ต้นกำเนิดที่น่าทึ่งของการปฏิวัติระบบข้อมูลขนาดมหึมา (big data) ในวงการสาธารณสุข
-
0:01 - 0:03มีตลกเก่าแก่ เกี่ยวกับตำรวจคนหนึ่งที่กำลังเดินตรวจ
-
0:03 - 0:04ในตอนกลางดึก
-
0:04 - 0:07เขาเดินมาพบชายคนหนึ่งใต้เสาไฟฟ้าริมถนน
-
0:07 - 0:09กำลังก้มมองดูพื้นไปรอบๆ
-
0:09 - 0:11ตำรวจจึงถามเขาว่า กำลังทำอะไรอยู่
-
0:11 - 0:13ชายคนนั้นก็บอกว่า กำลังมองหากุญแจ
-
0:13 - 0:16ตำรวจจึงสละเวลามาช่วยหาด้วย
-
0:16 - 0:17โดยแบ่งพื้นที่เป็นตารางเล็กๆ
-
0:17 - 0:20แล้วมองหาอยู่สองสามนาที ก็ไม่พบกุญแจ
-
0:20 - 0:23ตำรวจจึงบอกว่า "แน่ใจหรือเปล่า ไอ้น้อง
-
0:23 - 0:25แน่ใจนะ ว่านายทำกุญแจหายตรงนี้"
-
0:25 - 0:27ชายคนนั้นตอบว่า "ไม่ ไม่ จริงๆ แล้วผมทำหาย
-
0:27 - 0:28ตรงปลายถนนอีกด้านหนึ่ง
-
0:28 - 0:34แต่แสงไฟตรงนี้สว่างกว่า"
-
0:34 - 0:36มีแนวคิดหนึ่งที่คนพูดถึงกันในปัจจุบัน
-
0:36 - 0:38เรียกว่า ข้อมูลมากมายมหึมา (big data)
-
0:38 - 0:40ซึ่งก็คือ ข้อมูลข่าวสารทั้งหมด ที่เราสร้างขึ้นมา
-
0:40 - 0:43ผ่านการโต้ตอบของเราทางอินเทอร์เน็ต
-
0:43 - 0:45ทุกๆ อย่าง จาก เฟสบุ๊ก และทวิตเตอร์
-
0:45 - 0:49ไปถึงการดาวน์โหลดเพลง ภาพยนตร์ ดูรายการ ทั้งหมดนั้น
-
0:49 - 0:51ดูรายการสดของ TED
-
0:51 - 0:54และสำหรับคนที่ทำงานกับข้อมูลมากมายมหึมานั้น
-
0:54 - 0:55เขาพูดถึงปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขา นั่นคือ
-
0:55 - 0:57เรามีข้อมูลเยอะมากเหลือเกิน
-
0:57 - 1:01ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ
เราจะจัดระเบียบข้อมูลทั้งหมดนั้นอย่างไร -
1:01 - 1:03ผมบอกคุณได้เลยว่า ในการทำงานด้านสุขภาพระดับโลกนั้น
-
1:03 - 1:06นั่นไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเรา
-
1:06 - 1:08เพราะว่าสำหรับเราแล้ว
-
1:08 - 1:11แม้ว่าแสงไฟในอินเทอร์เน็ตจะสว่างกว่า
-
1:11 - 1:13แต่ข้อมูลที่จะช่วยเราแก้ปัญหา
-
1:13 - 1:17ที่เรากำลังพยายามแก้นั้น ไม่ได้มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต
-
1:17 - 1:18เราจึงไม่รู้ว่า ตัวอย่างเช่น ขณะนี้มีคนสักกี่คน
-
1:18 - 1:21ที่กำลังได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ
-
1:21 - 1:23หรือ จากสถานการณ์ขัดแย้งต่างๆ
-
1:23 - 1:27โดยพื้นฐานจริงๆ แล้ว เราไม่รู้เลยว่า
คลินิกในโลกด้อยพัฒนา -
1:27 - 1:29คลินิกไหนบ้างที่มียาเวชภัณฑ์
-
1:29 - 1:31และคลินิกไหนไม่มี
-
1:31 - 1:34เราไม่รู้เลยว่า สายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับคลินิก
เหล่านั้นเป็นอย่างไร -
1:34 - 1:37เราไม่รู้เลย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมประหลาดใจจริงๆ
-
1:37 - 1:40เราไม่รู้ว่า มีเด็กเกิดกี่คน
-
1:40 - 1:43หรือมีเด็กอยู่กี่คนในประเทศโบลิเวีย
-
1:43 - 1:46หรือในบอสวาน่า หรือในภูฏาน
-
1:46 - 1:48เราไม่รู้ว่า เด็กตายไปกี่คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
-
1:48 - 1:49ในประเทศเหล่านั้น
-
1:49 - 1:52เราไม่รู้ถึงความต้องการของผู้สูงอายุ
หรือผู้ป่วยทางจิต -
1:52 - 1:56สำหรับปัญหาสำคัญถึงขั้นวิกฤติทั้งหมดนี้
-
1:56 - 1:59หรือในวงการที่สำคัญอย่างยิ่งยวดทั้งหลาย
ที่เราต้องการเข้าไปแก้ปัญหา -
1:59 - 2:04แท้จริงแล้ว เราไม่รู้อะไรเลย
-
2:04 - 2:06และเหตุผลส่วนหนึ่่งที่เราไม่รู้อะไรเลย
-
2:06 - 2:09ก็เพราะว่า ระบบเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร
-
2:09 - 2:12ที่เราใช้ในวงการสุขภาพระดับโลก เพื่อหาข้อมูล
-
