หุ่นยนต์ที่มีจิตใจ
-
0:01 - 0:03งานของผมคือการออกแบบ สร้าง และศึกษา
-
0:03 - 0:05หุ่นยนต์ที่โต้ตอบกับมนุษย์
-
0:05 - 0:07แต่เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับหุ่นยนต์เลย
-
0:07 - 0:09มันเริ่มจากหนังแอนิเมชัน
-
0:09 - 0:11เมื่อผมได้ดูภาพยนต์ ของพิกซาร์
เรื่อง "ลักโซ จูเนียร์" เป็นครั้งแรก -
0:11 - 0:13ผมทึ่งมากที่พวกเขาสามารถ
-
0:13 - 0:15ใส่อารมณ์มากมายให้บางสิ่งบางอย่าง
-
0:15 - 0:17ที่แสนธรรมดาอย่างโคมไฟตั้งโต๊ะ
-
0:17 - 0:19ลองดูพวกมันสิครับ ที่ตอนท้ายของภาพยนต์นี้
-
0:19 - 0:22คุณจะมีความรู้สึกต่อเฟอร์นิเจอร์สองชิ้นนี้จริงๆ
-
0:22 - 0:24(เสียงหัวเราะ)
-
0:24 - 0:26ผมจึงตั้งใจว่า ผมจะต้องเรียนรู้ที่จะทำแบบนั้นให้ได้
-
0:26 - 0:29ผมจึงตัดสินใจพลาด ในการเลือกสายอาชีพ
-
0:29 - 0:32แม่ผมเป็นแบบนั้นเลย ตอนที่ผมตัดสินใจผิดครั้งนั้น
-
0:32 - 0:34(เสียงหัวเราะ)
-
0:34 - 0:36ผมทิ้งงานด้านไอที ในบริษัทซอฟท์แวร์แห่งหนึ่ง
-
0:36 - 0:38ที่แสนสบายในอิสราเอล และย้ายไปนิวยอร์ค
-
0:38 - 0:39เพื่อศึกษาด้านแอนิเมชัน
-
0:39 - 0:41ผมอาศัย อยู่ในอพาร์ตเมนต์
-
0:41 - 0:44สภาพใกล้ถล่ม ในย่านฮาร์เลม
กับเพื่อนร่วมห้องของผม -
0:44 - 0:45ผมไม่ได้พูดเปรียบเปรยนะครับ
-
0:45 - 0:47วันหนึ่ง เพดานห้องก็ถล่มลงมาจริงๆ
-
0:47 - 0:48ตรงห้องนั่งเล่น
-
0:48 - 0:51เมื่อใดก็ตาม ที่นักข่าวจะทำข่าว
เกี่ยวกับอาคารที่ผิดเทศบัญญัติในนิวยอร์ค -
0:51 - 0:53พวกเขาจะต้องมาทำข่าวหน้าอพาร์ตเมนต์เรา
-
0:53 - 0:57คล้ายกับว่าเป็นฉากหลัง
เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันเลวร้ายแค่ไหน -
0:57 - 0:59อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันผมก็ไปเรียน ส่วนกลางคืน
-
0:59 - 1:02ผมจะนั่งวาดภาพแอนิเมชันด้วยดินสอ ทีละเฟรม
-
1:02 - 1:05และผมก็ได้บทเรียนที่น่าประหลาดใจสองอย่าง
-
1:05 - 1:07บทเรียนแรกคือ
-
1:07 - 1:09ถ้าคุณอยากสร้างอารมณ์ความรู้สึก
-
1:09 - 1:11มันไม่จำเป็นว่าสิ่งนั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
-
1:11 - 1:13ทุกอย่างอยู่ที่การเคลื่อนไหว และจังหวะ
-
1:13 - 1:15การเคลื่อนไหวของสิ่งนั้น
-
1:15 - 1:18บทเรียนที่สอง คือบางอย่างที่ครูของเราสอนเรา
-
1:18 - 1:20เขาเป็นคนสร้างตัววีเซล ในเรื่อง ไอซ์เอจ
-
1:20 - 1:22เขากล่าวว่า
-
1:22 - 1:25"ในฐานะแอนิเมเตอร์ คุณไม่ใช่ผู้กำกับ คุณคือนักแสดง"
-
1:25 - 1:28ดังนั้น ถ้าคุณต้องการหาการเคลื่อนไหว
ที่เหมาะสมให้กับตัวละครสักตัว -
1:28 - 1:30อย่ามัวแต่คิด จงใช้ร่างกายคุณเพื่อค้นหามัน
