาธิแบบอารัมมณูปนิชฌาน
  • Not Synced
    จำเป็นนะเป็นสมาธิที่เอาไว้ใช้พักผ่อน
  • Not Synced
    แต่ถ้าเดินจงกรม
  • Not Synced
    บางคนเดินจนชำนาญใช่ไหม
  • Not Synced
    เดินไปก็คิดเรื่องโน้นไปคิดเรื่องนี้ไป
  • Not Synced
    ร่างกายก็เดิน
  • Not Synced
    เดินจงกรมอยู่แต่ว่าใจไหลคิดฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    ไหลหลงไปเรื่องโน้นไปเรื่องนี้
  • Not Synced
    อันนี้คือขาดสติ
  • Not Synced
    ถ้าเราทิ้งเรื่องหลักของการมีสติ
  • Not Synced
    ทำกรรมฐานไม่ค่อยได้ผล
  • Not Synced
    แต่ถ้าเรามีสติ
  • Not Synced
    ทำกรรมฐานอะไรก็จะได้ผลขึ้นมา
  • Not Synced
    ต้องจับหลักการภาวนาให้แม่นๆ
  • Not Synced
    แล้วเราค่อยๆ เดินไป
  • Not Synced
    อย่างพื้นฐานพวกเราเป็นคนเมือง
  • Not Synced
    สมาธิเราน้อย
  • Not Synced
    พอสมาธิเราน้อยเราจะฝึกสัมมาสติ
  • Not Synced
    มันจะฝึกยากหน่อย
  • Not Synced
    แต่อย่างหลวงพ่อปราโมทย์นี่
  • Not Synced
    ท่านฝึกสมาธิของท่านมาก่อน
  • Not Synced
    ท่านฝึกมาตั้ง 22 ปี
  • Not Synced
    จนมีความชำนาญในเรื่องของสมาธิ
  • Not Synced
    แล้วสมาธิที่ท่านชำนาญนี่เป็นสมาธิ
  • Not Synced
    ที่แบบเป็นสัมมาสมาธิ
  • Not Synced
    ใจตั้งมั่นอยู่กับตัว
  • Not Synced
    ฝึกมาได้ตั้งแต่เด็กแล้ว
  • Not Synced
    พอท่านไปเจอครูบาอาจารย์
  • Not Synced
    ไปเจอหลวงปู่ดูลย์
  • Not Synced
    ท่านสอนให้ดูจิต
  • Not Synced
    ที่หลวงปู่ดูลย์สอนท่าน
  • Not Synced
    “อ่านหนังสือมามากแล้ว ต่อไปนี้อ่านจิตตนเอง”
  • Not Synced
    ท่านไปตามดูจิตของท่าน
  • Not Synced
    ท่านดูได้ทั้งวันเลย
  • Not Synced
    ที่ดูได้ทั้งวันเพราะว่าสมาธิท่านเยอะ
  • Not Synced
    สมาธิท่านเยอะ
  • Not Synced
    ท่านก็จะดูได้ตลอดเวลา
  • Not Synced
    แต่สมาธิเราไม่เยอะ
  • Not Synced
    ส่วนใหญ่ของเราคนเมือง
  • Not Synced
    ที่เยอะคือความฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    จิตมันชินที่จะฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    อย่างยุคนี้เป็นยุคของเทคโนโลยี
  • Not Synced
    ใจฟุ้งซ่านเยอะมาก
  • Not Synced
    สังเกตได้จาก
  • Not Synced
    ...อันนี้พูดถึงคนไทย
  • Not Synced
    คือคนจีนนี่พระอาจารย์ไม่รู้ว่า
  • Not Synced
    ชอบติดโซเชียลมีเดียอะไรพวกนี้มากหรือเปล่า
  • Not Synced
    หรือว่าชอบเล่นมือถือกันมากหรือเปล่า
  • Not Synced
    พระอาจารย์ไม่รู้
  • Not Synced
    แต่คนไทยนี่ชอบมากเลย
  • Not Synced
    ว่างไม่ได้
  • Not Synced
    ว่างปุ๊บก็จะหยิบมือถือขึ้นมาดูเลย
  • Not Synced
    แล้วส่วนใหญ่ดูแพล็บๆ
  • Not Synced
    ก็จะเปลี่ยน
  • Not Synced
    ดูแพล็บๆ ก็จะเปลี่ยน
  • Not Synced
    คือตัวนี้มันเป็นการทำลายสมาธิของเรา
  • Not Synced
    เพราะว่าใจไม่เคยจดจ่อกับอะไรสักเรื่องหนึ่งเลย
  • Not Synced
    ดูอันนี้นิดหนึ่งเปลี่ยน
  • Not Synced
    ดูอันนี้นิดหนึ่งเปลี่ยน
  • Not Synced
    ดูอันนี้หน่อยหนึ่งก็ข้ามไปอะไรอย่างนี้
  • Not Synced
    ใจจะฟุ้งซ่านตลอด
  • Not Synced
    เทคโนโลยีพวกนี้มันฝึกให้เราฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    เมื่อก่อนเขาออกแบบมาเพื่อให้เราสะดวกสบาย
  • Not Synced
    แต่จริงๆ ความสะดวกสบายนี่ทำให้เราฟุ้งซ่านมากขึ้น
  • Not Synced
    ฉะนั้นส่วนใหญ่พื้นฐานที่เรามีคือจิตที่มันฟุ้ง
  • Not Synced
    ฉะนั้นเราไม่ค่อยมีสมาธิ
  • Not Synced
    เราต้องไปฝึก
  • Not Synced
    ทำรูปแบบของเรานี่
  • Not Synced
    ฝึกให้มีสติเหมือนที่พระอาจารย์เล่าให้ฟัง