2:12 - 2:15เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ก็คือสิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงนี้
-
2:15 - 2:17นี่เป็นเทคโนโลยีอายุเก่าแก่ราวห้าพันปี
-
2:17 - 2:18บางท่านคงเคยใช้มันมาก่อนแล้ว
-
2:18 - 2:21ตอนนี้ดูเหมือนมันกำลังจะหายไป แต่เราก็ยังคงใช้มันอยู่
-
2:21 - 2:23ใน 99 เปอร์เซ็นต์ของงานที่เราทำ
-
2:23 - 2:27นั่นคือ แบบฟอร์มกระดาษ และสิ่งที่คุณเห็นอยู่นี้
-
2:27 - 2:30ก็คือ แบบฟอร์มกระดาษในมือพยาบาล
ของกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย -
2:30 - 2:34ซึ่งกำลังเดินยํ่าไปทั่วชนบท ในอินโดนีเซีย
-
2:34 - 2:37ผมเชื่อว่าอากาศต้องร้อนอบอ้าวมากๆ
-
2:37 - 2:40เธอจะต้องไปเคาะประตูบ้านเป็นพันๆ หลัง
-
2:40 - 2:42เป็นเวลาหลายๆ สัปดาห์ หรือหลายๆ เดือน
-
2:42 - 2:44ไปเคาะประตูบ้าน และบอกว่า "ขอโทษนะคะ
-
2:44 - 2:46เรามีคำถามอยากถามคุณหน่อย
-
2:46 - 2:50คุณมีลูกหรือเปล่าคะ ลูกของคุณฉีดวัคซีนหรือยัง"
-
2:50 - 2:52เพราะว่าวิธีเดียวที่เราจะรู้ได้จริงๆ
-
2:52 - 2:55ว่าเด็กในชนบทของอินโดนีเซีย ฉีดวัคซีนแล้วกี่คน
-
2:55 - 2:57หรือกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่การค้นหาในอินเทอร์เน็ต
-
2:57 - 3:00แต่เป็นการออกไปเคาะประตูบ้าน
-
3:00 - 3:03ซึ่งบางครั้งก็หลายหมื่นหลายพันประตู
-
3:03 - 3:06บางครั้งใช้เวลาหลายๆ เดือน หรือแม้กระทั่งหลายๆ ปี
-
3:06 - 3:07เพื่อหาข้อมูลเรื่องแบบนี้
-
3:07 - 3:09รู้ไหมครับ สำมะโนประชากรของอินโดนีเซีย
-
3:09 - 3:11อาจใช้เวลาสองปีจึงจะทำเสร็จ
-
3:11 - 3:14ปัญหาของกระบวนการเหล่านี้ แน่นอนครับ
-
3:14 - 3:16มันอยู่ที่แบบฟอร์มกระดาษทั้งหมดนั่น ผมกำลังจะบอกว่า
-
3:16 - 3:18เรามีแบบฟอร์มกระดาษสำหรับทุกๆ สิ่งที่เป็นไปได้
-
3:18 - 3:21เรามีแบบฟอร์มกระดาษ สำหรับการสำรวจการฉีดวัคซีน
-
3:21 - 3:24เรามีแบบฟอร์ม เพื่อติดตามคนที่มาคลินิก
-
3:24 - 3:27เรามีแบบฟอร์ม เพื่อติดตามที่มาของยาและเวชภัณฑ์
-
3:27 - 3:30และโลหิต แบบฟอร์มต่างๆ ทั้งหมดนี้
-
3:30 - 3:31ที่ใช้สำรวจเรื่องต่างๆ กันมากมาย
-
3:31 - 3:34ล้วนมาลงเอยที่จุดสุดท้ายแบบเดียวกัน
-
3:34 - 3:36จุดสุดท้ายที่ว่า ก็คืออะไรบางอย่างที่หน้าตาแบบนี้
-
3:36 - 3:41สิ่งที่เราเห็นตรงนี้ ก็คือ ข้อมูลเต็มรถบรรทุก
-
3:41 - 3:45เป็นข้อมูลจากการสำรวจอัตราความครอบคลุม
ของการฉีดวัคซีนครั้งหนึ่ง -
3:45 - 3:47ในอำเภอเดียว ในชนบทของแซมเบีย
-
3:47 - 3:49จากเมื่อสองสามปีที่แล้ว ที่ผมเข้าไปร่วมทำอยู่ด้วย
-
3:49 - 3:52สิ่งเดียวที่ใครก็ตามพยายามค้นหา
-
3:52 - 3:55ก็คือ มีเด็กๆ แซมเบียกี่เปอร์เซนต์
ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว -
3:55 - 3:58และนี่คือข้อมูลดังกล่าว ซึ่งถูกรวบรวมไว้บนกระดาษ
ในช่วงหลายสัปดาห์ -
3:58 - 4:01จากอำเภอเดียว ซึ่งคล้ายๆ กับเขตการปกครอง
-
4:01 - 4:03ในสหรัฐอเมริกา
-
4:03 - 4:05คุณคงจินตนาการได้ว่า สำหรับทั่วทั้งประเทศแซมเบียแล้ว
-
4:05 - 4:08การหาคำตอบเพียงแค่คำถามเดียวนั่น
-
4:08 - 4:10ก็คงออกมาหน้าตาแบบนี้
-
4:10 - 4:13รถบรรทุกคันแล้วคันเล่า
-
4:13 - 4:16ที่มีกองข้อมูลกองแล้วกองเล่าอยู่เต็มคันรถ
-
4:16 - 4:18และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ
-
4:18 - 4:20นั่นเป็นแค่เพียงการเริ่มต้น
-
4:20 - 4:22เพราะเมื่อคุณรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว
-
4:22 - 4:23แน่นอนครับ ต้องมีใครบางคน
-
4:23 - 4:26คนโชคร้ายบางคน ต้องพิมพ์ข้อมูลนั้นเข้าไปในคอมพิวเตอร์
-
4:26 - 4:28จริงๆ แล้ว ตอนที่ผมเป็นนักศึกษาปริญญาเอก
-