-
1:30 - 1:32ยืนหน้ากระจก แล้วลองทำท่าทาง
-
1:32 - 1:34ต่อหน้ากล้อง อย่างที่คุณอยากทำ
-
1:34 - 1:36แล้วเอาการเคลื่อนไหวนั้น มาใส่ในตัวละครของคุณ
-
1:36 - 1:39หนึ่งปีหลังจากนั้น ผมก็มาอยู่ที่ MIT
-
1:39 - 1:41ในกลุ่มวิจัย ชิวิตหุ่นยนต์ (robotic life group)
เราเป็นกลุ่มแรกๆ -
1:41 - 1:43ที่วิจัยความสัมพันธ์ระหว่างคนและหุ่นยนต์
-
1:43 - 1:45และผมยังมีฝันที่ยังต้องไปให้ถึง
-
1:45 - 1:48นั่นคือ โคมไฟ ลักโซจูเนียร์ ของจริง
-
1:48 - 1:50แต่ผมก็พบว่า หุ่นยนต์นั้นไม่ได้เคลื่อนไหว
-
1:50 - 1:51ในแบบที่น่าสนใจ ที่ผมคุ้นเคย
-
1:51 - 1:53เมื่อตอนผมเรียนแอนิเมชัน
-
1:53 - 1:55ในทางตรงข้าม พวกมันกลับ --
-
1:55 - 1:57ผมจะพูดยังไงดี พวกมันทำตัวเหมือนหุ่นยนต์น่ะครับ
-
1:57 - 1:59(เสียงหัวเราะ)
-
1:59 - 2:03และผมก็คิดว่า ถ้าผมเอาสิ่งที่ได้เรียนมาจาก
โรงเรียนสอนแอนิเมชัน -
2:03 - 2:05แล้วใช้มัน เพื่อออกแบบหุ่นยนต์โคมไฟของผมล่ะ
-
2:05 - 2:08ผมจึงเริ่มออกแบบมันทีละเฟรม
-
2:08 - 2:09เพื่อจะสร้างหุ่นยนต์ตัวนี้
-
2:09 - 2:12อย่างอ่อนช้อยและให้ความรู้สึกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
-
2:12 - 2:14และนี่ คุณจะเห็นเจ้าหุ่นยนต์ กำลังโต้ตอบกับผม
-
2:14 - 2:16บนโต๊ะทำงาน
-
2:16 - 2:18และผมกำลังออกแบบหุ่นยนต์ตัวใหม่อยู่
-
2:18 - 2:20โดยที่ตัวมันเอง ไม่รู้ว่า
-
2:20 - 2:22มันกำลังขุดหลุมฝังตัวเอง โดยการช่วยผม
-
2:22 - 2:24(เสียงหัวเราะ)
-
2:24 - 2:26ผมอยากให้มัน ไม่ดูเป็นเครื่องมือกลไกสำหรับส่องแสง
-
2:26 - 2:28เท่าไหร่นัก
-
2:28 - 2:31แต่อยากให้มันดูเหมือนผู้ช่วย ที่คอยช่วยเหลืออยู่เงียบๆ
-
2:31 - 2:34ผู้ซึ่งพร้อมอยู่ตลอดเมื่อคุณต้องการ
และไม่เกะกะคุณ -
2:34 - 2:36ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผมมองหาแบตเตอรี
-
2:36 - 2:37ที่ผมหาไม่เจอ
-
2:37 - 2:42ด้วยวิธีแยบยล มันช่วยให้ผมหาแบตเตอรีพบ
-
2:42 - 2:44คุณจะเห็นว่าตอนนี้ผมเริ่มสับสน
-
2:44 - 2:49ผมไม่ใช่นักแสดง
-
2:49 - 2:50ผมอยากให้คุณลองสังเกตว่า
-
2:50 - 2:52ด้วยโครงสร้างกลไกเดียวกัน
แต่ด้วยการเคลื่อนไหวที่แตกต่าง -
2:52 - 2:55ด้วยการเคลื่อนไหวแบบหนึ่ง
มันสามารถที่จะดูอ่อนโยนและเอาใจใส่ -
2:55 - 2:58และในอีกแบบหนึ่ง
ก็สามารถดูเกรี้ยวกราดและชอบเผชิญหน้า -
2:58 - 3:02มันคือโครงสร้างเดียวกัน
แค่เคลื่อนไหวต่างกันเท่านั้นเอง -
3:07 - 3:13นักแสดง: "แกออยากรู้อะไรไหม หือ
แกอยากรู้อะไรไหม -
3:13 - 3:14เขาตายแล้ว!
-
3:14 - 3:18นอนตายอยู่ตรงนั้น ตาค้างเลย!"
