Return to Video

ปริศนาสะพานเคอนิกส์แบร์กพลิกโฉมโลกคณิตศาสตร์ได้อย่างไร - แดน แวน เดอ วีเรน (Dan Van der Vieren)

  • 0:09 - 0:14
    คุณคงลำบากแน่ หากจะมองหา
    เคอนิกส์แบร์กบนแผนที่ยุคใหม่
  • 0:14 - 0:17
    แต่จุดหนึ่งที่น่าสนใจ
    ในภูมิศาสตร์ของมัน
  • 0:17 - 0:22
    ได้ทำให้มันเป็นหนึ่งในเมืองที่มี
    ชื่อเสียงที่สุดในโลกคณิตศาสตร์
  • 0:22 - 0:26
    เมืองเยอรมันยุคกลาง
    ตั้งอยู่บนสองฝั่งแม่น้ำพรีเกิล
  • 0:26 - 0:29
    ณ ใจกลางมีเกาะขนาดใหญ่
    สองเกาะ
  • 0:29 - 0:33
    เกาะทั้งสองนี้เชื่อมต่อถึงกัน
    และยังเชื่อมต่อกับฝั่งแม่น้ำ
  • 0:33 - 0:36
    ด้วยสะพานทั้งเจ็ด
  • 0:36 - 0:41
    นักคณิตศาสตร์ คาร์ล ก็อตลีบพ์ อีเลอ
    ผู้ต่อมาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองใกล้ ๆ
  • 0:41 - 0:44
    หมกมุ่นอยู่กับเกาะและสะพานเหล่านี้
  • 0:44 - 0:47
    เขาคิดย้อนทวนถึงปัญหาอยู่ข้อเดียว
  • 0:47 - 0:51
    ต้องใช้เส้นทางไหนดีจึงจะ
    ข้ามสะพานได้ครบทั้งเจ็ด
  • 0:51 - 0:55
    โดยที่ไม่ข้ามซ้ำสะพานเดิม
  • 0:55 - 0:57
    ลองหยุดคิดกันดูสักครู่
  • 0:57 - 0:58
    7
  • 0:58 - 0:59
    6
  • 0:59 - 1:00
    5
  • 1:00 - 1:01
    4
  • 1:01 - 1:02
    3
  • 1:02 - 1:03
    2
  • 1:03 - 1:04
    1
  • 1:04 - 1:05
    ยอมแพ้แล้วหรือ
  • 1:05 - 1:06
    ก็น่าอยู่หรอก
  • 1:06 - 1:08
    เพราะมันเป็นไปไม่ได้
  • 1:08 - 1:13
    แต่ความเพียรอธิบายสาเหตุ ทำให้
    นักคณิตศาสตร์คนดัง ลีออนฮาร์ด ออยเลอร์
  • 1:13 - 1:16
    สรรค์สร้างคณิตศาสตร์สาขาใหม่
  • 1:16 - 1:19
    คาร์ลเขียนจดหมายถึงออยเลอร์
    ให้ช่วยไขปริศนา
  • 1:19 - 1:23
    ครั้งแรกออยเลอร์ละเลยคำถามนี้
    เพราะไม่ใช่เรื่องของคณิตศาสตร์
  • 1:23 - 1:25
    แต่ยิ่งเขาครุ่นคิดถึงมันมากเท่าไร
  • 1:25 - 1:29
    ก็ยิ่งดูเหมือนว่ามีอะไรสักอย่างอยู่ดี
  • 1:29 - 1:33
    คำตอบที่เขาค้นพบ
    เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรขาคณิตชนิดหนึ่ง
  • 1:33 - 1:38
    ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อน เขาเรียกมันว่า
    เรขาคณิตของตำแหน่ง
  • 1:38 - 1:42
    ปัจจุบันคือทฤษฎีกราฟ
  • 1:42 - 1:43
    ข้อสังเกตแรกของออยเลอร์
  • 1:43 - 1:49