4:28 - 4:30บางครั้งคนโชคร้ายคนนั้นก็คือผมเอง
-
4:30 - 4:33ผมบอกคุณได้เลยว่า บ่อยครั้งผมไม่ได้เอาใจใส่อย่างจริงจัง
-
4:33 - 4:35ตอนที่พิมพ์ข้อมูลนั้น ผมอาจพิมพ์ผิดพลาดไปเยอะมาก
-
4:35 - 4:38ซึ่งไม่มีใครตรวจพบได้เลย
ดังนั้นคุณภาพของข้อมูลก็ลดลง -
4:38 - 4:41แต่ท้ายที่สุดก็หวังว่าข้อมูลเหล่านั้น
จะถูกพิมพ์เข้าไปในคอมพิวเตอร์ -
4:41 - 4:43และใครบางคนก็สามารถเริ่มต้นวิเคราะห์มันได้
-
4:43 - 4:46และเมื่อพวกเขามีผลการวิเคราะห์และรายงานออกมา
-
4:46 - 4:49ก็หวังว่า คุณจะนำผลของการรวบรวมข้อมูลนั้นไปใช้
-
4:49 - 4:51เพื่อปรับปรุงการฉีดวัคซีนให้เด็กๆ ได้ดีขึ้น
-
4:51 - 4:54เพราะว่า ถ้าจะมีอะไรบางอย่างที่เลวร้าย
-
4:54 - 4:56ในวงการสาธารณสุขระดับโลกแล้ว
-
4:56 - 4:59ผมไม่รู้ว่า อะไรจะเลวร้ายไปกว่า
การยอมให้เด็กๆ บนโลกใบนี้ -
4:59 - 5:02ตายเพราะโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน
-
5:02 - 5:06โรคที่มีวัคซีนป้องกันได้ในราคาดอลลาร์เดียว
-
5:06 - 5:09แต่เด็กเป็นล้านๆ คนกลับต้องตายด้วยโรคพวกนั้นทุกๆ ปี
-
5:09 - 5:12และที่จริง จำนวนเป็นล้านๆ นั้น
ก็เป็นแค่การประมาณหยาบๆ เพราะว่า -
5:12 - 5:15เราไม่ได้รู้แน่ชัดจริงๆ หรอกว่า ในแต่ละปี
มีเด็กตายจากสาเหตุนี้กี่คนกันแน่ -
5:15 - 5:18แต่สิ่งที่ทำให้หงุดหงิดใจมากกว่านั้น ก็คือ
-
5:18 - 5:21ขั้นตอนการพิมพ์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์
ที่ผมเคยทำตอนเมื่อเรียนปริญญาเอกนั้น -
5:21 - 5:23บางครั้งใช้เวลาถึงหกเดือน
-
5:23 - 5:25บางครั้งก็ถึงสองปี เพื่อพิมพ์ข้อมูลนั้น
-
5:25 - 5:28เข้าไปในคอมพิวเตอร์ และบางที จริงๆ แล้วก็บ่อยนะ
-
5:28 - 5:30ข้อมูลนั้นก็ไม่ถูกพิมพ์เข้าคอมพิวเตอร์เลย
-
5:30 - 5:33ทีนี้ ลองตั้งใจคิดเรื่องนี้หนักๆ สักหนึ่งวินาที
-
5:33 - 5:35คุณมีทีมงานมากมายที่ประกอบด้วยคนหลายร้อยคน
-
5:35 - 5:37พวกเขาออกไปในพื้นที่ เพื่อหาคำตอบเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
-
5:37 - 5:40คุณอาจจ่ายเงินไปหลายแสนดอลลาร์
-
5:40 - 5:44เป็นค่าเชื้อเพลิง ค่าถ่ายเอกสาร และเบี้ยเลี้ยง
-
5:44 - 5:46แล้วด้วยเหตุผลบางอย่าง ก็ไม่มีคนผลักดันโครงการนั้นต่อ
-
5:46 - 5:47หรือเพราะเงินทุนหมด
-
5:47 - 5:50และที่ทำมาทั้งหมดก็ไม่เกิดผลอะไรเลย
-
5:50 - 5:53เพราะไม่มีใครพิมพ์ข้อมูลเข้าไปในคอมพิวเตอร์เลย
-
5:53 - 5:56กระบวนการนั้นก็ต้องหยุดไป เป็นอย่างนี้บ่อยมาก
-
5:56 - 5:59นี่ล่ะ สิ่งที่เราใช้เป็นฐานในการตัดสินใจ
เรื่องสุขภาพระดับโลก -
5:59 - 6:04เรามีข้อมูลน้อยมาก ข้อมูลเก่า หรือไม่มีข้อมูลเลย
-
6:04 - 6:06เอาละ กลับไปในปี 1995 ผมจึงเริ่มต้นคิดวิธีการ
-
6:06 - 6:08ที่เราจะสามารถปรับปรุงกระบวนการนี้ให้ดีขึ้น
-
6:08 - 6:11ในปี 1995 ซึ่งนั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว
-
6:11 - 6:14ผมตกใจเหมือนกัน เมื่อนึกถึงว่ามันนานขนาดนั้น
-
6:14 - 6:16ภาพยนตร์อันดับหนึ่งในปีนั้นคือ
-
6:16 - 6:17"Die Hard with a Vengence"
-
6:17 - 6:20คุณคงเห็นได้ชัดว่า
บรูซ วิลลิสตอนนั้นยังผมดกกว่านี้เยอะแยะ -
6:20 - 6:22ตอนนั้นผมทำงานอยู่ที่ศูนย์ควบคุมโรค
-
6:22 - 6:25และผมเองก็ยังมีผมดกกว่านี้เยอะเช่นกัน
-
6:25 - 6:28แต่ สำหรับผม สิ่งที่มีนัยสำคัญที่สุดที่ผมเห็นในปี 1995
-
6:28 - 6:30ก็คือสิ่งนี้
-
6:30 - 6:33มันยากที่เราจะจินตนาการได้ แต่ในปี 1995
-
6:33 - 6:36นี่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่ซึ่งหรูสุดๆ ในตอนนั้น
-
6:36 - 6:39ใช่ไหมครับ มันไม่ใช่ไอโฟน มันไม่ใช่โทรศัพท์กาแล็กซี่
-