-
3:18 - 3:19(เสียงหัวเราะ)
-
3:19 - 3:23แต่การเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนนั้น เป็นแค่
สิ่งพื้นฐานสิ่งหนึ่ง ในโครงสร้างใหญ่ -
3:23 - 3:24ที่เรียกว่า ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์
-
3:24 - 3:26ตอนนั้นผมกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่
-
3:26 - 3:28ผมศึกษาเรื่อง การร่วมมือกันระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์
-
3:28 - 3:30ซึ่งคือ ทีมของมนุษย์
และทีมของหุ่นยนต์ ที่ทำงานร่วมกัน -
3:30 - 3:31ผมศึกษา ด้านวิศวกรรม
-
3:31 - 3:34จิตวิทยา ปรัชญาของการทำงานเป็นทีม
-
3:34 - 3:36และในขณะเดียวกัน ผมพบว่าตัวเองนั้น
-
3:36 - 3:37ก็กำลังอยู่ในรูปแบบหนึ่งของการทำงานเป็นทีม
-
3:37 - 3:40กับเพื่อนรักของผมคนหนึ่ง ซึ่งก็อยู่ที่นี่ด้วย
-
3:40 - 3:42และเมื่อเราทำงานเป็นทีม
มันง่ายมากที่เราจะจินตนาการ -
3:42 - 3:44ถึงหุ่นยนต์ที่จะอยู่กับเราในอนาคตอันใกล้ได้
-
3:44 - 3:46ตอนนั้นเป็นช่วงหลังพิธีกรรมทางศาสนา
ของชาวยิว (Passover seder) -
3:46 - 3:48เรากำลังเก็บเก้าอี้พับจำนวนมาก
-
3:48 - 3:51และผมก็ต้องประหลาดใจ ว่าเราค้นพบจังหวะ
ของเราเอง ได้รวดเร็วแค่ไหน -
3:51 - 3:53ทุกคนทำงานส่วนของตัวเอง
-
3:53 - 3:54เราไม่ต้องแบ่งหน้าที่กัน
-
3:54 - 3:56เราไม่ต้องสื่อสารกันด้วยคำพูดออกมา
-
3:56 - 3:58มันเกิดขึ้นเอง
-
3:58 - 3:59ผมจึงคิดว่า
-
3:59 - 4:01มนุษย์กับหุ่นยนต์ไม่เห็นทำงานร่วมกันได้แบบนี้เลย
-
4:01 - 4:02เมื่อมนุษย์และหุ่นยนต์มีปฏิสัมพันธ์
-
4:02 - 4:03มันเหมือนกับการเล่นหมากรุก
-
4:03 - 4:05หากมนุษย์ทำอะไรบางอย่าง
-
4:05 - 4:07หุ่นยนต์ก็จะวิเคราะห์สิ่งที่มนุษย์ทำ
-
4:07 - 4:08จากนั้นหุ่นยนต์ก็ตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อ
-
4:08 - 4:09วางแผนและลงมือทำ
-
4:09 - 4:11จากนั้น มนุษย์ก็จะรอ
จนกว่าจะถึงตาเดินของเขาอีกครั้ง -
4:11 - 4:13มันจึงเหมือนการเล่นหมากรุกเสียมากกว่า
-
4:13 - 4:15และมันก็สมเหตุสมผล เพราะหมากรุกนั้นเหมาะ
-
4:15 - 4:16กับนักคณิตศาสตร์ และนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
-
4:16 - 4:19มันเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูล
-
4:19 - 4:22การวางแผนและตัดสินใจ
-
4:22 - 4:25แต่ผมอยากให้หุ่นยนต์ของผม
ไม่เหมือนกับนักเล่นหมากรุก -
4:25 - 4:27แต่เป็นเหมือนคนที่ชอบลงมือทำ
-
4:27 - 4:29ที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว
-
4:29 - 4:33ดังนั้นผมจึงเลือกอาชีพที่ผิดอีก เป็นครั้งที่สอง
-
4:33 - 4:35นั่นคือ ผมตัดสินใจเรียนการแสดง เป็นเวลาหนึ่งเทอม
-
4:35 - 4:38ผมพักเรื่องปริญญาเอกไว้ แล้วไปเรียนวิชาการแสดง
-
4:38 - 4:41ผมได้เล่นละครเวทีด้วย
-
4:41 - 4:43ผมหวังว่าคงไม่มีวิดีโอละครเรื่องนั้นหลุดออกมานะครับ
-
4:43 - 4:46ผมมีหนังสือทุกเล่มที่จะหาได้เกี่ยวกับการแสดง
-
4:46 - 4:48รวมถึงหนังสือจากศตวรรษที่ 19
-
4:48 - 4:49ที่ผมได้มาจากห้องสมุด
-
4:49 - 4:52และผมก็ทึ่งมาก เพราะผมเป็น
คนยืมหนังสือเล่มนั้นเป็นคนที่สอง -
4:52 - 4:55คนแรก ยืมหนังสือเล่มนี้เมื่อปี 1889 (เสียงหัวเราะ)
-
4:55 - 4:57หนังสือเล่มนี้ต้องรอถึง 100 ปี
-
4:57 - 5:00เพื่อที่จะถูกนำไปใช้ในสาขาหุ่นยนต์
-
5:00 - 5:02หนังสือเล่มนี้สอนให้นักแสดง
-
5:02 - 5:04ว่าควรเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อแต่ละมัดอย่างไร