  • Not Synced
    เราฝึกแล้วมีสติอยู่กับกรรมฐานบ่อยๆ
  • Not Synced
    อยู่กับร่างกายบ่อยๆ
  • Not Synced
    อยู่กับจิตใจบ่อยๆ
  • Not Synced
    ถ้าสมมติตอนที่เราฝึก
  • Not Synced
    เราใช้จิตที่สบายๆ
  • Not Synced
    แต่ว่าเวลาเราฝึกจิต
  • Not Synced
    มันอยู่กับอารมณ์กรรมฐานตัวนี้ได้สมถะที่ใช้พักผ่อน
  • Not Synced
    เป็นอารัมมณูปนิชฌาน
  • Not Synced
    ควรจะต้องทำ
  • Not Synced
    แต่เวลาทำอย่าไปจริงจังมาก
  • Not Synced
    จริงจังมากคือการเพ่ง
  • Not Synced
    จะไม่ได้สมาธิที่ดี
  • Not Synced
    ฉะนั้นถ้าเรามีสมาธิตัวนี้
  • Not Synced
    แล้วเดี๋ยวเราค่อยพัฒนามาให้เป็นสัมมาสมาธิ
  • Not Synced
    ถ้าเราเกิดสมาธิแบบพักผ่อนนี่
  • Not Synced
    จนช่วงหนึ่งจิตเราไม่ค่อยฟุ้งซ่าน
  • Not Synced
    จิตที่ไม่ค่อยฟุ้งซ่านมันอยู่กับอารมณ์กรรมฐานได้บ่อยๆ
  • Not Synced
    ตัวนี้ได้สมาธิแบบพักผ่อนขึ้นมา
  • Not Synced
    ของเราไม่ต้องเอาสมาธิแบบเข้าฌานอะไรอย่างนั้นหรอก
  • Not Synced
    เอาสมาธิแบบพอใจมันสงบ
  • Not Synced
    พอใจมันสงบเราหัดดูสภาวะไป
  • Not Synced
    ถ้าเราเห็นจิตหลงไปได้จิตไหลไปได้
  • Not Synced
    จิตที่หลงจิตที่ไหลมันดับไป
  • Not Synced
    ก็จะเกิดจิตตั้งมั่นขึ้นมาอัตโนมัตินั่นล่ะ
  • Not Synced
    ถ้าเราฝึกของเราไปอย่างนี้
  • Not Synced
    เราก็จะเห็นเลยทั้งร่างกายทั้งจิตใจเป็นของถูกรู้ถูกดู
  • Not Synced
    ตัวนี้มันเริ่มกระบวนการทำวิปัสสนาแล้ว
  • Not Synced
    ถ้าเราเห็นร่างกายเป็นของถูกรู้ถูกดู
  • Not Synced
    ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่งจิตเป็นคนรู้
  • Not Synced
    เวทนาอยู่ส่วนหนึ่งจิตเป็นคนรู้
  • Not Synced
    สังขารความปรุงแต่ง
  • Not Synced
    ปรุงดีปรุงชั่ว
  • Not Synced
    ปรุงกุศลปรุงอกุศล
  • Not Synced
    อยู่ส่วนหนึ่งมีจิตเป็นคนรู้คนดู
  • Not Synced
    นี่เราเริ่มต้นกระบวนการทำวิปัสสนาแล้ว
  • Not Synced
    ฉะนั้นเราดูไปเลยทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม
  • Not Synced
    ทั้งรูปธรรมทั้งเวทนาทั้งตัวสังขารอย่างนี้
  • Not Synced
    ล้วนแต่เป็นของไตรลักษณ์
  • Not Synced
    เห็นมันไม่เที่ยงบ้าง
  • Not Synced
    เห็นมันถูกบีบคั้นให้หายไปบ้าง
  • Not Synced
    เห็นว่ามันไม่ใช่ตัวเราบ้าง
  • Not Synced
    เราหัดดูไปบ่อยๆ
Title:
การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Description:

more » « less
Video Language:
Thai
Duration:
01:00:01
Rattanavadee Anusornvongchai edited Thai subtitles for การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Rattanavadee Anusornvongchai edited Thai subtitles for การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Rattanavadee Anusornvongchai edited Thai subtitles for การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Rattanavadee Anusornvongchai edited Thai subtitles for การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Rattanavadee Anusornvongchai edited Thai subtitles for การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Rattanavadee Anusornvongchai edited Thai subtitles for การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Rattanavadee Anusornvongchai edited Thai subtitles for การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Rattanavadee Anusornvongchai edited Thai subtitles for การปฏิบัติธรรมไม่ยาก :: พระอาจารย์สมชาย กิตฺติญาโณ 28 ต.ค. 2567
Show all

Thai subtitles

Incomplete

Revisions Compare revisions