6:39 - 6:40แต่มันคือ ปาล์ม ไพล็อต (Palm Pilot)
-
6:40 - 6:44และเมื่อผมเห็นปาล์ม ไพล็อตเป็นครั้งแรก
ผมก็คิดว่า -
6:44 - 6:46ทำไมเราไม่เอาแบบฟอร์มพวกนั้น
ใส่ไปในปาล์ม ไพล็อต -
6:46 - 6:49และก็ออกไปในพื้นที่
ถือไปแค่ ปาล์ม ไพล็อต ตัวเดียว -
6:49 - 6:52ซึ่งสามารถเก็บแบบฟอร์มได้หลายหมื่นหลายพันฉบับ
-
6:52 - 6:54ทำไมเราจึงไม่ลองทำแบบนั้นดู
-
6:54 - 6:57เพราะว่า ถ้าเราทำได้ ถ้าเราสามารถ
-
6:57 - 7:00เก็บข้อมูลด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ ในระบบดิจิตอล
-
7:00 - 7:01ตั้งแต่ขั้นตอนแรกได้จริงๆ
-
7:01 - 7:04เราก็สามารถข้ามขั้นตอนทั้งหมด
-
7:04 - 7:08ในการพิมพ์ข้อมูล
-
7:08 - 7:10ที่ต้องให้คนบางคนพิมพ์ข้อมูลพวกนั้น
เข้าไปในคอมพิวเตอร์ -
7:10 - 7:12เราจะสามารถข้ามไปสู่การวิเคราะห์ได้เลย
-
7:12 - 7:15แล้วก็ตรงเข้าไปสู่การใช้ข้อมูลนั้น
เพื่อช่วยชีวิตผู้คนได้อย่างแท้จริง -
7:15 - 7:17ผมจึงเริ่มลงมือทำอย่างนั้น
-
7:17 - 7:21ตอนทำงานที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)
ผมเริ่มเดินทางไปยัง -
7:21 - 7:25โครงการต่างๆ รอบโลก
และฝึกให้พวกเขาใช้ ปาล์ม ไพล็อต -
7:25 - 7:27เพื่อรวบรวมข้อมูล แทนที่จะใช้กระดาษ
-
7:27 - 7:29ซึ่งมันก็ใช้การได้ดีเยี่ยม
-
7:29 - 7:32มันทำงานได้ดีตามที่ใครๆ คาดหมายไว้
-
7:32 - 7:34คุณรู้ไหมครับ การรวบรวมข้อมูลแบบดิจิตอล
-
7:34 - 7:36จริงๆ แล้วมีประสิทธิภาพมากกว่า
การรวบรวมไว้บนกระดาษ -
7:36 - 7:39ในระหว่างที่ผมทำงานอยู่นั้น
หุ้นส่วนธุรกิจของผม คุณโรส -
7:39 - 7:42ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ชมที่นี่ด้วย
พร้อมกับสามีของเธอ คุณแมททิว -
7:42 - 7:45คุณโรสออกไปทำโครงการคล้ายกันนี้ ให้กับกาชาดอเมริกา
-
7:45 - 7:47ปัญหาก็คือ สองสามปีหลังจากที่ทำแบบนั้น
-
7:47 - 7:50ผมก็ตระหนักขึ้นมาว่า ผมไปอบรมให้เจ้าหน้าที่มาแล้ว
-
7:50 - 7:52หก หรือ เจ็ดโครงการ และผมก็คิดว่า
-
7:52 - 7:55ถ้าผมยังทำแบบนี้ต่อไป ในอัตราความเร็วขนาดนี้
-
7:55 - 7:56ตลอดอายุการทำงานทั้งหมดของผม
-
7:56 - 7:59ผมอาจจะอบรมคนได้ถึง 20 หรือ 30 โครงการ
-
7:59 - 8:02แต่ปัญหาคือ 20 หรือ 30 โครงการ
-
8:02 - 8:05คือ การฝึกคนใน 20 หรือ 30 โครงการให้ใช้เทคโนโลยีนี้
-
8:05 - 8:07เป็นแค่หยดนํํ้าเล็กๆ หนึ่งหยดในถัง
-
8:07 - 8:11ความต้องการในเรื่องนี้ ความจำเป็นที่ต้องมีข้อมูล
เพื่อปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้น -
8:11 - 8:14แค่เพียงในเรื่องสุขภาพเท่านั้น
ยังไม่ต้องกล่าวถึงวงการอื่่นใด -
8:14 - 8:16ในประเทศด้อยพัฒนานั้น มีมากมายเหลือคณา
-
8:16 - 8:20มีหลายต่อหลายล้านโครงการ
-
8:20 - 8:22หลายๆ ล้านคลินิกที่ต้องการติดตามเรื่องยา
-
8:22 - 8:24โครงการฉีดวัคซีนล้านๆ โครงการ
-
8:24 - 8:26ยังมีโรงเรียนที่ต้องติดตามการเข้าเรียนของนักเรียน
-
8:26 - 8:28ยังมีโครงการต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมด
-
8:28 - 8:30ที่รอให้เราเก็บข้อมูลที่เราต้องการ
-
8:30 - 8:34ผมเลยตระหนักว่า ถ้าผมยังคงทำวิธีเดิมที่ทำอยู่นั้น
-
8:34 - 8:38ผมคงไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงจังเลย
-
8:38 - 8:39จนกระทั่งผมเกษียณ
-
8:39 - 8:42ดังนั้นผมจึงเริ่มคิดอย่างหนัก
-
8:42 - 8:43พยายามคิด
-
8:43 - 8:44ว่ากระบวนการที่ผมกำลังทำอยู่เป็นอย่างไร
-
8:44 - 8:47ผมสอนชาวบ้านเขาอย่างไร
อะไรทำให้เกิดความล่าช้า -
8:47 - 8:50และอะไรเป็นอุปสรรคของการที่จะทำให้เร็วยิ่งขึ้น
-
8:50 - 8:51และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