-
5:04 - 5:07เพื่อให้เข้ากับอารมณ์แต่ละแบบ
ที่พวกเขาอยากแสดงออก -
5:07 - 5:09แต่สิ่งที่ช่วยเปิดหูเปิดตาผม ก็คือ
-
5:09 - 5:10เมื่อผมเรียนเกี่ยวกับการแสดงแบบ
เมธอด (Method Acting) -
5:10 - 5:12มันได้รับความนิยมมากในศตวรรษที่ 20
-
5:12 - 5:15ในการแสดงแบบ เมธอด คุณไม่จำเป็น
ต้องจัดกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย -
5:15 - 5:18ในทางกลับกัน คุณต้องใช้ร่างกาย
เพื่อหาการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม -
5:18 - 5:20คุณต้องใช้ความทรงจำที่ร่างกายคุณมี
-
5:20 - 5:22เพื่อสร้างอารมณ์ และ
-
5:22 - 5:24คิดโดยใช้ร่างกายของคุณ
ค้นหาการแสดงออกอย่างเหมาะสม -
5:24 - 5:26กับนักแสดงที่เข้าฉากกับคุณอย่างทันทีทันใด
-
5:26 - 5:30และผมก็ได้เรียนรู้สิ่งนี้
ขณะที่ผมกำลังอ่านเรื่องแนวโน้ม -
5:30 - 5:33ในจิตวิทยาการรู้คิด เรื่อง การรู้คิดโดยร่างกาย
(embodied cognition) -
5:33 - 5:34ซึ่งกล่าวไว้ในแนวคิดคล้ายกัน
-
5:34 - 5:36ว่าเราใช้ร่างกายของเราเพื่อคิด
-
5:36 - 5:38เราไม่เพียงแค่คิดด้วยด้วยสมอง
แล้วใช้ร่างกายของเราเพื่อเคลื่อนที่ -
5:38 - 5:41แต่ร่างกายของเราก็ส่งสัญญาณกลับไปยังสมอง
-
5:41 - 5:43และสร้างพฤติกรรมของเรา
-
5:43 - 5:44มันเหมือนกับสายฟ้าฟาด
-
5:44 - 5:46ผมกลับไปที่ห้องทำงานของผม
-
5:46 - 5:48และเขียนรายงานขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ซึ่งผมไม่เคยตีพิมพ์
-
5:48 - 5:51ชื่อว่า "วิชาการแสดงสำหรับปัญญาประดิษฐ์"
-
5:51 - 5:52และผมใช้เวลาหนึ่งเดือน
-
5:52 - 5:55เพื่อสร้างละครเวทีเรื่องแรก
-
5:55 - 5:57ที่มีคนและหุ่นยนต์เล่นละครด้วยกัน
-
5:57 - 6:00ซึ่งคุณได้ชมไปตอนต้นแล้ว ในวิดีโอที่มีนักแสดง
-
6:00 - 6:02และผมก็คิดว่า
-
6:02 - 6:05เราจะสร้างแบบจำลองของปัญญาประดิษฐ์
-
6:05 - 6:06คอมพิวเตอร์ แบบจำลองคอมพิวเตอร์
-
6:06 - 6:09ที่จะจำลองแนวคิดของการอิมโพรไวส์
-
6:09 - 6:11ของการรับความเสี่ยง และคว้าโอกาส
-
6:11 - 6:13และแม้กระทั่งยอมที่จะผิดพลาด
-
6:13 - 6:15บางทีมันอาจทำให้หุ่นยนต์เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีขึ้น
-
6:15 - 6:18ผมศึกษาแบบจำลองเหล่านี้เป็นเวลานานมาก
-
6:18 - 6:20และผมนำมันไปใช้ในหุ่นยนต์หลายตัว
-
6:20 - 6:22คุณจะเห็นได้จากตัวอย่างในช่วงแรกๆ
-
6:22 - 6:26ในหุ่นยนต์ที่พยายามจะใช้ปัญญาประดิษฐ์เชิงร่างกาย
-
6:26 - 6:29เพื่อพยายามจะเลียนแบบการเคลื่อนไหวของผม
ให้ใกล้เคียงมากที่สุด -
6:29 - 6:30เหมือนกับเป็นเกม
-
6:30 - 6:32ลองมาดูกัน
-
6:36 - 6:40คุณจะเห็นว่าเมื่อผมแกล้งมัน มันก็โดนหลอก
-
6:40 - 6:42มันคล้ายกับสิ่งที่คุณอาจจะเคยเห็นนักแสดงทำ
-
6:42 - 6:44เวลาที่พวกเขาพยายามเลียนแบบกัน
-
6:44 - 6:46เพื่อหาจังหวะที่สอดคล้องของกันและกัน
-
6:46 - 6:48จากนั้น ผมทำการทดลองอีกอันหนึ่ง
-
6:48 - 6:52ผมให้ผู้คนทั่วๆไป
ลองใช้โคมไฟหุ่นยนต์ตัวนี้ -
6:52 - 6:56และทดลองแนวคิดเรื่อง ปัญญาประดิษฐ์เชิงร่างกาย
-
6:56 - 7:01ผมใช้สมองสองแบบ สำหรับหุ่นยนต์ตัวเดียวกัน
-
7:01 - 7:02หุ่นยนต์ก็คือโคมไฟที่คุณเห็น
-
7:02 - 7:04และผมใส่สมองสองแบบเข้าไป
-
7:04 - 7:06สำหรับผู้คนครึ่งหนึ่ง
-
7:06 - 7:08ผมใช้สมองแบบธรรมดา
-
7:08 - 7:10สมองหุ่นยนต์แบบนักคำนวณ
-
7:10 - 7:12มันรอให้ถึงตาของมัน วิเคราะห์ทุกอย่าง และวางแผน
-
7:12 - 7:14เรียกง่ายๆ ว่าสมองนักคำนวณ
-