    คือเส้นทางที่เลือกระหว่างการเข้าไปใน
    เกาะหรือฝั่งแม่น้ำและการออกจากที่นั่น
  • 1:49 - 1:51
    อันที่จริงแล้วไม่ได้สำคัญนัก
  • 1:51 - 1:54
    ฉะนั้นจึงสามารถลดรูปแผนที่ให้ง่ายขึ้น
    โดยให้แต่ละผืนดินจากทั้งสี่แห่ง
  • 1:54 - 1:57
    ถูกแทนที่ด้วยจุดเดียว
  • 1:57 - 1:59
    ซึ่งปัจจุบันเราเรียกว่า โนด
  • 1:59 - 2:04
    ด้วยเส้น หรือ เอ็ดจ์ เชื่อมระหว่างโนด
    เพื่อเป็นตัวแทนของสะพาน
  • 2:04 - 2:10
    และกราฟที่ง่ายขึ้นนี้ช่วยให้เรา
    นับดีกรีของแต่ละโนดได้ง่ายดาย
  • 2:10 - 2:13
    ดีกรี คือจำนวนสะพานที่แต่ละ
    ผืนดินสัมผัส
  • 2:13 - 2:15
    ทำไมดีกรีจึงสำคัญน่ะหรือ
  • 2:15 - 2:17
    ก็เพราะตามกฎของคำท้า
  • 2:17 - 2:21
    เมื่อนักเดินทางไปถึง
    ผืนดินหนึ่งด้วยสะพานหนึ่งแล้ว
  • 2:21 - 2:24
    พวกเขาต้องออกจากผืนดินนั้น
    โดยใช้สะพานอื่น
  • 2:24 - 2:28
    ซึ่งก็คือ สะพานที่เข้าและออก
    จากแต่ละโนดในเส้นทางใดก็ได้
  • 2:28 - 2:31
    แต่ต้องมีเป็นคู่ ๆ ที่แตกต่างกัน
  • 2:31 - 2:34
    หมายความว่าจำนวนสะพาน
    ที่สัมผัสแต่ละผืนดินที่เดินผ่าน
  • 2:34 - 2:36
    ต้องเป็นจำนวนคู่
  • 2:36 - 2:40
    มีเพียงข้อยกเว้นที่เป็นไปได้
    คือ ตำแหน่งของจุดเริ่มต้น
  • 2:40 - 2:42
    และจุดที่สิ้นสุดการเดิน
  • 2:42 - 2:47
    เมื่อมองไปที่กราฟ เป็นที่ชัดแจ้ง
    ว่า ทั้งสี่โนด มีดีกรีเป็นจำนวนคี่
  • 2:47 - 2:49
    ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางใด
  • 2:49 - 2:53
    เมื่อถึงจุดหนึ่ง จะต้องมีสะพาน
    สักแห่งที่ถูกข้ามซ้ำสองครั้ง
  • 2:53 - 2:58
    ออยเลอร์ได้ใช้บทพิสูจน์นี้
    สร้างทฤษฎีทั่วไปขึ้นมา
  • 2:58 - 3:02
    ซึ่งประยุกต์ใช้กับกราฟที่มี
    ตั้งแต่สองโนดขึ้นไปทั้งหมด
  • 3:02 - 3:06
    เส้นทางออยเลอร์ ซึ่งเดินผ่าน
    แต่ละเอ็ดจ์เพียงครั้งเดียว
  • 3:06 - 3:09
    มีเพียงหนึ่งในสองกรณีต่อไปนี้
    เท่านั้นที่เป็นไปได้
  • 3:09 - 3:14
    กรณีแรก คือ เมื่อมีโนดที่มีดีกรี
    จำนวนคี่อยู่สองโนดพอดี
  • 3:14 - 3:16
    หมายถึงโนดที่เหลือทั้งหมดมี
    ดีกรีจำนวนคู่
  • 3:16 - 3:20
    ในกรณีนี้ จุดเริ่มต้นคือ
    หนึ่งในสองโนดที่มีดีกรีจำนวนคี่
  • 3:20 - 3:22
    และจุดสิ้นสุดคือ
    อีกโนดที่มีดีกรีจำนวนคี่