-
8:51 - 8:55แต่โชคไม่ดีครับ หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ระยะหนึ่ง
-
8:55 - 8:58ผมก็ตระหนักว่า ผมรู้แล้วว่าอุปสรรคสำคัญคืออะไร
-
8:58 - 9:00ปรากฏว่า อุปสรรคสำคัญ
-
9:00 - 9:02ซึ่งผมพบว่าเป็นความจริงที่น่าเศร้า
-
9:02 - 9:04เพราะอุปสรรคสำคัญก็คือ ตัวผมเอง
-
9:04 - 9:06ผมหมายความว่าอย่างไรหรือครับ
-
9:06 - 9:09ผมได้พัฒนากระบวนการหนึ่งขึ้น
-
9:09 - 9:14โดยมีผมเป็นศูนย์กลางจักรวาลของเทคโนโลยีนี้
-
9:14 - 9:17ถ้าคุณต้องการใช้เทคโนโลยีนี้ คุณก็ต้องมาติดต่อผม
-
9:17 - 9:19นั่นหมายความว่า คุณต้องรู้ว่าผมมีตัวตนอยู่นะ
-
9:19 - 9:20แล้วคุณก็ต้องหาเงินมาเพื่อจ่ายให้ผม
-
9:20 - 9:22บินไปประเทศของคุณ
-
9:22 - 9:24และจ่ายค่าโรงแรมให้ผม
-
9:24 - 9:26และจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าจ้างรายวันของผม
-
9:26 - 9:29ซึ่งนั่นอาจเป็นเงินราวๆ 10,000 หรือ 20,000
หรือ 30,000 ดอลลาร์ -
9:29 - 9:32ถ้าหากว่าผมมีเวลา หรือจัดลงตารางเวลาของผมได้
-
9:32 - 9:34และผมไม่ได้อยู่ในช่วงพักร้อน
-
9:34 - 9:37ประเด็นก็คือ อะไรหรือระบบใดก็ตาม
-
9:37 - 9:40ที่ขึ้นอยู่กับคนเพียงคนเดียว
หรือสอง หรือสาม หรือห้าคน -
9:40 - 9:41ย่อมไม่อาจขยายออกไปได้ในวงกว้าง
-
9:41 - 9:43แต่นี่คือปัญหาที่เราจำเป็นต้องขยายเทคโนโลยีนี้
-
9:43 - 9:46และเราต้องรีบขยายมันออกไปในวงกว้างเดี๋ยวนี้
-
9:46 - 9:48ผมจึงเริ่มต้นคิดวิธีที่ผมจะสามารถ
-
9:48 - 9:51เอาตัวผมเองออกจากภาพนั้นให้ได้
-
9:51 - 9:55คุณรู้ไหมครับ ตอนนั้นผมคิดว่า
-
9:55 - 9:57ทำอย่างไรผมจึงจะเอาตัวเองออกจากภาพนั้นได้
-
9:57 - 9:59ใช้เวลานานสมควรทีเดียว
-
9:59 - 10:01เพราะผมถูกฝึกมาในแบบที่ว่า
-
10:01 - 10:04เราเผยแพร่เทคโนโลยีในโครงการพัฒนาระหว่างประเทศ
-
10:04 - 10:06โดยอาศัยบริษัทที่ปรึกษาเป็นหลักมาโดยตลอด
-
10:06 - 10:09โดยทุกครั้งก็จะมีคนที่ดูเหมือนๆ กับผม
-
10:09 - 10:11ที่บินจากประเทศพัฒนาแล้วแบบประเทศนี้
-
10:11 - 10:15ไปยังประเทศอื่นๆ ที่ผู้คนมีสีผิวเข้มกว่านี้
-
10:15 - 10:17คุณไปที่นั่น แล้วก็ต้องใช้จ่ายเงินเป็นค่าเครื่องบิน
-
10:17 - 10:21และใช้เวลา จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง
-
10:21 - 10:23ค่าโรงแรม คุณต้องจ่ายเงินไปในเรื่องแบบนั้น
-
10:23 - 10:24เท่าที่ผมทราบนะครับ นั่นเป็นวิธีการแบบเดียว
-
10:24 - 10:28ที่คุณจะเผยแพร่เทคโนโลยีได้
และผมก็คิดวิธีการอื่นนอกจากนี้ไม่ได้ -
10:28 - 10:30แต่แล้วก็สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น
-
10:30 - 10:33ผมจะเรียกมันสั้นๆ ว่า ฮ็อตเมล์
-
10:33 - 10:35เอาละ คุณอาจจะไม่คิดว่า ฮ็อตเมล์เป็นสิ่งมหัศจรรย์
-
10:35 - 10:38แต่สำหรับผมแล้ว มันมหัศจรรย์ เพราะผมได้สังเกตุเห็นว่า
-
10:38 - 10:41ตอนที่ผมกำลังปลุกปลํ้ากับปัญหานี้อยู่
-
10:41 - 10:44ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานอยู่ทางตอนใต้ของ
ทะเลทรายซาฮาราในอาฟริกา -
10:44 - 10:47ผมสังเกตุเห็นว่า เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพที่นั่นทุกคน
-
10:47 - 10:51ที่ผมทำงานอยู่ด้วยนั้น ใช้ฮ็อตเมล์ในการติดต่อกัน
-
10:51 - 10:53ผมก็เลยคิด คือมันทำให้ผมฉุกคิดขึ้นได้ว่า
-
10:53 - 10:56ประเดี๋ยวนะ ผมมั่นใจว่าคนของฮ็อตเมล์
-
10:56 - 10:58ไม่เคยบินที่ไปกระทรวงสาธารณสุข
ของประเทศเคนย่า -
10:58 - 11:01เพื่อไปฝึกผู้คนให้รู้จักวิธีการใช้ฮ็อตเมล์แน่ๆ
-
11:01 - 11:04แปลว่า คนเหล่านี้เผยแพร่เทคโนโลยีกันเอง
-
11:04 - 11:06พวกเขาเรียนรู้การใช้ซอฟต์แวร์จากที่ไหนสักแห่ง