7:14 - 7:18สมองอีกส่วน เป็นส่วนนักแสดง ชอบความเสี่ยง
-
7:18 - 7:20หรือเรียกได้ว่า สมองนักผจญภัย
-
7:20 - 7:23บางที มันก็ทำโดยที่ไม่รู้ทุกอย่างที่ต้องรู้
-
7:23 - 7:25บางครั้งมันก็ทำพลาด และแก้ไข
-
7:25 - 7:27ผมให้พวกเขาทำงานที่จำเจมากๆ
-
7:27 - 7:29ที่ใช้เวลาเกือบ 20 นาที
-
7:29 - 7:30พวกเขาต้องทำงานร่วมกัน
-
7:30 - 7:33คล้ายกับการจำลองงานในโรงงาน
-
7:33 - 7:35ที่ต้องทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ กัน
-
7:35 - 7:37และผมพบว่า ผู้คนชื่นชอบ
-
7:37 - 7:39หุ่นยนต์นักผจญภัยมากกว่า
-
7:39 - 7:40พวกเขาคิดว่ามันฉลาดกว่า
-
7:40 - 7:42มุ่งมั่นต่องานมากกว่า และเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีกว่า
-
7:42 - 7:44และเสียสละต่อทีมมากกว่า
-
7:44 - 7:46พวกเขาถึงกับเรียกมันว่า 'เขา' หรือ 'เธอ'
-
7:46 - 7:49ในขณะที่คนอีกกลุ่มที่ทำงาน
กับหุ่นนักคำนวณ เรียกมันว่า 'มัน' -
7:49 - 7:52แต่ไม่มีใครเรียกมันว่า 'เขา' หรือ 'เธอ' เลย
-
7:52 - 7:53เมื่อพวกเขาพูดถึงมัน หลังจากที่ได้ร่วมงาน
-
7:53 - 7:55กับสมองนักผจญภัยแล้ว
-
7:55 - 7:59พวกเขากล่าวว่า "เมื่องานเสร็จ พวกเรา
กลายเป็นเพื่อนกัน และแตะมือกันทางจิตเลย" -
7:59 - 8:01ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไรนะครับ
-
8:01 - 8:04(เสียงหัวเราะ) คงทรมานน่าดู
-
8:04 - 8:07ขณะที่ผู้คนที่ทำงานกับสมองนักคำนวณ
-
8:07 - 8:09บอกว่ามันเป็นเหมือนผู้ช่วยที่ขี้เกียจ
-
8:09 - 8:12มันแค่ทำในสิ่งที่มันต้องทำ
แต่ไม่ทำอะไรนอกเหนือจากนั้น -
8:12 - 8:14ซึ่งก็คือเกือบทั้งหมดที่คนคาดหวังจากหุ่นยนต์
-
8:14 - 8:17ดังนั้น ผมจึงประหลาดใจมาก
ที่ผู้คนมีความคาดหวังจากหุ่นยนต์ -
8:17 - 8:22มากกว่าที่ใครๆก็ตามในสาขาหุ่นยนต์ จะคาดถึง
-
8:22 - 8:24ในแง่หนึ่ง ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว
-
8:24 - 8:27เช่นเดียวกับที่การแสดงแบบ เมธอด ได้เปลี่ยน
-
8:27 - 8:28วิธีที่ผู้คนคิดเกี่ยวกับการแสดงในศตวรรษที่ 19
-
8:28 - 8:30จากการแสดงที่ต้องคิดคำนวณ
-
8:30 - 8:32และวางแผนทุกการเคลื่อนไหว
-
8:32 - 8:35ไปเป็นการแสดงไปตามสัญชาตญาณ
และลองผิดลองถูก -
8:35 - 8:37บางทีมันอาจถึงเวลาที่หุ่นยนต์
-
8:37 - 8:40ที่จะต้องมีการปฏิวัติคล้ายๆ กัน
-
8:40 - 8:41สองสามปีให้หลัง
-
8:41 - 8:43ผมทำงานเป็นนักวิจัยที่ จอร์เจียเทค รัฐแอตแลนตา
-
8:43 - 8:45ผมได้ทำงานอยู่ในกลุ่ม
-
8:45 - 8:46ที่วิจัยเรื่องหุ่นยนต์นักดนตรี
-
8:46 - 8:49ผมคิดว่า ดนตรี คือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
-
8:49 - 8:51ที่จะศึกษาเรื่องทีมเวิร์ค การประสานงาน
-
8:51 - 8:53จังหวะ และการอิมโพรไวส์
-
8:53 - 8:55เราจังให้หุ่นต์ตัวนี้เล่น มาริมบา
-
8:55 - 8:57สำหรับคนที่ไม่รู้จัก มาริมบา
-
8:57 - 9:00ก็คือ ไซโลโฟนไม้ ขนาดมหึมา
-
9:00 - 9:03เมื่อผมศึกษาเรื่องนี้
-
9:03 - 9:06ผมค้นคว้างานวิจัยอื่นๆ
เรื่องการอิมโพรไวส์ระหว่างคนและหุ่นยต์ -
9:06 - 9:08ใช่ครับ มันมีงานศึกษาอื่นๆ ในเรื่องนั้น
-
9:08 - 9:10และพวกมันก็ดูคล้ายๆ กับเกมหมากรุก
-
9:10 - 9:11มนุษย์จะเล่น
-
9:11 - 9:14หุ่นยนต์ก็จะวิเคราะห์การเล่นนั้น
-
9:14 - 9:16และจะสร้างส่วนการเล่นของมัน
-
9:16 - 9:18นี่คือสิ่งที่นักดนตรีเรียกว่า
-
9:18 - 9:19การโต้ตอบแบบการขานเรียก และตอบรับ
-
9:19 - 9:23และมันก็เหมาะกันอย่างยิ่ง หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์