  • 3:22 - 3:26
    กรณีที่สอง คือ เมื่อโนดทั้งหมด
    มีดีกรีเป็นจำนวนคู่
  • 3:26 - 3:31
    ในกรณีนี้ เส้นทางออยเลอร์จะ
    เริ่มต้นและสิ้นสุดในตำแหน่งเดียวกัน
  • 3:31 - 3:35
    ซึ่งทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า
    วงจรออยเลอร์
  • 3:35 - 3:38
    แล้วเราจะสร้างเส้นทางออยเลอร์
    ในเคอนิกส์แบร์กได้อย่างไร
  • 3:38 - 3:39
    มันง่ายมาก
  • 3:39 - 3:41
    แค่เอาสะพานไหนก็ได้ออก
    ไปสักหนึ่งสะพาน
  • 3:41 - 3:46
    และปรากฏว่าประวัติศาสตร์
    ได้สร้างเส้นทางออยเลอร์ของมันเอง
  • 3:46 - 3:50
    ในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพอากาศ
    โซเวียตทำลายสะพานเมืองไปสองแห่ง
  • 3:50 - 3:54
    ทำให้เส้นทางออยเลอร์
    เป็นไปได้อย่างง่ายดาย
  • 3:54 - 3:57
    ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงแล้ว นั่นอาจจะ
    ไม่ใช่ความตั้งใจของพวกเขาหรอก
  • 3:57 - 4:01
    การทิ้งระเบิดครั้งนั้นแทบจะกวาด
    เคอนิกส์แบร์กออกจากแผนที่ไปเลย
  • 4:01 - 4:05
    และได้สร้างใหม่ขึ้นในภายหลัง
    เป็นเมืองคาลินินกราดแห่งรัสเซีย
  • 4:05 - 4:09
    ดังนั้น แม้ว่าอาจไม่มีเคอนิกส์แบร์ก
    กับสะพานทั้งเจ็ดอีกต่อไปแล้ว
  • 4:09 - 4:13
    แต่จะเป็นที่จดจำไปชั่วประวัติศาสตร์
    เพียงเพราะปริศนาหนึ่งที่ดูแสนธรรมดา
  • 4:13 - 4:18
    ซึ่งนำไปสู่การกำเนิด
    คณิตศาสตร์สาขาใหม่
Title:
ปริศนาสะพานเคอนิกส์แบร์กพลิกโฉมโลกคณิตศาสตร์ได้อย่างไร - แดน แวน เดอ วีเรน (Dan Van der Vieren)
Description:

ชมบทเรียนฉบับเต็ม: http://ed.ted.com/lessons/how-the-konigsberg-bridge-problem-changed-mathematics-dan-van-der-vieren

คุณคงลำบากแน่ถ้าจะมองหาเมืองยุคกลาง เคอนิกส์แบร์ก บนแผนที่ยุคใหม่ แต่จุดหนึ่งที่น่าสนใจในภูมิศาสตร์ของมัน ได้ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่โด่งดังที่สุดแห่งวงการคณิตศาสตร์
แดน แวน เดอ วีเรน ได้อธิบายถึงความพยายามในการไขปริศนาสะพานทั้งเจ็ดแห่ง ช่วยให้นักคณิตศาสตร์ชื่อดัง ลีออนฮาร์ด ออยเลอร์ สรรค์สร้างคณิตศาสตร์สาขาใหม่ได้อย่างไร

บทเรียนโดย Dan Van der Vieren แอนิเมชันโดย Artrake Studio

more » « less
Video Language:
English
Team:
closed TED
Project:
TED-Ed
Duration:
04:39

Thai subtitles

Revisions