-
11:06 - 11:08แต่พวกเขาไม่เคยต้องบินไปรอบโลกเลย
-
11:08 - 11:09ผมต้องขบคิดเรื่องนี้อยู่อีกสักพักหนึ่ง
-
11:09 - 11:11ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น ผู้คนก็เริ่มต้นใช้
-
11:11 - 11:15เครื่องมือคล้ายๆ อย่างนี้เพิ่มมากขึ้น
เหมือนอย่างที่พวกเราก็เป็นกัน -
11:15 - 11:16พวกเขาเริ่มใช้ Linkedln และ Flickr
-
11:16 - 11:19จีเมล์ และแผนที่กูเกิล ของประเภทนี้
-
11:19 - 11:21แน่นอนครับ ทั้งหมดนี้เป็นการใช้งานบนอินเตอร์เน็ต
-
11:21 - 11:23และไม่จำเป็นต้องมีการฝึกแต่อย่างใด
-
11:23 - 11:25ไม่ต้องใช้นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
-
11:25 - 11:27ไม่ต้องใช้ที่ปรึกษาใดๆ ก็เพราะว่า
-
11:27 - 11:29โมเดลธุรกิจพวกนี้ทั้งหมด
-
11:29 - 11:32ต้องการสร้างเครื่องมือที่ใช้ง่ายๆ
จนเราสามารถใช้มันได้ด้วยตัวเอง -
11:32 - 11:33โดยมีการฝึกเพียงเล็กน้อย หรือไม่ต้องมีเลย
-
11:33 - 11:36คุณเพียงแค่ได้ยินมา แล้วก็เข้าไปในเว็บไซต์
-
11:36 - 11:40ผมจึงคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราสร้างซอฟต์แวร์ขึ้นมา
-
11:40 - 11:42เพื่อทำสิ่งที่ผมเคยทำ ในการให้คำปรึกษา
-
11:42 - 11:44แทนที่จะฝึกผู้คนให้รู้วิธี
-
11:44 - 11:47เอาแบบฟอร์มไปใส่ในเครื่องมือเคลื่อนที่
-
11:47 - 11:49เรามาสร้างซอฟต์แวร์ ที่ทำให้พวกเขาทำได้ด้วยตัวเอง
-
11:49 - 11:51โดยไม่มีการฝึกอบรม
และไม่มีผมเข้าไปเกี่ยวข้องได้หรือไม่ -
11:51 - 11:53และผมก็ลงมือทำตามนั้นเลย
-
11:53 - 11:56เราจึงสร้างซอฟต์แวร์ขึ้นมา เรียกว่า แม็กไพ (Magpi)
-
11:56 - 11:58ซึ่งมีตัวสร้างแบบฟอร์มทางออนไลน์
-
11:58 - 11:59ไม่ต้องให้ใครมาคุยกับผม
-
11:59 - 12:02คุณเพียงแค่ได้ยินเรื่องนี้ และก็เข้าไปในเว็บไซต์
-
12:02 - 12:05คุณก็สามารถสร้างแบบฟอร์มขึ้นมาได้
และเมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว -
12:05 - 12:07คุณก็ส่งมันเข้าไปในโทรศัพท์มือถือทั่วๆ ไป
หลากหลายประเภท -
12:07 - 12:10เห็นได้ชัดว่า ปัจจุบันนี้ เราได้ข้ามผ่าน ปาล์ม ไพล็อต
-
12:10 - 12:11จนไปถึงโทรศัพท์มือถือแล้ว
-
12:11 - 12:12และมันไม่จำเป็นต้องเป็นสมาร์ทโฟน
-
12:12 - 12:15โทรศัพท์พื้นฐานก็ใช้ได้ เช่น โทรศัพท์ด้านขวามือนั่น
-
12:15 - 12:16โทรศัพท์แบบซิมเบียน (Symbian) ธรรมดาๆ
-
12:16 - 12:19ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายมากในประเทศด้อยพัฒนา
-
12:19 - 12:23และสิ่งที่เจ๋งมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ มันเหมือนฮ็อตเมล์
-
12:23 - 12:25มันเป็นการใช้ผ่านอินเตอร์เน็ต และไม่ต้องมีการฝึก
-
12:25 - 12:27หรือการเขียนโปรแกรม หรือที่ปรึกษา
-
12:27 - 12:29แถมยังมีผลพลอยได้อื่นๆ อีกด้วย
-
12:29 - 12:31ตอนนี้เรารู้แล้วว่า เมื่อเราสร้างระบบนี้ขึ้นมา
-
12:31 - 12:33เป้าหมายของมัน ก็เหมือนกับเรื่อง ปาล์ม ไพล็อต
-
12:33 - 12:36คือ คุณจะต้อง คุณจะสามารถ
-
12:36 - 12:39รวบรวมข้อมูล อัพโหลดข้อมูล
และได้ชุดข้อมูลของคุณออกมาในทันที -
12:39 - 12:41แต่สิ่งที่เราพบ แน่นอนครับ
เพราะว่ามันอยู่ในคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว -
12:41 - 12:45เราก็สามารถส่งแผนที่ การวิเคราะห์ กราฟ ได้เดี๋ยวนั้นเลย
-
12:45 - 12:47เราสามารถเอากระบวนการที่ใช้เวลาสองปี
-
12:47 - 12:50และย่อมันลงไปไว้ในช่วงเวลาแค่ห้านาที
-
12:50 - 12:52เป็นการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น อย่างไม่น่าเชื่อ
-
12:52 - 12:57ใช้อินเตอร์เน็ต ไม่ต้องมีการฝึก