-
9:23 - 9:25แต่ผมกลับคิดว่า ถ้าผมใช้แนวคิดที่ผมใช้
-
9:25 - 9:28กับละครเวที และการศึกษาเรื่องการทำงานร่วมกัน
-
9:28 - 9:31บางทีผมอาจทำให้หุ่นยนต์เล่นดนตรีร่วมกัน
-
9:31 - 9:32เป็นวงดนตรี
-
9:32 - 9:36ทุกคนต่อเพลงจากคนอื่นๆ โดยไม่มีใครหยุดเล่นเลย
-
9:36 - 9:39ดังนั้น ผมจึงพยายามทำสิ่งเดียวกัน
แต่ครั้งนี้ ผมทดลองกับดนตรี -
9:39 - 9:40ซึ่งหุ่นยนต์นั้นจะไม่รู้ล่วงหน้า
-
9:40 - 9:41ว่ามันจะต้องเล่นอะไร
-
9:41 - 9:43มันเคลื่อนไหวร่างกายของมัน
-
9:43 - 9:45และหาจังหวะที่จะเล่นเพลง
-
9:45 - 9:47และทำในสิ่งที่ครูสอนดนตรีแจ้สของผม
สอนผมไว้เมื่อตอน 17 ปี -
9:47 - 9:49เธอสอนว่า เมื่อคุณอิมโพรไวส์
-
9:49 - 9:50บางครั้งคุณจะไม่รู้ตัวว่าเล่นอะไรอยู่
-
9:50 - 9:51แต่คุณก็เล่นไปเรื่อยๆ
-
9:51 - 9:53ดังนั้น ผมจึงพยายามสร้างหุ่นยนต์ ที่ไม่รู้จริงๆ ว่า
-
9:53 - 9:55มันกำลังเล่นอะไร แต่ก็ยังเล่นไปเรื่อยๆ
-
9:55 - 9:58ลองมาดูการแสดงที่ว่า สั้นๆ สัก 2-3 วินาที
-
9:58 - 10:01โดยหุ่นยนต์จะฟังนักดนตรีที่เป็นมนุษย์
-
10:01 - 10:02และอิมโพรไวส์
-
10:02 - 10:05จากนั้น ลองดูว่านักดนตรีที่เป็นมนุษย์
-
10:05 - 10:07โต้ตอบ และรับส่งเพลงกับหุ่นยนต์อย่างไร
-
10:07 - 10:09โดยดูจากท่าทางของมัน
-
10:09 - 10:14บางจังหวะ คุณจะประหลาดใจกับสิ่งหุ่นยนต์เล่นออกมา
-
10:14 - 11:00(เสียงเพลง)
-
11:00 - 11:05(เสียงปรบมือ)
-
11:05 - 11:07การเป็นนักดนตรี ไม่ใช่เพียงแค่เล่นโน้ตให้ถูก
-
11:07 - 11:09ไม่เช่นนั้น คงไม่มีใครอยากไปดูการแสดงดนตรีสด
-
11:09 - 11:11นักดนตรีนั้นสื่อสารด้วยร่างกายของเขา
-
11:11 - 11:13กับสมาชิกในวงคนอื่นๆ และกับผู้ชม
-
11:13 - 11:15พวกเขาใช้ร่างกาย เพื่อแสดงออกถึงดนตรี
-
11:15 - 11:18และผมก็คิดว่า ในเมื่อเรามีนักดนตรีหุ่นยนต์บนเวทีแล้ว
-
11:18 - 11:21ทำไมไม่ทำให้มันเป็นนักดนตรีเต็มตัว
-
11:21 - 11:23ผมจึงเริ่มออกแบบส่วนหัวของหุ่นยนต์
-
11:23 - 11:25ที่แสดงอารมณ์ได้
-
11:25 - 11:27ส่วนหัวนั้นไม่ได้แตะต้อง มาริมบา
-
11:27 - 11:28มันแค่แสดงออกถึงอารมณ์ของดนตรี
-
11:28 - 11:31นี่คือภาพร่างที่ผมวาดบนกระดาษเช็ดปาก
ที่บาร์แห่งหนึ่งในแอตแลนตา -
11:31 - 11:34ซึ่งตำแหน่งค่อนข้างอันตรายเพราะอยู่กึ่งกลาง
-
11:34 - 11:36ระหว่างที่ทำงาน และบ้านของผม (เสียงหัวเราะ)
-
11:36 - 11:37ผมจึงใช้เวลาโดยเฉลี่ย
-
11:37 - 11:40ประมาณวันละ 3-4 ชั่วโมงที่นั่น
-
11:40 - 11:43คิดว่านะครับ (เสียงหัวเราะ)
-
11:43 - 11:46ผมกลับไปยังเครื่องมือแอนิเมชัน
และพยายามจะคิด -
11:46 - 11:48ว่าหุ่นยนต์นักดนตรีจะหน้าตาอย่างไร
-
11:48 - 11:51และเน้นว่ามันจะเคลื่อนไหวอย่างไร
-
11:51 - 11:54เพื่อจะแสดงออกว่ามันไม่ชอบสิ่งที่นักดนตรีคนอื่นๆ เล่น
-
11:54 - 11:56และอาจแสดงออกถึงจังหวะที่มันกำลังรู้สึก
-
11:56 - 11:58ณ ขณะนั้น
-
11:58 - 12:03ปรากฏกว่าเราได้เงินสนับสนุนให้สร้างหุ่นตัวนี้
ซึ่งมันเยี่ยมมาก -
12:03 - 12:05ผมจะให้คุณได้เห็นการแสดงแบบเดียวกัน
-
12:05 - 12:07แต่ครั้งนี้หุ่นยนต์จะมีส่วนหัวที่แสดงอารมณ์ได้ด้วย
-
12:07 - 12:09และโปรดสังเกตว่า
-
12:09 - 12:11หุ่นยนต์พยายามแสดงให้เราเห็น
-
12:11 - 12:13ถึงจังหวะที่มันรับรู้ได้จากมนุษย์
-
12:13 - 12:17เรายังให้มนุษย์ได้รับรู้ว่าหุ่นยนต์
นั้นรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ -
12:17 - 12:18และกรุณาสังเกตว่ามันเปลี่ยนแปลง
การเคลื่อนไหวอย่างไร -
12:18 - 12:21ทันทีที่มันเริ่มโซโล่
-
12:21 - 12:25(เสียงเพลง)
-
12:25 - 12:28ตอนนี้มันมองมาที่ผมเพื่อให้แน่ใจว่าผมฟังอยู่
-
12:28 - 12:49(เสียงเพลง)
-
12:49 - 12:52ทีนี้ดูที่ท่อนสุดท้ายอีกครั้ง
-
12:52 - 12:55ครั้งนี้หุ่นยนต์สื่อสารด้วยร่างกายของมัน
-
12:55 - 12:57เมื่อมันกำลังสนุกกับการโซโล
-
12:57 - 12:59และเมื่อมันพร้อม
-
12:59 - 13:02ที่จะร่วมกันเล่นคอร์ดสุดท้ายกับผม
-
13:02 - 13:15(เสียงเพลง)
-
13:15 - 13:21(เสียงปรบมือ)
-
13:21 - 13:25ขอบคุณครับ ผมหวังว่าคุณคงจะเห็น
-
13:25 - 13:28ว่าชิ้นส่วนนี้ ที่ไม่ได้แตะเครื่องดนตรีเลย
-
13:28 - 13:31ได้ช่วยในการแสดงดนตรีครั้งนี้มากขนาดไหน
-
13:31 - 13:35และในจุดนี้ เราอยู่ในแอตแลนตา
ดังนั้น จึงมีแรปเปอร์บางคน -
13:35 - 13:36แวะเวียนมาเยี่ยมแลปของเราในบางครั้ง
-
13:36 - 13:39เราให้แรปเปอร์คนนี้
-
13:39 - 13:41ร้องเพลงร่วมกับหุ่นยนต์ของเรา
-
13:41 - 13:44คุณจะเห็นว่าหุ่นยนต์
-
13:44 - 13:45ตอบสนองต่อจังหวะ
-
13:45 - 13:48และโปรดสังเกตสองสิ่ง อย่างแรกคือ
อดไม่ได้เลยที่จะ -
13:48 - 13:51โยกหัวไปตามหุ่นยนต์เมื่อมันโยกหัว
-
13:50 - 13:52แม้แต่คุณเองก็ยังอยากโยกหัวตาม
เมื่อหุ่นยนต์ทำเช่นนั้น -
13:52 - 13:56และอย่างที่สอง คือแม้ว่าแรปเปอร์คนนั้น
จะสนใจแต่ไอโฟนของเขา -
13:56 - 13:59ทันทีที่หุ่นยนต์หันไปหาเขา เขาก็ต้องหันมา
-
13:59 - 14:01แม้ว่ามันแทบไม่อยู่ในสายตาเขา
-
14:01 - 14:04มันอยู่แค่หางตาของเขา
แต่มันก็มีพลังมาก -
14:04 - 14:06เหตุผลก็คือ เราไม่สามารถละเลย
-
14:06 - 14:08สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆตัวเราได้
-
14:08 - 14:09เราถูกสร้างมาแบบนั้น
-
14:09 - 14:13ดังนั้น ถ้าคุณมีปัญหากับเพื่อนของคุณ
-
14:13 - 14:15ว่าเขามัวแต่เล่นไอโฟน หรือสมาร์ทโฟนมากเกินไป
-
14:15 - 14:17คุณอาจเอาหุ่นยนต์ตัวนี้ไปไว้ใกล้ๆ
-
14:17 - 14:19เพื่อเรียกร้องความสนใจ (เสียงหัวเราะ)
-
14:19 - 14:38(เสียงเพลง)
-
14:38 - 14:45(เสียงปรบมือ)
-
14:45 - 14:47และเพื่อแนะนำหุ่นยนต์ตัวล่าสุด
-
14:47 - 14:50ที่เรากำลังสร้างอยู่นั้น
-
14:50 - 14:52มันเกิดมาจากสิ่งน่าประหลาดใจที่เราค้นพบ
-
14:52 - 14:55บางครั้ง ผู้คนก็ไม่ได้สนใจว่าหุ่นยนต์จะฉลาดแค่ไหน
-
14:55 - 14:56หรือสามารถฟัง และอิมโพรไวส์
-
14:56 - 15:01และมีปัญญาเชิงร่างกาย
เหล่านี้ที่ผมใช้เวลาหลายปีเพื่อพัฒนามัน -
15:01 - 15:04พวกเขากลับชื่นชอบที่หุ่นยนต์นั้น
สนุกไปกับเสียงเพลง (เสียงหัวเราะ) -
15:04 - 15:07และพวกเขาไม่ได้พูดว่าหุ่นยนต์นั้น
เคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลง -
15:07 - 15:08พวกเขากล่าวว่ามันกำลังสนุกกับเสียงเพลง
-
15:08 - 15:11เราจึงคิดว่า ทำไมเราไม่เอาแนวคิดนี้ล่ะ
-
15:11 - 15:14ผมจึงออกแบบเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่
-
15:14 - 15:16ครั้งนี้ มันไม่ใช่โคมไฟตั้งโต๊ะ
และเป็นแท่นลำโพง -
15:16 - 15:19มันเป็นสิ่งที่คุณเอาสมาร์ทโฟนของคุณมาเสียบ
-
15:19 - 15:21ผมจึงคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้น
-
15:21 - 15:23เมื่อแท่นลำโพงของคุณจะไม่เพียง
แค่เล่นดนตรีให้คุณฟังเท่านั้น -
15:23 - 15:26แต่มันจะสนุกไปกับเสียงเพลงด้วย (เสียงหัวเราะ)
-
15:26 - 15:27และเช่นกัน นี่คือแอนิเมชันตัวอย่าง
-
15:27 - 15:32จากการออกแบบขั้นต้น (เสียงหัวเราะ)