ไม่ต้องมีที่ปรึกษา ไม่ต้องมีผม -
12:57 - 13:00และผมบอกคุณได้ว่า ในสองสามปีแรก
-
13:00 - 13:01ที่ผมพยายามทำสิ่งนี้ โดยวิธีการแบบเก่าๆ
-
13:01 - 13:03คือเดินทางไปแต่ละประเทศ
-
13:03 - 13:06เราเข้าถึงคน ผมไม่แน่ใจนะครับ
-
13:06 - 13:08เราน่าจะฝึกคนไปได้ประมาณ 1,000 คน
-
13:08 - 13:10แล้วอะไรเกิดขึ้นครับ หลังจากเราทำระบบใหม่นี้
-
13:10 - 13:12ภายในสามปีต่อมา มีคน 14,000 คน
-
13:12 - 13:15ที่พบเว็บไซต์ของเรา ลงทะเบียน
และเริ่มใช้มันเพื่อรวบรวมข้อมูล -
13:15 - 13:17เช่น ข้อมูลเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ
-
13:17 - 13:22ผู้เลี้ยงหมูชาวคานาดา
ติดตามข้อมูลโรคที่เกิดกับหมู และฝูงหมู -
13:22 - 13:24มีคนใช้ระบบนี้ติดตามผู้จำหน่ายยา
-
13:24 - 13:26ตัวอย่างหนึ่งที่เราชอบ ก็คือ IRC
-
13:26 - 13:28หรือคณะกรรมการช่วยชีวิตระหว่างประเทศ
-
13:28 - 13:31มีโครงการให้หมอตำแย ที่อ่านหนังสือออก แต่เขียนไม่ได้
-
13:31 - 13:33ใช้โทรศัพท์มือถือราคา 10 ดอลลาร์
-
13:33 - 13:35ส่งข่าวสารโดยใช้ซอฟต์แวร์ของเรา
-
13:35 - 13:38สัปดาห์ละครั้ง เกี่ยวกับจำนวนเด็กที่เกิด
-
13:38 - 13:40และจำนวนเด็กที่ตาย ซึ่งทำให้ IRC
-
13:40 - 13:43มีบางอย่างที่ไม่มีใครเคยมี ในเรื่องสุขภาพระดับโลก
-
13:43 - 13:46ได้แก่ ระบบที่ทำงานแบบทันที ในการนับจำนวนทารก
-
13:46 - 13:48ได้รู้ว่ามีเด็กเกิดมากี่คน
-
13:48 - 13:49และมีเด็กอยู่กี่คน
-
13:49 - 13:52ในประเทศซีรา ลีออน ซึ่งกำลังใช้ระบบนี้อยู่
-
13:52 - 13:55และเราก็รู้ได้ด้วยว่ามีเด็กตายไปกี่คน
-
13:55 - 13:57องค์กรแพทย์เพื่อสิทธิมนุษยชน
-
13:57 - 13:59คือ เริ่มมีการนำระบบนี้ไปใช้ในวงการอื่น
นอกจากเรื่องสุขภาพแล้วนะ -
13:59 - 14:02องค์กรนี้เขากำลังรวมตัวกัน โดยพื้นฐานก็เพื่อฝึกผู้คน
-
14:02 - 14:06ให้ตรวจเหยื่อข่มขืนในประเทศคองโก
ที่เกิดเหตุข่มขืนเยอะมาก -
14:06 - 14:07ราวกับโรคระบาดที่น่าเกลียดน่ากลัว
-
14:07 - 14:10พวกเขาใช้ซอฟต์แวร์ของเราเก็บบันทึก
-
14:10 - 14:13หลักฐานที่พบ รวมทั้งภาพถ่ายด้วย
-
14:13 - 14:17เพื่อจะได้นำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
-
14:17 - 14:20แคมเฟด (Camfed) องค์กรการกุศลอีกรายหนึ่ง
ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศอังกฤษ -
14:20 - 14:24แคมเฟดจ่ายเงินให้ครอบครัวของเด็กหญิง
เพื่อให้เด็กๆ ไปโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง -
14:24 - 14:26พวกเขารู้ว่า นี่เป็นการแทรกแซงที่สำคัญที่สุด
-
14:26 - 14:29ที่พวกเขาสามารถทำได้
พวกเขาเคยติดตามความครอบคลุมของโครงการ -
14:29 - 14:31การเข้าชั้นเรียน และผลการเรียน ด้วยแบบฟอร์มกระดาษ
-
14:31 - 14:33เวลาที่ใช้ไป ตั้งแต่ครู
-
14:33 - 14:35เขียนบันทึกคะแนนสอบ หรือการเข้าชั้นเรียน
-
14:35 - 14:37จนกระทั่งนำข้อมูลนั้นไปทำรายงานเสร็จ
ใช้เวลาราวสองถึงสามปี -
14:37 - 14:39แต่เดี๋ยวนี้ทำได้ทันที และเพราะว่านี่
-
14:39 - 14:42เป็นระบบที่ค่าใช้จ่ายตํ่ามากๆ
และทำงานบนอินเตอร์เน็ต -
14:42 - 14:46ค่าใช้จ่ายรวมทั้งห้าประเทศที่แคมเฟ็ดทำงานนี้อยู่
-
14:46 - 14:48ในการดูแลเด็กหญิงเป็นหมื่นๆ คน
-
14:48 - 14:51รวมเป็นเงินแค่ 10,000 ดอลลาร์ต่อปี
-
14:51 - 14:53ซึ่งน้อยกว่าที่ผมเคยได้รับ
-
14:53 - 14:58ตอนที่เดินทางออกไปให้คำปรึกษา
เป็นเวลาสองสัปดาห์เสียอีก -
14:58 - 15:00ดังนั้น ที่ผมบอกคุณก่อนหน้านี้ว่า
-
15:00 - 15:02เมื่อเราทำงานด้วยวิธีเก่านั้น ผมตระหนักว่า
-
15:02 - 15:05งานของเราทั้งหมดนั้น แท้จริงเมื่อรวมกันแล้ว
ก็เป็นเพียงนํ้าหยดหนึ่งในถัง -