-
15:32 - 15:36และนี่คือหน้าตาผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จแล้ว
-
15:47 - 16:09(เพลง "Drop It Like It's Hot")
-
16:09 - 16:12มีหลายคนโยกหัว --
-
16:12 - 16:15(เสียงปรบมือ)
-
16:15 - 16:17ในที่นี้ก็มีหลายคนโยกหัวตาม
-
16:17 - 16:20เราจึงเห็นได้ว่าหุ่นยนต์นั้นมีอิทธิพลต่อผู้คน
-
16:20 - 16:23มันไม่ใช่แค่สนุกหรือแค่เกม
-
16:23 - 16:25ผมคิดว่าสาเหตุหนึ่งที่ผมสนใจมาก
-
16:25 - 16:27เกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่ใช้ร่างกายของมันเพื่อสื่อสาร
-
16:27 - 16:29และใช้ร่างกายของมันเคลื่อนไหว
-
16:29 - 16:33ผมจะบอกความลับ ที่พวกเราชาวหุ่นยนต์ เก็บซ่อนไว้
-
16:33 - 16:35นั่นคือ พวกเราทุกคนกำลังจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์
-
16:35 - 16:37ในจุดๆ หนึ่งของชีวิต
-
16:37 - 16:40ในอนาคต จะต้องมีหุ่นยนต์เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตคุณ
-
16:40 - 16:42และถ้าไม่ใช่รุ่นคุณ ก็คงเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน
-
16:42 - 16:43และผมต้องการให้หุ่นยนต์เหล่านี้
-
16:43 - 16:47คล่องแคล่วมากขึ้น เกี่ยวโยงกันมากขึ้น อ่อนโยนมากขึ้น
-
16:47 - 16:49กว่าที่มันเป็นอยู่ในทุกวันนี้
-
16:49 - 16:51และเพื่อให้เป็นเช่นนั้น ผมคิดว่า
-
16:51 - 16:52หุ่นยนต์ต้องเป็นเหมือนนักเล่นหมากรุกให้น้อยลง
-
16:52 - 16:55และเป็นเหมือนนักแสดง หรือนักดนตรีให้มากขึ้น
-
16:55 - 16:58บางทีมันควรจะเลือกเสี่ยง และอิมโพรไวส์
-
16:58 - 17:00และอาจจะสามารถคาดเดาสิ่งที่คุณกำลังจะทำได้
-
17:00 - 17:03บางที มันจำเป็นต้องทำผิดพลาด
-
17:03 - 17:04และแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้น
-
17:04 - 17:06เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็คือมนุษย์
-
17:06 - 17:09และในฐานะมนุษย์ หุ่นยนต์ที่ไม่สมบูรณ์แบบนัก
-
17:09 - 17:11อาจจะเหมาะสมสำหรับเรา
-
17:11 - 17:13ขอบคุณครับ
-
17:13 - 17:16(เสียงปรบมือ)
- Title:
- หุ่นยนต์ที่มีจิตใจ
- Speaker:
- กาย ฮอฟฟ์แมน (Guy Hoffman)
- Description:
-
หุ่นยนต์แบบไหน ที่นักสร้างหนังแอนนิเมเตอร์ นักดนตรีแจ้ส และนักพัฒนาหุ่นยนต์จะสร้างออกมา? คำตอบคือ หุ่นยนต์ที่ขี้เล่น ช่างโต้ตอบ และอยากรู้อยากเห็น กาย ฮอฟฟ์แมน แสดงวิดีโอตัวอย่างของเพื่อนผองหุ่นยนต์ที่ไม่ธรรมดาของเขา รวมถึงหุ่นยนต์นักดนตรีสองตัวที่ชอบมีส่วนร่วมกับมนุษย์ (บันทึก ณ TEDxJaffa)
- Video Language:
- English
- Team:
- closed TED
- Project:
- TEDTalks
- Duration:
- 17:38
Kelwalin Dhanasarnsombut approved Thai subtitles for Robots with "soul" | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut commented on Thai subtitles for Robots with "soul" | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Robots with "soul" | ||
Kelwalin Dhanasarnsombut edited Thai subtitles for Robots with "soul" | ||
Tisa Tontiwatkul accepted Thai subtitles for Robots with "soul" | ||
Tisa Tontiwatkul edited Thai subtitles for Robots with "soul" | ||
Tisa Tontiwatkul edited Thai subtitles for Robots with "soul" | ||
Kanawat Senanan edited Thai subtitles for Robots with "soul" |
Kelwalin Dhanasarnsombut
good to go! Thanks for your contributions; Keep translating :) - Note