15:05 - 15:07โครงการต่างๆ 10, 20, 30 โครงการนั่น
-
15:07 - 15:10เราได้สร้างความก้าวหน้าไปมาก แต่ผมก็ยอมรับว่า
-
15:10 - 15:12ในขณะนี้ แม้แต่งานที่เราได้ทำไปแล้ว
-
15:12 - 15:14กับผู้คน 14,000 คนที่ใช้ระบบใหม่นี้
-
15:14 - 15:17ก็ยังคงเป็นหยดนํ้าหยดเดียวในถังอยู่นั่นเอง
แต่บางสิ่งบางอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว -
15:17 - 15:18และผมคิดว่า มันน่าจะชัดเจน
-
15:18 - 15:21ว่าสิ่งที่ได้เปลี่ยนไปแล้วในปัจจุบันคือ
-
15:21 - 15:24แทนที่เราจะมีโครงการหนึ่ง
ที่ขยายออกไปได้ในอัตราที่ตํ่ามาก -
15:24 - 15:27จนเราไม่สามารถเข้าถึงผู้คนทั้งหมดที่ต้องการเรา
-
15:27 - 15:31ตอนนี้เราไม่จำเป็นเป็นต้องเดินทางไปพบพวกเขาแล้ว
-
15:31 - 15:34เราได้สร้างเครื่องมือที่ ทำให้โครงการต่างๆ
-
15:34 - 15:37สามารถทำให้เด็กยังคงไปโรงเรียน
-
15:37 - 15:40หรือติดตามจำนวนเด็กทารกที่เกิดและจำนวนเด็กที่ตาย
-
15:40 - 15:44เพื่อจับอาชญากร และนำพวกเขามาลงโทษได้สำเร็จ
-
15:44 - 15:46เพื่อทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมด เพื่อให้ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น
-
15:46 - 15:51เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อเข้าใจให้มากขึ้น
เพื่อเห็นมากยิ่งขึ้น -
15:51 - 15:55และเพื่อช่วยชีวิต และปรับปรุงชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้น
-
15:55 - 15:57ขอบคุณครับ
-
15:57 - 16:01(เสียงปรบมือ)
- Title:
- ต้นกำเนิดที่น่าทึ่งของการปฏิวัติระบบข้อมูลขนาดมหึมา (big data) ในวงการสาธารณสุข
- Speaker:
- โจเอล เซลานิกิโอ
- Description:
-
การรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพระดับโลก เคยเป็นศาสตร์ที่ไม่สมบูรณ์ คนทำงานต้องยํ่าไปทั่วทุกหมู่บ้าน เพื่อเคาะประตูบ้านและถามคำถาม เขียนคำตอบลงไปในแบบฟอร์มกระดาษ แล้วก็พิมพ์ข้อมูลเข้าไปในคอมพิวเตอร์ และประเทศทั้งหลายก็นำข้อมูลที่ตกๆ หล่นๆ นี้ ไปใช้ในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ กุนซือด้านข้อมูล โจเอล เซลานิกิโอพูดถึงการปฏิวัติระบบการรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพในทศวรรษที่ผ่านมา เริ่มต้นจาก ปาล์ม ไพล็อต ฮ็อตเมล์ และปัจจุบันได้ก้าวสู่การใช้อินเตอร์เน็ตแล้ว (ถ่ายทำที่ TEDxAustin)
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 16:18
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for The surprising seeds of a big-data revolution in healthcare | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for The surprising seeds of a big-data revolution in healthcare | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The surprising seeds of a big-data revolution in healthcare | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for The surprising seeds of a big-data revolution in healthcare | ||
Thipnapa Huansuriya accepted Thai subtitles for The surprising seeds of a big-data revolution in healthcare | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The surprising seeds of a big-data revolution in healthcare | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The surprising seeds of a big-data revolution in healthcare | ||
Thipnapa Huansuriya edited Thai subtitles for The surprising seeds of a big-data revolution in healthcare |
Kelwalin Dhanasarnsombut
well done ka. both of you :)